Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งความรู้ COVID-19

แหล่งความรู้ COVID-19

Published by Arriya Kongchawna, 2021-07-16 15:44:28

Description: โรคโควิด-19 คืออะไร

Search

Read the Text Version

สวสั ดีคะ ยินดีตอ นรับ สูแหลง ความรู covid-19 คะ

แCหOลV่งคIDว-า1ม9รู้

โรคโอคะวไิดร-?1?9? คือ

โรคโควิด 19 คือโรค ไวรสั และโรคอุบตั ิ ขณะนโี รคโควิด-19 ติดต่อซงึ เกิดจากไวรสั ใหมน่ ไี มเ่ ปนทรี ูจ้ ัก มกี ารระบาดใหญไ่ ป โคโรนาชนิดทมี กี ารค้น เลยก่อนทจี ะมกี าร ทัว สง่ ผลกระทบแก่ ระบาดใน เมอื งอู่ฮัน หลาย ประเทศทัว พบล่าสดุ ประเทศจนี ในเดือน ธันวาคมป2019 โลก

ไวตรน ัสกมาําเจนาดิ กขไหองน

ตน ตอของไวรัสนาจะมาจากการทไี่ วรสั จากสตั วตวั กลางระบาดมาสูคน ผปู ว ยรายแรกเทา ทท่ี ราบกนั เรมิ่ มอี าการตั้ งแตวันท่ี 1 ธันวาคม และไมม ี ความเชื่อมโยงกบั ตลาดตองสงสยั ใน เมอื งอฮู ่นั ประเทศจนี แตผปู ว ยหลายรายอาจมมี าต้ังแตชวงกลางเดือนพฤศจกิ ายนหรือกอนหนาน้นั มีการเกบ็ ตวั อยางจากส่ิง แวดลอมในตลาดไปสงตรวจและพบเช้อื ไวรัสและพบมากท่สี ุดในบริเวณท่ีคา สตั วป า และสัตวเลยี้ งในฟารม ตลาดอาจเปน ตน กําเนิดของไวรสั หรอื อาจมบี ทบาทในการขยายวงของ การระบาดในระยะเร่มิ แรก

อาการขออยงผางทู ไง่ตี นิดะเชื้อเปน

อาการทเี่ หน็ ไดช ัด อาการทางผิวหนงั มีไข (ไขส งู ติดตอกนั 48 ช่วั โมง) มีผนื่ แดงลักษณะคลายตาขายหรอื เสน ใยเลก็ ๆ ไอแหง มจี ดุ เลอื ดออก ไอมีเสมหะ มผี ่ืนบวมแดงคลายโรคลมพิษ ไมม เี ร่ยี วแรง หอบเหนอื่ ย บางรายมลี กั ษณะกลุม ของตุมน้าํ คลายโรค หายใจลําบาก สุกใส เจ็บคอ เกิดอาการฉบั พลนั รวมกบั อาการมไี ข ไอ จาม ปวดหวั และระบบทางเดินหายใจอื่นๆ จมกู ไมไ ดกลิน่ สายพนั ธรุ ะลอกใหม สงตรงจากองั กฤษ ออนเพลีย

กลมุ เสี่ยงติดเชอื้ ไวรัสโควดิ -19 เดก็ เลก็ (แตอาจไมพ บอาการรุนแรงเทา ผูสูงอายุ) ผสู งู อายุ คนทม่ี ีโรคประจาํ ตัวอยูแลว เชน โรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอดเร้อื รัง คนที่ภูมิคุมกันผดิ ปกติ หรอื กินยากดภมู ิตานทานโรคอยู คนที่มีน้าํ หนกั เกนิ มาตรฐานมาก (คนอวนมาก) ผูท่เี ดนิ ทางไปในประเทศเสีย่ งตดิ เช้อื เชน จนี เกาหลใี ต ญี่ปนุ ไตหวัน ฮองกง มาเกา สงิ คโปร มาเลเซีย เวยี ดนาม อติ าลี อหิ ราน ฯลฯ ผทู ่ีตอ งทํางาน หรือรกั ษาผปู วย ติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนาสายพนั ธใุ หม หรอื โควดิ -19 อยา งใกลชิด ผูทท่ี าํ อาชีพทีต่ องพบปะชาวตา งชาตจิ าํ นวนมาก เชน คนขบั แทก็ ซ่ี เจาหนา ทใี่ นโรงพยาบาล ลูกเรอื สายการบนิ ตา ง ๆ เปน ตน

ถ้าติดอแยลา่ ง้วไครวรทํา

ขอ ปฏบิ ัติ ขณะรอรถมารับไป รพ. กกั ตวั ในหองแยกจากผอู น่ื ไมอ ยกู บั ใคร ในหองแอร หากจเปน ตองอยูหอ งกบั ใครใหเ ปด หนาตา งไวใ หอากาศถา ยเท สวมหนากากอนามัย ตลอดเวลาที่ออกมานอกหองหรอื ตอ งเขาใกลผอู ืน่ แยกของใช อุปกรณร บั ประทานอาหาร และแกวนาํ้ ไมรบั ประทานอาหารรว มกับผูอน่ื แยกขยะ แยกการใชห อ งนํา้ (ถา แยกไมได ใชเ ปนคนสุดทา ยและลา งหอ งนํ้าหลงั ใชทุกครัง้ ) ลา งมอื ดว ยสบูแ ละนํ้า หรือถกู มือดว ยเจลแอลกอฮอลเปนประจาํ โดยเฉพาะหลังขับถาย ดม่ื น้าํ สะอาดใหเ พยี งพอ รับประทานอาหารทสี่ ุด สะอาด ตามหลักโภชนาการ ทานผกั ผลไมท มี่ วี ิตามินซสี งู ทาํ จติ ใจใหส บาย ลดวิตกกังวล สั่งสนิ คา Delivery มาอยา ลมื ใสหนา กากอนามยั และลา งมอื บอ ยๆ เมอื่ ใชล ิฟต พกปากกา ไมลกู ช้นิ เปน ท่กี ดลฟิ ต ไมยืนพงิ ลิฟตห รอื สมั ผสั ลฟิ ต หากมอี าการปวย เกิดข้นึ ใหม หรืออาการเดมิ มากขึ้น เชน ไขส งู ไอมาก เหน่อื ย แนน หนาอก หอบ หายใจไมสะดวก เบ่ืออาหาร ใหต ดิ ตอสายดวน 1669 , 1668 , หรือโหลดแอปฯ EMS 1669 เพ่ือกดเรยี กรถพยาบาลกรณฉี ุกเฉนิ กรณอี ยบู านหรอื คอนโด กรุณาแจง นิติบุคคล

เตรยี มพรอม เมือ่ ตอ งไปอยู \"รพ.สนาม\" เส้อื ผา จํานวน 4-5 ชุด หรือพอดกี บั จาํ นวนทเี่ ขาพกั 14 วนั ของใชใ นกิจวตั รประจําวัน เชน สบู แชมพู โฟมลางหนา แปรงสีฟน ของใชจ าํ เปน อืน่ ๆ โดยเฉพาะผาอนามัยสาํ หรบั ผหู ญิง ยารกั ษาโรคประจาํ ตวั ขอ มูล ประวตั ิการรกั ษาจากโรงพยาบาลเดมิ (ถามี) โทรศัพทมอื ถอื สายชารจ สําหรับตดิ ตอ หอผปู วยในการสื่อสารขณะ รักษาตัว สามารถนาํ กระติกน้าํ รอ นมาเองได

หากทราบผลตรวจวาติดเชือ้ ควรทําอยา งไร 1.เตรยี มเอกสารทตี่ องใช 4.งดใกลช ดิ คนในครอบครวั 5.แยกใชห องนาํ้ (ทาํ ถา ทาํ ได) บตั รประจําตัวประชาชน 6.สวมหนา กากอนามนั ตลอดเวลา ผลตรวจโควด-19 7.แยกของใชสว นตัว 2. แจงเบอรโทรศัพทกับหนวยงานท่ที านเขา รับ การรักษา 1330 1669 1668 3.งดออกจากท่พี ักหรือเดินทางขามจังหวัด หากฝาฝนถอื วา มีความผิด พรบ.โรคตดิ ตอ พ.ศ.2558 มาตรา 34

การแพรเช้ือ ผูติดเชือ้ โคโรนาไวรสั สายพนั ธใุ หม (SARS-CoV-2) สาเหตุของโรคโควดิ -19 (COVID-19) จาํ นวนมากไมมีอาการใดๆ และสามารถฟน ตวั จนหายเองไดโดยไมจําเปนตอ งใชก ารรักษา มากเปนพเิ ศษ ทาํ ใหหลายคนสบั สนวา ในขณะทีไ่ มม ีอาการนน้ั ถือวา อยใู นระยะฟก ตวั โควิด หรือไม แลว ระยะฟก ตวั โควดิ มีระยะนานแคไ หน แพรเช้อื ไดหรือไมก นั แน ระยะฟกตัวโควิด อยูท ีป่ ระมาณ 2-14 วนั หลงั จากรบั เชือ้ อา งองิ ตามทศ่ี นู ยปอ งกันและควบคุมโรค สหรฐั อเมรกิ า (Centers for disease control and prevention: CDC) กําหนดไว

วัคซีนโควิด-19 มีก่ีชนิด อะไรบา ง วัคซีนปองกนั โรคโควิด-19 ในปจจบุ ัน มี 4 ชนิดดว ยกัน ไดแ ก 1.วัคซีนชนิดสารพันธุกรรม ไดแก เอม็ อารเ อ็นเอ (mRNA) วัคซีนกลมุ นี้ ใชเ ทคโนโลยีใหมสงั เคราะหส ารพนั ธุกรรมเอ็มอารเ อน็ เอ (messenger RNA: mRNA) ทีเ่ ฉพาะเจาะจงกับเชอ้ื ไวรสั วคั ซีนจะทําหนาท่พี า mRNA เขาเซลล และ กํากบั ใหเ ซลลผลิตสารโปรตนี สไปคข องเชื้อไวรัส ซ่ึงโปรตีนนจ้ี ะกระตุนระบบภมู คิ ุมกนั ของ รา งกายใหส รา งแอนตบิ อดีข้ึนมาตอ ตานเชื้อ วัคซีนทมี่ ใี ชใ นปจ จุบัน ไดแ ก วัคซีนของบรษิ ทั Pfizer และ Moderna จากขอ มูลในปจจบุ ันวัคซีนชนิดน้ีมปี ระสทิ ธภิ าพในการปองกนั โรคได ประมาณ 95% ปองกนั การปว ยรนุ แรงและปอ งกนั การเสียชวี ิตได 100% วัคซีนของบริษัท Pfizer ควรไดรบั การฉีด 2 เข็มเขากลา มเนอ้ื หา งกัน 3 สัปดาห สวน วคั ซนี ของบริษัท Moderna ควรได รบั การฉดี 2 เข็มเขา กลามเนอื้ หา งกัน 4 สปั ดาห

2.วัคซนี ชนดิ ใชไวรสั เปนพาหะ (Recombinant viral vector vaccine) วัคซนี กลุมนี้ใชไ วรสั ท่สี ามารถตัดแตง พันธุกรรม เชน ไวรัสอะดีโน (Adenovirus)โดยนํามาดัดแปลง พันธุกรรมใหไมส ามารถแบง ตวั ได และใสส ารพันธกุ รรมของไวรสั โรคโควิด19 ตดิ ไปดวย เมื่อนํามาฉีดไวรสั พาหะเหลานี้จะเลียนแบบการติดเชือ้ ตามธรรมชาติ โดยกระตุมภูมิคมุ กันท้ังระบบใหสรางแอนติบอดียตอ ไวรัสโรคโควดิ 19 ตามสารพันธกุ รรมทีใ่ สเขาไป อยา งไรกต็ ามแมว าจะเปน วัคซีนทีไ่ วรัสอะดีโนไมแ บงตวั แต ยงั จดั เปนไวรัสทม่ี ีชีวติ เมือ่ เขา สรู า งกาย จึงยังไมแนะนาํ ใหใ ชในผทู ม่ี ีภูมิคมุ กันบกพรองอยางมาก จนกวาจะ มีขอ มลู ทชี่ ัดเจนมากกวา นี้ ปจ จบุ ันวคั ซนี ชนดิ นที้ ่ีใชก นั แพรหลายมี 4 แบรนด ไดแก ไวรัสอะดีโนของชิมแพน ซี (Chimpanzee adenovirus) โดยบริษทั Astra Zeneca มปี ระสิทธิภาพปอ งกันอาการประมาณ 70- 80% ปองกันการเสียชวี ิตได 100%, ไวรสั อะดโี นของมนษุ ยสายพนั ธุ 5 (Human adenovirus type 5) โดย บริษัท CanSinoBio มปี ระสิทธิภาพปองกันอาการประมาณ 60%, ไวรสั อะดโี นของมนุษยสายพนั ธุ 26 (Human adenovirus type 26) โดยบริษัท Johnson and Johnson มปี ระสิทธิภาพปอ งกนั อาการ ประมาณ 64-72% และ ไวรสั อะดโี นของมนษุ ยสายพันธุ 5 และ 26 (Human adenovirus type 5 and26) โดยบรษิ ัท Gamaleya ของรัสเซยี มปี ระสิทธภิ าพปอ งกันอาการประมาณ 90%

3.วคั ซีนทีท่ าํ จากโปรตีนสว นหน่ึงของเช้อื (Protein subunit vaccine) คซนี ท่ผี ลิตโดยเทคโนโลยนี ้ี ทั่วโลกมคี วามคนุ เคยมานาน เพราะใชในการผลติ วัคซีนหลาย ชนิด เชน วัคซนี ปองกนั ไขห วดั ใหญ วคั ซนี ปองกันไวรสั ตบั อกั เสบบี เปน ตน ผลติ โดยการ สรางโปรตนี ของเช้ือไวรสั ดว ยระบบ cell culture, yeast, baculovirus เปน ตน แล วนาํ มาผสมกบั สารกระตุนภูมิ เมือ่ ฉีดเขา สรู างกายจะกระตนุ ใหรา งกายสรา งแอนตบี อดตี อ ตา นโปรตนี สไปคข องไวรัสโรคโควดิ 19 วัคซนี ที่มีใชในปจจุบันคือ วคั ซีนแบรนด Novavax ซง่ึ ผลติ จาก baculovirus และใช Matrix M เปน ตัวกระตนุ ภมู ิ มปี ระสิทธภิ าพปองกนั อาการ ประมาณ 60-90% ปองกนั การเสียชวี ติ ได 100%

4.วคั ซีนชนิดเชอ้ื ตาย (Inactivated vaccine) วัคซีนกลมุ นผ้ี ลติ โดยนําไวรสั โรคโควดิ 19 มาเลยี้ งขยายจาํ นวนมาก และนาํ มาทาํ ให เเชอื้ ตาย การฉดี วคั ซีนจะกระตุน ใหร า งกายสรางภูมคิ ุมกันตอไวรสั ทกุ สว น เสมอื นได รบั เชือ้ ไวรสั โดยตรงแตไ มท าํ ใหเกิดโรค เพราะเช้ือตายแลว เทคโนโลยนี เี้ ปนวิธที ใี่ ชกบั วัคซนี ตบั อกั เสบเอ โปลิโอชนิดฉีด จึงมคี วามคุนเคยในประสทิ ธภิ าพและความ ปลอดภยั มานาน แตเ นือ่ งจากการเพาะเล้ียงไวรสั ตอ งใชความระมดั ระวงั มาก ทําให ผลิตไดชา และมรี าคาแพง วัคซนี ท่ีมใี ชใ นปจจุบัน ไดแก วัคซนี ของบรษิ ทั Sinovac มี ประสิทธภิ าพปอ งกันอาการประมาณ 50-70% ปองกนั การเสยี ชีวิตได 100%

มาเรหียนนารกูวาธิ กีกกานัรจคัดับการ

การทราบวิธสี วมใส่ การถอดออก การทําความสะอาด และการเก็บหน้ากากอยา่ งเหมาะสม เปนเรอื งสาํ คัญอยา่ งยงิ การใช้หน้ากากไม่ถกู ต้องอาจทาํ ใหป้ ระสิทธิภาพการปองกนั ลดลง อันกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียงตอ่ การแพรเ่ ชือไวรสั

ขนั ตอน 1 ขนั ตอน 2 ลา งมือดวยสบูแ ละนํา้ อยาสมั ผสั ใบหนาขณะ หรอื ฆาเช้อื โรคทมี่ อื ดวย ที่ใชหนากาก ลางหรือฆา แอลกอฮอล กอนทีจ่ ะ เชื้อทม่ี ือทันที เม่อื คณุ เอา สวมใสห นา กาก มือ ไปสมั ผสั โดยไมไดต ัง้ ใจ ขนั ตอน 3 ขนั ตอน 4 ตรวจดใู หแ นใ จวาไดส วม คลุมทง้ั ปากและคาง อยา ใชห นา กาก อยางมดิ ชิดไมควรมีชอง รวมกบั คนอืน่ วา งบรเิ วณขอบของ หนากาก

มาถอด ถหูกนตากอ งากกอันยคาับง

ขนั ตอน 1 ลา งมอื ดว ยสบูและนํ้าหรือฆาเชื้อโรคทมี่ อื ดว ย แอลกอฮอลก อ นถอดหนากากออก ขนั ตอน 2 ขนั ตอน 3 ถอดหนา กากดว ยการดงึ ตรงสายคลอ งใบ เม่อื ถอดหนากากออกแลว ใหพับหนา กากดา น หูออกอยาดึงหนากากมาไวท ีป่ ลายคาง ในตรงที่มกี ารสมั ผัสกับรมิ ฝป ากเขาหากัน เพือ่ ปองกันไมใ หม ีการปนเปอ นขา มพน้ื ผิว ขนั ตอน 5 ขนั ตอน 4 ตองนาํ หนากากและตัวกรองท่ีใชแ ลวไปท้งิ สาํ หรับหนา กากที่ใชคร้ังเดยี วแลว ท้งิ ใหมว นหนา กากที่ ลงในถงั ขยะสีเหลอื ง ใชแลว จากนน้ั หอ ดวยกระดาษทชิ ชู แลวนาํ ไปใสใ นถุง แบบปด ผนึก

หมนาาทกําาคกวผาามกสันอคาดะ

ข้นั ตอน 1 ซักหนากากทสี่ ามารถนํากลบั มาใชซ า้ํ ของคุณ หลงั จากใชงานแลวสําหรบั หนากากทที่ ําจาก วสั ดธุ รรมชาติ เชน ผาฝา ย ใหซักดวยนํ้ารอน ขนั ตอน 2 ใชน ้าํ ยาซักผาตามปกติ ข้ันตอน 3 ตากใหแ หง สนิทในท่อี ากาศรอ น

พกพาหนากากและตัวกรองสํารอง ตดิ ตัวไปดวยและใหจ ัดเกบ็ เอาไวใน ถงุ ทป่ี ดผนึก จดั เตรยี มถงุ ทมี ีทปี ดผนกึ ไว้อีกอันหนงึ เพือไว้ เกบ็ หน้ากากและตวั กรองทใี ช้แล้ว

อยา ลมื ดแู ลตวั เองกันนะคะ ลางมอื บอ ย ๆ และฉีดแอลกอฮอร เวน ระยะหา ง 1-2 เมตร หลกี เลยี่ งไปในพน้ื ท่ีท่ีคนแออดั หรอื พนื้ ท่ี เสีย่ ง สวมใสแมสตลอดเวลาอยนู อกบา น

ขอบคุณคะ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook