ปริญญาปรชั ญาดุษฎีบัณฑติ ความสมั พันธ์ระหวา่ งปรัชญากับการวจิ ยั Doctor of Philosophy Relationship between Philosophy and Research โดย ลาวัณย์ วิจารณ์
ปรญิ ญาปรชั ญาดุษฎีบณั ฑิต ความสัมพนั ธ์ระหว่างปรัชญากับการวิจัย Doctor of Philosophy Relationship between Philosophy and Research lawan
lawan คำนำ การศึกษาระดับปริญญาเอกหลักสูตรต่างๆท้ังในประเทศและต่างประเทศนั้น ผู้ที่จบการศึกษาใน ระดับดังกล่าวจะได้รับปริญญา 2 ลักษณะหลัก คือ Doctor of Philosophy และ Doctor of (สาขาเฉพาะ) ความต่างของปริญญาที่ได้รับ ลักษณะเฉพาะท่ีควรจะเป็นของปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ตลอดจนความสัมพันธ์ เช่ือมโยงของปรัชญาและการวิจัย ประเด็นต่างๆเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นข้อสงสัยของนิสิตผู้เรียนเท่าน้ัน แต่ยัง เป็นขอ้ คาถามท่คี ณาจารย์ผู้สอน ผ้แู ทนบัณฑิต และโดยเฉพาะอย่างย่งิ อาจารย์ที่ปรึกษาของนสิ ติ มักต้ังคาถาม กระตุ้นให้เราคิดและต้องค้นหาคาตอบให้พบ ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของเป็นนิสิตระดับปริญญาเอกปรัชญาดุษฎี บณั ฑติ ...จนถึงชว่ งทา้ ยเมื่อเข้าสู่สนามสอบความรอบรู้เพ่ือจบการศึกษาในระดับนี้ ผู้เขียนเปน็ ผู้หนึ่งที่พยายาม หาคาตอบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ต้ังแต่ขณะเรียนจวบจนปัจจุบันได้จบการศึกษาเป็นปรัชญาดุษฎีบัณฑิต แล้ว และเม่ือมองย้อนหลังกลับไป ก็ค้นพบว่า...คาถามที่อาจารย์ที่ปรึกษาของเรา..เฝ้ากระตุ้นให้เราต้องคิด และต้องค้นหาคาตอบของคาถามเหลา่ น้นั ใหพ้ บ ล้วนมีความสาคญั ย่งิ ต่อผู้ที่มคี วามมงุ ม่นั ทจี่ ะเป็นปรชั ญาดุษฎี บัณฑิตอย่างแท้จริง และสามารถสาเรจ็ การศึกษาในระดับน้ีได้ตามเปา้ หมายท้ังนี้เน่ืองจากคาตอบเหล่าน้ัน จะ ช่วยให้นสิ ิตเข้าใจถึงเป้าหมายสูงสดุ ของการเป็นปรชั ญาดษุ ฎีบัณฑิต ซ่งึ จะทาให้นิสิตสามารถมองเห็นแสงสว่าง ของเส้นทางท่ีนาไปสู่การเป็นดุษฎีบัณฑิตได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังจะช่วยให้นิสิตได้เข้าใจถึงบทบาทหน้าท่ี (function) ที่ควรจะเป็นของผูท้ ีไ่ ดช้ อื่ ว่าเป็น “ ปรชั ญาดุษฎีบัณฑติ ที่แทจ้ รงิ ” การเขียนเอกสาร เร่อื งปรญิ ญำปรัชญำดุษฎีบัณฑิต...ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงปรชั ญำกับกำรวิจัยน้ีจึง เป็นองค์ความรู้ที่ผู้เขียน ได้นาประสบการณ์จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงปรัชญาสิ่งแวดล้อมและระเบียบวิธี วิจัยข้ันสูงทางสิ่งแวดล้อม จากอาจารย์ท่ีปรึกษาและเพ่ือนๆปรัชญาดุษฎีบัณฑิตหลายท่านไม่น้อยกว่า 9 ปี เพอ่ื สง่ ต่อองคค์ วามรแู้ ละขยายผลสู่...ผู้ท่ศี ึกษาในระดบั ปริญญาปรัชญาดุษฎบี ณั ฑิต ลองนาไปขบคิด และนาไป ประยุกต์ใช้ เพอ่ื นาไปสู่การเป็นปรัชญาดุษฎีบณั ฑิตที่แท้จริงในอนาคตต่อไป ในช่วงปีพ.ศ.2555-57 เอกสารฉบับนี้ใช้เป็นเอกสารท่ีใช้ประกอบการบรรยายรายวิชา ปรัชญาส่ิงแวดล้อม และรายวิชาระเบียบวิธีวิจัยข้ันสูงทางสิ่งแวดล้อม สาหรับนิสิตปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิทยาลัยส่ิงแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี พ.ศ.2558 ผู้เขียนได้ปรับปรุงเนื้อหาบางส่วน เพื่อ ใช้เป็นเอกสารประกอบการบรรยายในหัวข้อเรื่อง“การวิจัยส่ิงแวดล้อมทางการศึกษา” ซึ่งเป็นส่วนหน่ึง ของรายวิชาเทคนิคการวิจัยทางส่ิงแวดล้อมข้ันสูง สาหรับนิสิตปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์ส่ิงแวดล้อม คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปีพ.ศ.2562 เอกสารฉบับน้ีใช้เป็นเอกสารประกอบการ บรรยายรายวิชาปรัชญาเทคโนโลยีส่ิงแวดล้อมเพื่อการเกษตร และรายวิชาระเบียบวิธีวิจัยขั้นสูงทาง เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเพ่ือการเกษตร สาหรับนักศึกษาปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม การเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน รายละเอียดของเอกสารฉบับน้ี นอกจากจะช่วยให้นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาเอก สามารถค้นหาคาตอบ ให้กับข้อสงสัย 2 ประเด็นหลัก ท่ีว่างำนวิจัยระดับปริญญำเอกท่ีต้องลุ่มลึก...ต้องเป็นกำรสร้ำงสรรค์สิ่งใหม่(create)นั้นควรมีลักษณะ เป็นอย่างไรแล้ว เอกสารฉบับนี้ยังจะช่วยให้นิสิตนักศึกษาเกิดจินตนาการ และมองเห็นภาพของงานวิจัย ที่มีลักษณะเป็นการวิจัยแบบบูรณาการ (integrated research) ซึ่งเป็นส่ิงสาคัญสาหรับการทาวิจัยใน ระดับปริญญาเอก ซ่ึงผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์แก่นิสิตนักศึกษาและ ผู้สนใจ
ท้ายที่สุดน้ี ผู้เขียนขอกราบขอบพระคุณคณาจารย์ทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างย่ิง อ.ดร.โสภณ ธนะมัย ศ.ดร.เกษม จันทร์แก้ว ศ.ดร.นิพนธ์ ต้ังธรรม รศ.ดร.ชัยฤทธ์ิ โพธิสุวรรณ และคณาจารย์ท่านอ่ืนๆท่ีมิได้ เอ่ยนาม ซ่ึงเป็นผู้ที่ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ วิพากษ์งานเขียน และผลักดันให้ศิษย์ทาหน้าท่ีปรัชญำ ดุษฎีบัณฑิตที่สมบูรณ์แบบ คือ ผลักดันให้รักที่จะค้นหาปัญญาความรอบรู้ (love of wisdom) ในรูปแบบ ต่างๆ ซ่ึงการเขียนเอกสารฉบับน้ี ก็เป็นรูปแบบหน่ึงของการแสดงออกซึ่ง..กำรรักท่ีจะ..คันหำปัญญำควำม รอบรู้..อย่ำต่อเน่ือง.ไม่จบส้ิน. ลาวณั ย์ วิจารณ์ 17 กุมภาพนั ธ์ 2562 lawan
สำรบัญ หนา้ คานา 1 ความหมายของ “ปริญญาปรัชญาดุษฎบี ณั ฑติ ” 2 ปญั ญาความรอบรู้ หรือ Wisdom คืออะไร ? 3 การได้มาซงึ่ ความรู้ในทางปรัชญา 13 การวจิ ยั 13 ความสมั พนั ธ์ระหว่าง Reasoning กับ Research 15 การวิจัยแบบ Inductive approach และ Deductive approach 17 ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต.......ความสัมพนั ธ์ระหว่างปรชั ญากับการวิจยั 23 บรรณานกุ รม lawan
lawan 1 ปรญิ ญาปรชั ญาดษุ ฎบี ัณฑิต…..ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปรัชญากบั การวจิ ัย (Doctor of Philosophy Relationship between Philosophy and Research) การศึกษาขั้นสูงสุดของมหาวิทยาลัย คือ การศึกษาระดับปริญญาเอก ซ่ึงการศึกษาระดับนี้ เกือบทุกหลักสูตรในประเทศไทยจะประสาทปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Philosophy: Ph.D.) ผู้เขียนในฐานะเป็นผู้หน่ึงท่ีศึกษาและสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต เคย ถามตัวเองว่า “...เมื่อได้เป็นปรัชญาดุษฎีบัณฑิตแล้ว…จะมีความต่างจากผู้ท่ีจบปริญญาเอกที่มิใช่ ปรชั ญาดุษฎีบัณฑิตอย่างไร….และรวมถึงผู้ที่ได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต….จะต้องมีคุณลักษณะ อยา่ งไร จึงจะได้ช่ือว่าเป็นปรัชญาดุษฎีบัณฑิต หรอื Ph.D. ที่แทจ้ ริง…” ซึง่ ความเข้าใจถึงคุณลักษณะ หรือความเป็น Ph.D.ที่ชัดเจนนั้น นอกจากจะเป็นแสงสว่างนาทางเพื่อชี้นาให้ผู้ได้รับปรัชญา ดุษฎีบัณฑิตสามารถประพฤติและปฏิบัติตนตรงตามเป้าหมายของปริญญาแล้ว ความเข้าใจดังกล่าว ยังเป็นรากฐานของการค้นหาความรู้ใหม่ๆท่ีจะนาไปสู่การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาต่างๆของสังคม โดยส่วนรวมได้ จากคุณประโยชน์เหล่าน้ีจึงเป็นแรงบันดาลใจให้จัดทาเอกสารเร่ือง ”ปริญญาปรัชญา ดุษฎบี ัณฑิต ความสัมพันธ์ระหว่างปรัชญากับการวิจัย” ข้ึนเพ่ือทาความเข้าใจและค้นหาคาตอบถึง ” ความเป็น Ph.D.. หรือคณุ ลักษณะที่ควรจะเป็นของผู้ท่ีได้รับปรญิ ญาปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต” ข้ึน การนาเสนอเอกสารฉบับนี้จะกล่าวถึงความหมายของคาต่างๆ ทีเ่ กย่ี วข้องกับคาว่า “ปริญญา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต” ได้แก่ คาว่า “ ปรัชญา(philosophy)” “ ความรู้(knowledge)” และ”การวิจัย (research)” เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงเหตุผลท่ีอยู่เบื้องหลังความหมายและความสัมพันธ์เชื่อมโยง ของคาเหล่านั้น ซึ่งความเข้าใจเหล่านี้ จะเป็นฐานท่ีทาให้เกิดความเข้าใจใน ความหมายและ คณุ ลกั ษณะท่ีควรจะเป็นของผู้ท่ีได้รับปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบัณฑิตในท้ายที่สุด ความหมายของ “ปริญญาปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑิต” ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มาจากคาภาษาอังกฤษ 2 คา คือ คาว่า “Doctor” และ คา ว่า “Philosophy” ซึ่งแต่ละคามีความหมายดังน้ี คาว่า “Doctor” ตามความหมายใน Longman Dictionary of Contemporary English (1995) หมายถึง “someone who holds the highest level of degree given by a university” แปลว่า ผสู้ าเร็จการศึกษาระดับสูงสุดของ มหาวิทยาลัย โดยที่คาว่า “Doctor” จะใช้ตัวย่อว่า “Dr.” ซ่ึงในภาษาไทย คือ คาว่า “ดอกเตอร์” ใช้ตัว ย่อ “ ดร.” ซึ่งตัวย่อดังกล่าวสามารถใช้เป็นคานาหน้าชื่อบุคคล ทาให้ทราบได้ว่า บุคคลเหล่าน้ีจบ การศึกษาขั้นปริญญาเอกซึ่งเป็นการศึกษาข้ันสูงสุดของมหาวิทยาลัย เช่น ดร.เกษม จันทร์แก้ว ดร.โสภณ ธนะมัย ดร.นิพนธ์ ตั้งธรรม และดร.ชัยฤทธ์ิ โพธสิ ุวรรณ เป็นต้น ส่วนความหมายของคาว่า “ Philosophy” จาแนกเป็น 2 ลักษณะ คือ ความหมายตามความ เข้าใจของคนไทยโดยทั่วไปและความหมายตามรากศัพท์ภาษากรีก ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันดังนี้ คาวา่ ” Philosophy ” ในภาษาไทยใช้คาวา่ “ ปรัชญา “ ซึ่งมาจากคาภาษาสันสกฤตสองคา คือ คาว่า“ปร+ชญา” หมายถึง ความรู้อันประเสริฐ หรือผู้ที่ทาการศึกษา หรือสนใจวิชาปรัชญา ซ่ึงจะมี ลักษณะเป็นผู้เสพย์ความรู้อันประเสริฐจากนักปราชญ์ท้ังหลาย ดังน้ันคาว่า “ ปรัชญา ” ตามความหมาย ในภาษาไทยจงึ มีลักษณะเป็นผล (result) ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดุษฎีบัณฑติ …..ความสมั พันธ์ระหว่างปรชั ญากับการวิจยั เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรัชญาเทคโนโลยี ส่ิงแวดล้อมเพอ่ื การเกษตร และวชิ าระเบียบวธิ ีวิจัยขั้นสูงทางเทคโนโลยสี งิ่ แวดลอ้ มเพือ่ การเกษตร สาหรับนักศึกษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยีส่ิงแวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวัน ปี พ.ศ.2562 พมิ พเ์ ผยแพรโ่ ดย ลาวณั ย์ วิจารณ์ วิทยาลัยวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรงั สติ
2 สว่ นคาว่า“Philosophy”ท่ีมาจากรากศัพท์ภาษากรีกว่า“Philos(love)+Sophia (wisdom)” แปลว่า ความรักในปัญญาความรอบรู้ หรือความรักที่จะคน้ หาปัญญาความรอบรู้ หรือ love of wisdom ซึ่งความหมายดังกล่าวทาให้ Philosophy มิใช่ลักษณะของผล(result) แต่จะมลี ักษณะเป็น เคร่ืองมือ(tool) หรือวิธีการ(means) ท่ีจะทาให้ได้มาซ่ึงความรูอ้ ันประเสริฐ โดยความรู้อันประเสริฐใน ที่นี้ คือ ความรู้ทเ่ี ป็นจรงิ (truth)และเปน็ ความรู้ที่มีคณุ คา่ (value) หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ wisdom หรือ ปัญญาความรอบรู้น่ันเอง ดังน้ันบุคคลที่ได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต (Doctor of Philosophy) ตามรากศัพท์ ภาษากรีก จงึ หมายถึง ผู้ที่สาเร็จการศึกษาข้ันสูงสุดของมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ท่ีรักในการค้นหา ปัญญาความรอบรู้ (wisdom) โดยตอ้ งใช้ปรชั ญา เปน็ เครอื่ งมือหรือวธิ ีการทจี่ ะทาให้ได้มาซึ่งปัญญา ความรอบรู้ท่ีเป็นความรอู้ ันประเสริฐ หรือความร(ู้ knowledge)ทเี่ ป็นจริง(truth) และเปน็ ความร้ทู ่ี มีคณุ ค่า(value) ปญั ญาความรอบรู้ หรอื Wisdom คอื อะไร? จากความหมายของปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบัณฑิตข้างต้นจะเห็นได้วา่ “ Wisdom ” หรือ คาว่า “ ปญั ญาความรอบรู้ ”ในภาษาไทย เป็นเป้าหมายสาคัญของผู้ที่ได้รับปริญญาดังกล่าว ท่ีจะตอ้ งเป็นผู้ ทีส่ ามารถคน้ หาความรู้ (knowledge) ทีเ่ ป็นจริง (truth) และความรู้น้ัน.ตอ้ งเปน็ ความรู้ท่มี คี ุณคา่ (value) lawan ความรู้ คอื อะไร? ความรู้ คือ ความเข้าใจในบางเรื่อง หรือบางส่ิงบางอย่าง หรือความสามารถในการนาส่ิงน้ันๆ หรือความรู้นั้นๆ ไปประยุกต์ใช้เพื่อเป้าหมายบางประการ เช่น ความรู้เกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของอิฐ มอญ ทาให้มีการนาอิฐมอญไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ ท้ังการก่อสร้าง การบาบัดน้าเสีย เป็นต้น Hideo Yamazaki ผู้เช่ียวชาญด้านการจัดการความรู้ของประเทศญี่ปุ่นได้เสนอแนวคิด เก่ียวกับความรู้ไวว้ ่า.ความรู้มลี ักษณะเป็นปีรามิดเรียกว่า“ปีรามิดความรู้ (pyramid of knowledge)” ซงึ่ จาแนกความรู้ออกเป็น 4 ลาดับขั้น โดยความรู้ลาดับแรก ได้แก่ dataหรือข้อมูล ส่วนความรู้ลาดับ apply W ท่ีสอง สาม และสี่ คือ information หรือสารสนเทศ wisdom knowledge(ความรู้) และwisdom หรือปัญญาความ synthesize K รอบรู้ ตามลาดับ ดังภาพท่ี 1 knowledge analyze I ภาพท่ี 1 Pyramid of knowledge(DIKW Hierarchy) gather information ท่ีมา: http://arizona.openrepository.com D data data หรือข้อมูล เป็นความรลู้ าดับขั้นต่าสุดที่ถูกรวบรวมเข้าไว้(gatger) ภาพท่ี 1 ความรใู้ น ลาดับขั้นนี้ เมื่อได้รับการวิเคราะห์ (analyze) คือ มีการแยกแยะและจัดหมวดหมู่ data หรือข้อมูลจะ เปลี่ยนสถานภาพเป็น information (สารสนเทศ) ซ่ึงความรู้ดังกล่าว จะเปล่ียนสถานภาพเป็น ความรู้ ___________________________ ปรญิ ญาปรชั ญาดุษฎบี ณั ฑติ …..ความสมั พันธร์ ะหวา่ งปรัชญากบั การวจิ ยั เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรัชญาเทคโนโลยี สิง่ แวดล้อมเพือ่ การเกษตร และวชิ าระเบียบวิธวี ิจัยข้นั สูงทางเทคโนโลยีสง่ิ แวดล้อมเพ่อื การเกษตร สาหรับนักศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทมุ วนั ปี พ.ศ.2562 พมิ พเ์ ผยแพรโ่ ดย ลาวณั ย์ วิจารณ์ วทิ ยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรงั สิต
lawan 3 ท่เี รียกวา่ knowledge ไดน้ น้ั ความรู้ดังกล่าว จะตอ้ งได้รับการสงั เคราะห์ (synthesize) ประสาน เชื่อมโยงเข้าดว้ ยกัน และความร้ทู ่เี ปน็ knowledge จะเปล่ียนสถานภาพเปน็ ปญั ญาความรอบรู้ (wisdom)ได้ ก็ต่อเม่อื มีการนา knowledge ไปใช้ประโยชน์(apply)ได้จรงิ ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ การไดม้ าซึง่ ความรใู้ นทางปรัชญา ความรู้ในทางปรชั ญาหรอื ปัญญาความรอบรู้ (wisdom) หมายถงึ ความรู้อันประเสริฐ ซึง่ เป็น ความรูท้ ่ีเปน็ จริงและต้องเปน็ ความร้ทู ีม่ ีคุณค่า(value) ซ่ึงการไดม้ าของความรู้ดังกลา่ วจะใช้ 3 คาถาม หลกั ดงั ต่อไปนี้ เป็นกรอบแนวคดิ ในการคน้ หา (Jerold W.Apps,1973) โดยท้ัง 3 คาถามดังกล่าว ประกอบดว้ ย คาถามท่ี 1 อะไรคือ ความจริง/สงิ่ ที่เปน็ จรงิ (What is truth / reality ? ) คาถามท่ี 2 รู้ ความจรงิ /สง่ิ ทเ่ี ป็นจริง ได้อย่างไร?(How to know truth / reality?) คาถามท่ี 3 ความจริง/ส่ิงที่เปน็ จรงิ มคี ณุ ค่าหรอื ไม่?(The truth / reality is of value ?) คาถามที่ 1 อะไรคือความจริง/ส่งิ ท่ีเปน็ จรงิ (What is truth / reality ? ) ในทางปรัชญาการทาความเข้าใจถึงความรทู้ เ่ี ป็นจริง (truth) /ส่งิ ทเ่ี ปน็ จริง (reality) ว่าคอื อะไรนัน้ นอกจากจะต้องทาความเข้าใจถงึ ความหมายของคาว่า \" truth” และ “reality” แลว้ ยงั มีคา อนื่ ๆทม่ี คี วามสมั พันธเ์ ชื่อมโยง ได้แก่ คาว่า “ fact ” และ “ appearance ” ซึ่งแตล่ ะคามีความหมาย ดังนี้ fact & truth คาว่า “ fact “ หมายถงึ ความจรงิ เฉพาะ(particular)ของส่ิงใดส่ิงหนึ่งทอี่ ยู่ในประเภท เดยี วกนั ส่วนคาว่า “ truth “ หมายถึง ความจริงสากล(universal) ซึ่งเปน็ ความจริงของทุกสงิ่ ทอ่ี ยใู่ น ประเภทเดยี วกนั ในทางปรชั ญาการค้นหาความจรงิ ทัง้ ความจรงิ เฉพาะ (fact) และความจริงสากล (truth) จะ ทาการศึกษาโดย ใชห้ ลกั induction approach และทาการสรุปผลการศกึ ษาโดยใชก้ ารอ้างเหตุผล ( reasoning) ตัวอยา่ งเชน่ การค้นหาความจริงเฉพาะเกี่ยวกับคณุ สมบตั กิ ารดูดซบั ของอฐิ แต่ละกอ้ น จะ ทาการศกึ ษาโดยใชห้ ลัก induction approach ดาเนนิ การโดยนาอฐิ แตล่ ะก้อน(อิฐกอ้ นท่ี 1,2,3..n ) ไป แช่นา้ เพื่อศึกษาว่าอฐิ แต่ละก้อนมคี ณุ สมบัตดิ ูดซบั น้าไดห้ รือไม่ ซึง่ หากผลการศกึ ษา พบว่า อิฐก้อนท่ี 1 มีคุณสมบตั ิ ดูดซบั น้าได้จรงิ สง่ิ ท่ีได้จากการศกึ ษาครั้งนี้ เรียกว่า fact ของอฐิ ก้อนที่ 1 (fact /ความจรงิ เฉพาะ ของอฐิ กอ้ นท่ี 1 = สามารถดดู ซบั น้าได้จรงิ ) อฐิ ก้อนที่ 2 มีคณุ สมบตั ิ ดดู ซับนา้ ไดจ้ รงิ ส่งิ ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาคร้งั น้ี เรยี กว่า fact ของอิฐกอ้ นท่ี 2 (fact /ความจริงเฉพาะ ของอฐิ กอ้ นที่ 2 = สามารถดดู ซบั น้าไดจ้ รงิ ) อฐิ กอ้ นที่ 3 มคี ุณสมบตั ิ ดูดซับน้าไดจ้ รงิ ___________________________ ปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบัณฑติ …..ความสมั พนั ธ์ระหว่างปรชั ญากบั การวิจัย เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรัชญาเทคโนโลยี สิง่ แวดลอ้ มเพ่อื การเกษตร และวชิ าระเบียบวธิ วี จิ ยั ขนั้ สงู ทางเทคโนโลยีส่งิ แวดลอ้ มเพื่อการเกษตร สาหรับนกั ศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ง่ิ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยีปทุมวัน ปี พ.ศ.2562 พิมพ์เผยแพร่โดย ลาวณั ย์ วิจารณ์ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรงั สติ
4 สิง่ ท่ไี ดจ้ ากการศกึ ษาครงั้ นี้ เรียกวา่ fact ของอิฐกอ้ นท่ี 3 (fact /ความจรงิ เฉพาะ ของอฐิ ก้อนท่ี 3 = สามารถดดู ซบั น้าไดจ้ ริง) อิฐกอ้ นที่ n มคี ุณสมบตั ิ ดูดซับน้าได้จริง สงิ่ ทไี่ ด้จากการศึกษาครงั้ นี้ เรยี กวา่ fact ของอิฐกอ้ นที่ n (fact /ความจรงิ เฉพาะ ของอฐิ ก้อนท่ี n = สามารถดูดซับนา้ ได้จริง) ดังภาพท่ี 2 การสรุปผลโดยใช้การอา้ งเหตุผล ( reasoning) ทาให้สามารถสรปุ ได้ดงั นี้ 1) อิฐแต่ละกอ้ น (อิฐกอ้ นที่ 1,2,3.….n) มีคุณสมบัติดูดซบั นา้ ได้ เป็นความจรงิ เฉพาะ (particular)ของอฐิ แต่ละกอ้ น หรอื เป็น fact ของอิฐแต่ละกอ้ น 2) อิฐทกุ กอ้ นท่ที าการศึกษา มีคุณสมบัติดูดซบั นา้ ได้จริง ดังนนั้ การดูดซบั นา้ ของอิฐทุกกอ้ น ทีศ่ กึ ษา จงึ เป็นความจรงิ สากล (universal) หรือ truth ของคุณสมบตั ิการดูดซับของอิฐทุกก้อนท่ี ศึกษานั่นเอง 3) ถ้าอิฐทัง้ หมดท่ศี กึ ษา คอื อิฐมอญ ในทางปรัชญาใช้การอา้ งเหตุผล (reasoning) ในการ อธิบายดังน้ี อิฐท้ังหมดทีเ่ ราศกึ ษา มีคุณสมบตั ิดูดซับนา้ ได้จรงิ อฐิ ท้ังหมดทเ่ี ราศกึ ษา คอื อฐิ มอญ อฐิ มอญ เปน็ อิฐทมี่ คี ุณสมบตั ดิ ูดซับนา้ ได้จริง lawan ดงั น้ันเม่อื เรานาอิฐมอญไปแชน่ ้าในพ้นื ท่ใี ดก็ตาม จึงเชอื่ ได้ว่า อฐิ มอญ สามารถดูดซับน้าได้ fact (ความจริงเฉพาะ truth (ความจริงสากล ของอิฐก้อนแตล่ ะก้อน) ของอิฐทกุ ก้อนทีศ่ กึ ษา) อิฐก้อนที่ 1 ดดู ซบั นา้ ได้ อิฐทกุ ก้อน อฐิ ทกุ อฐิ มอญ อิฐก้อนท่ี 2 ดดู ซบั นา้ ได้ มคี ณุ สมบตั ิ ก้อน ทกุ ก้อน อฐิ ก้อนท่ี 3 ดดู ซบั นา้ ได้ ดดู ซบั นา้ ได้ เป็นอิฐ ดดู ซบั มอญ นา้ ได้ ดดู ซบั นา้ ได้ อฐิ ก้อนที่ n ภาพที่ 2 การคน้ หาความความจริงเฉพาะ(particular) เก่ยี วกบั คณุ สมบัตกิ ารดูดซับนา้ ของอฐิ โดยใชห้ ลกั induction approach และ สรุปผลโดยใช้การอ้างเหตุผล ( reasoning) ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑติ …..ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปรัชญากบั การวิจัย เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรัชญาเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมเพือ่ การเกษตร และวชิ าระเบียบวิธีวจิ ัยขน้ั สูงทางเทคโนโลยีส่ิงแวดล้อมเพ่ือการเกษตร สาหรับนกั ศึกษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ง่ิ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยปี ทมุ วัน ปี พ.ศ.2562 พมิ พ์เผยแพร่โดย ลาวัณย์ วิจารณ์ วิทยาลัยวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรงั สติ
5 จากตวั อยา่ งขา้ งต้นจะเหน็ ไดว้ ่า คาว่า “ fact “ และ “ truth “ มีความหมายต่างกนั ซงึ่ ความ เข้าใจถึงความต่างกันของคาท้ังสอง เป็นปัจจยั สาคัญท่ีจะช่วยให้ผู้ทจ่ี บการศึกษาหรอื ผู้ที่กาลังศกึ ษาใน ระดับปรญิ ญาเอก ตอ้ งเตื่อนตนเองอย่างตอ่ เนอื่ งว่า data หรอื ข้อมูลท่ตี อ้ งการคน้ หา เพอื่ ให้ได้ wisdom นน้ั แท้จริงแลว้ เปน็ fact หรือ truth ทัง้ นีเ้ นอ่ื งจาก data ทเี่ ปน็ ฐานในการค้นหา wisdom คอื กา้ วแรกทจ่ี ะนาไปสูก่ ารกาหนดกรอบแนวคิดและวธิ ีการ ในการค้นหาปัญญาความรอบรู้ หรือ wisdom ซ่งึ จาแนกออกเป็น 2 กรณี คอื กรณีที่ 1 data ทีเ่ ปน็ ฐานในการคน้ หา wisdom เป็น fact fact ในที่น้ี คอื ความจรงิ เฉพาะของส่ิงใดสิ่งหนึ่งที่อยูใ่ นประเภทเดยี วกัน หรอื เปน็ ความจรงิ เฉพาะในบางสถานการณ์ หรอื บางกรณี กรอบแนวคดิ หรอื วิธีการศกึ ษาเพอ่ื คน้ หา wisdom โดยใช้ fact เป็นจุดเริ่ม เช่น การ ศึกษาวจิ ยั ทีเ่ รมิ่ ตน้ จากความจริงเฉพาะ(fact)ทเี่ กดิ ในบางกรณีหรอื บางพื้นที่เป็นฐาน การศึกษาวิจยั ลกั ษณะนี้จะใช้การอ้างเหตุผล(reasoning)เป็นตวั กาหนดกรอบแนวคดิ การวิจัย แล้วทาการพสิ ูจน์ ทดสอบ (verifiable) เพ่ือหาคาตอบว่า fact ทไ่ี ด้นัน้ จะเป็นจริงในสถานการณ์อืน่ ๆอีกหรือไม่ ซง่ึ การ พสิ ูจน์ทดสอบสามารถเกิดคาตอบได้ 2 ลกั ษณะ คาตอบที่ 1 กรณีท่ีการศึกษาวจิ ยั facta เป็นความจรงิ เฉพาะในสถานการณ์หนงึ่ หรือพ้นื ที่หนงึ่ แลว้ ยังคง เปน็ ความจรงิ ในกรณีอน่ื หรอื สถานการณอ์ น่ื ๆซ้าๆกนั ผลการพิสูจน์ทดสอบดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า facta คือ trutha คาตอบที่ 2 กรณที ี่การศึกษาวิจยั facta ไมเ่ ป็นความจรงิ ในบางสถานการณ์ หรอื บางกรณี ผล การพิสจู น์ทดสอบดงั กล่าวสามารถสรุปไดว้ ่า facta ในกรณีนี้มิได้ทาให้เกิด trutha แต่ facta กาลงั ทา ใหเ้ กดิ fact ตวั ใหม่ (สมมตุ ิว่า คือ factnew1) ซึง่ เป็นความจริงเฉพาะของส่ิงใดส่ิงหนึ่งท่อี ยใู่ นประเภท เดียวกัน หรือเป็นจรงิ ในเฉพาะกรณีใหมน่ เี้ ทา่ น้ัน ดังภาพที่ 3 ซงึ่ องคค์ วามรู้ทไี่ ดจ้ ากกรณีน้ีจะนาไปสู่ การคน้ หาความรู้ที่เปน็ จรงิ ชุดใหม่ตอ่ ไป lawan เป็ นจริง พสิ จู น์ทดสอบ facta เป็นความจริงเฉพาะหรือไม่? เป็ นจริง fact a เป็ นจริง truth a นาไปสกู่ าร เป็ นจริง ไม่เป็ นจริง ค้นหา เป็ นจริง factnew1 ความรูท้ ่ี เป็นจรงิ ชุด fact a เป็ นจริง ใหม่ต่อไป truth a หรือโจทย์ เกดิ โจทกยา์วรจิ วัยิจใยั หม่ ภาพท่ี 3 ลักษณะของคาตอบทจี่ ะได้จากการพิสูจน์ทดสอบ fact a ___________________________ ปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบัณฑติ …..ความสัมพนั ธร์ ะหว่างปรัชญากับการวจิ ัย เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรชั ญาเทคโนโลยี ส่งิ แวดลอ้ มเพอ่ื การเกษตร และวิชาระเบียบวิธีวจิ ยั ขัน้ สูงทางเทคโนโลยสี ง่ิ แวดล้อมเพ่อื การเกษตร สาหรบั นกั ศึกษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสิ่งแวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีปทมุ วนั ปี พ.ศ.2562 พิมพเ์ ผยแพร่โดย ลาวณั ย์ วจิ ารณ์ วิทยาลยั วิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรงั สติ
6 กรณที ่ี data ท่ีเปน็ ฐานในการค้หา wisdom เป็น “truth” truth ในทน่ี ี้ คอื ความจรงิ ของทุกสิง่ ทอ่ี ยูใ่ นประเภทเดียวกนั กรอบแนวคิดหรอื วิธใี นการศกึ ษาเพอ่ื คน้ หา wisdom โดยใช้ truth เปน็ จดุ เร่ิมตน้ เชน่ การ ศึกษาวิจัยที่เริม่ ต้นจาก truth ที่รแู้ ลว้ (เชน่ แนวคดิ หรอื ทฤษฎี ในที่นี้สมมุตเิ ปน็ truthc) ผ้คู น้ หา wisdom จะใช้ truth ที่รูแ้ ล้วดังกล่าวเปน็ ตวั กาหนดกรอบแนวคดิ การคน้ หา แลว้ ทาการพสิ ูจน์ ทดสอบ(verifiable) เพอื่ ตอบคาถามวา่ truth ท่ีร้แู ล้ว หรือทฤษฏี หรอื แนวคิดต่างๆน้ัน ยงั คงเปน็ ความจริงอยู่ในสถานการณอ์ ่ืนๆหรือไม่? การพิสูจนท์ ดสอบ truth ทร่ี แู้ ล้วหรือทฤษฏีหรือแนวคดิ ต่างๆจะได้คาตอบ 2 ลักษณะ คอื คาตอบท่ี 1 กรณีที่ truthc ยังคงเป็นความจริงในสถานการณอ์ ่นื ๆซ้าๆกนั สรปุ ได้วา่ truth c ยังคงเป็น truth c หรือยังเปน็ ความจรงิ สากล ดังภาพ 4a คาตอบที่ 2 กรณที ี่ truthc ไมเ่ ปน็ จรงิ ในบางสถานการณ์ สรุปได้ว่า truthc ในกรณีน้ีมิใชค่ วาม จรงิ สากล แต่ truthc กาลังทาให้เกิดความจรงิ เฉพาะตัวใหม่(factnew2) ซึ่งเปน็ ความจรงิ เฉพาะของสิง่ ใดส่ิงหนึ่งทีอ่ ยู่ในประเภทเดยี วกัน เฉพาะในกรณีใหมน่ ีเ้ ท่านนั้ และfactnew2จะกลายเป็นโจทย์ของการ วิจัยทีน่ าไปสกู่ ารค้นหาความจรงิ (truth)ชุดใหมต่ อ่ ไป ดังภาพ 4b เป็ นจริง (a) เป็ นจริง เป็ นจริง lawan พสิ จู น์ทดสอบ truth c วา่ ยงั เป็นจริงอยหู่ รือไม?่ truth c เป็ นจริง นาไปสู่ เป็ นจริง การ คน้ หา (b) เป็ นจริง ความรทู้ ี่ เป็ นจริง ไม่เป็ นจริง factnew2 เป็นจริง ชดุ ใหม่ truth c เป็ นจริง ต่อไป เกดิ โจทย์วจิ ยั ใหม่ พสิ จู น์ทดสอบ truth c วา่ ยงั เป็นจริงอย่หู รือไม?่ ภาพที่ 4 ลกั ษณะของคาตอบทจี่ ะได้จากการพสิ ูจน์ทดสอบ truth c ___________________________ ปริญญาปรัชญาดุษฎบี ัณฑติ …..ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปรชั ญากบั การวิจัย เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรัชญาเทคโนโลยี สง่ิ แวดล้อมเพือ่ การเกษตร และวชิ าระเบียบวิธีวิจัยขัน้ สงู ทางเทคโนโลยสี ่งิ แวดลอ้ มเพอื่ การเกษตร สาหรับนักศกึ ษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยีสงิ่ แวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวนั ปี พ.ศ.2562 พมิ พเ์ ผยแพรโ่ ดย ลาวัณย์ วิจารณ์ วทิ ยาลัยวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรังสิต
lawan 7 จากตวั อยา่ งข้างตน้ จึงสรปุ ได้วา่ ผทู้ ่ศี ึกษาหรือผ้ทู ี่คน้ หา wisdom จึงตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั data ท่เี ป็นฐานของการคน้ หา wisdom เนอ่ื งจากความแตกตา่ งของ data ดงั กลา่ ว จะส่งผลถึง ผลลพั ธ์ที่จะไดจ้ ากการคน้ หาทง้ั สนิ้ กล่าวคอื ถ้า data เป็นเพยี ง fact มิใช่ truth ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากการ คน้ หาจึงเป็นเพียงความจริงเฉพาะ (fact)ในสถานการณใ์ ดสถานการณ์หน่งึ ยงั มใิ ชค่ วามจรงิ สากล (truth) จึงไมส่ ามารถนาความจริงเฉพาะ(fact)ท่ไี ดไ้ ปประยุกต์ใช้ในทกุ ๆสถานการณ์ได้ การต้องพิสูจนท์ ดสอบความจริงเฉพาะ(fact) เพ่อื ใหไ้ ดเ้ ป็นความจรงิ สากล(truth)ก่อนการ นาไปประยุกตใ์ ชใ้ นทุกๆสถานการณ์ จงึ เปน็ สิ่งจาเป็น appearance & reality คาวา่ appearance หมายถงึ ส่งิ ทีเ่ ราเหน็ สว่ นคาวา่ reality หมายถงึ สิง่ ที่เปน็ จรงิ ทั้งสอง คามคี วามหมายท่ีต่างกัน ดงั ตัวอย่างทีพ่ บในหนงั สอื ปรัชญาทวั่ ไป ได้แก่ การมองเหน็ เรอื ทลี่ อ่ งลอยในทะเลจากระยะไกล สิ่งทีเ่ ราเหน็ (appearance) คือ เรอื จะมี ขนาดเลก็ ขณะทีแ่ ท้จริงแล้วสง่ิ ทีเ่ ป็นจริงหรอื reality กค็ ือ เรอื ดงั กลา่ วมีขนาดใหญ่หากเราอยใู่ กล้ ดังน้ันการดว่ นสรุปวา่ เรือท่เี รามองเห็นลอ่ งลอยในทะเลมขี นาดเล็กในครั้งแรก จงึ เป็นเพยี งสง่ิ ทเ่ี ราเหน็ กล่าวคือ เปน็ appearance มิใช่ reality ที่หมายถึงส่ิงที่เป็นจริง การมองเห็นปลาในน้า สง่ิ ทเี่ ราเหน็ หรือ appearance คอื เราจะมองเห็นปลาในนา้ อยูต่ ้นื กวา่ ความเป็นจริง ขณะทแ่ี ทจ้ รงิ แล้วสง่ิ ที่เปน็ จริง หรือ reality คอื ปลาดังกล่าว อยูล่ ึกกวา่ สง่ิ ที่เราเห็น ดังน้นั การด่วนสรปุ ว่าปลาที่เรามองเห็นในนา้ อยตู่ ืน้ จงึ เป็นเพยี งส่งิ ทเ่ี ราเหน็ appearance มิใช่ reality ท่ีหมายถึง สิง่ ท่ีเป็นจรงิ จากตวั อย่างขา้ งตน้ จงึ กล่าวได้วา่ ผ้ทู ่ีศึกษาหรือผู้ทค่ี น้ หา wisdom จึงตอ้ งให้ความสาคัญกบั data ท่ีเปน็ ฐานของการคน้ หา wisdom ทัง้ น้เี นื่องจากความแตกต่างของ data ดังกลา่ ว จะสง่ ผลถงึ ผลลัพธ์ท่ีจะไดจ้ ากการคน้ หาทั้งส้ิน กล่าวคือ ถ้า data เป็นเพียง appearance ผลลัพธ์ทไี่ ดจ้ าก data ก็เปน็ เพียง appearance มใิ ช่ reality ซึ่งจะทาให้ผลท่ไี ด้จากการศกึ ษาไมส่ ามารถนาไปสู่สิ่งท่ีเปน็ wisdom ไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง คาถามที่ 2 รู้ ความจรงิ /ส่ิงทเี่ ป็นจริง ได้อย่างไร (How to know truth / reality ?) การท่ีจะรู้ถงึ ความจริง/สง่ิ ทีเ่ ป็นจรงิ (truth/reality) ไดน้ ้ัน ในทางปรชั ญาจะใช้การอ้าง เหตผุ ล (reasoning) เป็นตวั กาหนดกรอบแนวคิด เปน็ เคร่ืองมือ และเปน็ วธิ กี ารในการคน้ หาปญั ญา ความรอบรู้ หรอื wisdom ซงึ่ การอ้างเหตผุ ลดังกล่าวจาแนกออกเป็น 2 วิธหี ลัก ดงั นี้ 1) การอ้างเหตุผลโดยวิธีการ deductive inference reasoning ซงึ่ เร่ิมจากการใช้ความจรงิ สากล หรอื truth เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ แล้วทาการพิสูจนซ์ ้าว่า truth ดงั กล่าวยงั คงเปน็ จรงิ อย่ตู อ่ ไปหรอื ไม่? อีกนัยหนึง่ คอื เปน็ การอ้างเหตุผลจาก General to Particular (ความจรงิ สากลไปสู่ความจรงิ เฉพาะ) และทาการพสิ จู น์ทดสอบ truth ตวั อย่างเช่น ถ้ากาหนดให้ความจรงิ สากล (truth_A) คือ ระบบบาบัดนา้ เสียของชมุ ชน X สามารถ บาบัดน้าเสยี ของทุกครัวเรอื นในชุมชน X ได้ เมือ่ นา truth A ไปพสิ ูจนท์ ดสอบในครวั เรือนท่ี 1 ของชมุ ชนอนื่ ๆ (ในทนี่ ้กี าหนดให้เป็น ชมุ ชน Y ) กรณีที่ผลการพิสูจน์ พบว่า…..ระบบบาบดั น้าเสยี ของชมุ ชน X สามารถบาบดั ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดุษฎบี ณั ฑติ …..ความสมั พันธ์ระหวา่ งปรัชญากบั การวจิ ัย เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรัชญาเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ การเกษตร และวชิ าระเบียบวิธีวิจัยขนั้ สูงทางเทคโนโลยสี ง่ิ แวดลอ้ มเพือ่ การเกษตร สาหรบั นักศกึ ษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ่ิงแวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยปี ทุมวนั ปี พ.ศ.2562 พมิ พ์เผยแพรโ่ ดย ลาวณั ย์ วจิ ารณ์ วทิ ยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรงั สิต
8 นา้ เสยี ในครัวเรือนที่ 1 ของชุมชน Y ไดจ้ ริง เมือ่ ใชห้ ลกั deductive inference reasoning จงึ สรุปได้ว่า ความจริงสากล ( truth_A ) ยังคงเป็นจรงิ ในครัวเรอื นที่ 1 ของ ชมุ ชน Y ดังภาพที่ 5 truth_A 1Y เป็นจริง 1Y การนา truth_Aไปใช้กบั ครัวเรือนที่ 1 ของชมุ ชน Y truth_A ระบบบาบดั นา้ เสยี ของชมุ ชน X สามารถบาบดั นา้ เสียของทกุ ครัวเรือนในชมุ ขน Xได้) ภาพท่ี 5 การอ้างเหตุผลโดยวธิ ีการ deductive inference reasoning กรณีทเี่ ป็นผลการพสิ ูจนทดสอบเปน็ จรงิ ในทางกลบั กันหากเมื่อทาการพิสจู นแ์ ล้ว พบวา่ ความจริงสากลดงั กลา่ ว (truth_A ) ไม่เปน็ จรงิ ในบางสถานการณ์ ดังนค้ี อื เมือ่ นา truth A ไปพิสูจน์ทดสอบในครัวเรอื นท่ี 2 ของชมุ ชน Y(2Y) กรณีทีผ่ ลการพสิ จู น์ พบว่า…..ระบบบาบดั นา้ เสยี ของชุมชน X ไม่สามารถบาบดั นา้ เสยี ในครวั เรือนที่ 2 ของชมุ ชน Y ได้จริง เมือ่ ใช้หลัก deductive inference reasoning จงึ สรปุ ไดว้ า่ ความจรงิ สากล (truth_A ) ไมเ่ ป็นจรงิ ในครวั เรอื นที่ 2 ของชมุ ชน Y ดงั ภาพท่ี 6a และจากภาพ 6b อธบิ ายได้ว่าความจริงสากล (truth_A ) ดงั กล่าว ทาใหเ้ กดิ ความรทู้ ่ีเป็น ความจริงเฉพาะในสถานการณน์ ้ี (ในท่นี ี้ คือ factnew3) ซ่ึงความจริงเฉพาะที่เกดิ ขน้ึ ใหมน่ ้ี คือ โจทย์ วจิ ยั ท่จี ะนาไปสู่การคน้ หาความรทู้ ี่เป็นความจริงเฉพาะชดุ ใหม่ ทจี่ ะพฒั นาเปน็ ความจริงสากลต่อไป ดงั ภาพที่ 6(c) lawan ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดษุ ฎบี ัณฑติ …..ความสมั พันธร์ ะหวา่ งปรัชญากบั การวิจยั เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรชั ญาเทคโนโลยี สง่ิ แวดล้อมเพอื่ การเกษตร และวิชาระเบียบวธิ ีวจิ ยั ขนั้ สูงทางเทคโนโลยสี ิง่ แวดล้อมเพ่อื การเกษตร สาหรบั นักศึกษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสิง่ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทมุ วนั ปี พ.ศ.2562 พิมพ์เผยแพรโ่ ดย ลาวัณย์ วจิ ารณ์ วิทยาลยั วศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสติ
9 (a) ไม่เป็ นจริง (b) ไม่เป็ นจริง factnew3 1Y 1Y 2Y เป็นจริง 2Y truth_A truth_A เป็นจริง (c) ไม่เป็ นจริง factnew3 นาไปสูก่ ารคน้ หาความร้ทู ี่ 1Y เปน็ จรงิ สากลชดุ ใหม่ 2Y เป็ นจริง truth_A lawan 1Y การนา truth_ A ไปใชใ้ นครวั เรือนที่ 1 ของชุมชน Y 2Y การนา truth_ A ไปใชใ้ นครวั เรอื นท่ี 2 ของชมุ ชน Y truth_A ระบบบาบดั นา้ เสียของชุมชน X สามารถบาบดั นา้ เสยี ของทกุ ครัวเรอื นในชุมขน X ได้ factnew3 ระบบบาบัดนา้ เสยี ของชุมชน X ไมส่ ามารถบาบดั น้าเสยี ของครวั เรือนท่ี 2 ในชุมขนY ได้ ภาพท่ี 6 การอา้ งเหตผุ ลโดยวธิ กี าร deductive inference reasoning กรณีท่ีเปน็ ผลการพสิ ูจน์ไม่เป็นจรงิ 2) การอ้างเหตผุ ลโดยวธิ ีการ inductive inference reasoning การอา้ งเหตุผลด้วยวธิ ีน้ี เร่มิ จากการใช้ความรูท้ เี่ ป็นความจริงเฉพาะ(facts) เป็นจุดเริ่มต้น แลว้ ทาการพสิ ูจน์ทดสอบ เพอ่ื คน้ หาความรทู้ คี่ วามจรงิ สากลเป็น(truth) หรือเป็นการอา้ งเหตุผลจาก Particular to General ตวั อย่างเชน่ ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดุษฎีบัณฑติ …..ความสัมพันธ์ระหวา่ งปรัชญากบั การวจิ ยั เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรชั ญาเทคโนโลยี สงิ่ แวดล้อมเพื่อการเกษตร และวิชาระเบียบวธิ ีวจิ ยั ขน้ั สงู ทางเทคโนโลยสี ง่ิ แวดลอ้ มเพ่ือการเกษตร สาหรบั นักศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสงิ่ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยปี ทุมวัน ปี พ.ศ.2562 พิมพ์เผยแพรโ่ ดย ลาวัณย์ วจิ ารณ์ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
10 จากภาพที 6b จะเห็นไดว้ ่าความจริงเฉพาะของครัวเรือนที่ 2 ของชุมชน Y คือ ระบบบาบัด น้าเสยี ชองชมุ ชน X ไมส่ ามารถบาบัดนา้ เสียในครัวเรอื นท่ี 2 ของชมุ ชน Y ได้ (factnew3 ) ซึง่ การคน้ หา ความจริงในกรณีน้ีทาไดโ้ ดยใช้การอา้ งเหตผุ ลแบบ inductive inference reasoning เพอื่ ทาการ พสิ ูจนท์ ดสอบ (factnew3 ) วา่ ยงั คงเปน็ จรงิ หรอื ไม่ หากนาไปใช้ในครัวเรอื นท่ี 3, 4. 5 และ 6 ของ ชุมชน Y ซ่ึงผลการศึกษาเกิดได้ 2 กรณีคือ (หมายเหตุ ครัวเรอื นที่ 3, 4. 5 และ 6 ของชมุ ชน Y.ในท่ีนี้คือ 3Y, 4Y,5Y และ 6 6) กรณีที่ 1 factnew3 เปน็ จริงเฉพาะในครัวเรอื นท่ี 3,4.และ 5 ของชมุ ชน Y ความจริงเฉพาะที่ เกดิ ซ้าๆกนั ดังกล่าว เมอื่ ใชห้ ลัก inductive inference reasoning สรุปได้วา่ ระบบบาบดั นา้ เสียชอง ชมุ ชน X ไม่สามารถบาบดั น้าเสยี ในครัวเรือนที่ 3 4 และ 5 ของชุมชน Y ได้ (= ความจริงสากลของ ชมุ ชน Y หรอื truth_B ) ดังภาพท่ี 7 5Y จากภาพท่ี 6(b) 4Y เป็ นจริง 3Y เป็ นจริง lawan เป็ นจริง 2Y ไม่เป็ นจริง factnew3 truth_A 1Y เป็นจริง fact new3 fact new3 fact new3 truth_B 3Y 4Y 5Y 6Y การนา truth_A ไปใช้ในครัวเรือนที่ 3 4 5 6 ของชมุ ชน Y 1Y การนา truth A ไปใช้ในครัวเรือนที่ 1 ของชมุ ชน Y 2Y การนา truth A ไปใช้ในครัวเรือนท่ี 2 ของชมุ ชน Y truth_A ระบบบาบดั นา้ เสยี ของชมุ ชน X สามารถบาบดั นา้ เสยี ของทกุ ครัวเรือนในชมุ ขน X ได้ factnew3 ระบบบาบดั นา้ เสยี ของชมุ ชน X ไม่สามารถบาบดั นา้ เสียของครัวเรือนท่ี 2 ในชมุ ขนY ได้ truth_B ระบบบาบดั นา้ เสียของชมุ ชน X ไม่สามารถบาบัดนา้ เสียของครัวเรือนท่ี 3 4 5 ในชมุ ขน X ได้ ภาพที่ 7 การอา้ งเหตุผลโดยวธิ ีการ inductive inference reasoning ___________________________ ปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบัณฑติ …..ความสมั พนั ธ์ระหว่างปรัชญากับการวจิ ัย เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรัชญาเทคโนโลยี สง่ิ แวดล้อมเพอ่ื การเกษตร และวิชาระเบียบวิธีวิจยั ขน้ั สงู ทางเทคโนโลยีสิ่งแวดลอ้ มเพอ่ื การเกษตร สาหรับนักศกึ ษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ่ิงแวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยีปทุมวนั ปี พ.ศ.2562 พมิ พ์เผยแพรโ่ ดย ลาวณั ย์ วจิ ารณ์ วิทยาลัยวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรังสิต
11 กรณที ี่ 2 factnew3ไม่เปน็ จรงิ ในครวั เรือนที่ 6 (6b) ของชมุ ชน Y เมอ่ื ใช้หลกั inductive inference reasoning สรุปได้วา่ การพสิ ูจน์ทดสอบทาใหเ้ กิดความจรงิ เฉพาะชดุ ใหม่ของครัวเรือน ท่ี 6 ขน้ึ ซึ่งในที่น้ี คอื factnew4 ความจรงิ เฉพาะที่เกิดใหม่น้ี จะนาไปสู่การค้นหาความรู้ท่ีเป็นความจริง ชดุ ใหมต่ ่อไป ดงั ภาพที่ 8 จากภาพที่ 7 factnew4 6Y ไม่เป็ นจริง นาไปสกู่ ารค้นหา 5Y ความร้ ูท่ีเป็ นจริง ชดุ ใหมต่ อ่ ไป จากภาพที่ 6 4Y เป็ นจริง 3Y เป็ นจริง เป็ นจริง 2Y ไม่เป็ นจริง factnew3 truth_A 1Y เป็นจริง fact new3 fact new3 fact new3 lawan truth_B 3Y 4Y 55Y 6Y การนา truth_Aไปใช้ในครัวเรือนที่ 3 4 5 6 ของชมุ ชน Y 1Y การนา truth A ไปใช้ในครัวเรือนที่ 1 ของชมุ ชน Y 2Y การนา truth A ไปใช้ในครัวเรือนที่ 2 ของชมุ ชน Y truth_A ระบบบาบดั นา้ เสียของชมุ ชน X สามารถบาบดั นา้ เสียของทกุ ครัวเรือนในชมุ ขน X ได้ factnew3 ระบบบาบดั นา้ เสียของชมุ ชน X ไม่สามารถบาบัดนา้ เสียของครัวเรือนท่ี 2 ในชมุ ขนY ได้ truth_B ระบบบาบดั นา้ เสยี ของชมุ ชน X ไม่สามารถบาบัดนา้ เสียของครัวเรือนท่ี 3 4 5 ในชุมขน X factnew4 ได้ ระบบบาบดั นา้ เสยี ของชมุ ชน X สามารถบาบัดนา้ เสียของครัวเรือนท่ี 6ในชุมขนY ได้บาง ช่วงเวลา เช่น ช่วงเวลาท่มี ีที่มกี ารใช้นา้ น้อยลง ภาพที่ 8 การอ้างเหตุผลโดยวิธีการ inductive inference reasoning ___________________________ ปรญิ ญาปรชั ญาดษุ ฎบี ัณฑติ …..ความสัมพันธร์ ะหว่างปรชั ญากบั การวจิ ัย เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรชั ญาเทคโนโลยี ส่ิงแวดลอ้ มเพ่อื การเกษตร และวิชาระเบียบวธิ ีวจิ ยั ขั้นสงู ทางเทคโนโลยีส่ิงแวดล้อมเพ่อื การเกษตร สาหรบั นกั ศึกษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยีสง่ิ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยีปทุมวนั ปี พ.ศ.2562 พิมพเ์ ผยแพรโ่ ดย ลาวัณย์ วิจารณ์ วิทยาลยั วศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
12 เมอ่ื เช่ือมโยงความจริงเฉพาะ(fact)ท้งั หมดเขา้ ดว้ ยกนั สามารถสรปุ ไดด้ ังนี้ ความจริงสากล(truth_A)ยังคงเปน็ จริงในครวั เรอื นท่ี 1ของชุมขน Y เกดิ ความจริงเฉพาะfactnew3ข้ึน เนอ่ื งจากความจริงสากล(truth_A) ไม่เปน็ จริงใน ครวั เรอื นที่ 2 ของชุมขน Y เมื่อพิสจู นท์ ดสอบแล้วพบว่า factnew3 เปน็ จริงซ้าๆกัน(ยงั คง เป็นจรงิ ในครวั เรอื นท่ี 2 3 4 5ของชุมขน Y)จงึ สรุปได้ว่า factnew3 เปน็ จรงิ เกิดเป็นความ จริงสากล(truth_B) เกดิ ความจรงิ เฉพาะ factnew4 เนอ่ื งจากความจรงิ สากล(truth_B)ไมเ่ ปน็ จริงในครวั เรือน ที่ 6 ของชมุ ขน Yซึ่ง factnew4 คอื ความร้ชู ดุ ใหม่ที่รอการพิสูจนท์ ดสอบต่อไป คาถามที่ 3 ความจริง/สง่ิ ทเี่ ป็นจรงิ มีคุณคา่ หรือไม่ (The truth / reality is of value ?) นอกจากการคน้ หาความรูท้ ่ีเป็นจริงจะเป็นภารกิจสาคญั ของผ้ทู ่ีค้นหา wisdom ในทาง ปรชั ญาแลว้ การค้นหาว่า ความรู้ทเ่ี ปน็ จริงน้นั เปน็ ความรู้ทม่ี ีคณุ คา่ (value)หรอื ไม่? เปน็ ภารกจิ หน่งึ ทม่ี คี วามสาคญั เช่นกัน โดยคุณค่า(value)ในทางปรชั ญา หมายถึง ลกั ษณะพึงประสงค์ซงึ่ จาแนก ออกเปน็ 2 กลุม่ ดังภาพ 9 Value lawan intrinsic value objective value extrinsic value subjective value ภาพที่ 9 ลกั ษณะพึงประสงคข์ องคุณคา่ (value ) ในทางปรชั ญา (โสภณ ธนะมยั , 2554) กล่มุ ที่ 1 ลักษณะพงึ ประสงค์ทีเ่ ป็น intrinsic value และ extrinsic value โดย intrinsic value คือ คุณคา่ ภายใน หมายถงึ คณุ ค่าในตวั ของสิ่งๆนั้น คณุ ค่านจ้ี บในตัวเอง ไมเ่ ป็นไปเพอ่ื คุณคา่ อื่นๆตอ่ ไปอกี เช่น ความดี ความงาม เป็นต้น ส่วน extrinsic value คอื คุณค่าภายนอก เป็นคุณค่าท่ี เป็นเครื่องมือเพ่อื ให้บรรลุคุณค่าอนื่ ๆตอ่ ไป เช่น ความร่ารวยเปน็ เครอ่ื งมือที่นาไปสู่การบรรลเุ ปา้ หมาย ตา่ งๆ ทง้ั ความสาเร็จในการประกอบธุรกจิ การศึกษา เปน็ ต้น กลุม่ ที่ 2 ลักษณะพึงประสงคท์ ่เี ป็น objective value และ subjective value โดยท่ี objective value คือ คุณค่าท่มี ีอยใู่ นตวั ของมนั เองไม่ข้นึ กับความพอใจของใคร เช่น ระบบบาบัดน้า เสียมีคุณคา่ ในการบาบดั น้าเสียได้ดว้ ยตวั ระบบเอง สว่ น subjective value เปน็ คณุ คา่ ท่ขี น้ึ อยู่กับ ความพอใจของแต่ละคน เชน่ ระบบบาบดั นา้ เสียจะมีคณุ ค่าในการบาบัดนา้ เสยี หรือไม่ ขึ้นอยกู่ ับการ ตดั สนิ ใจของผูใ้ ช้ ว่าจะนาระบบบาบัดนา้ เสยี ดังกลา่ วไปใช้หรอื ไม่ เปน็ คุณค่าท่ีขึน้ อยกู่ บั ความพอใจ ของแตล่ ะคน ___________________________ ปริญญาปรัชญาดษุ ฎบี ัณฑติ …..ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปรัชญากับการวิจยั เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรัชญาเทคโนโลยี สิง่ แวดล้อมเพอื่ การเกษตร และวชิ าระเบียบวธิ วี ิจยั ขั้นสูงทางเทคโนโลยสี งิ่ แวดล้อมเพอื่ การเกษตร สาหรับนกั ศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสง่ิ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวนั ปี พ.ศ.2562 พิมพเ์ ผยแพร่โดย ลาวณั ย์ วิจารณ์ วทิ ยาลัยวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรงั สติ
lawan 13 การวจิ ยั การค้นหา การเข้าถึงและทาความเข้าใจ ความจริง/สิ่งที่เป็นจริง(truth/reality) ในทาง ปรัชญาจะใช้การอ้างเหตุผล (reasoning) เปน็ เครอื่ งมือ ทาใหค้ นท่วั ไปเข้าถึงและทาความเข้าใจความ จรงิ ไดย้ าก สง่ ผลให้การอ้างเหตุผล(reasoning) มิได้รับการยอมรบั จากคนทั่วไปและกลายเป็น อุปสรรคสาคัญในการคน้ หา เขา้ ถึง และทาความเข้าใจความจริง/ส่ิงท่ีเป็นจริง(truth/reality) เนื่องจากวิธกี ารดงั กลา่ วขาดประจกั ษพ์ ยานท่เี ปน็ เชงิ ประจักษ์(empirical) เปน็ ผลให้เกดิ แนวคิดในการ ค้นหา การเข้าถึง และการทาความเข้าใจความจริงที่งา่ ยขนึ้ ซึง่ วธิ ีการดงั กล่าวกค็ อื การใช้หลกั เหตุ และผล (Cause and effect) ตามแนวคิดทางวทิ ยาศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพสิ ูจนท์ ดสอบดว้ ย ประสบการณ์ประสาทสัมผัส (sensory experiences)ทั้ง 5 คอื การเหน็ ได้ดว้ ยตา ได้ยนิ ด้วยหู ได้กลิ่น ดว้ ยจมกู ล้มิ รสไดด้ ว้ ยล้ิน และสมั ผสั ได้ดว้ ยกาย แนวคิดดังกล่าวไดร้ บั การพัฒนาและเกดิ การยอมรบั ในกลุ่มคนทั่วไป เพราะทาใหค้ นทว่ั ไปสามารถค้นหา ทาความเขา้ ใจและเขา้ ถึง truth / reality ต่างๆ ได้ ท้ังน้ีเนื่องจากมนษุ ย์ทุกคนมปี ระสาทสมั ผสั ทงั้ 5 เชน่ เดยี วกัน ดังนัน้ เมอ่ื สัมผัสได้ตรงกันก็ หมายความว่าสงิ่ น้นั ๆเปน็ จริง ระบบแนวคิดนเี้ รียกว่า Empiricism ท่ไี ดม้ าจากการสังเกตหรือการ ทดลองทาจรงิ ๆ ซงึ่ ถอื ได้ว่าเป็นตน้ กาเนดิ ของกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ ่ีใช้คน้ หา ความจรงิ /สงิ่ ท่ี เป็นจรงิ (truth/reality) หรือสิ่งทีเ่ ราเรียกกันว่า การวจิ ัย (research) ในปัจจบุ นั นนั่ เอง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง Reasoning กับ Research จากระบบแนวคดิ ทางวิทยาศาสตร์ทเี่ กิดขนึ้ จนพฒั นามาเป็นการวจิ ัยในปัจจุบัน แมจ้ ะเกิดขึน้ จากขอ้ จากัดของการอ้างเหตผุ ล(reasoning) ทาใหก้ ารเขา้ ถึงความเข้าใจ truth/reality ไดย้ ากก็ตาม แตร่ ะบบแนวคดิ ทางวิทยาศาสตร์ ยงั คงนาการอา้ งเหตุผล(reasoning) ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื เพื่อกาหนด กรอบแนวคดิ การวจิ ัยในปจั จุบนั โดยการวิจัยแบบ Inductive approach จะใช้การอา้ งเหตผุ ลแบบ inductive inference reasoning สว่ นการวิจัยประเภท deductive approach จะใช้การอา้ งเหตุผลแบบ deductive inference reasoning นอกจากนน้ั การอ้างเหตุผลยังมีบทบาทเปน็ เครื่องมอื และวิธกี ารในค้นหาความจรงิ ซ่งึ ใชห้ ลัก เหตุและผล (cause and effect) ท่ีทาการพสิ ูจนท์ ดสอบ (verifiable) โดยใชป้ ระสบการณ์จาก ประสาทสัมผสั (sensory experiences) ทงั้ 5 ดงั ภาพ 10 ___________________________ ปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบัณฑติ …..ความสมั พนั ธร์ ะหว่างปรชั ญากบั การวจิ ยั เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรชั ญาเทคโนโลยี สง่ิ แวดลอ้ มเพ่อื การเกษตร และวิชาระเบียบวิธวี จิ ัยข้นั สูงทางเทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ มเพือ่ การเกษตร สาหรบั นกั ศึกษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยีสงิ่ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทมุ วัน ปี พ.ศ.2562 พมิ พเ์ ผยแพร่โดย ลาวณั ย์ วิจารณ์ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
14 Philosophy Research Ianpdpuroctaicvhe Reasoning Inductive inference reasoning Conceptual frame work dapedpurocaticvhe Deductive inference reasoning Cause and effect Sensory experiences Verifiable Truth/reality Truth/reality Inductive inference reasoning เร่มิ จากการใชค้ วามรู้ท่เี ป็นความจริงเฉพาะ (facts) เป็นจดุ เริม่ ตน้ แล้วทาการพสิ ูจนท์ ดสอบ เพอื่ คน้ หา ความรู้ทีค่ วามจรงิ สากลเปน็ (truth) หรอื เป็นการอา้ งเหตผุ ลจาก Particular to General deductive inference reasoning เริม่ จากการใชค้ วามจริงสากล หรอื truth เป็นจุดเร่ิมต้น แล้วทาการพสิ ูจน์ซา้ วา่ truth ดังกลา่ วยังคงเปน็ จริงอยู่ตอ่ ไปหรือไม?่ อีกนัยหน่งึ คือ เป็นการอา้ งเหตผุ ลจาก General to Particular lawan ภาพที่ 10 ความสมั พันธ์ระหวา่ ง Reasoning กับ Research ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดุษฎีบัณฑติ …..ความสมั พนั ธ์ระหว่างปรัชญากับการวิจยั เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรัชญาเทคโนโลยี ส่ิงแวดล้อมเพอื่ การเกษตร และวชิ าระเบียบวิธีวิจยั ขั้นสูงทางเทคโนโลยสี ิง่ แวดล้อมเพอ่ื การเกษตร สาหรบั นักศกึ ษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยปี ทมุ วัน ปี พ.ศ.2562 พมิ พ์เผยแพร่โดย ลาวัณย์ วิจารณ์ วทิ ยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรงั สิต
15 การวิจัยแบบ Inductive approach และ deductive approach 1) การวิจัยแบบ Inductive approach การวจิ ัยประเภทน้ี เริม่ ต้นจากการค้นหาความจรงิ สากล/ส่งิ ท่ีเปน็ จรงิ (truth/reality) จากสง่ิ ที่ รแู้ ล้ว(facts/appearance)หรืออีกนัยหนงึ่ ก็คือ เปน็ การวจิ ัยท่ีเรม่ิ ตน้ จาก ส่งิ ทเ่ี ฉพาะเจาะจง (particular)ไปสู่สง่ิ ที่เป็นทว่ั ไป/สากล(general/universal) ผลผลิตท่ไี ดจ้ ากการวิจยั ประเภทนี้ คือ แนวคดิ หรอื ทฤษฏตี ่างๆ การวจิ ยั ประเภทน้จี ะใชว้ ิธีการอ้างเหตผุ ลแบบ inductive inference reasoning เปน็ ตัวกาหนดกรอบความคิดและวิธกี ารวจิ ัย ตลอดจนทาการพิสูจนท์ ดสอบโดย ประสบการณข์ องประสาทสมั ผัสทง้ั 5 ( sensory experiences) ดังภาพที่ 11 การอา้ งเหตุและผล inductive inference reasoning fact / appearance ที่รู้แลว้ กรอบการวจิ ยั พิสูจน์ทดสอบ truth / reality “สิ่งทเี่ ฉพาะเจาะจง” (particular) “สิ่งทเ่ี ป็นทวว่ั ไป/สากล” ประสาทสัมผสั ท้งั 5 (general/universal) Sensory experiences lawan ภาพท่ี 11 การวิจัยแบบ Inductive approach 2) การวจิ ยั แบบ deductive approach การวิจัยประเภทน้เี ร่มิ จากการค้นหาความจริงเฉพาะ/สง่ิ ทีเ่ ป็นปรากฏ(facts/appearance) จากความจริงสากล/สิ่งทีเ่ ปน็ จริง(truth/reality)ทร่ี ู้แลว้ หรอื อีกนยั หน่ึง กค็ อื เป็นการวจิ ัยที่เรม่ิ ต้น จาก ส่ิงทเี่ ป็นทั่วไป/สากล(general/universal)ไปสู่สง่ิ ทเ่ี ฉพาะเจาะจง(particular) ผลผลิตทไ่ี ดจ้ าก การวจิ ัยประเภทน้ี คือ การพิสจู น์ซ้าวา่ ความจริงสากล/สิง่ ท่เี ป็นจริง(truth/reality)ท่ีรูแ้ ล้วนน้ั ยงั คง เปน็ ความจรงิ อยูห่ รือไม่ ? การวิจัยประเภทน้ีจะใชว้ ิธกี ารอ้างเหตผุ ลแบบ deductive inference reasoning เปน็ ตวั กาหนดกรอบความคดิ และวธิ ีการวิจัย ตลอดจนทาการพิสูจนท์ ดสอบโดยใช้ ประสบการณข์ องประสาทสัมผัสท้ัง 5 ( sensory experiences) ดงั ภาพท่ี 12 deductive inference reasoning truth / reality ทีร่ ูแ้ ลว้ กรอบการวจิ ยั พสิ ูจนท์ ดสอบ fact / appearance “สิ่งทเี่ ป็นทว่ั ไป/สากล” (general/universal) “สิ่งท่เี ฉพาะเจาะจง” (particular) ประสาทสัมผสั ท้งั 5 sensory experiences ภาพที่ 12 การวจิ ยั แบบ deductive approach ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดษุ ฎบี ัณฑติ …..ความสมั พนั ธ์ระหว่างปรัชญากบั การวจิ ยั เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรัชญาเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอ้ มเพื่อการเกษตร และวิชาระเบียบวธิ วี ิจยั ข้ันสงู ทางเทคโนโลยสี ิ่งแวดล้อมเพ่อื การเกษตร สาหรับนกั ศึกษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสิง่ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทมุ วนั ปี พ.ศ.2562 พิมพ์เผยแพร่โดย ลาวณั ย์ วจิ ารณ์ วิทยาลัยวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสติ
lawan 16 สรปุ ไดว้ ่าการค้นหาความจรงิ (truth/reality) โดยใช้หลกั เหตแุ ละผล(cause and effect) หรอื ทเี่ รียกวา่ การวจิ ัยในปจั จบุ ันน้ันก็ยงั คงนาการอ้างเหตุผล(reasoning) ซ่งึ เปน็ วธิ ีการคน้ หา ความจรงิ ในทางปรชั ญามาใชเ้ ปน็ เครือ่ งมือและวิธกี าร เพ่ือกาหนดกรอบแนวคดิ และการค้นหาคาตอบ ของการวิจัย ซ่ึงการค้นหาคาตอบโดยใช้การอา้ งเหตผุ ล(reasoning) เป็นวธิ กี ารทีส่ ามารถดาเนินการ ไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง โดยผลจากการดาเนินการดังกล่าวจะส่งผลใหเ้ กิดปัญญาความรอบรู้ จากการคน้ หา มากมาย การอา้ งเหตุผล(reasoning)ในทางปรัชญา จึงเป็นเครอื่ งมือสาคญั สาหรบั ผู้ท่ีมคี วามรักในการ คน้ หาปัญญาความรอบรู้(wisdom) หรือความรทู้ ีเ่ ปน็ จริงและเปน็ ความรู้ที่มีคณุ คา่ นอกจากการวิจัยจะมคี วามสมั พันธเ์ ชื่อมโยงกับแนวคิดในทางปรัชญาแลว้ เม่ือพิจารณาการ วิจยั ในสถาบนั การศกึ ษา โดยเฉพาะอย่างย่งิ การศึกษาระดับอุดมศกึ ษา จะพบว่า การวิจัยเป็น ขอ้ กาหนดหนึ่งในการศึกษาระดับน้ี โดยจะแตกตา่ งกันไปตามระดับการศกึ ษา คือ การศกึ ษาระดับ ปริญญาตรี ปรญิ ญาโท และปริญญาเอก ดังน้ันเมอ่ื พจิ ารณาเช่อื มโยงความสมั พันธข์ องการวิจัยกับปีรา มดิ ความรู้ของ Hideo Yamazaki จะเห็นถึงระดบั ของการวิจัย (degree of research) ดงั น้ี ดังภาพที่ 13 การวจิ ยั ในระดบั ปรญิ ญาตรี ซึ่งเทียบเคียงได้กบั ความร้ลู าดับท่ี 2 ของปีรามิดความรู้ (information) คอื ความรูท้ ผ่ี ่านการวิเคราะห์ (analyze) แยกแยะและจัดหมวดหมู่ ขอ้ มูลท่ีเปน็ data เพอ่ื ให้สามารถนาความรู้ดังกลา่ วไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น เชน่ การ นาขอ้ มูลต่างๆทไี่ ด้จากการสารวจมาวิเคราะหแ์ ละจดั หมวดหมู่ตามกลุ่มอายุ เพศ ระดบั การศึกษา และการประกอบอาชีพ เป็นตน้ ดงั น้นั เปา้ หมายหลักของการทา วิจยั ของผูท้ ีจ่ บการศกึ ษาในระดับน้ี อย่างน้อยควรเปน็ ความรูท้ ี่ผ่านกระบวนการ วเิ คราะห(์ analyze) แยกแยะและจัดหมวดหมู่ การวจิ ัยในระดบั ปริญญาโทเทยี บเคยี งได้กับความรลู้ าดบั ที่ 3 ของปีรามดิ ความรู้ (knowledge) คอื ความรู้ทผี่ ่านการสงั เคราะห์ (synthesize) ประสานเชอ่ื มโยง information เขา้ ดว้ ยกนั เชน่ เช่อื มโยงความสมั พนั ธข์ องอายุกับการประกอบอาชีพ เพศกบั ระดับการศกึ ษา และเพศกับการประกอบอาชีพ เป็นตน้ ดังน้นั เป้าหมายหลกั ของการทาวจิ ัยของผูท้ ีจ่ บการศึกษาในระดับนี้ อย่างนอ้ ยควรเป็นความรูท้ ่ีผา่ น กระบวนการการสังเคราะห์ information และประสานเชอ่ื มโยง information เข้า ดว้ ยกนั การวจิ ยั ในระดับปรญิ ญาเอกเทียบเคียงได้กบั ความรูล้ าดับท่ี 4 ของปีรามิดความรู้ คือ ความร้ทู ี่เปน็ wisdom ซึง่ ก็คอื ความรู้ที่สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ (apply) ตามวตั ถุประสงค์ เช่น การนาองค์ความรู้เกี่ยวกับอิฐมอญ ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการ บาบดั นา้ เสยี ในชมุ ชนท่ีมีลกั ษณะเหมาะสม เปน็ ต้น ดงั น้ันเป้าหมายหลกั ของการทา วิจยั ของผูท้ ่ีจบการศกึ ษาในระดับน้ี จงึ ควรเปน็ ความรทู้ ี่สามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้ จรงิ และต้องมีคุณคา่ ดว้ ย ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑติ …..ความสัมพันธร์ ะหว่างปรชั ญากบั การวจิ ัย เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรัชญาเทคโนโลยี ส่งิ แวดล้อมเพอ่ื การเกษตร และวิชาระเบียบวธิ วี ิจัยข้ันสูงทางเทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ มเพ่อื การเกษตร สาหรับนักศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ิง่ แวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยีปทมุ วนั ปี พ.ศ.2562 พมิ พเ์ ผยแพร่โดย ลาวัณย์ วิจารณ์ วทิ ยาลยั วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
17 apply W การวจิ ยั ระดบั ปริญญาเอก wisdom การวจิ ยั ระดบั ปริญญาโท การวจิ ยั ระดบั ปริญญาตรี synthesize K knowledge analyze I information gather D data ภาพที่ 13 ความเชอ่ื มโยงของระดบั การวิจยั กบั Pyramid of knowledge จากความเช่อื มโยงของปรี ามดิ ความรู้และการวจิ ัย จะเหน็ ได้ว่าผู้ท่ีจบการศึกษาระดับตา่ งๆ ท้งั ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท และปรญิ ญาเอกท่ีต้องทาวิจยั จึงจาเปน็ ต้องทาความเขา้ ใจถงึ แนวคิดในการ วิจัยแต่ละระดับ เพ่ือใหก้ ารคน้ หาความรใู้ นแต่ละระดับบรรลุเป้าหมายท่ีควรจะเปน็ โดยเฉพาะการ คน้ หาความรู้ของผทู้ ี่ศึกษาในระดบั ปริญญาเอก ซงึ่ เปน็ การศกึ ษาระดบั สูงสุดของมหาวิทยาลัย อีกทง้ั เป้าหมายหลักของผู้ท่ีจบการศกึ ษาในระดับนี้ จะตอ้ งสามารถคน้ หาความรทู้ ่ีเป็นปัญญาความรอบรู้ (wisdom)ไดเ้ ช่นเดียวกบั เปา้ หมายในทางปรัชญา จากความสมั พันธ์ขา้ งต้นจึงกล่าวไดว้ า่ ผทู้ ่ีจบ การศึกษาในระดับปริญญาเอก โดยเฉพาะอย่างยิง่ ปรญิ ญาเอกทไี่ ดร้ บั ปรญิ ญาปรัชญาดษุ ฎีบัณฑติ นอกจากจะตอ้ งเปน็ ผ้ทู ีส่ ามารถเชอ่ื มโยงกบั ความรู้และการวจิ ัยได้อย่างดแี ล้ว ยงั ต้องสามารถเชือ่ มโยง ความรแู้ ละการวิจัยเขา้ กบั “ปรัชญา”ได้อย่างกลมกลนื จงึ จะทาให้บัณฑิตผ้นู นั้ มีคณุ ลกั ษณะของผู้ท่ี ได้รับปรญิ ญาปรชั ญาดุษฎีบัณฑิต ทีแ่ ทจ้ รงิ lawan ปรญิ ญาปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑติ .......ความสัมพนั ธร์ ะหว่างปรชั ญากบั การวิจัย จากความสมั พนั ธข์ องปรัชญา(philosophy)กบั การวจิ ยั (research) ในทางปรชั ญาจะใช้การ อ้างเหตุผล(reasoning)เป็นสิ่งเชือ่ มโยงเพอ่ื อธบิ ายความสมั พนั ธด์ ังกลา่ ว ดังน้ันหากเรานาปรชั ญา (philosophy)มาใช้เปน็ เครื่องมือหรือเป็นวธิ ีการ(means)เพอื่ เชือ่ มโยงสัมพนั ธ์กบั การวิจยั (research)โดยใช้ Pyramid of knowledge มาเทยี บเคียงอีกสว่ นหนงึ่ จะพบวา่ ความรู้ลาดับขั้น ตา่ สุดในปีรามดิ ความรู้(Pyramid of knowledge) คอื ขอ้ มูล(data)ทผ่ี ่านพิสูจนท์ ดสอบ(verifiable) ตามหลักเหตแุ ละผล(cause and effect) ซ่งึ ความรลู้ าดับนใ้ี นทางปรชั ญา คือ facts/appearanceท่ี ถูกรวบรวม(gather)เข้าไวเ้ ป็น data ขณะท่ปี ลายยอดของปีรามิดความรู้ กค็ อื ปัญญาความรอบรู้ หรือ wisdom ซ่ึงเป็นจดุ สูงสุดท่ีปรัชญามเี ป้าหมายตอ้ งไปใหถ้ งึ เชน่ เดียวกับเป้าหมายหลกั ของ การศึกษาระดบั ปรญิ ญาเอกทผ่ี ้จู บการศกึ ษาในระดับน้ีต้องคน้ หาความรู้ท่ีสามารถนาไปประยกุ ต์ ใช้ (apply)ได้ตรงตามวตั ถุประสงค์ ซง่ึ หมายถึง wisdom และการได้มาซง่ึ ปญั ญาความรอบรู้ หรือ wisdom ดงั กล่าว นอกจากจะต้องมกี ารพิสูจน์ทดสอบ(verifiable)ตามหลกั เหตุและผล(cause and effect)แลว้ การอ้างเหตุผล ทั้ง deductive inference reasoning and inductive inference ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดุษฎบี ัณฑติ …..ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรชั ญากับการวิจยั เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรชั ญาเทคโนโลยี สิง่ แวดล้อมเพื่อการเกษตร และวชิ าระเบียบวธิ ีวิจัยขั้นสงู ทางเทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ มเพ่ือการเกษตร สาหรบั นักศึกษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ปี พ.ศ.2562 พมิ พ์เผยแพร่โดย ลาวัณย์ วิจารณ์ วทิ ยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
18 reasoning ซ่ึงเปน็ วิธกี ารในทางปรชั ญา ยังคงเป็นท้ังเคร่อื งมอื และวธิ กี ารที่มกี ารนามาใชใ้ น กระบวนการตา่ งๆของการวิจยั ทั้งการกาหนดกรอบการวจิ ยั และวิธีการศกึ ษา จากความสัมพันธ์เชอื่ มโยงดงั กล่าว จงึ สรปุ ได้ว่า คณุ ลกั ษณะเฉพาะของผู้จบการศกึ ษาใน ระดบั Ph.D. หรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั ปรัชญาดุษฎีบณั ฑติ ทกุ คน จะต้องมีลกั ษณะดงั ต่อไปนี้ ประการแรก ปรชั ญาดษุ ฎีบัณฑติ ทุกคน ต้องไมต่ ัดสินทุกส่งิ ทกุ อย่างบนพน้ื ฐานของความร้สู ึก จากส่งิ ท่ีเหน็ แตป่ รัชญาดุษฎีบัณฑติ ทกุ คน ตอ้ งคิดและตอ้ งตัง้ คาถามอยูใ่ นใจตนเองอย่เู สมอวา่ ฐานราก ของส่งิ ทต่ี นกาลงั ค้นหาน้นั ๆ หรือ data น้นั ๆแท้จริงแลว้ เปน็ truth หรอื fact หรอื appearance หรอื reality กลา่ วคอื ปรชั ญาดษุ ฎีบัณฑติ ทกุ คนตอ้ งแยกแยะใหอ้ อกว่า อะไรคอื truth ? อะไรคือ fact ? อะไร คอื appearance ? และอะไร คอื reality ?.ดงั ภาพท่ี 14 เพราะความเข้าใจในฐานรากทไ่ี ม่เป็น จรงิ จะทาให้สิ่งทไี่ ดจ้ ากการคน้ พบมใิ ชส่ ง่ิ ที่เปน็ จรงิ apply W wisdom synthesize K fact ? knowledge appearance ? analyzelawan I truth ? information reality ? gather D data ภาพท่ี 14 ฐานของการวิจยั ระดบั ปรญิ ญาเอก ประการท่ีสอง ปรชั ญาดุษฎีบณั ฑิตทกุ คนต้องเข้าใจดว้ ยวา่ ความรู้มรี ะดบั ข้ัน ตามแนวคิดของปี รามดิ ความรู้ (Pyramid of knowledge หรือ DIKW Hierarchy) โดย data เปน็ ฐานรากของ ปรี ามดิ การวิเคราะห์ data จะส่งผลให้ความรู้นั้นพฒั นาเป็น information ขณะทก่ี ารสังเคราะห์ information จะส่งผลให้ความรนู้ ้ันพฒั นาเป็น knowledge และสดุ ท้ายการประยกุ ต์ใช้ knowledge จะ ส่งผลให้ความรนู้ ้นั พัฒนาเปน็ wisdom ซึง่ นอกจาก wisdom จะเป็นความร้สู งู สุดของปีรามดิ ความรู้แลว้ ยงั เป็นความรู้ในทางปรชั ญาซง่ึ หมายถึง ความรู้อันประเสริฐท่แี ละตอ้ งเปน็ ความรูท้ ม่ี ีคุณค่า ปรชั ญาดุษฎี บัณฑติ ทุกคนจงึ ตอ้ งไปให้ถึงความรู้ดังกล่าว ดงั นนั้ การวิเคราะหค์ วามรู้หรือสง่ิ ท่ีตนค้นหาวา่ ..ความรู้นัน้ ๆ เปน็ ความรูร้ ะดบั ใด? และเปน็ ความรทู้ ่มี ีคุณค่าหรอื ไม่? จึงเปน็ สงิ่ จาเปน็ ทตี่ อ้ งให้ความสาคญั หากความรู้ ท่ีคน้ หาเป็นเพยี ง information หรือ knowledge หรือเป็นความร้ทู ไ่ี ม่มคี ุณคา่ การก้าวข้ามไปสู่ความรู้ อนั ประเสริฐท่เี ปน็ wisdom จึงเป็นภารกิจสาคัญที่ปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑติ ทกุ คนตอ้ งดาเนินการค้นหา โดยท่ี ความรหู้ รือสง่ิ ทีต่ นคน้ หาตอ้ งเปน็ ความร้ทู ่ีตอ้ งผา่ นกระบวนการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และนาความรู้ ดงั กล่าวไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้จริง อีกทัง้ ยงั ต้องเป็นความรู้ท่ีมีคุณค่า ซง่ึ วิธกี ารค้นหาว่า ความรู้อนั ประเสริฐ ดังกลา่ ววา่ มีคณุ ค่า(value)หรือไม่? ตอ้ งพจิ ารณาจากคุณค่า 4 ลักษณะ คือ คุณค่าภายใน (intrinsic value) หรือคุณค่าภายนอก (extrinsic value) หรือคุณคา่ ทมี่ อี ยใู่ นตวั ของมันเองไม่ขึน้ กับความพอใจ ของใคร (objective value) หรอื คุณค่าที่ขน้ึ อยู่กับความพอใจของแต่ละคน (subjective value) ทั้งนี้ ___________________________ ปริญญาปรชั ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ …..ความสมั พันธ์ระหว่างปรชั ญากบั การวิจัย เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรัชญาเทคโนโลยี ส่ิงแวดลอ้ มเพอื่ การเกษตร และวิชาระเบียบวิธวี จิ ยั ข้ันสูงทางเทคโนโลยสี ิง่ แวดล้อมเพ่ือการเกษตร สาหรับนักศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสง่ิ แวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยีปทุมวัน ปี พ.ศ.2562 พิมพเ์ ผยแพร่โดย ลาวัณย์ วจิ ารณ์ วทิ ยาลยั วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสติ
19 เนื่องจากสิง่ ที่คน้ หาแม้วา่ จะเปน็ ความจริงแตห่ ากขาดซง่ึ คณุ ค่าจะสง่ ผลใหค้ วามร้นู ัน้ ๆ ไมส่ ามารถ นาไปสกู่ ารประยกุ ต์ใช้ทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อมวลมนุษย์ไดแ้ ทจ้ ริง ความรู้ดงั กลา่ วตามแนวคิดทางปรัชญา จะมิใช่ปญั ญาความรอบรู้ หรือ wisdom สาหรบั วธิ กี ารทีจ่ ะทาให้ไดม้ าซึง่ สิ่งสาคญั สองประการขา้ งต้นน้นั ในทางปรชั ญาจะใช้การอา้ ง เหตุผล (reasoning) ทัง้ inductive inference reasoning และ deductive inference reasoning ขณะที่ ในทางการวิจยั (research)จะใชเ้ หตแุ ละผล(cause and effect) ควบคไู่ ปกับการพสิ ูจน์ทดสอบ (verifiable) โดยใช้ประสบการณ์ของประสาทสัมผสั ทง้ั 5 (sensory experiences) ซงึ่ การพิสจู น์ ทดสอบโดยการวจิ ยั น้ันจะพบว่ามีการนาการอ้างเหตุผล(reasoning) ทงั้ inductive inference reasoning และ deductive inference reasoning ในทางปรัชญา มาใช้เป็นเครอื่ งมอื และวธิ ีการ ด้วยเช่นกนั ดงั ภาพท่ี 15 ดังนนั้ ความเข้าใจถึงหลักการอ้างเหตผุ ล(reasoning) และหลกั การใช้เหตุและ ผล(cause and effect) จงึ เป็นสงิ่ สาคัญทด่ี ุษฎีบณั ฑิตทกุ คนต้องใหค้ วามสาคญั Reasoning Inductive inference reasoning Deductive inference reasoning application Conceptual frame work aim = wisdom sensory experiences lawan apply W intrinsic value wisdom extrinsic value objective value synthesize K subjective value knowledge analyze I information gather D data ภาพท่ี 15 เปา้ หมายของการวจิ ยั ระดบั ปริญญาเอก ประการสุดท้าย กค็ ือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทุกคนตอ้ งเป็นผู้ทร่ี ักในการสร้างปญั ญาความรอบรู้ ตอ้ งตระหนกั คิดอยเู่ สมอว่า การคน้ หาความรหู้ รือการสร้างปัญญาความรอบรู้( wisdom ) เป็นภารกิจที่ ตอ้ งทาอยา่ งตอ่ เน่อื ง ทงั้ น้เี นื่องจากกระบวนการในการค้นหาความรทู้ ี่เป็นจรงิ และมคี ุณค่าหรอื wisdom น้นั แท้จริงแลว้ เปน็ กระบวนการท่เี กดิ จากความสมั พันธร์ ะหว่างการ inductive inference reasoning และ deductive inference reasoning ทเ่ี กิดข้ึนอย่างต่อเน่อื งไมร่ ้จู กั จบสน้ิ โดยที่การคน้ หาความรู้ ดังกลา่ วมีวิธีการดังนี้ การคน้ หาความรู้ทเี่ ริ่มจาก truth (ความจริงของทุกส่ิงในประเภทเดยี วกัน/ความจรงิ สากล) ส่ิงทตี่ ้องค้นหา คือ truth (ความจริงของทกุ ส่งิ ในประเภทเดยี วกัน/ความจริงสากล)น้ันๆ ยังคงเป็นความจรงิ ในสถานการณต์ ่างๆหรือไม่ ? วธิ กี ารค้นหาดาเนินการไดโ้ ดยใช้ deductive approach ซ่งึ ความรทู้ ี่ได้จากการคน้ หาความจรงิ เกิดได้ 2 กรณี คอื ___________________________ ปริญญาปรชั ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ …..ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปรชั ญากับการวิจยั เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรชั ญาเทคโนโลยี สิง่ แวดลอ้ มเพ่อื การเกษตร และวิชาระเบียบวิธีวิจัยขัน้ สูงทางเทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ มเพอื่ การเกษตร สาหรับนกั ศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ่งิ แวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยปี ทมุ วัน ปี พ.ศ.2562 พมิ พเ์ ผยแพร่โดย ลาวัณย์ วจิ ารณ์ วทิ ยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรงั สิต
20 1. กรณี truth (ความจรงิ ของทกุ สง่ิ ในประเภทเดียวกัน/ความจริงสากล) นน้ั ๆ ยงั คงเป็นจรงิ อยใู่ นสถานการณต์ า่ งๆ ดงั ภาพท่ี 16 แสดงถงึ การค้นหาความรู้โดยใช้ deductive approach เพือ่ พิสจู น์ซ้าว่า truth a ยังคงเป็นจรงิ ในสถานการณต์ า่ งๆ หรอื ไม่? ผลจากการพิสูจน์ซา้ พบวา่ truth a ยงั คงเปน็ เปน็ จริงอยู่ D D D D truth a D deductive approach truth a ความจริงสากลในสถานการณ์ a ภาพท่ี 16 การค้นหาความรู้ กรณี truth ยงั คงเป็นจรงิ ในสถานการณ์ต่างๆ lawan 2. กรณี truth (ความจริงของทุกสิ่งในประเภทเดียวกัน/ความจรงิ สากล) นัน้ ๆ ไม่เป็นจริงใน บางสถานการณ์ ดงั ภาพท่ี 17 (a) แสดงถึงการค้นหาความรู้โดยใช้ deductive approach เพอ่ื พสิ ูจน์ ซา้ วา่ truth a ยงั คงเป็นจรงิ ในสถานการณต์ ่างๆ หรอื ไม?่ ซ่งึ ผลจากการพิสจู น์ซา้ พบวา่ trutha ไมเ่ ปน็ จรงิ ในบางสถานการณ์ ( ≠truth a ) ผลจากการพสิ จู นซ์ า้ ท่ีพบวา่ truth a ไม่เป็นจริงในบางสถานการณข์ า้ งต้น คือ โจทย์การวจิ ัย ที่จะนาไปสู่การคน้ หาความจริงเฉพาะ ซง่ึ ในทีน่ ี้ fact b ดังภาพท่ี 17 (b) (a) D (b) D D ≠ truth a D ≠ truth a fact b D D D D D D truth a truth a D deductive approach truth a ความจริงสากลในสถานการณ์ a fact b ความจริงเฉพาะสถานการณ์ b ภาพท่ี 17 การค้นหาความรู้ กรณี truth ไม่เป็นจริงในบางสถานการณ์ ___________________________ ปริญญาปรัชญาดุษฎบี ัณฑติ …..ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปรัชญากบั การวิจัย เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรชั ญาเทคโนโลยี สิง่ แวดล้อมเพ่ือการเกษตร และวิชาระเบียบวธิ วี จิ ัยขนั้ สงู ทางเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเพอ่ื การเกษตร สาหรับนักศกึ ษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยีสง่ิ แวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยีปทุมวนั ปี พ.ศ.2562 พมิ พ์เผยแพรโ่ ดย ลาวัณย์ วจิ ารณ์ วทิ ยาลยั วิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรังสติ
21 การคน้ หาความรู้ท่ีเรม่ิ จาก fact (ความจรงิ เฉพาะ) ส่ิงทต่ี ้องค้นหา คอื ค้นหา truth (ความจรงิ สากล) จากความจริงเฉพาะ (fact ทร่ี ู้แลว้ ) วิธีการคน้ หาดาเนินการได้โดยใช้ inductive approach เพื่อพสิ จู น์ว่า fact ที่ร้แู ลว้ ยงั คงเป็นจริงใน สถานการณ์อ่นื ๆ ซ้ากันหรอื ไม?่ ซึ่งความร้ทู ่ไี ด้จากการค้นหาความจรงิ เกดิ ได้ 2 กรณี คอื 1. กรณี fact ทรี่ ู้แล้วยังคงเปน็ จริงในสถานการณอ์ นื่ ๆซา้ กัน ในทางปรัชญาใช้หลัก reasoning สรุปไดว้ ่า fact ท่รี แู้ ลว้ คอื truth ชดุ ใหม่ ดงั ภาพที่ 18 แสดงถงึ การค้นหาความรโู้ ดยใช้ inductive approach เพ่ือพิสจู น์ซา้ ว่า fact b ยังคงเป็นจรงิ ในสถานการณต์ า่ งๆ หรือไม่? ผลจากการพสิ ูจน์ซ้า พบว่า fact b ยังคงเปน็ จรงิ ซ้าๆกัน จึงสรปุ ได้วา่ fact b ทีเ่ ปน็ จรงิ ซา้ ๆกัน คอื truth ชุดใหม่ ซ่งึ ในท่ีนี้ คือ truth b I I I Inductive approach I fact b truth a ความจริงสากลในสถานการณ์ a FactFbact Fbact b fact b ความจริงเฉพาะสถานการณ์ b truth b lawan ภาพท่ี 18 การค้นหาความรู้ กรณี fact ทรี่ ู้แล้วยังคงเปน็ จริงในสถานการณ์ตา่ งๆ 2.กรณี fact ทีร่ แู้ ลว้ ไมเ่ ปน็ จริงในบางสถานการณ์ ในทางปรชั ญาใช้หลกั reasoning สรปุ ไดว้ า่ fact ท่รี ูแ้ ล้ว ทาใหเ้ กิด fact ชุดใหม่ ทจ่ี ะนาไปสู่โจทยว์ ิจัย เพือ่ นาไปสู่การคน้ หา truth ชดุ ใหม่ตอ่ ไปดังภาพท่ี 19 แสดงถึงการคน้ หาความรโู้ ดยใช้ inductive approach เพื่อพิสูจน์ทดสอบ fact b ยังคงเป็นจรงิ ในสถานการณ์ตา่ งๆ หรอื ไม่? ซงึ่ ผลจากการพสิ ูจน์ซา้ พบว่า fact b ไมเ่ ป็นจริงในบาง สถานการณ์ ( ≠fact b ) ซึง่ fact b ท่ีไม่เปน็ จริงในบางสถานการณ์ขา้ งต้นคือ โจทย์การวิจัยที่จะ นาไปสู่การค้นหาความจรงิ เฉพาะ /ความจรงิ สากล ใหม่ต่อไป I I I R โจทย์การวจิ ยั เพ่ือค้นหา fact/new truth I ≠ fact b fact b I Inductive approach FactFbact Fbact b R truthb ความจริงสากลในสถานการณ์ b fact b ความจริงเฉพาะสถานการณ์ b truth b fact/new truth ภาพที่ 19 การคน้ หาความรู้ กรณี fact ไม่เป็นจรงิ ในบางสถานการณ์ ___________________________ ปรญิ ญาปรชั ญาดุษฎีบัณฑติ …..ความสมั พันธ์ระหวา่ งปรัชญากับการวจิ ัย เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรัชญาเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ การเกษตร และวิชาระเบียบวิธวี ิจัยข้นั สูงทางเทคโนโลยีส่ิงแวดล้อมเพอ่ื การเกษตร สาหรบั นักศึกษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ่งิ แวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีปทมุ วัน ปี พ.ศ.2562 พิมพเ์ ผยแพรโ่ ดย ลาวัณย์ วจิ ารณ์ วทิ ยาลยั วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสติ
22 ดงั นน้ั จะเห็นไดว้ ่า truth และ fact จะเปน็ จุดเร่มิ ต้นท่ีนาไปสโู่ จทย์วจิ ยั เพ่อื ค้นหาความรทู้ ่ี เป็นจรงิ ชุดใหมต่ ่อๆไป การคน้ หา truth การพสิ ูจน์ truth และค้นหา fact ลว้ นเป็นกระบวนการที่ต้อง ใช้ความสมั พนั ธเ์ ช่อื มโยงระหว่างการอ้างเหตผุ ลทั้ง inductive inference reasoning และ deductive inference reasoning อยา่ งต่อเนอ่ื ง ซ่งึ ผลจากความสมั พนั ธ์ดงั กลา่ ว จะเปน็ เครอื่ งมอื (tool) หรือวิธีการ(mean) ท่ีส่งผลใหเ้ กิดปัญญาความรอบรู้ หรือ wisdom ฉะน้นั ผทู้ ่ีเรยี น หรือผทู้ ี่ ไดร้ บั ปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑิตทุกคน จึงตอ้ งสร้าง หรอื คน้ หาปญั ญาความรอบรู้อย่างต่อเนอ่ื งใน ลกั ษณะของวงล้อการคน้ หาปญั ญาความรอบรู้ หรอื Wisdom finding cycle ต่อเน่อื งไปไมจ่ บส้ิน ดัง ภาพท่ี 20 D D I I ≠ truth a I D D fact b I D R FactFbact Fbact b ≠ fact b truth a truth b R lawan D fact/new truth D fact/new truth D R D D ≠ truth b I Inductive approach Nonstop Wisdom D deductive approach R Research problem Truth a, b ความจริงสากลในสถานการณ์ a ,b Fact b ความจริงเฉพาะในสถานการณ์ตา่ งๆ b ภาพท่ี 20 วงลอ้ การค้นหาปญั ญาความรอบรู้ หรือ Wisdom finding cycle ___________________________ ปริญญาปรชั ญาดุษฎบี ณั ฑติ …..ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรชั ญากบั การวจิ ัย เอกสารประกอบการบรรยายวชิ าปรัชญาเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอ้ มเพื่อการเกษตร และวิชาระเบียบวธิ วี ิจยั ข้นั สูงทางเทคโนโลยีสงิ่ แวดล้อมเพอ่ื การเกษตร สาหรบั นักศึกษาปรญิ ญาเอก สาขา เทคโนโลยีสง่ิ แวดลอ้ มการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทมุ วนั ปี พ.ศ.2562 พิมพ์เผยแพร่โดย ลาวณั ย์ วจิ ารณ์ วิทยาลยั วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรงั สิต
lawan 23 บรรณานกุ รม โสภณ ธนะมัย, 2548. เอกสารประกอบการบรรยาย วชิ าปรชั ญาส่ิงแวดลอ้ ม(01591681) และวิชา ระเบยี บวธิ วี จิ ัยขั้นสูงทางสง่ิ แวดล้อม (01591691) สาหรบั นิสิตปรญิ ญาเอกสาขา วิทยาศาสตร์ สงิ่ แวดล้อมวทิ ยาลัยสิ่งแวดลอ้ ม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ...................., 2549. เอกสารประกอบการบรรยาย วชิ าปรชั ญาสิง่ แวดล้อม(01591681) และวิชา ระเบยี บ วิธีวจิ ัยขั้นสูงทางสิง่ แวดล้อม (01591691) สาหรบั นิสิตปรญิ ญาเอกสาขาวทิ ยาศาสตร์ สิ่งแวดลอ้ ม วิทยาลยั สง่ิ แวดล้อม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ...................., 2550. เอกสารประกอบการบรรยาย วิชาปรชั ญาส่งิ แวดล้อม(01591681) และวชิ า ระเบยี บวธิ ีวจิ ัยขั้นสูงทางส่ิงแวดลอ้ ม (01591691) สาหรบั นสิ ิตปรญิ ญาเอกสาขา วิทยาศาสตร์ สง่ิ แวดลอ้ ม วิทยาลยั สิ่งแวดล้อม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ...................., 2551. เอกสารประกอบการบรรยาย วชิ าปรชั ญาสง่ิ แวดลอ้ ม(01591681) และวชิ า ระเบียบวิธวี ิจัยข้นั สูงทางสงิ่ แวดล้อม (01591691) สาหรบั นิสิตปริญญาเอกสาขา วิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อมวทิ ยาลัยสิ่งแวดลอ้ ม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ...................., 2552. เอกสารประกอบการบรรยาย วชิ าปรัชญาสง่ิ แวดล้อม(01591681) และวิชา ระเบียบวิธวี ิจยั ขน้ั สงู ทางสิ่งแวดลอ้ ม (01591691) สาหรบั นสิ ิตปรญิ ญาเอกสาขา วิทยาศาสตร์ สิง่ แวดล้อม วิทยาลยั สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ...................., 2553. เอกสารประกอบการบรรยาย วิชาปรชั ญาสง่ิ แวดล้อม(01591681) และวชิ า ระเบยี บวธิ ีวจิ ัยขัน้ สงู ทางสิ่งแวดลอ้ ม (01591691) สาหรับนิสิตปรญิ ญาเอกสาขา วทิ ยาศาสตร์ สิ่งแวดลอ้ มวิทยาลยั สิง่ แวดลอ้ ม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ...................., 2554. เอกสารประกอบการบรรยาย วิชาปรชั ญาสงิ่ แวดล้อม(01591681) และวิชา ระเบียบวิธวี จิ ยั ขั้นสงู ทางส่ิงแวดลอ้ ม (01591691) สาหรับนิสิตปรญิ ญาเอกสาขา วทิ ยาศาสตร์ สง่ิ แวดล้อมวิทยาลยั สงิ่ แวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ...................., 2555. เอกสารประกอบการบรรยาย วชิ าปรัชญาสิ่งแวดล้อม(01591681) และวชิ า ระเบยี บวิธีวจิ ยั ขั้นสูงทางสิง่ แวดล้อม (01591691) สาหรับนิสิตปริญญาเอกสาขา วิทยาศาสตร์ สง่ิ แวดลอ้ มวทิ ยาลยั สง่ิ แวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ Jerold W.Apps,1973. Toward a Working Philosophy of Adult Education. Publications in Continuing Education, Syracuse University, Syracuse, N.Y. http://arizona.openrepository.com/arizona/bitstream/10150/105670/1/The_Knowledg e_Pyramid_DList.pdf The Knowledge Pyramid: A Critique of the DIKW Hierarchy http://www.techmonitor.net/tm/images/0/00/04jan_feb_sf5.pdf Hideo Yamazaki Knowledge communities in Japan ___________________________ ปรญิ ญาปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑติ …..ความสัมพนั ธ์ระหว่างปรชั ญากับการวิจัย เอกสารประกอบการบรรยายวิชาปรชั ญาเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอ้ มเพ่อื การเกษตร และวิชาระเบียบวธิ ีวิจัยขนั้ สูงทางเทคโนโลยสี ิง่ แวดลอ้ มเพอื่ การเกษตร สาหรับนกั ศึกษาปริญญาเอก สาขา เทคโนโลยสี ง่ิ แวดล้อมการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั เทคโนโลยปี ทมุ วนั ปี พ.ศ.2562 พมิ พ์เผยแพรโ่ ดย ลาวณั ย์ วจิ ารณ์ วทิ ยาลยั วิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรังสิต
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: