หนังตะลุง : รากเหง้า และเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" หนังตะลุงเป็นศิลปะการแสดงของชาวไทยภาคใต้ที่ สืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพชน จากหลักฐานเอกสารและ การ บอกเล่าทำให้รับรู้ว่ามีมาร่วมพันปีแล้ว เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักร ศรีวิชัยซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณจังหวัดนครศรี-ธรรมราชใน ปัจจุบัน และอาณาจักรนี้มีเขตพื้นที่กว้างใหญ่รวมไปถึงเกาะใน ประเทศอินโดนีเซียบางส่วน อีกทั้งรวมถึงดินแดนที่เป็นประเทศ มาเลเซีย และสิงคโปร์(สิงหปุระ) กัมพูชา ในปัจจุบันการแสดง หนังตะลุงของชาวไทยภาคใต้ คือการเล่นเงาโดยนำเอารูปหนังที่ ทำจากหนังวัวมาทาบหรือให้เคลื่อนไหวไกลห่างจากจอหนังสี ขาวที่มีไฟส่องทำให้เกิดเงางดงามที่หน้าจอเพราะมีการระบายสี ต่าง ๆ และมีเงาทอดสั้นยาวทำให้น่าดู ในการแสดงมีดนตรี ประกอบเรียกว่าดนตรีเครื่องห้า ต่อมามีการเพิ่มดนตรีแบบสากล เข้าไปบ้างตามสมัยนิยม ในการแสดงจะมีเรื่องหรือวรรณ-กรรมที่ แต่งขึ้นซึ่งจะประกอบไปด้วยร้อยกรองบทกลอนหนังตะลุง และ ร้อยแก้วเป็นบทเจรจาที่เป็นหลัก ๆ ในระหว่างการแสดงจะแทรก บทตลกหรือมุกตลกเพื่อให้ผู้ชมได้รู้สึกตลกขบขันสนุกสนานจาก การชมซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการแสดงหนังตะลุง การแสดง หนังตะลุงสมัยก่อนจะแสดงตั้งแต่หัวค่ำจนถึงสว่าง ปัจจุบันจะ แสดงประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะจบการแสดงเพราะมีศิลปะการ แสดงอื่น ๆ เกิดขึ้นมากมาแทนที่ เช่น ละครวิทยุโทรทัศน์ ภาพยนตร์ วงดนตรี และความบันเทิงจากสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" ชาติที่มีความเจริญรุ่งเรืองทุกชาติล้วนแต่มีศิลปะและ วัฒนธรรมการเล่นเงา (Shadow Play Or Shadow Puppet) ชาติ ที่มีหลักฐานว่ามีการเล่นเงา เช่น กรีก อียิปต์ อินเดีย และจีน (เรียก ผีหยิ่ง) เป็นต้น ในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีการเล่นเงานั้นมีดังกล่าว แล้ว คือ กัมพูชาเรียกว่า เสบ็ก อินโดนีเซียและมาเลเซียเรียกว่าวา ยังกุลิต และหนังตะลุงไทยภาษาต่างประเทศเรียกว่าวายังเซียม การเล่นเงาหรือการเล่นหนังที่มีในภาคใต้ของประเทศไทยนั้นจาก การศึกษาหลักฐานเอกสารและมุขปาฐะได้ข้อสรุปว่าได้รับอิทธิพล ศิลปะการแสดงจากอินเดียใต้ที่เรียกว่า โตลปาวากูตู ตัว หนังที่เชิดหรือเล่นเรียกว่า โตลุงกุ ศิลปะการแสดงเล่นเงาจาก อินเดียใต้นี้มีการเผยแพร่สู่ประเทศใกล้เคียงในกลุ่มอาเซียนซึ่งมี ความสัมพันธ์กัน ทางศาสนา การเมืองการปกครอง การศึกษา และ การค้าขาย เมื่อความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้เข้ามาศิลปะและ วัฒนธรรมต่าง ๆ ก็มีการเผยแพร่สู่กัน และมีการปรับเปลี่ยนให้เข้า กับผู้คนและวิถีชีวิตของคนในประเทศนั้น ๆ บ้าง หนังตะลุงมีคุณค่า อย่างยิ่งทั้งด้าน ภูมิปัญญา คติธรรม การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และศิลปะและวัฒนธรรมหลายด้าน สิ่งที่มีคุณค่าที่เห็นได้ อย่างชัดเจน คือ ภาษา วรรณกรรม ประติมากรรม และคีตศิลป์ หนังตะลุงจึงเป็นเสมือนสถาบันการศึกษาของคนไทยภาคใต้ที่ สืบทอดมาเป็นเวลานานร่วมพันปีแล้ว นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" หนังตะลุงเป็นการแสดงอย่างหนึ่งของชาวไทยภาคใต้ที่มีมา ตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว บ้างก็กล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัยซึ่ง มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน บ้างก็ว่ามี ศูนย์กลางอำนาจการปกครองที่ ปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย การแสดง หนังตะลุงมีความน่าสนใจเพราะพบว่าชาติต่าง ๆ ที่เจริญรุ่งเรืองหรือ อารยชาตินั้นต่างมีการแสดงลักษณะเดียวกับการแสดงหนังทางภาคใต้ ของประเทศไทย ไม่ว่ากรีก อียิปย์ อินเดีย จีน ฝรั่งเศส กัมพูชา ลาว และ ไทย ชาติเหล่านี้ต่างใช้หนังสัตว์หรือ เปลือกไม้มาทำหรือแกะเป็นรูปต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ ผี และต้นไม้ แล้วจับรูปที่ทำขึ้นให้เคลื่อนไหวไปบนจอผ้าที่มี แสงสว่างส่องทำให้เกิดเงาทอดยาวหรือสั้นตามการจับวางรูปให้ห่างจาก จอผ้าสีขาว การใช้รูปที่ทำขึ้นเพื่อการแสดง และเคลื่อนไหวนี้จะทำในเวลา กลางคืน เพราะกลางวันจะไม่เกิดเงาทอดยาวหรือสั้นบนจอผ้า การทำ อย่างนี้ต่างชาติเรียกชื่อต่าง ๆ กันออกไป เช่น อินเดียเรียก ฉายานาฏยกะ บางแห่งเรียก โตลปาวากูตู และเรียกรูปที่ทำจากหนังสัตว์ว่า โตลุงกุ จีน เรียกว่า ผีอิ่งหรือผีเหยิ่ง อินโดนีเซียหรือชวา มลายู (มาเลเซีย) เรียกว่า วา ยังกูเล็ต และกัมพูชาเรียกว่า สแบก เป็นต้น หนังตะลุงของไทยภาคใต้ ชาว อินโดนีเซีย มาเลเซียเรียกว่า วายังเสียม หรือวายังเซียม หมายถึงการ แสดงหนังของคนสยาม ชาวตะวัน-ตกที่ใช้ภาษาอังกฤษเรียกว่า “การเล่น เงา (Shadow Play)” การเรียกเช่นนี้เรียกตามการเอารูปหนังที่ทำไว้ทาบ บนจอผ้าขาว หรือการเคลื่อนรูปให้ไปในจอในลีลาและท่าต่าง ๆ ทั้งใกล้ และห่างจอทำให้เกิดเงาหลายลักษณะ จึงเรียกว่า การเล่นเงาดังกล่าว ส่วนชาติอื่นๆ บ้างก็เรียกตามวัสดุที่ใช้ทำรูปหนังหรือรูปที่ใช้ในการแสดง ซึ่งอาจทำจากเปลือกไม้หรือวัสดุอื่น ๆ ก็ได้ การเรียกหนังตะลุงของไทยนั้น เป็นเรี่องที่ได้ศึกษากันมายาวนาน หลายท่านให้ความเห็นต่างกันออกไป ดังผู้รู้ด้านนี้หลายท่านกล่าวไว้ ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ผู้ซึ่งสนใจและศึกษาเกี่ยวกับหนังตะลุงไทย ภาคใต้ กล่าวเอาไว้สรุปได้ว่า หนังตะลุงชื่ออย่างนี้เพราะมีการแสดง หนังตะลุง หรือเล่นหนังที่หลักล่ามช้างที่เมืองยะโฮร์ในครั้งที่กองทัพ แห่งศรีธรรมราชมหานครยกไปปราบหัวเมืองด้านล่างคาบสมุทรสยาม ไปตั้งทัพที่เมืองยะโฮร์ ในครั้งนั้นทหารกองทัพสยามได้เห็นการเล่น หนังของชาวชวาที่ยะโฮร์ด้วย จึงได้ประยุกต์หนังชาวชวาเล่นเข้าไป ด้วย ในการเล่นหรือแสดงหนังตะลุงดังกล่าวนั้นก็เอาเชือกผูกผ้าขาวสี่ มุมแล้วผูกกับหลักตะลุงหรือภาษาไทยภาคใต้เรียกหลักหลุง ด้วยเหตุนี้ การเล่นหรือการแสดงลักษณะแบบนี้ว่า หนังตะลุง หรือหนังลุง การเล่นหนังหรือแสดงหนังตะลุงนั้น นอกจากขับกลอนดีมี ความไพเราะ ดนตรีน่าฟัง และมีมุกตลก เจรจาเก่ง แล้ว เนื้อเรื่องที่ แสดงจะต้องมีความน่าสนใจ ให้ความรู้ และเป็นเรื่องที่ชวนติดตาม ให้ ข้อคิดมีคติสอนใจ ถ้าหากไม่มีองค์ประกอบได้เช่นนี้ก็จะไม่เรียกกันว่า หนังดี หรือหนังเล่นดี ของผู้ชมในภาคใต้ เนื้อเรื่องที่เล่นหรือแสดงนั้นมี การแต่งล่วงหน้า โดยผู้แต่งที่มีความเฉลียวฉลาดในการแต่งเรื่องหรือ ประพันธ์เรื่อง เพื่อแสดงหรือเล่นหนังตะลุง คุณสมบัติของผู้แต่งบท หรือเรื่องหรือวรรณกรรมหนังตะลุงนั้น นอกจากจะเป็นคนเฉลียว ฉลาดและปัญญาดีแล้ว ยังจะต้องเป็นคนใฝ่รู้ มีความเอาใจใส่ในเรื่อง ต่าง ๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม อีกทั้งจะต้องมีความสามารถในการ แต่งได้ทั้งร้อยแก้ว และร้อยกรองควบคู่กันไป นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" สิ่งสำคัญยิ่งคือต้องเป็นคนผูกเรื่องหรือสร้างสรรค์เรื่อง ราวเป็นที่เรียกกันว่า “นิยายหนังตะลุง” นิยายหนังตะลุงเรื่อง หนึ่งนั้น ๆ จะมีความเพียบพร้อมไปด้วยเรื่องราวที่สนุกสนาน ชวนติดตาม หากเรื่องที่แต่งไม่ดีไม่ว่าเนื้อเรื่องหรือบทกลอน การนำเรื่องดังกล่าวนี้ไปแสดงหรือเล่นก็จะทำให้ไม่ประสบ ความสำเร็จในการแสดงหรือเล่นหนัง ด้วยเหตุนี้ในการเลือก เรื่องที่นำไปแสดงหรือเล่นนั้น นายหนังจะต้องมีความฉลาดใน การเลือกเรื่องหนังตะลุงไปแสดง เนื้อเรื่องแต่ละเรื่องนั้นจะ ประกอบไปด้วยความเป็นสังคมของบุคลในสังคมสมมุติขึ้นเป็น รูปหนัง และรูปหนังตะลุงก็คือตัวแทนของคนในสังคมนั่นเอง เรื่องราวต่าง ๆ ในหนังตะลุงจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับคนไทย ภาคใต้เพราะการแสดงของหนังตะลุงนำเอาความเป็นคนไทย ภาคใต้มานำเสนออย่างใกล้เคียงมากด้วยการใช้ภาษาไทย สำเนียงใต้เป็นหลักในการสื่อสารจะใช้ภาษาสำเนียงไทยกลาง เมื่อเป็นรูปหนังตะลุงที่เป็นระดับผู้ปกครอง เนื้อเรื่อง มีทั้งเรื่อง การดำรงชีวิต การสร้างปฏิสัมพันธ์ในสังคม และการสรรค์ สร้างสิ่งต่าง ๆ ตามที่คนจะคิดได้ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่แวดล้อมจึง เป็นสิ่งสำคัญทุกอย่างที่จะต้องไม่มองข้าม ในสังคมนั้น ๆ และ จะประกอบไปด้วย ผู้นำสังคม ผู้ตาม และผู้เข้าไปเยือน อีกทั้ง เรื่องของศิลปะและวัฒนธรรมหรือวัฒนธรรมต่าง ๆ ก็เป็นสิ่ง สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยยึดโยงสังคมนั้น ๆ เรื่อง ศาสนา ประเพณี ความเชื่อ สถาปัตยกรรม เศรษฐกิจ ภาษา วรรณกรรม และการเมืองการปกครอง และอื่น ๆ จึงมีอยู่อย่าง หลากหลายในการแสดงหนังตะลุงแต่ละเรื่อง นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
อ้ายเท่ง หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" ตัวละครหนังตะลุง เอาเค้ามาจากชาวบ้านคนหนึ่ง ชื่อเท่ง อยู่บ้านคูขุด อำเภอสะทิ้งพระ จังหวัดสงขลา หนังจวนบ้านคูขุดนำมาตัดรูป ตลกเป็นครั้งแรก หนังคณะอื่นๆ นำไปเลียนแบบ รูปร่างผอมบาง สูง ท่อนบนยาวกว่าท่อนล่าง ผิวดำ ปากกว้าง หัวเถิก ผมงอหยิก ใบหน้าคล้ายนกกระฮัง นิ้วมือขวายาวโตคล้ายอวัยวะเพศผู้ชาย นิ้งชี้กับหัวแม่มือซ้ายงอหยิกเป็นวงเข้าหากัน นุ่งผ้าโสร่งลายตา หมากรุก คาดพุงด้วยผ้าขะม้า ไม่สวมเสื้อ ที่สะเอวเหน็บมีดอ้าย ครก (มีดปลายแหลมด้านงอโค้งมีฝัก) ชอบพูดจาโผงผาง ไม่ เกรงใจใคร ขู่สำทับผู้อื่น ล้อเลียนเก่ง เป็นคู่หูกับอ้ายหนูนุ้ย นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" ตัวละครหนังตะลุง อ้ายหนูนุ้ย นำเค้ามาจากคนซื่อๆ แกมโง่ ผิวดำ รูปร่างค่อนข้างเตี้ย พุง ยานโย้คอตก ทรงผมคล้ายแส้ม้า จมูกปากยื่นออกไป คล้ายกับปาก วัว มีเครายาวคล้ายหนวดแพะ ใครพูดเรื่องวัวเป็นไม่พอใจ นุ่งผ้า โสร่งแต่ไม่มีลวดลาย ไม่สวมเสื้อ ถือมีดตะไกรหนีบหมากเป็นอาวุธ พูดเสียงต่ำสั่นเครือดันขึ้นนาสิก ชอบคล้อยตามคนยุยงส่งเสริม แสดงความซื่อออกมาเสมอ นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
นายยอดทอง หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" ตัวละครหนังตะลุง เชื่อกันว่าเป็นชื่อคนจริงชาวจังหวัดพัทลุง รูปร่างอ้วน ผิวดำ พุง ย้อยก้นงอนขึ้นบนผมหยิกเป็นลอน จมูกยื่น ปากบุ๋ม เหมือนปาก คนแก่ไม่มีฟัน หน้าเป็นแผลจนลายคล้ายหน้าจระเข้ โครพูดถึง เรื่องจระเข้ไม่พอใจ นุ่งผ้าลายโจงกระเบน ไม่สวมเสื้อ เหน็บกริช เป็นอาวุธประจำกาย เป็นคนเจ้าชู้ ปากพูดจาโอ้อวด ใจเสาะ ขี้ ขลาด ชอบขู่หลอก พูดจาเหลวไหล ยกย่องตนเอง บ้ายอ ชอบอยู่ กับนายสาว ที่มีสำนวนชาวบ้านว่า \"ยอดทองบ้านาย\" นายยอดทอง แสดงคู่กับตัวตลกอื่นๆ ได้หลายตัว เช่น คู่กับอ้าย หลำ คู่กับอ้ายขวัญเมือง คู่กับอ้ายพูนแก้ว คู่กับอ้ายดำบ้า คู่กับ อ้ายลูกหมี คู่กับอ้ายเสมียน เป็นต้น นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
นายสีแก้ว หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" ตัวละครหนังตะลุง เชื่อกันว่าเอาเค้ามาจากคนที่ชื่อสีแก้วจริงๆ เป็นคนมี ตะบะ มือหนักโกรธใครตบด้วยมือหรือชนด้วยศรีษะ เป็นคนพูด จริง ทำจริง สู้คน ชอบอาสาเจ้านายด้วยจริงใจ ตักเตือนผู้อื่นให้ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามทำนองคลองธรรม รูปร่างอ้วนเตี้ย ผิวคล้ำ มีโหนกคอ ศรีษะล้าน นุ่งผ้าโจงกระเบนลายตาหมากรุก ไม่สวม เสื้อ ไม่ถืออาวุธใดๆ ใครพูดล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องพระ เรื่องร้อน เรื่องจำนวนเงินมากๆ จะโกรธทันที พูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ เพื่อน คู่หูคือนายยอดทอง นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
อ้ายสะหม้อ หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" ตัวละครหนังตะลุง หนังกั้น ทองหล่อ นำมาจากคนจริง โดยได้รับอนุญาตจาก ชาวอิสลามชื่อสะหม้อ อยู่บ้านสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา หนังตะลุงอื่นๆ ที่นำไปเลียนแบบ พูดกินรูปสู้หนังกั้น ทองหล่อไม่ได้ รูปร่างอ้ายสะหม้อ หลังโกง มีโหนกคอ คางย้อย ลงพุง รูปร่างเตี้ย สวมหมวกแขก นุ่งผ้าโสร่ง ไม่สวมเสื้อ พูดล้อเลียนผู้อื่นได้เก่ง ค่อน ข้างอวดดี นับถือศาสนาอิสลามแต่ชอบกินหมู ชอบดื่มเหล้า พูด สำเนียงเนิบนาบ รัวปลายลิ้น นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม ตัวละครหนังตะลุง \"ตัวตนของคนใต้\" อ้ายขวัญเมือง ไม่มีประวัติความเป็นมา เป็นตัว ตลกเอกของหนังจันทร์แก้ว จังหวัด นครศรีธรรมราช คนในถิ่นนั้น เขาไม่เรียก ว่าอ้ายเมือง แต่เรียกว่า \"ลุงขวัญเมือง\" แสดงว่าได้รับการยกย่องจากคนในท้อง ถิ่นอย่างสูงเหมือนกับเป็นคนสำคัญผู้หนึ่ง ใบหน้าของขวัญเมืองคล้ายแพะ ผมบาง หยิกเล็กน้อย ผิวดำ หัวเถิก จมูกโด่งโต ยาว ปากกว้าง พุงยานโย้ ก้นเชิด ปลาย นิ้งชี้คล้ายนิ้วมืออ้ายเท่ง นุ่งผ้าพื้นดำ คาดเข็มขัด ไม่สวมเสื้อ เป็นคนซื่อ บาง ครั้งแฝงไว้ซึ่งความฉลาด ชอบสงสัยเรื่อง ของผู้อื่น พูดจาเสียงหวาน หนังจังหวัด สงขลาแสดงคู่กับอ้ายสะหม้อ หนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชแถวอำเภอ เชียรใหญ่ หัวไทร ปากพนัง ท่าศาลา ให้ แสดงคู่กับนายยอดทอง หนังพัทลุง ตรัง นิยมให้เป็นตัวบอกเรื่อง เฝ้าประตูเมือง ออกตีฆ้องร้องป่าว นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม \"ตัวตนของคนใต้\" ตัวละครหนังตะลุง อ้ายโถ เอาเค้ามาจากจีนบ๋าบา ชาวพังบัว อำเภอสะทิ้งพระ จังหวัดสงขลา รูปร่าง มีศรีษะค่อนข้างเล็ก ตาโตถลน ปากกว้าง ริมฝีปากล่างเม้มเข้าใน ส่วนท้องตึง อกใหญ่เป็นรูปโค้ง สวมหมวก มีกระจุกข้างบน นุ่งกางเกงถลกขา ถือมีดบังตอเป็นอาวุธ ชอบร้อง รำทำเพลง ขี้ขลาดตาขาว โกรธใครไม่เป็น ถือเอาเรื่องกินเป็นเรื่อง ใหญ่ ใครจะพูดเรื่องอะไรก็ตาม อ้ายโถจะชักเรื่องที่พูดวกเข้าหา เรื่องกินเสมอ เป็นตัวตลกประกอบ นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
หนังตะลุง : รากเหง้าและเบ้าหลอม ตัวละครหนังตะลุง \"ตัวตนของคนใต้\" ผู้ใหญ่พูน น่าจะเลียนแบบมาจากผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ จมูกยาวคล้ายตะขอเกี่ยวมะพร้าว ศรีษะล้าน มีผมเป็นกระจุกรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า ตรงกลางกลวงอยู่ กลางพุงโย้ย้อยยาน ตะโพก ใหญ่ขวิดขึ้นบน เพื่อนมักจะล้อเลียนว่า บนหัวติดงวงถังตักน้ำ สัน หลังเหมือนเขาพักผ้า (อยู่ระหว่างพัทลุง-ตรัง) นุ่งผ้าโจงกระเบน ไม่มีลวดลาย ชอบยุยง โม้โอ้อวด เห่อยศ ขู่ตะคอผู้อื่นให้เกรงกลัว ธาติแท้เป็นคนขี้ขลาดตาขาว ชอบแสแสร้งปั้ นเรื่องฟ้องเจ้านาย ส่วนมากเป็นคนรับใช้อยู่เมืองยักษ์หรือกับฝ่ายโกง พูดช้าๆ หนีบ จมูก เป็นตัวตลกประกอบ นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
นิทรรศการวัฒนธรรม ๔ ภาค ห้องสมุดโรงเรียนวิเชียรมาตุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: