Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือมาตรการการความปลอดภัยในสถานศึกษาสพป.นม.4(27กย.64)

คู่มือมาตรการการความปลอดภัยในสถานศึกษาสพป.นม.4(27กย.64)

Published by ส่งเสริม โคราช4, 2021-09-27 06:30:44

Description: คู่มือมาตรการการความปลอดภัยในสถานศึกษาสพป.นม.4(ฉบับปรับปรุง 27กย.64)

Search

Read the Text Version

คานา คู่มือมาตรการความปลอดภัยในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 4 เล่มน้ี จัดทาข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นแนวทางในการคุ้มครอง ช่วยเหลือปูองกันและ ดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 4 ในการดาเนนิ งานเกีย่ วกับการคุ้มครองดูแลช่วยเหลือให้นักเรียนให้ ปลอดภัยจาก ภัยคุกคามประเภทต่างๆประกอบกับเป็นแนวทางท่ีจะปฏิบัติต่อนักเรียนมิให้เกิดกรณี ละเมิด สิทธิการกระทาความรุนแรง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการศึกษาของนักเรียนโดยยึดความปลอดภัยของ นกั เรยี นเป็นที่ตง้ั ทง้ั ด้านรา่ งกาย จิตใจ และสทิ ธิเสรภี าพทางสังคม ซึ่งจะทาให้ลดช่องว่างระหว่างนักเรียนและ บุคลากรทางการศึกษาที่มีความคิดเห็นท่ีขัดแย้ง และส่งผลสู่การจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูงสดุ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 หวังเป็นอย่างย่ิงว่าคู่มือเล่มนี้ จะสามารถนาไปใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติที่มีผลให้เด็กนักเรียนได้รับการดูแลช่วยเหลือคุ้มครอง และเยยี วยา ไดอ้ ย่างเหมาะสมถูกต้องตามสถานการณ์รุนแรงของปัญหา แนวทางการค้มุ ครองและช่วยเหลอื เดก็ นักเรียนสานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษานคราชสีมา เขค 4 กลมุ่ สง่ เสริมการจัดการศึกษา สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษานครรราชสีมา เขต 4

สารบญั เรอื่ ง หน้า บทนา 1 มาตรการสถานศึกษาปลอดภยั สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 4 2 ส่วนท่ี 1 การคุ้มครองและช่วยเหลือเดก็ นกั เรยี นข้อมลู ท่ัวไป 3 4 1.1 นิยามเกี่ยวกบั การคุ้มครองและช่วยเหลอื เดก็ นักเรียน 5 1.2 กระบวนการและบทบาทคุ้มครองชว่ ยเหลอื เดก็ นักเรยี น 6 1.3 กระบวนการดาเนนิ งานคุ้มครองและชว่ ยเหลอื เด็กนักเรียน 7 1.4 บทบาทการคุ้มครองช่วยเหลือนกั เรียน 8 สว่ นที่ 2 แนวทางการคมุ้ ครองและช่วยเหลอื เด็กนกั เรยี น 8 1. กรณลี ่วงละเมิดทางเพศ 12 2. กรณคี วามรนุ แรง 15 3. กรณีไม่ไดร้ บั ความเปน็ ธรรมจากระบบการศึกษา 17 3.1 กรณีเดก็ นักเรยี นออกกลางคัน 18 3.2 กรณีเด็กนกั เรยี นติด 0 ร และ มส. 19 4. ตงั้ ครรภ์ในวัยเรียน 21 5. ภาวะจิตเวช 24 6. เดก็ นกั เรยี นตดิ เกม/อนิ เตอร์เนต็ /เล่นการพนัน 28 7. เด็กนกั เรียนถกู ปล่อยปละ ละเลย ทอดท้งิ 31 8. ยาเสพติด 33 9. อุปทานหมู่ 36 10.โรคตดิ ต่อในสถานศกึ ษา 38 11.อบุ ตั ิเหตุภายในสถานศกึ ษา 39 11.1 กรณอี บุ ัติเหตภุ ายในสถานศกึ ษา (เด็กนักเรยี นจมนา้ ) 42 11.2 กรณีอุบัตเิ หตภุ ายในสถานศึกษา (เด็กนักเรยี นเสียชีวติ ในสถานศึกษา) 43 12.อุบัติเหตุภายนอกสถานศึกษา 46 13.ภัยพิบัติ 47 14.การกล่ันแกล้ง (Bully) 49 บรรณานุกรม 52 ภาคผนวก แบบรายงาน ฉก.01

1 บทนา ด้วยสภาพสังคมโลกในยุคโลกาภิวัตน์ นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา จึงจาเป็นต้องปรับตัว เพ่อื ให้สามารถดารงชวี ติ อยู่ไดอ้ ยา่ งรู้เทา่ ทันต่อการเปล่ยี นแปลงของโลก การศึกษาจึงเป็นกลไกสาคัญในการพัฒนา ทรพั ยากรมนุษย์ใหม้ คี ณุ ภาพ และมีผลต่อพฤติกรรมของเดก็ นักเรียนและเยาวชนในสังคมไทย จากการศึกษาข้อมูล จาก กรมสุขภาพจิตในส่วนของการให้บริการสายด่วนสุขภาพจิตในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ตลุ าคม 2562 - มนี าคม 2563) พบว่า 1 ใน 3 ของผใู้ ช้บรกิ ารทั้งหมดเป็นกลุ่มเดก็ และเยาวชน อายุ 11 - 25 ปี และปัญหาที่พบมาก 5 อันดับ คือ ปัญหาความเครียดหรือวิตกกังวล ปัญหาจิตเวช ปัญหาความรัก ปัญหา ซึมเศรา้ และปญั หาครอบครัว ทอี่ าจนาไปสู่พฤตกิ รรมท่ีไม่พงึ ประสงค์หรือเหตุการณท์ ี่เปน็ อนั ตราย สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ได้ตระหนักถึงความสาคัญของการพัฒนาและแก้ปัญหา เด็กนกั เรียนและเยาวชนในสงั คมไทยเป็นอยา่ งย่ิง เพราะเป็นแนวทางในการพัฒนา สร้างผลผลิต ผลลัพธ์ให้เกิดกับ ผู้เรียน ให้มคี วามสอดคลอ้ งกบั ทิศทางการพัฒนาประเทศในช่วงของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ ที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ท่ีสามารถตอบสนองต่อเปูาหมายของการพัฒนา ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ซ่ึงเป็น ยุทธศาสตร์ท่ีเน้นการวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้น การพัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติ และในทุกช่วงวัย ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง และมีคุณภาพ พร้อม ขับเคลอ่ื นการพฒั นาประเทศไปขา้ งหน้าได้อยา่ งเต็มศกั ยภาพ ในการน้ีสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 จึงได้จัดให้มีการจัดทาคู่มือคู่มือ มาตรการความปลอดภัยในสถานศกึ ษาสังกัดสานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 4 เพ่ือให้ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตามข้ันตอนได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ โดย อธิบายข้ันตอนการปฏิบัติให้ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ปฏิบัติแต่ละระดับปฏิบัติได้จริง มีผลให้เด็กนักเรียนได้รับ โอกาสและประโยชน์สูงสุด จากการคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียนของสานักงาน เขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครราชสมี า เขต 4

2 มาตรการสถานศกึ ษาปลอดภยั (Safety School) สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 ******************* หลักการและเหตุผล ด้วยสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของบริบททางสังคมทาให้คนไทยในยุคปัจจุบันเกิดการต่ืนตัว และ สนใจ การค้นหาข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนาตนเองและคนรอบข้าง ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงข้ อมูลข่าวสาร ที่หลากหลายได้อย่างเสรีทาให้เกิดการพัฒนาตนเองเป็นแบบพลวัต สังคมถูกขับเคลื่อนผ่านการแสดงออก ด้านสิทธิเสรีภาพอย่างอิสระ โดยเฉพาะเด็กหรือเยาวชนในวัยเรียนที่ให้ความสาคัญในเร่ืองสิทธิและเสรีภาพ ของตนเอง นักเรียนมีความสนใจในการหาข้อมูลข่าวสารด้วยตนเอง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่หลากหลายอีกท้ังกล้า ท่จี ะแสดงออกผา่ นพฤตกิ รรมการสอ่ื สารออนไลน์ หรือรวมไปถึงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในกลุ่มวัย ของตนเอง เพ่ือให้ผู้ท่ีมีแนวคิดท่ีเห็นต่างได้รับรู้ และแก้ไขในสิ่งท่ีเรียกร้อง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการ แสดงออกซึ่ง ความเหน็ ตา่ งที่อยู่บนพื้นฐานค่านิยมไทยอาจจะทาให้เกิดความขัดแย้งข้ึนระหว่างผู้ที่มีความเห็น ต่างกัน นามาซึ่ง การปะทะสู่ความรุนแรง โดยการเริ่มจากความรุนแรงระดับเล็กน้อยจนถึงขั้นทาให้เกิดชนวน ความแตกแยกและ เข้าใจผิดที่ลุกลามเป็นปัญหาใหญ่พรอ้ มทั้งส่งผลตอ่ ความปลอดภัยของนักเรียนในโรงเรียน ซ่ึงเป็นเรื่องสาคัญอย่าง ยงิ่ ทีข่ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งคอยระมัดระวังปอู งกนั และสนบั สนุน ใหน้ ักเรียนมีความปลอดภัย สูงสุด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จึงได้กาหนดมาตรการโรงเรียนปลอดภัย (Safety School) เพอ่ื ปูองกนั และดูแลความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนในการสร้างข้อตกลง แนวทางปฏิบัติ ในการยอมรับฟังความคิดเห็นท่ีแตกต่างจากการแสดงออกด้านสิทธิและเสรีภาพของนักเรียน โดยการสร้างความ เข้าใจในกลุ่มข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีหน้าที่หลักในการจัดการเรียน การสอนควบคู่กับการ ปูองกันและส่งเสริมให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างเสรีอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสม ตามคุณลักษณะของนักเรียน โดยยึดความปลอดภัยของนักเรียนเป็นท่ีตั้ง ท้ังด้าน ร่างกาย จิตใจ และสิทธิ เสรีภาพทางสังคม ซึ่งจะทาให้ลด ชอ่ งวา่ งระหว่างนกั เรยี นและบุคลากรทางการศึกษาท่ีมีความคิดเห็นท่ีขัดแย้ง และส่งผลสู่การจัดการเรียนการสอน ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สุดเพื่อใหก้ ารดาเนินงานมาตรการโรงเรียนปลอดภัย (Safety School) เป็นไปด้วยความ เรียบร้อยเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล การดาเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 จึงกาหนดมาตรการโรงเรียนปลอดภัย (Safety School) สานักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 4 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อกาหนดมาตรการการให้แก่สถานศึกษาในสังกัดในเป็นแนวทางในการปูองกันภัย/อุบัติเหตุ/ ความรนุ แรง ท่เี กดิ ขน้ึ กับนกั เรยี น ดา้ นร่างกาย จติ ใจ และสทิ ธเิ สรภี าพทางสังคม 2. เพือ่ แก้ไขปัญหานกั เรยี นท่ไี ดร้ ับผลกระทบจากสถานการณค์ วามรุนแรงเฉพาะหน้า 3. เพื่อเยียวยาและติดตามให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรง 4. เพื่อสร้างมาตรการรายงานเหตกุ ารณ์ตอ่ ผบู้ ังคบั บญั ชาอย่างฉับไว 5. เพอ่ื พฒั นาบุคลากรทางการศกึ ษาในการดาเนนิ การตามมาตรการโรงเรียนปลอดภัย เป้าหมาย 1. โรงเรยี นในสังกดั มีมาตรการดาเนินโรงเรียนปลอดภัยของนักเรยี น ดา้ นรา่ งกาย จิตใจ และสิทธิเสรีภาพ ทางสงั คม

3 2. ข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 สามรถดาเนนิ งานตามข้ันตอนดาเนินการตามแผนเผชญิ เหตุ ในการดาเนินการมาตรการโรงเรียนปลอดภัยมี แนวคิดทีด่ ีในการสรา้ ง ข้อตกลง แนวทางปฏิบัติ และยอมรบั ฟังความคิดเห็นท่ีแตกต่างจากการแสดงออกด้านสิทธิ และเสรีภาพ ของนักเรยี น ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะไดร้ ับ 1. โรงเรียนกาหนดมาตรการ และสามารถปฏบิ ตั ิตามมาตรการดาเนินการโรงเรยี นปลอดภยั 2. นกั เรยี นได้รับการคมุ้ ครองความปลอดภยั ด้านร่างการ จิตใจ และสทิ ธิเสรภี าพทางสงั คม 3. บรรยากาศในโรงเรียนสนับสนนุ การจัดการเรียนการสอนอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4. ส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยท่ีสนับสนุนให้บุคคลได้แสดงออกอย่างเสรีภาพ และ ความปลอดภัยในสถานศึกษา ส่วนท่ี 1 การคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนกั เรียน สถานศึกษา เป็นสถานท่ีที่เด็กนักเรียนมีความใกล้ชิดมากที่สุด รองลงมาจากครอบครัว ผ้ปู กครองให้การยอมรับ และคาดหวังว่าจะได้รับความรู้ การอบรมส่ังสอน การดูแลด้วยการเอาใจใส่ สถานศึกษา จะตอ้ งคานงึ ถงึ ผลประโยชน์ สงู สุดของเด็กนกั เรยี นเปน็ หลัก ให้เดก็ นกั เรียนไดอ้ ยใู่ นสภาพแวดล้อมทางการศึกษาท่ี มีความปลอดภัย การจัดการเรยี นการสอนต้องครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ รวมท้ังสอนทักษะชีวิต ท่ีจาเป็นสาหรับการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ตรงตามจุดมุ่งหมายของ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) คือ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ เป็นคนดี มีปัญญา มีความรู้ คู่คุณธรรม มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ นั่นคือ เด็กนักเรียนได้รับ การพัฒนาใหเ้ ปน็ “คนดี เก่ง และมคี วามสุข” นอกจากน้ี ครูต้องบรู ณาการเน้ือหาความรู้ และพัฒนาคุณภาพเด็กนักเรียนให้มีความพร้อมอย่าง เป็นองค์รวม โดยการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตเด็กนักเรียน และแก้วิกฤติทางสังคม สถานศึกษาต้องจัดระบบงาน กิจกรรมที่ส่งเสริมความประพฤติให้เหมาะสมความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียน นา ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กนักเรียน โดยการนากระบวนการของระบบการดูแล ช่วยเหลือนักเรียน 5 ข้ันตอน ได้แก่ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรองนักเรียน การส่งเสริมนักเรียน การปูองกันและแก้ไขปัญหา และการส่งต่อไปใช้ในช้ันเรียนได้อย่างเหมาะสม เด็กนักเรียนจะต้องได้รับการพิทักษ์ ปกปูอง คมุ้ ครอง และดูแล โดยมีผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาเป็นแบบอย่าง ที่ดีในการดาเนนิ ชวี ติ การสรา้ งความปลอดภัยให้กบั เดก็ นกั เรียน เป็นบทบาทหน้าที่ท่ีสาคัญที่สดุ ที่สถานศึกษาจะต้องดาเนินการ โดยต้องจัดให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา และครูเป็นผู้มีความสาคัญที่สุดในการ ขบั เคลอ่ื น เพ่อื คุม้ ครองดูแลเด็กนกั เรยี น สถานศกึ ษาเปน็ สถานทท่ี ม่ี ีความใกลช้ ดิ กับเด็กนักเรียน ดังน้ันในการสร้าง ความปลอดภัย ให้กับเด็กนักเรียนจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ฝุาย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับเด็ก นักเรียนอย่างแท้จริง สถานศึกษาต้องส่งเสริมและพัฒนาให้เด็กนักเรียนเติบโตอย่างเต็มศักยภาพด้วยการสร้าง ความปลอดภัยในชีวิตของเด็กนักเรียน รวมทั้งการปกปูอง คุ้มครอง และช่วยเหลือเด็กนักเรียนจากอันตรายต่างๆ ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ การสร้างความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนย่อมส่งผลต่อคุณภาพการเรียนของเด็ก นักเรียน สามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข ซึ่งจะนาไปสู่การพัฒนาชีวิตท่ีดี และเป็นกาลังสาคัญในการ พัฒนาประเทศตอ่ ไป

4 1.1 นิยามเกยี่ วกับการคุ้มครองและชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรยี น การคุ้มครอง หมายถึง การดูแลช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่เส่ียง หรือต้องสงสัยว่าถูกกระทารุนแรง หรือล่วง ละเมิด เด็กนักเรียนท่ีถูกกระทารุนแรง หรือถูกล่วงละเมิด และเด็กนักเรียนที่กระทารุนแรง หรือล่วงละเมิดต่อ บุคคลอื่น โดยมี ระบบและข้ันตอนการปฏิบัติท่ีคานึงถึงประโยชน์สูงสุดท่ีเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน เป็นหลัก สอดคลอ้ งกบั หลกั ปฏบิ ัติตาม กฎหมาย และหลกั ปฏิบัตทิ ี่มีมาตรฐาน การช่วยเหลือ หมายถึง การส่งเสริม พัฒนา การปูองกัน และแก้ไขปัญหา เพื่อให้เด็กนักเรียนได้พัฒนา เต็มตาม ศักยภาพ มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีทักษะการ ดารงชวี ิตและรอดพน้ จากวกิ ฤตท้งั ปวง เด็ก หมายถึง บุคคลซ่ึงมีอายุต่ากว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส นักเรียน หมายถึง เด็กซึ่งกาลังรับการศึกษาที่อยู่ในความดูแลของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พนื้ ฐาน เด็กนักเรียน หมายถึง บุคคลซ่ึงมีอายุต่ากว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการ สมรส และเป็นเด็กนักเรียนซึ่งกาลังรับการศึกษาที่อยู่ในความดูแลของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน ครูนักจิตวิทยาประจาสถานศึกษา หมายถึง ข้าราชการครูท่ีปฏิบัติหน้าท่ีครูนักจิตวิทยาประจา สถานศกึ ษาภายในสถานศึกษา ผู้ปกครอง หมายถึง บดิ า มารดา ผู้อนุบาล ผู้รับบุตรบุญธรรม และผู้ปกครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ และให้หมายความรวมถึงพ่อเลี้ยง แม่เล้ียง ผู้ปกครองสวัสดิภาพ นายจ้าง ตลอดจนบุคคลอ่ืน ซึ่งรับ เดก็ นกั เรยี นไว้ในความอุปการะเลย้ี งดหู รอื ซึ่งเด็กนกั เรียนอาศัยอยู่ด้วย พนกั งานเจา้ หน้าที่ หมายถึง ผซู้ ึ่งรฐั มนตรีแตง่ ตง้ั ให้ปฏิบตั ิตามพระราชบัญญตั ิการคุม้ ครองเดก็ พ.ศ. 2546 ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งท้ังของรัฐ และเอกชน ผู้บริหารระดับจังหวัดสังกัด สพฐ. หมายถึง ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/ ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา/ผู้อานวยการศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัด/ผู้อานวยการ สานักงาน ส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัด ฉก.ชน.สพฐ. หมายถึง ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน ฉก.ชน.สพป.นม.4 หมายถึง ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 4 สถานศึกษา หมายถึง สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียนศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานทางการศึกษา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือเอกชนที่มีอานาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัด การศึกษา ทีมสหวิชาชีพ หมายถึง กลุ่มบุคคลที่ทางานประสานความร่วมมือจากหลายสาขาวิชาชีพ เพ่ือมุ่ง แกป้ ญั หาอย่างมรี ะบบ เป็นกระบวนการอยู่บนพืน้ ฐานท่ีมีจดุ ประสงค์ และเปูาหมายเดียวกันในการปฏิบัติงาน โดย มีการติดต่อสอ่ื สารระหว่างกันอย่างตอ่ เน่อื ง เพื่อการประเมนิ สภาพการณ์ของปัญหา และมีความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งกระบวนการ เช่น ศูนย์ช่วยเหลอื สงั คม (OSCC) มูลนิธิต่าง ๆ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ แพทย์ พยาบาล

5 เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข เจ้าพนักงานส่วนท้องถ่ิน พนักงานเจ้าหน้าที่ตารวจ องค์กรเพ่ือการกุศล บ้านพักเด็ก และ ครอบครัว สานกั งานพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนุษย์ เป็นตน้ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม (OSCC) หมายถึง ศูนย์ช่วยเหลือสังคมภายใต้ช่ือ OSCC (One Stop Crisis Center) เป็นศูนย์บริการประชาชน ผู้ประสบปัญหาท่ีมีลักษณะบูรณาการและครบวงจร โดยมีหน้าท่ีรับแจ้งเหตุ เบาะแส ประสาน ส่งต่อ และติดตามการใช้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม การค้ามนุษย์ การใช้ แรงงานเดก็ การกระทาความรนุ แรงต่อเด็กสตรี ผู้สงู อายุ และคนพิการ 1.2 กระบวนการและบทบาทคุ้มครองชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรยี น การคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สถานศึกษาและครูต้องมีความตระหนักและเห็น ความสาคัญในการปกปูองคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน เพื่อเด็กนักเรียนจะได้รับการส่งเสริมและพัฒนา ใหเ้ ด็กนักเรยี นเตบิ โตอยา่ งมศี ักยภาพ ทงั้ ทางรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ อย่างมีความสุข ดังน้ัน ครูและสถานศึกษาจะต้องมีกระบวนการดาเนินงานคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน ดังนี้ แผนผังกระบวนการดาเนนิ งานคมุ้ ครองและชว่ ยเหลือนกั เรยี นของสถานศึกษา ในสงั กัดสานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 4 ผบู้ ริหารสถานศึกษาไดร้ บั แจ้งเหตุหรอื ประสบเหตุ ประสานงานครนู กั จิตวทิ ยาประจาโรงเรียน/ผรู้ บั ผดิ ชอบงานระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ ประเมนิ ปญั หา สถานการณ์ แจง้ ผ้ปู กครอง/ผดู้ แู ล ดาเนินการชว่ ยเหลือด้านร่างกาย จติ ใจ ให้คาปรึกษาแกเ่ ดก็ นกั เรียน พร้อมประเมินสถานการณ์ แจง้ ทมี ฉก.ชน.สพป.นม.4 แจ้ง/ประสานการสง่ ต่อทีมสหวิชาชีพ และนักจิตวทิ ยาประจาเขตพืน้ ที่ฯ ใหก้ ารดูแลช่วยเหลอื เดก็ นักเรยี น/คุม้ ครอง/ตดิ ตามเยี่ยม/ฟนื้ ฟูสภาพจิตใจ โดยคานึงถงึ ความปลอดภัยของเด็กนักเรียนเป็นหลัก (รักษาความลับ) กรณเี ดก็ นักเรียนมคี วามเส่ียง กรณเี ดก็ นกั เรียนต้องได้รับ ตอ้ งได้รับการคุ้มครอง การสงเคราะห์ ใหค้ วามคมุ้ ครองเดก็ นักเรยี น ให้เจา้ หนา้ ท่ีสง่ ตอ่ เพ่ือรบั บรกิ ารสงเคราะหต์ ามระเบียบกระทรวงวา่ ขน้ั ต้นทนั ที ดว้ ยกาสงเคราะหเ์ ด็กนักเรียน จัดทา/จดั เกบ็ ขอ้ มูล การดาเนนิ งานของสถานศกึ ษาสรปุ ผลการทางานและรายงานไปยัง สพป.นม 4 ฉก.ชน.สพป.นม 4 รายงาน สพฐ.และ ฉก.ชน.สพฐ. ตอ่ ไป

6 1.3 กระบวนการดาเนนิ งานคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน การดาเนินการคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียนเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอน วิธีการปฏิบัติงาน และเคร่ืองมือ โดยมีผู้บริหารสถานศึกษา ครูเป็นบุคลากรหลักในการดาเนินงานและบุคลากรทุกฝุายท่ีเก่ียวข้อง ทั้งในและนอกสถานศึกษา ได้แก่ ผู้ปกครอง ชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษามีส่วนร่วมในการคุ้มครอง และชว่ ยเหลือเด็กนักเรยี น ซง่ึ มีกระบวนการ ดงั ต่อไปนี้ 1. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ครทู ี่ได้รับแจง้ เหตุ หรอื ประสบเหตุ 2. บันทึกข้อมูลตามแบบรายงาน ฉก.01 รายงานเหตุการณ์และแจ้งไปยังศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครอง และชว่ ยเหลือเดก็ นักเรียน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากกรณีต้องการพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ แจ้งตามสภาพปัญหาท่ีต้องการช่วยเหลือ เช่น ผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กนักเรียนตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองเดก็ พ.ศ. 2546 มาตรา 24 ตารวจ พนกั งาน ฝาุ ยปกครอง โรงพยาบาล ฯลฯ 3. ผ้ทู ีไ่ ดร้ ับแจง้ เหตุดาเนินการช่วยเหลือ ด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมประเมินสถานการณ์เบ้ืองต้น โดยทนั ที 4. ให้การคมุ้ ครองและชว่ ยเหลือเด็กนักเรียน โดยคานงึ ถงึ ความปลอดภัยของเดก็ นกั เรยี น 5. กรณีเด็กนักเรียนมีความเสี่ยงต้องได้รับการคุ้มครอง และจัดเจ้าหน้าที่ให้ความคุ้มครองขั้นต้นกับ เด็กนักเรียนผู้ประสบเหตุทันที ซึ่งจะต้องคานึงถึงผลความปลอดภัยของเด็กนักเรียน พร้อมดาเนินการหาข้อมูล ขอ้ เทจ็ จริง และกรณีเร่งดว่ นให้รายงานหนว่ ยงานต้นสงั กัดทันที 6. กรณเี ดก็ นักเรยี นพงึ ไดร้ บั การสงเคราะห์ โดยให้เจ้าหนา้ ท่ีสง่ ต่อไปรบั บรกิ ารสงเคราะห์ 7. ประสานข้อมูล จัดทา/จัดเก็บข้อมูลสถานศึกษา และรายงานไปยัง สพป.นครราชสีมา เขต 4 และผ้เู ก่ียวข้องทราบ 8. รายงานและประสานความร่วมมอื เพอื่ ส่งต่อความรบั ผิดชอบดา้ นขอ้ มูลแกผ่ ู้เก่ยี วข้อง 9. ติดตามสถานการณ์และทบทวนการดาเนินงานและรายงานสถานการณ์ต่อศูนย์เฉพาะกิจ คมุ้ ครอง และช่วยเหลือเด็กนักเรยี น กรณีเรง่ ด่วนของการรายงาน 1. กรณีเป็นข่าว สื่อมวลชนเข้าติดตามสถานการณ์ให้สถานศึกษาประมวลสถานการณ์แล้ว รายงานต่อตน้ สงั กดั ทันที ตามช่องทางการสือ่ สาร เชน่ LINE โทรศัพท์ โทรสาร และหนังสอื ราชการ 2. กรณีฉุกเฉิน/รุนแรงให้รายงานต่อต้นสังกัดทราบทันทีหรือภายใน 24 ช่ัวโมง ตามแบบ รายงาน ฉก.01 โดยตดิ ตามผลพร้อมรายงาน เปน็ ระยะ 3. กรณีเรื่องยุติแล้ว ให้รายงานการดาเนินงานตามแบบสรุปผลการดาเนินงานคุ้มครองและ ช่วยเหลอื เดก็ นักเรยี นตามลาดับข้ัน เพ่ือให้การรายงานมีประสิทธิภาพ สถานศึกษาควรติดตาม ตรวจสอบผลการ รายงานอกี ครง้ั พร้อมท้งั จดั เกบ็ ข้อมูลอยา่ งเปน็ ระบบเพ่ือใชใ้ นการดาเนินงานต่อไป

7 1.4 บทบาทการคุ้มครองช่วยเหลือนักเรียน บทบาทครู 1. ใหก้ ารศึกษาแก่เด็กนกั เรยี น โดยมงุ่ พัฒนาผู้เรยี นให้เป็นคนดีมีปญั ญา และมีความรู้ 2. จดั ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 5 ข้ันตอน และให้คาปรกึ ษากบั เด็กนกั เรยี น 3. จดั สง่ิ แวดล้อมและเฝูาระวังปัจจยั /พ้ืนที่เสีย่ งดา้ นสังคมรอบ ๆ ตัวเด็กนกั เรียน 4. จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ทั้งในและนอกชน้ั เรียน 5. ดแู ลสขุ ภาพเด็กนกั เรยี นขณะอยู่ในสถานศึกษา 6. ส่งเสรมิ ใหพ้ ่อแม่ และผปู้ กครองมีส่วนร่วมในการดาเนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของสถานศึกษา 7. ครูและผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการดแู ลเด็กนกั เรียน 8. สรา้ งเครือขา่ ย/ประสานความร่วมมอื ในการคมุ้ ครองและช่วยเหลือเด็กนักเรยี น 9. มีเครอ่ื งมือในการตดิ ตามสภาวะเดก็ นักเรียน 11. มีการแต่งตั้งครูนักจิตวิทยาประจา สถานศึกษาเพื่อคัดกรองนักเรียนเบ้ืองต้น และประสานงานรว่ มกบั นกั จิตวทิ ยาประจาเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาในการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น 10. ใหค้ วามช่วยเหลอื เดก็ นักเรียนเบื้องต้นในกรณีทเี่ กิดเหตกุ ารณผ์ ิดปกติกับเด็กนกั เรียน 11. รายงานตอ่ สพป.นครราชสมี า เขต 4 เมื่อพบเหตคุ วามผดิ ปกติ บทบาทสถานศึกษา 1. ผู้บริหารสถานศึกษาตระหนักและให้ความสาคัญในการคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน ท้ังในและนอกสถานศึกษา 2. สถานศึกษาจัดระบบดูแลช่วยเหลือเด็กนักเรียนอย่างเข้มแข็ง โดยการจัดระบบคัดกรอง ระบบการเขา้ ถึงสภาวะปญั หาของเด็กนกั เรียน ระบบการประเมินสภาวะปัญหา และระบบการใหค้ าปรึกษา 3. ปูองกันและเฝูาระวังเพ่ือไม่ให้เด็กนักเรียนเส่ียงต่อภัยอันตราย ปูองกันให้เด็กนักเรียน ปลอดภัย จากส่ิงแวดล้อมทางกายภาพและบุคคล โดยสถานศึกษาจะต้องหามาตรการปูองกัน แก้ไขบริเวณเส่ียง อนั ตราย และมรี ะบบกฎเกณฑ์ความปลอดภยั ทีเ่ หมาะสม 4. จดั ระบบงานและกจิ กรรมให้กบั เด็กนักเรียนและผ้มู ีสว่ นรว่ ม 5. ผบู้ ริหารสถานศึกษาจะต้องแจง้ เหตุ พรอ้ มทั้งรายงาน สพป.นครราชสีมา เขต 4 บทบาทสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา 1. ให้การชว่ ยเหลอื ปอู งกนั สง่ เสริม ในกรณีทเ่ี กินขีดความสามารถของสถานศึกษา 2. ชว่ ยประสานงานหนว่ ยงานท่เี กย่ี วข้องในกรณสี ่งตอ่ 3. กากบั ตดิ ตาม และให้คาปรึกษาสถานศึกษา 4. รายงานให้ ฉก.ชน.สพฐ. ทราบ ขอบเขตการคมุ้ ครองและชว่ ยเหลอื เด็กนักเรยี น 1. กรณีถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ 2. กรณีความรุนแรง 3. กรณไี มไ่ ด้รับความเป็นธรรมจากระบบการศกึ ษา 3.1 เด็กนักเรยี นออกกลางคนั 3.2 เด็กนักเรยี นตดิ 0 ร และ มส. 4. ตั้งครรภ์ในวัยเรียน 5. ภาวะจติ เวช 6. เด็กนักเรียนติดเกม/อินเทอรเ์ น็ต/เลน่ การพนนั 7. เดก็ นักเรียนถกู ปลอ่ ยปละ ละเลย ทอดทง้ิ

8 8. ยาเสพตดิ 9. อุปทานหมู่ 10. โรคตดิ ต่อในสถานศกึ ษา 11. อุบัติเหตใุ นสถานศึกษา 11.1 เดก็ นกั เรยี นจมนา้ 11.2 เด็กนักเรยี นเสียชติ ในสถานศกึ ษา 12. อุบัติเหตนุ อกสถานศึกษา 13.ภัยพิบตั ิ 14. การกลน่ั แกลง้ รงั แกกนั (Bully) ส่วนที่ 2 แนวทางการคุ้มครองและชว่ ยเหลือเด็กนกั เรียน สถานการณ์เด็กนักเรียนในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากข้ึนตามการเปล่ียนแปลงของโลกปัจจุบัน ในยคุ โลกาภิวัตน์รอบด้าน ส่งผลต่อพฤติกรรมและความปลอดภัยของเด็กนักเรียน ดังนั้น จึงได้จัดทาแนวทางการ ค้มุ ครองและชว่ ยเหลือเดก็ นักเรียนในกรณีต่าง ๆ ดงั นี้ 1. กรณีล่วงละเมิดทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ เป็นปัญหาที่เกิดข้ึนเสมอๆ ในสังคม ท้ังการล่วงละเมิดด้วยคาพูด การสัมผัส การ แอบดู รวมถึงการกระทารุนแรงทางเพศ เด็กนักเรียนจึงควรรู้วิธีปูองกัน และหาทางออกเม่ือต้องเผชิญกับ เหตกุ ารณ์ รวมทัง้ การขอความชว่ ยเหลือจากบุคคลหรอื หนว่ ยงานทีเ่ กย่ี วข้อง การลว่ งละเมิดทางเพศ หมายถึง การกระทาที่มีผลทาให้ผู้ถูกกระทาได้รับความเสียหายเก่ียวข้องกับเร่ือง เพศ ไดแ้ ก่ กระทาชาเรา อนาจาร เปน็ ต้น ผู้ท่ีถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศจะไดร้ บั ผลกระทบทง้ั ทางรา่ งกายและจิตใจ มาตรการปอ้ งกัน 1. ให้ความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักแก่ครู เด็กนักเรียน และผู้ปกครอง ในการปูองกัน หาทางออก เม่ือตอ้ งเผชญิ กบั เหตุการณ์การลว่ งละเมดิ และสรา้ งกลไกการปูองกนั เด็กนกั เรียนจากการถูกละเมิด 2. ใชก้ ระบวนการระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน ครูที่ปรึกษาร่วมกับครูนักจิตวิทยาประจาสถานศึกษา ในการเอาใจใสเ่ ด็กนกั เรยี นอยา่ งใกลช้ ิด และต้องทางานเปน็ ทีม 3. ให้สถานศึกษาดูแลพิทักษ์ ปกปูอง และคุ้มครองเด็กนักเรียน ไม่ให้ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากบุคคล ทัง้ ทอี่ ยูภ่ ายในและภายนอกสถานศึกษา 4. จัดสถานที่ภายในสถานศึกษาให้เหมาะสม เช่น มีกล้องวงจรปิด มีการจัดต้ังเวรยามตรวจตราพื้นที่ จดุ เสี่ยง เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กิดการล่วงละเมดิ ระหว่างครูกับเดก็ นักเรยี น เด็กนักเรียนกับเดก็ นกั เรียน และจากบุคคลอืน่ 5. สถานศึกษาสอนเร่ืองเพศศึกษาในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยเฉพาะการดูแล ปูองกัน ตนเองของเด็กนกั เรียนใหป้ ลอดภยั จากการถูกลว่ งละเมิดทางเพศ 6. กาหนดโทษและมาตรการท่เี ขม้ แขง็ ตอ่ ผู้กระทาผดิ รุนแรง

9 แนวทางการชว่ ยเหลือ 1. ผู้บริหารสถานศึกษา หรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายตรวจสอบข้อเท็จจริง และปรึกษากับผู้เกี่ยวข้อง ในสถานศึกษา สพป.นม.4 ทนั ที 2. ตรวจสอบข้อมูลประวัติเด็กนักเรียนโดยใช้กระบวนการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน การบันทึก ขอ้ มลู และการจัดเกบ็ ข้อมูลตามแบบรายงาน ฉก.01 3. ประสานทีมสหวิชาชีพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สพป.นม.4 สานักงานพัฒนาสังคม และความม่ันคงของมนุษย์ บ้านพักเด็กและครอบครัว สถานีตารวจ องค์การบริหารส่วนท้องถ่ิน และผู้มีหน้าท่ี คมุ้ ครองสวัสดิภาพเดก็ ตามพระราชบญั ญัตคิ ุ้มครอง พ.ศ. 2546 เปน็ ตน้ 4. เชิญผู้ปกครองเด็กนักเรียนทั้งสองฝุาย/หรือผู้ที่เด็กนักเรียนไว้วางใจ/หรือผู้ที่เด็กนักเรียนร้องขอมา พูดคยุ / รบั ทราบเหตุการณ์ และใหค้ าปรึกษา 5. ประสานศูนย์ช่วยเหลือสังคม (OSCC) สถานพยาบาลในพื้นที่ เพ่ือนาเด็กนักเรียนเข้ารับการตรวจ รกั ษา ดา้ นร่างกายและจติ ใจภายใน 24 ชั่วโมง 6. แจง้ ผูป้ กครองเด็กนกั เรยี นหาแนวทาง และวธิ ีการรว่ มกนั ในการปรับพฤติกรรมเด็กนกั เรียน 7. ดาเนนิ การโดยเกบ็ ข้อมูลเป็นความลับ พทิ กั ษ์สิทธผิ ถู้ ูกกระทาและผู้กระทา 8. กรณีเด็กนักเรียนกับครูหรือบุคลากรทางการศึกษา ตรวจสอบประวัติครู ให้เชิญคณะกรรมการ สถานศึกษามาปรึกษา สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในสถานศึกษา และรายงาน ผู้บังคับบัญชาทราบทันที 9. กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่กระทาการละเมิด ให้ดาเนินการทางวินัย สรุปและ จดั ทารายงานเสนอผู้บริหารสานศกึ ษาทราบ 10. ติดตามผล/เยย่ี มบ้านเดก็ นักเรียนเป็นระยะ ใหค้ าปรึกษา/ให้กาลังใจ 11. จัดทาเป็นกรณีศึกษาเพ่ือเป็นข้อมูลและแนวทางในการปกปูอง คุ้มครอง และดูแลช่วยเหลือเด็ก นกั เรียนต่อไป มาตรการการดาเนนิ งานของผู้บรหิ ารระดบั จังหวดั สงั กดั สพฐ. 1. ผ้บู รหิ ารระดับจังหวัดสงั กดั สพฐ. รายงานเหตุให้เลขาธิการ กพฐ. ทราบทันที กรณเี รง่ ด่วน 2. มอบทมี ผ้บู รหิ ารระดับจงั หวดั สังกัด สพฐ. ประสานงานกบั ทมี สหวชิ าชีพ เข้าช่วยเหลือเด็กนักเรียนเมื่อ ทราบ และตรวจร่างกายภายใน 24 ชว่ั โมง 3. รายงานขอ้ มลู รายละเอยี ดอยา่ งเป็นทางการเบื้องต้น ภายใน 24 ช่วั โมง 4. กรณีส่อื มวลชนเขา้ ติดตามสถานการณ์ ให้รายงานผูบ้ ริหารระดบั จังหวัดสงั กัด สพฐ. ทนั ที 6. รายงานสถานการณใ์ หผ้ ้บู ังคับบัญชาทราบเป็นระยะ ๆ จนการช่วยเหลอื เสรจ็ ส้นิ กระบวนการ 5. ครูล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนได้รับผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัส มีข้อร้องเรียน และมีการเผยแพร่ผ่านสอ่ื สาธารณะ ผู้อานวยการเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 ส่ังให้ครูมา ปฏิบตั งิ านท่ีสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 โดยไม่ชักช้าและเร่งดาเนินการ แต่งตั้ง คณะกรรมการใหไ้ ดข้ ้อเท็จจรงิ โดยเร็ว 7. สถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียนประชุม วางแผน กาหนดแนว ปฏบิ ตั ิ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 8. สถานศึกษาต้องดาเนนิ ระงบั เหตภุ ยนั ตรายจากบุคคลภายนอก การถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ

10 9. เม่ือปรากฏว่า มีเด็กนักเรียนถูกล่วงละเมิดทางเพศให้ดาเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที และให้เสร็จ สนิ้ โดยเรว็ ใหท้ ราบผลอยา่ งช้าภายใน 10 วัน และถ้าเห็นว่ากระทาผิดทางวินัยให้ดาเนินการทางวินัยทันที พร้อม กับใหพ้ กั ราชการหรอื ให้ออกจากราชการไวก้ อ่ น 10. หา้ มชว่ ยเหลือผู้กระทาผดิ ใหไ้ มต่ อ้ งรบั โทษหรอื เข้าไปไกลเ่ กลี่ย ประนีประนอมความกบั ผู้เสียหาย 11. ให้คาแนะนาแก่ผู้ปกครองพาเด็กนักเรียนผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจร่างกายโดยเร็ว อย่างช้าภายใน 72 ชม. นับแตเ่ กดิ เหตเุ พ่อื เปน็ หลักฐานในคดี 12. กรณขี ้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางศึกษา ถูกร้องเรียนกล่าวหา หรือต้องหาว่ากระทาผิดอาญา กรณี มีพฤติการณ์ล่วงละเมิดสิทธิทางเพศเด็กนักเรียน ให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานการ ดาเนนิ การ ให้สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานทราบโดยด่วน 13. กรณีปรากฏ พยานหลักฐานเบ้ืองต้น และมีเหตุอันน่า เช่ือว่าผู้ถูกกล่าวหากระทาผิดวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาย้ายผู้ถูกล่าวหาออกจากสถานศึกษา เพื่อให้ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ชัดเจน หรือเพื่อ ประโยชน์ในการสอบสวน ปูองกนั การขม่ ขผู่ ู้เสยี หายหรอื พยาน และไม่ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ เด็กนักเรียน 14. เมื่อปรากฏมูลกรณีอันเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง จนถูกต้ังคณะกรรมการสอบสวนหรือถูกฟูอง คดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทาผิดอาญา ว่ามีเหตุอันควรเช่ือว่าหากผู้นั้นคงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความ เสียหาย หรือผู้น้ันมีพฤติการณ์ที่แสดงว่าถ้าคงอยู่ในหน้าที่ราชการ จะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณาหรือ จะก่อความไม่สงบ ใหผ้ ้บู ังคบั บัญชาสง่ั พักราชการ หรือสง่ั ใหอ้ อกจากราชการไวก้ อ่ น เพือ่ รอฟงั ผลการสอบสวน แหลง่ ชว่ ยเหลอื 1. สถานพยาบาล 2. บา้ นพกั เด็กและครอบครัว 3. สานักงานพัฒนาสงั คมและความมัน่ คงของมนษุ ย์ 4. ศูนยช์ ว่ ยเหลือสงั คม (OSCC) โทร. 1300 5. สถานีตารวจ 6. สถานพนิ จิ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน 7. นกั จติ วิทยา 8. ศาลเยาวชนและครอบครัว

11 แผนผงั ขั้นตอนการชว่ ยเหลือเด็กนักเรยี น กรณลี ว่ งละเมดิ ทางเพศ ผบู้ รหิ ารสนสถานศึกษาไดร้ ับแจง้ เหตุหรอื ประสบเหตเุ ดก็ นักเรียนถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ ประสานครนู กั จติ วทิ ยาประจาโรงเรียน/ผรู้ บั ผดิ ชอบงานระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น ทาความเข้าใจกบั สื่อมวลชน ตรวจสอบขอ้ มลู เบื้องต้น ประเมินปัญหา สถานการณ์ แจ้งผปู้ กครอง/ผดู้ ูแล บันทกึ ข้อมลู แบบรายงาน ฉก.01 และแจ้งมายงั หนว่ ยงานทีด่ ูแลเด็กนักเรียน ดาเนินการช่วยเหลอื ด้านร่างกาย จติ ใจ ให้คาปรึกษาแกเ่ ด็กนกั เรียน พร้อมประเมนิ สถานการณ์ แจ้ง ทีม ฉก.ชน.สพป.นม.๔ แจง้ /ประสานการส่งต่อทมี สหวชิ าชีพ ให้การดูแลชว่ ยเหลือเด็กนักเรียน/คุม้ ครอง/ตดิ ตามเยย่ี ม โดยคานึงถึงความปลอดภยั ของเด็กนกั เรยี น กรณีเดก็ นักเรียนมีความเสยี่ งไดร้ บั การคมุ้ ครอง กรณเี ด็กนักเรยี นไดร้ บั การสงเคราะห์ ใหค้ วามคุ้มครองเดก็ นักเรียนขน้ั ตน้ ทันที ให้เจ้าหน้าทส่ี ง่ ต่อไปรับบริการสงเคราะห์ ตามระเบยี บกระทรวงว่าด้วยยการสงเคราะห์ เดก็ นกั เรียน จัดทา/จดั เกบ็ ขอ้ มลู การดาเนินงานของสถานศึกษา สรุปผลการทางานและ รายงานไปยัง สพป.นม.๔ และผู้เกยี่ วข้องทราบตามกรณี

12 2. กรณีความรุนแรง ความรุนแรงต่อเด็กนักเรยี นเกิดขน้ึ บอ่ ยครัง้ ทว่ั ทกุ พื้นท่ีของสังคม ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาในระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ไม่ว่าในสถานศึกษาขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือ ขนาด ใหญ่ ไม่ว่าสถานศึกษาจะอยู่ในภาคไหนในประเทศไทยในบริบทสังคม อย่างไรก็ตามความรุนแรงต่อเด็ก นักเรียน ที่เกิดข้ึนหลายแห่ง อาจมีรูปแบบคล้ายคลึงหรือแตกต่างกันบ้างตามสถานการณ์ ส่วนสาเหตุบ่มเพาะ และเอ้ือต่อการเกิดความรุนแรงเหล่าน้ัน มีทั้งเหมือนและแตกต่างกันออกไป ความรุนแรงเป็นพฤติกรรมหรือการ กระทาใด ๆ ก็ตามท่ีละเมิดสิทธิส่วนบุคคลท้ังทางร่างกาย วาจา จิตใจหรือ ทางเพศ และนามาซึ่งอันตรายหรือ ความทกุ ขท์ รมานต่อผ้ถู ูกกระทาท้ังด้านร่างกาย และจติ ใจ ในที่น้ีไดแ้ บง่ ความรนุ แรง ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ความรุนแรงทางด้านรา่ งกาย เช่น การทบุ ตีทารา้ ยร่างกาย ตบ เตะ ตอ่ ย การใช้อาวุธ และ การลงโทษ เดก็ นกั เรยี นที่เกนิ กว่าเหตุในสถานศึกษาและครอบครัว เป็นตน้ 2. ความรุนแรงทางด้านจิตใจ เช่น การใช้คาพูด กิริยา หรือการกระทา ท่ีเป็นการดูถูกดูหมิ่น เหยียดหยาม ด่าว่า ให้อับอาย การกล่ันแกล้ง ทรมานให้เจ็บช้าน้าใจ การบังคับ ข่มขู่ กักขัง ควบคุม ไม่ให้แสดง ความคิดเห็น การหึงหวง การเลือกปฏิบัติ การเอารัดเอาเปรียบ การตักตวงผลประโยชน์ การถูกทอดท้ิงไม่ได้รับ การเอาใจใสเ่ ลยี้ งดู เปน็ ต้น 3. ความรนุ แรงทางเพศ เชน่ การถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศ การพูดเรื่องลามกอนาจาร การแอบดู การจับต้อง ของสงวน การบังคับใหเ้ ปล้อื งผา้ การบังคับให้มีเพศสมั พนั ธ์ เป็นต้น ดังน้ันเพอ่ื ลดปัญหาความรุนแรง ส่วนหน่ึงจึงต้องมุ่งท่ีการปรับเปล่ียนเจตคติหรือความเชื่อเดิม เพ่ือให้ทุก คนเกิดความตระหนักว่า ความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้ และมีผลกระทบมาก ยอมรับว่าปัญหา ความรุนแรงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่ต้องอับอายหรือปกปิด แต่ต้องแสวงหาวิธีการปูองกันไม่ให้เกิดขึ้น เม่ือเกิดขึ้นแล้ว ต้องหาทางแกไ้ ข ตลอดจนแสวงหาข้อมูล แนวทางการปูองกนั การแก้ไขปัญหา และแหลง่ ช่วยเหลือต่างๆ มาตรการปอ้ งกัน การปูองกันการใช้ความรุนแรงในเด็กนักเรียนน้ัน ไม่ควรทาเพียงเพ่ือเพราะต้องการเร่งหาทางออกแบบ ชว่ั คราว ในเวลาท่ีมีเหตกุ ารณร์ ้ายแรงเกดิ ขนึ้ จากนน้ั ก็เงียบหายไป ซ่งึ จะไมส่ ามารถปอู งกันแกไ้ ข ปัญหาพฤติกรรม ก้าวร้าว และรุนแรงในระยะยาวได้อย่างแท้จริง ดังนั้นการคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียนจึงเป็นการปูองกัน และปกปูองเด็กนกั เรียนจากความรุนแรง การแสวงหาประโยชน์ การละเลยทอดทิ้ง หรือรูปแบบการกระทาต่าง ๆ ทีอ่ าจก่อให้เกดิ ผลกระทบด้านลบตอ่ รา่ งกาย จิตใจ พฒั นาการ และศักดิ์ศรีของเด็กนักเรียน ดงั นี้ 1. สพฐ. และ สพป.นม.4 กาหนดเป็นนโยบายให้ทุกสถานศึกษาจัดทาโครงการ เพื่อเสนอแนวทางแก้ไข และปอู งกันอย่างชัดเจน และเป็นข้ันตอน จัดทาแผนยทุ ธศาสตร์ระยะสั้น และพัฒนาครูให้เป็นแบบอย่าง สามารถ แก้ไขความรุนแรงที่เกิดข้ึน จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้เด็กนักเรียนเห็นคุณค่า ศักยภาพของตัวเอง โดยสอดแทรกค่านยิ ม รแู้ พ้ รูช้ นะ รู้อภยั เน้นการใชเ้ หตุผลมากกวา่ อารมณ์ 2. หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมีบทบาทสาคัญ คือ การแก้ไขและปูองกันการใช้ความรุนแรงให้เป็นไปอย่าง ตอ่ เนอื่ ง ตลอดจนกระต้นุ ให้ส่อื ต่างๆ นาเสนอเนื้อหาและผลงานที่สร้างสรรค์ 3. จัดให้มีช่องทางการสื่อสารระหว่างสถานศึกษา ผู้ปกครอง ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อ สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดกับเด็กนักเรียนได้ทันต่อสถานการณ์ เช่น สายด่วน , , LINE และเว็บไซต์ แจ้งข่าวกรณเี ด็กนกั เรียนขาดเรียน/กิจกรรมของสถานศึกษา เป็นต้น 4. ครูจัดการเรียนการสอนโดยบูรณาการคุณธรรมจริยธรรม สร้างความตระหนักในคุณค่าแห่งตน การม่งุ อนาคต และความสาเรจ็ การคิดวเิ คราะห์ การยับยั้งชงั่ ใจ ทักษะการควบคุมอารมณ์ เปน็ ต้น

13 5. ครูเวรประจาวัน คณะกรรมการนักเรียน สารวัตรนักเรียน ยามรักษาความปลอดภัย ดูแลรักษาความ ปลอดภัยแก่เด็กนักเรียนทุกอาคาร บริเวณจุดอับและจุดเสี่ยง ตลอดจนดูภาพจากกล้องวงจรปิดท่ีติดไว้ท่ัวบริเวณ สถานศึกษา หากมีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิดความรุนแรง ให้เร่งรีบดาเนินการแจ้งผู้เกี่ยวข้องเพ่ือแก้ปัญหาทันที เช่น มคี นแปลกหน้ามาบริเวณหน้าสถานศกึ ษา พกพาอาวุธ ขบั ขี่จักรยานยนต์ เปน็ ตน้ 6. พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือคนในครอบครัวเป็นผู้ใกล้ชิด และมีบทบาทสาคัญในการลดแรงกระตุ้น พฤติกรรมก้าวร้าว และความรุนแรงในเด็กนักเรียน โดยการขัดเกลาพฤติกรรมลูกต้ังแต่ปฐมวัย เช่น การเป็น แบบอย่างทีด่ แี กล่ กู ใหเ้ วลากับลูกอยา่ งเพยี งพอ ไม่ปล่อยปละ ละเลยลูก ในการรับส่ือหรือการคบเพื่อน และเอาใจ ใสใ่ นเรือ่ งตา่ งๆ เมือ่ พบเหน็ ลูกมพี ฤติกรรมกา้ วรา้ วไม่ควรเพิกเฉย แต่ควรเรียกมาพูดคุยส่ือสารกับลูก ด้วยความรัก และมเี หตุมีผลเปน็ หลกั วา่ สงิ่ ใดทาได้สงิ่ ใดทาไม่ไดเ้ พราะเหตุใด และผลทจ่ี ะเกดิ ตามมานนั้ คืออะไร 7. ครูลงโทษเด็กนักเรียนเกินกว่าเหตุ เด็กนักเรียนได้รับผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจอย่างรุนแรง มขี ้อร้องเรียน และเผยแพรผ่ ่านสื่อสาธารณะ ให้ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาระถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 ส่ังให้ครูมาปฏิบัติงานที่สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาระถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 โดยไม่ชักช้าและเร่ง ดาเนนิ การแตง่ ตัง้ คณะกรรมการใหไ้ ด้ขอ้ เทจ็ จรงิ โดยเร็ว 8. เด็กนักเรียนถูกกระทาด้วยอาวุธปืน มีด และของมีคมอื่นใด ถูกแขวนคอ ถูกกรอกยาพิษ ถูกกักขัง บริเวณ จากเดก็ นกั เรียนดว้ ยกันเองหรือจากบุคลากรทางการศกึ ษา ท่ีส่งผลให้เด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือ สูญเสียชีวิตในสถานศึกษา อันเน่ืองจากผู้อานวยการโรงเรียนปล่อยปละ ละเลย ในการกากับ ดูแล ตรวจตรา มขี อ้ รอ้ งเรียนและ มีการเผยแพรผ่ า่ นสอื่ สาธารณะอย่างกว้างขวาง ให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาระ ถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 4 สงั่ ให้ครมู าปฏิบตั งิ านที่สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาระถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 พิเศษ โดยไม่ชกั ช้า และเรง่ ดาเนินการแต่งต้ังคณะกรรมการให้ได้ข้อเท็จจริงโดยเรว็ 9. สถานศึกษาตอ้ งดาเนนิ การเลอื กต้ัง ระงบั เหตุภยันตรายจากบุคคลภายนอกจากการใช้ความรนุ แรง 10. หากมีการลงโทษเด็กนักเรียนที่รุนแรงเกินกว่าเหตุด้วยวิธีการท่ีไม่เหมาะสม จะถือว่าผู้อานวยการ โรงเรยี น ขาดความเอาใจใส่ในการปฏิบตั ิหน้าท่แี ละอาจถูกดาเนินการทางวนิ ยั ตามสมควร 11. กรณีครูลงโทษเด็กนักเรียนด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม ให้ผู้อานวยการสถานศึกษา เข้าไปตรวจดู รายงานตน้ สงั กัดตามลาดับ และให้ความค้มุ ครองชว่ ยเหลอื เยยี วยาแก่เด็กนกั เรียนตามสมควร แนวทางการชว่ ยเหลือ 1. กรณีเกิดเหตุความรุนแรงในสถานศึกษาหรือบริเวณใกล้เคียง ครูผู้ประสบเหตุมีการประสานงานครู นกั จิตวทิ ยาประจาโรงเรยี น/ผู้รบั ผิดชอบงานระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี นในการพจิ ารณาว่าเหตุการณ์น้ันๆ รุนแรง เพียงใด สามารถหยุดพฤติกรรมของเด็กนักเรียนได้ด้วยตนเองหรือไม่เพียงใด หากเกินกาลังให้หาคนช่วยเหลือ ในการระงบั เหตุแลว้ แจง้ ให้ครทู ี่ปรึกษา ผูเ้ กยี่ วข้อง และผ้บู ริหารสถานศกึ ษาทราบทนั ที 2. ครูทป่ี รึกษา/ครูผ้ปู ระสบเหตุ พูดคุย ให้กาลังใจ สร้างความไว้วางใจแก่เด็กนักเรียน รอจนเด็กนักเรียน ผ่อนคลายลง ประสานเชิญผู้ปกครองมาพบเด็กนักเรียนท่ีสถานศึกษา เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงจากคาบอกเล่า ของเดก็ นักเรียนด้วยตนเองแลว้ รว่ มกันแสวงหาแนวทางชว่ ยเหลือเด็กนกั เรยี นไม่ให้กลับไปกระทาพฤติกรรมความ รนุ แรงข้ึนอีก 3. หากคกู่ รณอี ยู่ในสถานศึกษาเดียวกันให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน และเมื่อความขัดแย้งลดลงครูฝุาย ปกครองจงึ จดั ใหท้ ง้ั สองฝุายไดพ้ บกนั เพ่ือปรับความเขา้ ใจ และสร้างความรักความสามัคคกี ัน 4. หากคู่กรณีเป็นบุคคลภายนอกสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษามอบหมายบุคลากรที่เหมาะสมเป็น ผดู้ าเนินการในการแกไ้ ขปญั หา

14 5. จัดให้มีเด็กนักเรียนเพื่อนที่ปรึกษาสาหรับเด็กนักเรียนท่ีอยู่ระหว่างปรับพฤติกรรม คอยช่วยเหลือ แนะนาและใหค้ าปรึกษา 6. ประสานทีมสหวชิ าชพี ในกรณีต้องส่งตอ่ ภายนอก 7. กรณีเหตุการณ์รุนแรง ให้รายงานข้อมูลรายละเอียดเบ้ืองต้นอย่างเป็นทางการภายใน 24 ช่ัวโมง ถงึ ฉก.ชน.สพป.นม.1 8. เมื่อเด็กนักเรียนถูกเจ้าหน้าที่ตารวจควบคุมตัว หรือมอบตัว ทางสถานศึกษาต้องออกหนังสือรับรอง การเปน็ เดก็ นกั เรียนให้ 9. กรณีต้องการประกันตวั นกั เรยี น สามารถใช้ตาแหน่งหน้าทข่ี องข้าราชการในการประกันตัวได้ มาตรการการดาเนนิ งานของผู้บริหารระดับจงั หวัดสงั กัด สพฐ. 1. กรณเี ด็กนกั เรยี นถูกดาเนินคดี ผูบ้ ริหารระดบั จงั หวดั สงั กัด สพฐ. รายงานให้เลขาธิการ กพฐ. ทราบทนั ที 2. มอบหมายทีมผู้บรหิ ารระดับจงั หวดั สังกัด สพฐ. เข้าประสานชว่ ยเหลอื กบั สถานศึกษาทันที 3. รายงานข้อมลู รายละเอยี ดอย่างเปน็ ทางการเบ้ืองตน้ ภายใน 24 ช่วั โมง 4. กรณีมีส่ือมวลชนเข้าติดตามสถานการณ์ ให้รายงานผู้บริหารระดับจังหวัดสังกัด สพฐ. ให้รายงาน เลขาธิการ กพฐ. ทราบทนั ทแี ละทาความเขา้ ใจกบั สอื่ มวลชน 5. ผู้บริหารระดับจังหวัดสังกัด สพฐ. มอบเป็นนโยบาย และสั่งการแก่สถานศึกษาในสังกัด เพ่ือปฏิบัติ เปน็ แนวทางเดยี วกนั แหล่งช่วยเหลอื 1. ศนู ยช์ ่วยเหลอื สังคม (OSCC) โทร. 1300 2. ศนู ยฉ์ ุกเฉิน โทร. 1669 3. สถานพยาบาล 4. สถานตี ารวจ 5. สถานพินิจและค้มุ ครองเด็กและเยาวชน 6. นกั จิตวิทยา 7. ศาลเยาวชนและครอบครวั

15 แผนผังขน้ั ตอนการชว่ ยเหลือเด็กนักเรียน กรณีความรนุ แรง รับแจ้ง/ประสบเหตเุ ด็กนกั เรียนเกย่ี วข้องกับความรุนแรงต่างๆ ประสานงานครนู กั จิตวทิ ยา ตรวจสอบข้อเท็จจรงิ ทาความเข้าใจกบั สื่อมวลชน ประจาสถานศึกษา/ ประเมินเบ้ืองตน้ /ส่งต่อ ทมี สหวิชาชีพ ผูร้ บั ผิดชอบงานระบบดูแล ชว่ ยเหลือนักเรียน ไม่ถูกดาเนนิ คดี ถูกดาเนนิ คดี เขา้ ส่กู ระบวนการยตุ ิธรรม สรา้ งภูม/ิ ให้คาปรกึ ษา ผู้ปกครอง ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ผ้บู ริหารสถานศึกษา ออกหนงั สอื รบั รอง การเปน็ นักเรยี น ผอ.สพป.นม.4 เลขาธกิ าร กพฐ. 3. กรณีไม่ได้รบั ความเปน็ ธรรมจากระบบการศึกษา การไม่ได้รับความเป็นธรรม หมายถึง การที่เด็กนักเรียน บิดา มารดา หรือผู้ปกครองไม่ได้รับสิทธิตามที่ กฎหมายกาหนดให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน โดยได้รับการปฏิบัติหรือถูกละเว้นจากสถานศึกษาอย่างไม่ เป็นธรรม ขาดความเสมอภาค ซึง่ เป็นผลให้เสียโอกาสในการเขา้ ถึงการศึกษาท่มี ีคุณภาพ มาตรการป้องกนั 1. สถานศึกษาต้องปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2562 กฎกระทรวงศึกษาธิการ และนโยบายของ สพฐ. ตามลาดับสถานศึกษากาหนด ระเบียบ แนวปฏิบัติ ตลอดจนมาตรการในการปูองกันการไม่ได้รับความเป็นธรรม จากระบบการศึกษา 2. แตง่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขอ้ เท็จจริง 3. สถานศึกษาใหค้ วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั เร่ืองสิทธิ ระเบียบ แนวปฏิบัติ ตลอดจนกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง กับระบบการศึกษาแก่เด็กนักเรียน ครู บิดา มารดา ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และ ผเู้ กีย่ วขอ้ ง

16 4. ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาติดตาม และตรวจสอบการปฏิบตั งิ านของบุคลากรในสถานศกึ ษา 5. สถานศึกษาเปิดชอ่ งทางการสื่อสารระหว่างบิดา มารดา ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน เพ่ือมีส่วนร่วมใน การแสดงความคิดเหน็ 6. ตามนโยบายของ สพฐ. ปีงบประมาณ 2563 นโยบายท่ี 4 ด้านการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการ ทางการศกึ ษาทมี่ คี ณุ ภาพ มมี าตรฐานและลดการเหลอื่ มลา้ ทางการศึกษา แบง่ ได้ ดงั น้ี 6.1 สรา้ งความร่วมมอื กบั องค์กรปกครองระดับท้องถิ่น ภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ จดั การศึกษา ใหส้ อดคล้องกบั บรบิ ทกบั พื้นที่ 6.2 การยกระดับสถานศึกษาในสังกัดทุกระดับและทุกประเภท ให้มีคุณภาพและมาตรฐานตาม บรบิ ทของ พ้ืนที่ 6.3 จัดสรรงบประมาณสนับสนุนผู้เรียนทุกกลุ่ม และสถานศึกษาทุกประเภทอย่างเหมาะสม และเพยี งพอ 6.4 การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีดิจิทลั เป็นเครื่องมือในการพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรียน แนวทางการช่วยเหลอื การเรียกเกบ็ เงนิ จากเด็กนกั เรยี นตามระเบียบกฎหมายทีเ่ กย่ี วข้อง 1. ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาและครผู ู้สอนรับเร่อื งร้องเรยี นและตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ เบ้อื งตน้ 2. เชิญผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสยี เข้าสกู่ ระบวนการเจรจา และสรา้ งความเขา้ ใจอนั ดีต่อกนั เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ ยตุ ิโดยเร็ว 3. หากการดาเนนิ การยงั ไมไ่ ด้ขอ้ ยตุ ิ ใหร้ ายงานผบู้ งั คบั บญั ชาตามลาดบั ชนั้ 4. สถานศึกษาติดตามความคืบหน้าเพ่ือหาทางกาหนดมาตรการในการปูองกัน และให้ความช่วยเหลือ ตอ่ ไป แผนผังข้นั ตอนการช่วยเหลือเดก็ นักเรยี นกรณีไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรมจากระบบการศกึ ษา

17 3.1 กรณีเด็กนักเรียนออกกลางคนั การออกเรียนกลางคัน หมายถึง การท่ีเด็กนักเรียนหายไปจากระบบสถานศึกษา ขาดการติดต่อกับครู ที่ปรึกษา หรอื ครูผู้สอน จนพน้ สภาพการเปน็ นักเรียนก่อนเรียนจบหลักสูตรที่กาหนดไว้ โดยมีสาเหตุมาจากตัวเด็ก นักเรียน ครอบครวั สถานศกึ ษา หลักสตู ร สภาพแวดลอ้ มและสังคม (นพิ นธ์ แก้วเกิด : 2555) มาตรการป้องกัน 1. สถานศึกษาปฏบิ ตั ติ ามนโยบายของ สพฐ. และกระทวงศกึ ษาธกิ าร 2. สถานศกึ ษากาหนดระเบยี บ แนวปฏิบัติ ตลอดจนมาตรการในการปูองกนั เด็กนักเรียนออกกลางคนั 3. สถานศกึ ษาให้ความรู้ ความเขา้ ใจแก่เด็กนกั เรยี น ผปู้ กครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษาและผู้เกี่ยวข้อง เก่ยี วกบั พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545 และแนวทางดาเนนิ การในการชว่ ยเหลือและติดตามเด็ก นกั เรยี นมาเรียน 4. สถานศึกษาดาเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและเครือข่ายผู้ปกครอง เพื่อหาทางช่วยเหลือ เดก็ นกั เรยี นท่ปี ระสบปัญหาและอาจออกเรยี นกลางคนั 5. สถานศึกษาตดิ ตาม ผลการดาเนินงานช่วยเหลอื นักเรยี นทอ่ี อกเรยี นกลางคัน แนวทางการช่วยเหลอื 1. สารวจข้อมูลเดก็ นักเรียนท่ีมแี นวโน้มออกเรยี นกลางคนั และเด็กนักเรยี นทอ่ี อกเรียนกลางคัน 2. สังเคราะห์และวิเคราะห์ข้อมูล เพ่ือแยกปัญหาและร่วมหาทางช่วยเหลือเด็กนักเรียนท่ีมีปัญหา แต่ละด้าน 3. ให้ความช่วยเหลือตามสภาพปัญหา และประสานเครือข่าย ผู้นา/แกนนาชุมชน เพ่ือติดตามเด็ก นักเรียนให้กลับเขา้ สรู่ ะบบการศกึ ษา 4. ติตตาม และสรุปผลการชว่ ยเหลือเด็กนกั เรียนออกเรียนกลางคัน แผนผงั ข้นั ตอนการชว่ ยเหลือเด็กนักเรยี นกรณไี มไ่ ดร้ บั ความเป็นธรรมจากระบบการศึกษา เดก็ นกั เรียนออกกลางคัน สารวจเด็กนักเรียน ทมี่ ีแนวโน้มออกกลางคนั /ออกกลางคนั วเิ คราะห์สาเหตุละวางแผนแก้ไขปัญหา ประสานเครือข่ายเพือ่ ช่วยเหลอื เด็กนักเรียน ตดิ ตามและสรปุ

18 3.2 กรณเี ดก็ นกั เรียนตดิ 0 ร และ มส. มาตรการปอ้ งกนั 1. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนศึกษาระเบียบ แนวปฏิบัติที่เก่ียวข้องกับการวัดและประเมินผล การศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (แกไ้ ข เพ่มิ เติม ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 2. ประชุมครูผู้สอนเพื่อช้ีแจงซักซ้อมความเข้าใจให้ทราบถึงแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการวัด และประเมินผลการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน 3. ครผู ้สู อนแจง้ ระเบยี บแนวปฏิบัติเกีย่ วกับการวัดและประเมินผลการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานให้เดก็ นักเรียนทราบ 4. จัดให้มกี ารสอนปรับพน้ื ฐานความรู้ สอนซ่อมเสริม และสอบซอ่ มใหก้ ับเด็กนกั เรยี นกล่มุ เส่ยี ง แนวทางการชว่ ยเหลอื 1. ครูฝุายทะเบียนวัดผล สารวจจัดทาข้อมูลเด็กนักเรียนท่ีติด 0 ร และ มส. และแจ้งผู้ปกครอง ใหร้ บั ทราบผลการเรยี นของเด็กนกั เรียน 2. ประชุมวิเคราะห์หาสาเหตุ และวางแผนหาแนวทางการแก้ปัญหาเด็กนักเรียนติด 0 ร และ มส. 3. ดาเนินการแก้ปัญหาเด็กนักเรียนติด 0 ร และ มส. ตามระเบียบว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลตาม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 4. กากับ ติดตาม ดูแลชว่ ยเหลอื เดก็ นกั เรียนตดิ 0 ร และ มส. แผนผังขั้นตอนการชว่ ยเหลือเด็กนกั เรยี นกรณีไมไ่ ด้รับความเป็นธรรมจากระบบการศึกษา เด็กนกั เรียนตดิ 0 ร และ มส. สารวจ/จดั ทาขอ้ มูลเด็กนักเรียนท่ีตดิ 0 ร และ มส. แจ้งผลการเรยี นให้ผ้ปู กครองทราบ ประชมุ วิเคราะห์สาเหตุและวางแผนเพ่ือแกป้ ัญหา ดาเนินการแกป้ ญั หา กากบั ตดิ ตาม ดูแลช่วยเหลือ

19 4. ต้ังครรภ์ในวัยเรียน ตั้งครรภ์ในวัยเรียน หมายถึง เด็กนักเรียนที่ต้ังครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ไม่ได้มีการวางแผนจะให้เกิด โดยมีสาเหตุจากการไม่มีความรู้ขึ้นความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และการคุมกาเนิด การถูกข่มขืนจน ตั้งครรภ์ ตลอดจนความไม่พร้อมในด้านภาวะต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การไม่รับผิดชอบของบิดาเด็ก ในครรภ์ เปน็ ต้น มาตรการป้องกนั 1. ใช้กระบวนการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียผ่านครูที่ปรึกษา ครูผู้สอน ครูนักจิตวิทยาประจา สถานศกึ ษาและผู้ปกครอง เอาใจใส่เด็กนกั เรยี นอย่างใกล้ชดิ และต้องทางานเปน็ ทีม 2. สถานศึกษาสร้างความตระหนัก ความรู้ ความเข้าใจแก่ครู และบุคลากรที่เก่ียวข้องทุกคนถึง แนวปฏิบัติของสถานศึกษาในการปูองกันแก้ไข ให้ความช่วยเหลือเด็กนักเรียนท่ีมีเพศสัมพันธ์เบ้ืองต้น และ ตงั้ ครรภ์ในวยั เรยี น 3. จดั ทาฐานข้อมลู เด็กนักเรยี นทกุ คนตามกระบวนการคดั กรองระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน รวมท้ังมี รายชื่อเด็กนักเรียนที่มีแนวโน้มว่าจะออกกลางคันหรืออยู่ในภาวะเสี่ยงด้านต่างๆ โดยแจ้งผู้ปกครอง และผู้เกย่ี วขอ้ งใหท้ ราบ และเฝูาระวงั ช่วยเหลอื เด็กนักเรยี นทม่ี ีปัญหา โดยการจัดการศึกษาด้วยรูปแบบและวิธีการ ท่เี หมาะสม หากไม่สามารถใหค้ วามช่วยเหลอื ได้ ใหส้ ง่ ต่อจะเปน็ ภายในหรอื ภายนอกแลว้ แตก่ รณี 4. จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ให้กับเด็กนักเรียนเร่ืองเพศศึกษาตามความเหมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก นกั เรยี น 5. ให้สถานศึกษากาหนดมาตรการ ในการเฝูาระวังเด็กนักเรียนหญิงและเด็กนักเรียนชายกลุ่มเส่ียง ที่อาจจะมีเพศสมั พันธก์ ่อนวัยอันควร โดยเน้นการใหค้ วามรู้เรอื่ งเพศศกึ ษาเชิงลึก และวิธกี ารทหี่ ลากหลายทนั สมัย แนวทางการช่วยเหลอื 1. ตรวจสอบข้อมลู เดก็ นักเรยี นโดยใช้กระบวนการระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน 2. ครูประจาชั้นร่วมกับครูนักจิตวิทยาประจาสถานศึกษาให้การแนะนาและช่วยเหลือเด็กนักเรียนใน เบอื้ งต้นท้งั สองฝุาย และบนั ทกึ ข้อมูลตามแบบรายงาน ฉก.01 3. พาเด็กนกั เรียนตรวจรา่ งกาย 4. เชิญผู้ปกครองของคู่กรณีหรือผู้ท่ีเด็กนักเรียนไว้วางใจ ผู้ที่เด็กนักเรียนร้องขอมาพูดคุยรับทราบ เหตกุ ารณ์ และให้คาปรึกษา 5. จดั ผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมายดาเนินการเก่ยี วข้องกบั เดก็ นกั เรยี นต้งั แตต่ ้นจนจบกระบวนการ 6. ประสานหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเพ่ือวางแผนการช่วยเหลือและทีมสหวิชาชีพ เช่น สานักงานพัฒนา สงั คมและความม่ันคงของมนษุ ย์ บา้ นพักเด็กและครอบครวั โรงพยาบาล เป็นต้น 7. ให้คาปรึกษา ช่วยเหลือ ให้กาลังใจ หรือจัดการศึกษาทางเลือก หรือแนวทางในการประกอบอาชีพ สาหรับเดก็ ก้าวพลาด 8. สถานศึกษาตอ้ งไม่ผลักดันให้เดก็ นักเรียนออกจากสถานศึกษา หาทางช่วยเหลือเด็กนักเรียนตามความ เหมาะสม รวดเร็ว และปลอดภัย ทงั้ ประสานทมี สหวชิ าชีพในการชว่ ยเหลือ/ส่งตอ่ 9. สรุปรายงานผบู้ ริหารสถานศึกษา

20 แนวทางการดาเนนิ งานของ สพป.นม.4 1. ผอ.สพป.นม.4 รายงานเหตุใหเ้ ลขาธิการ กพฐ. ทราบทนั ที 2. มอบทีม ฉก.ชน.สพป.นม.4 เขา้ ประสานช่วยเหลอื กับสถานศกึ ษาทนั ที 3. รายงานข้อมลู รายละเอียดอยา่ งเปน็ ทางการเบอ้ื งต้นภายใน 24 ชั่วโมง 4. กรณสี ื่อมวลชนเขา้ ติดตามสถานการณ์ใหร้ ายงาน ผอ.สพป.นม.4 ทันที 5. รายงานสถานการณ์ให้ผู้บงั คบั บญั ชาทราบเปน็ ระยะๆ จนการช่วยเหลือเสร็จสิน้ กระบวนการ แหล่งชว่ ยเหลอื 1. สถานพยาบาล 2. บ้านพักเด็กและครอบครวั 3. แนวทางการจัดการศึกษาทางเลอื กเพือ่ เด็กกา้ วพลาด ของ ฉก.ชน.สพฐ. 4. แนวทางการดแู ลทอ้ งไมพ่ ร้อม กระทรวงสาธารณสขุ แผนผังขนั้ ตอนการช่วยเหลือเด็กนกั เรียน กรณีตั้งครรภ์ในวัยเรียน ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา/ครูรบั แจง้ เหตุหรอื ประสบเหตุ ตรวจสอบขอ้ มูล ประเมนิ ปญั หา ให้การปรกึ ษาเบื้องตน้ และบันทึกข้อมูลตามแบบรางาน ฉก.0๑ ตง้ั ครรภใ์ นวัย ไม่แนใ่ จ เรยี น ส่งตรวจรา่ งกายสถานพยาบาล ใช่ ครู/ครูนกั จติ ฯประจาสถานศึกษาให้ สง่ พบแพทย์ ให้คาปรกึ ษาแกผ่ ปู้ กครอง/ครอบครวั คาปรกึ ษาและชว่ ยเหลอื หรอื สง่ ตอ่ หนว่ ยงานที่เกยี่ วข้อง จัดการศกึ ษาทางเลอื กสาหรับ เด็กกา้ วพลาด จดั ทา/จัดเกบ็ ขอ้ มลู การดาเนินการสรุป/ตดิ ตามผลการทางาน รายงานให้ผบู้ รหิ ารและผู้ท่เี กี่ยวขอ้ งทราบ

21 5. ภาวะจิตเวช ปัญหาสุขภาพจิต จิตเวช ฆ่าตัวตาย ส่งผลกระทบต่อสังคม และมีแนวโน้มจะเพ่ิมขึ้นเนื่องจากภาวะ เศรษฐกิจ สังคมที่เปล่ียนไป รวมถึงภัยพิบัติต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม ถ้าขาดการจัดการดูแลท่ีไม่เหมาะสม อาจเกิดการเจ็บปุวย การฆ่าตัวตาย ทาให้เกิดการสูญเสีย ทรพั ยากรของประเทศ ภาวะทางจิตเวช หมายถึง ผู้ท่ีมีการแสดงออกท่ีเปล่ียนแปลงไปในด้านอารมณ์ความคิดหรือพฤติกรรม ซึ่ง ผูน้ ้นั ต้องไดร้ ับการช่วยเหลอื เพราะถา้ ปล่อยไวอ้ าจเกิดอนั ตรายต่อตนเองและผู้อ่ืนได้ มาตรการปอ้ งกัน 1. ใชก้ ระบวนการระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น ให้ครูท่ีปรึกษาดูแล เอาใจใส่เด็กนักเรียนอย่างใกล้ชิด จะทาให้มีโอกาสรับรู้ปญั หา 2. ผู้บริหารสถานศึกษาให้ครูท่ีปรึกษา/ครูผู้สอนประเมิน และสังเกตเด็กนักเรียนในทุกครั้ง ก่อนการสอนหรือทากิจกรรม 3. จัดกิจกรรมทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา 4. พฒั นาครูที่ปรึกษาใหเ้ ปน็ ครูแนะแนว และนักจติ วทิ ยาประจาช้นั เรียน 5. การใช้เคร่ืองมือประเมิน/วัดสุขภาพจิตของนักเรียนอย่างน้อยภาคเรียนละ 2 ครั้ง หรือตามความ เหมาะสม แนวทางการช่วยเหลอื 1. ครูตรวจสอบข้อมูลประวัติเด็กนักเรียนโดยใช้กระบวนการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดย ประสานงานร่วมกับครูนักจิตวิทยาประจาสถานศึกษาในการบันทึกข้อมูล และการจัดเก็บข้อมูลตามแบบรายงาน ฉก.01 2. รายงานผู้บังคบั บัญชา ร่วมปรึกษาหารอื กบั ผเู้ กย่ี วข้องในสถานศึกษา 3. ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมายดาเนนิ การเก่ยี วขอ้ งกับเด็กนักเรยี นต้ังแตต่ ้นจนจบกระบวนการ 4. เชิญผปู้ กครอง/หรือผู้ทีเ่ ดก็ นกั เรียนไวว้ างใจ เดก็ นักเรยี นร้องขอมาพูดคุย และใหค้ าปรกึ ษา 5. กรณีเดก็ นกั เรยี นท่มี ีปัญหาสุขภาพจิต จิตเวช กา้ วร้าว ความรุนแรง เสย่ี งตอ่ การทารา้ ยผู้อืน่ ทาร้ายตนเอง หรือได้รับอนั ตราย ประสานทีมสหวิชาชพี เพื่อช่วยเหลือ/ส่งตอ่ เดก็ นักเรียน 6. สรุปรายงานผลการดาเนนิ การแก่ผ้บู ริหาร 7. บันทกึ ในสมดุ หมายเหตุประจาวนั ของสถานศกึ ษา 8. จัดทาเป็นกรณีศึกษาเพือ่ เปน็ ขอ้ มูลและแนวทางในการปกปูอง คมุ้ ครองช่วยเหลือเด็กนักเรยี นตอ่ ไป ขอ้ สังเกต ในการประเมิน ถ้าพบอาการที่อาจเกิดอันตรายแก่ตัวเด็กนักเรียน หรือผู้อื่นได้ จะต้องให้การดูแลอย่าง ใกลช้ ดิ และเรง่ ดว่ นให้ประสาน การส่งตอ่ ได้แก่ 1. ระดบั ความรสู้ กึ ตัว สบั สน งนุ งง ไมค่ ่อยร้สู ึกตวั หรอื ไม่รูส้ กึ ตัว 2. ลักษณะทป่ี รากฏ มพี ฤตกิ รรมรุนแรง เช่น เอะอะ ก้าวร้าว หรือไม่เป็นมิตร พกอาวุธ แสดงท่าทางต่อสู้ หรอื มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา หรอื เกอื บตลอดเวลา ระมัดระวังตวั มาก หวาดระแวง หรอื หวาดกลัว

22 3. มอี ารมณซ์ ึมเศรา้ อย่างรนุ แรง โดยจะรว่ มกับความคิดหรอื ความพยายามฆา่ ตัวตายหรือไม่ก็ตามอารมณ์ โกรธ โดยเฉพาะอารมณ์โกรธท่ีเดก็ นกั เรียนควบคุมไม่ได้ 4. ความคิด มีความคิดจะฆ่าตนเองหรือฆ่าผู้อ่ืน หวาดระแวงว่าจะมีคนมาทาร้าย ความรู้สึกผิด ความคิด วา่ ตนเองไร้ค่า หมดหวงั ขาดท่ีพึง่ และโดดเด่ยี ว 5. การรบั รู้ (perception) มปี ระสาทหลอนทางหูเปน็ เสียงตาหนิ เสียงด่า เสียงสาปแช่ง เสียงขู่จะทาร้าย หรือเสยี งส่งั ใหก้ ระทาพฤตกิ รรมต่าง ๆ โดยเฉพาะให้ทาร้ายตนเองหรอื ผูอ้ ่นื เห็นภาพหลอน เช่น ภาพปีศาจมาหลอกหลอน หรือภาพคนถืออาวุธจะทาร้าย รวมท้ังการแปลสิ่งเร้าผิด เช่น เห็นกิ่งไม้ใกล้ๆ ตวั เปน็ งพู ษิ กาลังจะกัดตน เป็นต้น แนวทางการดาเนนิ งานของ สพป.นม.4 1. ผอ.สพป.นม.4 รายงานเหตุใหเ้ ลขาธกิ าร กพฐ. ทราบทนั ที กรณีเร่งด่วน 2. มอบทมี ฉก.ชน.สพป.นม.4 เข้าประสานทีมสหวิชาชีพ ช่วยเหลอื กับสถานศึกษาทนั ที 3. รายงานข้อมูลรายละเอยี ดอยา่ งเปน็ ทางการเบอ้ื งตน้ ภายใน 24 ชว่ั โมง 4. กรณีส่ือมวลชนเขา้ ติดตามสถานการณใ์ หร้ ายงาน ผอ.สพป.นม.4 และเลขาธกิ าร กพฐ. ทันที 5. รายงานสถานการณ์ให้ผู้บงั คบั บัญชาทราบเป็นระยะ ๆ จนการชว่ ยเหลือเสร็จส้ินกระบวนการ แหล่งชว่ ยเหลือ 1. สถานพยาบาล 2. ศนู ย์ฉุกเฉนิ โทร. 1669 3. สถานตี ารวจในพนื้ ที่ 4. โรงพยาบาลจิตเวชในพ้นื ที่ 5. องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นในพื้นที่

23 แผนผังขน้ั ตอนการช่วยเหลือเดก็ นักเรียนกรณีภาวะจติ เวช ฉก.01 แจ้งทีมฉก.ชน.สพป.นม.4 รายงาน สพป.นม.4และผูเ้ ก่ยี วขอ้ ง

24 6. เด็กนกั เรยี นติดเกม/อนิ เตอร์เนต็ /เลน่ การพนนั เด็กนักเรียนติดเกม (สื่อออนไลน์ท่ีไม่พึงประสงค์ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) หมายถึง เด็กนักเรียน ที่หมกมุ่นกับการเล่นเกม/หมกมุ่นในการใช้ส่ือลามกอนาจาร ภาพยนตร์ท่ีห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร หรือหมกม่นุ ในกิจกรรมคาราโอเกะผา่ นระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จนไม่สามารถควบคุมตนเองในเวลาท่ีกาหนด ถา้ ไมไ่ ดเ้ ลน่ จะกระวนกระวายใจมาก บางคนเลน่ ขา้ มวนั ข้ามคืน จนสง่ ผลกระทบต่อตัวเด็กนักเรียน ท้ังด้านสุขภาพ กาย สุขภาพจติ ด้าน ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ด้านคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของ พลเมอื งในสังคม เด็กนักเรียนเล่นพนัน หมายถึง เด็กนักเรียนท่ีมีพฤติกรรมเล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่ว สมุ ในวงการพนนั ประพฤติตนไมส่ มควรกบั สภาพการเป็นเดก็ นักเรียน มีพฤติกรรมการเล่นเอาเงิน และส่ิงของมีค่า ด้วยการเส่ียงโชค หรือใช้ความสามารถโดยคาดเดาผลท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต ความชานาญ เล่ห์เหล่ียม ไหวพริบ และฝีมือ รวมทั้งเส่ียงโชค ถ้าเด็กนักเรียนมีพฤติกรรมเล่นการพนันจนติดเป็นนิสัย จะส่งผลให้เด็กนักเรียนขาด ความซ่ือสัตย์ ขาดความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม มาตรการป้องกัน 1. สถานศึกษากาหนดมาตรการปูองกัน โดยจัดทาระเบียบสถานศึกษา ว่าด้วยความประพฤติ เดก็ นกั เรียน เพือ่ ให้เปน็ ไปตามกฎกระทรวงท่ีกาหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 2. สถานศึกษากาหนดมาตรการสร้างภูมิคุ้มกันเพ่ือปูองกันกลุ่มเส่ียง ให้ความรู้ความเข้าใจ ทราบถึง ประโยชน์และโทษของการเล่นเกม การใช้สื่อออนไลน์ท่ีไม่พึงประสงค์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยส่งเสริมการจัด อบรม จัดกิจกรรมเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์และสังคม จัดค่ายกิจกรรม จัดโครงการหยุดการพนัน เปิดโอกาสให้เด็ก นักเรียนได้ค้นพบ และแสดงศักยภาพเชิงบวก กิจกรรมจิตอาสา สร้างพ้ืนที่สร้างสรรค์ ให้เด็กนักเรียนได้ทากิจกรรมตามความถนัด และความสนใจสนใจ เป็นการปูองกันมิให้เกิดนักพนันหน้าใหม่ และสง่ เสรมิ ให้กจิ กรรมตา่ ง ๆ เป็นตวั สรา้ งให้ เดก็ นกั เรยี นห่างไกลการพนัน หา่ งไกลการติดเกม เปน็ ตน้ 3. สถานศึกษากาหนดมาตรการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน กาหนดบทบาทหน้าท่ีของบุคลากรท่ีเก่ียวข้องในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน พร้อมเร่งรัดพัฒนาครู ประจาชั้น ให้สามารถทาหน้าท่ีได้ทั้งครูปกครองและครูแนะแนวเพื่อช่วยเหลือ สร้างเจตคติท่ีดีในการปรับ พฤติกรรมของเด็กนักเรียนในการใช้เครือข่ายอินเตอร์เพ่ือการสืบค้นข้อมูลทางด้านวิชาการ อาจมอบหมายงาน ให้เด็กนักเรียนได้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ที่ท้าทาย เสริมสร้าง ความรู้สึกมคี ณุ คา่ ในตนเอง รวมถึงการสรา้ งสมั พันธภาพทด่ี ีในโรงเรียน 4. สถานศึกษากาหนดมาตรการเฝาู ระวงั ขอความรว่ มมือจากผปู้ กครองชว่ ยดแู ลเด็กนกั เรยี นเรื่องการเล่น เกม/ ส่ือออนไลน์ท่ีไม่พึงประสงค์/เล่นพนัน สร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองในการกากับ ดูแล ติดตามพฤติกรรม ของเด็ก นักเรียนขณะใชช้ ีวติ อยูท่ บี่ า้ นในการใชเ้ ครือข่ายอินเตอรเ์ น็ตเพื่อการสืบคน้ ข้อมูลทางด้านวชิ าการ 5. มาตรการเฝูาระวังโดยสถานศึกษาสร้างภาคีเครือข่ายในรูปแบบ สหวิชาชีพในระดับสถานศึกษา ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีตารวจ โรงพยาบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในการร่วมกันเฝูาระวัง และขอความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายช่วยดูแลเด็กนักเรียนในด้านการพัฒนาทักษะชีวิต วิชาชีพ การสืบค้นข้อมูล ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และการดูกีฬาผ่านเครือข่ายออนไลน์ เพื่อปูองกันการเล่น การพนันในระบบกีฬา เปน็ ต้น

25 แนวทางการชว่ ยเหลือ 1. พฒั นาครนู ักจติ วทิ ยาประจาสถานศึกษา ครูท่ีปรึกษา ครูแนะแนว ในการเปน็ ผูใ้ ห้คาแนะนา คาปรึกษา วิธีการใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ในด้านการศึกษาหาแหล่งเรียนรู้ โดยให้สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมานาเสนอ เพ่อื ให้เดก็ นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามสนในด้านอื่นๆ จะได้ไม่มุง่ เลน่ เกมเพียงอยา่ งเดียว 2. เน้นการประชุมเครือข่ายผู้ปกครอง พบปะพูดคุย เพ่ือร่วมมือแก้ไขปัญหา หรือใช้วิธีการเยี่ยมบ้าน เพ่ือสืบเสาะหาข้อเท็จจริง หาแนวทางการแก้ไข เพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างเด็กนักเรียน ผู้ปกครอง และสถานศึกษา ปรับพฤติกรรม ส่งเสริมการจัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจ และการเสริมแรงอย่างเหมาะสม และต่อเนอื่ ง 3. กาหนดรูปแบบและวิธีการในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษา โดยเน้นการปรับ พฤติกรรม แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างสม่าเสมอ และมีการติดตามประเมินผลพฤติกรรมเป็นระยะ หากพบว่าเด็ก นักเรียนยังมีพฤติกรรมติดเกม/ติดสื่อออนไลน์ท่ีไม่พึงประสงค์ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต/เล่นพนัน/ลักขโมย ให้สถานศึกษาประสานความรว่ มมือกับทีมสหวิชาชีพใหค้ วามชว่ ยเหลอื ต่อไป 4. สถานศึกษาจัดทาระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยความประพฤตินักเรียนเพ่ือให้เป็นไปตามกฎกระทรวง ท่ีกาหนดความประพฤติของนักเรียนและนกั ศกึ ษา พ.ศ. 2548 เพอื่ การเนน้ ภารกิจ เช่น หากพบว่าเด็กนักเรียนยัง ไม่ปรับพฤติกรรมติดเกม/ติดส่ือออนไลน์ท่ีไม่พึงประสงค์/เล่นพนัน ให้สถานศึกษาประสานทีมสหวิชาชีพให้ความ ชว่ ยเหลอื ต่อไป 5. เร่งรัดจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียนระดับสถานศึกษา โดยผู้อานวยการ สถานศึกษา กาหนดนโยบาย ประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนให้มีกรอบทิศทางการดาเนินงานเป็นแนวทาง เดยี วกนั 6. ระดับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา โดยผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษากาหนดนโยบาย ประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนให้มีกรอบทิศทางการดาเนินงานเป็นแนวทางเดียวกันโดยมีการประสานงานของ ครนู กั จิตวิทยาประจาสถานศึกษาและนกั จติ วิทยาประจาสานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาทางานร่วมกนั 7. ระดับ สพฐ.และระดับกระทรวง จัดตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียนและนักศึกษาที่ถูก ล่วงละเมิดทางเพศ กระทรวงศึกษาธิการ ท้ังน้ีเพ่ือเป็นการกากับ ดูแล การถูกล่วงละเมิดทางเพศอันอาจเกิดจาก การเลน่ พนัน/สอื่ ลามกอนาจาร เปน็ ต้น

26 แผนผงั ขน้ั ตอนการชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรียนกรณเี ด็กนกั เรียนติดเกม/อนิ เตอรเ์ นต็ ครูนกั จติ วทิ ยาประจาสถานศึกษา/ครูทปี่ รกึ ษา/ครผู สู้ อนให้คาปรกึ ษา ครนู ักจิตวิทยาประจาสถานศึกษา/ครูท่ปี รกึ ษา/ครูผูส้ อน

27 แผนผงั ข้นั ตอนการช่วยเหลือเด็กนกั เรียนกรณเี ดก็ นักเรียนเล่นการพนนั ครนู กั จิตวิทยาประจา สถานศกึ ษา/ครูประจาช้นั ผอ.สพป.นม.4 ทีมฉก.ชน..สพป.นม.4

28 7. เดก็ นกั เรยี นถกู ปล่อยปละ ละเลย ทอดทง้ิ จากสภาพสังคมเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเลี้ยงดูบุตร และท่ามกลาง กระแสเศรษฐกิจสังคมท่ีมุ่งพัฒนาบ้านเมือง ทาให้ขาดการดูแลส่งผลกระทบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว และสังคม ทาให้ผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลบุตรหลาน เด็กนักเรียนถูกทอดทิ้งหรือปล่อยปละละเลย ปล่อยให้คนแก่ หรือเครือญาติคอยดูแล รวมไปถึงเด็กนักเรียนที่ถูกปล่อยทิ้งให้มีชีวิตอยู่ตามลาพังหรือบุคคลอื่น โดยไม่ได้รับการ ดูแลเอาใจใส่ ไม่ให้ความสาคัญ เพิกเฉย ไม่สนใจ ก่อให้เกิดปัญหากับเด็กนักเรียน ปัญหาของสังคมเด็กนักเรียน มีสภาพชีวิตอยู่ท่ามกลางความสับสน กลายเป็นการทารุณกรรมท่ีนาไปสู่การทารุณในรูปแบบอื่นได้อีก เช่น การลักพา ตัวเด็ก การใช้แรงงานเด็ก การค้าประเวณี เป็นต้น ดังน้ัน ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กนักเรียนจาเป็น ต้องมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝุาย เช่น ผู้ปกครองและชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมดูแลและช่วยเหลือ ครูรู้จักเด็กนักเรียน เปน็ รายบุคคลโดยการเย่ยี มบา้ น การคดั กรอง การปูองกนั การแก้ปัญหา การให้คาปรึกษา และการส่งเสริมพัฒนา เด็กนักเรียนด้านความสามารถและทักษะ ตลอดจนคุณลักษณะที่จะช่วยเสริมสร้างให้เด็กนักเรียนมีคุณภาพ และมีภูมิคุ้มกันการดาเนินชีวิตของเด็กนักเรียนจะต้องมีความสามารถ ในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางสังคม การเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจท่ีเหมาะสม และสามารถอยู่ในสังคมอย่างปลอดภัย รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ให้ความสาคญั ของปญั หา และรว่ มมือกันแกป้ ญั หาอยา่ งจรงิ จัง มาตรการปอ้ งกัน 1. ครูรู้จักเด็กนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยการเยี่ยมบ้าน การคัดกรอง การปูองกัน การแก้ปัญหา และการใหค้ าปรึกษา 2. ผู้บริหารสถานศึกษา นิเทศ กากับ และติดตาม ให้ครูท่ีปรึกษา ครูผู้สอน หม่ันสังเกตพฤติกรรม และสภาพร่างกายเด็กนกั เรียนทุกครั้งกอ่ นทาการสอน 3. การส่งเสริมพัฒนาเด็กนักเรียนด้านความสามารถตามความถนัด ความสนใจ และความต้องการของ เด็กนักเรียน ตลอดจนคุณลักษณะท่ีจะช่วยเสริมสร้างให้เด็กนักเรียนมีคุณภาพ มีภูมิคุ้มกันในการดาเนินชีวิต มีความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปล่ียนแปลง มีการตัดสินใจที่เหมาะสม และสามารถ อย่ใู นสงั คมอย่างปลอดภัย 4. หนว่ ยงานของรฐั ให้ความสาคญั กับปัญหา และร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างจรงิ จัง แนวทางการช่วยเหลอื 1. ผู้บริหารสถานศึกษารับแจ้งเหตุหรือประสบเหตุ นาเด็กนักเรียนมาบันทึกข้อเท็จจริง สอบถาม ขอ้ เทจ็ จรงิ และบันทึกขอ้ มลู โดยละเอียด 2. จัดทาบันทกึ รบั แจง้ เหตพุ รอ้ มประวัตแิ ละภาพถา่ ยเดก็ นักเรยี น 3. แตง่ ตงั้ คณะทางานในการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยไปเยี่ยมบ้านเด็กนักเรียน สอบถามบุคคลแวดล้อม เช่น เพ่ือนบา้ น ญาติพน่ี ้องของเดก็ นักเรยี น หรือกานัน ผู้ใหญบ่ า้ นในพนื้ ที่ 4. รายงาน ฉก.ชน.สพป.นม.4 ทีมสหวิชาชีพ และเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 5. ให้ความช่วยเหลือเบ้ืองต้น ได้แก่ เงินทุนการศึกษา ปัจจัยพื้นฐานในการดารงชีวิต ฟื้นฟูสภาพจิตใจ เปน็ ต้น 6. เม่อื สถานการณ์เด็กนักเรียนดีข้ึน สถานศึกษาต้องดาเนินการปูองกัน และพัฒนาในสภาพปัญหาต่อไป เช่น การกาหนดบริเวณปลอดภยั การเสรมิ ทักษะการดูแลเด็กนักเรียน ทักษะการจัดการกับปัญหา และทักษะทาง

29 สังคม ให้กับผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง สร้างเครือข่ายชุมชนในการช่วยเหลือ หรือแจ้งเบาะแสเบ้ืองต้นในการ ร่วมกันปูองกนั ปญั หา แนวทางการดาเนนิ งานของ สพป.นม.4 1. รบั แจ้งเหตจุ ากสถานศึกษาและบคุ คลอื่น ๆ 2. ประสานหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้อง และทีมสหวิชาชีพ เพอื่ ให้ความช่วยเหลือเด็กนักเรยี น 3. ทีมเจ้าหน้าที่ ฉก.ชน.สพป.นม.4 ลงพื้นท่ีเก็บข้อมูล เย่ียมบ้าน สอบถามบุคคลแวดล้อม ร่วมกับทมี สหวชิ าชีพ ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ครนู กั จิตวทิ ยาประจาสถานศกึ ษา และครทู ี่ได้รับมอบหมาย 4. ประเมนิ ผล วิเคราะหส์ ถานการณ์ และตรวจสอบข้อเทจ็ จริง 5. ประชุมผู้ปกครอง ผู้เก่ียวข้อง และทีมสหวิชาชีพ ร่วมปรึกษาเพ่ือวางแผนการให้ความช่วยเหลือ ให้คาปรึกษา แก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึน โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เพ่ือดาเนนิ การสงเคราะห์คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพเด็กนักเรียนต่อไป 6. ตดิ ตามประเมนิ สถานการณ์เปน็ ระยะ ๆ 7. การติดตามประเมินผลในการส่งตอ่ ซึ่งสามารถดาเนินการได้ 2 วิธี คือ 7.1 กรณยี ตุ เิ รื่อง ดาเนนิ การเมือ่ เด็กนกั เรียนคนดังกล่าวได้รับการค้มุ ครองช่วยเหลอื 7.2 กรณีปรับเปลี่ยนวิธีการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน หลังจากพบว่า เด็กนักเรียนยังมีปัญหาไม่สามารถคุ้มครอง และช่วยเหลือเด็กนักเรียนได้ ผู้ที่เก่ียวข้องต้องดาเนินการแก้ไข ปรบั เปล่ยี นวิธีการในการคุม้ ครองและช่วยเหลือเดก็ นกั เรียนต่อไป แหล่งช่วยเหลอื 1. ศนู ยช์ ่วยเหลือสังคม (OSCC) โทร. 1300 2. สถานพยาบาล 3. สถานีตารวจ 4. องคก์ รเพื่อการกุศล 5. บ้านพกั เด็กและครอบครัว เพ่ิมโครงการมอบบ้านให้กับเด็กนักเรียนตามโครงการจิตอาสาเราทาดีด้วย หัวใจ ของ สพฐ. 6. สานักงานพัฒนาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์ 7. ศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ

30 แผนผงั ขนั้ ตอนการชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรยี นเด็กนกั เรยี นถูกปลอ่ ยปละ ละเลย ทอดท้งิ รายงานเบอื้ งตน้ ให้ สพป.นม.4 ทราบทนั ที ผอ.สพป.นม.4/ทีมฉก.ชน..สพป.นม.4รบั แจ้งเหตุ

31 8. ยาเสพตดิ ยาเสพติด หมายถงึ สารใดก็ตามทเ่ี กดิ ขึ้นตามธรรมชาติ หรอื สารท่ีสงั เคราะห์ขนึ้ หรือวตั ถุใด เมื่อเสพเข้าสู่ ร่างกาย ไม่ว่าจะโดยรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใดๆ แล้วทาให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ ในลักษณะสาคัญ เช่น ต้องเพิ่มขนาดการเสพข้ึนเป็นลาดับ มีอาการถอนยาเมื่อขาดยา มีความต้องการเสพทั้ง ร่างกายและจติ ใจ อย่างรุนแรงอยตู่ ลอดเวลา และสขุ ภาพโดยท่วั ไปจะทรดุ โทรมลง มาตรการป้องกัน 1. เสรมิ สร้างภมู ิคุม้ กันและทักษะชวี ิตใหเ้ ดก็ นักเรียน 2. จัดกจิ กรรมการปูองกัน เฝูาระวงั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ในสถานศึกษา 3. พฒั นาระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียนให้เข้มแข็ง 4. การดาเนินงานในการปูองกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ควรให้เด็กนักเรียนเข้ามา มีสว่ นร่วม ในการดาเนนิ งาน โดยมคี รเู ปน็ ผคู้ อยใหก้ ารสนบั สนุน ใหค้ าแนะนาและดูแล 5. สถานศึกษาต้องดาเนินการตามโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข ของกระทรวงศกึ ษาธิการ และนโยบายของ สพฐ. 6. สร้างเครือข่ายภายนอกในการเฝูาระวังและปูองกันปัญหา เช่น โครงการครู DEAR. โครงการ 1 โรงเรยี น 1 ตารวจ และโครงการตาสับปะรด เป็นต้น 7. จดั ต้ังชมรมศนู ย์เพอ่ื นใจวัยรนุ่ TO BE NUMBER ONE และเพอื่ นชว่ ยเพ่ือน 8. ศูนย์พิทกั ษส์ ทิ ธิเดก็ แนวทางการช่วยเหลือ 1. ครูที่ปรึกษาคัดกรองเด็กนักเรียนเป็นรายบุคคล การเย่ียมบ้าน และการคัดกรองนักเรียน ออกมา 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปกติ กลมุ่ เส่ียง กลมุ่ เสพ และกลมุ่ ค้า 2. หากครทู ี่ปรึกษาพบเด็กนกั เรยี นกลมุ่ เส่ียง กลุม่ เสพ และมียาเสพติดไว้ในครอบครองให้ดาเนินการ ดงั นี้ 2.1 ติดต่อกับผูป้ กครองเพื่อหาแนวทางปูองกันและแก้ไขปญั หาร่วมกนั 2.2 ดาเนนิ การตามแนวทางการดแู ลชว่ ยเหลอื เดก็ นักเรียนกลมุ่ เสพ โดยเข้าสูก่ ระบวนการบาบดั รกั ษา 2.3 ติดตามผลการดาเนินการอย่างต่อเน่ือง และรายงานผลการดาเนินการให้ผู้บริหารสถานศึกษา รบั ทราบ 2.4 สถานศกึ ษารายงาน สพป.นม.4 ทราบ 3. กรณีพบว่านกั เรยี นเปน็ ผคู้ า้ ใหเ้ จา้ หน้าทีผ่ ู้มีอานาจดาเนินการตามกฎหมาย 4. กรณีเด็กนักเรียนถูกควบคุมตัวหรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้สถานศึกษาดาเนินการออกหนังสือ รบั รองการเป็นนักเรียนเพ่อื เป็นหลกั ฐานประกอบ แหลง่ ช่วยเหลือ 1. ศูนยช์ ว่ ยเหลือสงั คม OSCC) โทร. 1300 2. ศนู ย์ฉุกเฉิน โทร. 1669 3. สถานพยาบาล 4. สถานตี ารวจ 5. องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น 6. คณะกรรมการปอู งกนั และปราบปรามยาเสพติด (ปปส.)

32 แผนผงั ขนั้ ตอนการชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรียนกรณียาเสพติด ผอ.สพป.นม.4 ทีมฉก.ชน..สพป.นม.4

33 9. อุปทานหมู่ อุปทานหมู่ เป็นปรากฏการณ์ซ่ึงเกิดขึ้นกับบุคคลตั้งแต่ 1 คนข้ึนไปที่มีความเช่ือร่วมกัน และมีการ แสดงออกอาการทางร่างกายกลุ่มนักเรียนที่มักพบอาการ มักพบในนักเรียนเพศหญิงมากกว่านักเรียนเพศชาย มกั เกิดกับบคุ ลท่ีมสี ภาพจิตใจไม่มั่นคง เกิดการคลอ้ ยตามได้งา่ ย สาเหตกุ ารเกดิ อาการ อาการอปุ ทานหมู่ มักมีสาเหตุเกิดจากความรู้สึกคิดภายในจิตใจ เป็นการแสดงออก ทาง ภาวะความเครียด อาจเกิดจากผลกระทบจากภูมิหลัง สภาพครอบครัว อาการหวาดกลัวบางส่ิง วิตกกังวล รู้สกึ ต่ืนเตน้ ตอ่ เหตกุ ารณ์หรอื เร่อื งราวที่ได้เห็น ไดย้ ิน และได้ฟงั ทม่ี ตี ่อสภาพแวดล้อมนน้ั ๆ ลักษณะอาการ ปวดศีรษะ มึนงงศีรษะ คล่ืนไส้ ปวดท้อง เกร็งท้อง อ่อนเพลีย ง่วง เจ็บปวดในคอ หายใจ ลาบาก หรือหายใจหอบเร็ว (Hyperventilation or Difficulty Breathing) ชักเกร็งตัว เป็นลม หมดสติ อาการ เหล่าน้ี คงอยู่เพียงช่ัวคราว มีการแพร่กระจายอาการไปสู่คนอ่ืน ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน และมีการฟื้ นตัวเร็ว กลับมาเป็นปกติ ซง่ึ เมื่อตรวจทางการแพทย์แล้วไมพ่ บว่ามสี าเหตุมาจากโรคทางกาย วิธีดูแลเบื้องต้น คือ แยกเด็กนักเรียนคนแรกท่ีแสดงอาการอุปทานหมู่ออกจากกลุ่ม และควรแยกเด็ก นักเรียนท่ีมีอาการทุกคนออกจากกัน โดยการจัดให้เด็กนักเรียนอยู่ในห้องท่ีสงบ เพื่อระงับอาการท่ีเกิดจากสติ อารมณ์ วิธีดูแลตามอาการนกั เรียน แบ่งเปน็ 2 กลุม่ ดงั นี้ กล่มุ ที่ 1 กลมุ่ อาการไมร่ ้ายแรง ครูประเมนิ อาการเด็กนักเรยี นเบื้องต้น รักษาตามอาการ โดยทา ให้ร่างกาย ผอ่ นคลาย ไดพ้ ักผอ่ นสกั พกั ให้อาการจะดขี ้นึ ตามลาดบั กลุ่มที่ 2 กลุ่มอาการร้ายแรง หากพบว่า เด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ มีการทาร้ายร่างกาย ใหค้ รูทาการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แลว้ รีบนาส่งแพทยท์ นั ที ข้อพึงสังเกต หากสังเกตว่า เดก็ นกั เรยี นมีอาการหายใจเร็วผดิ ปกติให้ครูรักษาด้วยการใช้ถุงกระดาษครอบ หนา้ เพ่ือใหเ้ ด็กนกั เรียนหายใจเอาคารบ์ อนไดออกไซตเ์ ขา้ ไป จะชว่ ยทุเลาอาการลงไดต้ ามลาดับ วิธีดูแลหลังอาการยุติ ในการปฐมพยาบาลและประเมินอาการ เม่ือเด็กนักเรียนมีอาการดีข้ึนจนเป็นปกติ หากแต่เข้ากลุ่มอาจเกิดอาการซ้าได้อีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเช่ือยังคงมีอยู่ ดังนั้นการประเมินสภาพจิตใจ ร่วมกับ สภาพแวดล้อม หรือพูดคุยโดยการใช้กระบวนการให้คาปรึกษาเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การรักษาด้วยจิต บาบัด) จะช่วยคลายความกังวลหรือความรู้สึกที่อยู่ภายในจิตใจ เพื่อปูองกันไม่ให้เกิดอาการซ้า อาจทาได้โดย ให้เด็กนักเรียน หยุดเรียนชั่วคราว โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่แสดงอาการคนแรก ซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึก และแสดงอาการร่วมต่อผอู้ น่ื มาตรการป้องกัน 1. ครูท่ีปรึกษา/ครูประจาวิชา/ครูผู้ดูแลนักเรียน/ครูนักจิตวิทยาประจาสถานศึกษา ศึกษาข้อมูลเด็ก นักเรียนเป็นรายบุคคล ด้วยเครื่องมือคัดกรองนักเรียน เช่น แบบประเมิน SDQ แบบวัดความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) แบบสารวจความเครียด แบบสังเกตพฤติกรรม เป็นต้น ประกอบกับทางานร่วมกับงานระบบการดูแล ช่วยเหลอื นกั เรียน โดยทาการเยีย่ มบา้ นนกั เรยี น เพ่อื ประเมินพฤติกรรม ศึกษาภูมิหลังเด็กนักเรียน และร่วมพูดคุย กบั ผู้ปกครอง เพื่อรว่ มดแู ลเดก็ นกั เรยี นอย่างใกล้ชิด 2. บทบาทครูแนะแนว/ครูนักจิตวิทยาประจาสถานศึกษา ให้การดูแลช่วยเหลือเด็กนักเรียน ด้วยกระบวนการการให้คาปรึกษาเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจเบื้องต้นของเด็กนักเรียน และเร่งรัดใหค้ วามรูค้ รใู นโรงเรยี นเก่ยี วกบั วธิ ดี ูแลสขุ ภาวะทางจิตเบอ้ื งต้น ใหเ้ ปน็ นักจติ วทิ ยาโรงเรียนทดี่ ี

34 3. สถานศกึ ษาเผยแพรใ่ ห้ความรูเ้ พิม่ เติมแก่เด็กนักเรียน ชุมชน ผู้ปกครอง โดยจากจัดโครงการ/กิจกรรม ตามความเหมาะสม ทางานร่วมกับสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยาคลินิก ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถ่ิน เพ่ือมี ส่วนร่วมในการสร้างความเชื่อที่ถูกต้อง การอุปทานหมู่ให้เด็กนักเรียนมีเจตคติท่ีดี เสริมสร้างเจตคติที่ดีให้เด็ก นกั เรยี นมีการ ตระหนกั รู้ ยอมรับนับถือตนเอง และเห็นคณุ ค่าในตนเอง 4. ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาควรใหค้ รปู ระจาวชิ าครทู ีป่ รกึ ษาครูประจาหอ หมั่นสังเกตสภาพร่างกายและจิตใจ ของเดก็ นกั เรยี น ในทกุ ครั้งก่อนการสอนหรือทากิจกรรม แนวทางการช่วยเหลือ 1. ครูตรวจสอบข้อมูลประวัติเด็กนักเรียนโดยใช้กระบวนการช่วยเหลือนักเรียน การบันทึกข้อมูล การจัดเกบ็ ข้อมลู ตามแบบรายงาน ฉก.01 2. แยกเด็กนกั เรียนคนแรกทีเ่ กดิ อาการออกจากกลุ่ม 3. ปฐมพยาบาลเด็กนกั เรียนทกุ คนท่ีเกิดอาการ และประเมนิ อาการ 4. ผ้ทู ี่ได้รับมอบหมายดาเนนิ การเก่ยี วขอ้ งกบั เด็กนักเรยี นต้ังแต่ตน้ จนจบกระบวนการ 5. เพอื่ ประสานการส่งต่อช่วยเหลอื แกเ่ ดก็ นักเรยี น 6. สรปุ รายงานผลการดาเนินการแกผ่ บู้ รหิ ารสถานศกึ ษา 7. ในรายท่ีเรง่ ด่วนประสานหน่วยงานท่เี ก่ียวข้อง เช่น โรงพยาบาล เปน็ ต้น 8. จดั ทาเปน็ กรณีศึกษาเพ่ือเป็นข้อมูลและแนวทางในการปกปูองคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรยี นต่อไป แนวทางการดาเนนิ งานของ สพป.นม.4 1. ผอ.สพป.นม.4 รายงานเหตุใหเ้ ลขาธกิ าร กพฐ. ทราบทันที 2. มอบทีม ฉก.ชน.สพป.นม.4 เขา้ ประสานชว่ ยเหลือกับสถานศกึ ษาทนั ที 3. รายงานสถานการณ์ใหผ้ บู้ งั คับบญั ชาทราบเปน็ ระยะ ๆ จนการชว่ ยเหลอื เสรจ็ ส้ินกระบวนการ 4. กรณสี อื่ มวลชนเขา้ ติดตามสถานการณใ์ ห้รายงาน ผอ.สพป.นม.4 ทันที แหลง่ ชว่ ยเหลอื 1. สถานพยาบาล 2. ศนู ย์ฉุกเฉนิ โทร. 1669 3. ศูนย์ปอู งกันการฆ่าตัวตายระดบั ชาติ 4. มลู นธิ แิ พททเู ฮลท์ 5. สถาบนั สุขภาพจติ เด็กและวัยรุน่ ราชนครนิ ทร์ 6. กรมสุขภาพจิต

35 แผนผังข้ันตอนการคุ้มครองและชว่ ยเหลือเด็กนกั เรียนกรณอี ปุ ทานหมู่ ฉก.01 รายงาน สพป.นม.4

36 10. โรคตดิ ต่อในสถานศึกษา โรคติดต่อ คือ โรคที่สามารถถ่ายทอดติดต่อกันได้ระหว่างบุคคล โดยมีเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ เป็นสาเหตุ ของโรค และถึงแม้ว่าเชื้อโรคจะเป็นตัวก่อเหตุ แต่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของมนุษย์ก็เป็นปัจจัยร่วมที่สาคัญ ที่จะทาให้เกิดโรคติดต่อนั้นๆ กรมอนามัยได้รวบรวมนิยามของโรคติดต่อ จากพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ช่ือและอาการสาคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2563 หมายถึง โรค ซ่ึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้เป็นโรคติดต่อ สาหรับท่ัวประเทศ หรอื ผู้ว่าราชการจังหวัดเฉพาะในเขตของตนประกาศ ให้เป็นโรคติดต่อในกรณีท่ีตรวจพบหรือมีเหตุสงสัยว่าโรคใด โรคหน่ึง เป็นโรคซึ่งอาจติดต่อแพร่ระบาด เป็นอันตรายแก่ประชาชนได้ โรคติดต่ออันตราย หมายความว่า โรคติดต่อท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศ (รายละเอียดคู่มือ แนวทางปฏิบัติและมาตรการรักษา ความปลอดภยั ของสถานศึกษาฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2556 หน้า 108 - 121) มาตรการป้องกนั การตรวจร่างกายเด็กนักเรียนก่อนรับเข้าเรียน ซึ่งเด็กนักเรียนทุกคน แนบผลเอกสารการตรวจสุขภาพ (ระเบียนสขุ ภาพ) จากโรงเรยี นเก่า 1. ควรได้รับการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละคร้ัง เด็กนักเรียนท่ีมีโรคประจาตัวควรได้รับการดูแลจาก แพทยอ์ ยา่ งใกลช้ ิด และควรมีสมดุ บันทึกประวัตกิ ารตรวจสขุ ภาพประจาตวั ทกุ คน 2. ครู บุคลากรและเจ้าหน้าท่ีทุกภาคส่วนในสถานศึกษา ผู้ประกอบการอาหารผู้ขายอาหาร ฯลฯ ควรได้รับการตรวจสุขภาพจากแพทยอ์ ย่างน้อยปลี ะ 2 ครงั้ 3. สถานศึกษาตอ้ งมีการจัดการสขุ าภิบาลสขุ อนามยั และสง่ิ แวดลอ้ มให้ถูกสุขลกั ษณะ โดยปฏิบัติตามหลัก สุขาภิบาลสถานศึกษา (รายละเอียดคู่มือแนวทางปฏิบัติและมาตรการรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษา ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2556 หนา้ 99 - 107) 4. สถานศึกษามีการให้ความรู้แก่ ครู บุคลากร และเด็กนักเรียน ในการเฝูาระวัง ปูองกัน และควบคุม โรคติดต่อโดยตรง รวมถึงการขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในท้องถิ่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ มาเปน็ วิทยากรใหก้ ับเด็กนักเรยี นตามโอกาสทเ่ี หมาะสม แนวทางการชว่ ยเหลอื 1. คดั กรองนกั เรยี น แยกเดก็ นักเรียนทปี่ ุวยออก 2. ส่งต่อสถานพยาบาลใกล้เคียง หรือโทรศัพท์แจ้งศูนย์ฉุกเฉิน โทร. 1669 และวิทยุสื่อสารช่องความถี่ 147.300 MHz 3. รายงานผบู้ งั คับบญั ชา โดยใชช้ อ่ งทางการสือ่ สารท่รี วดเรว็ ท่ีสุด 4. แจ้งบดิ า มารดา ญาติ และผปู้ กครองทราบ 5. กรณีเป็นโรคติดต่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาปิดสถานศึกษา โดยคาแนะนาจากสถานพยาบาล ในพน้ื ที่ 6. ทาความสะอาดฆ่าเชอื้ โรค โดยประสานกบั สาธารณสุข และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นในพ้นื ที่ 7. ตดิ ตามผล เฝาู ระวังการระบาดของโรคติดต่อ และปูองกันการแพร่ระบาด 8. ดาเนินการตามนโยบายมาตรการสาธารณสุข (ฉบับท่ี 3) พ.ศ.2560 ในสถานศกึ ษา

37 แนวทางการดาเนินงานของ สพป.นม.4 1. รายงานใหเ้ ลขาธิการ กพฐ. ทราบโดยทันที 2. มอบหมายทีม ฉก.ชน.สพป.นม.4 ประสานใหค้ วามช่วยเหลอื กบั สถานศกึ ษาทนั ที 3. รายงานขอ้ มลู รายละเอยี ดอยา่ งเปน็ ทางการ ภายใน 24 ช่วั โมง 4. กรณมี สี ่อื มวลชนเขา้ ติดตามข่าวสถานการณร์ ายงาน ผอ.สพป.นม.4 ทนั ที 5. รายงานผู้บงั คบั บัญชาทราบเป็นระยะ ๆ จนกว่าสถานการณ์ดีข้นึ และกลบั สภู่ าวะปกติ แหล่งชว่ ยเหลอื 1. สถานพยาบาลใกล้เคียง 2. ศนู ยฉ์ ุกเฉิน โทร. 1669 3. วทิ ยสุ ือ่ สารช่องความถี่ 147.300 MHz. 4. ที่ว่าการอาเภอเมอื งนครราชสมี า,อาเภอโนนสูง/สานักงานเขตนครราชสมี า 5. องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน แผนผงั ขัน้ ตอนการช่วยเหลือเด็กนักเรยี นกรณโี รคติดต่อในสถานศึกษา รายงานผอ.สพป.นม.4 ทมี ฉก.ชน..สพป.นม.4

38 11. อบุ ตั ิเหตภุ ายในสถานศกึ ษา อุบัติเหตุในสถานศึกษา หมายถึง อันตรายท่ีเกิดข้ึนในสถานศึกษาโดยฉับพลันซ่ึงไม่คาดคิดมาก่อนอัน เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ หรือการกระทาของมนุษย์ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ท้ังร่างกาย และทรัพย์สิน โดยมี สถานการณ์เส่ียงจากสภาพแวดลอ้ ม ขาดความระมัดระวงั หรอื การเรียนการสอน มาตรการปอ้ งกนั 1. สร้างความตระหนักและให้ความรขู้ ้าราชการครูบุคลากรทางการศึกษา และเดก็ นกั เรยี น 2. ตรวจสอบสภาพความพรอ้ มใชง้ านของอาคารสถานทแี่ ละอุปกรณ์การเรียนการสอนอยา่ งสมา่ เสมอ 3. สารวจจุดเสี่ยงภายในและรอบบริเวณสถานศึกษา (ศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมในคู่มือแนวทางปฏิบัติและ มาตรการ รักษาความปลอดภัยของสถานศึกษาฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2556 หน้า 24 - 38) และหนังสือสพฐ.ด่วน ที่สดุ ที่ ศธ 04277/136 ลว.15 มนี าคม 2556 เร่อื ง การดแู ลนกั เรยี นในช่วงเวลาที่อย่ใู นสถานศึกษา 4. จดั ระบบการเฝูาระวัง เชน่ ตดิ ตั้งกลอ้ งวงจรปดิ ในบริเวณจุดเสยี่ ง เปน็ ตน้ 5. เตรยี มบุคลากรและอุปกรณ์เครอ่ื งมอื การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 6. จัดให้มีการทาประกันภัยอุบัติเหตุสาหรับเด็กนักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษา 7. จดั ระบบการรายงานเหตุไปยังสถานพยาบาลใกลเ้ คียง หรือศูนย์ฉกุ เฉิน โทร. 1669 แนวทางการช่วยเหลอื 1. ปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้ 2. ประสานศูนยฉ์ กุ เฉนิ โทร. 1669 และนาสง่ สถานพยาบาลใกลเ้ คียง 3. แจ้งเหตุต่อผบู้ ริหารสถานศกึ ษา แจ้งบิดา มารดา/ผูป้ กครอง/ญาติ 4. รายงานผู้บังคบั บัญชาทราบตามลาดับชนั้ พร้อมบนั ทกึ ตามแบบรายงาน ฉก.01 5. ติดตามการช่วยเหลือในส่วนทีเ่ ก่ียวข้อง แนวทางการดาเนนิ งานของ สพป.นม.4 1. ผอ.สพป.นม.4 รายงานเหตุใหเ้ ลขาธกิ าร กพฐ. ทราบทันที 2. มอบทีม ฉก.ชน.สพป.นม.4 เข้าประสานช่วยเหลือกับสถานศกึ ษาทนั ที 3. รายงานขอ้ มลู รายละเอียดอยา่ งเป็นทางการเบอ้ื งตน้ ภายใน 24 ช่ัวโมง 4. กรณสี ื่อมวลชนเข้าตดิ ตามสถานการณ์ให้รายงานผอ.สพป.นม.4 ทนั ที 5. รายงานสถานการณ์ใหผ้ ู้บงั คบั บัญชาทราบเป็นระยะ ๆ จนการชว่ ยเหลือเสร็จสนิ้ กระบวนการ แหลง่ ชว่ ยเหลือ 1. สถานพยาบาลใกลเ้ คยี ง 2. ศนู ย์ฉกุ เฉิน โทร. 1669 3. สถานตี ารวจในพ้ืนทเี่ กิดเหตุ

39 แผนผังขั้นตอนการช่วยเหลือเด็กนกั เรียนกรณีอุบตั ิเหตภุ ายในสถานศกึ ษา ผอ.สพป.นม.4 ทีมฉก.ชน.สพป.นม.4 11.1. กรณีอุบตั ิเหตุภายในสถานศกึ ษา (เด็กนกั เรยี นจมน้า) การจมน้า เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กนักเรียนประเภทหนึ่ง อุบัติเหตุการจมน้า พบว่า เกิดจากการ รู้เท่าไม่ถึงการณ์เกิดจากความประมาท ความคึกคะนอง มองข้ามความปลอดภัย ไม่เลือกว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ควรได้รับความรู้และฝกึ ทกั ษะชีวติ เบือ้ งตน้ เพ่อื รองรับปัญหาที่อาจเกิดข้ึน ให้สามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ อยา่ งถูกวธิ ีหรือสามารถถา่ ยทอดความรูใ้ หก้ ับผ้อู น่ื ได้

40 มาตรการป้องกัน 1. สถานศกึ ษามีการใหค้ วามรู้เก่ยี วกับเรอื่ งอุบตั ิเหตทุ างนา้ ใหเ้ ด็กนกั เรียนได้เรียนร้แู ละฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับ เรอ่ื งของการเอาตัวรอด เม่ือต้องประสบอุบตั เิ หตุทางน้า เชน่ รู้จักหลกั ของการตะโกน การโยน การยื่น รวมถึงการ ลอยตัว ในน้าแบบวิธีต่าง ๆ และท่ีสาคัญคือ ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลคนที่จมน้าเบื้องต้นท่ีถูกต้อง นอกจากน้นั สถานศกึ ษาควรจะให้ความร้เู รอื่ งของการปฏิบตั ติ นเม่ือต้องทาภารกิจเกี่ยวกบั กิจกรรมทางนา้ ดว้ ย 2. สารวจจดุ เส่ียงตอ่ การจมนา้ ของเด็กนกั เรียนในสถานศกึ ษา และบรเิ วณรอบ ๆ สถานศึกษา 3. แจง้ เตือนจดุ เส่ยี งใหเ้ ดก็ นักเรยี นทราบและติดปาู ยแจง้ เตือน หรือลอ้ มร้วั ใหม้ คี วามปลอดภัยสงู 4. กรณีท่ีสถานศึกษามีสระว่ายน้า หรือกิจกรรมทางน้า ให้จัดตั้งอุปกรณ์ชูชีพ เพ่ือให้เกิดความปลอดภัย และมคี รูควบคมุ ดแู ลอย่างใกลช้ ิด 5. สถานศกึ ษาจดั ใหม้ ีการสอนว่ายนา้ เพ่ือปอู งกนั การจมน้าเป็นไปตามบรบิ ทท่ีเอื้อของแต่ละพ้นื ท่ี แนวทางการชว่ ยเหลือ กรณีไม่เสียชีวิต 1. ปฐมพยาบาลเบ้อื งต้นด้วยวิธที ี่ถกู ต้อง 2. แจง้ เหตตุ อ่ ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาสถานพยาบาลใกล้เคียง ศูนย์ฉุกเฉิน โทร. 1669 และแจ้งบิดามารดา ผปู้ กครอง ญาติ 3. รายงานผ้บู ังคับบัญชาทราบ ตามลาดบั ขัน้ พรอ้ มรายงาน ตามแบบรายงาน ฉก.01 4. กรณีที่เด็กนักเรียนทาประกันอุบัติเหตุกับบริษัทประกันภัย ให้ดาเนินการเรียกค่าเสียหาย และค่าสินไหมทดแทน หากมีปัญหาให้ติดต่อประสานกับสานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบ ธรุ กิจประกนั ภยั (คปภ.) แนวทางการช่วยเหลือ กรณเี สยี ชีวิต 1. แจ้งผบู้ ริหารสถานศึกษาเจ้าพนักงานปกครองเจ้าหนา้ ท่ตี ารวจ 2. กันพน้ื ท่ีเกิดเหตุ และอานวยความสะดวกเจา้ พนักงาน 3. รายงานผูบ้ งั คบั บัญชาตามลาดับชั้นทราบและแจง้ บดิ ามารดา ผูป้ กครอง ญาติ 4. กรณีท่ีเด็กนักเรียนทาประกันอุบัติเหตุกับบริษัทประกันภัยให้ดาเนินการเรียกค่าเสียหาย และค่าสินไหมทดแทน หากมีปัญหาให้ติดต่อประสานกับสานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบ ธุรกิจประกนั ภยั (คปภ.) แนวทางการดาเนินงานของ สพป.นม.4 1. กรณเี สยี ชวี ิตตอ้ งรายงานให้เลขาธกิ าร กพฐ. ทราบโดยทนั ที 2. มอบหมายทีม ฉก.ชน.สพป.นม.4 เขา้ ประสานชว่ ยเหลอื ทนั ที 3. รายงานข้อมลู รายละเอยี ดอย่างเปน็ ทางการเบ้อื งต้น ภายใน 24 ชัว่ โมง 4. กรณมี ีสอ่ื มวลชนเข้าติดตามขา่ วใหร้ ายงาน ผอ.สพป.นม.4 ทนั ที 5. รายงานผู้บังคบั บัญชาทราบเปน็ ระยะ ๆ จนการช่วยเหลือเสร็จส้นิ กระบวนการ แหลง่ ช่วยเหลือ 1. สถานพยาบาลใกลเ้ คียง 2. ศูนยฉ์ กุ เฉิน โทร. 1669 3. สถานีตารวจพื้นท่ีเกิดเหตุ (กรณีเสยี ชวี ติ )

41 แผนผังขั้นตอนการชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรียนกรณอี บุ ัติเหตภุ ายในสถานศึกษา (เดก็ นกั เรียนจมน้า) ผอ.สพป.นม.4 ทีมฉก.ชน..สพป.นม.4

42 11.2 กรณีอุบัติเหตุภายในสถานศึกษา (เดก็ นักเรียนเสยี ชีวิตในสถานศกึ ษา) เด็กนักเรียนเสียชีวิตในสถานศึกษา หมายถึง เด็กนักเรียนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสถานศึกษาได้ เสียชีวิตด้วยเหตุตายตามธรรมชาติ ตายผิดธรรมชาติหรืออุบัติเหตุซึ่งผู้ประสบเหตุ ได้พบเด็กนักเรียนในสภาพท่ี เสียชวี ติ แล้ว ไม่สามารถช่วยเหลอื เบ้ืองตน้ ได้ มาตรการปอ้ งกัน 1. จัดระบบข้อมลู นกั เรยี นเป็นรายบคุ คล และมีการส่งต่อแต่ละระดับเมื่อจบปีการศึกษา 2. จัดอาคารสถานท่ี สภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย 3. จัดให้มีมาตรการเพ่ือความปลอดภัย สอดส่อง ตรวจตราในพื้นที่บริเวณสถานศึกษา เช่น การติดต้ัง กลอ้ งวงจรปิด จัดเวรยามรักษาการณ์ คณะกรรมการนกั เรยี น และสภานกั เรียน 4. จดั ให้มีระบบหรอื ซักซอ้ มให้มีการแจง้ เตือนเหตุต่าง ๆ ในสถานศกึ ษา แนวทางการช่วยเหลือ 1. รับแจ้งเหตุกรณีเด็กนักเรียนเสียชีวิต ให้ตรวจสอบว่าเสียชีวิตแล้วหรือไม่ และกันบริเวณพื้นท่ีเกิดเหตุ ไม่ให้บุคคลที่ไมเ่ กี่ยวขอ้ งเขา้ ไปในท่เี กดิ เหตุ 2. แจ้งผู้บริหารสถานศึกษา เจ้าพนักงานปกครอง เจ้าหน้าที่ตารวจ และผู้บริหารสถานศึกษาทราบทันที และอานวยความสะดวกเจ้าหน้าท่ีตารวจหรือผ้เู กี่ยวข้อง 3. แจง้ บิดามารดาหรอื ผ้ปู กครองของเด็กนกั เรยี นท่เี สียชวี ิต 4. รายงานผ้บู ังคบั บญั ชาทราบตามลาดบั 5. ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาร่วมงานบาเพญ็ กุศลศพ แนวทางการดาเนินงานของ สพป.นม.4 1. ผอ.สพป.นม.4 รายงานเหตใุ หเ้ ลขาธิการ กพฐ. ทราบทนั ที 2. มอบทมี ฉก.ชน.สพป.นม.4 เข้าประสานช่วยเหลอื กบั สถานศึกษาทันที 3. รายงานข้อมูลรายละเอียดอย่างเปน็ ทางการเบอ้ื งตน้ ภายใน 24 ชั่วโมง 4. กรณีสอ่ื มวลชนเขา้ ติดตามสถานการณใ์ หร้ ายงาน ผอ.สพป.นม.4 ทนั ที 5. รายงานสถานการณใ์ ห้ผู้บังคบั บัญชาทราบเปน็ ระยะ ๆ จนการช่วยเหลือเสรจ็ สน้ิ กระบวนการ แหล่งช่วยเหลอื 1. เจา้ หน้าท่ปี กครอง 2. สถานตี ารวจในพน้ื ทเี่ กดิ เหตุ 3. สถานพยาบาลใกลเ้ คียงในพน้ื ท่ี

43 แผนผงั ข้ันตอนการช่วยเหลือเดก็ นกั เรียน กรณีอุบตั เิ หตุภายในสถานศกึ ษา (เดก็ นักเรียนเสยี ชีวิตในสถานศึกษา) ทมี ฉก.ชน.สพป.นม.4 ผอ.สพป.นม.4 12. อุบตั เิ หตภุ ายนอกสถานศกึ ษา อุบัติเหตุนอกสถานศึกษา หมายถึง ภาวะที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทาให้เกิดความ กระทบกระเทือนต่อสุขภาพชีวิตและทรัพย์สินของเด็กนักเรียน หรืออุบัติเหตุท่ีเกิดขึ้นมีผลกระทบต่อสถานศึกษา เชน่ อุบัติเหตุกบั รถนกั เรยี น รถทศั นศึกษา รถทัศนาจร รถรับส่งนักเรียน รถโรงเรียนรถส่วนบุคคลของครูท่ีพาเด็ก นักเรียนไปทากิจกรรม (รายละเอียดคู่มือแนวทางการปฏิบัติมาตรการการรักษาความปลอดภัย ของสถานศึกษา ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2556 หน้า 39 - 51) มาตรการปอ้ งกัน ปฏิบตั ติ ามประกาศระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2562 แนวทางการชว่ ยเหลอื 1. แจง้ ศูนยฉ์ กุ เฉิน โทร. 1669 และเจ้าหนา้ ทต่ี ารวจ 2. แจ้งผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ผู้ปกครอง หรือผอู้ นุญาตใหเ้ ดก็ นกั เรียนไปนอกสถานศึกษาทราบ 3. แจง้ ผอ.สพป.นม.4 ทราบเปน็ การเบ้ืองต้นทันที 4. แจ้งทะเบียนรถประเภทรถที่ประสบอุบัติเหตุ เพื่อสถานพยาบาลจะได้ดาเนินการค่าใช้จ่ายในการ รกั ษาพยาบาลจาก พ.ร.บ. คุม้ ครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยผปู้ กครองนักเรียนไม่ตอ้ งสารองจา่ ย

44 5. จัดหาผูด้ แู ลประสานงานตดิ ตามอาการของเดก็ นกั เรียน และติดตามเร่ืองการประกันภยั 6. แจ้งความลงบนั ทกึ ประจาวนั ตอ่ เจา้ พนักงานไวเ้ ปน็ หลกั ฐานในการเรียกร้องสินไหมทดแทน 7. กรณที ีเ่ ดก็ นักเรยี นทาประกนั อบุ ตั ิเหตุกบั บรษิ ัทประกนั ภัย ให้ดาเนนิ การเรียกคา่ เสยี หายและ ค่าสินไหม ทดแทน หากมีปัญหาให้ติดต่อประสาน กับสานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบ ธรุ กิจประกันภยั (คปภ.) 8. กรณเี ด็กนกั เรยี นเสียชีวติ ให้ติดตอ่ ขอรบั ใบรับรองของการเสียชีวติ จากสถานพยาบาลในพ้ืนที่ แนวทางการดาเนินงานของ สพป.นม.4 1. ผอ.สพป.นม.1 รายงานเหตุใหเ้ ลขาธิการ กพฐ. ทราบโดยทนั ที 2. มอบหมายให้ทีม ฉก.ชน.สพป.นม.4 เข้าช่วยเหลือโดยทันทีกรณี เกิดเหตุในพื้นท่ีไหนให้ ทีม ฉก.ชน.สพฐ. ให้ดาเนินการเขา้ ชว่ ยเหลอื ในเบื้องตน้ พร้อมประสานงานกบั ทมี ฉก.ชน.สพป.นม.1 ต้นทาง และ ฉก.ชน.สพฐ. 3. รายงานขอ้ มลู รายละเอียดอย่างเป็นทางการเบ้อื งต้น ภายใน 24 ช่ัวโมง 4. กรณสี ือ่ มวลชนเขา้ ติดตามสถานการณ์ใหร้ ายงาน ผอ.สพป.นม.4 ทนั ที 5. รายงานสถานการณ์ให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้รับการช่วยเหลือจน เสรจ็ สิ้นกระบวนการ แหลง่ ชว่ ยเหลอื 1. ศนู ยฉ์ ุกเฉิน โทร. 1669 2. สถานพยาบาล 3. เจา้ หนา้ ท่ตี ารวจ 4. สานกั งานคณะกรรมการกากับและสง่ เสรมิ การประกอบธรุ กจิ ประกันภัย (คปภ.)

45 แผนผังขั้นตอนการชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรยี น กรณอี ุบัตเิ หตภุ ายนอกสถานศกึ ษา ศูนยฉ์ ุกเฉิน 1669 ผอ.สพป.นม.4 ศนู ย์ฉกุ เฉิน 1669 ทีมฉก.ชน..สพป.นม.4

46 13. ภัยพิบตั ิ ภัยพบิ ตั ิ หมายถงึ ภยั ท่ีรนุ แรงหรอื เหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดขน้ึ ตามธรรมชาติ หรือเกดิ จากความประมาทของบุคคล ส่งผลกระทบต่อบุคคลหรือต่อผู้คนเป็นจานวนมาก เกิดจากสถานการณ์เสี่ยง เช่น อัคคีภัย แผ่นดินไหว วาตภัย และอุทกภัย เป็นตน้ ซึง่ มีความสญู เสียทั้งทรพั ย์สนิ สิง่ ของ และผูค้ นบาดเจ็บเสียชีวิต หรือไร้ที่อยู่ มาตรการปอ้ งกัน 1. จัดการเรยี นการสอนเร่ืองเก่ียวกับภยั พบิ ตั ิที่เกยี่ วขอ้ ง 2. ศกึ ษาแผนปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัยของแต่ละพื้นท่ี 3. จัดทาแผนปูองกันและบรรเทาสาธารณภัยฉุกเฉินของสถานศึกษา ซ้อมแผนให้สอดคล้องกับแผน ปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย ระดับตาบล/อาเภอ/จังหวดั ของกระทรวงมหาดไทย 4. สารวจความเส่ียงจากสถานการณ์เสี่ยง และตรวจสอบอปุ กรณ์ปูองกันภัย เช่น ถังดบั เพลงิ ให้มี ความ พรอ้ มในการใชง้ าน เปน็ ตน้ 5. ให้จัดระบบสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ จัดระบบวิทยุสื่อสาร ความถ่ี 147.300 MHz. ให้คานึงถึงการมี ระบบไฟฟาู ในกรณฉี กุ เฉนิ สาหรบั พนื้ ท่ีที่มคี วามเสยี่ งมาก 6. กาหนดผู้รับผิดชอบงานอุบัติภัยในสถานศึกษา ประสานเครือข่ายชุมชน/หน่วยงาน รองรับ การแจ้งเตือน แจง้ เหตุ 7. สถานศกึ ษาทอี่ ยู่ในเขตภัยพิบัติ ทบทวนมาตรการเส่ียงภัยพิบัติของสถานศึกษา อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครงั้ แนวทางการช่วยเหลือ 1. แจง้ เหตุตามแผนปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ทีส่ ถานศึกษากาหนดไว้ 2. แจ้งเหตุในช่องทางการส่ือสารที่ใช้ได้รวดเร็วที่สุด เช่น โทรศัพท์ วิทยุส่ือสารช่องความถี่ 147.300 MHz. และชอ่ งทางอ่นื ทีส่ ามารถแจง้ ได้ เปน็ ต้น 3. จุดรับแจ้งเหตุ สพป.นม.1. ศูนย์ฉุกเฉิน โทร. 1669 ศูนย์เตือนภัย โทร. 1860 และสถานีตารวจ พื้นทเ่ี กิดเหตุ 4. รายงานผบู้ ังคับบัญชาตามลาดบั โดยใชแ้ บบรายงาน ฉก.01 5. สถานศกึ ษาใหค้ วามช่วยเหลือบรรเทาความเดือดรอ้ นเบือ้ งตน้ แนวทางการดาเนนิ งานของ สพป.นม.4 1. รายงานให้เลขาธิการ กพฐ. ทราบโดยทันที 2. มอบหมายทีม ฉก.ชน.สพป.นม.4 ประสานให้ความชว่ ยเหลือกบั สถานศึกษาทนั ที 3. รายงานขอ้ มูลรายละเอียดอยา่ งเป็นทางการภายใน 24 ช่วั โมง 4. กรณมี ีสอ่ื มวลชนเข้าตดิ ตามขา่ วสถานการณร์ ายงาน ผอ.สพป.นม.4 ทนั ที 5. รายงานผู้บังคับบญั ชาทราบเป็นระยะๆ จนกวา่ สถานการณ์ดขี ้นึ และกลับสู่ภาวะปกติ แหลง่ ชว่ ยเหลือ 1. จดุ แจ้งเหตุ ฉก.ชน. สพป.นม.4 2. ศนู ยฉ์ กุ เฉนิ โทร. 1669 3. ศนู ย์เตือนภยั โทร. 1860

47 4. สถานีตารวจพ้ืนทีเ่ กดิ เหตุ/ ศนู ย์ปอู งกันและบรรเทาสาธารณภัยอาเภอ / จงั หวดั และภมู ิภาค แผนผงั ขนั้ ตอนการชว่ ยเหลือเด็กนักเรียนกรณภี ยั พิบัติ โทรศัพท/์ วทิ ยสุ ่อื สาร 147.30 MHz หรือ โทร 1669,1860, 191 ทมี ฉก.ชน..สพป.นม.4 14. การกลั่นแกล้ง (Bully) การกลน่ั แกล้งรังแก หมายถึง พฤติกรรมการกระทาให้ผู้อ่ืนได้รับความทุกข์ความเจ็บปวด ท้ังทางร่างกาย และจิตใจ เพ่ือให้ตนเองรู้สึกมีอานาจ มีพลังเหนือกว่าผู้อื่น หรือเพื่อความสนุกสนาน อีกท้ังการกระทาดังกล่าวจะ เกดิ ขนึ้ ซ้าๆ อย่างตอ่ เน่ือง และมรี ะยะเวลายาวนาน มาตรการป้องกนั 1. ใหค้ วามร้เู กยี่ วกับโทษของการกระทาความผิดทางพระราชบัญญตั คิ อมพิวเตอร์ 2. ให้ความรูค้ วามเขา้ ใจเรื่องการกลนั่ แกลง้ รงั แกและทักษะชวี ิต 3. ใช้ระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นในการเฝูาระวัง 4. คัดกรองให้คาปรึกษากบั เด็กนักเรยี นและช่วยเหลอื ในการแกป้ ัญหา 5. การเฝาู ระวงั ชอ่ งทางการสอื่ สารทท่ี าใหเ้ กดิ การกลั่นแกลง้ รงั แก