วาสนาสรา งเองได พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ ฺโต) กองทุนเด็กในปา Children in the Forest Fund
วาสนาสรา งเองได© พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยตุ โฺ ต)ISBN 974-537-053-3พมิ พค รง้ั แรก - มกราคม ๒๕๔๕ ๑๐,๖๒๐ เลม- กองทนุ เด็กในปา Children in the Forest Fund- พลโท ดาํ รงค คุณนงเยาว ธนะชานันท ๔๐๐ เลม- พลโท ธนู พ.อ. พญ.พรรณบุปผา ชวู ิเชยี ร ๒๐๐ เลม- พลโท สปุ รีชา คณุ มณั ฑนา โมกขะเวส ๒๐๐ เลม- พลโท อาํ นาจ ม.ล.กนกลดา บาลี ๒๐๐ เลมDhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปนั เป็นธรรมทาน
สารบัญอนุโมทนา ................................................................................................ (๑)วาสนาสรา งเองได ...................................................๑วนั เกิดเปนวนั ดี เพราะเราทาํ ใหดี...................................................๑ทําบญุ วนั เกดิ ใหเปนการเริ่มตน ทด่ี ี ................................................๒วันเกดิ คอื วันที่เตอื นใจใหเ กดิ กนั ใหดๆี ..........................................๒เราสรา งวาสนา แลว วาสนากส็ รา งเรา............................................๓ถา คิดเปน กพ็ ลิกวาสนาได ...........................................................๕มาสรา งวาสนาดๆี ท่จี ะใหม คี วามสขุ .............................................๖จติ ใจทดี่ ี ตองเกิดหา อยางนีเ้ ปน ประจํา ..........................................๗เกดิ คือ เชื่อมตอทก่ี ําเนิด กับความงอกงามตอ ไป ...............................๘ เช่ือมเรา กับคุณพอ -คุณแม .........................................๘ เช่ือมฐานวัฒนธรรมไทย กับความเจริญทจี่ ะกา วหนา ตอไป .............๙นึกถงึ วนั เกดิ ชว ยใหไมห ลงเตลดิ ออกจากธรรมชาติ ..............................๑๐ เช่ือมบุคคลในสงั คม กับชีวิตในธรรมชาติ ........................... ๑๐วันเกิด ทาํ ใหไ มล ืมที่จะหวนกลับมาพัฒนาชวี ิต ที่เปน ตัวแทของเรา............................................................... ๑๒เกิดมาแลว ถา เลี้ยงไมด ี จะเปน คนที่ทกุ ขง าย-สุขไดย าก ............... ๑๓ถาเกิดแลวพฒั นา ยง่ิ เกิดมานาน ยงิ่ สุขทกุ สถาน.......................... ๑๔
วาสนาสรา งเองได∗ ขออนุโมทนาโยมญาติมิตรทุกทานที่มาทําบุญวันนี้ โดยปรารภโอกาสมงคลในชวงวันเกิด ท่ีจริงระยะน้ีมีหลายทานที่เปนเจาของวันเกิด แมทานอื่นที่มิไดบอกหรือวาตั้งใจจะมาแตมาไมได ก็ขออนุโมทนารวมไปพรอมกัน ถือวาไดต้ังจิตปรารถนาดี และโดยเฉพาะก็ใกลปใ หมดว ย สําหรับปใหมน ไ้ี ดห มดทกุ ทาน เพราะฉะน้ันในชวงนี้ท่ีใกลจะข้ึนปใหม ก็เลยขออวยชัยใหพรแกทุกทานพรอมกันไป สวนทานท่ีเปนเจาของวันเกิดก็ไดท้ังสองอยาง คือทั้งปใหมและวันเกิดดว ย วนั เกิดเปนวันดี เพราะเราทําใหด ี ท้ังวันเกิด และวันขึ้นปใหมน้ี เปนอันวาดีทั้งนั้น ท่ีวาดีก็เพราะเราทาํ ใหดนี ั่นเอง ที่วา ทาํ ใหด ี ทําอยา งไร ก็เร่ิมต้งั แตท าํ ใจใหดี ทําใจใหดี ใหราเริงเบิกบานแจมใส และตั้งใจดีคิดดี ทานเรียกวาเปนมโนกรรมท่ีเปนบุญเปนบุญกุศล ตอนนี้แหละมงคลเกิดขึ้นทันที∗ พรวนั เกิด ของพระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ในการถวายสงั ฆทาน ในชว งระยะวันเกิดของ พลโท นายแพทยดํารงค ธนะชานันท คุณนงเยาว ธนะชานันท คุณวาลิสา สิปลา (Valisa Sipila) ที่วัดญาณเวศกวัน เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๔ (ปรารภวันเกิดของ ดร.สุรีย ภูมิภมร ดวย แต ดร.สรุ ีย ตดิ ภารกจิ อยตู า งจงั หวดั ดร.อรพินท ภมู ิภมร รวมพิธีแทน)
๒ วาสนาสรา งเองได ทีน้ีพอใจดี สบายใจผองใสเบิกบาน คิดในทางที่ดี และต้ังใจดีวาจะทําอะไรๆ ท่ีเปนเร่ืองดีๆ แลวตอไป ก็พูดดี ตอจากนั้นท่ีสําคัญกท็ าํ ออกมาขางนอกดี น่แี หละเปน มงคลทแ่ี ทจ รงิ ทําบุญวันเกดิ ใหเปน การเริม่ ตน ทดี่ ี วันเกิดน้ันเปนเรื่องธรรมดาของชีวิต ทุกคนท่ีมีชีวิตยืนยาวมาจนบดั นีก้ ็เร่ิมจากการเกดิ ทงั้ นน้ั แตสําหรบั ชาวพุทธเราไมวา จะปรารภหรือนกึ ถงึ อะไรกต็ าม ก็จะทําใหเ ปนบญุ เปนกุศล คือทําใหเปนเร่ืองดีไปหมด ในการทําใหดีน้ัน สําหรับวันเกิดเราก็มองหาความหมายกอนโดยทั่วไปก็จะมองวาการทําบุญวันเกิดน้ัน เปนการเริ่มตนที่ดี เพราะวันเกิดก็คือวันเร่ิมตนของชีวิตในแตละรอบป การทําบุญวันเกิดก็คือการเริ่มตนอายุในรอบปตอไปดวยการทําความดี โดยเร่ิมตนดีดวยการทําบุญ ทํากุศล เรียกวาเปนนิมิตใหเกิดความสุขความเจริญ น้ีก็อยางหน่ึง วนั เกดิ คือ วนั ทเ่ี ตอื นใจใหเ กดิ กนั ใหดๆี ความหมายอีกอยางหน่ึงก็คือ เราพูดวาวันเกิด ก็เกิดกันมาต้ังนานแลวนี่ จะเกิดอยางไรอีก แตทางพระทานบอกวาเราเกิดอยูเร่อื ยๆ เวลานเ้ี รากเ็ กดิ อยูตลอดเวลา ถาเราไมเกิดอยูเร่ือยๆ เราก็อยูไมไ ด การเกิดน้มี ที ้งั รปู ธรรม และนามธรรม ในกรณีน้ี การเกิดทางนามธรรมกลับเห็นงาย คือ การเกิดทางจิตใจ ซึ่งเราก็พูดกันอยูเสมอ เชนเกิดความสุข เกิดความสดชื่น เกิดปต ิ เกดิ ความเบกิ บานใจ เกดิ เมตตา เกิดศรัทธา เกดิ ท้ังน้นั
พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๓ ที่เราเปนอยูน้ี เดี๋ยวก็เกิดอันโนน เดี๋ยวก็เกิดอันนี้ คือเกิดกุศลหรืออกุศลในใจ ในทางไมดีก็เกิดความโกรธ เกิดความเกลียด เกิดความกลัว อยางน้ีไมดี เรียกวาเกิดอกุศล เมื่อถึงวันเกิดก็เลยเปนเครอ่ื งเตือนใจสาํ หรับชาวพทุ ธวาใหเ กดิ ดๆี นะ คือเกิดกุศลในใจ เราก็มาต้ังใจทําใจใหเกิดความสุข เกิดปติ เกิดศรัทธา เกิดเมตตา เกิดความสดช่ืน เกิดความอิ่มใจ เกิดความแจมใส เกิดความเบิกบานใจถาเกิดอยางนี้เร่ือยๆ ตอไปก็จะมีความสุข และความเจริญอยางแนนอน ฉะน้ันวิธีดําเนินชีวิตอยางหนึ่งก็คือ เกิดใหดี โดยทําใจของเราใหเกิดกุศล และการเกิดท่ีประเสริฐสุดก็คือการเกิดของกุศลน้ีแหละเมื่อใดใจเกิดกุศล จะเปนดานความรูสึกที่สบาย ผองใส เอิบอิ่ม เบกิบานใจก็ตาม เปนคุณธรรม เชน เมตตา ไมตรีก็ตาม หรือเปนความคิดท่ีดีวาจะทําโนนทํานี่ ที่เปนการสรางสรรค ชวยเหลือกันรวมมอื กนั เอ้อื เฟอกันกต็ าม เกดิ อยา งน้แี ลวมแี ตด ีท้ังน้ัน นี่แหละคอื วนั เกิดที่วามีความหมายเปนการเริ่มตนท่ีดี เม่ือเกิดอยา งนแ้ี ลว ตอ ไปกอ็ อกสกู ารกระทํา มีการปฏบิ ตั ทิ ี่ดีไปหมด เราสรา งวาสนา แลว วาสนากส็ รางเรา ถาใจของเราเกิดอยางนบี้ อยๆ จิตก็จะคุนเปนนิสัย คือคนเราน้ีอยูดวยความเคยชินเปนสวนใหญ เราไมคอยรูตัวหรอกวา ท่ีเราอยูกันนี้เราทําอะไรๆ ไปตามความเคยชิน ไมวาจะพูดกับใคร จะเดินอยางไร เวลามีเหตุการณอะไรเกิดขึ้น เราจะตอบสนองอยางไร ฯลฯเรามักจะทําตามความเคยชิน
๔ วาสนาสรา งเองได ทีน้ีกอนจะมีความเคยชินก็ตองมีการสั่งสมขึ้นมา คือทําบอยๆบอยจนทําไดโดยไมรูตัว แตทีนี้ทานเตือนวาถาเราปลอยไปอยางนี้มันจะเคยชินแบบไมแนนอนวาจะรายหรือจะดี และเราก็จะไมเปนตัวของตวั เอง ทานก็เลยบอกวาใหมเี จตนาตัง้ ใจสรา งความเคยชินทีด่ ี ความเคยชินท่ีเกิดขึ้นนี้ทานเรียกวา “วาสนา” ซ่ึงเปนความหมายท่ีแทและดั้งเดิม ไมใชความหมายในภาษาไทยท่ีเพี้ยนไปวาสนา ก็คือความเคยชิน ต้ังแตของจิตใจ ตลอดจนการแสดงออกที่กลายเปนลักษณะประจําตัว ใครมีความเคยชินอยางไร ก็เปนวาสนาของคนนั้นอยา งนนั้ และเขากจ็ ะทําอะไรๆ ไปตามวาสนาของเขา หรอืวาสนากจ็ ะพาเขาไปใหท ําอยางนน้ั ๆ เวลาพบเห็นอะไร ใครสั่งสมจิตใจชอบมาทางไหน ก็ไปทางน้ันเชน มีของเลือก ๒-๓ อยาง คนไหนชอบสิ่งไหนก็จะหันเขาหาแตสิ่งนั้น แมแ ตไปตลาดไปรานคา ไปท่ีนั่นมีรานคาหลายอยาง อาจจะเปนหางสรรพสินคา เดินไปดวยกัน คนหน่ึงชอบหนังสือก็ไปเขารานหนังสือ อีกคนไปเขารานขายของเคร่ืองใช เคร่ืองครัว เปนตน แตอกี คนหนึ่งไปเขารา นขายของฟมุ เฟอ ย อยางน้ีแหละเรียกวาวาสนาพาใหไป คือใครส่ังสมมาอยางไรก็ไปตามน้ัน และวาสนานี้แหละจะเปนตัวการท่ีทําใหชีวิตของเราผันแปรไปตามมนั พระทานมองวาสนาอยางนี้ เพราะฉะนั้น วาสนาจึงเปนเหตุเปนปจจัยสําคัญท่ีทําใหเราเปนอยางน้ันอยางน้ี โดยไมรูตัว ทานก็เลยบอกวาใหเรามาต้ังใจสรางวาสนาใหด ี เพราะวาสนานน้ั สรา งได คนไทยเราชอบพูดวาวาสนานี้แขงกันไมได แตพระบอกวาใหแกไขวาสนา ใหเราปรับปรุงวาสนา เพราะมันอยูท่ีตัวเรา ที่สรางมัน
พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๕ข้ึนมา แตการแกไขอาจจะยากสักหนอย เพราะความเคยชินน้ีแกยากมาก แตแ กไ ดปรบั ปรงุ ได ถา เราทํา ก็จะมีผลดตี อ ชวี ติ อยา งมากมาย ขอใหจําไวเปนคติประจําใจเลยวา “วาสนามีไวแกไข ไมใชมีไวแขง ขัน” ถาคิดเปน กพ็ ลกิ วาสนาได บางคนเกิดมาจน บอกวาตนมีวาสนาไมดี หรือบางทีบอกวาเราไมมีวาสนา พูดอยางนี้ยังไมถูก คนจนวาสนาดีก็มี วาสนาไมดีก็มีคนมีก็อบั วาสนาได ถา เกิดมาจนแลว มวั แตหดหู ระยอ ทอแทใ จ ไดแตขุน มวั เศราหมอง คิดอยางน้ีอยูเรื่อย ก็แนนอนละวาวาสนาไมดี เพราะคิดเคยชินในทางไมดี จนความทอแทออนแอกลายเปน ลักษณะประจาํ ตัว แตถาเกิดมาจนแลวคิดถูกทางวา ก็ดีน่ี เราเกิดมาจนน่ีแหละเจอแบบฝกหัดมาก พระทานวาคนน้ีเปนสัตวพิเศษ จะประเสริฐไดดวยการฝก เพราะเราจน เราจึงมีเร่ืองยากลําบากที่จะตองทํา มีปญหาใหตองคิดและเพียรพยายามแกไขมาก นี่แหละคือไดทําแบบฝก หัดมาก เม่ือเราทําแบบฝกหัดมาก เราก็จะย่ิงพัฒนามาก ไดพัฒนาทักษะใหทําอะไรไดชํานิชํานาญ พัฒนาจิตใจใหเขมแข็งอดทน มีความเพียรพยายามใจสู จะฝกสติฝกสมาธิก็ไดท้ังน้ัน และท่ีสําคัญยอดเยย่ี มคือไดฝก ปญญา ในการคิดหาทางแกไขปญหา คนที่เกิดมาร่ํารวยม่ังมี ถาไมรูจักคิด ไมหาแบบฝกหัดมาทํามัวแตหลงเพลิดเพลินในความสุขสบาย นั่นแหละจะเปนวาสนาไมดี
๖ วาสนาสรา งเองไดตอไปจะกลายเปนคนออนแอ ทําอะไรไมเปน ปญญาก็ไมพัฒนากลายเปน คนเสียเปรยี บ เพราะฉะนั้น ใครจะไดเปรียบหรือเสียเปรียบ จะดูที่ฐานะขางนอก วารวยวาจนเปนตน ยังไมแน คนที่รูจักคิด คิดเปน คิดถูกตองสามารถพลิกความเสียเปรยี บเปนความไดเปรียบ แตคนที่คิดผิด กลับพลิกความไดเปรียบเปนความเสียเปรียบ และทําวาสนาใหตกตํ่าไปเลย จึงตองจําไวใหแมนวา ไมมีใครเสียเปรียบหรือไดเปรียบอยางสัมบูรณ ถาคิดเปน ก็พลิกความเสียเปรียบใหเปนความไดเปรียบไดแตอยา เอาเปรยี บกันเลย เรามาสรา งวาสนากันใหด ี จะดีกวา พระพุทธเจาและพระอรหันตนั้นเปนผูท่ีพนจากอํานาจของวาสนา พระพุทธเจาทรงละกิเลสพรอมทั้งวาสนาไดหมด หมายความวา พระองคไ มอ ยใู ตอ ํานาจความเคยชนิ แตอ ยดู วยสติปญญา มาสรางวาสนาดๆี ท่ีจะใหมีความสขุ ทีน้ีเรื่องของคนสามัญก็คือ พยายามแกไขวาสนาท่ีไมดี และปรับปรุงสรางวาสนาใหเ ปน ไปในทางท่ดี ี คือการทเี่ ราตั้งใจทําจิตใจใหเกดิ เปน กศุ ลอยูเ สมอ จิตใจของเราจะไปตามที่มันเคยชิน อยางคนที่เคยชินในการปรุงแตงไมดี ไปนั่งไหนเดี๋ยว ก็ไปเก็บเอาอารมณที่ผานมา ท่ีกระทบกระท่ังทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น แลวนํามาครุนคิดกระทบกระทั่งตัวเอง ทําใหไมสบาย ทีนี้ถาเรารูตัวมีสติก็ยั้งได ถาคิดอะไรไมดีขึ้นมาก็หยุด แลวเอาสติไปจับ คือไปนึกระลึกเอาสิ่งท่ีดีข้ึนมา ระลึกขึ้นมาแลวทําจติ ใจใหสบาย ปรุงแตงในทางที่ดี ตอไปจิตก็
พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยุตฺโต) ๗จะเคย พอไปนั่งไหนอยูเงียบๆ จิตก็จะสบายนึกถึงเร่ืองท่ีดีๆ แลวก็มีความสุข คนเรานี้สรางความสุขได สรางวาสนาใหแกตัวเองได สรางวิถีชวี ิตได ดวยการกระทําอยางที่วามานี้ คือใหมีการเกิดบอยๆ ของส่ิงท่ีดีงาม เพราะฉะนั้นการเกดิ จงึ เปน นมิ ติ หมายความวาใหชาวพุทธไดคติหรือไดประโยชนจากวันเกดิ ถาญาติโยมนําวิธีปฏิบัติทางพระไปใชจริงๆ วันเกิดจะมีประโยชนแนนอน จะเปนบุญเปนกุศล ทําใหเกิดความเจริญงอกงามอยางนอยก็เตือนตนเองวาเราจะใหเกิดแตกุศลนะ เราจะไมยอมใหเกิดอกศุ ล เชน ใจที่ขนุ มวั เศราหมองเราไมเอาทั้งน้นั จติ ใจทด่ี ี ตองเกดิ หาอยางนีเ้ ปน ประจาํ เพราะฉะนั้นจึงมีหลักที่แสดงพัฒนาการของจิตใจวา จิตใจของชาวพุทธ หรอื จิตใจทีด่ ี ตอ งมคี ณุ สมบตั ิ ๕ อยา ง คือ ๑. มปี ราโมทย ความราเรงิ เบกิ บานใจ ๒. มีปต ิ ความอิ่มใจ ๓. มีปส สทั ธิ ความสงบเยน็ ผอ นคลาย สบายใจ ๔. มีสุข ความคลองใจ โปรงใจ ไมมีอะไรมาบีบคั้นหรือระคาย เคือง ๕. มีสมาธิ ความมีใจแนวแน สงบ ม่ันคง ไมหวั่นไหว ไมถูก อารมณตางๆ มารบกวน ถาทําใจใหมีคุณสมบัติ ๕ อยางนี้ได ก็จะเปนจิตใจที่เจริญงอกงามในธรรม สภาวะจิต ๕ ประการน้ีโปรดจําไวเลยวาใหมีเปนประจําพระพุทธเจาตรัสบอยๆ วา เม่ือปฏิบัติธรรมถูกตองแลว พิสูจนได
๘ วาสนาสรา งเองไดอยางหนึ่งคือเกิดสภาพจิต ๕ ประการน้ี ถาใครไมเกิดแสดงวาการปฏิบัติยังไมกาวหนา คือตองมี ๑. ปราโมทย ๒. ปติ ๓. ปสสัทธิ ๔.สขุ ๕. สมาธิ พอหาตัวน้ีมาแลวปญญาก็จะผองใส แลวจะคิดจะทําอะไรก็จะเดนิ หนาไป ตลอดจนการปฏบิ ตั ิธรรมกจ็ ะกา วไปสโู พธญิ าณไดดวยดี เพราะฉะน้ันในวันเกิดก็ขอใหไดอยางนอย ๒ ประการนี้ คือเริ่มตนดี และใหเกิดสิ่งท่ีดี ก็คุมเลย ชีวิตจะเจริญงอกงามมีความสุขแนน อน เกดิ คือ เช่อื มตอทก่ี ําเนิด กบั ความงอกงามตอไป เร่ืองวันเกิดน้ีพูดไดหลายอยาง หลายแง เพราะมีความหมายมากมาย ความหมายอีกอยางหนึ่งของการเกิด ก็คือเปนจุดเชื่อมตอไมใ ชวาเกิดมานีค้ ือการเรมิ่ ตนใหมโ ดยไมม ีอะไรมากอน แตการเกิดน่ีเปนจุดเช่ือมตอ และถาใชเปน จุดเชื่อมก็ทําใหเราไดประโยชนมากมาย เชื่อมตอ อะไรเชอ่ื มเรา กบั คณุ พอ-คณุ แม ๑. การเกิดเปนตัวเช่ือมตอตัวเราผูเกิด กับทานผูใหกําเนิดเพราะฉะน้ัน ทันทีท่ีใครคนใดคนหน่ึงเกิดน้ัน อีกคนหนึ่งก็เกิดดวยคือพอลูกเกิดก็เกิดพอแมดวย คนที่ยังไมไดเปนพอแม พอมีลูกเกิดน้ัน ตัวเองก็เกิดเปนพอเปนแมทันที เพราะฉะน้ันวันเกิดของเรา จึงเปน วันเกิดของคุณพอ คุณแมดว ย
พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๙ ดวยเหตุนั้น วันเกิดนี้ในแงหน่ึงจึงเปนวันที่ระลึกถึงบิดามารดาและจะเปนตวั เช่อื มใหเ รามคี วามผูกพนั กับทานผูใหกําเนิด แลวก็จะมีความสุขรวมกัน อยางเชนลูกเม่ือถึงวันเกิด ก็นึกถึงคุณพอ-คุณแม และทําอะไรๆ ที่จะทาํ ใหระลึกถึงกัน และมคี วามสขุ รวมกัน จากคุณพอ-คุณแม ก็โยงไปหาคนอื่นอีก เชน พี่นอง ปูยาตายาย คนที่เกี่ยวของ ซึ่งสัมพันธกันไปหมด น่ีคือการเกิดเปนตัวตอและเช่ือมเชอื่ มฐานวัฒนธรรมไทย กับความเจริญทจี่ ะกา วหนาตอ ไป ๒. การเกิดน้ีเช่ือมไปถึงพ้ืนฐานของเรา เชน เม่ือเราเกิดเปนคนไทย ชีวิตของเราท่ีเปนพื้นเดิม ก็มีรากฐานคือวัฒนธรรมไทย เราเกิดมาทา มกลางส่ิงแวดลอมนี้ วัฒนธรรมไทยก็หลอหลอมชีวิตของเราเราจะตองรูจ กั เอาประโยชนจากวฒั นธรรมไทย ตอจากพ้ืนฐานน้ีเราก็กาวไปขางหนา และพบวัฒนธรรมภายนอก ตลอดจนพบความเจริญอะไรตางๆ ถาเราใชเปนเราก็จะไดประโยชนท งั้ สองดาน คอื ก) เราจะมีพ้ืนฐานของเราที่มั่นคง ใหการเกิดเปนตัวที่ยึดพื้นฐานของเราไวไดดวย รากฐานทางวัฒนธรรมที่เรามีเราก็ไมละทิ้งแตเ ราเอาสว นท่ดี มี าสรา งตวั ใหเ ปน พนื้ ฐานที่ม่ันคง ข) สิง่ ใหมๆ เราก็กา วไปรับ ไปทาํ กาวไปสรา งสรรค ถาเราไดท้ังสองดานนี้ เราจะมีความเจริญงอกงาม คือ ท้ังมีพ้ืนฐานที่ดี และสามารถกาวไปขางหนาไดอยางม่ันคง หมายความวา
๑๐ วาสนาสรา งเองไดไมใหขาดทั้งสองดาน ทั้งพื้นฐานเดิม ท่ีเปนรากฐานเกา และท้ังดานใหมท่ีจะกาวไปขางหนา คนที่จะเจริญงอกงามตองไดทั้งสองดานน้ี จึงจะมกี ารพฒั นาทีส่ มบรู ณ นกึ ถงึ วันเกดิ ชว ยใหไ มห ลงเตลดิ ออกจากธรรมชาติเชอ่ื มบุคคลในสังคม กับชีวติ ในธรรมชาติ ๓. การเกิดเปน ตวั เช่ือมตอ คนและสังคม กับธรรมชาติ คนเราที่เกิดมาน้ี ตวั แทๆ ยังไมมีอะไรกเ็ ปนชวี ิตเทา นนั้ ชีวติ น้ีเปน ธรรมชาติชีวิตนี้อยูทา มกลางธรรมชาติ เกิดจากธรรมชาติ เปนไปตามธรรมชาติเนอ้ื ตวั ชีวติ ของเราน้เี ปน ธรรมชาติ เมื่อเกิดมาแลว เราจึงเร่ิมมีฐานะใหม คือสถานะในทางสังคมคือเปนบุคคล เราก็จะเปนบุคคลในสังคม เปนลูกของคุณพอคุณแมเปนพ่ีของคนน้ัน เปนนองของคนนี้ แลวก็กาวเขาไปในสังคมโดยมีฐานะตางๆ บางทีเรากาวเขาไปในฐานะที่สอง คือเปนบุคคลในสังคม จนลืมฐานะท่ีหน่ึง คือ ความเปนชีวิตที่อยูในธรรมชาติ เรานึกถึงแตความเปน บคุ คลทไ่ี ปเทย่ี วมบี ทบาทน้นั นๆี้ จนลืมตัวเอง ทางพระทานเตือนเสมอวา อยาลืมสถานะเดิมแทท่ีเปนพื้นฐานของเราวาชวี ิตเปน ธรรมชาติ คนใดที่ไดท้ังสองดา น คนน้ันจงึ จะมีชีวิตที่เจรญิ งอกงามสมบรู ณ
พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๑๑ แตคนเราน้ีจํานวนมากมักจะลืมดานชีวิต และไดแคดานบุคคลคือนึกถึงแตดานการอยูรวมสังคม นึกถึงการที่จะมีฐานะอยางน้ันอยา งน้ี จนลมื ชวี ิตทเ่ี ปน พื้นฐาน แมแตการกินอาหาร ถาเราลืมพื้นฐานดานชีวิตเสียแลวเราก็จะพลาด ถาเรามัวนึกถึงในแงการเปนบุคคลในสังคม เวลารับประทานอาหารเราก็นกึ ไปในแงว า เรามีฐานะอะไร ควรจะกินอะไรใหสมฐานะดไี มดีก็ไปตามคานยิ มใหโกใ หเก เปน ตน แตถาเรานึกถึงในแงของชีวิต ก็คิดเพียงวา การกินอาหารนั้นเพื่อใหรางกายแข็งแรง ใหชีวิตดําเนินไปได ตองกินใหสุขภาพดีนะอยากินใหเปนโทษตอรางกาย อาหารแคไหนพอดีแกความตองการของรางกาย อาหารประเภทไหนมีคุณภาพ เปนประโยชนตอชีวิต เราก็กินอยางนั้นแคนัน้ ถาเราไมลืมพื้นฐานของชีวิตในดานธรรมชาติ เราจะรักษาตัวแทของชีวิตไวได สว นที่เหลือในดานความเปนบุคคล ก็เปนเพียงตัวประกอบ แตปจจุบันน้ีเรามักจะเอาความเปนบุคคลเปนหลักจนกระทั่งลืมความเปนชีวิตไป ทําใหดานธรรมชาติสูญเสียเพราะฉะนั้นจึงทาํ ใหเ รามชี ีวติ ที่ไมส มบูรณ วันเกิดน้ีจึงเปนเครื่องเตือนใจ โดยเปนตัวเช่ือมวา โดยเน้ือแทน้ัน ฐานของเราเปนธรรมชาตินะ อยาลืมสวนท่ีเปนธรรมชาติดานน้ีสวนดานที่เปนบุคคลเราก็ทําใหดี ใหไดผล ใหสองดานมาประสานกลมกลืนกัน ท้ังดานชีวิตที่เปนธรรมชาติ และดานเปนบุคคลท่ีอยูในสงั คม ถา อยา งนแ้ี ลวชีวิตก็จะสมบูรณ มีชีวิตอยูไปนานเทาไรๆ ก็อยาลมื หลกั การขอ น้ี
๑๒ วาสนาสรา งเองได วันเกิด ทําใหไ มล มื ทจ่ี ะหวนกลบั มาพฒั นาชวี ติ ที่เปนตวั แทของเรา อกี อยา งหนงึ่ การมองตัวเองใหถึงธรรมชาติท่ีเปนชีวิตน้ี เราจะไดกําไร คือ หลักการของพระศาสนา จะมาเสริมใหเราพัฒนาตัวชีวิตทแี่ ท ไมใ ชพฒั นาแตสิง่ ภายนอกอยางเดียว บางทีเราลืมไป มัวแตแสวงหาอะไรๆที่เปนของภายนอก ที่พระทา นบอกวาเปน ของนอกกาย จนพะรุงพะรงั เสรจ็ แลว สิ่งเหลานี้ก็กลับมากอ ทกุ ขใหแ กต นเอง ชีวิตในดานท่ีแทจริงน้ัน เม่ือเราไมลืมมันแลวพระพุทธศาสนาก็เขามาได ทานก็จะสอนใหพัฒนาชีวิตของเราวา ชีวิตของเราน้ีนอกจากดานการแสดงออกสัมพันธกับโลกภายนอกแลว ลึกเขาไปก็ยงั มดี า นจิตใจ และอีกดานหน่งึ คือ ปญญา เราจะตองมีความรูเทาทันชีวติ นี้ รเู ทาทนั โลก เปน ตน ถงึ ตอนนก้ี เ็ ขามาสูศลี สมาธิ ปญญา เราจะตองพัฒนาชีวิตของเรา ใหชีวิตที่เกิดมาแลวนี้ไดเขาถึงสิ่งท่ีดีท่ีประเสริฐของมัน ไมใชดีแตภายนอกอยางเดียว ความเจริญงอกงามของชีวิตท่ีแท จนกระทั่งเปนพระอรหันต อะไรตางๆ ได ก็อยูตรงน้ีแหละ คือพัฒนาชีวิตของเราที่เปนตัวของตัวเอง ที่เกิดมาแลว ชาติหนง่ึ นีใ้ หไดส ิง่ ทีด่ ีท่ีสุด ใหเจริญในศีล สมาธิ ปญญาขึ้นไปจนกระทั่งไดบรรลุ วิมุตติ วิสุทธิ สันติ และอิสรภาพท่ีแทจริง จนถึงนิพพาน อันน้ีเปนเรื่องยึดยาว คงจะไมบรรยาย แตเปนแงหนึ่งของการทจ่ี ะไดคติจากวนั เกดิ รวมแลว วันเกิดน้ี ถามองใหดีก็มีคติเตือนใจใหไดความหมายมากมายหลายอยาง แตสาระสําคญั ก็คือเปนจุดเช่ือมตอที่วา พอ
พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๑๓เชื่อมตอแลวเราจะตองใหไดทั้งสองดาน อยาใหขาดสักดานหนึ่งไมใชวาพอเช่ือมตอแลวก็กาวไปหาของใหม จนเลยไปลืมเตลิดหลงทาง ไมเห็นฐานเกา ถา ไดครบท้ังสองดานอยา งนี้ ก็เปนความสมบูรณของชีวิตทีค่ รบถวนเต็มบริบรู ณ โดยเฉพาะในสถานการณปจจุบันนี้ เรามีเร่ืองภายนอกที่กระทบกระทั่งมาก ถาใครตั้งหลัก ทําชีวิตของตนเอง โดยเฉพาะภายในดานจิตใจ และปญญา ไมไดดีแลว จะหวั่นไหวและกระทบกระเทือนมาก เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจะยิ่งตองมีความไมประมาท แลวก็ตองมาต้ังหลักทําตัวของเราเอง ท้ังทางจิตใจและปญญาท่ีรเู ทา ทนั ใหพ รอ ม ใหเขม แขง็ เกิดมาแลว ถา เลีย้ งไมด ี จะเปน คนท่ีทกุ ขงา ย-สขุ ไดยาก ในโลกตอไปน้ีที่มีเร่ืองราวอะไรตางๆ เกิดข้ึนมาก คนที่อยูไดจะตอ งมีความเขมแขง็ เด็กสมัยปจจบุ ันน้ี ในสงั คมไทยเรา ชักจะเลี้ยงดูไปในทางที่ทําใหอ อ นแอ คนท่ีออนแอก็จะมีความสุขตามแบบของคนออนแอ ความสุขของคนออนแอนั้นเปราะบาง แตกสลายงาย และความสุขอยางนั้น ก็เปลี่ยนเปน ทกุ ขไดง า ย ไมย ั่งยืนมน่ั คง สวนคนท่ีเขมแข็ง ก็จะมีความสุขท่ีเขมแข็งดวย ความสุขท่ีเขมแข็งก็ม่ันคง และยากที่จะเปลี่ยนแปลง คือความสุขนั้นยากที่จะเปลี่ยนเปนความทุกข แถมยังเจอความทุกขนอยๆ ก็ไมหว่ันไมกลัวจงึ เปน คนที่ทุกขไ ดยาก และเปน คนท่สี ขุ ไดง าย
๑๔ วาสนาสรา งเองได เพราะฉะนั้น คนที่อยูในโลกตอไปนี้ ตองพัฒนาใหดี ตองเปนคนท่ีสุขไดงาย ทุกขไดยาก ถาพัฒนาไมเปน หรือไมพัฒนา ก็จะเปนคนที่สขุ ไดยาก และทกุ ขไ ดง าย เวลาน้ีเด็กยุคปจจุบัน เราพยายามจะใหเขามีความสุข แตเราไมเลี้ยงดูเขาใหดี เขาไมพัฒนา ก็เลยกลายเปนคนท่ีสุขไดยาก ทุกขไดงาย ปรากฏวาเปนอยางน้ีกันมากแลว ท้ังๆ ที่มีอุปกรณบํารุงบาํ เรอใหความสุขมากมาย แตเ ด็กย่งิ เปนคนทุกขไ ดง าย สขุ ไดยาก ถาอยางนี้ ถึงจะมีอุปกรณบํารุงบําเรอ หรือเทคโนโลยีเจริญเทาไร ก็ไมไหว แกทุกขไมได ฉะนั้นจะตองพัฒนาขางใน ใหเปนคนทีม่ ีความสขุ ของคนทเ่ี ขมแข็ง เปน คนที่สขุ ไดงาย ทุกขไ ดยาก แมแ ตท กุ ทา นทกุ คนกเ็ ชน เดียวกัน บทพิสจู นต วั เองอยา งหนึ่งก็คือ เราเกิดมานานแลวน้ี เราสุขไดงายขึ้นหรือไม ถาเรากลายเปนคนท่ีสุขไดยาก ทุกขงายข้ึน ก็แสดงวา เราน่ีเห็นจะเดินไมคอยถูกทางเพราะฉะนั้นตองตรวจตราดูตัวเอง อยูกันมานานๆ ตองใหสุขไดงายทกุ ขไดยากขน้ึ ถา เกิดแลวพฒั นา ยิง่ เกดิ มานาน ยงิ่ สุขทุกสถาน ตอนเกิดใหมๆ ยังเปนเด็กน่ีสุขไดงาย เจออะไรนิดหนอยก็หัวเราะแลว แตพอโตข้ึนชักสุขไดยากขึ้น เพราะฉะนั้นตองระวัง ทานจงึ ใหไ มประมาท ถานึกถึงวันเกิดใหถูกตอง จะตองโยงมาสูความเจริญเติบโตหรือการพัฒนาที่ถูกตอง คืออยูนานไป ชีวิตยิ่งสมบูรณมากข้ึนโดยเฉพาะมคี วามสุขไดง า ย จนมคี วามสขุ ประจาํ ตัวประจําชวี ติ ไปเลย
พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๑๕ รวมความวา เม่ือพัฒนาตัวเราเองน้ีไป ก็เขามาสูหลักท่ีวา การเกดิ นเ้ี ปน เครือ่ งเตือนใจเราใหไดท้ังสองดาน กาวไปขางนอกแลวอยาลมื ขา งในตวั เอง ตองพฒั นาใหท ัน สรา งความเขมแข็งที่จะอยูในภาวะภายนอกไดอยางดที ี่สดุ เมือ่ พัฒนาภายใน ทั้งพัฒนาจิตใจ และพัฒนาปญญาใหเขม แข็งในที่สุดขางนอกมาเทาไรก็มีแตได คือไดสวนดีที่เปนประโยชน และย่งิ มีความสขุ เปนอันวาวันเกิดนี้มีความหมายที่ดีงาม นํามาเปนคติแกตัวเราโดยเฉพาะทา นเจาของวนั เกดิ จะไดประโยชนมากมายหลายประการ อาตมภาพขออนุโมทนา ทานเจาของวันเกิด และโยมญาติมิตรทุกทาน ท่ีจะเดินทางเขาไปในปใหม ๒๕๔๕ รวมกัน ขอใหทุกทานมีพลังกาย พลังใจ พลังปญญา พลังสามัคคีท่ีเขมแข็ง พรอมที่จะเดินหนากาวไปใหประสบความสําเร็จ และความสุขยิ่งๆ ข้ึนไป ใหปใหมน้ีเปนมงคลท่ีแทจริง มงคลสมกับความหมายที่วา ส่ิงท่ีนํามาซึ่งความสุขความเจริญ ก็ขอใหปใหมที่เปนมงคลนั้น นําความสุขความเจรญิ มาใหโยมญาติมิตรทุกทาน รตนัตตะยานุภาเวนะ รตนัตตะยะเตชะสา ดวยเดชานุภาพคุณพระรัตนตรัย พรอมท้ังบุญกุศลที่ไดบําเพ็ญ ต้ังแตจิตใจท่ีดี เกิดมีศรัทธา เกิดเมตตาไมตรีจิต เปนตนนี้ จงนํามาซึ่งความเกิดแหงกุศลยง่ิ ขึ้นไป เชน เกิดความสุข เกิดความเอิบอิ่มใจ ความราเริงเบิกบานใจเปนตน ขอทุกทานจงพรั่งพรอมดวยจตุรพิธพรชัย มีความสําเร็จ ในสิ่งท่ีมุงมาดปรารถนา บังเกิดประโยชนสุข มีความงอกงาม รมเย็นเปนสุขในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจา โดยท่ัวกันทุกทานตลอดกาลทุกเมอื่ ท้ังตลอดปใหมน้ี และตลอดไป เทอญ
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: