Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานศศ. 21ภัทราภรณ์

รายงานศศ. 21ภัทราภรณ์

Published by ภัทราภรณ์ นามริต, 2020-02-20 02:39:39

Description: รายงานศศ. 21ภัทราภรณ์

Search

Read the Text Version

ระบบเศรษฐกิจในประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ จัดทาโดย นางสาวภทั ราภรณ์ นามรติ เลขท่ี 21 ปวช2/1 แผนก คอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ เสนอ อาจารย์จนั ทนา ลัยวรรณา รายงานเล่มนเี้ ป็นส่วนหนึง่ ของการเรยี นวิชา เศรษฐศาสตร์เบ้อื งต้น ภาคเรยี นท2่ี ปกี ารศกึ ษา 2562 วทิ ยาลัยเทคนคิ จนั ทบรุ ี

คานา รายงานเล่มนีจ้ ัดทาข้นึ เพอ่ื เปน็ ส่วนหนึ่งของวิชา เศรษฐศาสตร์เบือ้ งตน้ เพอ่ื ให้ไดศ้ ึกษาหาความรู้ใน เรื่อง ระบบเศรษฐกจิ ในประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ และได้ศกึ ษาอยา่ งเข้าใจเพ่ือเป็นประโยชน์กบั การเรยี น ผจู้ ัดทาหวังวา่ รายงานเล่มนีจ้ ะเปน็ ประโยชนก์ ับผูอ้ ่าน หรอื นกั เรียน ที่กาลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมี ขอ้ แนะนาหรือข้อผดิ พลาดประการใด ผูจ้ ดั ทาขอน้อมรับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ทน่ี ดี้ ว้ ย ภัทราภรณ์ นามรติ

สารบญั หนา้ เนื้อหา ก คานา ข สารบัญ 1-2 ภาวะเศรษฐกจิ 3 การคาดการณส์ ภาวะเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2543 4 การพฒั นาทางเศรษฐกจิ 5-7 ทาไมสวิตเซอร์แลนด์จึงกลายเปน็ ประเทศทีม่ ีนวตั กรรมมากท่ีสุดในโลก 8-10 นโยบายตา่ งประเทศของสวิตเซอรแ์ ลนด์ ค บรรณานกุ รม

ภาวะเศรษฐกจิ ในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 19 - 20 ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ การจา้ งงานในภาคเกษตรกรรมลดลงจากร้อยละ 60 ของปี พ.ศ. 2393 (ค.ศ. 1850) เหลือเพียงร้อยละ 30 ใน ปี พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) และต้ังแต่ปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) เป็นต้นมา มีแรงงานเพียงร้อยละ 5 ท่ีอยู่ใน ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมเร่ิมมีบทบาทตั้งแต่ปี พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880) และภาคบริการเร่ิมเข้ามาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ แรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ภาวะเศรษฐกิจตกต่าในช่วงปี พ.ศ. 2534 - 2539 (ค.ศ. 1991 - 1996) เป็นผล จากมาตรการทางการเงินที่เข้มงวด ของสวิตเซอร์แลนด์เองและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า หลักของสวติ เซอรแ์ ลนด์ ในช่วงปี พ.ศ. 2540 - 2542 (ค.ศ. 1997 - 1999) สภาวะเศรษฐกจิ สวิต เรมิ่ ฟ้ืนตัวตอ่ เนื่องในอัตราร้อยละ 1.8 ต่อปี มาตรการต่าง ๆ เพ่ือกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ีธนาคารชาติสวิสนามาใช้ทาให้ค่าของเงินฟรังก์ สวิตลดลงเกือบร้อยละ 10 รวมท้ังสภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เป็นปัจจัยท่ีเอื้อให้การส่งออกของ สวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันภาวะ การจ้างงานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยให้การบริโภค ภายในประเทศสงู ข้ึนดว้ แมว้ า่ สวติ เซอร์แลนดจ์ ะมคี ่าจา้ งแรงงานสูงเป็นอันดับสามของประเทศอุตสาหกรรมรองจากเดนมาร์ก และนอร์เวย์ แต่เม่ือเทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่า แรงงานที่มีคุณภาพสูง บวกกับต้นทุนทางสังคมที่ ค่อนข้างต่า ทาให้สวิตเซอร์แลนด์ได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศท่ีมีความสามารถทางการแข่งขันสูงสุดเป็น อันดบั ที่ 9 ของโลก ในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ภาคบรกิ ารของสวิตเซอรแ์ ลนดม์ ีการจ้างงานกว่าสองในสามของการจ้างงานทง้ั หมด รายได้ประชาชาติกว่าสอง ในสามมาจากภาคบริการ ท่ีสาคัญได้แก่ ภาคบริการผู้ผลิต อาทิ บริการด้านการเงิน การประกันภัย ธุรกิจ อสังหารมิ ทรพั ย์ และอนื่ ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งซึง่ ทารายไดถ้ งึ หนง่ึ ในสาม

 ภาคบริการการจาหนา่ ย เชน่ การค้า การขนสง่ การสือ่ สารโทรคมนาคม  ภาคบรกิ ารสังคม เชน่ สุขภาพ การศกึ ษา ภาคราชการ บรกิ ารด้านวัฒนธรรม และการพักผ่อน และ  ภาคบริการบุคคล (personal services) อาทิ การท่องเท่ียว บริการต่าง ๆ สาหรับครัวเรือน และ บรกิ ารรายบุคคลอ่นื ๆ ภาคอุตสาหกรรมของสวิตเซอร์แลนด์ใช้เทคโนโลยีข้ันสูง แม้ประเทศจะมีขนาดเล็กแต่มีบริษัทข้ามชาติ มากมายที่ตั้งอยใู่ นสวติ เซอร์แลนด์ อาทิ ด้านอาหาร (Nestle) เวชภัณฑ์ (Novartis, Roche) วิศวกรรม (ABB) อุตสาหกรรมเคร่ืองจักรกล เคมีภัณฑ์ และเวชภัณฑ์ ทารายได้จากการส่งออกสูงสุดของสวิตเซอร์แลนด์ การ จ้างงานภาคอุตสาหกรรมกว่าคร่งึ หนึ่งอยู่ในภาคการผลิตสินค้าพวกเครื่องจักรกล เคร่ืองไฟฟ้าและเคร่ืองเหล็ก การแข็งค่าของเงนิ ฟรงั ก์ทาใหภ้ าคอตุ สาหกรรมพยายามลดค่าใช้จ่ายโดยการพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพสูงมาก ขนึ้ อุตสาหกรรมเครอ่ื งจักรกลของสวิตเซอรแ์ ลนด์เปน็ อตุ สาหกรรมที่ดที ่สี ดุ ในโลก ปจั จุบันสวิตเซอร์แลนด์เป็น ประเทศที่ม่ังคั่งที่สุดประเทศหน่ึง ในปี 2543 GDP ต่อหัว สูงถึง 33,464 ดอลลาร์สหรัฐ ซ่ึงสูงเป็นท่ีสามของ โลกรองจากญีป่ ุ่น และสหรฐั อเมรกิ า การเตบิ โตทางเศรษฐกิจเพ่ิมข้ึนจากร้อยละ 1.5 ในปีก่อน เป็นร้อยละ 3.4 ใน2 543 ซง่ึ เป็นอตั ราสูงสดุ ในรอบสิบปี ปี พ.ศ. 2543 เศรษฐกจิ สวิสเตบิ โตสงู สุดนับต้ังแต่ปี พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) เป็นต้นมาเนื่องจากการขยายตัว ของเศรษฐกจิ โลก อัตราดอกเบ้ียที่ต่า และการอ่อนค่าเงินฟรังก์สวิส GDP ในปี 2543 มีอัตราร้อยละ 3.4 การ ส่งออกเพ่ิมเป็นสองเท่าในขณะท่ีการนาเข้าก็เพิ่มสูงขึ้น การลงทุนเพ่ิมเป็นร้อยละ 10.3 (เทียบกับร้อยละ 9 ของปี 2542) ส่วนอัตราการว่างงานลดลงจากร้อยละ 2.7 เปน็ ร้อยละ 2 อตั ราเงินเฟอ้ ร้อยละ 1.6 กระทรวงการคลังรายงานว่า ในช่วงแปดเดือนแรกของปี ค.ศ. 2001 การสง่ ออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 คิดเป็นมูลค่า 88,533 ล้านฟรงั ก์ และนาเข้าเพม่ิ ขนึ้ ร้อยละ 2.4 คิดเป็นมูลค่า 88,719 ฟรังก์ ขาดดุลการค้า 90.5 ล้านฟรังก์ อตั ราการวา่ งงานอยู่ท่รี อ้ ยละ 1.7 ซ่ึงถอื วา่ อยูใ่ นเกณฑท์ ี่ตา่ เม่อื เทียบกบั ปีทผี่ า่ นมา5 5 5

การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2543 ธนาคาร UBS ประเมินว่า เศรษฐกจิ สวิสจะเตบิ โตร้อยละ 1 ในปี ค.ศ. 2002 แต่สมาพันธรัฐสวิสจะไม่ ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเหมือนช่วงคร่ึงแรกของปี ค.ศ. 2001 ท้ังน้ี เป็นผลจากนโยบายและการ ดาเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์ของธนาคารชาติสวิสและเนื่องจากตลาดแรงงานมีความยืดหยุ่น สูง ในไตรมาสท่ีสองของปี ค.ศ. 2001 GDP ของสมาพันธรัฐสวิสเติบโตร้อยละ 1.7 โดยเฉลี่ยการเติบโตในแต่ ละไตรมาสอยู่ประมาณร้อยละ1.5 – 2 ซึ่งสูงกว่าเยอรมนี (-0.1) ฝรั่งเศส (1) และอิตาลี (0.1) แต่ตัวเลขการ เตบิ โตในครึง่ แรกของปี ค.ศ. 2001 และดัชนีตา่ ง ๆ ชวี้ า่ การเติบโตเรม่ิ ช้าลง คา่ ใช้จ่ายในการลงทุนเร่ิมลดลงใน ไตรมาสทีส่ องเนอ่ื งจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ค่าเงินฟรังก์สวิสสูงขึ้นและกาลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ เพ่มิ ในอตั ราท่ีตา่ UBS คาดวา่ ปี ค.ศ. 2002 การเตบิ โตทางเศรษฐกิจจะเหลือเพียงร้อยละ 1 และอัตราเงินเฟ้อ ปี ค.ศ. 2002 จะเท่ากับร้อยละ 1 เพราะปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ราคาสินค้าจะไม่สูงข้ึนมาก อัตราดอกเบี้ยท่ีลดลง อัตราการเพม่ิ ค่าจ้างแรงงานกจ็ ะชา้ ลง และเงินฟรงั ก์สวิสท่ีแข็งค่าขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากราคาสินค้าเข้าที่ เพมิ่ ข้นึ

การพัฒนาทางเศรษฐกจิ สวติ เซอร์แลนด์ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ พ้ืนท่ี 2 ใน 3 ของประเทศเป็นภูเขา เพียง 1 ใน 4 ของ พ้นื ทที่ งั้ หมดเท่านน้ั ทีส่ ามารถทาการเพาะปลูก ซ่ึงผลิตผลการเกษตรสามารถรองรับความต้องการด้านอาหาร ของประเทศได้เกินกว่าคร่ึงหน่ึง แต่สวิสขาดแคลนวัตถุดิบ จึงต้องนาเข้าวัตถุดิบและส่งออกกลับไปในรูปของ ผลิตภัณฑ์คุณภาพ จึงต้องนาเข้าสินค้าและวัตถุดิบ คู่ค้าสาคัญของสวิตเซอร์แลนด์ได้แก่สมาชิกองค์การความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development – OECD) เศรษฐกิจสวิสผกู พันกบั เศรษฐกจิ ยโุ รปอยา่ งมากโดยเฉพาะเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์นาเข้าจากสหภาพ ยุโรปร้อยละ 63 (เยอรมนีร้อยละ 23) และสง่ ออกไปสหภาพยุโรปกว่ารอ้ ยละ 80 (เยอรมนรี อ้ ยละ 33) สวติ เซอรแ์ ลนด์ขาดดลุ การคา้ ตลอดมาเวน้ แตใ่ นช่วงเศรษฐกจิ ชะลอตัวช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งส่งผลให้ การนาเข้าลดลง แม้ว่าสวิตเซอร์แลนด์จะขาดดุลการค้ากับประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของยุโรป (ยกเว้น องั กฤษ) แต่สวติ เซอร์แลนด์ได้ดุลการค้าจากประเทศท่ีพัฒนาน้อยกว่าเช่น สเปน โปรตุเกส และประเทศกาลัง พฒั นา เคร่ืองจกั รกล อุปกรณ์ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทางเวชกรรม นาฬิกา และอัญมณี เป็นสินค้าส่งออก หลกั ของสวิตเซอร์แลนด์ สนิ คา้ นาเข้าหลกั ได้แกเ่ ครือ่ งจกั รกล อุปกรณ์ไฟฟา้ นาฬกิ า เคมีภัณฑ์ ผลผลิตทางการเกษตร โลหะ สิ่งทอ และเครื่องแต่งกาย ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็น ประเทศทีน่ าเขา้ วตั ถุดิบโดยใช้แรงงานทมี่ คี ุณภาพสูงของตนแปรรูปให้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง การ สง่ ออกภาคบรกิ ารของสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงปี 1996-1999 เพ่ิมประมาณร้อยละ 6.5 ต่อปี โดยมีสัดส่วนร้อย ละ 20 ของการส่งออกทง้ั หมด การท่องเที่ยวกเ็ ปน็ สว่ นสาคญั ของอตุ สาหกรรมบรกิ าร สวิตเซอร์แลนดไ์ ด้ดลุ บัญชีเดินสะพัดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ประชาชาติสูงสุดของโลก การได้ดุลจานวน มากนี้เป็นผลจากการทาธุรกรรมด้านบริการ โดยเฉพาะภาคการเงิน บริษัทสวิสลงทุนในต่างประเทศมากกว่า บริษัทต่างประเทศมาลงทุนในสวิตเซอร์แลนด์ประมาณ 2.5 เท่า การลงทุนทางตรงของสวิตเซอร์แลนด์ใน ต่างประเทศส่วนใหญ่อยู่ในสหภาพยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ในขณะที่สหภาพยุโรปมีสัดส่วนการลงทุนใน สวิตเซอร์แลนด์เป็นสองในสามของการลงทนุ ต่างประเทศในสวิตเซอร์แลนด์

ทาไมสวิตเซอรแ์ ลนดจ์ งึ กลายเป็นประเทศที่มนี วตั กรรมมากทีส่ ดุ ในโลก ประเทศเล็กๆบนเทือกเขาแอลป์ที่ขาดแคลนวัตถุดิบ สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีทางเลือกมากนักแต่ก็มีการ สรา้ งสรรคต์ วั เองและนาเสนอสง่ิ แปลกใหมอ่ ยู่เสมออยา่ งไม่มที ่สี ิ้นสุด การพฒั นาทรัพยากรทางเลือก ทั้งในด้าน เกษตรกรรม การทอ่ งเท่ียวและการบริการ อะไรคอื เคล็ดลบั ความสาเรจ็ และจะยั่งยนื แค่ไหน? เมอ่ื เขา้ สูศ่ ตวรรษท่ี 18 สวิตเซอร์แลนด์เป็นที่รู้จักในแรกเริ่มของที่ตั้งที่อยู่บนเทือกเขาแอลป์ บรรดาวัวและฝูง แกะ เช่นเดียวกับในบทประพันธ์ของ “William Tell” ท่ีได้กล่าวถึงคนเลี้ยงแกะซ่ึงเป็นเหมือนการพูดถึง ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด์ ณ ตอนน้ี เวลาผา่ นไปถึงสองร้อยปี สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงแห่งนวัตกรรม และระบบเศรษฐกจิ ท่มี นั่ คงแข็งแรงและเป็นลาดับตน้ ๆในระดับนานาชาตสิ าหรับเร่ืองของนวตั กรรม สิทธบิ ตั รเปน็ อกี หนึ่งในตัวบ่งชี้ความสาเร็จของนวัตกรรม ในระหว่างปี 1985 และ 2014 จานวนของสิทธิบัตร ท่ัวโลกเพิ่มข้ึนเกือบสามเท่า ไม่น้อยกว่า 2.7 ล้านเป็นประจาทุกๆปี ซ่ึงมากกว่า 43000 ใบถูกรับรองใน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2014 โดยเป็นท่ีรู้กันว่าสวิตเซอร์แลนด์อยู่ในดับดับท่ี 8 ของโลก แต่ถ้าวัด จาก สัดส่วนปรมิ าณประชากรแล้วนั้นถือวา่ เปน็ อนั ดับ 1 ความขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติทาให้สวิตเซอร์แลนด์มักพยายามท่ีจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ใน สวติ เซอร์แลนด์ธุรกิจนั้นแยกย่อยเป็นหน่วยเล็กๆและมีหลายส่วน จึงมีความจาเป็นท่ีจะต้องนาสินค้าส่งออกสู่ ตลาดนอกประเทศ ซึ่งสวิตเซอร์แลนดเ์ องก็มีประสทิ ธภิ าพมากพอทจี่ ะแข่งขนั ไดใ้ นระดับนานาชาติ เน่ืองจากพ้ืนท่ีประเทศส่วนใหญ่รอดพ้นจากการทาลายล้างในช่วงสงครามโลกครั้งท่ีสองและด้วย เหตุผลนี้ สวิตเซอร์แลนด์จึงอยู่ในจุดท่ีได้เปรียบโดยทาการส่งออกสินค้าจาพวกสิ่งอานวยความสะดวกไปยัง พื้นที่ที่ต้องการซ่อมแซมที่เกิดจากความเสียหายจากสงคราม และยิ่งเป็นประโยชน์อีกมากมายท้ังในเร่ืองของ ความมั่นคงทางนโยบายเศรษฐกจิ การใหค้ วามสาคัญกับการทางานหนัก การอุทศิ ตนเองและการศกึ ษา สิทธบิ ตั รกว่า 43,000 ฉบับได้ถกู จดในปี 2014 ในสวิตเซอร์แลนด์

แรงงานขา้ มชาตทิ ีม่ ที ักษะการทางาน อกี ปจั จัยหนึ่งทมี่ บี ทบาทสาคัญในประวตั ิศาสตรข์ องสวิส: การยา้ ยถ่นิ ถานในช่วงทศวรรษที่ 16 ถึง 18 มีชาวฝรั่งเศสท่ีรับถือลัทธิโปรเตสแตนต์จานวนมากเข้ามาขอลี้ภัยในเจนีวา ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีฐานะร่ารวย และมที กั ษะในการคา้ ขาย หน่ึงในผลดีของแรงงานเหล่าน้ีคือการพาเหล่าบรรดาช่างนาฬิกามายังเจนีวาหลังจากได้ก่อต้ังเป็นสหพันธรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1848 บรรดาผู้ล้ีภัยทางการเมืองและกษัตริย์ของยุโรปได้เดินทางมาที่สวิตเซอร์แลนด์ ใน บรรดาบุคคลเหล่านี้นั้นรวมไปถึงคณะอาจารย์จากประเทศเยอรมันที่ได้เข้ามาช่วยกันสร้างมหาวิทยาลัยสวิส แห่งใหมข่ ้นึ ในฐานะของประเทศท่ีก้าวเข้าสู่ความเป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังจากศตวรรษที่ 19 ทา้ ยทสี่ ดุ สวิตเซอร์แลนด์ได้กลายเป็นประเทศท่ีเป็นที่หมายปองของคนจานวนมากที่ต้องการเข้ามาทางาน และอาศัยในสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและการครองชีพท่ีมีคุณภาพชีวิตท่ีดี มากกว่า 60% ของค่าใช้จ่ายในการทาวจิ ยั และพฒั นาในสวิตเซอร์แลนด์ไดร้ ับการสนบั สนุนโดยตรงจากภาครฐั การลงทนุ ของตา่ งชาติ ตลอดศตวรรษทีผ่ า่ นมาสวิตเซอร์แลนดส์ ามารถที่จะดึงดูดแรงงานที่มีคุณภาพสูงซ่ึงมีบทบาทสาคัญใน การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ ณ ปัจจบุ นั กว่ารอ้ ยละ 60 ของคา่ ใช้จา่ ยเก่ยี วกับการวิจยั และพัฒนารวมเป็น เงนิ ท้งั สิ้นประมาณ 18 ลา้ นฟรงั ก์สวสิ เป็นทุนทีไ่ ด้รับโดยตรงจากภาคเอกชนทัง้ สนิ้ ประมาณหน่ึงในสข่ี องเงินทนุ มาจากรัฐบาลและส่วนท่ีเหลือมาจากนักลงทุนต่างชาติ สวิตเซอร์แลนด์มีอันดับที่ เกี่ยวกับค่าเฉล่ียเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในระดับของเงินทุนสาธารณะเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (ที่ GDP) แรงผลักดันที่อยูเ่ บอื้ งหลงั ความสาเรจ็ ที่น่าประทับใจของสวติ เซอร์แลนดท์ ่ปี ระสบความสาเร็จด้านนวัตกรรมใน ภาคธุรกจิ บริษทั ขนาดใหญ่โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ABB, Roche, Nestlé และ Novartis ท่จี ดสิทธิบัตรกว่า 400 และ 600 ใบในปี 2014 ตามขอ้ มลู จากสานักงานสิทธิบัตรยุโรปทาให้พวกเขาอย่ใู น 50 อันดบั แรกของผู้สมคั รสิทธิบัตรในยุโรป สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางแต่ก็สามารถเป็นผู้นาใน ระดับนานาชาติในการใช้ ประโยชน์จากความรู้ใหม่ๆสาหรับกระบวนการเก่ียวกับนวัตกรรมของตัวเองและการผลิตที่มีคุณภาพสูงเพื่อ ผลติ ผลิตภณั ฑ์เฉพาะสาหรับตลาดต่างประเทศ ในการสารวจของ บริษัท ท่ีดาเนินการโดยบริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส ในปี 2014 ประมาณร้อยละสิบของ SMEs ในอุตสาหกรรม รายงานวา่ พวกเขาเปน็ ผู้นาในตลาดโลกเป็นอย่างนอ้ ยหนึง่ ผลิตภัณฑ์จากผลิตภัณฑ์หลัก

ท้ังหมดของพวกเขา ร้อยละสามสิบเป็นผู้นาของตลาดสาหรับผลิตภัณฑ์หลักอย่างน้อยหน่ึงอย่างในหน่ึง ประเทศ สิทธิบัตร 200 ใบในระยะเวลา 1 ปี ถูกจดโดย The Swiss Federal Institutes of Technology ในซูริค และโลซาน สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสยี งระดบั โลก พรอ้ มด้วยอตุ สาหกรรมภาคเอกชน ภาคการศกึ ษาขั้นสูงก็มีบทบาทสาคญั ในฐานะที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ของสวิตเซอร์แลนด์ – ตัวอย่างเช่น the Swiss Federal Institute of Technology Zurich (ETHZ) และ EPFL ในโลซาน ท้ังสองมหาวิทยาลัยท่ีอยู่ใน 20 อันดับแรกของโลก ข้อกาหนดหลักของสถาบันเทคโนโลยีใน สวิตเซอร์แลนด์คือการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ในแต่ละปีมีผู้สาเร็จการศึกษามากกว่า 2,000 คนใน หลักสตู รปรญิ ญาโทและกว่า 1,000 ในหลักสูตรปริญญาเอก ETHZ และ EPFL จะเข้าร่วมกับภาคเอกชน โดย ท้ังสองสถาบันยังดาเนินการวิจัยพื้นฐานและเป็นพันธมิตรกับภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐท่ีประสบ ความสาเรจ็ ในการผลิตนวตั กรรมการตลาดที่พร้อมถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่ผ่านกระบวนการต่างๆ ซึ่ง พวกเขาได้จดสิทธิบัตรเป็นจานวนประมาณ 200 ใบในทุกๆปีและอีกกว่า 49 ใบท่ีพัฒนาต่อยอดจากสิทธิบัตร ข้างต้น ทาอยา่ งไรให้อยอู่ ยา่ งประสบความสาเรจ็ หากสวิตเซอร์แลนด์คือการรักษาตาแหน่งสูงสุดในระดับนานาชาติก็ต้องทาให้เชื่อม่ันว่าเง่ือนไขที่ จาเป็นสาหรับการพัฒนานวัตกรรมยังคงอยู่เหมือนเดิม รวมถึงตัวอย่างเช่น กฎระเบียบท่ีเหมาะสาหรับธุรกิจ และความเหมาะสมในการจัดเกบ็ ภาษีในประเทศเชน่ เดยี วกบั การใช้บริการฟรีไปยังตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ก็ควรจะมกี ระบวนการท่ีดาเนินการง่ายๆสาหรับ บริษัท สวิสและมหาวิทยาลัยสวิสที่จะรับ สมคั รแรงงานมฝี มี ือจากตา่ งประเทศรวมทง้ั จากนอกสหภาพยุโรป / ประเทศ EFTA ซึ่งในที่สุดสวิตเซอร์แลนด์ ตอ้ งทาใหแ้ นใ่ จว่าระบบการศึกษาของตนยังคงแขง็ แกร่ง หากเงอ่ื นไขพ้ืนฐานเหล่าน้ีด้อยลงไปก็จะเกิดอุปสรรค สาหรับการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ สิ่งหน่ึงคือคู่แข่งในระดับนานาชาติเติบโตข้ึนอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย เป็นมา

นโยบายต่างประเทศของสวติ เซอร์แลนด์ ก่อนปี ค.ศ. 1980 นโยบายต่างประเทศของสวิตเซอร์แลนด์ยึดหลักการ 4 ประการ คือ ความ เป็น กลาง (neutrality) ความมีน้าหน่ึงใจเดียว (solidarity) ความเป็นสากล (universality) และความเป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวม (availability) ต่อมาเม่ือกิจการต่างประเทศเร่ิมมีส่วนเก่ียวพันกับกิจการสาขาอื่น ๆ โดยเฉพาะเศรษฐกจิ การเงนิ ส่ิงแวดล้อม และกฎหมาย และการที่โลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์และหน่วยงานหรือ องค์กรต่าง ๆ ไดเ้ ริ่มมบี ทบาทในกจิ การต่างประเทศมากขึ้น ทาให้สวิตเซอร์แลนด์ต้องปรับเปล่ียนนโยบายการ ต่างประเทศ และได้จัดทาสมุดปกขาวว่าด้วยนโยบายต่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในศตวรรษท่ี 90 ซ่ึงได้รับ ความเห็นชอบจากรัฐบาลในปี ค.ศ. 1993 นโยบายต่างประเทศของสวิตเซอร์แลนด์สาหรับปี 2545 สรุปได้ ดังน้ี การเขา้ เป็นสมาชกิ องคก์ ารสหประชาชาติ สวิตเซอร์แลนด์ให้ความสาคัญลาดับแรกต่อการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ขณะน้ีรัฐบาล ได้เร่งรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจและตระหนักถึงความสาคัญขององค์การสหประชาชาติ ในส่วนของพรรคร่วม รฐั บาลท้งั ส่พี รรค ไดใ้ หค้ วามเหน็ ชอบต่อการเข้าเป็นสมาชิกดังกล่าว และได้จัดการลงประชามติทั่วประเทศใน วันที่ 3 มีนาคม 2545 โดยก่อนหน้าน้ันเม่ือเดือนมีนาคม ค.ศ. 1986 รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้จัดการลง ประชามติการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ แต่ประชาชนสวิสส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเน่ืองจากเกรงจะเสียความ เป็นกลางซึง่ เป็นนโยบายหลกั ของประเทศตลอดมา แต่ในการลงประชามติเมื่อวันท่ี 3 มีนาคม ค.ศ. 2002เสียง ส่วนใหญข่ องประชาชนสวิสและเสียงส่วนใหญ่ของรัฐ (Canton) ได้ลงมติให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นสมาชิก สหประชาชาติของสมาพันธรัฐสวิส โดยผู้ลงมตเิ หน็ ด้วยคิดเปน็ ร้อยละ 54.61 ผู้ลงมติไม่เห็นด้วยร้อยละ 45.39 และรัฐ (Canton) ท่ีเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยมีจานวน 12 รัฐ จากจานวนรัฐ ทั้งหมด 23 รัฐ การลง ประชามติ ครั้งน้ีมีประชาชนออกมาใช้สิทธิร้อยละ 57.7 ทั้งนี้ สมาพันธรัฐสวิสได้ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิก สหประชาชาตอิ ยา่ งเปน็ ทางการและได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติในช่วงการประชุมสหประชาชาติ สมยั สามัญ ครัง้ ท่ี 57 ในเดอื นกนั ยายน ค.ศ. 2002

การเจรจาทวิภาคีกับสหภาพยโุ รป รัฐบาลสวิสชดุ ปจั จุบนั ได้ประกาศเปน็ นโยบายแน่ชัดท่จี ะเข้าไปมบี ทบาทในเวทีการเมืองระหว่าง ประเทศใหม้ ากขน้ึ อาทิ การจะเขา้ เปน็ สมาชกิ สหประชาชาติ และการพยายามจะสมคั รเขา้ เป็นสมาชิกสหภาพ ยโุ รป เนื่องจากเหน็ วา่ สวิตเซอร์แลนด์จะไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดยี่ วไดอ้ ีกต่อไป ในปี ค.ศ. 1992 สวติ เซอร์แลนด์ไดจ้ ดั การลงประชามตเิ กยี่ วกับการเขา้ เป็นสมาชกิ เขตการคา้ เสรยี ุโรป (European Economic Area) แตไ่ ม่ไดร้ ับความเห็นชอบ รัฐบาลจงึ หาทางออกโดยการเปิดการเจรจากับสหภาพยุโรปตั้งแต่เดือน ธันวาคม ค.ศ. 1994 เพื่อทาความตกลงทวภิ าคีใน 7 สาขา คอื การเคลื่อนย้ายบุคคลและแรงงานเสรี การวจิ ยั การขนสง่ ทางบก การบนิ การเปดิ เสรีทางการค้า การใหส้ ิทธิภาคเอกชนของประเทศสหภาพยโุ รปและ สวติ เซอร์แลนด์เขา้ ไปประมลู หรอื ดาเนินกจิ กรรมท่ีเปน็ การจัดซื้อโดยรัฐในอีกประเทศหน่ึงไดเ้ ท่าเทยี ม คนชาติ การลดอุปสรรคการค้าระหว่างกัน และเม่ือวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1999 สวิตเซอรแ์ ลนดแ์ ละสหภาพ ยุโรปได้ ลงนามความตกลงดังกลา่ วซึ่งสภาแห่งชาตขิ องสวติ เซอรแ์ ลนด์ไดใ้ ห้สตั ยาบันความตกลงฯ เมื่อวันที่ 8 ตลุ าคม ค.ศ. 1999 และผา่ นการลงประชามติจากประชาชนรอ้ ยละ 62.7 เม่ือวนั ท่ี 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 รวมทั้งได้ผ่านการให้สตั ยาบนั จากรัฐสภาเบลเยยี่ มเป็นประเทศสมาชกิ สหภาพยโุ รปประเทศสุดทา้ ยแลว้ เมื่อ เดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 ซ่ึงหลังจากนน้ั รัฐบาลสวติ เซอร์แลนดไ์ ดเ้ ร่ิมการเจรจาทวิภาคีกบั สหภาพยโุ รปอกี 10 สาขา คือ การบรกิ าร การจ่ายเงนิ บานาญ การแปรรปู สนิ คา้ เกษตร สิ่งแวดลอ้ ม สถิติ การศึกษา กิจการ เยาวชน บัญชีเงนิ ฝากธนาคาร ความรว่ มมือเพ่อื ต่อต้านการฉ้อโกง และความร่วมมือด้านการศาสนา กจิ การ ตารวจและการอพยพย้ายถ่ินฐาน อย่างไรกต็ าม มีกระแสเรยี กรอ้ งใหเ้ ปิดการเจรจากับสหภาพยุโรปโดยทนั ที เพือ่ เร่งรัดการเขา้ เปน็ สมาชกิ สหภาพยโุ รปของสวติ เซอร์แลนด์ ซง่ึ รฐั บาลสวสิ ไมเ่ ห็นด้วยกับข้อเรียกร้องนี้ เนอื่ งจากเห็นว่า สวติ เซอรแ์ ลนด์จะพร้อมเปดิ การเจรจากับสหภาพยุโรปในชว่ งระหว่างปี 2004-2007 และ อาจพร้อมท่ีจะเข้าเปน็ สมาชกิ สหภาพยโุ รปหลังปี 2010 แต่เมื่อมปี ระชาชน 100,000 คน เข้าชอื่ เรียกร้องให้ จัดการลงประชามติ รฐั บาลสวสิ กไ็ ดจ้ ดั การลงประชามติข้นึ เม่อื วันท่ี 4 มีนาคม 2001 ผลปรากฏวา่ ประชาชน กวา่ ร้อยละ 76.7 ลงคะแนนไมเ่ ห็นด้วย ซ่ึงสว่ นใหญผ่ สู้ นบั สนุนการเปิดการเจรจากับสหภาพยุโรป จะเป็นชาว สวสิ ในเขตสวสิ ฝร่ังเศส ในขณะที่ชาวสวิสเยอรมันเกินร้อยละ 85 ลงคะแนนไม่เห็นดว้ ย

ความสมั พนั ธ์ทวิภาคสี วิตเซอรแ์ ลนด์กบั ประเทศเอเชยี -แปซฟิ กิ รฐั บาลสวติ เซอร์แลนดใ์ ห้ความสาคัญต่อการพัฒนาความรว่ มมอื กบั ประเทศเอเชยี แปซิฟิก ท้ังในด้าน การเมือง เศรษฐกิจ และได้เร่ิมมิตใิ หม่ต่อการพัฒนาความร่วมมอื ดา้ นเทคโนโลยี แต่ นาย Deiss ได้ยอมรบั ว่า รัฐบาลสวติ เซอรแ์ ลนด์มีบทบาทแขง็ ขนั ในการชว่ ยเหลอื พัฒนาประเทศเอเชยี ใต้ เชน่ ปากีสถาน เนปาล ภฐู าน อินเดีย บงั คลาเทศ และเอเชียกลาง เชน่ ครี ก์ ซิ สถาน ซ่ึงความช่วยเหลอื ส่วนใหญ่จะทาในกรอบความรว่ มมือ พหุภาคีภายใต้องค์การระหวา่ งประเทศ และมีกลุม่ ผู้เชีย่ วชาญในสาขาต่าง ๆ (pool of experts) กวา่ 600 คน ซึ่งพร้อมจะเดินทางไปให้ความรว่ มมือชว่ ยเหลือดา้ นเทคโนโลยี สาหรบั อฟั กานิสถานนั้น สวิตเซอรแ์ ลนด์ เขา้ ไปมีบทบาททง้ั ในการเจรจาด้านการเมืองและไดม้ อบความชว่ ยเหลอื ดา้ นมนุษยธรรมผ่านสานกั งาน ขา้ หลวงใหญ่ผู้ล้ภี ัยแหง่ สหประชาชาติ (UNHCR) และองคก์ ารกาชาดสากล (ICRC) เป็นมลู ค่ากว่า 17 ล้านฟ รงั คส์ วิสในปี ค.ศ. 2001 โดยให้ความสาคญั กับการ ช่วยเหลือฟืน้ ฟูประเทศและการยกระดบั ความเปน็ อยู่ของ สตรี แต่จะไม่เขา้ ร่วมในกองกาลังรกั ษาสันติภาพ และในคร่ึงแรกของปี ค.ศ. 2002 สวิตเซอร์แลนดก์ าหนดจะ เปดิ สานักงานตดิ ต่อ (coordination Office) ท่ีกรงุ คาบูล แตใ่ นขณะนยี้ ังใชช้ อ่ งทางการตดิ ต่อผา่ นสถาน เอกอัครราชทตู สวติ เซอรแ์ ลนด์ประจาปากีสถาน

บรรณานกุ รม เนอื้ หาและรปู ภาพ https://th.wikipedia.org/wiki/ https://www.ekthana.com/blog/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook