QLM กฎหมายสิง่ แวดล้อม บรรดากฎหมายต่างๆเกย่ี วกับสง่ิ แวดล้อม มีการบญั ญัตขิ น้ั โดยมีลาํ ดับศกั ดิ์ดังน้ี • รัฐธรรมนญู • พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ • พระราชบัญญัติ / ประมวลกฎหมาย • พระราชกาํ หนด • พระราชกฤษฎีกา • กฎกระทรวง • ประกาศ ระเบียบ ข้อบงั คบั และคาํ สัง่ • ขอ้ บัญญตั ิทอ้ งถนิ่ ผลของการจดั ศกั ด์ิของกฎหมายคอื การออกกฎหมายทีม่ ศี ักด์ขิ องกฎหมายตํ่ากว่าจะออกไดโ้ ดยอาศัย อํานาจจากกฎหมายท่ี มศี กั ด์สิ งู กวา่ หรือตามที่กฎหมายศกั ดส์ิ ูงกว่าให้อาํ นาจไว้ และกฎหมายที่มศี กั ดต์ิ ่าํ กว่าซงึ่ ออกโดยอาศัยอํานาจของกฎหมายศักดิส์ งู กวา่ จะออกมาโดยมีเน้ือหาเกนิ กว่าขอบเขตอํานาจทก่ี ฎหมายศักดิ์ สูงกวา่ ให้ไวม้ ิได้ มิฉะนนั้ จะใช้บังคบั มิได้เลย หากเนอื้ หาของกฎหมายมคี วามขัดแย้งกัน ต้องใช้กฎหมายที่มี ศักดิ์สงู กวา่ บงั คบั ไม่วา่ กฎหมายศกั ดิ์สงู กวา่ นัน้ จะออกก่อนหรอื หลงั กฎหมายศกั ดิ์ต่ํากวา่ น้นั พระราชบัญญัตคิ ือกฎหมายทีพ่ ระมหากษตั ริย์ทรงตราขน้ึ โดยคาํ แนะนาํ และยนิ ยอมของรัฐสภา เปน็ กฎหมายหลกั ทสี่ าํ คัญ ประมวลกฎหมาย คอื กฎหมายลายลกั ษณอ์ ักษรทไ่ี ด้บัญญตั ิหรอื ตราข้ึนโดยรวบรวมจัด เอาบทบญั ญัตเิ กยี่ วกบั กฎหมายท่ีเปน็ เร่ืองเดยี วกนั เอามารวบรวมเปน็ หมวดหมู่ วางหลักเกณฑใ์ หอ้ ยใู่ นท่ี เดยี วกนั และมีข้อความเกีย่ วเนื่องตดิ ต่อกันอย่างเป็นระเบียบ เชน่ ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ ประมวลรษั ฎากร เปน็ ตน้ ประมวลกฎหมายมฐี านะเท่าเทียมกับพระราชบัญญัติ พระราชกําหนดคอื กฎหมายทพี่ ระมหากษตั รยิ ์ทรงตราข้นึ ตามคาํ แนะนาํ ของคณะรัฐมนตรี การตรา พระราชกําหนดให้กระทําไดเ้ ฉพาะเมือ่ คณะรฐั มนตรเี หน็ วา่ เป็นกรณฉี กุ เฉินทีม่ คี วามจาํ เปน็ เร่งด่วนอันมอิ าจ หลกี เลีย่ งได้ และตอ้ งเป็นกรณเี พ่อื จะรักษาความปลอดภยั ของประเทศหรือความปลอดภัยสาธารณะ หรือ ความมน่ั คงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรอื ป้องปดั ภัยพบิ ัตสิ าธารณะ หรอื เปน็ พระราชกาํ หนดเก่ียวดว้ ยการ ภาษีอากรหรือเงินตราซง่ึ จะต้องไดร้ ับการพิจารณาโดยดว่ นและลับเพ่ือรกั ษาผลประโยชนข์ องแผ่นดนิ และเมอื่ ได้ประกาศใชแ้ ลว้ ต้องเสนอพระราชกาํ หนดนัน้ ตอ่ สภาทันทถี ้ารฐั อนุมัตกิ ม็ ผี ลใชบ้ ังคบั เป็นพระราชบัญญัติ ตอ่ ไป ถ้ารัฐสภาไมอ่ นมุ ตั กิ ็ตกไป แตถ่ ้าไมก่ ระทบกระเทอื นกิจการที่ได้เป็นไปในระหวา่ งทใ่ี ชพ้ ระราชกาํ หนด นั้น หนา้ 1 จาก 29
QLM พระราชกฤษฎีกาคือ กฎหมายที่พระมหากษัตริยท์ รงตราขนึ้ ตามคําแนะนําของคณะรัฐมนตรี พระราชกฤษฎีกาจะออกได้ต่อเม่อื พระราชบัญญตั ิซง่ึ ถอื เป็นกฎหมายแมบ่ ทให้อาํ นาจไว้ พระราชกฤษฎีกาจึง เป็นเสมือนกฎหมายท่ไี ม่สามารถจะออกมาใหข้ ัดหรอื แยง้ กับกฎหมายแมบ่ ท และถา้ กฎหมายแม่บทถกู ยกเลกิ พระราชกฤษฎีกานัน้ ก็ถอื ว่าถูกยกเลิกไปดว้ ย กฎกระทรวง (ministerial regulation) เป็นกฎหมายลายลกั ษณอ์ กั ษรประเภทหนงึ่ ของประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงตราข้นึ โดยอาศยั อํานาจตามบทบญั ญัตแิ หง่ พระราชบัญญตั ิ หรอื แหง่ กฎหมายทม่ี ี ฐานะเสมอกนั เปน็ ต้นวา่ ประมวลกฎหมาย พระราชกาํ หนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงผรู้ ักษาอาํ นาจตาม พระราชบัญญตั ิหรือพระราชกําหนดซ่งึ ให้อํานาจรฐั มนตรกี ระทรวงนน้ั ๆ ออกกฎกระทรวง จะเปน็ ผูเ้ สนอร่าง กฎกระทรวงต่อคณะรฐั มนตรี เมอื่ คณะรฐั มนตรีมมี ติเหน็ ชอบแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ันประกาศใชร้ ่าง กฎกระทรวงนัน้ เป็นกฎหมายได้ โดยจะมผี ลใช้บังคบั เม่ือได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ประกาศ ระเบยี บ ข้อบังคับ และคําส่งั คือ กฎหมายปลกี ย่อยประเภททเี่ ปน็ เร่อื งเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ การ ทจี่ ะนํากฎหมายปลีกยอ่ ยเหลา่ นไ้ี ปประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ต้องเป็นกรณที ี่กฎหมายกําหนดไว้ให้ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา แตถ่ า้ ในกฎหมายไมไ่ ด้กาํ หนดเชน่ น้นั กอ็ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของผู้มีอํานาจว่าการจะ ประกาศลงในราชกิจจานเุ บกษาหรอื ไม่ ซึง่ ประกาศ ระเบยี บข้อบังคับ และคาํ ส่ังเหลา่ น้ันกเ็ ปน็ กฎหมายได้ เช่นกัน ข้อบัญญัตทิ ้องถนิ่ เป็นกฎหมายทอ่ี งคก์ ารบริหารส่วนท้องถน่ิ ตราข้นึ และใช้บังคับภายในเขตอํานาจ ของตน ได้แก่ ข้อบัญญัตกิ รงุ เทพมหานคร ขอ้ บญั ญัติเมอื งพัทยา ข้อบญั ญตั จิ ังหวดั เทศบญั ญตั ิ และ ข้อบงั คับสุขาภิบาล ใชบ้ ังคับเฉพาะท้องถ่นิ เท่านั้น กฎหมายท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ส่งิ แวดลอ้ ม • รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 • พระราชบญั ญตั ิสง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. 2535 • พระราชบญั ญตั ิโรงงาน พ.ศ. 2535 • พระราชบัญญัตวิ ตั ถอุ ันตราย พ.ศ. 2535 • พระราชบัญญตั ิ การนคิ มอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ • พระราชบญั ญตั ิการสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 • พระราชบญั ญัติรกั ษาความสะอาดและความเปน็ ระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมอื ง พ.ศ. 2535 • พระราชบญั ญัตกิ ําหนดแผนและขัน้ ตอนการกระจายอํานาจใหแ้ กอ่ งค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ พ.ศ. 2542 • กฎหมายอื่นๆ หน้า 2 จาก 29
QLM รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 การจดั การสิง่ แวดล้อมในบทบัญญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 นัน้ แตกตา่ ง จากรัฐธรรมนญู ฉบับทผ่ี า่ นๆ มา โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มสี ่วนรว่ มในการปอ้ งกนั และปราบปราม การ กระทาํ อันเป็นการทําลายทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละก่อให้เกิดมลพษิ ไวช้ ัดเจนในมาตราตา่ งๆ เช่น มาตรา 57 บคุ คลยอ่ มมสี ทิ ธไิ ดร้ ับข้อมูล คําชีแ้ จง และเหตุผลจากหน่วยราชการหนว่ ยงานของรัฐ รฐั วสิ าหกิจ หรอื ราชการส่วนทอ้ งถนิ่ กอ่ นการอนุญาตหรอื การดาํ เนนิ โครงการหรือกจิ กรรมใดท่ีอาจมี ผลกระทบต่อคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม สุขภาพอนามัย คณุ ภาพชีวติ หรอื สว่ นได้เสียสาํ คญั อ่ืนใดท่ีเกี่ยวกับตนหรือ ชมุ ชนท้องถน่ิ และมสี ทิ ธแิ สดงความคิดเหน็ ของตนตอ่ หนว่ ยงานท่เี ก่ียวขอ้ งเพือ่ นําไปประกอบการพิจารณาใน เรอื่ งดังกล่าว การวางแผนพัฒนาสงั คม เศรษฐกจิ การเมอื ง และวฒั นธรรม การเวนคนื อสังหาริมทรพั ยก์ ารวางผัง เมือง การกําหนดเขตการใชป้ ระโยชน์ในทด่ี ิน และการออกกฎทอ่ี าจมีผลกระทบตอ่ ส่วนไดเ้ สยี สาํ คญั ของ ประชาชน ให้รัฐจดั ใหม้ ีกระบวนการรับฟังความคดิ เห็นของประชาชนอย่างทัว่ ถึงกอ่ นดําเนนิ การ มาตรา 66 บคุ คลซึ่งรวมกันเป็นชมุ ชน ชมุ ชนทอ้ งถิน่ หรือชุมชนทอ้ งถิ่นด้งั เดิม ย่อมมีสิทธิอนุรกั ษ์ หรอื ฟ้ืนฟจู ารตี ประเพณี ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ศลิ ปวัฒนธรรมอันดขี องทอ้ งถนิ่ และของชาติและมีส่วนร่วมในการ จดั การ การบาํ รงุ รักษา และการใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติส่งิ แวดล้อม รวมทงั้ ความหลากหลายทาง ชีวภาพอยา่ งสมดลุ และยง่ั ยนื มาตรา 67 สิทธขิ องบคุ คลท่จี ะมสี ว่ นร่วมกบั รฐั และชุมชนในการอนุรักษ์ บาํ รุงรกั ษาและการได้ ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาตแิ ละความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุม้ ครอง สง่ เสรมิ และรกั ษา คุณภาพสงิ่ แวดลอ้ ม เพอ่ื ใหด้ ํารงชพี อยู่ได้อยา่ งปกติและต่อเน่ืองในสงิ่ แวดล้อมที่จะไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ อันตรายต่อ สุขภาพอนามยั สวัสดิภาพ หรอื คุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รบั ความคมุ้ ครองตามความเหมาะสม การดําเนินโครงการหรือกิจกรรมทีอ่ าจก่อให้เกดิ ผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทงั้ ทางดา้ นคณุ ภาพ สงิ่ แวดล้อม ทรพั ยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทํามิได้ เว้นแตจ่ ะได้ศกึ ษาและประเมินผลกระทบต่อ คุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มและสขุ ภาพของประชาชนในชุมชน และจัดใหม้ กี ระบวนการรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชนและผ้มู ีส่วนไดเ้ สียกอ่ น รวมทั้งไดใ้ หอ้ งคก์ ารอสิ ระซึง่ ประกอบดว้ ยผูแ้ ทนองคก์ ารเอกชนดา้ น ส่ิงแวดลอ้ มและสุขภาพ และผแู้ ทนสถาบันอุดมศกึ ษาที่จดั การการศึกษาด้านสิง่ แวดล้อมหรอื ทรัพยากรธรรมชาติหรือดา้ นสขุ ภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมกี ารดําเนินการดงั กล่าว สิทธขิ องชมุ ชนท่ีจะฟอ้ งหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั รฐั วิสาหกจิ ราชการสว่ นท้องถ่นิ หรอื องค์กร อน่ื ของรฐั ทีเ่ ปน็ นติ บิ ุคคล เพอื่ ใหป้ ฏิบัตหิ น้าทตี่ ามบทบญั ญัตินี้ ย่อมได้รบั ความคุม้ ครอง มาตรา 73 บคุ คลมหี นา้ ทร่ี บั ราชการทหาร ช่วยเหลอื ในการป้องกันและบรรเทาภยั พิบัติสาธารณะ เสียภาษอี ากร ชว่ ยเหลอื ราชการ รบั การศกึ ษาอบรม พิทักษ์ ปกป้อง และสบื สานศิลปวฒั นธรรมของชาตแิ ละ ภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ และอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ทงั้ นตี้ ามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา 85 รฐั ตอ้ งดาํ เนินการตามแนวนโยบายดา้ นทดี่ ิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม ดงั ต่อไปนี้ หน้า 3 จาก 29
QLM (1) กาํ หนดหลกั เกณฑก์ ารใช้ทด่ี ินให้ครอบคลมุ ทว่ั ประเทศ โดยใหค้ าํ นงึ ถึงความสอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทง้ั ผืนดิน ผนื นํา้ วิถีชวี ิตของชมุ ชนทอ้ งถิ่น และการดแู ลรักษา ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างมีประสิทธภิ าพ และกําหนดมาตรฐานการใชท้ ด่ี ินอยา่ งยัง่ ยนื โดยตอ้ งใหป้ ระชาชนใน พื้นทีท่ ่ไี ดร้ บั ผลกระทบจากหลักเกณฑ์การใช้ที่ดนิ น้นั มสี ่วนรว่ มในการตดั สนิ ใจด้วย (2) กระจายการถือครองทด่ี นิ อย่างเป็นธรรมและดําเนนิ การใหเ้ กษตรกรมกี รรมสทิ ธ์หิ รอื สิทธใิ นทดี่ นิ เพอื่ ประกอบเกษตรกรรมอยา่ งท่วั ถึงโดยการปฏิรูปทดี่ ินหรือวธิ อี ่ืน รวมทงั้ จัดหาแหล่งน้าํ เพอ่ื ใหเ้ กษตรกรมนี ้าํ ใชอ้ ย่างพอเพียงและเหมาะสมแก่การเกษตร (3) จัดให้มกี ารวางผงั เมือง พัฒนา และดาํ เนนิ การตามผงั เมอื งอยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธผิ ล เพอ่ื ประโยชนใ์ นการดแู ลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติอย่างยั่งยนื (4) จดั ให้มแี ผนการบริหารจัดการทรพั ยากรน้าํ และทรัพยากรธรรมชาติอ่ืนอย่างเปน็ ระบบและเกดิ ประโยชนต์ อ่ ส่วนรวม ท้ังตอ้ งใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมในการสงวน บํารุงรักษา และใชป้ ระโยชน์จาก ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างสมดลุ (5) ส่งเสริม บาํ รงุ รกั ษา และคุ้มครองคณุ ภาพสิ่งแวดลอ้ มตามหลกั การพัฒนาท่ียง่ั ยืนตลอดจนควบคุม และกําจัดภาวะมลพษิ ที่มผี ลตอ่ สขุ ภาพอนามยั สวสั ดภิ าพ และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยประชาชน ชมุ ชนทอ้ งถ่นิ และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น ตอ้ งมสี ว่ นรว่ มในการกาํ หนดแนวทางการดําเนนิ งาน ตลอดจนให้อํานาจองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในจดั การสงิ่ แวดล้อม ดังเชน่ มาตรา 290 องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ยอ่ มมอี ํานาจหน้าที่สง่ เสริมและรักษาคุณภาพสิง่ แวดลอ้ ม ตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติ กฎหมายตามวรรคหนึ่งอยา่ งน้อยตอ้ งมีสาระสาํ คัญดงั ต่อไปนี้ (1) การจดั การ การบาํ รงุ รักษา และการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมทอ่ี ย่ใู น เขตพื้นที่ (2) การเข้าไปมีส่วนรว่ มในการบาํ รุงรักษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมทอี่ ยู่นอกเขตพืน้ ที่ เฉพาะในกรณที ่ีอาจมผี ลกระทบต่อการดาํ รงชีวติ ของประชาชนในพนื้ ท่ีของตน (3) การมสี ่วนรว่ มในการพิจารณาเพ่อื รเิ ร่มิ โครงการหรอื กิจกรรมใดนอกเขตพ้นื ที่ซงึ่ อาจมีผลกระทบ ตอ่ คุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มหรอื สขุ ภาพอนามยั ของประชาชนในพื้นท่ี (4) การมสี ว่ นร่วมของชมุ ชนท้องถิน่ มาตราอ่นื ๆ เช่น มาตรา 86 รัฐต้องดาํ เนินการตามแนวนโยบายดา้ นวิทยาศาสตร์ ทรพั ย์สนิ ทาง ปัญญา และพลงั งานดงั ต่อไปนี้.......(3) ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การวจิ ยั พฒั นา และใช้ประโยชน์จากพลงั งาน ทดแทนซึ่งได้จากธรรมชาติและเป็นคุณตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งตอ่ เนือ่ งและเปน็ ระบบ เปน็ ต้น หน้า 4 จาก 29
QLM พระราชบญั ญตั ิ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่งิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบญั ญตั ิ สง่ เสรมิ และรกั ษาคุณภาพสิง่ แวดล้อมแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกาศในราชกจิ จา นุเบกษา เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2535 เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัติฉบบั น้ี คอื โดยที่กฎหมายว่าดว้ ย การสง่ เสริม และรักษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มแห่งชาตทิ ่ใี ช้บงั คับอย่เู ดมิ คือ พระราชบญั ญตั สิ ่งเสริมและรกั ษา คุณภาพสิ่งแวดลอ้ มแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๑๘ พระราชบญั ญัติสง่ เสรมิ และรกั ษาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ มแห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ และพระราชบัญญัติส่งเสรมิ และรกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ ยังไมม่ ีมาตรการควบคมุ และแกไ้ ขปญั หาสิ่งแวดลอ้ มไดอ้ ย่างพอเพยี ง สมควรปรบั ปรุงใหม่โดย 1) สง่ เสรมิ ประชาชนและองคก์ ารเอกชนให้มสี ่วนร่วมในการส่งเสรมิ รกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม 2) จดั ระบบการบรหิ ารงานด้านสิ่งแวดล้อมใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการจดั การคณุ ภาพส่ิงแวดล้อม 3) กําหนดอาํ นาจหน้าท่ขี องสว่ นราชการ รัฐวิสาหกิจ และราชการสว่ นทอ้ งถิ่นใหเ้ กดิ การประสานงาน และมีหนา้ ท่ีรว่ มกนั ในการสง่ เสริมและรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มและกําหนดแนวทางปฏิบัติในสว่ นทไ่ี มม่ ี หนว่ ยงานใดรับผดิ ชอบโดยตรง 4) กําหนดมาตรการควบคุมมลพษิ ดว้ ยการจดั ใหม้ ีระบบบําบัดอากาศเสีย ระบบบาํ บดั นา้ํ เสยี ระบบ กําจัดของเสีย และเครื่องมอื หรืออปุ กรณ์ต่าง ๆ เพื่อแกไ้ ขปญั หามลพิษ 5) กําหนดหนา้ ที่ความรบั ผดิ ชอบของผ้ทู เี่ กีย่ วกับการกอ่ ให้เกิดมลพษิ ใหเ้ ป็นไปโดยชดั เจน 6) กําหนดใหม้ มี าตรการสง่ เสริมด้านกองทุนและความช่วยเหลอื ด้านตา่ ง ๆ เพื่อเป็นการจงู ใจให้มีการ ยอมรับที่จะปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ในการรักษาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ ม จึงมีการตราพระราชบญั ญตั นิ ี้ ทงั้ นไ้ี ดย้ กเลกิ (๑) พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๑๘ (๒) พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และรักษาคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มแหง่ ชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ (๓) พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และรักษาคุณภาพส่งิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบญั ญตั ิ ส่งเสริมและรกั ษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ เดมิ รัฐมนตรวี า่ การ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและส่ิงแวดล้อม เป็นผมู้ ีอํานาจ ต่อมามีการปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม เมือ่ พ.ศ. ๒๕๔๕ จงึ มกี ารแกไ้ ขพระราชบัญญัติ สง่ เสรมิ และรักษาคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามพระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบญั ญตั ใิ ห้สอดคล้องกับการโอนอํานาจหน้าทขี่ องสว่ นราชการใหเ้ ปน็ ไปตาม พระราชบญั ญัติปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.๒๕๔๕ พ.ศ.๒๕๔๕ ทําใหป้ ัจจุบนั รฐั มนตรีตาม พระราชบัญญัตนิ หี้ มายถงึ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนือ้ หาสาํ คญั ของพระราชบญั ญตั ิน้ไี ดแ้ ก่ • องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสง่ิ แวดล้อมและอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ • คณะกรรมการสิ่งแวดลอ้ มแหง่ ชาติ • กองทนุ สง่ิ แวดลอ้ ม • การค้มุ ครองสงิ่ แวดลอ้ ม หนา้ 5 จาก 29
QLM • การควบคุมมลพิษ • คณะกรรมการควบคุมมลพิษ นายกรฐั มนตรี และรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมเป็นผรู้ กั ษาการตาม พระราชบัญญตั ิน้ี (มาตรา ๑๑) อํานาจและหน้าทต่ี ามพระราชบญั ญัติ สง่ เสรมิ และรักษาคุณภาพสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ นายกรฐั มนตรี 1. เมอ่ื มเี หตฉุ กุ เฉนิ หรอื เหตภุ ยันตรายต่อสาธารณชนอันเน่อื งมาจากภยั ธรรมชาติ หรือภาวะมลพิษท่ี เกิดจากการแพรก่ ระจายของมลพษิ ซึง่ หากปล่อยไวเ้ ช่นน้นั จะเปน็ อนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรงต่อชวี ิต รา่ งกายหรือ สขุ ภาพอนามยั ของประชาชน หรือกอ่ ความเสียหายตอ่ ทรพั ย์สนิ ของประชาชนหรอื ของรฐั เป็นอันมาก • นายกรฐั มนตรมี อี าํ นาจส่งั ตามทีเ่ หน็ สมควรให้ส่วนราชการ รฐั วิสาหกจิ หรือบคุ คลใด รวมทง้ั บุคคลซงึ่ ได้รบั หรอื อาจไดร้ บั อันตรายหรือความเสียหายดงั กลา่ ว กระทาํ หรอื ร่วมกนั กระทาํ การใดๆ อนั จะมีผลเป็นการควบคมุ ระงับหรือบรรเทาผลรา้ ยจากอันตรายและความเสยี หาย ทเ่ี กดิ ขน้ึ น้นั ได้อยา่ งทันทว่ งที • ในกรณีทท่ี ราบวา่ บุคคลใดเป็นผ้กู ่อให้เกิดภาวะมลพิษดงั กล่าว ใหน้ ายกรฐั มนตรมี อี าํ นาจส่ัง บุคคลน้นั ไม่ใหก้ ระทาํ การใดอนั จะมีผลเปน็ การเพิ่มความรุนแรงแกภ่ าวะมลพษิ ในระหวา่ งท่ีมี เหตภุ ยนั ตรายดงั กล่าวด้วย รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม 1. กาํ หนดมาตรการปอ้ งกันและจัดทาํ แผนฉกุ เฉนิ เพื่อแก้ไขสถานการณท์ เ่ี กดิ ข้นึ ไวล้ ว่ งหน้าเพอ่ื เป็นการ ป้องกนั แกไ้ ข ระงับหรอื บรรเทาเหตฉุ ุกเฉิน หรือเหตุภยนั ตรายจากภาวะมลพิษตามมาตรา ๙ (มาตรา ๑๐) 2. มอี ํานาจสัง่ เพิกถอนการจดทะเบียนขององคก์ รเอกชนดา้ นการคุ้มครองส่ิงแวดลอ้ มและอนุรกั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติได้ ในกรณที ีอ่ งค์กรเอกชนใดทไ่ี ดจ้ ดทะเบยี นแล้วดําเนินกจิ การโดยก่อความ วุน่ วายหรอื ขดั ตอ่ ความสงบเรยี บร้อยหรอื ไม่เหมาะสม 3. มีอํานาจแต่งต้ังเจ้าพนักงานควบคมุ มลพษิ และพนกั งานเจ้าหน้าที่ กบั ออกกฎกระทรวงกาํ หนด คา่ ธรรมเนยี มไมเ่ กินอตั ราทา้ ยพระราชบญั ญัตินี้ และกาํ หนดกจิ การอืน่ เพอ่ื ปฏิบตั ิการตาม พระราชบญั ญตั ิน้ี (มาตรา ๑๑) 4. รัฐมนตรีโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดลอ้ มแหง่ ชาตจิ ัดทําแผนปฏิบตั กิ ารเรียกว่า “แผน จดั การคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ ม” (มาตรา ๓๕) 5. ในกรณที ปี่ รากฏว่าพน้ื ท่ใี ดมลี กั ษณะเป็นพน้ื ท่ตี ้นน้ําลําธารหรือมรี ะบบนเิ วศน์ตามธรรมชาติที่แตกตา่ ง จากพืน้ ทอ่ี นื่ โดยทั่วไป หรอื มรี ะบบนเิ วศนต์ ามธรรมชาตทิ ่อี าจถูกทําลายหรอื อาจได้รบั ผล กระทบกระเทอื นจากกจิ กรรมต่างๆ ของมนษุ ย์ได้โดยงา่ ยหรือเป็นพ้นื ทท่ี ม่ี ีคณุ คา่ ทางธรรมชาตหิ รือ หนา้ 6 จาก 29
QLM ศลิ ปกรรมอันควรแกก่ ารอนุรกั ษแ์ ละพนื้ ท่นี นั้ ยังมิไดถ้ กู ประกาศกําหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ ใหร้ ฐั มนตรี โดยคาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการสง่ิ แวดลอ้ มแห่งชาติ มอี าํ นาจออกกฎกระทรวงกาํ หนดใหพ้ ืน้ ทนี่ ัน้ เป็นเขตพ้นื ทีค่ มุ้ ครองสง่ิ แวดลอ้ ม (มาตรา ๔๓) 6. รฐั มนตรโี ดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสงิ่ แวดล้อมแหง่ ชาติ มีอาํ นาจประกาศในราชกจิ จา นุเบกษากาํ หนดประเภท และขนาดของโครงการหรือกิจการของสว่ นราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน ทีม่ ีผลกระทบส่ิงแวดล้อมซึ่งต้องจัดทาํ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพอื่ เสนอขอความ เหน็ ชอบตามมาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ (มาตรา ๔๖) 7. รฐั มนตรโี ดยคาํ แนะนําของคณะกรรมการควบคมุ มลพษิ และโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ สง่ิ แวดล้อมแหง่ ชาติ มีอาํ นาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากาํ หนดมาตรฐานควบคมุ มลพิษจาก แหล่งกาํ เนดิ สําหรบั ควบคมุ การระบายนาํ้ ทิ้ง การปลอ่ ยทิง้ อากาศเสยี การปล่อยทง้ิ ของเสยี หรอื มลพษิ อืน่ ใดจากแหลง่ กาํ เนดิ ออกสู่สงิ่ แวดลอ้ ม เพือ่ รักษาคุณภาพสง่ิ แวดล้อมใหไ้ ดม้ าตรฐาน คณุ ภาพสง่ิ แวดล้อมตามที่กําหนดไว้ในพระราชบญั ญตั ินี้ (มาตรา ๕๕) คณะกรรมการสิง่ แวดลอ้ มแห่งชาติ คณะกรรมการสิง่ แวดล้อมแหง่ ชาติซึง่ นายกรัฐมนตรเี ปน็ ประธานกรรมการโดยตําแหนง่ มอี าํ นาจหน้าท่ดี ังนี้ (๑) เสนอนโยบายและแผนการสง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสิ่งแวดลอ้ มแหง่ ชาติ เพ่อื ขอความเห็นชอบจากคณะรฐั มนตรี (๒) กําหนดมาตรฐานคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มตามมาตรา ๓๒ (๓) พิจารณาให้ความเห็นชอบในแผนจดั การคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มที่รฐั มนตรีเสนอตามมาตรา ๓๕ (๔) พิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบแผนปฏิบตั กิ ารเพอ่ื การจดั การคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจงั หวัดตาม มาตรา ๓๗ (๕) เสนอแนะมาตรการดา้ นการเงนิ การคลัง การภาษอี ากรและการส่งเสริมการลงทนุ เพื่อปฏบิ ัติตาม นโยบายและแผนการส่งเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มแห่งชาติต่อคณะรฐั มนตรี (๖) เสนอแนะใหม้ ีการแก้ไขเพิม่ เติมหรือปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการสง่ เสรมิ และรกั ษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมตอ่ คณะรฐั มนตรี (๗) พจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบในแผนปฏบิ ตั ิการเพ่อื ป้องกนั หรอื แกไ้ ขอนั ตรายอนั เกิดจากการ แพรก่ ระจายของมลพษิ หรอื ภาวะมลพิษทค่ี ณะกรรมการควบคมุ มลพษิ เสนอตามมาตรา ๕๓ (๑) (๘) พจิ ารณาให้ความเห็นชอบในการกําหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกําเนิดทรี่ ฐั มนตรี เสนอตามมาตรา ๕๕ (๙) กาํ กับดูแลและเรง่ รดั ใหม้ กี ารตราพระราชกฤษฎีกา ออกกฎกระทรวง ข้อบังคบั ขอ้ บัญญัติท้องถน่ิ ประกาศ ระเบียบและคําส่งั ทจ่ี าํ เป็น เพือ่ ใหก้ ฎหมายเกย่ี วกบั การส่งเสริมและรกั ษาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ มมคี วาม เปน็ ระบบโดยสมบูรณ์ หนา้ 7 จาก 29
QLM (๑๐) เสนอความเหน็ ตอ่ นายกรัฐมนตรีเพื่อพจิ ารณาสง่ั การในกรณีท่ีปรากฏวา่ สว่ นราชการหรอื รัฐวสิ าหกจิ ใด ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบยี บ หรือขอ้ บังคับเก่ียวกบั การรกั ษาคุณภาพส่งิ แวดล้อม อันอาจทาํ ใหเ้ กิดความเสยี หายอย่างร้ายแรง (๑๑) กําหนดมาตรการเพือ่ เสรมิ สร้างความร่วมมอื และประสานงานระหว่างสว่ นราชการ รฐั วิสาหกจิ และเอกชนในเรือ่ งที่เกี่ยวกบั การสง่ เสรมิ และรกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ ม (๑๒) กํากับการจัดการและบริหารเงินกองทุน (๑๓) เสนอรายงานเกีย่ วกบั สถานการณค์ ณุ ภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปี ละหน่ึงครง้ั (๑๔) ปฏิบัติการอน่ื ใดตามท่กี ําหนดไว้ในพระราชบัญญัตนิ หี้ รอื กฎหมายอ่ืนใหเ้ ปน็ อํานาจหนา้ ทข่ี อง คณะกรรมการสิง่ แวดล้อมแหง่ ชาติ คณะกรรมการควบคมุ มลพษิ คณะกรรมการควบคมุ มลพษิ มีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เป็นประธานกรรมการมี อํานาจและหน้าท่ดี ังต่อไปน้ี (๑) เสนอแผนปฏบิ ัติการเพอื่ ป้องกนั หรอื แก้ไขอนั ตรายอันเกดิ จากการ แพรก่ ระจายของมลพิษหรือภาวะมลพษิ ต่อคณะกรรมการสิง่ แวดล้อมแหง่ ชาติ (๒) เสนอความเหน็ เกย่ี วกับการใหม้ ีการดาํ เนนิ การแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ หรอื ปรับปรุงกฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกับ การควบคมุ ปอ้ งกนั ลด หรอื ขจัดมลพิษต่อคณะกรรมการสง่ิ แวดล้อมแหง่ ชาติ (๓) เสนอความเหน็ เก่ียวกบั การกําหนดมาตรการส่งเสรมิ ด้านภาษอี ากรและการลงทุนของเอกชน เกีย่ วกับการควบคมุ มลพษิ และการส่งเสรมิ และรักษาคุณภาพสงิ่ แวดลอ้ มต่อคณะกรรมการสงิ่ แวดลอ้ มแห่งชาติ (๔) เสนอแนะการกาํ หนดอัตราค่าบรกิ ารสาํ หรบั ระบบบําบดั นํ้าเสียรวมหรอื ระบบกาํ จัดของเสียรวม ของทางราชการต่อกรมการสงิ่ แวดลอ้ มแห่งชาติ (๕) ให้คาํ แนะนาํ แกร่ ฐั มนตรใี นการกาํ หนดมาตรฐานควบคมุ มลพิษจากแหลง่ กาํ เนดิ ตามมาตรา ๕๕ (๖) ใหค้ าํ แนะนําแกร่ ฐั มนตรใี นการกําหนดประเภทของแหล่งกาํ เนดิ มลพษิ ท่ีจะตอ้ งปฏบิ ัตติ ามมาตรา ๖๘ และมาตรา ๖๙ (๗) ใหค้ าํ แนะนาํ ในการออกกฎกระทรวงกําหนดชนดิ และประเภทของของเสยี อันตรายตามมาตรา ๗๙ (๘) ประสานงานระหว่างส่วนราชการ รฐั วิสาหกิจและเอกชน เพอื่ ควบคุมป้องกัน ลด หรอื ขจัดมลพษิ (๙) จัดทาํ รายงานเกีย่ วกบั สถานการณม์ ลพิษเสนอต่อคณะกรรมการสง่ิ แวดล้อมแห่งชาติปลี ะหน่งึ คร้ัง (๑๐) พจิ ารณาวนิ ิจฉยั การคัดคา้ นคําส่ังของเจา้ พนกั งานควบคุมมลพษิ ตามพระราชบญั ญตั ินี้ (๑๑) ปฏบิ ัติการอน่ื ใดตามทก่ี ําหนดไวใ้ นพระราชบญั ญัตนิ ้ีหรอื กฎหมายอืน่ ให้เปน็ อาํ นาจหน้าทีข่ อง คณะกรรมการควบคมุ มลพิษ (๑๒) ปฏบิ ัตกิ ารอน่ื ใดตามท่คี ณะกรรมการสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติมอบหมาย หน้า 8 จาก 29
QLM จากอํานาจหนา้ ที่ตามพระราชบญั ญตั ิ สง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกาศต่างๆ ทอี่ อกโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัตินจี้ ะมเี น้อื หาเกย่ี วกับ o ประกาศแตง่ ต้ังเจา้ พนักงานควบคมุ มลพิษ o ประกาศแตง่ ตั้งพนักงานเจ้าหน้าท่ี o ประกาศกาํ หนดมาตรฐานคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อม ไดแ้ ก่ ประกาศคณะกรรมการสง่ิ แวดลอ้ มแห่งชาติกําหนดมาตรฐานคุณภาพนา้ํ ทะเล ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตกิ ําหนดมาตรฐานคณุ ภาพน้ําในแหล่งน้ํา ผิวดนิ • ประกาศกรมควบคุมมลพิษกาํ หนดประเภทของแหล่งนาํ้ ต่างๆ ประกาศคณะกรรมการส่งิ แวดล้อมแหง่ ชาติกําหนดมาตรฐานคุณภาพน้าํ ใตด้ นิ ประกาศคณะกรรมการส่ิงแวดล้อมแห่งชาติกาํ หนดมาตรฐานคุณภาพอากาศใน บรรยากาศท่วั ไป ประกาศคณะกรรมการสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติกําหนดมาตรฐานคา่ กา๊ ซตา่ งๆใน บรรยากาศทวั่ ไป • ประกาศกรมควบคมุ มลพษิ เกย่ี วกับการวดั คุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มตา่ งๆ ประกาศคณะกรรมการสิง่ แวดล้อมแหง่ ชาตกิ ําหนดมาตรฐานคา่ สารอินทรียร์ ะเหย งา่ ยในบรรยากาศโดยทว่ั ไป ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดลอ้ มแหง่ ชาติกาํ หนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไมเ่ กนิ 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศท่วั ไป ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดลอ้ มแหง่ ชาตกิ ําหนดมาตรฐานระดับเสียงโดย ประกาศคณะกรรมการส่งิ แวดล้อมแห่งชาติกําหนดมาตรฐานความสนั่ สะเทือนเพื่อ ปอ้ งกนั ผลกระทบตอ่ อาคาร ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตกิ าํ หนดมาตรฐานคณุ ภาพดนิ o ประกาศกําหนดมาตรฐานควบคุมการปลอ่ ยทง้ิ อากาศเสียและเสยี ง ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมกาํ หนดมาตรฐานควบคุมการ ปลอ่ ยทิ้งอากาศเสียและเสยี งจากแหล่งกําเนิด ไดแ้ ก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนตส์ ามล้อ เรือ โรงไฟฟา้ โรงโม่ บดหรือย่อยหนิ เตาเผามลู ฝอย โรงไฟฟ้าเกา่ โรงไฟฟา้ แม่เมาะ โรงงานเหล็ก คลงั น้าํ มนั เช้ือเพลิง เตาเผาศพ เตาเผามูลฝอยติด เช้ือ โรงงานปูนซเิ มนต์ สถานประกอบกจิ การหลอมและตม้ ทองคาํ โรงสีข้าว สถาน ประกอบกจิ การทใ่ี ชห้ มอ้ ไอนาํ้ เหมืองหนิ โรงงานอตุ สาหกรรม(อากาศเสยี ท่ัวไป) โรงงานอตุ สาหกรรม(กลน่ิ ) ทา่ เรอื โรงไฟฟา้ ใหม่ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงงาน กลน่ั นํา้ มนั ปโิ ตรเลยี ม โรงงานอตุ สาหกรรมเคมี หน้า 9 จาก 29
QLM o ประกาศกาํ หนดมาตรฐานควบคมุ การระบายนํ้าท้งิ จากแหลง่ กําเนดิ ประกาศกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละสงิ่ แวดล้อมหรือกระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม กําหนดมาตรฐานควบคุมการระบายนาํ้ ทงิ้ จาก แหลง่ กําเนดิ ประเภทต่าง ได้แก่ โรงงานอตุ สาหกรรมและนคิ มอตุ สาหกรรม บ่อ เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าชายฝ่ัง อาคารบางประเภทและบางขนาด ท่ดี ินจดั สรร การเล้ยี ง สกุ ร ทา่ เทียบเรือประมง สะพานปลา และกจิ การแพปลา สถานบี ริการนํ้ามนั เชอื้ เพลงิ บ่อเพาะเลย้ี งสตั ว์น้ํากร่อย บ่อเพาะเลี้ยงสตั ว์น้ําจืด ระบบบาํ บดั นํ้าเสีย รวมของชุมชน ประกาศกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละสิ่งแวดล้อมหรือกระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มกาํ หนดประเภทของกิจการทีเ่ ปน็ แหลง่ กาํ เนดิ มลพษิ ท่ีจะต้องถกู ควบคมุ การปลอ่ ยน้ําเสียลงสูแ่ หล่งน้าํ สาธารณะหรือออกสู่ ส่งิ แวดลอ้ ม ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมและนคิ มอตุ สาหกรรม บอ่ เพาะเลยี้ งสัตวน์ าํ้ ชายฝั่ง อาคารบางประเภทและบางขนาด ทด่ี ินจดั สรร การเลย้ี งสุกร ทา่ เทียบ เรือประมง สะพานปลา และกจิ การแพปลา สถานีบริการน้าํ มนั เช้ือเพลิง บ่อ เพาะเลยี้ งสัตว์นํ้ากร่อย บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์นํา้ จดื ระบบบําบัดน้ําเสยี รวมของชุมชน ประกาศคณะกรรมการควบคุมมลพษิ เรือ่ ง กําหนดประเภทของโรงงาน อตุ สาหกรรมทอี่ นุญาตใหร้ ะบายนา้ํ ทง้ิ ใหม้ ีคา่ มาตรฐานแตกตา่ งจากค่ามาตรฐาน ควบคุมการระบายน้าํ ท้งิ ที่กาํ หนดไว้ในประกาศกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสงิ่ แวดลอ้ ม จากแหล่งกาํ เนิดประเภทโรงงานอตุ สาหกรรมและนิคม อุตสาหกรรม ประกาศกรมควบคุมมลพษิ เรื่อง วธิ ีการเก็บตวั อยา่ งนํา้ ทงิ้ ความถแี่ ละระยะเวลาใน การเก็บตัวอย่างนาํ้ ทิ้ง o ประกาศคณะกรรมการส่งิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ กําหนดให้ทอ้ งที่ใดเปน็ เขตควบคมุ มลพษิ o กฎกระทรวงและระเบียบกําหนดหลักเกณฑ์ วธิ ีการ เงื่อนไข หรือแบบทก่ี ําหนด เช่น กฎกระทรวง กําหนดหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขในการออกคําสั่ง การยกเลกิ คาํ สง่ั การทําและการยกเลกิ เครือ่ งหมายหา้ มใช้ยานพาหนะและการใช้ยานพาหนะ ในขณะทม่ี เี ครอ่ื งหมายหา้ มใช้ยานพาหนะ พ.ศ. ๒๕๕๐ กฎกระทรวง กาํ หนดแบบบตั รประจาํ ตวั พนกั งานเจ้าหน้าทแ่ี ละเจา้ พนกั งานควบคุม มลพิษ พ.ศ. ๒๕๔๗ กฎกระทรวง กําหนดหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และแบบการเกบ็ สถติ ิและข้อมูล การจดั ทาํ บันทึกรายละเอยี ดและรายงานสรปุ ผลการทาํ งานของระบบบาํ บดั นํ้าเสีย หน้า 10 จาก 29
QLM ระเบียบกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละสง่ิ แวดล้อมวา่ ดว้ ยการคัดคา้ นคําส่งั ของเจา้ พนักงานควบคุมมลพษิ ตามมาตรา ๘๗ แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ่งเสรมิ และ รกั ษาคุณภาพสิง่ แวดลอ้ ม แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ o หลกั เกณฑ์ทางวิชาการ โดยออกเป็นประกาศกรมควบคมุ มลพษิ เชน่ ประกาศกรมควบคมุ มลพิษ เรอื่ ง หลกั เกณฑท์ างวชิ าการเก่ยี วกบั คณุ ลกั ษณะของ ถงุ พลาสติกใสม่ ูลฝอยและทีร่ องรับมลู ฝอยแบบพลาสติกท่ใี ชใ้ นทส่ี าธารณะและ สถานสาธารณะ ประกาศกรมควบคมุ มลพิษ เร่อื ง วิธกี ารตรวจวดั ค่าความทบึ แสงของฝนุ่ ละอองด้วย เครอ่ื งวัดความทบึ แสง ประกาศกรมควบคมุ มลพิษ เร่ือง หลักเกณฑ์ในการคัดเลอื กพ้ืนทีต่ ้งั สถานทฝี่ งั กลบ กากของเสยี ประกาศกรมควบคมุ มลพิษ เรอื่ ง เกณฑ์การออกแบบระบบรวบรวมนํา้ เสยี และ ระบบบาํ บดั นํา้ เสียรวมของชุมชน พระราชบญั ญตั ิโรงงาน พ.ศ. 2535 พระราชบญั ญัตโิ รงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นฉบบั ปจั จบุ ัน ออกเมอ่ื พ.ศ.๒๕๓๕ โดยยกเลิก พระราชบญั ญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ พระราชบญั ญัตโิ รงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๘ และพระราชบัญญตั ิ โรงงาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากพระราชบัญญัติโรงงานฉบับเดิมมบี ทบญั ญตั ิที่ไมส่ อดคลอ้ งกับสภาพ เศรษฐกจิ และสงั คมปจั จุบนั และไม่เอื้ออาํ นวยต่อการส่งเสริมการประกอบกิจการโรงงาน เนอ่ื งจากกําหนดให้ โรงงานทกุ ลกั ษณะตอ้ งขออนญุ าตเช่นเดยี วกนั ท้ังๆ ที่ตามสภาพท่เี ปน็ จริงโรงงานตา่ งๆ มลี ักษณะทแ่ี ตกต่างกัน โรงงานบางประเภทไม่จําเป็นจะต้องควบคุมดูแลการต้งั โรงงาน เพียงแตด่ ูแลการดาํ เนนิ งานเท่านน้ั คงมแี ต่ โรงงานบางประเภทท่ีอาจเกดิ อันตรายจากการประกอบกิจการไดเ้ ทา่ นั้นทคี่ วรจะควบคุมการจัดต้งั อย่าง เคร่งครัด จึงสมควรปรบั ปรงุ ระบบการควบคมุ ดูแลใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพการประกอบกจิ การดว้ ยการให้ โรงงานบางลกั ษณะอาจประกอบกจิ การไดภ้ ายใตร้ ะบบการกํากบั ตามปกติ และโรงงานบางลักษณะจะตอ้ งแจง้ ให้ทราบกอ่ นจงึ จะเริ่มประกอบกจิ การได้ โดยคงมีแตโ่ รงงานบางลักษณะทีจ่ าํ เปน็ เทา่ นนั้ ทจ่ี ะยังคงใชร้ ะบบการ อนุญาต และสมควรปรบั ปรุงวิธีการอนุญาตให้เหมาะสมย่ิงขึ้นดว้ ย นอกจากนี้ ได้กาํ หนดใหม้ กี ารประสานงานกนั ระหว่างพนักงานเจ้าหน้าที่ทเี่ ก่ยี วข้องกบั การอนุญาต ตามกฎหมายใหพ้ ิจารณาลดการดาํ เนินงานที่ซา้ํ ซอ้ นกันเพอ่ื ความสะดวกแกผ่ ู้ประกอบการและสมควรปรบั ปรงุ การควบคุมการประกอบกจิ การโรงงานใหเ้ ป็นไปโดยได้ผลย่ิงขน้ึ ด้วยการให้มกี ารออกกฎเพ่อื กาํ หนดขอบเขต การประกอบกิจการโรงงานให้ชัดเจน และกาํ หนดขั้นตอนการใชอ้ าํ นาจของพนกั งานเจา้ หนา้ ทีใ่ นการออกคําส่งั เพอื่ บังคบั ใหโ้ รงงานปฏิบัตติ ามกฎหมาย พรอ้ มกบั ปรบั ปรุงอตั ราโทษและกําหนดให้มีการร่วมรับผิด สาํ หรับผทู้ ี่ ทาํ งานในโรงงานนอกเหนอื จากเจ้าของโรงงานเพ่อื ใหก้ ารควบคมุ โรงงานเปน็ ไปอย่างได้ผลยิง่ ขน้ึ หน้า 11 จาก 29
QLM รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้รกั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี โดยมีอาํ นาจดงั ตอ่ ไปนี้ 1. แตง่ ตง้ั พนักงานเจา้ หน้าทก่ี บั ออกกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนยี มไมเ่ กนิ อตั ราคา่ ธรรมเนยี มท้าย พระราชบญั ญัตินี้ ยกเวน้ ค่าธรรมเนยี ม และกาํ หนดกจิ การอืน่ เพ่ือปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญัติน้ี 2. ออกกฎกระทรวงกําหนดให้โรงงานตามประเภทชนิดหรอื ขนาดใดเป็นโรงงานจําพวกที่ ๑ โรงงาน จาํ พวกท่ี ๒ หรอื โรงงานจาํ พวกท่ี ๓ แล้วแต่กรณ(ี มาตรา ๗) 3. ออกกฎกระทรวงเพ่อื ใหโ้ รงงานจําพวกใดจาํ พวกหนึง่ หรือทกุ จําพวกตามมาตรา ๗ ต้องปฏบิ ตั ิตามใน เร่อื งดงั ต่อไปน้ี (๑) กาํ หนดหลกั เกณฑเ์ กย่ี วกบั ท่ีต้งั ของโรงงาน สภาพแวดล้อมของโรงงาน ลักษณะอาคาร ของโรงงานหรือลักษณะภายในของโรงงาน (๒) กําหนดลกั ษณะ ประเภทหรอื ชนดิ ของเครอื่ งจักร เครอื่ งอปุ กรณห์ รอื ส่ิงท่ีตอ้ งนาํ มาใช้ใน การประกอบกจิ การโรงงาน (๓) กาํ หนดใหม้ คี นงานซง่ึ มคี วามรเู้ ฉพาะตามประเภท ชนิดหรอื ขนาดของโรงงานเพื่อ ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีหน่งึ หนา้ ท่ใี ดประจําโรงงาน (๔) กาํ หนดหลกั เกณฑท์ ่ตี อ้ งปฏิบัติ กรรมวิธีการผลติ และการจดั ให้มีอปุ กรณ์หรือเครือ่ งมือ อืน่ ใด เพอื่ ป้องกันหรือระงับหรือบรรเทาอันตราย ความเสยี หายหรอื ความเดือดร้อนทีอ่ าจ เกดิ แกบ่ คุ คลหรอื ทรัพยส์ ินทอี่ ย่ใู นโรงงานหรือท่ีอยู่ใกลเ้ คยี งกบั โรงงาน (๕) กําหนดมาตรฐานและวธิ ีการควบคมุ การปล่อยของเสีย มลพิษหรอื สิ่งใดๆ ท่ีมี ผลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อมซง่ึ เกิดขน้ึ จากการประกอบกจิ การโรงงาน (๖) กําหนดการจดั ใหม้ ีเอกสารทีจ่ ําเป็นประจําโรงงานเพอ่ื ประโยชน์ในการควบคุมหรือ ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย (๗) กําหนดข้อมูลทีจ่ าํ เปน็ เกยี่ วกบั การประกอบกจิ การโรงงานท่ีผูป้ ระกอบกิจการโรงงานตอ้ ง แจ้งให้ทราบเปน็ คร้ังคราวหรือตามระยะเวลาที่กาํ หนดไว้ (๘) กําหนดการอน่ื ใดเพือ่ คมุ้ ครองความปลอดภัยในการดําเนินงาน เพอื่ ปอ้ งกันหรอื ระงับ หรอื บรรเทาอันตรายหรือความเสยี หายทอี่ าจเกดิ จากการประกอบกิจการโรงงาน(มาตรา ๘) 4. กําหนดระเบียบเก่ียวกับการกาํ หนดให้เอกชนเปน็ ผู้ดาํ เนินการและจัดทาํ รายงานผลการตรวจสอบ แทนการปฏบิ ตั หิ น้าท่ขี องพนักงานเจา้ หน้าทีใ่ นกรณีท่จี ะตอ้ งมกี ารตรวจสอบโรงงานหรือเคร่ืองจกั ร เพ่ือปฏิบัติตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ (มาตรา ๙) 5. กําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษาใหท้ อ้ งท่ีใดท้องที่หนง่ึ เปน็ เขตประกอบการอุตสาหกรรมได้ และเมือ่ ไดก้ ําหนดใหท้ ้องที่ใดเป็นเขตประกอบการอตุ สาหกรรมหรอื จัดตั้งนคิ มอุตสาหกรรมขึ้นตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยการนิคมอุตสาหกรรมแลว้ รฐั มนตรีอาจออกกฎกระทรวงกําหนดให้บรเิ วณโดยรอบ เขตประกอบการอตุ สาหกรรมหรอื นิคมอตุ สาหกรรมภายในระยะท่กี ําหนดเปน็ เขตห้ามประกอบ กิจการโรงงานโดยเด็ดขาดหรือจะอนุญาตใหป้ ระกอบกิจการได้เฉพาะโรงงานบางประเภท ชนดิ หรอื ขนาดใดก็ได้ (มาตรา ๓๐) หนา้ 12 จาก 29
QLM 6. เพือ่ ประโยชน์ในทางเศรษฐกจิ การอนรุ กั ษส์ ่ิงแวดล้อม ความมน่ั คง ความปลอดภยั ของประเทศหรือ ของสาธารณชน ให้รฐั มนตรโี ดยอนมุ ตั คิ ณะรัฐมนตรมี อี าํ นาจกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ในเรอ่ื งดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) กําหนดจํานวนและขนาดของโรงงานแต่ละประเภทหรอื ชนิดที่จะให้ต้งั หรือขยาย หรือท่ี จะไมใ่ หต้ ้ังหรอื ขยายในทอ้ งท่ีใดทอ้ งท่หี น่ึง (๒) กําหนดชนดิ คณุ ภาพ อตั ราส่วนของวัตถดุ ิบ แหลง่ กําเนดิ ของวตั ถดุ บิ และหรือปัจจยั หรือ ชนิดของพลงั งานทีจ่ ะนํามาใช้หรือผลิตในโรงงาน (๓) กําหนดชนดิ หรือคณุ ภาพของผลิตภัณฑท์ ี่ผลติ ในโรงงานที่จะให้ตัง้ หรอื ขยาย (๔) กําหนดใหน้ าํ ผลผลิตของโรงงานที่จะใหต้ ั้งหรือขยายไปใชใ้ นอุตสาหกรรมบางประเภท หรอื ใหส้ ง่ ผลผลิตออกนอกราชอาณาจกั รทัง้ หมดหรอื บางส่วน (มาตรา ๓๒) (ตามความในมาตราของพระราชบัญญัติน้ี กรมควบคุมมลพิษมีอํานาจหน้าท่ใี นการกําหนดเกณฑ์และ มาตรฐานในการควบคุมการดาํ เนินกิจการของโรงงานอตุ สาหกรรม โดยเฉพาะมาตรฐานและวิธกี ารควบคุมการ กําจดั ของเสียมลพษิ หรอื สารปนเป้ือนซงึ่ เกดิ จากกิจการของโรงงานทม่ี ีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม) พระราชบัญญตั โิ รงงาน พ.ศ. 2535 กาํ หนดใหส้ ถานประกอบกิจการที่เป็นโรงงานต้องปฏิบัตหิ ลาย เรอ่ื ง เช่น การขออนญุ าต ความปลอดภัย สง่ิ แวดล้อมเป็นตน้ ทง้ั น้แี ยกตามจาํ พวกของโรงงาน ตาม กฎกระทรวง (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิโรงงาน พ.ศ. 2535 โดยอาศัยอํานาจตามความใน มาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญตั ิโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ (หมายเหตุ กฎกระทรวงน้ี เพ่มิ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๕ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๔๕) ออกตามความในพระราชบญั ญตั โิ รงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไขพ่มิ เตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 17 (พ.ศ. 2549) ออกตามความในพระราชบัญญตั โิ รงงาน พ.ศ. 2535) ได้กําหนดประเภทของโรงงานจาํ พวกท่ี ๑ ๒ และ ๓ ตามทรี่ ะบใุ นบญั ชีท้ายกฎกระทรวงนี้ สําหรบั เรือ่ งทีเ่ กี่ยวข้องกบั สงิ่ แวดล้อมมกี ฎกระทรวงและประกาศต่างๆทอี่ อกตามพระราชบญั ญตั ินแ้ี ยกตามเรอื่ งได้ ดงั นี้ • การขออนญุ าตและการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ ม • การปล่อยมลพษิ การเคล่ือนยา้ ยสงิ่ ปฏิกลู • การรายงานขอ้ มลู ตา่ งๆ ของโรงงาน • การกาํ หนดมาตรฐานและวธิ กี ารตรวจสอบคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม • บคุ ลากรดา้ นส่งิ แวดลอ้ มประจาํ โรงงาน • การห้ามตง้ั หรอื ขยายโรงงาน • การกําหนดชนิดของวัตถดุ ิบที่จะนาํ มาใชห้ รือผลติ ในโรงงาน หน้า 13 จาก 29
QLM การขออนญุ าตและการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อม • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การทาํ รายงานเกีย่ วกับการศึกษามาตรการป้องกันและ แกไ้ ขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๒ การปลอ่ ยมลพษิ การเคล่ือนยา้ ยส่ิงปฏิกลู กําหนดไว้ใน • กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2535 ) • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๓) ออกตามความในพระราชบญั ญัติ โรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒เรอ่ื ง หน้าท่ขี องผรู้ ับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หมวด ๕ การ กําจดั ส่ิงปฏิกลู การระบายนาํ้ ทง้ิ และการระบายอากาศ • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม ฉบบั ที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๑๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติ โรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ เรื่อง หนา้ ทขี่ องผ้รู ับใบอนุญาตประกอบกจิ การโรงงาน หมวด ๑๔ การ ประกอบกิจการโรงงานมใิ หเ้ กิดเหตรุ ําคาญ • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบบั ที่ ๒ พ.ศ.๒๕๓๙ ออกตามความในพระราชบญั ญัติ โรงงาน พ.ศ.๒๕๓๕ เรอ่ื งกําหนดคุณลกั ษณะของนํา้ ทง้ิ ท่ีระบายออกจากโรงงาน • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรือ่ ง กําหนดปริมาณสารเจอื ปนในอากาศท่ีระบายออกจาก ปลอ่ งเตาเผาส่ิงปฏิกูลหรือวสั ดทุ ไี่ ม่ใชแ้ ลว้ ที่เปน็ อนั ตรายจากอตุ สาหกรรม พ.ศ. 2545 • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เร่ือง กําหนดให้โรงงานประเภทตา่ ง ๆ ต้องตดิ ตง้ั เครื่องมอื หรอื เคร่ืองอุปกรณ์พเิ ศษเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปลอ่ งแบบอตั โนมัติ พ.ศ. 2544 • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กาํ หนดคา่ ปริมาณของก๊าซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ที่เจือปน ในอากาศทร่ี ะบายออกจากโรงงาน ซ่ึงใชน้ าํ้ มันเตาเป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้ พ.ศ. 2547 • ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรือ่ ง การส่งขอ้ มูลเขา้ สรู่ ะบบตรวจสอบคณุ ภาพอากาศ จากปลอ่ งแบบอัตโนมตั อิ ยา่ งต่อเนือ่ ง (Continuous Emission Monitoring Systems : CEMS) พ.ศ. ๒๕๕๐ • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เรอ่ื ง กําหนดค่าปริมาณของสารเจอื ปนในอากาศที่ระบาย ออกจากโรงงาน กรณกี ารใชน้ ํ้ามนั ใชแ้ ล้วทผี่ า่ นกระบวนการปรบั คณุ ภาพและเชือ้ เพลงิ สังเคราะหเ์ ป็นเชอ้ื เพลงิ ในเตาอุตสาหกรรม พ.ศ. 2548 • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่อื ง การกาํ จดั ส่ิงปฏิกูลหรือวสั ดทุ ่ไี ม่ใชแ้ ลว้ พ.ศ. 2548 หน้า 14 จาก 29
QLM • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรือ่ ง กาํ หนดคา่ ระดบั เสยี งการรบกวนและระดบั เสยี งทเี่ กดิ จากการประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. 2548 • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กาํ หนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศท่ีระบาย ออกจากโรงงาน พ.ศ. 2549 • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่อื ง กําหนดคา่ ปริมาณเขม่าควันท่ีเจอื ปนในอากาศทร่ี ะบาย ออกจากปล่องของหมอ้ นา้ํ ของโรงงาน พ.ศ. 2549 • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กาํ หนดค่าปริมาณเขมา่ ควันทเ่ี จอื ปนในอากาศท่รี ะบาย ออกจากปล่องของหมอ้ นํ้าโรงสีข้าวทใ่ี ชแ้ กลบเปน็ เชอื้ เพลิง พ.ศ. 2549 • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เร่อื ง กาํ หนดคา่ ปรมิ าณของสารเจือปนในอากาศท่รี ะบาย ออกจากโรงงานปนู ซีเมนต์ พ.ศ. 2549 กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2535 ) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิโรงงาน พ.ศ. 2535 (หมายเหตุ แกไ้ ขโดยถงึ กฎกระทรวงฉบบั ต่างๆ จนถงึ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖) โดยในหมวด ๔ เป็นเรือ่ ง ของการควบคุมการปล่อยของเสีย มลพษิ หรือสิ่งใดๆ ท่มี ผี ลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ ม หมวด ๔ การควบคุมการปล่อยของเสยี มลพษิ หรือสง่ิ ใดๆ ทม่ี ีผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม ข้อ ๑๓ การกําจัดขยะ ส่งิ ปฏิกลู และวสั ดทุ ไี่ มใ่ ช้ (๑) ต้องรกั ษาโรงงานให้สะอาดปราศจากขยะและสง่ิ ปฏิกลู อยเู่ สมอ และจัดใหม้ ีท่ีรองรับ หรอื ทีก่ าํ จดั ขยะและสง่ิ ปฏกิ ลู ตามความจําเปน็ และเหมาะสม (๒) ตอ้ งแยกเกบ็ สิ่งปฏกิ ลู หรือวสั ดทุ ีไ่ ม่ใชแ้ ล้ว ซงึ่ มีวตั ถมุ ีพิษปนอยู่ดว้ ย หรือสาํ ลผี า้ หรือเศษด้ายที่ เปอ้ื นวัตถไุ วไฟ ไว้ในท่ีรองรบั ต่างหากท่เี หมาะสมและมฝี าปิดมดิ ชิด และตอ้ งจัดใหม้ ีการกาํ จัดส่ิงดังกล่าว โดยเฉพาะด้วยวธิ ีการที่ปลอดภยั และไมก่ อ่ ให้เกดิ ความเดือนร้อนรําคาญ (๓) ผ้ปู ระกอบกจิ การโรงงานทม่ี ีสงิ่ ปฏกิ ลู หรือวัสดทุ ี่ไมใ่ ชแ้ ล้ว ซงึ่ มีลักษณะหรอื คณุ สมบัติตามที่ รฐั มนตรกี าํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต้องดําเนนิ การเกย่ี วกับการจัดการส่ิงปฏกิ ูลหรือวัสดุทีไ่ ม่ใช้ แล้วนัน้ ดังตอ่ ไปนี้ (ก) หา้ มนาํ สิง่ ปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แลว้ ออกนอกบริเวณโรงงาน เว้นแต่จะได้รบั อนญุ าตจากอธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรมให้นาํ ออกไปเพื่อทําลายฤทธ์ิ กําจดั นาํ กลบั ไปใช้ประโยชน์ จัดการหรือฝงั โดยวธิ กี าร และในสถานทเี่ ฉพาะ ท้ังนี้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่รัฐมนตรกี าํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา การยกเวน้ การขออนุญาตตามวรรคหนง่ึ สําหรบั สิง่ ปฏิกลู หรือวัสดุท่ีไม่ใชแ้ ล้วท่ีไม่เปน็ ของเสียอันตราย บางประเภทหรือชนดิ ให้เป็นไปตามที่รฐั มนตรกี ําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา หนา้ 15 จาก 29
QLM (ข) แจง้ รายละเอยี ดทเ่ี กีย่ วกับชนดิ ปริมาณ ลกั ษณะ คณุ สมบัติ และสถานที่เกบ็ สิง่ ปฏกิ ูลหรอื วัสดุที่ ไมใ่ ชแ้ ล้วนน้ั ๆ พรอ้ มท้งั วธิ กี ารทําลายฤทธิ์ กาํ จดั นาํ กลบั ไปใช้ประโยชน์ จดั การ ฝังเคลือ่ นย้าย และการขนสง่ ทง้ั นี้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารท่ีรัฐมนตรกี าํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๑๔ ห้ามระบายนํา้ ท้ิงออกจากโรงงาน เวน้ แตไ่ ดท้ ําการอย่างใดอยา่ งหนง่ึ หรอื หลายอย่างจนนํา้ ทิ้ง นนั้ มลี ักษณะเป็นไปตามทีร่ ฐั มนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา แต่ทง้ั น้ตี ้องไมใ่ ช้วิธีทาํ ใหเ้ จอื จาง (dilution) ข้อ ๑๕ ในกรณีที่มรี ะบบบาํ บัดน้าํ เสยี ผปู้ ระกอบกิจการต้องปฏิบัตดิ ังต่อไปน้ี (๑) ตอ้ งติดตั้งมาตรวัดปรมิ าณการใชไ้ ฟฟา้ สาํ หรับระบบบาํ บัดนาํ้ เสยี โดยเฉพาะไวใ้ นทที่ ีง่ า่ ย ตอ่ การตรวจสอบ และต้องมีการจดบันทึกเลขหนว่ ยและปรมิ าณการใช้ไฟฟา้ ประจําวันดว้ ย (๒) ในกรณมี ีการใช้สารเคมหี รือสารชวี ภาพในระบบบําบดั น้าํ เสีย ตอ้ งมกี ารบนั ทึกการใช้ สารเคมีหรอื สารชวี ภาพในการบาํ บัดนํ้าเสียประจาํ วัน และมหี ลักฐานในการจัดหาสารเคมหี รอื สารชีวภาพดังลา่ วดว้ ย ขอ้ ๑๕ ทวิ ในกรณที ร่ี ฐั มนตรปี ระกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดให้ โรงงานทผ่ี อู้ นุญาตกําหนดให้ ตอ้ งมรี ะบบบาํ บัดนํ้าเสียตอ้ งติดตง้ั เครอื่ งมือหรอื เคร่ืองอุปกรณ์พิเศษนอกจากจะตอ้ งปฏบิ ัตติ ามข้อ ๑๕ แล้ว โรงงานดังกล่าวจะตอ้ งติดต้งั เครอ่ื งมอื หรือเครือ่ งอปุ กรณเ์ พ่ือรายงานการระบายน้าํ ท้ิงออกจากโรงงานเข้ากบั ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอตุ สาหกรรมตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร ดังตอ่ ไปน้ีดว้ ย (๑) ตดิ ต้งั เคร่ืองวัดอัตราการไหลของน้าํ ทง้ิ ออกจากโรงงาน โดยเครอื่ งวดั อตั ราการไหลของ นา้ํ ท้งิ ออกจากโรงงานและมาตรวัดปรมิ าณการใช้ไฟฟา้ สาํ หรับระบบบาํ บัดนาํ้ เสยี จะต้องสามาถให้ สญั ญาณไฟฟ้าอย่างตอ่ เนื่องเพอ่ื ส่งเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์และใช้งานวเิ คราะหโ์ ดยระบบคอมพวิ เตอร์ ได้ การตดิ ตั้งเคร่อื งมือหรือเครอื่ งอุปกรณเ์ พม่ิ ข้นึ จากท่กี าํ หนดในวรรคหน่งึ ใหร้ ฐั มนตรีกําหนด โดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ท้ังน้ี ใหค้ าํ นงึ ถึงประเภท ขนาด และสถานท่ตี ัง้ ของโรงงาน (๒) ติดตั้งระบบปรับเปล่ียนสญั ญาณไฟฟ้าจากเคร่อื งวดั อัตราการไหลของนํ้าทิง้ ออกจาก โรงงานและมาตรวัดปรมิ าณการใชไ้ ฟฟ้าสาํ หรบั ระบบบาํ บัดนาํ้ เสีย เป็นสัญญาณทสี่ ามารถจดั สง่ ไปได้ ไกลดว้ ยระบบเครือขา่ ยคมนาคมประเภทต่างๆ เช่น โทรศพั ท์ วิทยุ หรอื สัญญาณดาวเทียม เพอ่ื ส่ง สญั ญาณอยา่ งตอ่ เนื่องไปยังกรมโรงงานอตุ สาหกรรมหรอื สถานทีท่ ก่ี รมโรงงานอุตสาหกรรมกาํ หนด (๓) จัดใหม้ กี ารติดตัง้ อปุ กรณ์และการส่งสญั ญาณของค่าวเิ คราะหห์ รือคา่ ท่วี ดั ได้ตาม (๒) ทาง โทรศัพท์ วิทยุ หรอื สัญญาณดาวเทยี มอยา่ งต่อเนอื่ งตลอดเวลาหรือเปน็ ครง้ั คราวตามทกี่ รมโรงงาน อุตสาหกรรมกาํ หนดไปยงั กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานท่ีทีก่ รมโรงงานอุตสาหกรรมกาํ หนด (ดรู ายละเอยี ดในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเร่อื ง กําหนดให้โรงงานท่ีตอ้ งมรี ะบบบาํ บดั นํ้าเสียตอ้ งตดิ ตั้งเคร่อื งมอื หรือเคร่อื งอุปกรณ์พเิ ศษและเคร่อื งมือหรอื เคร่อื งอุปกรณเ์ พิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๗) หน้า 16 จาก 29
QLM ขอ้ ๑๖ หา้ มระบายอากาศเสียออกจากโรงงาน เว้นแตไ่ ด้ทําการอย่างใดอยา่ งหนง่ึ หรือหลายอยา่ งจน อากาศท่รี ะบายออกนั้นมปี รมิ าณของสารเจอื ปนไม่เกินกวา่ ค่าทีร่ ฐั มนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจา นุเบกษา แตท่ ง้ั นีต้ อ้ งไมใ่ ช้วิธีทาํ ให้เจอื จาง (dilution) ขอ้ ๑๖ ทวิ ในกรณที ่มี รี ะบบฟอกอากาศ ผปู้ ระกอบกิจการโรงงานต้องปฏิบัติดังตอ่ ไปน้ี (๑) ต้องติดตง้ั มาตรวดั ปริมาณการใชไ้ ฟฟ้าสําหรับระบบฟอกอากาศโดยเฉพาะไว้ในท่ีที่ง่าย ต่อการตรวจสอบ และต้องมีการจดบนั ทึกเลขหนว่ ยและปรมิ าณการใช้ไฟฟา้ ประจําวันด้วย (๒) ในกรณที มี่ กี ารใช้สารเคมใี นระบบฟอกอากาศ ต้องมีการจดบันทกึ การใชส้ ารเคมีในการ ฟอกอากาศประจําวนั และมีหลกั ฐานในการจดั หาสารเคมดี งั กลา่ วดว้ ย ขอ้ ๑๖ ตรี ในกรณีท่ีรฐั มนตรีประกาศในราชกิจจานเุ บกษากาํ หนดให้โรงงานท่ีผอู้ นุญาตกําหนดให้ ตอ้ งมีระบบฟอกอากาศตอ้ งติดต้ังเคร่อื งมือหรอื เครอื่ งอุปกรณ์พิเศษนอกจากจะตอ้ งปฏบิ ตั ิตามข้อ ๑๖ ทวิ แลว้ โรงงานดงั กล่าวจะต้องตดิ ตัง้ เครอ่ื งมอื หรือเครื่องอุปกรณ์เพือ่ รายงานการระบายอากาศเสยี ออกจาก โรงงานเขา้ กบั ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอตุ สาหกรรมตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารดังตอ่ ไปนี้ ด้วย (๑) ตดิ ตัง้ เคร่ืองวดั อตั ราการไหลของอากาศเสยี ออกจากโรงงาน โดยเคร่ืองวัดอัตราการไหล ของอากาศเสียออกจากโรงงานและมาตรวดั ปรมิ าณการใชไ้ ฟฟ้าสาํ หรับระบบฟอกอากาศจะต้อง สามารถใหส้ ัญญาณไฟฟา้ อยา่ งตอ่ เน่ืองเพ่อื ส่งเขา้ ส่รู ะบบคอมพิวเตอร์และใชง้ านวิเคราะห์โดยระบบ คอมพิวเตอรไ์ ด้ การติดตง้ั เคร่อื งมอื หรือเครือ่ งอุปกรณเ์ พ่มิ ขึ้นจากท่กี ําหนดในวรรคหนึง่ ให้รัฐมนตรกี ําหนด โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ทัง้ นี้ ใหค้ ํานึงถึงประเภท ขนาด และสถานท่ตี ง้ั ของโรงงาน (๒) ตดิ ตั้งระบบปรับเปลยี่ นสัญญาณไฟฟ้าจากเครอื่ งวัดอัตราการไหลของอากาศเสียออกจาก โรงงานและมาตรวดั ปริมาณการใชไ้ ฟฟา้ สําหรบั ระบบฟอกอากาศเป็นสญั ญาณทส่ี ามารถจัดส่งไปได้ ไกลดว้ ยระบบเครอื ขา่ ยคมนาคมประเภทตา่ งๆ เชน่ โทรศพั ท์ วิทยุ หรอื สญั ญาณดาวเทยี ม เพอื่ สง่ สญั ญาณอย่างตอ่ เน่อื งไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรอื สถานที่ทก่ี รมโรงงานอุตสาหกรรมกําหนด (๓) จดั ให้มีการตดิ ตัง้ อปุ กรณแ์ ละการส่งสญั ญาณของค่าวิเคราะห์ หรอื คา่ ทีว่ ัดได้ตาม (๒) ทางโทรศพั ท์ หรือวิทยุ หรอื สัญญาณดาวเทยี มอย่างต่อเนอ่ื ง ตลอดเวลาหรอื เป็นครั้งคราวตามทีก่ รม โรงงานอุตสาหกรรมกําหนดไปยงั กรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานท่ที กี่ รมโรงงานอตุ สาหกรรม กําหนด ข้อ ๑๗ เสียงดังท่ีเกดิ จากการประกอบกจิ การต้องไมเ่ กินมาตรฐานทร่ี ัฐมนตรกี าํ หนดโดยประกาศใน ราชกิจจานเุ บกษา การควบคุมการปลอ่ ยมลพษิ ยังกําหนดไวใ้ นกฎกระทรวงกําหนดมาตรการความปลอดภัยเก่ียวกับ ระบบทําความเย็น ทใี่ ช้แอมโมเนยี เป็นสารทาํ ความเย็นในโรงงาน พ.ศ. 2554 หมวด ๙ การควบคมุ การ ปล่อยมลพิษ หน้า 17 จาก 29
QLM การรายงานขอ้ มลู ต่างๆ ของโรงงาน ได้แก่ โรงงานท่ีมีผลกระทบรุนแรงตอ่ ส่งิ แวดล้อม โรงงานทมี่ ี การใช้สารกมั มนั ตรังสี โรงงานท่ีมีการผลติ การเกบ็ หรอื การใช้วตั ถุอันตรายตามกฎหมายว่าดว้ ยวัตถอุ ันตราย กําหนดไวใ้ น • กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบญั ญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 เรื่อง การรายงานข้อมูลเกยี่ วกับชนดิ จํานวน แหล่งที่มา วธิ ีการใช้ และการเกบ็ รกั ษา กมั มนั ตรงั สี • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่อื ง กาํ หนดแบบแจ้งข้อมลู รายเดือน (แบบ ร.ง.8) พ.ศ. 2545 • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เรื่อง หลกั เกณฑ์และวิธกี ารแจง้ รายละเอยี ดเกยี่ วกับสิ่ง ปฏิกลู หรอื วัสดุที่ไม่ใช้แล้วจากโรงงาน โดยทางสอื่ อิเลก็ ทรอนิกส์ (Internet) พ.ศ. 2547 • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เรอ่ื ง การจดั ทํารายงานชนิดและปรมิ าณสารมลพษิ ทร่ี ะบาย ออกจากโรงงาน พ.ศ. 2550 กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิโรงงาน พ.ศ. 2535 โดยอาศยั อํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๘ (๗) มีเนื้อหาดงั นี้ ข้อ ๑ การรายงานข้อมลู ต่างๆ ของโรงงานที่กาํ หนดในกฎกระทรวงนี้ให้เป็นไปตามแบบและวิธีการท่ี รัฐมนตรกี ําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๔ โรงงานทม่ี ีผลกระทบรนุ แรงตอ่ สง่ิ แวดล้อมตามทรี่ ฐั มนตรกี าํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จา นุเบกษา ตอ้ งจดั ทํารายงานขอ้ มลู การตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบป้องกนั ส่งิ แวดล้อมเป็นพิษ การ วเิ คราะห์ปรมิ าณสารมลพษิ ในระบบป้องกันสงิ่ แวดลอ้ มเปน็ พิษและการตรวจสอบคุณภาพสงิ่ แวดล้อม ข้อ ๕ โรงงานทีม่ กี ารใชส้ ารกัมมนั ตรังสี ตอ้ งจดั ทํารายงานขอ้ มลู เกี่ยวกับชนดิ จาํ นวน แหลง่ ท่มี า วิธกี ารใช้ และการเก็บรักษาสารกัมมันตรังสี ข้อ ๖ ใหโ้ รงงานท่ีมีการผลิต การเกบ็ หรือการใชว้ ตั ถุอนั ตรายตามกฎหมายวา่ ด้วยวตั ถุอันตราย ตอ้ ง จดั ทาํ ขอ้ มลู ความปลอดภยั (material safety data sheet) เกี่ยวกับลักษณะอนั ตรายตามคุณสมบตั ขิ องวัตถุ นั้นๆ หน้า 18 จาก 29
QLM การกาํ หนดมาตรฐานและวิธกี ารตรวจสอบคุณภาพสิง่ แวดลอ้ ม กาํ หนดไว้ใน กฎกระทรวงกาํ หนดมาตรฐานและวธิ ีการตรวจสอบกลิน่ ในอากาศจากโรงงานพ.ศ. ๒๕๔๘ บคุ ลากรดา้ นส่งิ แวดลอ้ มประจาํ โรงงาน กาํ หนดไวใ้ น • กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2535 ) ออกตามความในพระราชบัญญตั โิ รงงาน พ.ศ. 2535 (หมายเหตุ แก้ไขโดยถงึ กฎกระทรวงฉบบั ตา่ งๆ จนถึงกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖) โดยในหมวด ๓ คนงานประจาํ โรงงาน มเี น้อื หาเกีย่ วกับการให้มบี ุคลากรประจาํ สําหรับระบบป้องกนั สิ่งแวดลอ้ มเป็น พษิ ซ่ึงมีคุณสมบัตติ ามท่รี ัฐมนตรกี ําหนด เนื้อหาในหมวด ๓ คนงานประจาํ โรงงาน ประกอบดว้ ย ขอ้ ๑๐ โรงงานตอ้ งมวี ธิ กี ารควบคมุ การปลอ่ ยของเสีย มลพษิ หรอื สิ่งใดๆ ท่ีมผี ลกระทบต่อ สงิ่ แวดล้อม ตามท่ีรัฐมนตรกี าํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา และตอ้ งจัดใหม้ ีผูค้ วบคมุ ดูแล และผ้ปู ฏิบัตงิ านประจาํ สาํ หรับระบบป้องกันสงิ่ แวดล้อมเป็นพษิ ซึ่งมีคณุ สมบตั ิตามทร่ี ัฐมนตรีกาํ หนด โดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๑๑ โรงงานท่ีมกี ารใชส้ ารกัมมันตรงั สีตอ้ งจัดใหม้ เี จ้าหน้าทีท่ มี่ ีคณุ สมบัติตามที่รัฐมนตรี กําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาสําหรบั ดําเนนิ การเกี่ยวกบั เรือ่ งน้โี ดยเฉพาะ • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรอ่ื ง การกาํ หนดชนดิ และขนาดของโรงงาน กําหนดวิธีการควบคมุ การปล่อยของเสยี มลพษิ หรอื ส่งิ ใด ๆ ทมี่ ผี ลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ ม กําหนดคุณสมบตั ขิ องผู้ ควบคมุ ดแู ลผปู้ ฏบิ ัตงิ านประจํา และหลกั เกณฑ์การข้ึนทะเบยี นผู้ควบคมุ ดูแลสําหรบั ระบบปอ้ งกัน ส่งิ แวดลอ้ มเป็นพิษ พ.ศ. 2545 โดยอาศัยอาํ นาจตามความในข้อ ๑๐ แห่งกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) มเี นอ้ื หาเก่ียวกับบคุ ลากรด้านสิ่งแวดลอ้ มประจําโรงงานซึง่ หมายถึงผูค้ วบคุมดแู ล ระบบปอ้ งกันสิ่งแวดลอ้ มเปน็ พษิ ผูป้ ฏบิ ัติงานประจาํ ระบบป้องกนั สง่ิ แวดล้อมเป็นพิษ และ ผู้ปฏิบตั ิงานประจําระบบการจดั การมลพษิ กากอุตสาหกรรม • ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่ือง การกําหนดชนิดและขนาดของโรงงาน กําหนดวิธีการควบคุม การปล่อยของเสยี มลพิษ หรอื สิ่งใด ๆ ทมี่ ผี ลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อม กําหนดคณุ สมบตั ขิ องผู้ ควบคุมดูแล ผปู้ ฏบิ ัติงานประจํา และหลักเกณฑ์การข้ึนทะเบียน ผู้ควบคมุ ดแู ลสําหรบั ระบบป้องกัน สิ่งแวดล้อมเปน็ พษิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับท่ี 1 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 เร่ือง คณุ สมบตั ิเจา้ หน้าทีท่ ่ดี ําเนินการเก่ยี วกบั โรงงานทีม่ ีการใชส้ ารกมั มนั ตรงั สี การกําหนดชนดิ ของวัตถดุ บิ ท่จี ะนาํ มาใชห้ รอื ผลิตในโรงงาน รัฐมนตรวี า่ การกระทรวง อตุ สาหกรรมออกประกาศกาํ หนดชนดิ ของวัตถุดบิ ทีจ่ ะนํามาใชห้ รอื ผลติ ในโรงงานโดยอาศยั อํานาจตามความ ในมาตรา ๓๒ (๑) และ (๒) แหง่ พระราชบญั ญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ดงั นี้ • ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรอื่ ง กําหนดชนิดของวัตถดุ บิ ที่จะนาํ มาใชห้ รอื ผลติ ในโรงงาน หน้า 19 จาก 29
QLM พระราชบญั ญตั วิ ตั ถอุ ันตราย พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติวตั ถอุ นั ตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ บังคับใช้เมอื่ พ.ศ.2535 โดยยกเลกิ พระราชบญั ญัติ วัตถุมีพิษ พ.ศ. ๒๕๑๐ และพระราชบัญญตั วิ ัตถุมพี ษิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ พระราชบญั ญัตวิ ัตถอุ ันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ นไ้ี ดก้ าํ หนดเกณฑ์ควบคุมวตั ถุอนั ตราย โดยการนําเข้า ผลิต ขนสง่ ใช้งาน การกาํ จดั และส่งออก ไมใ่ หม้ ผี ลกระทบและเปน็ อนั ตรายต่อมนุษย์ สตั ว์ พืช สมบตั หิ รอื สง่ิ แวดล้อม กระทรวงอตุ สาหกรรมไดแ้ บง่ สาร อันตรายออกเปน็ 4 ประเภท เพอ่ื ใหส้ ามารถควบคุมได้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม และจัดตง้ั ศนู ย์ขอ้ มูลวัตถุ อนั ตราย เพ่อื ประสานงานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ ในด้านข้อมลู วัตถอุ นั ตรายและสร้างเกณฑ์และวธิ กี ารจด ทะเบียนวัตถอุ ันตราย พระราชบัญญัติวตั ถอุ ันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ มีการแกไ้ ขเพมิ่ เติม (จนถึง มนี าคม พ.ศ.2556) 2 ครง้ั โดย • พระราชบัญญัตวิ ตั ถุอันตราย(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ • พระราชบญั ญตั ิวตั ถอุ ันตราย(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ “วตั ถุอันตราย” หมายความวา่ วัตถดุ งั ต่อไปน้ี (๑) วตั ถุระเบดิ ได้ (๒) วตั ถุไวไฟ (๓) วัตถุออกซไิ ดซ์และวัตถเุ ปอร์ออกไซด์ (๔) วตั ถุมีพิษ (๕) วตั ถุทท่ี ําให้เกดิ โรค (๖) วัตถุกมั มันตรังสี (๗) วตั ถทุ ี่กอ่ ให้เกิดการเปล่ยี นแปลงทางพันธกุ รรม (๘) วัตถกุ ดั กรอ่ น (๙) วัตถุท่กี อ่ ใหเ้ กิดการระคายเคือง (๑๐) วัตถุอย่างอ่ืน ไมว่ า่ จะเปน็ เคมีภณั ฑ์หรือสง่ิ อ่นื ใด ทอ่ี าจทําให้เกดิ อนั ตรายแกบ่ ุคคล สตั ว์ พืช ทรพั ย์ หรอื สิ่งแวดล้อม กระทรวงท่ีรับผดิ ชอบตามพระราชบัญญตั ินม้ี ีหลายกระทรวง รฐั มนตรีผรู้ บั ผดิ ชอบ หมายความว่า รัฐมนตรีเจา้ สงั กัดของหนว่ ยงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายให้รบั ผดิ ชอบควบคุมวัตถุอันตราย กระทรวงทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ไดแ้ กก่ ระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ส่งิ แวดลอ้ ม กระทรวงพลงั งาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และกระทรวง สาธารณสขุ เนื้อหาในพระราชบัญญัตินี้ระกอบดว้ ย • คณะกรรมการวตั ถุอนั ตราย • การควบคมุ วัตถอุ นั ตราย หน้า 20 จาก 29
QLM คณะกรรมการวตั ถุอนั ตราย ปลัดกระทรวงอตุ สาหกรรมเป็นประธานกรรมการ กรรมการมาจากหน่วยราชการที่เก่ียวข้องและ ผทู้ รงคุณวฒุ ิซง่ึ คณะรฐั มนตรแี ต่งตง้ั มอี าํ นาจและหนา้ ท่ดี ังตอ่ ไปน้ี (มาตรา ๗) (๑) กําหนดนโยบาย มาตรการและแผนการกาํ กบั ดูแลวตั ถอุ ันตรายเมอื่ คณะรฐั มนตรพี ิจารณา เหน็ ชอบแลว้ ให้หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้องรับไปเป็นแนวทางปฏบิ ัติ (๑/๑) ให้ความเห็นแก่รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงอตุ สาหกรรมในการออกประกาศตามมาตรา ๑๘ วรรคสอง และมาตรา ๓๖ วรรคหน่ึง (๒) ให้ความเหน็ ต่อรัฐมนตรผี รู้ บั ผดิ ชอบในการออกประกาศตามมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๐/๑ มาตรา ๓๖ วรรคสาม มาตรา ๓๗ วรรคสอง มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๗ (๕) (๓) ใหค้ าํ แนะนาํ แกพ่ นกั งานเจา้ หน้าที่ในการรบั ขน้ึ ทะเบยี น หรือเพกิ ถอนทะเบียนวตั ถุอนั ตราย (๔) ใหค้ ําแนะนาํ หรือคาํ ปรกึ ษาแก่รฐั มนตรีผ้รู ับผิดชอบ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานผรู้ ับผิดชอบ และพนกั งานเจา้ หน้าที่ ในเรอื่ งใด ๆ เกี่ยวกบั วัตถุอันตราย (๕) พจิ ารณาเร่อื งร้องเรียนจากผ้ทู ่ไี ด้รับความเดือดรอ้ นหรือเสยี หายจากวัตถอุ นั ตราย (๖) แจง้ หรอื โฆษณาขา่ วสารเกีย่ วกบั วตั ถอุ ันตรายใหป้ ระชาชนไดท้ ราบ ในการน้จี ะระบชุ ื่อของวัตถุ อนั ตรายหรอื ชื่อของผปู้ ระกอบการที่เกย่ี วข้องด้วยกไ็ ด้ (๗) สอดสอ่ งดแู ล ให้คําแนะนํา และเร่งรัดพนักงานเจา้ หน้าท่สี ว่ นราชการหรือหน่วยงานของรฐั ที่มี อาํ นาจหนา้ ท่เี กย่ี วกบั วัตถอุ ันตรายตา่ ง ๆ ให้ปฏบิ ตั กิ ารตามอาํ นาจและหน้าทีท่ ก่ี ฎหมายกําหนด (๘) เสนอความเหน็ ตอ่ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อเสนอคณะรฐั มนตรีเกีย่ วกับการ ควบคมุ วตั ถุอนั ตราย และการปอ้ งกนั และเยยี วยาความเสียหายอนั เกดิ จากวัตถุอนั ตรายเพื่อเป็นแนวปฏบิ ัติใน การดําเนินงานของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ของรฐั (๙) ปฏบิ ตั กิ ารอ่ืนใดตามท่มี ีกฎหมายกาํ หนดไว้ใหเ้ ปน็ อํานาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการ การควบคุมวตั ถุอันตราย การควบคมุ วัตถอุ ันตราย มหี วั ขอ้ สําคัญที่เกย่ี วขอ้ งกบั หน่วยราชการและสถานประกอบการเอกชน ตา่ งๆ ดังนี้ 1. ในกรณีทมี่ กี ฎหมายวา่ ด้วยการใดบญั ญัติเรอื่ งใดไว้โดยเฉพาะแล้วให้บงั คบั ตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมายว่าด้วยการนน้ั แตค่ ณะกรรมการวัตถอุ ันตรายโดยความเหน็ ชอบของรัฐมนตรีผ้รู ับผิดชอบอาจ มมี ตใิ ห้นําบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญตั ิน้ไี ปใชบ้ ังคับเป็นการเพม่ิ เตมิ หรือแทนทก่ี ฎหมายวา่ ด้วยการ นน้ั ได้ (มาตรา ๑๕) 2. ในกรณที ม่ี ีเหตุจําเปน็ เพอ่ื ปอ้ งกนั อันตรายท่ีจะเกดิ แก่บคุ คล สตั ว์ พชื ทรพั ย์ หรอื สิ่งแวดล้อม จะมี การตราพระราชกฤษฎีกากําหนดทอ้ งทเ่ี พือ่ ห้ามการครอบครองการจาํ หนา่ ย หรือการใช้วัตถุอันตราย อย่างหนงึ่ อย่างใดกไ็ ด้ (มาตรา ๑๖) หนา้ 21 จาก 29
QLM 3. ใหจ้ ัดตัง้ ศนู ย์ข้อมลู วตั ถุอันตรายข้ึนในกระทรวงอตุ สาหกรรม เพื่อเปน็ ศูนย์กลางประสานงานในเรือ่ ง ข้อมูลของวัตถุอนั ตรายกบั สว่ นราชการตา่ ง ๆ รวมทัง้ จากภาคเอกชน เพื่อรวบรวมและใหบ้ รกิ าร ข้อมูลทกุ ชนดิ เกย่ี วกับวัตถุอนั ตรายตั้งแตก่ ารมอี ยู่ในต่างประเทศ การนาํ เข้าหรือการผลติ ภายในประเทศ การเคลอ่ื นยา้ ย การใชส้ อย การทําลาย และการอ่นื ใดอนั เกี่ยวเน่อื ง (มาตรา ๑๗) 4. แบ่งวตั ถอุ นั ตรายออกเปน็ ชนิดตามความจําเปน็ แกก่ ารควบคุม(ชนดิ ที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔) ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นของคณะกรรมการวตั ถุอนั ตรายมีอาํ นาจประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาระบุชอ่ื หรือคุณสมบัตขิ องวัตถอุ นั ตราย ชนิดของวัตถอุ นั ตราย กาํ หนดเวลาการ ใช้บงั คับและหน่วยงานผู้รบั ผดิ ชอบในการควบคมุ วัตถุอันตรายดงั กล่าว (มาตรา ๑๘) 5. รัฐมนตรีผู้รับผดิ ชอบโดยความเหน็ ของคณะกรรมการมอี าํ นาจประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา กาํ หนด มาตรการให้สถานประกอบการตอ้ งปฏิบตั ิ (มาตรา ๒๐) เชน่ กาํ หนดขั้นตอนการขน้ึ ทะเบียน การ ประกนั ความเสยี หาย กาํ หนดปรมิ าณ องค์ประกอบ คุณสมบัติและสิ่งเจอื ปน ภาชนะบรรจุ วธิ ตี รวจ และทดสอบภาชนะ ฉลาก การผลติ การนําเข้า การส่งออก การขาย การขนสง่ การเกบ็ รักษา การ กําจดั การทําลาย การปฏิบตั ิกับภาชนะของวัตถอุ ันตราย เปน็ ตน้ 6. ผู้เช่ยี วชาญหรือบคุ ลากรเฉพาะซงึ่ มีหน้าท่รี บั ผดิ ชอบในการดาํ เนินการเกี่ยวกบั วตั ถุอนั ตราย ต้อง ปฏิบัตติ ามหลักเกณฑ์ วิธกี ารและเง่ือนไขทร่ี ฐั มนตรผี ู้รับผดิ ชอบกาํ หนดโดยความเห็นของ คณะกรรมการโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (มาตรา ๒๐/๑) 7. ผู้ผลติ ผู้นําเขา้ ผ้สู ่งออก หรอื ผ้มู ไี วใ้ นครอบครองซึง่ วตั ถุอันตรายชนิดท่ี ๑ ตอ้ งปฏิบตั ติ ามประกาศ ของรัฐมนตรผี รู้ ับผดิ ชอบท่ีออกตามมาตรา ๒๐ (๑) (๑/๑) (๒) และ (๓) (มาตรา ๒๑) 8. หา้ มผูใ้ ดผลติ นาํ เขา้ ส่งออกหรือมไี ว้ในครอบครองซึง่ วตั ถุอนั ตรายชนดิ ที่ ๒ เวน้ แตจ่ ะได้แจง้ ความ ประสงคจ์ ะดาํ เนนิ การดงั กลา่ วให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีทราบก่อน (มาตรา ๒๒) การแจ้ง การออกใบรับ แจง้ การขอต่ออายุ และการต่ออายใุ บรับแจ้ง ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีหน่วยงาน ผ้รู บั ผิดชอบกาํ หนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผู้ผลิต ผ้นู าํ เข้า ผู้ส่งออก หรือผูม้ ไี ว้ใน ครอบครองซ่งึ วัตถอุ ันตรายชนดิ ท่ี ๒ ตอ้ งปฏบิ ัตติ ามประกาศของรฐั มนตรผี ้รู ับผดิ ชอบทอ่ี อกตาม มาตรา ๒๐ (๑) (๑/๑) (๒) และ (๓) ด้วย 9. หา้ มมใิ หผ้ ู้ใดผลติ นําเข้า ส่งออก หรอื มไี ว้ในครอบครองซ่งึ วตั ถุอันตรายชนดิ ที่ ๓ เวน้ แต่จะได้รับ อนญุ าตจากพนักงานเจา้ หน้าท่ี (มาตรา ๒๓) การขออนุญาตและการอนุญาต ใหเ้ ปน็ ไปตาม หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารท่กี ําหนดในกฎกระทรวง และผู้ผลติ ผนู้ ําเข้า ผสู้ ง่ ออก หรือผ้มู ีไว้ในครอบครอง ซงึ่ วตั ถอุ นั ตรายชนิดที่ ๓ ตอ้ งปฏบิ ัตติ ามประกาศของรัฐมนตรีผู้รบั ผดิ ชอบที่ออกตามมาตรา ๒๐ (๑) (๑/๑) (๒) และ (๓) ดว้ ย 10. ใหร้ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงอตุ สาหกรรมโดยความเหน็ ของคณะกรรมการประกาศในราชกิจจา นุเบกษากําหนดรายชื่อของวัตถอุ นั ตรายท่ีกระบวนการผลติ และลักษณะท่ีอาจกอ่ ใหเ้ กิดอันตรายเป็น ที่ทราบกันแนช่ ดั โดยทัว่ ไป (มาตรา ๓๖) หนา้ 22 จาก 29
QLM 11. หา้ มผใู้ ดผลติ นาํ เข้า หรอื มีไว้ในครอบครองซ่ึงวัตถุอนั ตรายชนิดท่ี ๔ เวน้ แตไ่ ดร้ บั อนญุ าตเป็นหนังสือ จากหนว่ ยงานผู้รบั ผิดชอบเฉพาะกรณเี พอ่ื ใชเ้ ปน็ สารมาตรฐานในการวเิ คราะหท์ างหอ้ งปฏิบัตกิ าร การขออนญุ าต การอนญุ าต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงอื่ นไขท่รี ฐั มนตรผี รู้ บั ผดิ ชอบ กาํ หนดโดยความเห็นของคณะกรรมการโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา(มาตรา ๔๓) 12. เรอ่ื งอ่ืน เชน่ หน้าที่และความรบั ผดิ ทางแพง่ บทกาํ หนดโทษ เป็นต้น วตั ถอุ นั ตรายแบ่งออกตามความจําเปน็ แกก่ ารควบคุม ดังน้ี (๑) วัตถอุ นั ตรายชนิดท่ี ๑ ได้แกว่ ัตถุอนั ตรายท่กี ารผลิต การนาํ เข้า การสง่ ออกหรือการมไี ว้ใน ครอบครองต้องปฏิบตั ติ ามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทกี่ ําหนด (๒) วัตถอุ ันตรายชนิดที่ ๒ ไดแ้ กว่ ตั ถอุ ันตรายที่การผลติ การนาํ เขา้ การส่งออกหรือการมีไวใ้ น ครอบครองตอ้ งแจ้งใหพ้ นักงานเจ้าหน้าท่ีทราบก่อนและตอ้ งปฏบิ ตั ิตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารทก่ี ําหนดด้วย (๓) วัตถุอันตรายชนดิ ท่ี ๓ ไดแ้ ก่วตั ถอุ นั ตรายที่การผลติ การนําเข้า การสง่ ออกหรอื การมีไว้ใน ครอบครองต้องได้รับใบอนญุ าต (๔) วัตถอุ ันตรายชนิดที่ ๔ ไดแ้ กว่ ตั ถอุ ันตรายทหี่ า้ มมใิ ห้มกี ารผลติ การนําเขา้ การส่งออก หรอื การมไี ว้ ในครอบครอง มาตรา ๒๐ ใหร้ ฐั มนตรผี รู้ ับผดิ ชอบโดยความเหน็ ของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศในราชกิจจา นเุ บกษา (๑) กาํ หนดปรมิ าณ องคป์ ระกอบ คุณสมบตั แิ ละสิ่งเจอื ปน ภาชนะบรรจุ วิธีตรวจ และทดสอบ ภาชนะ ฉลาก การผลิต การนาํ เข้า การสง่ ออก การขาย การขนสง่ การเกบ็ รักษา การกาํ จัด การทําลาย การ ปฏิบัติกบั ภาชนะของวตั ถุอนั ตราย การให้แจ้งขอ้ เทจ็ จรงิ การใหส้ ่งตัวอยา่ ง หรอื การอน่ื ใดเกย่ี วกับวัตถุ อันตรายเพื่อควบคุม ปอ้ งกัน บรรเทา หรือระงบั อันตรายท่ีจะเกิดแก่บุคคล สตั ว์ พืช ทรพั ย์ หรอื ส่ิงแวดลอ้ ม โดยคํานึงถงึ สนธิสัญญาและข้อผูกพนั ระหว่างประเทศประกอบด้วย (๑/๑) กําหนดให้มีการดาํ เนนิ การถา่ ยทอดความรู้เก่ยี วกับวตั ถอุ นั ตรายและใหม้ ีการประกนั ความ เสยี หายที่อาจเกดิ ขึน้ ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม สขุ ภาพอนามยั ชวี ติ หรือทรัพย์สนิ ซ่ึงเกิดจากการประกอบกิจการ (๒) กําหนดใหม้ ผี ูเ้ ชย่ี วชาญหรอื บุคลากรเฉพาะรับผดิ ชอบในการดาํ เนินการอยา่ งหน่งึ อย่างใดตาม (๑) และ (๑/๑) (๓) กําหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคล่ือนจากปรมิ าณที่กําหนดไวข้ องสาระสําคญั ในวัตถุอันตราย (๔) กําหนดขนั้ ตอนการขน้ึ ทะเบียนวตั ถุอันตรายดังกล่าว (๕) ระบชุ ่ือหรอื คณุ สมบัติของวัตถอุ ันตรายและกรณีท่ีไดร้ บั การยกเวน้ ตามมาตรา ๓๖ หนา้ 23 จาก 29
QLM พระราชบญั ญตั ิ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ การดาํ เนนิ งานของการนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย เดมิ เป็นไปตามประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับท่ี ๓๓๙ พ.ศ. ๒๕๑๕ ต่อมาจงึ มกี ารออกพระราชบัญญัติ การนคิ มอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมกี ารเปลยี่ นแปลงแก้ไขโดยฉบับทต่ี ่อเนอื่ งมาได้แก่ • พระราชบัญญัติการนคิ มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๔ • พระราชบญั ญัติการนคิ มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ • พระราชบัญญัติการนคิ มอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ นคิ มอตุ สาหกรรม หมายความว่า เขตอตุ สาหกรรมท่วั ไปหรอื เขตประกอบการเสรี ซง่ึ เขต อุตสาหกรรมทว่ั ไป หมายความว่า เขตพ้นื ท่ที กี่ าํ หนดไวส้ ําหรับการประกอบอตุ สาหกรรม การบรกิ าร หรือ กจิ การอนื่ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์หรอื เกีย่ วเนื่องกับการประกอบอุตสาหกรรมหรอื การบริการ และเขตประกอบการ เสรี หมายความวา่ เขตพนื้ ทีท่ ี่กําหนดไว้สําหรบั การประกอบอตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม หรือกิจการอ่ืนท่ี เกย่ี วเน่อื งกบั การประกอบอตุ สาหกรรมหรอื พาณชิ ยกรรมเพอ่ื ประโยชน์ในทางเศรษฐกจิ การรกั ษาความมั่นคง ของรัฐ สวสั ดภิ าพของประชาชน การจดั การด้านสิ่งแวดลอ้ ม หรอื ความจาํ เป็นอน่ื ตามทีค่ ณะกรรมการกําหนด โดยของทนี่ าํ เข้าไปในเขตดงั กล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี อากร และคา่ ธรรมเนยี มเพม่ิ ขนึ้ ตามท่ี กฎหมายบัญญตั ิ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงอุตสาหกรรมเปน็ ผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี และมอี าํ นาจแตง่ ตงั้ พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี และออกกฎกระทรวงเพือ่ ปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบัญญัตินี้ การนคิ มอตุ สาหกรรมมีอํานาจในส่วนที่เกีย่ วขอ้ งกับสิง่ แวดลอ้ มตามมาตรา ๑๐ คือการควบคุมการ ดาํ เนินงานของผู้ประกอบอุตสาหกรรม ผปู้ ระกอบพาณิชยกรรม ผปู้ ระกอบกจิ การอื่นที่เป็นประโยชน์หรอื เกี่ยวเน่อื งกบั การประกอบอุตสาหกรรมหรอื การประกอบพาณชิ ยกรรม และผใู้ ชท้ ี่ดนิ ในนิคมอตุ สาหกรรมให้ เป็นไปตามระเบยี บ ข้อบังคบั และกฎหมายรวมทั้งการดําเนนิ งานที่เกีย่ วกับการสาธารณสุขหรอื ท่ี กระทบกระเทอื นตอ่ คุณภาพส่ิงแวดลอ้ ม ประกาศการนคิ มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวขอ้ งกบั การกาํ หนดมาตรฐานควบคมุ การปล่อยทง้ิ อากาศเสีย น้าํ เสีย และการจัดการกากอุตสาหกรรม มลู ฝอย และสิ่งปฏกิ ลู ไดแ้ ก่ • ประกาศ กนอ. ท่ี 78/2554 เรือ่ งหลกั เกณฑท์ ว่ั ไปในการระบายน้ําเสยี เข้าสู่ระบบบาํ บดั นา้ํ เสีย ส่วนกลางในนคิ มฯ • ประกาศ กนอ. ที่ 79/2554 เรือ่ ง วธิ ีปฏบิ ัติเก่ียวกบั การจัดการกากอุตสาหกรรม มูลฝอย และส่งิ ปฏิกลู ที่เกดิ ขึน้ ในนคิ มฯ • ประกาศ กนอ.ท่ี 100/2551 เรื่องประเภทกิจการบริการที่อนุญาตใหป้ ระกอบในนิคมฯบรกิ าร • ประกาศกนอ.ท่ี46/2541เรื่องการกําหนดอัตราการปลอ่ ยมลสารทางอากาศจากปลอ่ งของโรงงานใน นคิ มอุตสาหกรรม หนา้ 24 จาก 29
QLM • ประกาศกนอ.ท่7ี 9/2549เรอื่ งการการกาํ หนดอตั ราการปลอ่ ยมลสารทางอากาศจากปลอ่ งของโรงงาน ในนคิ มอตุ สาหกรรม • ข้อบงั คับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าดว้ ยกาํ หนดประเภทโรงงานในนคิ ม อตุ สาหกรรมทต่ี อ้ งตดิ ต้ังเครื่องมือหรือเครือ่ งอุปกรณพ์ ิเศษเพ่อื ตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่อง แบบอัตโนมตั ิพ.ศ. ๒๕๕๓ พระราชบญั ญตั ิ การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 พระราชบญั ญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ บังคบั ใช้ปี พ.ศ.๒๕๓๕ โดยยกเลกิ (๑) พระราชบญั ญัตสิ าธารณสุข พุทธศกั ราช ๒๔๘๔ (๒) พระราชบญั ญัตสิ าธารณสุข (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๔๙๕ (๓) พระราชบญั ญัตสิ าธารณสขุ (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๗ (๔) พระราชบญั ญัติสาธารณสขุ (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๕ (๕) พระราชบญั ญัติสาธารณสขุ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๒๗ (๖) พระราชบญั ญัติควบคมุ การใชอ้ ุจจาระเปน็ ป๋ยุ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๐ (๗) พระราชบญั ญตั ิควบคมุ การใช้อุจจาระเปน็ ปุ๋ย (ฉบับที่ ๒) พทุ ธศักราช ๒๔๘๔ (๘) พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ การใชอ้ จุ จาระเป็นปยุ๋ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๗ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสุขรกั ษาการตามพระราชบญั ญัติน้ี มาตรา ๓๑ ให้รัฐมนตรมี ีอํานาจ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษากาํ หนดใหก้ ิจการใดเปน็ กิจการท่เี ป็นอันตรายต่อสุขภาพ และมาตรา ๓๒ กาํ หนด ให้ราชการส่วนทอ้ งถ่ินมีอาํ นาจออกขอ้ กําหนดของทอ้ งถ่ินดังตอ่ ไปน้ี (๑) กําหนดประเภทของกจิ การตามมาตรา ๓๑ บางกิจการหรือทกุ กจิ การใหเ้ ปน็ กจิ การท่ีต้องมกี าร ควบคมุ ภายในทอ้ งถ่นิ นน้ั (๒) กาํ หนดหลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขท่ัวไปสาํ หรบั ใหผ้ ู้ดาํ เนนิ กิจการตาม (๑) ปฏิบตั เิ กี่ยวกับการดูแล สภาพหรอื สขุ ลักษณะของสถานท่ที ่ีใชด้ ําเนนิ กจิ การและมาตรการปอ้ งกันอันตรายตอ่ สขุ ภาพ และมาตรา ๓๓ ห้ามมใิ ห้ผใู้ ดดําเนนิ กิจการตามประเภททีม่ ขี ้อกําหนดของท้องถ่นิ กาํ หนดใหเ้ ปน็ กจิ การทีต่ อ้ งมกี ารควบคมุ ตามมาตรา ๓๒ (๑) ในลักษณะท่เี ปน็ การค้า เวน้ แต่จะได้รบั ใบอนญุ าตจากเจ้า พนกั งานท้องถิ่นตามมาตรา ๕๖ ในการออกใบอนญุ าต เจ้าพนักงานท้องถิน่ อาจกําหนดเง่อื นไขโดยเฉพาะให้ ผู้รบั ใบอนุญาตปฏิบัติเพือ่ ป้องกันอนั ตรายต่อสุขภาพของสาธารณชนเพม่ิ เตมิ จากทีก่ าํ หนดไวโ้ ดยทวั่ ไปใน ข้อกาํ หนดของท้องถิ่นตามมาตรา ๓๒ (๒) กไ็ ด้ ดังนน้ั ในการประกอบกิจการโรงงาน นอกจากจะขอรบั ใบอนุญาตโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม แล้ว ยงั ตอ้ งขออนญุ าตประกอบกจิ การทีเ่ ป็นอันตรายตอ่ สุขภาพจากองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ดว้ ย นอกจากน้ีบทบญั ญตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ียังเก่ยี วขอ้ งกับสงิ่ ปฏิกลู และมูลฝอยซ่งึ สถานประกอบการ ท่เี ปน็ แหลง่ กาํ เนดิ ตอ้ งจดั การให้เปน็ ไปตามพระราชบัญญตั นิ ้ี หนา้ 25 จาก 29
QLM สิ่งปฏิกูล หมายความว่า อุจจาระหรือปัสสาวะ และหมายความรวมถงึ ส่ิงอน่ื ใดซ่ึงเปน็ ส่ิงโสโครกหรอื มี กล่นิ เหมน็ มูลฝอย หมายความวา่ เศษกระดาษ เศษผา้ เศษอาหาร เศษสนิ คา้ เศษวตั ถุ ถุงพลาสติก ภาชนะท่ใี ส่ อาหาร เถ้า มลู สัตว์ ซากสัตว์ หรอื สิ่งอน่ื ใดทเ่ี ก็บกวาดจากถนน ตลาด ท่ีเล้ยี งสตั ว์ หรอื ท่อี น่ื และหมายความ รวมถึงมูลฝอยตดิ เชือ้ มลู ฝอยท่ีเปน็ พิษหรืออันตรายจากชมุ ชน ราชการส่วนท้องถน่ิ มอี าํ นาจการเกบ็ ขน หรือกาํ จัดสิ่งปฏิกูลหรือมลู ฝอยในเขตราชการสว่ น ทอ้ งถ่นิ นนั้ ยกเวน้ การจดั การของเสยี อนั ตรายตามกฎหมายว่าดว้ ยโรงงาน แต่ใหผ้ ูด้ าํ เนินกิจการโรงงานทีม่ ขี อง เสียอนั ตราย และผ้ดู าํ เนินกจิ การรบั ทําการเกบ็ ขนหรอื กําจดั ของเสียอันตรายดงั กลา่ ว แจง้ การดาํ เนินกิจการ เปน็ หนังสือต่อเจ้าพนกั งานท้องถน่ิ และราชการส่วนทอ้ งถ่นิ มีอํานาจออกข้อกําหนดของท้องถนิ่ (๑) ห้ามการถา่ ย เท ท้ิง หรอื ทําใหม้ ขี ึน้ ในทห่ี รอื ทางสาธารณะซ่ึงสิง่ ปฏกิ ลู หรอื มลู ฝอย นอกจากในที่ ที่ราชการส่วนท้องถน่ิ จดั ไว้ให้ (๒) กาํ หนดใหม้ ที ่รี องรบั สงิ่ ปฏกิ ลู หรอื มูลฝอยตามที่หรือทางสาธารณะและสถานทีเ่ อกชน (๓) กําหนดวิธกี ารเก็บ ขน และกาํ จัดส่ิงปฏิกลู หรือมูลฝอยหรอื ให้เจา้ ของหรือผู้ครอบครองอาคารหรอื สถานที่ใด ๆ ปฏิบัติให้ถูกต้องด้วยสขุ ลกั ษณะตามสภาพหรือลกั ษณะการใช้อาคารหรอื สถานทีน่ น้ั ๆ (๔) กําหนดอตั ราค่าธรรมเนยี มในการให้บรกิ ารของราชการส่วนทอ้ งถน่ิ ตามความในพระราชบญั ญตั ิน้ี กรมควบคมุ มลพิษเก่ยี วขอ้ งในส่วนการกําจัดของเสีย ทัง้ การควบคมุ ผ้ปู ระกอบการขนส่ง / ผรู้ ับจา้ งกําจัดขยะมูลฝอยและของเสยี และการกําหนดเกณฑค์ วบคุม เหตุเดือดร้อน ราํ คาญของส่วนรวมท่เี กิดจากกลนิ่ แสง รงั สี เสียง ความรอ้ น สารอันตราย ความสั่นสะเทอื น ฝุ่น ขีเ้ ถ้าพษิ ท่มี ี ผลกระทบตอ่ มนุษยแ์ ละส่งิ แวดลอ้ ม กรมควบคุมมลพิษควบคมุ ดูแลกจิ การทเี่ ปน็ อนั ตรายต่อสขุ ภาพ ตลาด การเก็บรักษา การเกบ็ ขนและสถานทก่ี าํ จดั มลู ฝอย การปล่อยนา้ํ ท้งิ และอากาศเสีย นอกจากนี้พระราชบัญญัติน้ยี ังมบี ทบัญญัติเกี่ยวกับเหตุราํ คาญ เช่น อาคารอันเป็นทอ่ี ยู่ของคนหรอื สัตว์ โรงงานหรือสถานที่ประกอบการใดไมม่ กี ารระบายอากาศ การระบายนา้ํ การกําจดั สิง่ ปฏิกูล หรอื การ ควบคมุ สารเปน็ พิษหรือมแี ตไ่ ม่มีการควบคมุ ใหป้ ราศจากกลนิ่ เหม็นหรอื ละอองสารเป็นพิษอย่างพอเพียงจน เป็นเหตุให้เสอื่ มหรืออาจเป็นอนั ตรายตอ่ สุขภาพ หรือการกระทําใด ๆ อนั เป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สงิ่ มพี ษิ ความสัน่ สะเทือน ฝ่นุ ละออง เขมา่ เถ้า หรือกรณีอ่นื ใด จนเป็นเหตใุ ห้เสื่อมหรืออาจเป็น อันตรายต่อสขุ ภาพ ในกรณีทม่ี เี หตรุ าํ คาญเกดิ ข้นึ ในสถานทเ่ี อกชน ใหเ้ จา้ พนักงานท้องถิน่ มีอาํ นาจออกคาํ สัง่ เปน็ หนังสือให้เจา้ ของหรือผู้ครอบครองสถานท่ีนน้ั ระงบั เหตุรําคาญภายในเวลาอนั สมควรตามทรี่ ะบุไว้ในคําสั่ง หนา้ 26 จาก 29
QLM พระราชบญั ญตั ริ ักษาความสะอาดและความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยของบา้ นเมือง พ.ศ. 2535 รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยและรฐั มนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรกั ษาการตาม พระราชบัญญตั นิ ี้ มเี นอ้ื หาเก่ียวกับการ • ห้ามทิ้งสงิ่ ปฏิกลู มูลฝอยในทส่ี าธารณะและสถานสาธารณะซง่ึ มิใชส่ ถานทท่ี รี่ าชการสว่ น ท้องถน่ิ ได้จดั ไว้เพอื่ การนัน้ • หา้ มมใิ หผ้ ูใ้ ดทงิ้ สิ่งปฏิกูลหรอื มลู ฝอยลงบนทส่ี าธารณะ ปลอ่ ยปละละเลยใหม้ สี ิ่งปฏิกลู หรอื มลู ฝอยในทด่ี ินของตนในสภาพทป่ี ระชาชนอาจเหน็ ได้จากทสี่ าธารณะ • หา้ มมใิ หผ้ ้ใู ดเท หรอื ทิง้ สิ่งปฏิกลู มูลฝอย นํ้าโสโครกหรอื ส่งิ อ่ืนใดลงบนถนนหรือในทางนํ้า • อน่ื ๆ ภายใต้พระราชบัญญัตฉิ บบั นี้ กรมควบคมุ มลพิษได้ดําเนินการด้านขยะมูลฝอย ความสะอาดของ บา้ นเมอื งโดยทัว่ ไป สถานทส่ี าธารณะใดถกู ปนเป้ือนก็จะทําให้เกดิ มลพษิ เชน่ ขยะ กล่นิ เหตเุ ดอื ดรอ้ นราํ คาญ และทัศนอุจาด (มลพษิ ภาวะทางสายตา) พระราชบญั ญตั ิการเดนิ เรอื ในน่านนํา้ ไทย พ.ศ. 2456 ปัจจบุ นั ยังบังคับใชอ้ ยู่ มีรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงคมนาคมเปน็ ผ้รู กั ษาการตามระราชบญั ญัตินี้ หนว่ ยงานทีก่ ํากับดแู ลคอื กรมการขนส่งทางน้าํ และพาณชิ ยนาวี และไดม้ กี ารมอบอํานาจบางส่วนใหก้ บั องคก์ ร ปกครองส่วนท้องถิ่น สว่ นใหญเ่ ป็นเรอ่ื งเกยี่ วกบั การรุกล้ํามานํา้ ลําคลอง บทบญั ญัตเิ ก่ยี วกบั สงิ่ แวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ มาตรา ๑๑๙ หา้ มมิใหผ้ ูใ้ ดเท ท้ิง หรอื ทาํ ด้วยประการใด ๆ ใหห้ ิน กรวด ทราย ดนิ โคลน อับเฉา สงิ่ ของหรอื สิง่ ปฏิกลู ใด ๆ ยกเวน้ นาํ้ มนั และเคมีภณั ฑล์ งในแมน่ ํา้ ลาํ คลอง บงึ อ่างเก็บน้ํา หรือทะเลสาบ อัน เปน็ ทางสัญจรของประชาชนหรือทป่ี ระชาชนใชป้ ระโยชน์ร่วมกันหรือทะเลภายในน่านนา้ํ ไทย อันจะเปน็ เหตุ ให้เกดิ การตืน้ เขิน ตกตะกอนหรอื สกปรก เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั อนญุ าตจากเจ้าทา่ ผใู้ ดฝา่ ฝืนตอ้ งระวางโทษจําคกุ ไม่ เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนง่ึ หมน่ื บาท หรอื ทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ และตอ้ งชดใช้เงินคา่ ใชจ้ ่ายที่ตอ้ งเสียในการขจดั สง่ิ เหล่านนั้ ด้วย มาตรา ๑๑๙ ทวิ หา้ มมิใหผ้ ูใ้ ดเท ท้ิง หรอื ทาํ ด้วยประการใด ๆ ให้น้าํ มนั และเคมีภัณฑ์หรอื สงิ่ ใด ๆ ลง ในแม่นา้ํ ลาํ คลอง บงึ อา่ งเก็บนา้ํ หรอื ทะเลสาบอันเปน็ ทางสัญจรของประชาชนหรอื ที่ประชาชนใชป้ ระโยชน์ รว่ มกัน หรือทะเลภายในนา่ นนํา้ ไทยอันอาจจะเปน็ เหตใุ ห้เกดิ เป็นพษิ ต่อสิง่ มีชวี ิตหรือต่อส่งิ แวดลอ้ มหรอื เป็น อันตรายต่อการเดินเรือในแมน่ ้ํา ลาํ คลอง บงึ อา่ งเก็บนํ้า หรือทะเลสาบดังกลา่ ว ผู้ใดฝา่ ฝืนตอ้ งระวางโทษ จําคุกไม่เกนิ สามปี หรอื ปรับไม่เกนิ หกหมน่ื บาท หรอื ท้งั จาํ ทั้งปรบั และต้องชดใช้เงนิ ค่าใชจ้ ่ายทต่ี อ้ งเสียไปใน การแก้ไขส่ิงเปน็ พษิ หรือชดใช้ค่าเสยี หายเหลา่ นน้ั ดว้ ย หน้า 27 จาก 29
QLM นอกจากน้ยี ังมีบทบัญญตั ิสําหรับเรอื กาํ ปนั่ และเรือต่าง ๆ ท่ีบรรทกุ สิ่งของทีอ่ าจทําใหเ้ กดิ อันตรายขน้ึ ได้ พระราชบญั ญตั กิ ําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แก่องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ พ.ศ. 2542 สืบเนื่องจากรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2550 ไดใ้ ห้ความสาํ คญั กับการกระจาย อํานาจการปกครองไปสทู่ ้องถ่ิน โดยไดก้ ําหนดไวใ้ ห้หมวด 5 แนวนโยบายพน้ื ฐานแหง่ รัฐ มาตรา 78 \"กําหนดให้รฐั ตอ้ งกระจายอํานาจใหท้ อ้ งถ่ินพึง่ ตนเอง และตัดสนิ ใจในกจิ การของท้องถน่ิ ไดเ้ อง พัฒนา เศรษฐกจิ ทอ้ งถ่ิน.....\" ซึง่ หมายรวมถงึ การบรหิ ารจดั การและการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม และเพือ่ กระจายอํานาจอํานาจให้ทอ้ งถ่ินอย่างต่อเนอ่ื งจงึ ไดม้ กี ารตราพระราชบญั ญตั ิกาํ หนดแผนและขัน้ ตอน การกระจายอาํ นาจใหแ้ ก่องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น พ.ศ. 2542 จากพระราชบัญญัตกิ าํ หนดแผนฯ นี้ ไดม้ กี าร จัดทาํ แผนการกระจายอาํ นาจให้แกอ่ งค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ โดยขอบเขตการถ่ายโอนภารกิจใหก้ บั องค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน มีส่วนทเ่ี กีย่ วข้องกับกรมควบคุมมลพิษที่สาํ คญั ได้แก่ งานด้านการจัดการสงิ่ แวดลอ้ ม และมลพิษดา้ นตา่ งๆ งานการติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกบั ส่ิงแวดลอ้ มและมลพษิ นอกจากกฎหมายข้างตน้ นแ้ี ลว้ ยังกฎหมายอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการดําเนินงานของกรมควบคุมมลพษิ เชน่ • พระราชบัญญัติการขนสง่ ทางบก พ.ศ. 2522 • พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 • พระราชบัญญัติมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 • พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2521 • พระราชบญั ญตั ิการจราจรทางบก พ.ศ. 2535 • พระราชบัญญตั ิทางหลวง พ.ศ. 2535 • พระราชบัญญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 และ พ.ศ. 2535 • พระราชบญั ญัติสง่ เสริมและอนุรักษพ์ ลังงาน พ.ศ. 2535 • พระราชบัญญตั วิ ิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ.2539 • พระราชบัญญตั ิข้อมูลขา่ วสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 • และอ่นื กฎหมายสงิ่ แวดล้อมมหี นว่ ยงานที่รับผิดชอบหลายหนว่ ยงาน การประสานงานเพื่อบังคบั ใชก้ ฎหมาย เกี่ยวกบั สงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ ใหก้ ารป้องกันและปราบปรามการละเมดิ กฎหมายและการแก้ไขเยยี วยาความเสียหาย หนา้ 28 จาก 29
QLM เกดิ ประสิทธภิ าพยิ่งขึ้นจึงเป็นเรือ่ งจาํ เปน็ จงึ ไดม้ ีระเบียบกําหนดมาตรการและวิธกี ารประสานงานระหวา่ ง หน่วยงานท้งั ภาครัฐและภาคเอกชนที่เก่ยี วขอ้ งโดยตรงกบั การบังคับใชก้ ฎหมายเกีย่ วกับสง่ิ แวดลอ้ ม โดยมี ระเบยี บสํานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ด้วยการประสานงานเพื่อบังคบั ใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดลอ้ ม พ.ศ. ๒๕๕๐ ซง่ึ ออกโดยอาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แหง่ พระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารราชการ แผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ผเู้ รียบเรยี ง ศรณั ยู องั ศสุ ิงห์ 1 มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖ อา้ งองิ • http://www.krisdika.go.th • http://www.siamsafety.com • http://th.wikipedia.org/ • http://krusutee.blogspot.com • http://www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=2006 หนา้ 29 จาก 29
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: