การพัฒนาทกั ษะการฟงภาษาองั กฤษโดยใชร้ ายการโทรทัศน์ของนกั เรยนชันมัธยมศึกษาปที 3 Developing of English Listening Skills for Mathayomsuksa 3 Students By Using Television Programs
บทนํา การสอื สารมบี ทบาทสําคญั ตอ่ การดาํ เนนิ ชีวตของมนษุ ยม์ ากโดยเฉพาะในยุคนเี ปนยคุ ของข้อมูลขา่ วสารหรอเรยกวา่ ยุค โลกาภวิ ตั น์การสอื สารมปี ระโยชนท์ งั ต่อบุคคลและสงั คมการสือสารทําให้คนมคี วามรู้และโลกทัศนท์ กี วา้ งขวางขนึ ภาษา จึงมีความสําคัญยงิ ต่อการสือสารโดยเฉพาะภาษาพูดและภาษาเขยี นภาษาองั กฤษปจจบุ ันคอื ภาษานานาชาตเิ ปนภาษา กลางของมนุษยชาตเิ ปนภาษาทมี นุษย์บนโลกใช้ตดิ ตอ่ ระหวา่ งกันเปนหลัก การจดั การเรยนรู้ภาษาอังกฤษเพอื การสือสารเปนรูปแบบการจัดการเรยนรู้ทีมีเปาหมายเพอื พัฒนาผู้เรยนให้ สามารถนาํ ทกั ษะพืนฐานภาษาอังกฤษทงั 4 ทักษะคือฟงพดู อ่านและเขียนไปใช้ในสถานการณ์จรงโดยทักษะการฟง ภาษาองั กฤษเปนจดุ เรมต้นแหง่ ทกั ษะการเรยนรู้และเปนทียอมรับวา่ เปนจดุ สําคัญในการเรมตน้ การเรยนภาษาการฟง เปนความสามารถของบคุ คลทีจะทําความเขา้ ใจในสิงทีคนอืนพูดทักษะการฟงมีความสาํ คัญอยา่ งยิงเพราะหากผู้ฟงมี ทกั ษะการฟงทีดียอ่ มส่งเสรมให้ทกั ษะการพดู มปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ ขนึ การจดั กิจกรรมการเรยนการสอนควรทําให้ผู้เรยนคิดและเกดิ การเรยนรู้โดยการฝกทกั ษะภาษาเปนทกั ษะสมั พันธ์ ทีสมจรงเนน้ การใช้สอื ตามสภาพจรงคอื วสั ดกุ ารสอนทไี ดจ้ ากแหล่งตา่ ง ๆ ทีไมใ่ ชต่ ําราหรอบทเรยนทจี ดั พมิ พเ์ พือให้ผู้ เรยนใชเ้ รยนตวั อย่างของสอื ตามสภาพจรงเช่นข่าวการพยากรณ์อากาศและการสมั ภาษณท์ างวทยโุ ทรทัศนก์ ารใชส้ อื ตามสภาพจรงทําให้ผู้เรยนได้เกิดความสนใจและตอ้ งการมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรยนมากขนึ
ผู้วจยั ไดท้ ําการศกึ ษาเอกสารทเี กียวขอ้ งพบวา่ การนาํ รายการโทรทัศน์มาใชใ้ นการเรยนการสอนมคี ุณประโยชน์ตอ่ การเรยน การสอนหลายประการคือสามารถนําเสนอภาพและเสยี งได้พร้อม ๆ กนั ใหค้ วามรู้แกผ่ ู้เรยนได้ทกุ รูปแบบตังแตก่ ารสอนความรู้ง่าย ๆ ไปจนถงึ การอธบิ ายขอ้ มลู ทีมคี วามสลับซบั ซอ้ นไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพทางจอโทรทัศนย์ งั ช่วยให้เกิดความสนใจและทาํ ใหผ้ ชู้ มจดจาํ สงิ ทีไดด้ ูงา่ ยขึนอีกทงั ยังสามารถถา่ ยทอดใหค้ นเหน็ และมคี วามรู้สกึ ร่วมไปพร้อม ๆ กันดว้ ยรายการโทรทัศนจ์ ึงเหมาะทจี ะใชเ้ พือการ เรยนการสอนสอดคลอ้ งกับแนวคิดของ Cambre (1995) ทีได้สรุปวา่ โทรทศั น์สามารถใช้เปนสือการสอนและการบรรยายทีดีทีสุด ทจี ะทาํ ใหน้ ักเรยนไดฝ้ กฝนตนเองให้เกิดความเชียวชาญและมอี สิ ระในการทํางานครูทนี าํ สอื โทรทศั น์มาใช้ในการสอนอาจจะไมไ่ ด้ มหี นา้ ทีเหมอื นเชน่ อดีต แต่หน้าทีของครูกไ็ ม่ไดถ้ กู ลดความสาํ คัญลงไปนักเรยนทเี รยนรู้จากสือโทรทัศนไ์ มไ่ ด้ใช้เวลาอยา่ งเตม็ ที แต่ โอกาสในการเรยนรู้ของนักเรยนก็ไม่ได้นอ้ ยลงไปและอาจจะเพมิ มากขึนดว้ ย สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยนและการสมั ภาษณค์ รูผสู้ อนภาษาอังกฤษระดับชันมัธยมศกึ ษาปที 3 ในพืนทวี จัยพบวา่ ผู้เรยนฟงคําวลี ประโยคและจับใจความสาํ คัญของสงิ ทไี ดฟ้ งไมไ่ ด้ทาํ ให้การจัดกจิ กรรมการเรยนการสอนวชาภาษาองั กฤษไม่บรรลุผลตามทีคาด หวงั เชน่ ฟงไม่รู้เรองทาํ ใหผ้ เู้ รยนไม่เข้าใจสง่ ผลใหต้ ดิ ตอ่ สอื สารไมไ่ ดแ้ ละยังทําให้เกดิ ความเบอื หนา่ ยไม่เหน็ ความสาํ คญั และความ จําเปนในการเรยนภาษาอังกฤษส่งผลให้ผลสัมฤทธทิ างการเรยนตอ่ วชาภาษาองั กฤษตาํ และมเี จตคติทไี ม่ดีเนืองจากครูผ้สู อนไมไ่ ด้ จดั การเรยนการสอนทีเนน้ ทกั ษะการฟงโดยการฟงเสียงเจ้าของภาษาโดยตรง ผูว้ จัยจึงเห็นวา่ การนาํ สือรายการโทรทศั น์มาใชใ้ ห้ นักเรยนได้ฝกฟงจะทําให้คนุ้ เคยกับเสยี งเจ้าของภาษาและทาํ ใหก้ ารฟงมีประสทิ ธภิ าพมากขนึ จากหลักการเหตุผลและสภาพปญหาทกี ล่าวข้างตน้ ผูว้ จยั จงึ สนใจทจี ะศกึ ษาการใชร้ ายการโทรทัศนใ์ นการพัฒนาทักษะการฟง ภาษาอังกฤษของนักเรยนชันมธั ยมศึกษาปที 3 เพือใหน้ กั เรยนเกิดการพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษอย่างมปี ระสิทธภิ าพยงิ ขนึ
01 เพอื ศกึ ษาประสิทธภิ าพของกจิ กรรมการเรยนรู้การพฒั นาทักษะ การฟงภาษาอังกฤษโดยใชร้ ายการโทรทศั นท์ มี ปี ระสทิ ธิภาพตาม เกณฑ์ 70/70 วตั ถปุ ระสงค์ เพือศึกษาคา่ ดัชนีประสิทธิผลของกจิ กรรมการเรยนรู้การพัฒนา 02 ทกั ษะการฟงภาษาองั กฤษโดยใช้รายการโทรทศั น์ของนกั เรยน ชนั มัธยมศึกษาปที 3 เพือเปรยบเทียบทกั ษะการฟงภาษาองั กฤษระหวา่ งก่อนเรยน 03 และหลังเรยนของนกั เรยนชนั มัธยมศกึ ษาปที 3 ทีเรยนรู้โดยใช้ รายการโทรทัศน์ 04 เพือศกึ ษาความคดิ เห็นของนักเรยนชนั มธั ยมศึกษาปที 3 ทมี ีตอ่ การเรยนดว้ ยรายการโทรทศั น์วธกี ารดาํ เนินงานวจยั
1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง วธีการดาํ เนนิ งานวจัย -ประชากรคอื นักเรยนชนั มธั ยมศึกษาปที 3 โรงเรยนมัธยมขนาดเลก็ ในอาํ เภอกมลาไสยจังหวดั กาฬสนิ ธุส์ งั กดั สํานักงานเขต พืนทีการศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 24 จาํ นวน 10 ห้องจาก 4 โรงเรยนประกอบด้วยโรงเรยนดอนไทรงาม คุณสง่ วนั นี เวลา 18:58 น. พิทยาคมมี 3 หอ้ งเรยนรวม 69 คนโรงเรยนโคกศรเมืองมี 2 หอ้ งเรยนรวม 49 คนโรงเรยนธญั ญาพฒั นวทยม์ ี 2 หอ้ งเรยนรวม 39 คนโรงเรยนฟาแดดสูงยางวทยาคารมี 2 ห้องเรยนรวม 75 คนรวม 232 คนซึงมีสภาพแวดลอ้ มและการจดั กิจกรรมการเรยน การสอนเหมอื นกนั รวมทังมีผลการประเมนิ ผลสมั ฤทธทิ างการเรยนปลายภาคปการศกึ ษา 2/2558 ใกล้เคยี งกนั -กลมุ่ ตัวอยา่ งคือนกั เรยนชนั มธั ยมศึกษาปที 3 ทกี ําลงั ศกึ ษาอย่ภู าคเรยนที 1 ปการศึกษา 2559 โรงเรยนฟาแดดสงู ยาง วทยาคารอาํ เภอกมลาไสยจงั หวดั กาฬสินธสุ์ าํ นกั งานเขตพนื ทกี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 24 จํานวน 28 คนซงึ ได้มาโดยวธีการสมุ่ แบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
2. เครองมือทีใช้ในการวจัยเครองมอื ทใี ชใ้ นการวจยั มี 3 ชนดิ ประกอบดว้ ย -แผนการจัดกิจกรรมพฒั นาทกั ษะการฟงภาษาอังกฤษสอนโดยใชร้ ายการโทรทศั นจ์ ํานวน 8 แผน แผนละ 3 ชวั โมงรวม 24 ชวั โมง -แบบทดสอบทักษะการฟงจํานวน 30 ข้อ -แบบวดั ความคดิ เห็นของนกั เรยนทมี ีตอ่ การเรยนดว้ ยรายการโทรทัศนจ์ าํ นวน 10 ขอ้
3. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลผู้วจัยได้ดาํ เนินการทดลอง -ทดสอบทกั ษะการฟงภาษาอังกฤษ (PRE-TEST) ด้วยแบบทดสอบทกั ษะการฟงภาษาอังกฤษจาํ นวน 30 ขอ้ แลว้ ตรวจให้คะแนนเก็บคะแนนนีไวเ้ พอื จะนาํ มาเปรยบเทียบกับคะแนนเฉลียหลงั เรยน - เรมดาํ เนนิ การจดั การเรยนรู้ตามแผนการจัดกิจกรรมการเรยนรู้ทีผู้วจัยสร้างขนึ จาํ นวน 8 แผนทาํ การทดลอง จัดการเรยนรู้ในภาคเรยนที 1 ปการศกึ ษา 2559 -นาํ แบบทดสอบทักษะการฟงภาษาองั กฤษมาทดสอบหลงั เรยน (POST-TEST) ตรวจแล้วเก็บคะแนนไวเ้ พือจะนํา มาเปรยบเทยี บระหวา่ งการเรยนรู้โดยใช้รายการโทรทศั นก์ บั แบบปกติ -นําแบบสอบถามความคิดเหน็ ต่อการจดั กิจกรรมการเรยนรู้โดยใชร้ ายการโทรทัศนภ์ ายหลังสนิ สดุ การจดั การเรยนรู้ ครบ 8 แผนการเรยนรู้โดยใช้แบบสอบถามความคดิ เหน็ ทผี ูว้ จัยสร้างขึนเพอื ใหน้ กั เรยนแสดงความคดิ เหน็ - ผู้วจยั รวบรวมขอ้ มูลเพือนาํ ไปวเคราะหท์ างสถติ ิตามความม่งุ หมายของการวจัย
4. การวเคราะห์ข้อมูลผ้วู จัยได้วเคราะหข์ ้อมลู -วเคราะหห์ าประสิทธิภาพของแผนการจัดกจิ กรรมพัฒนาทกั ษะการฟงภาษาอังกฤษโดยใชร้ ายการโทรทัศน์ทมี ี ประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 70/70 โดยใช้สูตร / E1/E2 วเคราะหข์ ้อมลู ดว้ ยสถติ ิพืนฐาน ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลียและสว่ น เบยี งเบนมาตรฐาน - วเคราะห์หาคา่ ดัชนปี ระสิทธผิ ลของกจิ กรรมการเรยนรู้การพฒั นาทักษะการฟงภาษาองั กฤษโดยใชร้ ายการโทรทัศน์ และแบบปกตใิ ช้สตู ร EI. วธีของกดู แมนเฟลทเขอร์และชไนเดอร์ -เปรยบเทียบคะแนนทดสอบทักษะการฟงภาษาอังกฤษระหวา่ งกอ่ นเรยนและหลงั เรยนโดยใช้รายการโทรทศั น์โดยใช้ สถิติทดสอบ T-TEST (DEPENDENT SAMPLES) -วเคราะห์ความคิดเหน็ ของนกั เรยนทีมีตอ่ การจัดการเรยนรู้การทักษะการฟงภาษาองั กฤษโดยใช้รายการโทรทัศน์โดย ใชค้ า่ เฉลยี และส่วนเบยี งเบนมาตรฐานซึงเปนมาตราส่วนประมาณคา่ (RATING SCALE) 5 ระดบั มีเกณฑก์ ารให้ คะแนนดังนี
สรุปผล 1. แผนการจัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษโดยใช้รายการโทรทัศน์ของนักเรยนชันมัธยมศึกษาปที 3 มี ประสิทธิภาพเท่ากับ 76.43 / 75.36 ซึงเปนไปตามเกณฑ์ทีกําหนด 70/70 คุณส่ง วันนี เวลา 19:33 น. 2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการเรยนรู้การพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษโดยใช้รายการโทรทัศน์ชันมัธยมศึกษาปที 3 มีค่าเท่ากับ 942 หมายความว่านักเรยนมีความก้าวหน้าทางการเรยนรู้ด้านการฟงเพิมขึนคิดเปนร้อยละ 60.42 3. นักเรยนมีคะแนนทดสอบทักษะการฟงภาษาอังกฤษโดยใช้รายการโทรทัศน์หลังเรยนสูงกว่าก่อนเรยนอย่างมีนัยสาํ คัญทาง สถิติทีระดับ. 05 4. นักเรยนชันมัธยมศึกษาปที 3 มีความคิดเห็นต่อการเรยนด้วยรายการโทรทัศน์โดยรวมและเปนรายข้ออยู่ในระดับเห็นด้วยมีค่า เฉลีย 4.35 เมือพิจารณาเปนรายข้อพบว่าการเรยนรู้ด้วยรายการโทรทัศน์มีความหลากหลายของรายการโทรทัศน์ทําให้เกิด ทักษะการฟงและการเรยนรู้ผ่านรายการโทรทัศน์ทําให้การเรยนภาษาอังกฤษมีความสนุกสนานมากยิงขึน
อภิปรายผล จากการวจัยครังนีสามารถอภิปรายผลได้ดังนี 1. แผนการจัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษสําหรับนักเรยนชันมัธยมศึกษาปที 3 โดยใช้รายการโทรทัศน์มี ประสิทธิภาพเท่ากับ 76,43375.36 หมายความว่านักเรยนได้คะแนนจากการประเมินพฤติกรรมระหว่างเรยนรวมทังหมด 8 แผน ได้คะแนนเฉลียระหว่างเรยนทีวัดได้จากการประเมินพฤติกรรมระหว่างเรยนและแบบทดสอบย่อยในแต่ละแผนของการจัด กิจกรรมการพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษโดยใช้รายการโทรทัศน์ของนักเรยนชันมัธยมศึกษาปที 3 ทุกคนรวมกันได้คะแนน เฉลียเท่ากับ 91.71 คิดเปนร้อยละ 76.43 และมีคะแนนเฉลียหลังเรยนเท่ากับ 22.61 คิดเปนร้อยละ 75.36 แสดงว่าแผนการจัด กิจกรรมการพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษสาํ หรับนักเรยนชันมัธยมศึกษาปที 3 โดยใช้รายการโทรทัศน์ทีผู้วจัยสร้างขึนมี ประสิทธิภาพเปนไปตามเกณฑ์ทีตังไว้ ผู้วจัยศึกษาหลักสูตรการศึกษาขันพืนฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรยนรู้ภาษา ต่างประเทศ ศึกษาแนวคิดของแคมเบร์ (Cambre, 1995) การใช้โทรทัศน์เปนสือการสอนเพือใช้เปนแนวทางในการจัด กิจกรรมทีเหมาะสมกับนักเรยนโดยกิจกรรมแต่ละชุดได้เน้นให้นักเรยนสามารถฟงและชมรายการแล้วคิดแยกแยะเรองราว เหตุการณ์ประเภทลักษณะไตร่ตรองข้อมูลวเคราะห์ความสาํ คัญบอกความสัมพันธ์เชิงเหตุผลและสรุปเรองได้ ผู้วจัยได้นําพาผู้ เรยนไปสู่ความสาํ เร็จโดยจะพูดให้กาํ ลังใจให้นักเรยนมีความมันใจและความภาคภูมิใจในตนเองทาํ ให้นักเรยนเห็นความเกียวข้อง ระหว่างการใช้โทรทัศน์ในการสอนและชีวตจรงโดยส่งเสรมและกระตุ้นความสนใจของนักเรยนทีมีต่อโทรทัศน์เพือการสอน สอดคล้องกับแนวคิดของแคมเบร์ (Cambre, 1995) สรุ ปว่าโทรทัศน์สามารถใช้เปนสือการสอนและการบรรยายทีดีทีสุดทําให้นักเรยนได้ฝกฝนตนเองให้เกิดความเชียวชาญและมี อิสระในการทํางานครู ทีนําสือโทรทัศน์มาใช้ในการสอนอาจจะไม่ได้มีหน้าทีเหมือนเช่นอดีตนักเรยนทีเรยนรู้ จากสือโทรทัศน์มี โอกาสในการเรยนรู้เพิมมากขึน นอกจากนันนักเรยนยังสามารถเรยนรู้ด้วยตนเองโดยใช้ห้องปฏิบัติการทางภาษาแทนทีการเรยน รู้แค่ในชันเรยนเพียงอย่างเดียวผลการวจัยนีสอดคล้องกับผลการวจัยของสุววัชรามาตรโพธิ (2554) ทีได้ศึกษาการพัฒนาทักษะ การฟงและการฝกออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้เพลงคาราโอเกะสําหรับนักเรยนชันมัธยมศึกษาปที 1 และพบว่ากิจกรรมการ พัฒนาทักษะการฟงและการฝกออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้เพลงคาราโอเกะมีประสิทธิภาพเท่ากับ 70.75 / 71.40 ซึงเปนไป ตามเกณฑ์ทีกาํ หนดไว้คือ 70/70
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการเรยนรู้การพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษโดยใช้รายการโทรทัศน์มีค่าเท่ากับ 0.6042 คิดเปนร้อยละ 60.42 ทังนีอาจเปนเพราะโทรทัศน์สามารถใช้เปนสือการสอนและการบรรยายทีดีทีสุดทาํ ให้นักเรยน ได้ฝกฝนตนเองให้เกิดความเชียวชาญและมีอิสระในการทาํ งานสอดคล้องกับแนวคิดของมอร์เลอร์ Moeller (1996) ทีได้สรุป ว่าการใช้รายการโทรทัศน์ในการเรยนรู้เปนเพราะโทรทัศน์มีประสิทธิภาพทีเปนเอกลักษณ์เหมาะทีจะนาํ มาใช้พัฒนาความรู้และ ทักษะของผู้เรยนและยังสอดคล้องกับแนวคิดของธราบุญคูจินดา (2550) ได้สรุ ปคุณค่าของโทรทัศน์ต่อการเรยนการสอนไว้ว่าสือโทรทัศน์เปนสือการสอนทีสามารถนําเอาสือหลายอย่างมาใช้ร่ วมกัน อย่างสะดวกเปนการใช้สือทีเรยกว่าสือผสมทาํ ให้เกิดการเรยนรู้ทีสมบูรณ์มีความสามารถนํารูปธรรมมาประกอบการสอนได้ สะดวกและรวดเร็วจึงส่งผลให้นักเรยนทีเรยนด้วยรายการโทรทัศน์มีความก้าวหน้าทางการเรยนเพิมขึนและสอดคล้องกับผล การวจัยของสุววัชรามาตรโพธิ (2554) ทีได้ศึกษาการพัฒนาทักษะการฟงและการฝกออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้เพลง คาราโอเกะชันมัธยมศึกษาปที 1 และพบว่าดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการพัฒนาทักษะการฟงและการฝกออกเสียงภาษา อังกฤษโดยใช้เพลงคาราโอเกะมีค่าเท่ากับ 0.23
3. นักเรยนมีคะแนนทดสอบทักษะการฟงภาษาอังกฤษหลังเรยนสูงกว่าก่อนเรยนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทีระดับ 05 ทังนี อาจเนืองมาจากการนํารายการโทรทัศน์มาใช้เปนสือในการพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษช่วยขยายโอกาสของนักเรยนให้ กว้างขวางยิงขึนโดยผ่านประสบการณ์ทางอ้อม (Indirect Experience) ซึงในทีสุดก็จะนําพานักเรยนไปสู่ประสบการณ์ทาง ตรง (Direct Experience) กล่าวคือนักเรยนจะบังเกิดความสนใจทีจะค้นคว้าทดลองด้วยตนเองหรอไปเยียมเยือนสถานที ต่าง ๆ ทีเห็นในโทรทัศน์ด้วยตนเองในภายหลังนอกจากนีรูปแบบรายการโทรทัศน์ทีนํามาใช้ในรายการเพือการศึกษามีหลาก หลายรูปแบบทีสือให้ผู้ชมรายการสามารถนํามาสร้างองค์ความรู้ในการศึกษา ได้แก่ รูปแบบพูดคุยสนทนาอภิปรายบรรยาย สัมภาษณ์เกมสารคดีละครสารละครสาธิตทดลองและนิตยสารทางอากาศในการวจัยครั งนีผู้วจัยได้นํารู ปแบบดังกล่าวมาเปน สือในการพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษเพือให้นักเรยนเกิดความเข้าใจในภาษาอังกฤษและสามารถวเคราะห์เรองทีได้ฟง สอดคล้องกับแนวคิดของอัจจิมาลีรัตนชัย (2542) สรุ ปว่าผู้เรยนแต่ละคนมีความสามารถรั บรู้ ความยากง่ายในการเรยนภาษาทีต่างกันทังนียอมขึนอยู่กับปจจัยหลายอย่าง เช่นระยะเวลาในการเรยนความถนัดอายุประสบการณ์เปนต้นดังนันการทีจะพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศจึง จําเปนต้องอาศัยวธีการเรยนการสอนภาษาทีมีประสิทธิภาพดังทีมอร์เลอร์ (Moeller, 1996) ได้กล่าวว่าไม่สามารถรับรองได้ ว่าการเรยนรู้ผ่านทางโทรทัศน์จะเกิดขึนได้อย่างรวดเร็วเพราะผู้เรยนบางคนต้องการให้โทรทัศน์ช่วยอธิบายเนือหาทางทฤษฎีที เปนเนือหาใหม่ ๆ ซึงผลการวจัยครังนีสอดคล้องกับผลการวจัยของประสิทธิเครอแตง (2553) ได้ทําวจัยเรองผลการใช้สือ ภาพยนตร์เพือพัฒนาทักษะการฟงภาษาอังกฤษผลการวจัยพบว่านักเรยนมีผลสัมฤทธิทางการเรยนรู้หลังเรยนสูงกว่าก่อนเรยน
4. นกั เรยนชันมธั ยมศกึ ษาปที 3 มีความคิดเหน็ ต่อการเรยนดว้ ยรายการโทรทศั นโ์ ดยรวมและเปนรายข้ออยใู่ นระดับเห็นดว้ ยมีคา่ เฉลยี 4.35 ทังนีเปนเพราะการเรยนรู้ดว้ ยรายการโทรทศั น์มคี วามหลากหลายของรายการโทรทศั นท์ ําใหเ้ กดิ ทักษะการฟงและการ เรยนรู้ผา่ นรายการโทรทศั นท์ ําให้การเรยนภาษาองั กฤษมีความสนกุ สนานมากยงิ ขึนสอดคล้องกบั งานวจยั ของวภาอโี น (2551) ได้ ทาํ วจัยเรองการใชส้ อื ภาพยนตร์เพือกระตนุ้ แรงจูงใจในการเรยนภาษาองั กฤษผลการวจัยพบวา่ นกั เรยนได้เกิดแรงจูงใจในการ เรยนรู้ภาษาอังกฤษมากขนึ และยังสอดคลอ้ งกบั งานวจัยของ Liu (2005) ได้ทําการศกึ ษาเกยี วกบั ทศั นคติของนักเรยนและครูทมี ี ต่อการใช้โทรทศั นใ์ นการเรยนการสอนภาษาองั กฤษเปนภาษาตา่ งประเทศหรอภาษาทีสองในวทยาลยั ของประเทศไต้หวนั ผลการ วจยั พบวา่ นกั เรยนร้อยละ 64.8 และครูร้อยละ 74.8 มีทัศนคติทีดตี ่อการใช้โทรทัศน์ในการเรยนการสอนภาษาองั กฤษทังนักเรยน และครูชืนชอบภาพยนตร์ของอเมรกาคดิ เปนร้อยละ 68.7 และ 50.0 ตามลาํ ดบั นักเรยนร้อยละ 54.8 และครูร้อยละ 50.0 มคี วาม รู้สกึ วา่ ระยะเวลา 1 ชัวโมงหรอน้อยกวา่ นันเลก็ น้อยต่อวนั เปนชว่ งทพี อเหมาะสาํ หรับการชมรายการภาษาองั กฤษ
ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาํ ไปใช้ -กอ่ นนํารูปแบบการใชร้ ายการโทรทศั น์ไปใชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยนการสอนครูผสู้ อนควรมกี ารศึกษาและ ทําความเขา้ ใจรูปแบบของรายการแต่ละประเภททีมีความสอดคล้องกับตวั ชวี ดั และจดุ ประสงคก์ ารเรยนรู้ของ แต่ บทเรยน -จากผลการศกึ ษาพบวา่ นกั เรยนเห็นดว้ ยกบั การเรยนโดยใชร้ ายการโทรทัศนด์ ังนันผสู้ อนควรนาํ วธีการสอนโดย ใช้รายการโทรทศั น์ไปใช้ในการสอนรายวชาภาษาองั กฤษเพอื ใหผ้ เู้ รยนได้ฝกการฟงซึงจะเห็นได้วา่ การใช้รายการ โทรทัศนส์ ามารถทจี ะพัฒนากระบวนการฟงของนักเรยนได้ดียิงขนึ
2. ข้อเสนอแนะเพอื การวจยั ครังต่อไป -ควรมีการวจยั เชิงปฏบิ ตั ิการในการพัฒนาทักษะการฟงภาษาองั กฤษโดยใชท้ ฤษฎีรูปแบบการจดั การเรยนรู้ที หลากหลายรวมทงั การใชส้ อื แบบบูรณาการ -ควรพัฒนาทักษะการฟงของนกั เรยนอยา่ งตอ่ เนอื งโดยการใชก้ ระบวนการกลมุ่ เพือส่งเสรมคณุ ลกั ษณะทีพงึ ประสงคข์ องนักเรยนไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาทักษะทางภาษา 2.3 ควรพฒั นาทักษะภาษาองั กฤษแบบบูรณาการ ทงั ทักษะการฟงการพูดการอา่ นและการเขียน
จัดทาํ โดย นางสาวพัฒนาพร รัตนเอียม รหสั นกั ศกึ ษา63181020315 นางสาวสุวณีย์ นวลแขคงลาภ รหสั นกั ศกึ ษา63181020320 นางสาวเสาวลกั ษณ์ กอบกสู้ เี ขียว รหัสนกั ศึกษา63181020322 เสนอ อาจารย์พรชนนี ภมู ไิ ชยา
\"THANK YOU\"
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: