Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนสัปดาห์ที่ 32 แรงและพลังงานในชีวิตประจำวัน

แผนสัปดาห์ที่ 32 แรงและพลังงานในชีวิตประจำวัน

Published by กิตติมา ศรีพรหมมา, 2022-05-18 08:03:41

Description: แผนสัปดาห์ที่ 32 แรงและพลังงานในชีวิตประจำวัน

Search

Read the Text Version

แผนการจดั ประสบการณ์ ชั้นอนบุ าล 3 สัปดาห์ท่ี 32 แรงและพลงั งานในชีวิตประจำวนั นางกิตตมิ า ศรพี รหมมา

การวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งหนว่ ยการจัดประสบการณ์ ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ หนว่ ยที่ 32 แรงและพลังงานในชีวิตประจาวัน ช้ันอนบุ าลปีท่ี 1 – 3 ภาคเรยี นที่ 2 รายการ อนุบาลปที ่ี ๑ อนบุ าลปีท่ี ๒ อนบุ าลปีที่ ๓ สาระทคี่ วรเรยี นรู้ - เม่อื ฉันออกแรงกระทำตอ่ สิ่งของดว้ ยวิธี - แรงมีผลทำใหส้ ิง่ ตำ่ ง ๆ เปล่ียนแปลงรปู รำ่ ง ตำ่ ง ๆ เชน่ ผลกั ดึง/บีบ ทุบ ตี/เป่ำ เขยำ่ - ในชวี ิตประจำวนั มกี ำรออกแรงกระทำสิ่งต่ำง และกำรเคลอื่ นท่ี มาตรฐาน ดดี ส่ิงของจะมีกำรเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงกำร ๆ ด้วยวิธีกำรทหี่ ลำกหลำย - น้ำมนั แก๊สธรรมชำติ ลม ไฟฟ้ำ คนหรอื สัตว์ ตวั บ่งช้ี เคลอื่ นที่และกำรเกดิ เสยี งแบบต่ำง ๆ - แรงมผี ลทำให้สิง่ ตำ่ ง ๆ เปลี่ยนแปลงรปู รำ่ ง ทำใหย้ ำนพำหนะต่ำง ๆ เคล่ือนที่ได้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์ - แสง และไฟฟำ้ ไดจ้ ำกแหล่งพลงั งำน เชน่ และกำรเคลื่อนท่ี - ไฟฟ้ำทำใหส้ ่งิ ของเครื่องใช้บำงอย่ำงทำงำน ดวงอำทิตย์ ลม นำ้ เชอื้ เพลงิ - แสงและไฟฟ้ำไดม้ ำจำกแหล่งพลังงำน เช่น ได้ ชว่ ยอำนวยควำมสะดวกในชีวิตประจำวนั ดวงอำทิตย์ ลม น้ำ เชอื้ เพลิง - ส่ิงของเครื่องใชท้ ่ีใช้พลงั งำนไฟฟำ้ แต่ละชนิด มฐ. 2 ตบช. 2.1 (2.1.4) - แสงชว่ ยให้เรำมองเหน็ เมื่อมีสง่ิ ตำ่ ง ๆ ไปบัง มวี ธิ ีกำรใชแ้ ตกตำ่ งกัน ต้องใช้ให้ถกู วิธีเพ่ือไมใ่ ห้ ตบช. 2.2 (2.2.1) แสงจะเกดิ เงำ เกิดอันตรำยและเปน็ กำรประหยัดพลังงำน - ไฟฟำ้ ทำให้ส่ิงของเครื่องใช้บำงอย่ำงทำงำน มฐ. 3 ตบช. 3.2 (3.2.2) ได้ มฐ ๒ ตบช ๒.1 (๒.1.๓) มฐ. 5 ตบช. 5.4 (5.4.1) ตบช 2.2 (2.2.๑) มฐ. 6 ตบช. 6.2 (6.2.2) มฐ ๒ ตบช ๒.1 (๒.1.๓) มฐ. 8 ตบช. 8.2 (8.2.1) ตบช 2.2 (2.2.๑) มฐ 3 ตบช 3.2 (3.2.๒) มฐ. 10 ตบช. 10.1 (๑0.1.2, 10.1.3) มฐ ๕ ตบช ๕.๒ (๕.๒.๒) มฐ. 11 ตบช. 11.1 (๑1.1.1) มฐ 3 ตบช 3.2 (3.2.๒) มฐ ๕ ตบช ๕.๒ (๕.๒.๒) ตบช ๕.๔ (๕.๔.๑) ตบช. 11.2 (๑1.2.1 มฐ ๖ ตบช ๖.๒ (๖.๒.๒) ตบช ๕.๔ (๕.๔.๑) มฐ ๘ ตบช ๘.๒ (๘.๒.๑) มฐ ๖ ตบช ๖.๒ (๖.๒.๒) มฐ ๙ ตบช ๙.๑ (๙.๑.๑) มฐ ๘ ตบช ๘.๒ (๘.๒.๑) มฐ ๙ ตบช ๙.๑ (๙.๑.๑) ตบช ๙.๑ (๙.๑.๒) ตบช ๙.๒ (๙.๒.๒) ตบช ๙.๑ (๙.๑.๒) ตบช ๙.๒ (๙.๒.๒)

รายการ อนบุ าลปที ี่ ๑ อนุบาลปีที่ ๒ อนุบาลปที ่ี ๓ ประสบการณ์สาคญั มฐ. 12 ตบช. 12.2 (๑2.2.1) มฐ ๑๐ ตบช ๑๐.๑ (๑๐.๑.๒) มฐ ๑๐ ตบช ๑๐.๑ (๑๐.๑.๒) ตบช ๑๐.๑ (๑๐.๑.๓) ตบช ๑๐.๑ (๑๐.๑.๓) ตบช ๑๐.๒ (๑๐.๒.๑) ตบช ๑๐.๒ (๑๐.๒.๑) มฐ ๑๑ ตบช ๑๑.๑ (๑๑.๑.๑) ตบช ๑๑.๒ (๑๑.๒.๒) มฐ ๑๑ ตบช ๑๑.๑ (๑๑.๑.๑) มฐ ๑๒ ตบช ๑๒.๒ (๑๒.๒.๑) ตบช ๑๑.๒ (๑๑.๒.๒) ตบช ๑๒.๒ (๑๒.๒.๒) มฐ ๑๒ ตบช ๑๒.๒ (๑๒.๒.๑) รา่ งกาย ๑.๑.๑ (๑) กำรเคลอ่ื นไหวอยู่กบั ที่ ตบช ๑๒.๒ (๑๒.๒.๒) (๒) กำรเคล่อื นไหวเคล่อื นที่ รา่ งกาย รา่ งกาย (๓) กำรเคล่ือนไหวพร้อมวสั ดุอุปกรณ์ (๔) กำรเคลอื่ นไหวท่ีใช้กำรประสำน 1.1.1 (4) กำรเคลื่อนไหวท่ใี ชก้ ำรประสำน ๑.๑.๑ (๑) กำรเคลอ่ื นไหวอยู่กับท่ี สัมพนั ธข์ องกำรใช้กลำ้ มเน้ือใหญ่ ในกำรขวำ้ ง กำรจบั กำรโยน กำรเตะ สัมพนั ธ์ของกำรใช้กล้ำมเน้ือใหญใ่ นกำรขว้ำง (๒) กำรเคลอื่ นไหวเคลอื่ นท่ี ๑.๑.๒ (๒) กำรเขยี นภำพและกำรเลน่ กบั สี (3) กำรปั้น กำรจบั กำรโยน กำรเตะ (๓) กำรเคลือ่ นไหวพร้อมวสั ดุอุปกรณ์ (๔) กำรประดษิ ฐ์สงิ่ ตำ่ งๆ ดว้ ยเศษวสั ดุ (๕) กำรหยิบจับ กำรใช้กรรไกร กำรฉกี 1.1.2 (2) กำรเขียนภำพและกำรเลน่ กบั สี (๔) กำรเคลื่อนไหวที่ใชก้ ำรประสำน กำรตดั กำรปะ และกำรรอ้ ยวัสดุ ๑.๑.๔ (3) กำรเล่นเคร่ืองเลน่ อยำ่ งปลอดภยั (3) กำรพับ สัมพันธ์ของกำรใช้กล้ำมเนื้อใหญ่ ในกำรขว้ำง (4) กำรประดิษฐ์ส่ิงตำ่ ง ๆ ด้วย กำรจับ กำรโยน กำรเตะ เศษวสั ดุ ๑.๑.๒ (๒) กำรเขียนภำพและกำรเลน่ กบั สี (5) กำรหยบิ จับ กำรใชก้ รรไกร (3) กำรปนั้ กำรฉกี กำรตัด กำรปะ และกำรรอ้ ยวัสดุ (๔) กำรประดิษฐ์ส่ิงต่ำงๆ ด้วยเศษวสั ดุ 1.1.5 (1) กำรเคลอ่ื นไหว โดยควบคุม (๕) กำรหยบิ จับ กำรใชก้ รรไกร กำรฉกี ตนเองไปในทิศทำงระดบั และพ้นื ที่ กำรตดั กำรปะ และกำรร้อยวัสดุ ๑.๑.๔ (3) กำรเล่นเคร่อื งเล่นอย่ำงปลอดภัย

รายการ อนุบาลปที ี่ ๑ อนุบาลปีที่ ๒ อนบุ าลปที ี่ ๓ อารมณ์ อารมณ์ อารมณ์ ๑.๒.๑ (3) กำรเคล่ือนไหวตำมเสยี งเพลง/ 1.2.4 (1) กำรพดู สะท้อนควำมรูส้ กึ ของ ๑.๒.๑ (3) กำรเคลื่อนไหวตำมเสียงเพลง/ ดนตรี ๑.๒.๔ (๑) กำรพูดสะท้อนควำมรูส้ ึกของตนเอง ตนเองและผ้อู ืน่ ดนตรี และผ้อู นื่ 1.2.5 (1) กำรปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่ำง ๆ ๑.๒.๔ (๑) กำรพดู สะท้อนควำมรู้สึกของ (5) กำรทำงำนศิลปะ สังคม ตำมควำมสำมำรถของตนเอง ตนเอง และผู้อื่น ๑.๓.๓ (๑) กำรเลน่ บทบำทสมมติกำรปฏบิ ัติตน ใน ควำมเป็นไทย (5) กำรทำงำนศิลปะ (๓) กำรประกอบอำหำรไทย สังคม สังคม (4) กำรศกึ ษำนอกสถำนที่ (5) กำรละเล่นพนื้ บำ้ นของไทย 1.3.4 (2) กำรปฏิบัตติ นเป็นสมำชิกที่ดี ๑.๓.๓ (๑) กำรเล่นบทบำทสมมติกำรปฏบิ ัติ 1.3.4 (3) กำรใหค้ วำมร่วมมือในกำรปฏิบตั ิ กจิ กรรมต่ำง ๆ ของห้องเรยี น ตนใน ควำมเปน็ ไทย สติปัญญา ๑.๔.๑ (3) กำรฟังเพลง นิทำน คำคล้องจอง (3) กำรให้ควำมรว่ มมือในกำรปฏิบัติ (๓) กำรประกอบอำหำรไทย บทร้อยกรอง หรือเรอ่ื งรำวต่ำง ๆ (4) กำรพดู แสดงควำมคิด ควำมรสู้ ึก กจิ กรรมต่ำง ๆ (4) กำรศึกษำนอกสถำนที่ และควำมต้องกำร (๕) กำรพดู กบั ผู้อ่นื เก่ียวกบั 1.3.5 (2) กำรเลน่ และทำงำนรว่ มกบั ผ้อู นื่ (5) กำรละเลน่ พน้ื บำ้ นของไทย ประสบกำรณ์ของตนเองหรือพดู เล่ำเร่อื งรำว เกีย่ วกับตนเอง 1.3.4 (3) กำรใหค้ วำมรว่ มมือในกำรปฏิบตั ิ สติปัญญา กิจกรรมต่ำง ๆ 1.4.4 (2) กำรฟงั และปฏิบตั ิตำมคำแนะนำ สติปัญญา (4) กำรพดู แสดงควำมคดิ ควำมรู้สึก ๑.๔.๑ (3) กำรฟังเพลง นิทำน คำคลอ้ งจอง และควำมต้องกำร บทร้อยกรอง หรือเร่ืองรำวตำ่ ง ๆ (10) กำรอำ่ นหนงั สือ นทิ ำน (4) กำรพดู แสดงควำมคิด ควำมรูส้ ึก หลำกหลำยประเภท / รูปแบบ และควำมต้องกำร 1.4.2 (5) กำรคัดแยก กำรจัดกลมุ่ และ (๕) กำรพดู กบั ผู้อ่ืนเกี่ยวกับ กำรจำแนกส่งิ ต่ำง ๆ ตำมลักษณะและรปู รำ่ ง ประสบกำรณ์ ของตนเองหรือพดู เล่ำเรอื่ งรำว รูปทรง เก่ียวกบั ตนเอง

รายการ อนุบาลปีที่ ๑ อนุบาลปที ี่ ๒ อนบุ าลปีท่ี ๓ (8) กำรนบั และแสดงจำนวนของสง่ิ (10) กำรอ่ำนหนังสือภำพ นทิ ำน (10) กำรอ่ำนหนังสือภำพ นิทำน ตำ่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั หลำกหลำยประเภท/รูปแบบ หลำกหลำยประเภท/รูปแบบ (9) กำรเปรยี บเทียบและเรียงลำดบั จำนวนของส่งิ ตำ่ ง ๆ (11) กำรอำ่ นอยำ่ งอิสระตำมลำพัง (11) กำรอ่ำนอย่ำงอสิ ระตำมลำพงั (13) กำรจบั คู่ กำรเปรยี บเทยี บ และ กำรอ่ำนรว่ มกัน กำรอ่ำนโดยมีผูช้ ี้แนะ กำรอำ่ นรว่ มกนั กำรอ่ำนโดยมีผู้ช้ีแนะ กำรเรียงลำดบั สง่ิ ตำ่ ง ๆ ตำมลักษณะ ควำมยำว/ควำมสูง น้ำหนกั ปริมำตร (12) กำรเห็นแบบอย่ำงของกำรอำ่ นที่ (12) กำรเห็นแบบอยำ่ งของกำรอ่ำนที่ ถกู ต้อง ถูกต้อง ๑.๔.๒ กำรคิดรวบยอดกำรคิดเชิงเหตผุ ล กำร ๑.๔.๒ กำรคดิ รวบยอดกำรคิดเชงิ เหตุผล กำร ตัดสินใจและแกป้ ัญหำ ตดั สนิ ใจและแก้ปัญหำ (๑) กำรสังเกตลักษณะ สว่ นประกอบ (๑) กำรสงั เกตลักษณะ ส่วนประกอบ กำรเปลี่ยนแปลง และควำมสัมพนั ธข์ องสงิ่ กำรเปลย่ี นแปลง และควำมสัมพนั ธข์ องสงิ่ ต่ำงๆ โดยใชป้ ระสำทสมั ผสั อยำ่ งเหมำะสม ตำ่ งๆ โดยใช้ประสำทสมั ผสั อยำ่ งเหมำะสม (6) กำรตอ่ ของชิ้นเล็กเตมิ ในชิน้ ใหญใ่ ห้ (6) กำรต่อของชิ้นเลก็ เติมในชนิ้ ใหญ่ให้ สมบูรณ์ และกำรแยกชิ้นสว่ น สมบูรณ์ และกำรแยกชิ้นสว่ น (8) กำรนบั และแสดงจำนวนของสงิ่ (8) กำรนบั และแสดงจำนวนของสิง่ ต่ำง ๆในชวี ติ ประจำวัน ต่ำง ๆในชีวติ ประจำวัน (๑๓) กำรจบั คู่ กำรเปรยี บเทียบ และ (๑๓) กำรจบั คู่ กำรเปรียบเทียบ และ กำรเรยี งลำดับสง่ิ ต่ำงๆ ตำมลักษณะควำมยำว/ กำรเรียงลำดบั ส่งิ ตำ่ งๆ ตำมลักษณะควำมยำว/ ควำมสูง น้ำหนกั ปริมำตร ควำมสงู น้ำหนักปรมิ ำตร

รายการ อนุบาลปีท่ี ๑ อนุบาลปีที่ ๒ อนบุ าลปีที่ ๓ คณติ ศาสตร์ - นบั และแสดงจำนวน ๑ - ๕ - นับและแสดงจำนวน 1 - 10 - นับและแสดงจำนวน 1 - 17 - เปรียบเทยี บจำนวนของส่งิ ต่ำง ๆ สองกลุ่ม - เปรียบเทยี บจำนวนของส่งิ ต่ำง ๆ สองกลมุ่ - เปรียบเทียบจำนวนของส่ิงต่ำง ๆ สองกล่มุ โดยแต่ละกลมุ่ มจี ำนวนไมเ่ กิน 17 วำ่ มีจำนวน เทำ่ กันหรือไม่เท่ำกัน โดยแตล่ ะกลุ่มมจี ำนวนไมเ่ กิน 5 วำ่ มจี ำนวน โดยแตล่ ะกลุ่มมีจำนวนไม่เกิน 10 - บอกจำนวนท่ีเหลือ เมื่อแยกกลมุ่ ยอ่ ยออก จำกกลุ่มใหญ่ทีม่ จี ำนวนไม่เกิน 17 หรือไมเ่ ทำ่ กัน ว่ำมจี ำนวนเทำ่ กนั หรือไมเ่ ท่ำกัน - สงั เกตสิง่ ของหรือสำรวจสถำนท่ีต่ำง ๆ บอกหรือวำดภำพเกย่ี วกบั ลกั ษณะและ - บอกจำนวนท่ีเหลือเมอ่ื แยกกลุม่ ย่อย - บอกจำนวนทีเ่ หลอื เมื่อแยกกลมุ่ ยอ่ ยออก ตำแหน่งของส่งิ ของสถำนท่จี ำกมุมมองต่ำง ๆ ออกกลมุ่ ใหญ่ที่มีจำนวนไมเ่ กิน 5 จำกกลมุ่ ใหญ่ทม่ี จี ำนวนไมเ่ กิน 10 - กำรสังเกตส่งิ ต่ำง ๆ และสถำนทจ่ี ำก - บอกตำแหนง่ ของส่ิงต่ำง ๆ ท่ีกำหนด โดยใช้ มมุ มอง คำขำ้ งบน ขำ้ งลำ่ ง ข้ำงใน ข้ำงนอก ท่ีตำ่ งกนั จำแนกภำพด้ำนตรง ดำ้ นขำ้ ง ขำ้ งหนำ้ ขำ้ งหลังและแสดงส่ิงตำ่ ง ๆ ตำมตำแหนง่ ที่กำหนด วทิ ยาศาสตร์ - สำรวจกำรใชพ้ ลงั งำนในชวี ติ ประจำวนั - สำรวจกำรใชพ้ ลงั งำนในชีวิตประจำวันและ - สำรวจกำรใช้พลังงำนในชวี ิตประจำวนั และ และส่อื สำร ผลกำรสำรวจดว้ ยวิธีกำรที่ เหมำะสมกับวัย สอื่ สำรผลกำรสำรวจด้วยวิธีกำรทเ่ี หมำะสมกบั สอ่ื สำรผลกำรสำรวจดว้ ยวธิ กี ำรทีเ่ หมำะสมกับ วัย วยั - แสดงวธิ ีกำรใช้สงิ่ ของเครือ่ งใชท้ ่ีใช้พลังงำน - แสดงวิธีกำรใช้ส่ิงของเครื่องใชท้ ใ่ี ชพ้ ลังงำน ไฟฟำ้ อยำ่ งถูกตอ้ งเหมำะสม ปลอดภยั และ ไฟฟำ้ อยำ่ งถกู ต้องเหมำะสม ปลอดภัยและ ประหยัดพลังงำน ประหยัดพลังงำน - สบื ค้นข้อมูล เกี่ยวกบั ประโยชนแ์ ละโทษ ที่เกดิ จำกกำรใช้พลงั งำน

รายการ อนบุ าลปีที่ ๑ อนบุ าลปีที่ ๒ อนบุ าลปที ่ี ๓ ๑. การฟงั และปฏิบตั ิตามคาแนะนา พัฒนาการทางภาษา ๑. กำรฟงั และปฏบิ ตั ิตำมคำแนะนำ ๑. กำรฟังและปฏิบัติตำมคำแนะนำ และการรู้หนังสอื ๒. กำรฟังเพลง นทิ ำน คำคล้องจอง ๒. กำรอำ่ นหนงั สอื ภำพ นทิ ำน ๒. กำรคำดคะเน เรือ่ งจำกปกหนงั สอื ๓. กำรอ่ำนหนังสอื ภำพ ๓. กำรเห็นแบบอย่ำงกำรอ่ำนที่ถูกต้อง ๓. กำรอำ่ นหนงั สือภำพ นิทำน ๔. กำรรอจงั หวะท่ีเหมำะสมในกำรพูด ๔. กำรเหน็ แบบอย่ำงกำรอ่ำนทีถ่ กู ต้อง ๕. ร้จู ักสว่ นประกอบหนังสอื ปกหน้ำ ปก ๕. กำรรอจงั หวะท่เี หมำะสมในกำรพดู ใน ชอื่ ผู้แต่ง ผู้วำดภำพ เนื้อเร่ือง ๖. ร้จู กั สว่ นประกอบหนงั สือ ปกหนำ้ ปกใน ๖. กำรเหน็ แบบอยำ่ งกำรเขยี นท่ถี ูกต้อง ชื่อผ้แู ต่ง ผู้วำดภำพ เน้อื เรื่อง ๗. กำรต้งั คำถำมในเรื่องท่ีสนใจ ๘. กำรเห็นแบบอยำ่ งกำรเขยี นที่ถกู ต้อง

หน่วยการจัดประสบการณท์ ี่ 32 แรงและพลงั งานในชวี ิตประจาวนั ชน้ั อนบุ าลปที ี่ ๓ แนวคิด กำรออกแรงกระทำตอ่ สง่ิ ของดว้ ยวิธตี ่ำง ๆ เช่น ผลัก ดงึ บีบ ทบุ ตี เป่ำ เขยำ่ ดดี สิ่งของจะมีกำรเปล่ยี นแปลงรปู รำ่ ง กำรเคลอ่ื นท่ีและกำรเกิดสงิ่ ใหม่ข้นึ ได้ เชน่ เสียงแบบต่ำง ๆ แสง และไฟฟำ้ ได้จำกแหลง่ พลังงำน เชน่ ดวงอำทติ ย์ ลม น้ำ เชอ้ื เพลิงหรอื จำกสิ่งมีชวี ติ เชน่ คน สัตว์ มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 1.เคลื่อนไหวร่ำงกำยอยำ่ ง ประสบการณ์สาคัญ สาระท่ีควรเรียนรู้ มาตรฐานที่ 2 คล่องแคลว่ ประสำนสมั พันธ์ กลำ้ มเน้อื ใหญ่และ 2.1 เคลือ่ นไหวร่ำงกำย ๒.๑.๓ ว่งิ หลบหลกี สง่ิ กีด และทรงตวั ได้ 1.1.1กำรใชก้ ล้ำมเนอ้ื ใหญ่ แรงมผี ลทำใหส้ ่งิ ต่ำง ๆ กลำ้ มเนอื้ เล็กแข็งแรง ใชไ้ ดอ้ ย่ำงคล่องและ อยำ่ งคล่องแคล่วประสำน ขวำงได้อย่ำงคล่องแคล่ว (1) กำรเคล่ือนไหวอยกู่ บั ที่ เปลีย่ นแปลงรปู รำ่ งและ ประสำนสมั พนั ธ์กนั สมั พันธแ์ ละทรงตวั ได้ (2) กำรเคล่ือนไหวเคล่ือนที่ กำรเคล่อื นท่ี 2.2 ใชม้ อื - ตำประสำน 2.2.1 ใชก้ รรไกรตัด (4) กำรเคล่ือนไหวที่ใช้กำรประสำน ๑. นำ้ มัน แกส๊ ธรรมชำติ ลม 2. ใช้กรรไกรตัดกระดำษใน สมั พนั ธข์ องกำรใช้กล้ำมเน้ือใหญใ่ นกำร อำกำศ ไฟฟำ้ คนหรอื สตั ว์ กระดำษตำมแนวเส้นโคง้ ได้ กิจกรรมตำ่ งๆได้ สัมพันธ์กัน ขว้ำง กำรจับ กำรโยน กำรเตะ ทำให้เกิดแรงดนั และทำให้ 1.1.2 กำรใช้กลำ้ มเนื้อเลก็ ยำนพำหนะตำ่ ง ๆ เคลื่อนที่ (5) กำรหยิบจับ กำรจบั ใชก้ รรไกร ได้ กำรฉกี กำรปะ และกำรร้อยวัสดุ ๒.ไฟฟำ้ ทำใหส้ ่งิ ของเคร่ืองใช้ บำงอย่ำงทำงำนได้ ชว่ ย อำนวยควำมสะดวกใน ชวี ิตประจำวนั

มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ตวั บ่งช้ี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ ประสบการณ์สาคญั สาระทีค่ วรเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 3 มสี ุขภำพจติ ดีและมี 3.2 มคี วำมร้สู ึกที่ดตี อ่ 3.2.2 แสดงควำมพอใจใน 3. แสดงควำมพอใจในผลงำน 1.2.4 กำรแสดงออกทำงอำรมณ์ ๓. สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ทีใ่ ช้ ควำมสขุ ตนเองและผู้อนื่ ผลงำนและควำมสำมำรถ และควำมสำมำรถของตนเอง (1) กำรพูดสะท้อนควำมรู้สกึ พลงั งำนไฟฟำ้ แต่ละชนดิ มาตรฐานที่ 5 มีคุณธรรม จริยธรรม ของตนเองและผอู้ นื่ และผู้อน่ื ได้ ของตนเองและผู้อื่น มีวธิ กี ำรใช้แตกตำ่ งกัน ต้อง และมจี ิตใจท่ีดีงำม 1.2.5 กำรมอี ตั ลักษณ์เฉพำะตนและ ใชใ้ หถ้ ูกวธิ ีเพื่อไม่ให้เกดิ เชอ่ื ว่ำตนเองมีควำมสำมำรถ อนั ตรำยและเป็นกำร (1) กำรปฏิบัติกิจกรรมต่ำง ๆ ตำม ประหยดั พลงั งำน ควำมสำมำรถของตนเอง ๕.๒ มีควำมเมตตำกรุณำ ๕.๒.๒ ช่วยเหลือและ ๔. ช่วยเหลือและแบ่งปนั ผู้อนื่ ๑.๒.๓ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม มนี ้ำใจและชว่ ยเหลือ แบ่งปันผูอ้ ่ืนได้ด้วยตนเอง ไดด้ ้วยตนเอง (๒)กำรฟังนทิ ำนเกีย่ วกับคุณธรรม แบ่งปนั จริยธรรม 5.4 มีควำมรับผิดชอบ 5.4.1 ทำงำนทีไ่ ดร้ บั ๕. ทำงำนท่ไี ด้รับมอบหมำย 1.3.4กำรมีปฏสิ ัมพันธ์ มวี ินัย มอบหมำยจนสำเร็จ จนสำเรจ็ ดว้ ยตนเอง มีสว่ นร่วมและบทบำทสมำชิกของสังคม ดว้ ยตนเอง (2) กำรปฏบิ ตั ิตนเป็นสมำชิกทีด่ ขี อง ห้องเรยี น (3) กำรใหค้ วำมรว่ มมือในกำรปฏิบตั ิ กจิ กรรม (2) กำรเลน่ และทำงำนรว่ มกับผูอ้ ่นื

มาตรฐานหลกั สูตรปฐมวัย จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ ๖. เข้ำแถวตำมลำดับ ตวั บ่งชี้ สภาพทพี่ ึงประสงค์ มาตรฐานที่ 6 มี ก่อนหลังได้ ด้วยตนเอง มที กั ษะชีวติ และปฏบิ ตั ิ 6.2 มีวนิ ยั ในตนเอง 6.2.2 เขำ้ แถวตำมลำดบั 1.1.๕ กำรตระหนักรู้เก่ียวกบั ร่ำงกำย ตนตำมหลกั ปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียง กอ่ นหลงั ได้ ด้วยตนเอง ตนเอง (1) กำรเคล่ือนไหว โดยควบคุมตนเอง ไปในทิศทำงระดบั และพื้นท่ี มาตรฐานที่ 8 8.2 มีปฏสิ มั พนั ธท์ ่ีดกี ับ 8.2.1 เลน่ หรอื ทำงำน ๗. เล่นหรอื ทำงำนรว่ มกบั ๑.๓.๔ กำรมีปฏิสมั พนั ธ์ มวี นิ ยั อยรู่ ว่ มกับผู้อื่นได้อย่ำงมี ผูอ้ ื่น รว่ มกบั เพื่อนอย่ำงมี เพอื่ นอย่ำงมีเปำ้ หมำย มสี ว่ นร่วมและบทบำทสมำชกิ ของสังคม ควำมสขุ และปฏบิ ัติตน เป้ำหมำย (๒) กำรปฏบิ ตั ติ นเปน็ สมำชิกทดี่ ี เป็นสมำชิกที่ดขี องสงั คม ของห้องเรยี น ในระบอบประชำธปิ ไตย (๓) กำรใหค้ วำมรว่ มมือในกำรปฏิบตั ิ อันมีพระมหำกษัตรยิ ท์ รง กิจกรรมต่ำงๆ เปน็ ประมขุ ๑.๓.๕ กำรเล่นและทำงำนแบบรว่ มมอื รว่ มใจ (๑) กำรร่วมสนทนำและแลกเปล่ียน ควำมคิดเหน็ (๒) กำรเล่นและทำงำนร่วมกับผอู้ ่นื (๓) กำรทำศิลปะแบบร่วมมือ

มาตรฐานหลกั สตู รปฐมวัย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ตัวบง่ ช้ี สภาพท่พี ึงประสงค์ ๘. สอื่ สำร สนทนำโตต้ อบ ประสบการณส์ าคญั สาระที่ควรเรียนรู้ สอดคล้องอย่ำงตอ่ เน่ือง มาตรฐานท่ี ๙ ๙.๑ สนทนำโต้ตอบและ ๙.๑.๑ ฟงั ผอู้ ่ืนพดู จนจบ เช่อื มโยงกับเร่ืองท่เี รียนรู้ได้ ๑.๔.๑ กำรใช้ภำษำ ใชภ้ ำษำสื่อสำรได้ เลำ่ เรอื่ งให้ผอู้ ่นื เข้ำใจ และสนทนำโต้ตอบอยำ่ ง (๒) กำรฟงั และปฏบิ ตั ิตำมคำแนะนำ เหมำะสมกบั วยั ๙. เล่ำเรอื่ งเปน็ ประโยคอย่ำง (๓) กำรฟงั เพลง นิทำน ตอ่ เน่อื งเช่อื มโยงกับเรอ่ื ง ตอ่ เนื่องใหผ้ ู้อน่ื เข้ำใจได้ (๔) กำรพูดแสดงควำมคดิ ควำมรู้สกึ ท่ฟี ัง ควำมตอ้ งกำร ๑๐. เขยี นช่อื ของตนเองตำม (๕) กำรพดู กบั ผ้อู ่ืนเกย่ี วกบั ๙.๑.๒ เล่ำเปน็ เรื่องรำว แบบ เขียนข้อควำมคลำ้ ย ประสบกำรณ์ของตนเอง หรอื พูดเล่ำ ตอ่ เนื่องได้ ตวั อกั ษร ดว้ ยวิธีท่ีคดิ ขน้ึ เอง เร่อื งรำวเกี่ยวกับตนเอง ได้ (๘) กำรรอจังหวะทีเ่ หมำะสมในกำรพูด ๙.๒ อำ่ น เขยี น ภำพและ ๙.๒.๒ เขยี นชือ่ ของตนเอง (๑๓) กำรสงั เกตทิศทำงกำรอ่ำน ตวั อกั ษร คำ และข้อควำม สญั ลกั ษณ์ได้ ตำมแบบ เขียนข้อควำม (๑๙) กำรเหน็ แบบอย่ำงของกำรเขียน ท่ีถกู ต้อง ด้วยวธิ ีทค่ี ดิ ข้ึนเอง (๒๐) กำรเขียนร่วมกนั ตำมโอกำสและ กำรเขยี นอิสระ (๒๑) กำรเขยี นคำที่มีควำมหมำยกับตัว เด็ก/คำคุน้ เคย

มาตรฐานหลกั สูตรปฐมวัย จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคัญ มาตรฐาน ตวั บง่ ชี้ สภาพท่ีพึงประสงค์ สาระท่คี วรเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี ๑๐ ๑๐.๑ มีควำมสำมำรถใน ๑๐.๑.๒ จับคแู่ ละ ๑๑.จับคแู่ ละเปรียบเทียบ ๑.๔.๒ กำรคิดรวบยอด กำรคิดเชิง มคี วำมสำมำรถในกำรคดิ กำรคดิ รวบยอด เปรียบเทยี บควำมแตกต่ำง ควำมแตกต่ำงหรอื ควำม เหตุผล กำรตดั สินใจและแกป้ ัญหำ ทเ่ี ปน็ พน้ื ฐำนในกำร หรอื ควำมเหมือนของสง่ิ เหมือนของสิง่ ตำ่ งๆ โดย (๕) กำรคัดแยก กำรจัดกลุ่มและ เรยี นรู้ ต่ำงๆ โดยลักษณะท่ีสงั เกต ลกั ษณะทสี่ ังเกตพบสอง กำรจำแนกสิ่งต่ำงๆ ตำมลักษณะและ พบสองลักษณะข้นึ ไป ลกั ษณะข้ึนไปได้ รปู ร่ำง รูปทรง (๘) กำรนับและแสดงจำนวนของส่ิง ตำ่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวัน ๑๐.๑.๓ จำแนกและจดั ๑๒. จำแนกและจัดกลุ่ม (๑๓) กำรจบั คู่ กำรเปรยี บเทียบและ กลุ่มส่งิ ต่ำงๆโดยใช้ต้งั แต่ สองลกั ษณะขนึ้ ไปเปน็ จำนวนของสงิ่ ตำ่ งๆตง้ั แต่สอง กำรเรยี งลำดับสิง่ ต่ำง ๆ ตำมลกั ษณะ เกณฑ์ ลักษณะขนึ้ ไปได้ ควำมยำว/ควำมสูง ๑๐.๒ มคี วำมสำมำรถใน ๑๐.๒.๑ อธิบำยเช่ือมโยง ๑๓. อธิบำยกำรทำงำนที่ (๑๖) กำรอธบิ ำยเชื่อมโยงสำเหตแุ ละ กำรคดิ เชงิ เหตุผล สำเหตแุ ละผลทเ่ี กิดขนึ้ ใน เกดิ ข้นึ ของตนเองได้ ผลท่เี กิดขึน้ ในเหตุกำรณห์ รือกำรกระทำ เหตุกำรณ์หรือกำรกระทำ สอดคล้องกับผลงำนได้ด้วย ดว้ ยตนเอง ตนเองได้

มาตรฐานหลกั สูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ประสบการณ์สาคัญ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ 1.2.1 สนุ ทรียภำพ ดนตรี สาระทีค่ วรเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ (5) กำรทำกจิ กรรมศิลปะต่ำง ๆ มีจนิ ตนำกำรและ ๑๑.๑ ทำงำนศลิ ปะตำม ๑๑.๑.๑ สรำ้ งผลงำนศิลปะ ๑๔. กำรสรำ้ งผลงำนศลิ ปะ (6) กำรสร้ำงสรรค์ส่ิงสวยงำม ควำมคิดสร้ำงสรรค์ จินตนำกำรและควำมคิด เพือ่ ส่ือสำรควำมคิด อยำ่ งอิสระเพ่ือสื่อสำร สร้ำงสรรค์ ควำมรูส้ ึกของตนเองโดยมี ควำมคิดควำมรู้สกึ ของตนได้ กำรดัดแปลงและแปลก ใหม่จำกเดิมหรอื มี รำยละเอยี ดเพ่ิมข้ึน ๑๑.๒ แสดงทำ่ ทำง/ ๑๑.๒.๑ เคล่ือนไหวทำ่ ทำง ๑๕. เคลอื่ นไหวร่ำงกำยแสดง ๑.๔.๓ จินตนำกำรและควำมคิด เคลอ่ื นไหวตำมจนิ ตนำกำร เพอื่ สื่อสำรควำมคิด ทำ่ ทำงโดยใชก้ ำรประสำน สร้ำงสรรค์ อย่ำงสรำ้ งสรรค์ ควำมร้สู กึ ของตนเองอย่ำง สัมพนั ธ์กล้ำมเนื้อและทรงตวั (๑) กำรรบั รู้ และแสดงควำมคดิ หลำกหลำยและแปลกใหม่ ได้ ควำมรสู้ กึ ผำ่ นส่ือ วสั ดุ ของเลน่ และ ช้นิ งำน (2) กำรแสดงควำมคิดสร้ำงสรรคผ์ ่ำน ภำษำทำ่ ทำงกำรเคล่ือนไหวและศลิ ปะ

มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ มาตรฐาน ตวั บ่งชี้ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ 1.4.4 เจตคตทิ ดี่ ตี อ่ กำรเรยี นรแู้ ละ สาระที่ควรเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 12 กำรแสวงหำควำมรู้ มเี จตคตทิ ด่ี ี 12.2 มีควำมสำมำรถใน 12.2.1 ค้นหำคำตอบ 1๖. คน้ หำคำตอบของขอ้ (1) กำรสำรวจสง่ิ ตำ่ ง ๆ และแหลง่ ต่อกำรเรยี นรู้และ เรยี นรรู้ อบตวั มีควำมสำมำรถ กำรแสวงหำควำมรู้ ขอ้ สงสัยต่ำง ๆ โดยใช้ สงสยั ต่ำง ๆ โดยใช้วิธีกำรท่ี (3) กำรสืบเสำะหำควำมรู้ ในกำรแสวงหำควำมรู้ เพือ่ คน้ หำคำตอบของข้อสงสัย ได้เหมำะสมกบั วยั วธิ ีกำรทีห่ ลำกหลำยดว้ ย หลำกหลำยดว้ ยตนเองได้ ตำ่ ง ๆ (4) กำรมสี ว่ นรว่ มในกำรรวบรวมข้อมูล ตนเอง และนำเสนอขอ้ มลู จำกกำรสบื เสำะหำ ควำมรใู้ นรูปแบบ ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยคคำถำม ๑๗.ใช้ประโยคคำถำมว่ำ ตำ่ ง ๆ และแผนภมู ิอย่ำงงำ่ ย วำ่ “เมือ่ ไร” “อย่ำงไร”ใน “เมื่อไร” “อยำ่ งไร”ในกำร กำรคน้ หำคำตอบ คน้ หำคำตอบได้

ผงั ความคิดแผนการจดั ประสบการณ์ หน่วย แรง และพลังงานในชวี ิตประจาวนั ชัน้ อนุบาลปที ี่ ๓ 1. กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ 2. กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ 3. กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ ๑. เคลอื่ นไหวแสดงทำ่ ทำงตำมคำส่ัง ๑. แรงมีผลทำให้สิ่งต่ำง ๆ เปลย่ี นแปลงรูปร่ำง ๑. กำรประดษิ ฐ์รถดว้ ยเศษวัสดุ ๒. เคล่ือนไหวแสดงทำ่ ทำงประกอบอุปกรณ์ และกำรเคลื่อนท่ี เกิดจำก นำ้ มนั แกส๊ ธรรมชำติ ๒. กำรเป่ำสี กำรหยดสี กำรขูดสี ๓.เคลือ่ นไหวแสดงทำ่ ทำงกำรเปน็ ผู้นำ-ผูต้ ำม ลม ไฟฟำ้ คนหรือสตั ว์ ชว่ ยอำนวยควำมสะดวก กำรพิมพ์ภำพ ๔.กำรเคล่ือนไหวแสดงทำ่ ทำงเลยี นแบบ ในชีวติ ประจำวัน ๓. กำรบิดและขยำกระดำษ เครือ่ งยนต์กลไก ๒. สงิ่ ของเครอื่ งใช้ทีใ่ ช้พลงั งำนไฟฟำ้ แต่ละชนดิ ๔. กำรป้นั ดนิ น้ำมนั ๕. เคลอ่ื นไหวแสดงท่ำทำงประกอบเพลง มวี ธิ ีกำรใช้แตกต่ำงกนั ต้องใช้ให้ถกู วธิ เี พ่ือไม่ให้ เกดิ อนั ตรำยและเปน็ กำรประหยดั พลงั งำน 4. กจิ กรรมเล่นตามมุม หนว่ ย 6. กิจกรรมเกมการศึกษา แรงและพลังงาน ๑. มุมประสบกำรณ์ในหอ้ งเรียน ในชวี ิตประจาวนั ๑. เกมเปรียบเทยี บจำนวนของส่ิงตำ่ งๆสอง ๒. มุมหนงั สอื ภำพเกย่ี วกับแรงและพลังงำน กลมุ่ โดยแตล่ ะกลุ่มมีจำนวนไมเ่ กนิ ๑๗ และกำรประดษิ ฐ์ส่งิ ตำ่ งๆ 5. กจิ กรรมกลางแจง้ ๒. เกมพน้ื ฐำนกำรบวกนำตัวเลขมำรวมกันได้ ๑๔,๑๕,๑๖และ๑๗ 1. เล่นเคร่ืองเล่นสนำม ๓. เกมพนื้ ฐำนกำรลบจำนวน ๑๔ - ๑๗ 2. เลน่ นำ้ เล่นทรำย ๔. เกมโดมิโนยำนพำหนะทใ่ี ช้นำ้ มนั เช้อื เพลิง 3. กำรเล่นเกมสง่ บอล ๕. เกมจำแนกสิ่งของเครื่องใช้ตำ่ งๆตำม 4. กำรละเลน่ พืน้ บ้ำนของไทย ชกั เยอ่ ประเภทของพลังงำน 5. กำรเล่นเกมกำรประหยดั พลงั งำน

การวางแผนกจิ กรรมรายหน่วยการจัดประสบการณ์ ช้ันอนบุ าลปที ี่ ๓ หน่วยแรงและพลงั งานในชีวติ ประจาวัน วนั ที่ เคลื่อนไหวและจงั หวะ กิจกรรม เสริมประสบการณ์ ศิลปะสรา้ งสรรค์ เล่นตามมุม กลางแจ้ง เกมการศกึ ษา เล่นเคร่ืองเลน่ สนำม ๑ กำรปฏิบตั ติ ำมคำส่ัง ๑. ในชวี ติ ประจำวัน ๑. กจิ กรรมปั้นดิน - มมุ ประสบกำรณ์ใน เกมเปรียบเทียบจำนวน ของส่งิ ต่ำงๆสองกลุม่ และข้อตกลง มกี ำรออกแรงกระทำ สง่ิ ต่ำง ๆ น้ำมันอย่ำงอสิ ระ ห้องเรียน โดยแต่ละกลมุ่ มีจำนวน ๒. กิจกรรมประดษิ ฐ์ - มมุ หนังสอื ภำพเกย่ี วกับ ไมเ่ กิน๑๗ ดว้ ยวิธีกำร ที่หลำกหลำย รถยนตจ์ ำกเศษวัสดุ แรงและพลงั งำน และกำร ประดิษฐส์ ิ่งตำ่ งๆ ๒. แรงมีผลทำใหส้ ิง่ ตำ่ ง ๆ เปลี่ยนแปลงรปู รำ่ งและกำร เคลอ่ื นท่ี ๒ กำรเคลอ่ื นไหวเชิง น้ำมัน แกส๊ ธรรมชำติ ลม ไฟฟ้ำ กิจกรรมกำรขูดสี - มุมประสบกำรณใ์ น กำรเลน่ นำ้ เล่น เกมพื้นฐำนกำรบวกนำ กำรเป่ำสี ห้องเรียน ทรำย ตัวเลขมำรวมกันได้ ๑๔ สร้ำงสรรคป์ ระกอบ คนหรอื สัตว์ ทำให้ยำนพำหนะ - มมุ หนงั สอื ภำพเกี่ยวกบั , ๑๕ , ๑๖ และ ๑๗ แรงและพลงั งำน และ อุปกรณ์ ต่ำง ๆ เคลอื่ นท่ีได้ กำรประดิษฐส์ ิ่งต่ำงๆ ๓ กำรเคลื่อนไหวแสดง ไฟฟำ้ ทำใหส้ ่ิงของเคร่ืองใช้ กำรปนั้ ดนิ นำ้ มนั - มมุ ประสบกำรณ์ใน กำรเล่นนำ้ - เกมพนื้ ฐำนกำรลบ ทำ่ ทำงเปน็ ผู้นำ ผู้ตำม บำงอยำ่ งทำงำนได้ ช่วยอำนวย กิจกรรมกำรบดิ และ หอ้ งเรียน เลน่ ทรำย จำนวน ๑๔ - ๑๗ ขยำกระดำษ - มมุ หนงั สอื ภำพเกยี่ วกับ ควำมสะดวกในชวี ติ ประจำวัน แรงและพลงั งำน และกำร

วนั ที่ เคลื่อนไหวและจังหวะ กจิ กรรม เสริมประสบการณ์ ศลิ ปะสรา้ งสรรค์ เลน่ ตามมมุ กลางแจ้ง เกมการศกึ ษา ประดิษฐส์ ง่ิ ตำ่ งๆ เกมโดมโิ นยำนพำหนะท่ี ใช้น้ำมันเช้ือเพลงิ ๔ กำรเคลือ่ นไหวแสดง แหล่งพลังงำนมีจำกหลำยแหลง่ กำรหยดสี - มมุ ประสบกำรณใ์ น กำรละเลน่ ชกั เยอ่ ทำ่ ทำงเลยี นแบบ เชน่ พลังงำนจำกดวงอำทิตย์ กำรปั้นดนิ น้ำมนั หอ้ งเรียน เคร่อื งยนต์กลไก ทดลองกำรใช้แสงผ่ำนเลนส์เวำ้ - มุมหนงั สอื ภำพเกีย่ วกบั แรงและพลงั งำน และกำร ประดษิ ฐ์ส่ิงต่ำงๆห้องเรียน ๕ กำรเคลื่อนไหวตำมบท สง่ิ ของเคร่ืองใชท้ ่ีใชพ้ ลงั งำนไฟฟ้ำ กำรปน้ั ดินน้ำมัน - มุมประสบกำรณใ์ น เกมกำรประหยดั เกมจำแนกสง่ิ ของ เพลง แตล่ ะชนดิ มีวธิ กี ำรใชแ้ ตกตำ่ งกนั กำรพมิ พภ์ ำพ พลงั งำน เครือ่ งใชต้ ่ำงๆตำม ต้องใช้ให้ถูกวธิ ีเพื่อไม่ให้เกดิ ห้องเรยี น ประเภทของพลังงำน อันตรำยและเป็นกำรประหยัด พลงั งำน - มมุ หนงั สอื ภำพเก่ยี วกับ แรงและพลงั งำน และกำร ประดิษฐ์สิ่งตำ่ งๆ หอ้ งเรียน

แผนการจดั ประสบการณ์รายวนั วันที่ 1 หน่วย 32 แรงและพลงั งานในชีวติ ประจาวนั ชั้นอนุบาลปีที่ ๓ จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมิน ประสบการณ์สาคัญ สาระท่คี วรเรียนรู้ พฒั นาการ การเรียนรู้ (1) กำรเคล่ือนไหวอยู่ ๑. กจิ กรรมเคลือ่ นไหวพน้ื ฐำนให้เด็กเคล่ือนไหว เคร่อื งเคำะจังหวะ ๓ ชนดิ กับที่ รำ่ งกำยไปทวั่ บรเิ วณอย่ำงอสิ ระตำมจงั หวะ เม่อื ได้ เช่น แทมบูลิน ระฆงั สงั เกต กจิ กรรมเคลอื่ นไหว (2) กำรเคล่ือนไหว ยนิ สญั ญำณหยุดใหห้ ยุดเคล่อื นไหวในท่ำนนั้ กระด่งิ กำรเคลือ่ นไหว และจังหวะ เคล่อื นที่ ๒. กำรเคล่ือนไหว กำรปฏบิ ตั ิตำมคำส่ังและ รำ่ งกำยอย่ำง เคลอ่ื นไหวร่ำงกำย (10) เคลื่อนไหวทำ่ ทำง ขอ้ ตกลงเป็น กำรเคล่อื นไหวทต่ี กลงกนั ก่อนเร่มิ คล่องแคล่วประสำน เพ่อื ส่ือสำรควำมคดิ กจิ กรรม เช่น สมั พนั ธ์และทรงตวั อยำ่ งคล่องแคลว่ ควำมรู้สึกของตนเองได้ - ครูเคำะแทมบลู ินจงั หวะสม่ำเสมอใหเ้ คลื่อนไหว ไปรอบๆตำมทิศทำง ระดับ พ้ืนท่ีไปเร่ือยๆ ประสำนสัมพนั ธ์และ - ครเู ขย่ำกระด่ิงรัวๆเรว็ ๆให้เคลอ่ื นไหวไปรอบๆ ด้วยกำรว่งิ เยำะตำมทศิ ทำง ระดับ พื้นที่ไปเรื่อยๆ ทรงตัวได้ - ครเู คำะระฆงั จังหวะเรว็ ๆให้รบี หำพื้นทีเ่ ฉพำะตวั และครูเคำะ๓คร้ังให้หยุดอยูก่ ับที่ ครสู ำธติ กำรเคล่ือนไหวร่ำงกำยแบบต่ำงๆให้เด็กดู ใหเ้ ด็กเร่ิมเคลอ่ื นไหวตำมคำส่ังและข้อตกลงช้ำๆ ก่อนและค่อยๆเพ่ิมจังหวะให้เรว็ ขนึ้ ๓. ทำตำมขอ้ ๒ ซำ้ อกี 4 - 5 คร้ัง ๔. เด็กนงั่ ผ่อนคลำยสบำย ๆ

จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้ ๑. ครนู ำของเลน่ ท่เี คล่อื นท่ีได้มำให้เด็กดู เชน่ รถ ของเด็กเลน่ เช่น พัฒนาการ ของเล่นต่ำงๆ กังหันกระดำษ ใหเ้ ด็กทดลองเล่น 1. รถของเลน่ กจิ กรรมเสรมิ (1) สำรวจส่ิงต่ำง ๆ และ ๑.ในชวี ิตประจำวัน ของเล่นท่ีครูนำมำ 2. กงั หันลมกระดำษ สงั เกต ประสบการณ์ ๒. สนทนำกับเดก็ อำจใชค้ ำถำมเช่น ๓. กระดำนตอกหมดุ ๑. กำรส่ือสำร ๑. ส่ือสำร สนทนำ แหล่งเรยี นรู้รอบตวั มีกำรออกแรงกระทำ - ของเลน่ นี้เคยเล่นหรือไม่ เลน่ อยำ่ งไร ๔. ตกุ๊ ตำล้มลกุ สนทนำโต้ตอบ โต้ตอบสอดคล้องอยำ่ ง (2) กำรสืบเสำะหำ ๓. ให้เดก็ ทดลองเล่นของเล่นท่ีครูนำมำ หำคำตอบ สอดคลอ้ งอย่ำง ต่อเนือ่ งเชื่อมโยงกับ ควำมรู้เพื่อคน้ หำคำตอบ สิง่ ตำ่ ง ๆ ดว้ ยวธิ ีกำร ด้วยคำถำม เชน่ ตอ่ เนือ่ งเชื่อมโยงกับ เรอื่ งที่ฟงั ได้ (4) กำรพูดแสดง ทห่ี ลำกหลำย - ทำไมของเล่นเคลื่อนที่ได้ เรอื่ งที่ฟัง 2. เลำ่ เร่อื งเป็น ควำมคดิ ควำมรู้สึกและ ๒.แรงมีผลทำให้สง่ิ - ทำไมตกุ๊ ตำลม้ ลุก จงึ ลกุ ขึน้ มำได้อกี 2. กำรเลำ่ เร่ืองเปน็ ประโยค อยำ่ งต่อเน่ือง ๔. ให้เดก็ เล่ำใหฟ้ งั ทบ่ี ้ำนมขี องเล่นอะไรบ้ำงและ ประโยค อยำ่ ง ใหผ้ อู้ นื่ เขำ้ ใจได้ ควำมต้องกำร ตำ่ ง ๆ เปลย่ี นแปลง เด็กเลน่ อยำ่ งไร เมอื่ เลิกเลน่ แลว้ ทำอยำ่ งไร ตอ่ เนอ่ื งใหผ้ อู้ ่นื ๕. เด็กและครูร่วมกนั สรุปว่ำของเลน่ เคล่ือนทีไ่ ด้ เข้ำใจ รปู รำ่ งและกำร อยำ่ งไร เคลื่อนท่ี กจิ กรรมศิลปะ (5) กำรทำกิจกรรม ให้เด็กเลอื กทำกจิ กรรมทส่ี นใจ ๑. กลอ่ งนม หรือกล่องน้ำ สังเกต ๑. กจิ กรรมปั้นดินน้ำมันอยำ่ งอิสระ ผลไม้ ๑. กำรสร้ำงผลงำน สรา้ งสรรค์ ศิลปะตำ่ ง ๆ ๒. กิจกรรมประดิษฐ์รถยนต์จำกเศษวสั ดุ ๒. ยำงวง ศลิ ปะอย่ำงอสิ ระเพ่ือ ๒.๑ ครูสำธติ วิธีกำรทำรถจำกกล่องวัสดเุ หลือใช้ ๓. ไม้เสยี บลูกชิน้ สอ่ื สำรควำมคิด ๑. สร้ำงผลงำนศลิ ปะ (6) กำรสรำ้ งสรรคส์ งิ่ ๒.๒ เดก็ ทำรถจำกวัสดทุ ่ีนำมำครคู อยอำนวย ๔. กำว ควำมรู้สกึ ของตน ควำมสะดวก ๕. กรรไกร อยำ่ งอิสระเพื่อส่ือสำร สวยงำม ควำมคดิ ควำมรู้สกึ ของ (2) กำรแสดงควำมคิด ตนได้ สร้ำงสรรค์ผำ่ นภำษำ ทำ่ ทำงและศิลปะ

จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ ประสบการณ์สาคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้ การเรียนรู้ ๒.๓ วิธีเล่นใหย้ กรถข้ึนแลว้ หมุนล้อรถคหู่ ลัง ๒. กำรอธบิ ำยกำรทำงำน ๒. อธิบำยกำร จนยำงตงึ แลว้ วำงรถลงกบั พ้นื สังเกตกำรณ์ ท่ีเกดิ ขึ้นของตนเองได้ ทำงำนทเ่ี กดิ ข้ึนของ เคลอ่ื นท่ี ว่ำรถเดนิ หนำ้ หรือถอยหลงั อยำ่ งไร สอดคลอ้ งกบั ผลงำน ตนเองไดส้ อดคลอ้ ง กับผลงำนได้ เพรำะอะไร ๒.๔ เด็กนำเสนอรถของตนเองและกำร เคล่ือนทรี่ ถของตน ๒.๕. เด็กเก็บอปุ กรณ์เขำ้ ที่ให้เรียบรอ้ ย กิจกรรมเลน่ ตามมุม (๒) กำรเล่นรำยบุคคล มมุ ประสบกำรณ์ควรมีอย่ำงน้อย ๔ มุม อปุ กรณ์มมุ ประสบกำรณ์ สงั เกต ๑. เลน่ หรือทำงำน กลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่ เด็กเลอื กกิจกรรมในมุมประสบกำรณ์ตำมควำม ในห้องเรยี น ๑. กำรเลน่ หรือทำงำน ร่วมกับเพ่ือนอย่ำงมี (๓) กำรเล่นตำมมุม สนใจ ได้แก่ รว่ มกับเพ่ือนอย่ำงมี 1.๑ มมุ หนังสือ วำงหนังสอื นิทำน หนงั สอื ภำพ เป้ำหมำยได้ ประสบกำรณ์ แผ่นพับต่ำงๆสีสนั งดงำมดึงดูดใจเด็ก เกี่ยวกับ เปำ้ หมำย เรอื่ งแรงและพลังงำนตำ่ งๆ ๒. ช่วยเหลือและ (๒) กำรปฏิบตั ติ นเป็น ๑.๒ มมุ สร้ำงสรรค์ จดั วำงอปุ กรณ์ เกีย่ วกบั ๒. กำรชว่ ยเหลือและ กำรประดิษฐจ์ ำกเศษวสั ดุ และกำรสร้ำงงำนจำก แบง่ ปนั ผู้อ่นื ด้วยตนเอง แบ่งปนั ผู้อืน่ ไดด้ ้วย สมำชกิ ที่ดีของห้องเรียน ตนเอง (๓) กำรให้ควำมรว่ มมือ ในกำรปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ต่ำงๆ กำรใชส้ ีนำ้ ต่ำงๆ ๑.๓ มุมบลอ็ ก ๑.๔ มมุ วทิ ยำศำสตร์ วำงอุปกรณ์ของจริง เก่ียวกับกำรทดลองประดิษฐ์ของเล่นดว้ ย พลังงำนตำ่ งๆ 2. เม่อื หมดเวลำเดก็ เก็บของเขำ้ ทใี่ หเ้ รียบร้อย

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ การเรียนรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระทค่ี วรเรียนรู้ เคร่อื งเล่นสนำม สงั เกต กจิ กรรมกลางแจง้ (๔) กำรเคลื่อนไหวที่ใช้ ๑. ครพู ำเดก็ ไปสนำมเล่น ทบทวนกตกิ ำในกำร ๑. กำรเลน่ หรอื ทำงำน ๑. เล่นหรอื ทำงำน กำรประสำนสัมพันธ์ของ เล่นเครอื่ งเลน่ รว่ มมอื กบั เพ่ือนอยำ่ งมี เป้ำหมำย ร่วมมอื กับเพื่อน กำรใชก้ ล้ำมเน้ือใหญ่ใน ๒. ให้เดก็ เล่นเครอื่ งเลน่ อย่ำงอสิ ระ อย่ำงมีเป้ำหมำยจน กำรจับ กำรโยน กำรเตะ ๓. เม่ือหมดเวลำ ช่วยกันเกบ็ ทำควำมสะอำด สำเรจ็ (๕) กำรเล่นเคร่ืองเล่น สนำม ลำ้ งมอื กลบั เข้ำหอ้ งเรียน สนำมอย่ำงอสิ ระ (๓) กำรเลน่ เครื่องเล่น อยำ่ งปลอดภยั เกมการศึกษา (๘) กำรนบั และแสดง กำรเลน่ เกม ๑. ครูแนะนำและสำธิตกำรเลน่ เกมเปรียบเทียบ 1. เกมเปรยี บเทียบ สงั เกต จำนวนของสิ่งต่ำงๆสอง ๑. กำรจบั คแู่ ละ ๑. จบั คแู่ ละ จำนวนของสิง่ ตำ่ งๆ เปรียบเทยี บจำนวน จำนวนของสิ่งตำ่ งๆสองกลุ่มโดยแตล่ ะกลุ่มมี กล่มุ โดยแต่ละกลุม่ มี เปรยี บเทยี บควำม จำนวนไม่เกนิ ๑๗ แตกตำ่ งหรือควำมเหมอื น เปรียบเทียบควำม ในชีวิตประจำวัน ของส่งิ ตำ่ งๆสองกลมุ่ จำนวนไม่เกนิ ๑๗ ๒. เกมที่เคยเลน่ มำแลว้ ของสง่ิ ต่ำงๆ โดยลกั ษณะ แตกต่ำงหรือควำม (๑๓) กำรจบั คู่ โดยแตล่ ะกล่มุ มี ๒. ครูแบง่ เดก็ เป็นกลุ่มย่อยๆ ใหเ้ ด็กเล่นเกมใหม่ ทส่ี งั เกตพบสองลักษณะ เหมอื นของสิ่งต่ำงๆ จำนวนไมเ่ กนิ ๑๗ และเกมท่ีเคยเลน่ มำแล้ว สลับหมนุ เวียนกัน ข้นึ ไป โดยลกั ษณะทส่ี ังเกต กำรเปรยี บเทียบ ๒. กำรจำแนกและจัด พบสองลักษณะขึ้น ๓. เมอื่ ครบกำหนดเวลำ ครูนำเดก็ สนทนำบอก กลุ่มจำนวนของสง่ิ ต่ำงๆ (๕)กำรคัดแยก กำรจัด ตงั้ แตส่ องลักษณะข้ึนไป ควำมรสู้ กึ เกยี่ วกับเกมทเ่ี ล่น กล่มุ และกำรจำแนกสิ่ง ไปได้ ตำ่ งๆ ตำมลกั ษณะและ ๔. ครูให้เด็กช่วยกนั เก็บเกมเข้ำทีใ่ ห้เรียบรอ้ ย ๒. จำแนกและจัด รูปรำ่ ง รปู ทรง กล่มุ จำนวนของสิง่ ต่ำงๆตงั้ แต่สอง ลักษณะข้ึนไปได้

แผนการจัดประสบการณ์รายวนั วันท่ี 2 หน่วยที่ 32 แรงและพลังงานในชีวติ ประจาวัน ชนั้ อนุบาลปที ี่ ๓ จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ การเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้ กิจกรรมเคลอื่ นไหว (3) กำรเคลื่อนไหว พร้อม 1. กจิ กรรมเคลอื่ นไหวพื้นฐำนใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหว 1. เครอื่ งเคำะจงั หวะ สงั เกต และจังหวะ วัสดุอปุ กรณ์ รำ่ งกำยไปท่ัวบรเิ วณอย่ำงอสิ ระตำมจังหวะ เม่ือ 2. อุปกรณ์ในมุม กำรเคลือ่ นไหว เคล่ือนไหว (4) กำรเคล่ือนไหว ทใี่ ช้ ไดย้ ินสัญญำณหยุดใหห้ ยุดเคล่อื นไหวในท่นี นั้ ประสบกำรณ์ตำ่ งๆใน แสดงทำ่ ทำงประกอบ แสดงท่ำทำง กำรประสำนสมั พันธข์ อง ทันที หอ้ งเรยี น อปุ กรณ์ เพื่อส่ือสำร ประกอบอุปกรณ์ กำรใช้กล้ำมเนื้อใหญ่ 2. ครูใหเ้ ด็กเลือกหยบิ อปุ กรณ์ท่ีชอบในมุม ๓. บตั รคำจำนวนตัวเลข ควำมคิด ควำมรสู้ ึก เพอื่ ส่ือสำรควำมคิด ในกำรจบั กำรโยน ประสบกำรณ์ตำ่ งๆในห้องเรียนคนละหนึง่ ชิน้ ของตนเอง ควำมรู้สึก ตนเองได้ กำรเตะ และเคลื่อนทีไ่ ปตำมจงั หวะอย่ำงอิสระ ๓. ครเู คำะจังหวะใหเ้ ดก็ เคล่อื นทไ่ี ปตำมจังหวะ อยำ่ งอิสระ เมื่อไดย้ ินสญั ญำณหยุดให้จับกลุม่ ตำมท่คี รูยกบตั รคำจำนวนตัวเลข สนทนำกบั เด็กแต่ละกลมุ่ ทำไมจึงเลือกจับกล่มุ กนั และ อปุ กรณ์ท่ีเลอื กมำเล่นอย่ำงไร ๔. ให้เดก็ เลน่ อปุ กรณ์ให้เพ่ือนดู ๑ อย่ำง ได้ยนิ สญั ญำนใหเ้ คลอ่ื นท่ใี หม่ 3. ทำกิจกรรมข้อ 2 ซ้ำอีก 2 - 3 ครง้ั 4. เด็กนง่ั ผอ่ นคลำยสบำย ๆ

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ การเรียนรู้ กจิ กรรมเสริม ประสบการณ์สาคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้ สังเกต ประสบการณ์ ๑. กำรสอ่ื สำร สนทนำ ๑. ส่อื สำร สนทนำ (๔) กำรพูดแสดงควำมคดิ นำ้ มนั แกส๊ กำรทดลององุ่นเต้นระบำ ๑. แกว้ นำ้ ใส โต้ตอบสอดคล้องอยำ่ ง โต้ตอบสอดคล้อง ตอ่ เนื่องเช่ือมโยงกับเรื่อง อย่ำงต่อเนอื่ ง ควำมร้สู กึ ควำมต้องกำร ธรรมชำติ ลม ไฟฟ้ำ ๑. ครจู ดั เตรยี มอุปกรณ์ เทนำ้ อัดลมลงไปในแกว้ ๒. นำ้ อดั ลมชนิดไมม่ ีสี ทเ่ี รียนรู้ เชือ่ มโยงกบั เรื่องท่ี สนทนำกับเด็ก ๒. กำรคน้ หำคำตอบของ เรียนรู้ได้ (๕) กำรพูดกบั ผู้อน่ื คนหรอื สัตว์ ทำให้ - จะเกิดอะไรข้ึนถ้ำเรำใส่องุ่นลงไปในแก้วท่ีใส่ ๓. ผลองุน่ ขอ้ สงสยั ต่ำง ๆ โดยใช้ ๒. ค้นหำคำตอบ นำ้ อัดลมไว้ ๔. รูปภำพเขอื่ น กังหนั ลม วธิ ีกำรที่หลำกหลำยด้วย ของข้อสงสัยต่ำง ๆ เกีย่ วกับประสบกำรณ์ของ ยำนพำหนะตำ่ ง ๆ - สงั เกตผลองุ่นลอยขึ้นลงได้อย่ำงไร ผลิตไฟฟ้ำ ตนเอง โดยใชว้ ิธกี ำรที่ หลำกหลำยดว้ ย ตนเอง หรอื พดู เลำ่ เคล่อื นท่ีได้ ตนเองได้ เรอื่ งรำวเก่ยี วกบั ตนเอง อง่นุ จะจมลงก่อนแตแ่ ล้วจะกลบั ลอยข้ึนเกือบจะ (๘) กำรรอจังหวะท่ี ทนั ที เพรำะมันถูกยกให้ลอยข้ึนดว้ ยฟองอำกำศ เหมำะสมในกำรพดู ในนำ้ อัดลมน่นั เอง (4) กำรมสี ว่ นรว่ ม ในกำร เมือ่ เวลำผำ่ นไปสกั ครู่ ฟองอำกำศบำงสว่ น รวบรวมข้อมลู และ จะระเหยไป ผลอง่นุ จะจบลง อดใจรออีกหนอ่ ย นำเสนอข้อมลู จำกกำร สืบเสำะ หำควำมร้ใู น เพรำะว่ำจะมีฟองอำกำศก่อตัวขน้ึ ใหม่ ผลองุ่น รปู แบบ ตำ่ ง ๆ จะลอยข้นึ อกี ครั้ง ผลองนุ่ จะลอยตัวข้นึ ลง สลับกันเหมอื นกำลังเริงระบำทีเดยี ว ๒. ให้เดก็ ๆ ทดลองใสผ่ ลองุน่ ในแก้วของกลุ่มตน และสงั เกตผลองนุ่ ลอยขึน้ ลงไดอ้ ยำ่ งไร 3. รว่ มกนั สรุป แกส๊ อำกำศท้ังทีเ่ กดิ เองตำม ธรรมชำติและคนสรำ้ งขึน้ เป็นพลงั ทำให้ของ เคลือ่ นที่ได้ เกิดพลังงำนได้ เช่นพลังงำนไฟฟำ้ เกิดจำกแรงน้ำ แรงลม

จดุ ประสงค์ การ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ เรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระที่ควรเรยี นรู้ ให้เดก็ เลอื กทำกจิ กรรมที่สนใจ 1. สีนำ้ 3 สี สงั เกต กจิ กรรมการขูดสี ๒. สีเทียนหลำกสี 1. กำรสรำ้ งผลงำนศลิ ปะ กจิ กรรมศลิ ปะ (2) กำรเล่นกบั สี การเป่าสี ๓. หลอดดูดน้ำ อยำ่ งอสิ ระเพอื่ สื่อสำร ๑.ให้เดก็ เลือกกจิ กรรมตำมควำมสนใจ ๑ อย่ำง ๔. จำนสี ควำมคดิ ควำมรู้สกึ ของตน สร้างสรรค์ (2) กำรแสดงควำมคดิ ๒. ถำมเด็กเวลำเลือกกจิ กรรมคิดตัดสินใจอยำ่ งไร ๕. น้ำ ๒. กำรเขียนชื่อของ ๓.ทำเสรจ็ นำเสนอผลงำนทสี่ ำเรจ็ เขียนคำที่เล่ำ 5. กระดำษ วำดเขยี น ตนเองตำมแบบ เขยี น ๑. สร้ำงผลงำนศลิ ปะ สรำ้ งสรรคศ์ ลิ ปะ ตำมแบบและช่ือตนเองตำมแบบ ขนำด เอ๔ ข้อควำมคล้ำยตวั อักษร อยำ่ งอิสระเพือ่ (1) กำรพูดสะท้อน 4. เดก็ ๆ ช่วยกนั ทำควำมสะอำดจำนสี และ ดว้ ยวิธีที่คิดขนึ้ เอง สือ่ สำรควำมคิด เกบ็ ของเข้ำทไี่ ด้เรยี บร้อย ควำมร้สู กึ ของตนเอง ควำมรสู้ ึกของตนได้ ๒. เขยี นชอ่ื ของ ตนเองตำมแบบ เขียนขอ้ ควำมคลำ้ ย ตวั อักษร ด้วยวธิ ที ี่คิด ขึน้ เองได้ กจิ กรรมเล่นตามมุม (๒) กำรเล่นรำยบุคคล มุมประสบกำรณ์ควรมอี ย่ำงน้อย ๔ มมุ อุปกรณ์มมุ ประสบกำรณ์ สังเกต ๑. เล่นหรอื ทำงำน กลุม่ ย่อย กลุ่มใหญ่ เดก็ เลือกกิจกรรมในมุมประสบกำรณ์ตำมควำม ร่วมกบั เพ่ือนอย่ำงมี (๓) กำรเล่นตำมมมุ สนใจ ไดแ้ ก่ ในห้องเรยี น ๑. กำรเล่นหรือทำงำน เปำ้ หมำยได้ ประสบกำรณ์ 1.๑ มุมหนังสอื วำงหนงั สือนทิ ำน หนังสือภำพ ๒. ช่วยเหลือและ (๒) กำรปฏบิ ตั ิตนเป็น แผน่ พับต่ำงๆสีสนั งดงำมดึงดูดใจเด็ก เก่ียวกับ ร่วมกบั เพื่อนอย่ำงมี แบง่ ปนั ผู้อื่นไดด้ ว้ ย สมำชิกที่ดีของห้องเรยี น เรือ่ งแรงและพลังงำนตำ่ งๆ ตนเอง (๓) กำรให้ควำมร่วมมือใน เป้ำหมำย กำรปฏิบตั กิ จิ กรรมต่ำงๆ ๒. กำรช่วยเหลือและ แบง่ ปันผอู้ นื่ ด้วยตนเอง

จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระทค่ี วรเรยี นรู้ ๑.๒ มมุ สร้ำงสรรค์ จดั วำงอุปกรณ์ เกย่ี วกบั กำรประดิษฐ์จำกเศษวสั ดุ และกำรสร้ำงงำนจำก กำรใชส้ ีนำ้ ตำ่ งๆ ๑.๓ มมุ บล็อก ๑.๔ มุมวทิ ยำศำสตร์ วำงอปุ กรณข์ องจรงิ เกยี่ วกบั กำรทดลองประดิษฐข์ องเล่นดว้ ยพลังงำน ตำ่ งๆ 2. เมอื่ หมดเวลำเด็กเกบ็ ของเข้ำทใ่ี ห้เรยี บร้อย กจิ กรรมกลางแจ้ง (๔) กำรเคล่ือนไหวทใี่ ช้ ๑. ครพู ำเด็กไปสนำม ทบทวนขอ้ ตกลง เลน่ น้ำ- ๑. บรเิ วณเลน่ ทรำย สงั เกต เล่นและทำกิจกรรม กำรประสำนสมั พันธข์ อง กำรเล่นน้ำเลน่ ทรำย กำรใช้กล้ำมเนื้อใหญ่ใน เลน่ ทรำย และแบ่งเดก็ เป็น 2 กลุ่ม ใหเ้ ล่นน้ำ เล่น ๒. บรเิ วณเลน่ นำ้ กำรเล่นและทำกิจกรรม รว่ มมือกบั เพ่ือน กำรจับ กำรโยน กำรเตะ อย่ำงมีเป้ำหมำยจน (๓)กำรเล่นเครื่องเลน่ ทรำย และแจกอปุ กรณข์ องแต่ละกล่มุ ๓. สนำมเด็กเล่น กำรเลน่ น้ำเล่นทรำย สำเรจ็ อยำ่ งปลอดภัย ๒. ครูให้เด็กเลือก เลน่ น้ำ เล่นทรำย ตำมควำม ๔. อุปกรณ์ในกำรเล่นนำ้ รว่ มมอื กบั เพ่ือนอยำ่ งมี สนใจ เลน่ ทรำย เช่น วสั ดุ จม เปำ้ หมำยจนสำเร็จ ๓. เมือ่ หมดเวลำ ชว่ ยกนั เกบ็ ทำควำมสะอำด ลอย พลั่วตักทรำย อุปกรณ์ และทำควำมสะอำดร่ำงกำย กลับเข้ำ ห้องเรยี น

จุดประสงค์ การ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ เรียนรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระท่ีควรเรียนรู้ 1. กำรเล่นเกมพ้ืนฐำน สงั เกต กำรบวกนำตัวเลขมำ ๑. กำรจบั คแู่ ละ เกมการศกึ ษา (13) กำรจบั คู่ กำรเลน่ เกมพ้นื ฐำน ๑. ครูแนะนำและสำธิตกำรเลน่ เกมพ้ืนฐำนกำร รวมกันได้ ๑๔ , ๑๕ , เปรยี บเทียบควำม ๑๖ และ ๑๗ แตกตำ่ งหรือควำมเหมือน ๑. จบั คแู่ ละ เปรียบเทยี บสิ่งตำ่ ง ๆ กำรบวกนำตัวเลขมำ บวกนำตวั เลขมำรวมกันได้ ๑๔ , ๑๕ , ๑๖ และ 2. เกมชดุ เดมิ ในมุม ของสงิ่ ต่ำงๆ โดยลักษณะ เกมกำรศึกษำ ทส่ี งั เกตพบสองลักษณะ เปรียบเทยี บควำม (๘) กำรนับและแสดง รวมกนั ได้ ๑๔ , ๑๕ ๑๗ ข้ึนไป จำนวนของสิ่งต่ำงๆ ใน ๒. กำรจำแนกและจัด แตกต่ำงหรือควำม ชวี ิตประจำวนั , ๑๖ และ ๑๗ ๒. ครแู บ่งเดก็ เป็นกลุ่มยอ่ ยๆ ให้เดก็ เลน่ เกมใหม่ กล่มุ จำนวนของสง่ิ ต่ำงๆ เหมือนของสิง่ ตำ่ งๆ (๑๓) กำรจบั คู่ ต้งั แต่สองลักษณะข้ึนไป โดยลกั ษณะที่สงั เกต และเกมทเ่ี คยเล่นมำแลว้ สลบั หมุนเวยี นกัน พบสองลักษณะข้ึนไป กำรเปรียบเทยี บ ได้ ๓. เม่อื ครบกำหนดเวลำ ครูนำเด็กสนทนำบอก (๕)กำรคัดแยก กำรจัด กลุ่มและกำรจำแนกสิง่ ควำมรสู้ ึกเก่ยี วกับเกมทีเ่ ลน่ ๒. จำแนกและจัด ต่ำงๆ ตำมลักษณะและ ๔. เดก็ ช่วยกันเกบ็ เกมเขำ้ ที่ให้เรียบรอ้ ย กลมุ่ จำนวนของสิ่ง รูปร่ำง รูปทรง ตำ่ งๆตงั้ แตส่ อง ลักษณะข้นึ ไปได้

แผนการจัดประสบการณร์ ายวนั วนั ที่ ๓ หน่วย 32 แรงและพลังงานในชีวิตประจาวัน ช้ันอนบุ าลปีท่ี ๓ จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ การเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ สงั เกต กจิ กรรมเคลอื่ นไหว (๑) กำรเคลื่อนไหวอยู่ ๑. กจิ กรรมเคล่อื นไหวพนื้ ฐำนให้เด็กเคลื่อนไหว เคร่อื งเคำะจงั หวะ ๑.กำรเคลือ่ นไหวท่ำทำง เพ่ือสื่อสำรควำมคดิ และจังหวะ กบั ท่ี ร่ำงกำยไปทัว่ บรเิ วณอย่ำงอสิ ระตำมจังหวะเม่ือได้ ควำมรสู้ ึก กำรเป็นผนู้ ำ และผตู้ ำม ของตนเอง ๑. เคลื่อนไหวทำ่ ทำง (๒) กำรเคล่ือนไหว ยนิ สญั ญำณหยดุ ให้หยุดเคลือ่ นไหวในท่ำนัน้ ทันที ๒.กำรเขำ้ แถวตำมลำดับ กอ่ นหลงั ด้วยตนเอง เพ่อื ส่ือสำรควำมคดิ เคลอ่ื นที่ ๒. ให้เด็กเข้ำแถวตอนๆละประมำณ ๓ - ๕ คน ควำมรสู้ ึก กำรเปน็ (๑) กำรฟังเพลง กำรรอ้ ง ให้แตล่ ะแถวคดิ ท่ำทำงเลยี นแบบส่ิงตำ่ งๆ ผ้นู ำและผตู้ ำม ของ เพลง และกำรแสดง ประกอบจังหวะ ตนเองได้ ปฏกิ ริ ยิ ำโต้ตอบ ๓. ครจู ะเปน็ ผเู้ คำะจงั หวะแต่ละแถว ออกมำเป็น ๒. เข้ำแถวตำมลำดับ เสยี งดนตรี ผนู้ ำทำทำ่ ทำงของตน พร้อมกัน ๑ รอบ และให้ กอ่ นหลังได้ ด้วย (4) กำรเคลื่อนไหวท่ีใช้ เพอ่ื นทำตำม เมื่อไดย้ ินสญั ญำณให้เปล่ียนกลมุ่ ตนเอง กำรประสำนสมั พันธ์ของ ผู้นำใหม่ จนครบทกุ กลุ่ม กำรใชก้ ล้ำมเน้ือใหญ่ใน 3. ทำแบบขอ้ ๒ อีก ๔ - ๕ ครัง้ หรือตำมควำม กำรขวำ้ ง กำรจับ กำร สนใจ โยน กำรเตะ 4. ใหเ้ ดก็ ฟงั ผอ่ นคลำยสบำย ๆ

จุดประสงค์ การ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ เรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระทีค่ วรเรียนรู้ 1. ครูนำสือ่ อุปกรณ์วนั น้ี ใครรจู้ กั บ้ำง ๑. อุปกรณ์กำรทำไข่ต๋นุ สังเกต ๒. ให้เด็กทำยวำ่ เรำจะทำอะไร ไข่ไก่ น้ำปลำ นำ้ เปล่ำ ๑. คน้ หำคำตอบของขอ้ กจิ กรรมเสรมิ (1) กำรสำรวจ สิ่งต่ำง ๆ ไฟฟ้ำทำใหส้ ิ่งของ ๓. วนั นเ้ี รำจะทำไขต่ นุ๋ กนั ครูสำธิตกำรทำตนุ๋ 2. เตำไฟฟำ้ สงสัยต่ำง ๆ โดยใช้วธิ กี ำร ๔. ครตู ีไข่ผสมเครื่องปรุงเรยี บรอ้ ย แบง่ ไขเ่ ป็น ๒ 3. วสั ดุ ใส่อำหำร เช่น ที่หลำกหลำยดว้ ยตนเอง ประสบการณ์ และ แหล่งเรยี นรรู้ อบตัว เครอ่ื งใช้บำงอย่ำง ถ้วย นำไปนึ่ง ๑ ถว้ ย รอไขส่ ุกประมำณ ๑๐นำที ถว้ ย ชำม หมอ้ นงึ่ ไข่ 2. เลำ่ เรอื่ งเป็นประโยค ๕. ขณะทร่ี อใหเ้ ดก็ ฝึกใช้คำถำม ในสง่ิ ท่ีอยำกรู้ 4. รูปภำพเขื่อน กงั หนั อย่ำงต่อเนอ่ื งให้ผ้อู นื่ ๑. คน้ หำคำตอบของ (4) กำรมสี ่วนร่วม ใน ทำงำนได้ ช่วย เชน่ - ไข่ทน่ี ำไปน่งึ จะเป็นอย่ำงไร ลมผลติ ไฟฟำ้ เขำ้ ใจ อำนวยควำมสะดวก 5. รปู เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้ำ ข้อสงสยั ต่ำง ๆ โดย กำรรวบรวมข้อมูลและ ในชวี ติ ประจำวัน - เม่ือไรไขจ่ ะสุก ต่ำงๆ ๖. นำไข่สกุ แล้วเปรยี บเทยี บกับไขด่ ิบ ใช้วิธีกำรที่ นำเสนอข้อมลู ๗. ให้เด็กอะไรหำคำตอบอะไรทำใหไ้ ข่ เปล่ียนแปลง ไมเ่ หมือนกัน หลำกหลำยด้วย (๕) กำรพูดกบั ผู้อืน่ ๘. ครแู ละนักเรียนช่วยกนั สรุป ไฟฟำ้ ทำให้อำหำร สุก ทำใหช้ วี ติ ประจำวนั งำ่ ยขึ้น มีพน้ื ฐำนมำจำก ตนเองได้ เกยี่ วกับประสบกำรณ์ แรงและพลังงำนที่ทำให้เกิดไฟฟ้ำ 2. เล่ำเรอ่ื งเปน็ ของตนเอง หรือพูดเล่ำ ประโยคอยำ่ ง เรอ่ื งรำวเก่ียวกับตนเอง ต่อเนอื่ งใหผ้ ู้อื่น (๘) กำรรอจังหวะที่ เขำ้ ใจได้ เหมำะสมในกำรพูด

จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ การเรียนรู้ ประสบการณส์ าคญั สาระท่ีควรเรียนรู้ ใหเ้ ด็กเลือกทำกิจกรรมทสี่ นใจ การปน้ั ดินนา้ มนั กจิ กรรมศิลปะ (2) กำรเล่นกับสี กิจกรรมการบดิ และขยากระดาษ 1. สนี ้ำ 3 สี สงั เกต ๑. ใหเ้ ด็กเลอื กกจิ กรรมตำมควำมสนใจ ๑ อย่ำง สรา้ งสรรค์ (2) กำรแสดงควำมคดิ ๒. กิจกรรมกำรบิดและขยำกระดำษ คือกำรนำ ๒. จำนสี 1. กำรสรำ้ งผลงำนศิลปะ เศษกระดำษท่ใี ชแ้ ลว้ มำบดิ หรขื ยำให้เปน็ รปู ทรง ๑. สรำ้ งผลงำนศลิ ปะ สรำ้ งสรรค์ศลิ ปะ ต่ำงๆ แล้วนำไปจมุ่ ในน้ำสี แล้วนำไปพมิ พใ์ น ๓. น้ำ อย่ำงอิสระเพ่ือส่ือสำร อย่ำงอสิ ระเพื่อ (1) กำรพูดสะท้อน กระดำษวำดเขยี นตำมจินตนำกำรของตนเอง สอ่ื สำรควำมคิด ๓. ถำมเดก็ เวลำเลือกกิจกรรมคดิ ตัดสนิ ใจอยำ่ งไร ๔. กระดำษ วำดเขียน ควำมคิดควำมร้สู ึกของตน ควำมรูส้ ึกของตนเอง ๔. ทำเสรจ็ นำเสนอผลงำนทีส่ ำเรจ็ เขียนคำท่เี ลำ่ ตำมแบบและชื่อตนเองตำมแบบ ขนำด เอ๔ ๒. กำรเขียนชือ่ ของ ๔. เด็ก ๆ ชว่ ยกนั ทำควำมสะอำดจำนสี และ ควำมร้สู กึ ของตนได้ เกบ็ ของเข้ำที่ไดเ้ รียบร้อย ๕. เศษกระดำษทีใ่ ชแ้ ลว้ ตนเองตำมแบบ เขียน ๒. เขยี นชื่อของ ขอ้ ควำมคลำ้ ยตัวอักษร ตนเองตำมแบบ ดว้ ยวิธที ่ีคิดขน้ึ เอง เขียนขอ้ ควำมคล้ำย ตวั อักษร ดว้ ยวธิ ีทค่ี ิด ขึ้นเองได้ กจิ กรรมเลน่ ตามมุม (2) กำรเลน่ และทำงำน มมุ ประสบกำรณ์ควรมอี ย่ำงน้อย ๔ มมุ มุมประสบกำรณ์ ใน สงั เกต ร่วมกบั ผูอ้ น่ื เดก็ เลือกกิจกรรมในมุมประสบกำรณ์ตำมควำม หอ้ งเรียน ๑. เลน่ หรอื ทำงำน (3) กำรเล่นตำมมมุ สนใจ ได้แก่ ๑. กำรเลน่ หรอื ทำงำน รว่ มกับเพ่ือนอย่ำงมี ประสบกำรณ์ 1.๑ มมุ หนังสอื วำงหนังสือนทิ ำน หนังสือภำพ รว่ มกับเพ่ือนอย่ำงมี เป้ำหมำยได้ แผ่นพบั ตำ่ งๆสสี นั งดงำมดึงดูดใจเด็ก เก่ยี วกับ เป้ำหมำย ๒. ชว่ ยเหลือและ เร่อื งแรงและพลังงำนต่ำงๆ ๒. กำรชว่ ยเหลอื และ แบง่ ปันผอู้ น่ื ได้ด้วย แบง่ ปันผู้อืน่ ด้วยตนเอง ตนเอง

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ การเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ ๑.๒ มมุ สร้ำงสรรค์ จดั วำงอุปกรณ์ เกี่ยวกับ สังเกต ฉกี ตัดปะ และกำรสรำ้ งงำนจำกกำรใช้สนี ้ำตำ่ งๆ กำรเลน่ หรือทำงำน ๑.๓ มมุ บลอ็ ก รว่ มกับเพ่ือนอย่ำงมี ๑.๔ มุมวิทยำศำสตร์ วำงอปุ กรณ์ของจริง เป้ำหมำย เก่ยี วกบั กำรทดลองประดิษฐข์ องเลน่ ด้วยพลังงำน ตำ่ งๆ 2. เมอ่ื หมดเวลำเดก็ เกบ็ ของเข้ำทใ่ี หเ้ รยี บร้อย กจิ กรรมกลางแจง้ (๔) กำรเคล่ือนไหวท่ใี ช้ ๑. ครูพำเดก็ ไปสนำม ทบทวนข้อตกลงในกำรเล่น ๑. ลกู บอล กำรประสำนสมั พนั ธข์ อง และแบ่งเด็กเปน็ กลมุ่ ประมำณ ๓ – ๕ คน ใหเ้ ล่น เลน่ หรือทำงำน กำรใชก้ ล้ำมเนื้อใหญ่ใน เกมส่งบอล รว่ มกับเพ่ือนอย่ำงมี กำรจับ กำรโยน กำรเตะ ๒. กตกิ ำ แบ่งกลมุ่ เด็กประมำณ ๓ – ๔ กล่มุ เป้ำหมำย (2) กำรเล่นและ เท่ำๆกนั เขำ้ แถวตอน วำงลูกบอลอยูด่ ้ำนหนำ้ คน กำรทำงำนร่วมกับผอู้ ืน่ ต้นแถว ๓. เรม่ิ เล่นเด็กคนที่ ๑ ที่อยดู่ ้ำนหน้ำหยบิ บอลสง่ ให้เพ่ือนคนต่อไปโดยกล้งิ ลอดขำ ถงึ คนสดุ ทำ้ ยให้ สง่ บอลกลบั มำด้ำนหนำ้ ใครส่งถงึ ก่อนชนะ ๔. เสรจ็ กจิ กรรมเด็กเลือกเล่นอิสระในสนำม

จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระท่คี วรเรียนรู้ ๕. เมื่อหมดเวลำ ช่วยกนั เก็บทำควำมสะอำด เกมการศึกษา (13) กำรจบั คู่ กำรเลน่ เกมพ้นื ฐำน อปุ กรณ์ และทำควำมสะอำดรำ่ งกำย กลบั เข้ำ 1. กำรเลน่ เกมพืน้ ฐำน สงั เกต ๑. จับคแู่ ละ เปรียบเทยี บสง่ิ ตำ่ ง ๆ กำรลบจำนวน หอ้ งเรียน เปรยี บเทียบควำม (๘) กำรนบั และแสดง ๑๔ - ๑๗ 1. ครูสำธติ กำรเล่นเกมพืน้ ฐำนกำรลบจำนวน กำรลบจำนวน ๑๔ - ๑๗ ๑. กำรจบั คแู่ ละ แตกต่ำงหรือควำม จำนวนของสิ่งตำ่ งๆ ใน ๑๔ - ๑๗ 2. เกมชุดเดิมในมุม เหมือนของสงิ่ ต่ำงๆ ชวี ิตประจำวัน ๒. ครูแบง่ เด็กเปน็ กลุ่มยอ่ ยๆ ใหเ้ ดก็ เลน่ เกมใหม่ เกมกำรศกึ ษำ เปรยี บเทยี บควำม โดยลักษณะทีส่ ังเกต (๑๓) กำรจบั คู่ และเกมทีเ่ คยเลน่ มำแล้ว สลบั หมนุ เวยี นกนั แตกต่ำงหรือควำมเหมอื น พบสองลักษณะขน้ึ ๓. เม่ือครบกำหนดเวลำ ครูนำเดก็ สนทนำบอก ไปได้ กำรเปรยี บเทยี บ ควำมรู้สึกเกย่ี วกับเกมที่เลน่ ของส่งิ ตำ่ งๆ โดยลักษณะ ๒. จำแนกและจดั ๔. เด็กช่วยกนั เกบ็ เกมเข้ำท่ใี หเ้ รียบรอ้ ย กลุ่มจำนวนของส่ิง (๕) กำรคัดแยก กำรจดั ท่สี ังเกตพบสองลักษณะ ตำ่ งๆต้ังแตส่ อง กลุ่มและกำรจำแนกส่ิง ลักษณะขึน้ ไปได้ ตำ่ งๆ ตำมลกั ษณะและ ขึน้ ไป รูปร่ำง รปู ทรง ๒. กำรจำแนกและจัด กลุ่มจำนวนของส่งิ ต่ำงๆ ตง้ั แตส่ องลักษณะขน้ึ ไป

แผนการจัดประสบการณร์ ายวนั วนั ท่ี ๔ หน่วย 32 แรงและพลังงานในชีวิตประจาวัน ชน้ั อนุบาลปีที่ ๓ จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ การเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรียนรู้ สงั เกต กจิ กรรมเคล่ือนไหว (๑) กำรเคล่ือนไหวอยู่ ๑. กิจกรรมเคลือ่ นไหวพืน้ ฐำนให้เด็กเคล่ือนไหว เคร่อื งเคำะจงั หวะ กำรเคล่อื นไหวแสดง ทำ่ ทำงเลียนแบบ และจังหวะ กบั ที่ รำ่ งกำยไปท่ัวบริเวณอย่ำงอสิ ระตำมจงั หวะเมอ่ื ได้ เคร่ืองยนต์กลไกเพ่ือ สอื่ สำรควำมคดิ เคลื่อนไหวแสดง (๒) กำรเคล่ือนไหว ยนิ สญั ญำณหยุดให้หยดุ เคลอ่ื นไหวในทำ่ น้ันทนั ที ควำมรสู้ กึ ของตนเอง ท่ำทำงเลียนแบบ เคล่ือนที่ ๒.ครเู คำะจังหวะชำ้ เร็วใหเ้ ด็กเคลอ่ื นไหวท่ำทำง สงั เกต ๑. กำรคน้ หำคำตอบของ เคร่ืองยนต์กลไกเพ่ือ (๑) กำรฟังเพลง กำรร้อง เลียนแบบเครือ่ งยนต์กลไกให้สอดคลอ้ งกบั จังหวะ ข้อสงสยั ตำ่ ง ๆ โดยใช้ วิธีกำรทหี่ ลำกหลำยด้วย ส่ือสำรควำมคิด เพลง และกำรแสดง เม่ือได้ยินสญั ญำณหยุดให้บอกวำ่ เลียนแบบอะไร ตนเอง ๒. กำรใช้ประโยคคำถำม ควำมร้สู กึ ของตนเอง ปฏกิ ิรยิ ำโตต้ อบ 3.ทำแบบขอ้ ๒ อีก ๔-๕ ครัง้ หรอื ตำมควำมสนใจ ว่ำ “เมือ่ ไร” “อย่ำงไร” ในกำรค้นหำคำตอบ ได้ เสียงดนตรี 4. ใหเ้ ด็กฟังผ่อนคลำยสบำย ๆ กจิ กรรมเสริม (1) กำรสำรวจส่งิ ตำ่ ง ๆ แหลง่ พลังงำนมีจำก 1. ครแู ละเดก็ สนทนำกันถึงสิ่งแวดลอ้ มใน 1. รปู ภำพส่ิงตำ่ งๆที่ได้ หลำยแหลง่ เชน่ หอ้ งเรียน โดยครกู ระตุน้ ใหเ้ ด็กต้งั คำถำมท่ีตนเอง ประโยชน์จำกพลังงำน ประสบการณ์ และ แหล่งเรียนรู้ พลงั งำนจำกดวง สงสยั ในชีวติ ประจำวนั เช่น แสงอำทิตย์ อำทิตย์ - ทำไมจงึ มีกลำงวนั กลำงคนื ๒. เลนส์เว้ำ ๑. คน้ หำคำตอบของ รอบตวั - ทำไมห้องเรำถึงสวำ่ ง เพรำะอะไร ๓. สำลี - แสงสวำ่ งมำจำกทไ่ี หน ข้อสงสยั ต่ำง ๆโดยใช้ (4) กำรมสี ่วนรว่ ม ใน - จะเกดิ อะไรขึ้นถ้ำไม่มีแสงสวำ่ ง วิธีกำรท่หี ลำกหลำย กำรรวบรวมขอ้ มูลและ - เรำไดป้ ระโยชน์อะไรจำกแสงอำทิตย์บำ้ ง นำเสนอข้อมูล ๒. กำรทดลองใช้เลนสเ์ ว้ำ รวมแสงใหเ้ ดก็ คำดเดำ ดว้ ยตนเองได้ (4) กำรพูด แสดง ว่ำจะเกิดอะไรขึ้น และใช้สำลีเปน็ จดุ รับแสง ๒. ใช้ประโยคคำถำม ควำมคดิ ควำมรสู้ ึกและ 3. สรุปรว่ มกันถงึ ประโยชน์ของแสงอำทิตย์ ว่ำ “เมื่อไร” ควำมต้องกำร “อยำ่ งไร” ในกำร คน้ หำคำตอบได้

จุดประสงค์ การ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ เรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้ สงั เกต กำรสรำ้ งผลงำนศลิ ปะ กิจกรรมศิลปะ (2) กำรเขียนภำพ ให้เดก็ เลอื กทำกจิ กรรมท่ีสนใจ 1. สีน้ำ แม่สี ๓ สี เพื่อสื่อสำรควำมคดิ 2. ดินนำ้ มนั ควำมรู้สกึ ของตนเอง สร้างสรรค์ (2) กำรแสดงควำมคิด การหยดสี และ การป้นั ดนิ น้ามนั 1. มุมประสบกำรณ์ สังเกต สร้ำงผลงำนศลิ ปะ สรำ้ งสรรค์ ศลิ ปะ ๑. ใหเ้ ดก็ เลอื กกิจกรรมตำมควำมสนใจ ๑ อย่ำง ในหอ้ งเรียน ๑. กำรเล่นหรือทำงำน เพอ่ื ส่ือสำร ควำมคิด (๓) กำรทำศลิ ปะแบบ ๒. ถำมเดก็ เวลำเลอื กกจิ กรรมคดิ ตดั สนิ ใจอย่ำงไร ร่วมกับเพื่อนอย่ำงมี ควำมรูส้ กึ ของตนเอง ร่วมมอื ๓. ทำเสรจ็ นำเสนอผลงำนทส่ี ำเรจ็ เป้ำหมำย ได้ 4. เด็ก ๆ ชว่ ยกนั ทำควำมสะอำดอุปกรณ์ และ ๒. กำรชว่ ยเหลอื และ (5) กำรทำงำนศลิ ปะ เก็บของเข้ำท่ีได้เรียบร้อย แบง่ ปันผูอ้ ่นื ดว้ ยตนเอง กจิ กรรมเล่นตามมุม (2) กำรเล่นและทำงำน มุมประสบกำรณ์ควรมีอย่ำงน้อย ๔ มุม เด็กเลอื กกิจกรรมในมุมประสบกำรณต์ ำมควำม ๑. เล่นหรือทำงำน ร่วมกบั ผู้อ่นื สนใจ ได้แก่ ร่วมกับเพื่อนอย่ำงมี (3) กำรเล่นตำมมมุ 1.๑ มมุ หนงั สอื วำงหนงั สอื นทิ ำน หนังสือภำพ ประสบกำรณ์ แผ่นพบั ต่ำงๆสีสนั งดงำมดึงดูดใจเดก็ เกยี่ วกับ เปำ้ หมำยได้ เรอื่ งแรงและพลังงำนตำ่ งๆ ๑.๒ มุมสร้ำงสรรค์ จัดวำงอปุ กรณ์ เกย่ี วกับ ๒. ช่วยเหลอื และ ฉีกตดั ปะ และกำรสรำ้ งงำนจำกกำรใช้สีนำ้ ต่ำงๆ ๑.๓ มุมบลอ็ ก แบง่ ปันผ้อู ่ืนไดด้ ว้ ย ๑.๔ มมุ วทิ ยำศำสตร์ วำงอปุ กรณข์ องจรงิ เกย่ี วกบั กำรทดลองประดิษฐข์ องเลน่ ดว้ ยพลังงำน ตนเอง ตำ่ งๆ 2. เม่ือหมดเวลำเด็กเก็บของเข้ำทใี่ หเ้ รียบร้อย

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ การเรียนรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ กิจกรรมกลางแจง้ (๔) กำรเคล่ือนไหวท่ใี ช้กำร ๑. ครพู ำเดก็ ไปสนำม ทบทวนข้อตกลงในกำร ๑. อุปกรณใ์ หส้ ัญญำณ สงั เกต ประสำนสัมพันธ์ของกำรใช้ ๑. กำรเลน่ หรอื ทำงำน ๑. เล่นหรือทำงำน กล้ำมเนอ้ื ใหญ่ในกำรจับ เล่น และแบง่ เด็กเปน็ กลุ่มประมำณ ๓ – ๕ คน เชน่ นกหวดี ระฆงั ร่วมกับเพื่อนอย่ำงมี ร่วมกบั เพ่ือนอย่ำง กำรโยน กำรเตะ เป้ำหมำยได้ มีเปำ้ หมำยได้ (2) กำรเล่นและกำรทำงำน ให้เลน่ เกมกำรละเลน่ ชกั เย่อ ๒. เชือกเสน้ ใหญ่ๆ ๑ ๒. กำรเขำ้ แถวตำมลำดับ ๒. เข้ำแถว รว่ มกับผอู้ น่ื ก่อนหลัง ด้วยตนเอง ตำมลำดับ ชกั เย่อ เป็นกำรละเลน่ พ้ืนบำ้ น ทเ่ี ป็นกำรออก เสน้ สำหรบั จับดึงกนั กอ่ นหลังได้ ดว้ ย กำลังกำย สรำ้ งควำมสำมัคคใี นหม่คู ณะ ๓. ผำ้ ผกู เชือก ตนเอง วิธเี ล่น ๑. แบง่ เขตโดยมเี สน้ ๓ เสน้ คอื กึ่งกลำงและเส้น เขตแดนของแตล่ ะฝ่ำย แบง่ เชือกตรงกลำงโดยใช้ ผ้ำผกู ไวใ้ ห้เหน็ ชดั เจน ๒. จดั คนเล่นออกเป็น ๒ พวก ให้มีกำลงั พอๆ กนั เมื่อแบง่ พวกเสรจ็ แลว้ ใหไ้ ปอยู่คนละข้ำงของ เชอื กน้ัน ๓. เมอ่ื ใหส้ ัญญำณแล้วต่ำงฝ่ำยก็ดงึ ไปข้ำงหลัง ของตน กำรตัดสนิ ใหม้ ผี ตู้ ัดสิน ๑ คน ยืนตรง กลำงใหส้ ญั ญำณและตัดสนิ เมอ่ื ผำ้ ท่ผี ูกเชอื กตรง กลำงไปถึงเสน้ เขตแดนฝ่ำยตรงขำ้ ม คือผชู้ นะ ๔. เม่ือหมดเวลำ ชว่ ยกนั เก็บทำควำมสะอำด อุปกรณ์ และทำควำมสะอำดรำ่ งกำย กลับเข้ำ ห้องเรียน

จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ การเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคญั สาระที่ควรเรยี นรู้ เกมการศกึ ษา 1. ครสู ำธิต กำรเล่นเกมโดมโิ นยำนพำหนะทใี่ ช้ 1. กำรเล่นเกมโดมิโน สงั เกต ๑. จบั คแู่ ละ (13) กำรจับคู่ กำรเลน่ เกมโดมิโน น้ำมนั เชอ้ื เพลงิ ยำนพำหนะท่ใี ช้นำ้ มนั ๑. เล่นเกมจับคแู่ ละ เปรยี บเทียบควำม ๒. ครูแบง่ เดก็ เป็นกลุ่มยอ่ ยๆ ใหเ้ ด็กเลน่ เกมใหมแ่ ละ เชอ้ื เพลิง เปรียบเทียบ จำนวน แตกต่ำงหรือควำม เปรยี บเทยี บสง่ิ ตำ่ ง ๆ ยำนพำหนะท่ีใชน้ ำ้ มัน เกมท่ีเคยเล่นมำแล้ว สลับหมุนเวียนกัน 2. เกมชุดเดมิ ในมุม ๒. กำรจำแนกและจดั เหมือนของส่งิ ต่ำงๆ (๘) กำรนับและแสดง เช้ือเพลิง ๓. เม่อื ครบกำหนดเวลำ ครนู ำเด็กสนทนำบอก เกมกำรศกึ ษำ กล่มุ จำนวนของสงิ่ ตำ่ งๆ โดยลกั ษณะทส่ี ังเกต จำนวนของส่งิ ต่ำงๆ ควำมรสู้ กึ เกยี่ วกับเกมท่ีเลน่ ตงั้ แต่สองลักษณะข้ึนไป พบสองลักษณะขน้ึ ๔. เดก็ ชว่ ยกนั เก็บเกมเขำ้ ท่ใี ห้เรยี บรอ้ ย ไปได้ ในชีวติ ประจำวัน ๒. จำแนกและจดั (๑๓) กำรจบั คู่ กลมุ่ จำนวนของสิ่ง ต่ำงๆตง้ั แต่สอง กำรเปรยี บเทยี บ ลกั ษณะขน้ึ ไปได้ (๕) กำรคัดแยก กำรจัด กล่มุ และกำรจำแนกสงิ่ ตำ่ งๆ ตำมลกั ษณะและ รูปรำ่ ง รูปทรง

แผนการจดั ประสบการณ์รายวัน วนั ที่ ๕ หน่วย 32 แรงและพลงั งานในชวี ิตประจาวัน ชั้นอนบุ าลปที ี่ ๓ จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้ กจิ กรรมเคลอ่ื นไหว (๑) กำรเคล่ือนไหวอย่กู ับ ๑. กจิ กรรมเคลอื่ นไหวพ้นื ฐำนใหเ้ ด็กเคล่ือนไหว 1. เคร่อื งเล่นเทป สังเกต และจังหวะ 2. เพลง ประหยดั กำรเคลือ่ นไหวร่ำงกำย เคลอ่ื นไหวร่ำงกำย ท่ี ร่ำงกำยไปทัว่ บรเิ วณอย่ำงอสิ ระตำมจังหวะเมอ่ื ไดย้ ิน พลงั งำน แสดงท่ำทำงประกอบ แสดงท่ำทำง (๒) กำรเคลื่อนไหว สญั ญำณหยุดใหห้ ยดุ เคลือ่ นไหวในท่ำน้นั ทันที เพลงโดยใช้กำรประสำน ประกอบเพลงโดย เคลอ่ื นท่ี สมั พนั ธ์กลำ้ มเน้ือและทรง ใช้กำรประสำน (๑) กำรฟังเพลง กำรรอ้ ง ๒. ครเู ปดิ เพลงประหยัดพลงั งำน ใหเ้ ด็กฟัง ๑ รอบ ตวั สัมพนั ธก์ ลำ้ มเน้ือ เพลง และกำรแสดง และทรงตัวได้ ปฏกิ ริ ยิ ำโตต้ อบ และใหเ้ ด็กรอ้ งตำม ๑ รอบ รอบตอ่ ๆไปร้องพรอ้ ม เสียงดนตรี กนั และให้เดก็ แสดงท่ำทำงประกอบเพลง ๓. ทำตำมข้อ ๒ ซำ้ อกี 4 - 5 คร้ัง ๔. เด็กนงั่ ผอ่ นคลำยสบำย ๆ กิจกรรมเสรมิ (1) กำรสำรวจ สิ่งต่ำง ๆ ส่ิงของเครือ่ งใช้ทีใ่ ช้ 1. ครูและเดก็ สนทนำจำกเนื้อเพลง ประหยดั 1. เทยี นไข ๒ แทง่ สังเกต ประสบการณ์ และแหลง่ เรยี นรรู้ อบตัว ๑. กำรค้นหำคำตอบของ ๑. ค้นหำคำตอบ (4) กำรมีส่วนร่วม ใน พลงั งำนไฟฟ้ำแตล่ ะ พลงั งำน ให้เด็กช่วยกันหำคำตอบเกยี่ วกับกำรใช้ กำรรวบรวมขอ้ มูลและ ชนิด มีวิธกี ำรใช้ ไฟฟำ้ กำรประหยดั พลงั งำนและโดยใชค้ ำถำม เช่น ขอ้ สงสัยตำ่ ง ๆ โดยใช้ ของขอ้ สงสยั ต่ำง ๆ นำเสนอข้อมลู - ถ้ำไฟฟำ้ ดับ ๓ วันจะเปน็ อยำ่ งไร (4) กำรพูด แสดง แตกตำ่ งกัน ตอ้ งใช้ - เครื่องใช้ไฟฟำ้ ใช้อยำ่ งไร วธิ กี ำรที่หลำกหลำย โดยใชว้ ธิ กี ำรท่ี ควำมคดิ ควำมรู้สึกและ ให้ถูกวิธีเพ่ือไม่ให้ - เรำจะชว่ ยกนั ประหยดั ไฟฟ้ำได้อย่ำงไร ควำมตอ้ งกำร ดว้ ยตนเอง หลำกหลำยด้วย เกดิ อนั ตรำยและเป็น ๒. เรำทดลองกำรใช้พลังงำนดว้ ยกำรจดุ เทยี นสอง ตนเองได้ กำรประหยัด เลม่ ไวค้ ูก่ ัน แท่งหนง่ึ จดุ ตลอด อกี แท่งหน่ึงจดุ และ พลังงำน ดับเปน็ ระยะ เวลำผำ่ นไป ๕ นำทีนำเทยี นมำเทยี บ ใหเ้ ด็กช่วยกนั สรปุ ถงึ กำรประหยดั พลังงำน

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ สงั เกต กำรสร้ำงผลงำนศิลปะ กิจกรรมศิลปะ (2) กำรเขยี นภำพ ให้เดก็ เลือกทำกิจกรรมท่สี นใจ 1. สนี ้ำ 3 สี เพอื่ สื่อสำรควำมคดิ ควำมรูส้ กึ ของตนเอง สร้างสรรค์ (2) กำรแสดงควำมคิด การปน้ั ดินน้ามนั และการพิมพภ์ าพ ๒. จำนสี สงั เกต สรำ้ งผลงำนศิลปะ สร้ำงสรรค์ ศลิ ปะ กำรพิมพภ์ ำพ ให้เดก็ พมิ พภ์ ำพจำกวสั ดุท่ีหำไดใ้ น ๓. นำ้ ๑. กำรเล่นหรือทำงำน เพือ่ ส่ือสำร ควำมคดิ (๓) กำรทำศิลปะแบบ รว่ มกบั เพื่อนอย่ำงมี ควำมรู้สึกของตนเอง รว่ มมือ สิ่งแวดลอ้ ม ๔. กระดำษ วำดเขียน เปำ้ หมำย ได้ ๒. กำรชว่ ยเหลือและ ๑. ให้เด็กเลอื กกจิ กรรมตำมควำมสนใจ ๑ อย่ำง ขนำด เอ๔ แบ่งปันผอู้ ่นื ดว้ ยตนเอง ๒. ถำมเด็กเวลำเลือกกิจกรรมคิดตดั สนิ ใจอย่ำงไร ๕. ลูกโปง่ ใบไม้ (5) กำรทำงำนศลิ ปะ ๓. ทำเสรจ็ นำเสนอผลงำนที่สำเร็จ เด็ก ๆ ชว่ ยกนั ก้ำนกลว้ ย ทำควำมสะอำดอปุ กรณ์ และเก็บของเขำ้ ที่ กจิ กรรมเล่นตามมุม (2) กำรเลน่ และทำงำน มุมประสบกำรณ์ควรมีอย่ำงน้อย ๔ มมุ 1. มมุ ประสบกำรณ์ ๑. เลน่ หรอื ทำงำน รว่ มกบั ผ้อู น่ื เดก็ เลอื กกจิ กรรมในมุมประสบกำรณต์ ำมควำม ในหอ้ งเรียน ร่วมกับเพื่อนอย่ำงมี (3) กำรเลน่ ตำมมมุ สนใจ ไดแ้ ก่ เป้ำหมำยได้ ประสบกำรณ์ 1.๑ มุมหนงั สือ วำงหนงั สอื นทิ ำน หนงั สอื ภำพ ๒. ช่วยเหลอื และ แผ่นพับต่ำงๆสีสนั งดงำมดึงดูดใจเดก็ เก่ียวกับ เรอื่ งแรงและพลังงำนต่ำงๆ แบง่ ปันผู้อนื่ ไดด้ ้วย ๑.๒ มุมสรำ้ งสรรค์ จัดวำงอุปกรณ์ เกยี่ วกับ ตนเอง ฉกี ตัดปะ และกำรสรำ้ งงำนจำกกำรใช้สีนำ้ ต่ำงๆ ๑.๓ มมุ บลอ็ ก ๑.๔ มุมวิทยำศำสตร์ วำงอุปกรณ์ของจริง เก่ียวกับกำรทดลองประดิษฐข์ องเล่นดว้ ยพลังงำน ต่ำงๆ 2. เมอ่ื หมดเวลำเด็กเก็บของเขำ้ ท่ใี หเ้ รียบร้อย

จดุ ประสงค์ การ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ ประสบการณ์สาคัญ สาระทค่ี วรเรยี นรู้ เรียนรู้ (๔) กำรเคล่ือนไหวทีใ่ ช้ ๑. ครพู ำเดก็ ไปสนำม ทบทวนขอ้ ตกลงในกำรเลน่ ๑. นกหวีด สังเกต กำรประสำนสัมพนั ธ์ของ ๑. กำรเล่นหรือทำงำน กิจกรรมกลางแจง้ กำรใช้กล้ำมเน้ือใหญ่ใน ใหเ้ ล่นเกมกำรประหยดั พลงั งำน ร่วมกบั เพ่ือนอย่ำงมี ๑. เล่นหรือทำงำน กำรจับ กำรโยน กำรเตะ เป้ำหมำย ร่วมกบั เพ่ือนอย่ำงมี (2) กำรเล่นและกำร วธิ เี ลน่ ๒. กำรเลำ่ เรอ่ื งเป็น เป้ำหมำย ทำงำนรว่ มกบั ผู้อน่ื ๑. ใหเ้ ด็กเลือกเพอ่ื นตำมควำมสมคั รใจ ๒ – ๔ ประโยคอย่ำงตอ่ เน่ืองให้ ๒. เล่ำเรอ่ื งเปน็ คน ผูอ้ น่ื เข้ำใจ ประโยคอย่ำง 2. กำหนดเวลำประมำณ ๕ นำทคี รูจะเป่ำนกหวดี ต่อเนือ่ งใหผ้ ู้อ่ืน เม่อื เร่มิ ต้นและหมดเวลำ ใหเ้ ดก็ วิง่ ไปสำรวจรอบๆ เข้ำใจได้ โรงเรยี น และช่วยทำอะไรบำ้ ง ใหก้ ลบั มำเลำ่ พร้อมหลักฐำนดว้ ยถ้ำมี เชน่ ช่วยปิดไฟ ชว่ ยปดิ น้ำ วันนีเ้ ก็บขยะมำก่ีชนิ้ ส่ิงไหนนำกลับมำใชไ้ ด้ บ้ำง 3. เสร็จกจิ กรรมเดก็ เลือกเล่นอิสระในสนำม 4. เมอ่ื หมดเวลำ ชว่ ยกนั เกบ็ ทำควำมสะอำด อุปกรณ์ และทำควำมสะอำดร่ำงกำย กลบั เข้ำ ห้องเรียน

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระทคี่ วรเรียนรู้ 1. ครูสำธติ กำรเล่นเกมจำแนกสิง่ ของเครื่องใช้ 1. เกมจำแนกสง่ิ ของ สงั เกต ต่ำงๆตำมประเภทของพลังงำน เครื่องใชต้ ่ำงๆตำม ๑. กำรจำแนกและจัด เกมการศกึ ษา (๕) กำรคัดแยก กำรจดั กำรเลน่ เกมจำแนก 2. จดั เดก็ เข้ำกลุม่ เลน่ เกมหมุนเวียน เล่นเกม ประเภทของพลงั งำน กลุ่มจำนวนของส่ิงตำ่ งๆ ชดุ ใหม่ และเกมชุดทเี่ คยเล่นมำแล้ว 2. เกมชุดเดิมในมมุ ต้งั แตส่ องลักษณะขึ้นไป จำแนกและจัดกลมุ่ กลมุ่ และกำรจำแนก ส่ิงของเคร่อื งใชต้ ำ่ งๆ 3. เมอ่ื ไดย้ นิ สัญญำณเดก็ ช่วยกันจัดเกบ็ เกมเข้ำท่ี เกมกำรศึกษำ จำนวนของสง่ิ สิง่ ตำ่ งๆ ตำมลักษณะ ตำมประเภทของ ใหเ้ รียนรอ้ ย ต่ำงๆต้ังแตส่ อง และรูปร่ำง รปู ทรง พลังงำน ลกั ษณะขึ้นไปได้ (๘) กำรนบั และแสดง จำนวนของสิง่ ตำ่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจำวนั (๑๓) กำรจบั คู่ กำรเปรยี บเทยี บและ กำรเรียงลำดับส่ิงตำ่ ง ๆ ตำมลักษณะควำมยำว/ ควำมสงู

๑. เลขที่ ชื่อ – สกลุ ๒. ๓. ๔. ๕. 6. 7. 8. 9. 10. 1. เคลอื่ นไหวรำ่ งกำยอยำ่ งคลอ่ งแคล่วประสำน ดา้ นร่างกาย สัมพันธแ์ ละทรงตัวได้ ดา้ นอารมณ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเด็ก หน่วยท่ี 3๒ แรงและพลังงานในชวี ติ ประจาวนั ชัน้ อนุบาลปีที่ ๓ 2. ใชก้ รรไกรตัดกระดำษในกิจกรรมต่ำงๆได้ 3. แสดงควำมพอใจในผลงำนและควำมสำมำรถของ ดา้ นสังคม ตนเองและผูอ้ ืน่ ได้ ประเมินพฒั นาการ ๔. ชว่ ยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นไดด้ ว้ ยตนเอง ดา้ นสตปิ ญั ญา ๕. ทำงำนท่ไี ด้รบั หมอบหมำยจนสำเร็จได้ ดว้ ยตนเอง ๖. เขำ้ แถวตำมลำดบั กอ่ นหลงั ได้ ดว้ ยตนเอง ๗. เล่นหรือทำงำนรว่ มกับเพอ่ื นอยำ่ งมเี ป้ำหมำย ๘. สื่อสำร สนทนำโต้ตอบสอดคลอ้ งอยำ่ งตอ่ เนือ่ ง เช่ือมโยงกับเรอ่ื งที่ฟังได้ ๙. เลำ่ เร่อื งเปน็ ประโยคอยำ่ งต่อเนอื่ งใหผ้ อู้ ื่นเข้ำใจได้ ๑๐. เขยี นชอื่ ของตนเองตำมแบบ เขียนข้อควำมคลำ้ ย ตัวอกั ษร ดว้ ยวธิ ที ี่คดิ ขึน้ เองได้ ๑๑. จบั คู่และเปรียบเทียบควำมแตกต่ำงหรอื ควำม เหมอื นของสงิ่ ตำ่ งๆ โดยลักษณะทสี่ ังเกตพบสอง ลักษณะข้ึนไปได้ ๑๒. จำแนกและจดั กลมุ่ จำนวนของสิง่ ต่ำงๆได้ ๑๓. อธิบำยกำรทำงำนท่ีเกิดขึ้นของตนเองได้สอดคล้อง กบั ผลงำนได้ดว้ ยตนเอง ๑๔. กำรสร้ำงผลงำนศิลปะอย่ำงอิสระเพื่อส่ือสำร ควำมคิดควำมรสู้ กึ ของตนได้ ๑๕. เคล่ือนไหวร่ำงกำยแสดงทำ่ ทำงตำมคำบรรยำย โดยใชก้ ำรประสำนสัมพนั ธ์กลำ้ มเนือ้ และทรงตัวได้ 1๖. คน้ หำคำตอบของขอ้ สงสัยต่ำง ๆ โดยใชว้ ธิ ีกำรท่ี หลำกหลำยด้วยตนเองได้ ๑๗. ใช้ประโยคคำถำมว่ำ “เม่ือไร” “อยำ่ งไร”ในกำร ค้นหำคำตอบได้ หมาย เหตุ

1๑. เลขท่ี ชอ่ื – สกุล 1๒. 1๓. 1๔. 1๕. 16. 17. 18. 19. 20. คาอธบิ าย ครูสังเกตพฤติกรรมเด็กรำยบุคคล จดบันทึกสรปุ เปน็ รำยสปั ดำหร์ ะบรุ ะดับคุณภำพเป็น ๓ ระดบั คือ 1. เคลื่อนไหวรำ่ งกำยอยำ่ งคล่องแคลว่ ประสำน ด้านรา่ งกาย ระดบั ๓ ดี ระดับ ๒ ปำนกลำง ระดับ ๑ ตอ้ งสง่ เสริม สัมพันธ์และทรงตัวได้ ดา้ นอารมณ์ 2. ใช้กรรไกรตัดกระดำษในกิจกรรมต่ำงๆได้ 3. แสดงควำมพอใจในผลงำนและควำมสำมำรถของเลขท่ี ด้านสังคม ตนเองและผู้อ่นื ได้ ประเมนิ พฒั นาการ ๔. ชว่ ยเหลือและแบง่ ปันผู้อ่ืนไดด้ ว้ ยตนเอง ด้านสตปิ ัญญา ๕. ทำงำนที่ได้รบั หมอบหมำยจนสำเร็จได้ ด้วยตนเอง ๖. เขำ้ แถวตำมลำดบั กอ่ นหลงั ได้ ด้วยตนเอง ๗. เล่นหรอื ทำงำนรว่ มกบั เพือ่ นอย่ำงมเี ป้ำหมำย ๘. สือ่ สำร สนทนำโตต้ อบสอดคลอ้ งอย่ำงตอ่ เนอ่ื ง เช่อื มโยงกับเร่ืองทฟี่ งั ได้ ๙. เลำ่ เร่ืองเป็นประโยคอยำ่ งต่อเนื่องใหผ้ อู้ น่ื เขำ้ ใจได้ ๑๐. เขยี นชอ่ื ของตนเองตำมแบบ เขียนขอ้ ควำมคลำ้ ย ตัวอกั ษร ด้วยวธิ ีที่คดิ ขน้ึ เองได้ ๑๑. จับคู่และเปรียบเทยี บควำมแตกต่ำงหรอื ควำม เหมอื นของส่ิงตำ่ งๆ โดยลักษณะทสี่ งั เกตพบสอง ลักษณะขึ้นไปได้ ๑๒. จำแนกและจดั กลมุ่ จำนวนของสงิ่ ต่ำงๆได้ ๑๓. อธิบำยกำรทำงำนท่เี กดิ ขึน้ ของตนเองได้ สอดคลอ้ งกบั ผลงำนไดด้ ้วยตนเอง ๑๔. กำรสร้ำงผลงำนศลิ ปะอยำ่ งอสิ ระเพ่ือสอื่ สำร ควำมคดิ ควำมรสู้ ึกของตนได้ ๑๕. เคล่อื นไหวรำ่ งกำยแสดงท่ำทำงตำมคำบรรยำย โดยใชก้ ำรประสำนสมั พันธก์ ล้ำมเนอ้ื และทรงตัวได้ 1๖. คน้ หำคำตอบของข้อสงสยั ต่ำง ๆ โดยใช้วิธีกำรท่ี หลำกหลำยดว้ ยตนเองได้ ๑๗. ใช้ประโยคคำถำมว่ำ “เม่ือไร” “อย่ำงไร”ในกำร ค้นหำคำตอบได้ หมาย เหตุ