Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนสัปดาห์ที่ 36 ฤดูร้อน

แผนสัปดาห์ที่ 36 ฤดูร้อน

Published by กิตติมา ศรีพรหมมา, 2022-05-19 02:53:21

Description: แผนสัปดาห์ที่ 36 ฤดูร้อน

Search

Read the Text Version

แผนการจดั ประสบการณ์ ชัน้ อนุบาล 3 สัปดาหท์ ่ี 36 ฤดรู ้อน นางกิตตมิ า ศรพี รหมมา

การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างหน่วยการจัดประสบการณต์ ามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย 2560 หน่วยท่ี 36 ฤดูร้อน ชน้ั อนบุ าลปีที่ 1 - 3 ภาคเรียนที่ 2 รายการ อนบุ าลปที ี่ 1 อนบุ าลปีที่ 2 อนุบาลปที ี่ 3 สาระทค่ี วรเรียนรู้ ๑. สภาพอากาศในฤดูร้อน ๑. สภาพอากาศในฤดรู ้อน 1. สภาพอากาศในฤดูร้อน มาตรฐาน ตวั บง่ ช้ี 2. ของใชฤ้ ดูรอ้ น ๒. การแต่งกายในฤดรู ้อน 2. การแต่งกายและการดารงชวี ิตของคน สภาพที่พ่งึ ประสงค์ 3. อาหารในฤดูรอ้ น ๓. อาหารในฤดูร้อน สัตว์ พชื 4. โรคท่ีพบในฤดรู ้อนและการป้องกัน 4. โรคที่พบในฤดรู ้อนและการปอ้ งกนั 5. ประเพณีและวัฒนธรรมไทย (วนั สงกรานต์) 3. ประเพณวี ัฒนธรรมและการละเล่นไทย 5. การแต่งกายในฤดรู อ้ น 4. อาหารในฤดูร้อน 6. ประเพณีไทย 5. โรคท่ีพบในฤดูร้อนและการป้องกัน มฐ 1 ตบช ๑.2 (๑.2.2) มฐ 1 ตบช ๑.2 (๑.2.2) ม.ฐ 1 ตบช. 1.2 (1.2.2) ตบช ๑.๓ (๑.๓.๑) ตบช ๑.๓ (๑.๓.๑) ตบช. 1.3 (1.3.1) มฐ 2 ตบช 2.1 (2.1.1) (๒.๑.๔) มฐ 2 ตบช 2.1 (2.1.2) ม.ฐ 2 ตบช. 2.1 (2.1.3) มฐ.๓ ตบช ๓.๒ (๓.๒.1) (3.2.2) ตบช 2.2 (๒.2.๓) ม.ฐ 3 ตบช. 3.1 (3.1.1) มฐ 4 ตบช 4.1 (4.1.1) (๔.๑.๓) มฐ ๕ ตบช ๕.๒ (๕.๒.๒) มฐ. ๓ ตบช ๓.๒ (๓.๒.1) (3.2.2) ตบช. 3.2 (3.2.2) มฐ 4 ตบช 4.1 (4.1.1) (๔.๑.๓) ม.ฐ 4 ตบช. (4.1.3) ตบช ๕.4 (๕.4.1) มฐ ๕ ตบช ๕.๒ (๕.๒.2) ม.ฐ 5 ตบช. 5.4 (5.4.1) มฐ 6 ตบช ๖.1 (๖.1.๑) ม.ฐ 6 ตบช. 6.1 (6.1.1) ตบช ๕.๔ (๕.๔.๑) ตบช. 6.2 (6.2.1) (6.2.2) มฐ 6 ตบช ๖.๑ (๖.๑.๑) ตบช. 6.3 (6.3.1) มฐ ๗ ตบช ๗.๑ (๗.๑.๑) ม.ฐ 7 ตบช. 7.1 (7.1.1) ตบช ๖.๓ (๖.๓.๑) ตบช ๗.2 (๗.2.๑) มฐ ๗ ตบช ๗.๒ (๗.๒.1) ตบช. 7.2 (7.2.2) มฐ ๘ ตบช ๘.๒ (๘.๒.๑) มฐ ๘ ตบช ๘.2 (๘.2.๑) ม.ฐ.8 ตบช. 8.1 (8.1.1) มฐ 9 ตบช. 9.1 (9.1.1) ม.ฐ 9 ตบช. 9.1 (9.1.1) ตบช ๘.๓ (๘.๓.1) (8.3.2) มฐ 9 ตบช 9.1 (9.1.๑) ตบช. 9.2 (9.2.1) 9.2 (9.2.1)

รายการ อนุบาลปที ่ี 1 อนุบาลปีที่ 2 อนบุ าลปีท่ี 3 ประสบการณส์ าคัญ มฐ๑๐ ตบช ๑๐.1 (๑๐.๑.๒) (๑๐.๑.๔) มฐ ๑๐ ตบช ๑๐.๑ (๑๐.๑.๑) (๑๐.๑.๒) ม.ฐ 10 ตบช. 10.1 (10.1.1) (10.1.2) มฐ ๑๑ ตบช ๑๑.๑ (๑๑.๑.๑) ตบช ๑๐.2 (๑๐.2.๒) (10.1.3) (10.1.4) ตบช ๑๐.3 (๑๐.3.๒) ม.ฐ 11 ตบช. 11.1 (11.1.1) มฐ๑1 ตบช ๑1.1 (๑1.๑.1) 11.2 (11.2.1) มฐ๑2 ตบช ๑2.2 (๑2.2.1) รา่ งกาย รา่ งกาย รา่ งกาย 1.1.1 การใช้กล้ามเนื้อใหญ่ 1.1.1. การใชก้ ล้ามเน้อื ใหญ่ 1.1.1 การใชก้ ล้ามเนื้อใหญ่ (1) การเคลื่อนไหวอยู่กบั ท่ี (๑) การเคลื่อนไหวอยู่กับท่ี (2) การเคลอ่ื นไหวเคล่ือนที่ (1) การเคลอื่ นไหวอยู่กับท่ี (2) การเคลอ่ื นไหว เคลอื่ นท่ี (3) การเคลอ่ื นไหวพร้อมวัสดุอุปกรณ์ (2) การเคลื่อนไหวเคล่ือนท่ี (๓) การเคลอ่ื นไหวพร้อมวัสดุอุปกรณ์ (4) การเคลื่อนไหวทใี่ ช้การประสาน (3) การเคล่ือนไหวพร้อมอปุ กรณ์ (5) การเล่นเคร่ืองเลน่ สนามอยา่ ง 1.1.2 การใชก้ ลา้ มเนือ้ เล็ก สัมพันธ์ของการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ ในการขว้าง (2) การเขียนภาพและการเลน่ สี อสิ ระ การจับ การโย การเตะ (5) การหยบิ จับ การใชก้ รรไกร 1.1.2 การใช้กลา้ มเน้ือเล็ก 1.1.2 การใช้กลา้ มเนื้อเลก็ การฉีก การปะ การร้อยวสั ดุ (2) การเขยี นภาพและการเลน่ กับสี 1.1.3 การรักษาสุขภาพสว่ นตน (2) การเลน่ กับสี (3) การปนั้ (1) การปฏิบตั ิตนตามสุขอนามยั (4) การประดษิ ฐส์ ิง่ ตา่ งๆด้วยเศษวสั ดุ สขุ นิสัยทด่ี ีในกจิ วัตรประจาวนั (3) การปน้ั (5) การหยิบจบั การใชก้ รรไกร การฉีก 1.1.4 การรักษาความปลอดภยั (4) การประดิษฐส์ ่งิ ตา่ งๆดว้ ยเศษวัสดุ การตดั การปะ และการรอ้ ยวัสดุ (1) การฟงั นทิ านเร่อื งราว เหตกุ ารณ์ (5) การหยบิ จบั การฉีก การปะ 1.1.3 การรักษาสุขภาพอนามยั ส่วนตน เกยี่ วกบั การป้องกนั และรักษาความ 1.1.3 การรักษาสขุ ภาพอนามัยส่วนตน (1) การปฏิบตั ติ นตามสุขอนามยั ปลอดภัย (1) การปฏิบัติตนตามสขุ อนามยั 1.1.5 การตระหนกั รเู้ กยี่ วกบั รา่ งกาย ของตนเอง สขุ นิสยั ทีด่ ใี นกจิ วัตรประจาวัน สขุ นิสัยที่ดีในกจิ วตั รประจาวัน ๑.๑.5 การรักษาความปลอดภยั (2) การปฏิบัตติ นตามแนวทางปรชั ญา (1) การเคล่อื นไหวโดยควบคมุ ตนเอง ของเศรษฐกิจพอเพียง 1.1.4 การรกั ษาความปลอดภยั ในทศิ ทางและพน้ื ท่ี

รายการ อนุบาลปที ี่ 1 อนบุ าลปีท่ี 2 อนบุ าลปีท่ี 3 อารมณ์ จติ ใจ (2) การฟังนิทานเร่อื งราว (1) การเคล่ือนไหวโดยควบคุมตนเอง 1.2.๑ สุนทรียภาพ ดนตรี เหตกุ ารณเ์ กีย่ วกบั การป้องกันและรกั ษาความ ไปในทิศทางระดับและพืน้ ที่ ปลอดภยั (๓) การเคล่อื นไหวตามเสียงเพลง/ 1.1.5 การตระหนักรูเ้ กยี่ วกับรา่ งกายของ ดนตรี ตนเอง (1) การเคลื่อนไหวโดยควบคุมตนเองไป (๕) การทากจิ กรรมศิลปะตา่ งๆ ในทิศทาง ระดับ และพนื้ ที่ (6) การสรา้ งสรรคส์ งิ่ สวยงาม อารมณ์ จิตใจ อารมณ์ จิตใจ ๑.๒.๒ การเล่น (๓) การเลน่ ตามมุมประสบการณ์/ 1.2.1 สนุ ทรียภาพ ดนตรี 1.2.1 สนุ ทรียภาพ ดนตรี มมุ เล่นต่างๆ (1) การฟงั เพลง การร้องเพลง และ ๑.๒.๔ การแสดงออกทางอารมณ์ การแสดงปฏกิ ริ ิยาโตต้ อบเสยี งดนตรี (1) การทากจิ กรรมศลิ ปะ (๕) การทางานศลิ ปะ (3) การเคลอ่ื นไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี (3) เคล่ือนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี 1.2.2 การเลน่ 1.2.2 การเลน่ (1) การเล่นอิสระ (2) การเล่นรายบคุ คล กลุ่มยอ่ ย และ (1) การเล่นอสิ ระ (2) เลน่ รายบคุ คล กลุม่ ย่อยและกลุ่ม กลมุ่ ใหญ่ ใหญ่ (3) การเล่นตามมุมประสบการณ์/มุมเล่น (3) การเล่นตามมมุ ประสบการณ/์ ต่างๆ มุมเลน่ ตา่ งๆ (4) การเลน่ นอกหอ้ งเรียน 1.2.4 การแสดงออกทางอารมณ์ (1) การพูดสะท้อนความรู้สกึ ของ ตนเองและผูอ้ ื่น (2) บทบาทสมมตุ ิ 1.2.5 การมอี ตั ลักษณเ์ ฉพาะตนและความ เชื่อวา่ ตนเองมีความสามารถ (1) การปฏิบัติกิจกรรมตา่ งๆตาม สามารถของตนเอง

รายการ อนบุ าลปที ่ี 1 อนบุ าลปีท่ี 2 อนุบาลปที ี่ 3 สงั คม สังคม ดา้ นสังคม 1.3.1 การปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจาวนั 1.3.1 การปฏบิ ตั ิกจิ วตั รประจาวัน (1) การชว่ ยเหลอื ตนเองในกจิ วัตร 1.3.1 การปฏบิ ตั กิ ิจวัตรประจาวนั ประจาวนั (1) การชว่ ยเหลอื ตนเองในกิจวตั ร (1) การชว่ ยเหลอื การเองในกจิ วัตร ประจาวนั (2) การปฏิบตั ติ นตามแนวทางหลัก ประจาวัน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1.3.2 การดูแลรกั ษาธรรมชาตแิ ละ 1.3.2 การดูแลรักษาธรรมชาตแิ ละ 1.3.2 การดูแลรักษาธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม สง่ิ แวดลอ้ ม ส่งิ แวดล้อม (๔) การปลกู และดูแลต้นไม้ (3) การทางานศลิ ปะที่นาวสั ดุหรือส่งิ ของ (1) การมสี ว่ นร่วมรบั ผดิ ชอบดแู ล 1.3.3 การปฏิบตั ติ ามวฒั นาธรรมทอ้ งถ่ินและ เครือ่ งใช้ท่ีใชแ้ ลว้ มาใชซ้ ้า หรอื แปรรูป และนา รกั ษาสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก ความเปน็ ไทย กลบั มาใช้ใหม่ หอ้ งเรียน (2) การปฏิบัติตนตามวัฒนธรรม 1.3.3 การปฏบิ ตั ติ ามวัฒนาธรรมทอ้ งถ่ินและ (2) การใชว้ ัสดแุ ละสงิ่ ของเคร่ืองใช้ ความเปน็ ไทย ทอ้ งถน่ิ ท่ีอาศยั และประเพณีไทย (2) การปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมท้อง อยา่ งคุ้มค่า (5) การละเล่นพื้นบา้ นของไทย ถ่ินท่ีอาศัยและประเพณีไทย ๑.๓.๔ การมีปฏิสัมพันธ์ มีวินยั มีส่วนรว่ ม 1.3.4 การมีปฏิสัมพันธ์ มีวนิ ัย มสี ว่ นร่วมและ 1.3.3 การปฏบิ ตั ติ ามวัฒนธรรมท้องถน่ิ และบทบาทสมาชิกของสงั คม บทบาทสมาชกิ ของสงั คม และความเปน็ ไทย (๒) การปฏิบัตติ นเป็นสมาชิกทีด่ ขี อง (2) การปฏิบตั ติ นเปน็ สมาชกิ ทด่ี ีของ (2) การการปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรม ห้องเรยี น ห้องเรยี น ทอ้ งถนิ่ ทอ่ี าศัยและประเพณีไทย (5) การละเล่นพ้ืนบา้ นของไทย (3) การใหค้ วามร่วมมือในการปฏบิ ตั ิ 1.3.4 การปฏิสมั พนั ธ์ มวี นิ ยั มสี ว่ นร่วม กจิ กรรมตา่ งๆ และบทบาทสมาชิกของสงั คม (2) การปฏบิ ตั ิตนเปน็ สมาชกิ ทดี่ ขี อง หอ้ งเรียน 1.3.6 การแก้ไขปญั หาความขดั แย้ง (1) การมีสว่ นรว่ มในการเลือกวิธกี าร แกป้ ญั หาต่อด้านสังคม

รายการ อนบุ าลปที ี่ 1 อนบุ าลปีท่ี 2 อนบุ าลปีท่ี 3 สติปญั ญา สตปิ ญั ญา 1.4.1 การใช้ภาษา 1.3.7 การยอมรบั ในความเหมอื นและ 1.4.1 การใชภ้ าษา ความแตกต่างระหว่างบุคคล (4) การพูดแสดงความคิดความรู้สึกและ (2) การฟังและปฏบิ ัติตามคาแนะนา ความต้องการ (1) การเลน่ หรือทากิจกรรมร่วมกบั (6) การพดู อธบิ ายเกย่ี วกับเหตกุ ารณ์ กลุ่มเพ่ือน 1.4.2 การคิดรวบยอดการคิดเชิงเหตุผล (6) การพดู อธิบาย เกี่ยวกบั ส่งิ ของ การตดั สินใจและแกป้ ัญหา เหตุการณ์และความสัมพนั ธข์ องส่ิงต่างๆ สตปิ ญั ญา (6) การตอ่ ของช้ินเลก็ เตมิ ในช้ินใหญ่ 1.4.1 การใชภ้ าษา (12) การเห็บแบบอย่างของการอ่าน ใหส้ มบูรณ์ และการแยกช้ินสว่ น อยา่ งถูกต้อง (2) การฟังและการปฏบิ ัติตาม (8) การนับและแสดงจานวนของสง่ิ 1.4.2 การคดิ รวบยอดการคิดเชงิ เหตผุ ล คาแนะนา การตัดสินใจและแก้ปัญหา ต่าง ๆในชวี ิตประจาวนั (3) การฟงั เพลง นิทาน คา่ คล้องจอง (13) การจับคู่ ตามลักษณะ (1) การสงั เกตลักษณะส่วนประกอบ บทร้อยกลองหรือเรอ่ื งราวตา่ งๆ การเปลย่ี นแปลงและความสัมพนั ธ์ของสงิ่ ต่างๆ ความสัมพนั ธ์ โดยใชป้ ระสาทสมั ผัสอย่างเหมาะสม (9) การพดู เรยี งลาดับคาเพอื่ ใชใ้ นการ (14) การบอกและเรยี งลาดบั สื่อสาร เหตุการณต์ ามช่วงเวลา (6) การตอ่ ของชิ้นเล็กเติมในช้นิ ใหญ่ให้ สมบรู ณ์ และการแยกชน้ิ สว่ น (10) การอา่ นหนังสอื ภาพ / นิทานหลากหลายประเภท (8) การนบั และการแสดงจานวนของสิ่ง ตา่ งๆในชีวิตประจาวนั (14) การอา่ นและชข้ี อ้ ความโดย กวาดสายตาตามบรรทัดจากซ้ายไปขวาจาก (17) การคาดเดา หรือการคาดคะเนสง่ิ ท่ี บน ลงล่าง อาจจะเกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล (21) การเขยี นคาที่มีความหลากหลาย ตัวเด็ก/ตวั คนุ้ เคย 1.4.2 การคดิ รวบยอด การคิดเชงิ เหตผุ ล การตัดสินใจและการแกป้ ญั หา (1) การสังเกตลกั ษณะสว่ นประกอบ การเปลี่ยนแปลงและความสัมพนั ธข์ องสง่ิ ต่างๆโดยใช้ประสาทสัมผัสอย่างเหมาะสม

รายการ อนบุ าลปที ่ี 1 อนบุ าลปที ่ี 2 อนุบาลปที ่ี 3 (5) การคิดแยก การจัดกลุ่ม และ การจาแนกสงิ่ ต่างๆตามลักษณะรูปร่าง รปู ทรง (8) การนบั และแสดงจานวนของส่ิง ตา่ ง ๆในชีวิตประจาวัน (10) การรวมและการแยกสิ่งต่างๆ (13) การจับคู่ การเปรยี บเทยี บและ การเรยี งลาดบั ส่งิ ต่างๆตามลักษณะความ ยาว/ความสูง น้าหนกั ปริมาตร (14) การบอกและเรียงลาดับกิจกรรม หรอื เหตุการณต์ ามชว่ งเวลา (16) การอธิบายเชื่อมโยงสาเหตแุ ละ ผลท่ีเกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทา (17) การคาดเดาหรือการคาดคะเนสง่ิ ทอี่ าจจะเกดิ ขึน้ อย่างมีเหตุผล (18) การมสี ว่ นรว่ มในการลงความเห็น จากข้อมูลอยา่ งมีเหตผุ ล (19) การตดั สนิ ใจและการมสี ่วนร่วม ในกระบวนการแก้ไขปัญหา 1.4.3 จินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ (2) การแสดงคิดสร้างสรรคผ์ ่านภาษา ทา่ ทาง การเคล่ือนไหว และศิลปะ (3) การสร้างสรรค์ชน้ิ งานโดยใช้รปู ร่าง รปู ทรง จากวัสดทุ ่หี ลากหลาย

รายการ อนุบาลปีที่ 1 อนุบาลปีที่ 2 อนบุ าลปีที่ 3 คณิตศาสตร์  นับและแสดงจานวน 1 – 5  นับและแสดงจานวน 1 – 10  นับและแสดงจานวน 1 – 20 วทิ ยาศาสตร์  เรยี งลาดบั ทีข่ องส่ิงตา่ งๆ จานวนไม่เกนิ 5  เรยี งลาดับทข่ี องสิ่งต่างๆ จานวนไมเ่ กิน 8  เรยี งลาดับท่ขี องสง่ิ ต่างๆจานวนไม่เกนิ พัฒนาการทางภาษา  เปรยี บเทียบจานวนของส่งิ ตา่ งๆ สองกลมุ่  เปรยี บเทยี บจานวนของสิ่งของต่างๆ สอง และการร้หู นังสอื 10 โดยแต่ละกล่มุ มจี านวนไมเ่ กนิ 5 วา่ มี กลมุ่ โดยแตล่ ะกลุ่มมีจานวนไม่เกิน 10 ว่ามี  เปรียบเทยี บจานวนของส่งิ ของต่างๆ โดย จานวนเทา่ กันหรือไม่เท่ากัน จานวนเทา่ กันหรอื ไม่เท่ากัน  บอกจานวนที่เหลือเม่ือแยกกลุ่มย่อยออก  บอกจานวนทเ่ี หลือเมื่อแยกกล่มุ ย่อยออก แต่ละกลุ่มมจี านวนไม่เกิน 10 วา่ มี จากกลุ่มใหญ่ท่มี ีจานวนไมเ่ กิน 5 จากกลุม่ ใหญท่ ีม่ จี านวนไม่เกิน 10 จานวนเท่ากนั หรือไม่เทา่ กัน  บอกกจิ กรรมหรือเหตุการณใ์ น  เรยี งลาดบั กจิ กรรมหรือเหตุการณใ์ น  บอกจานวนท่เี หลือ เมอ่ื แยกกลมุ่ ยอ่ ย ชวี ิตประจาวันที่เกิดขน้ึ ในช่วงเวลา เช้า ชีวติ ประจาวัน ตามชว่ งเวลา ออกจากกลมุ่ ใหญ่ทม่ี ีจานวนไม่เกิน 20 เที่ยง เย็น  เรียงลาดบั ช่อื วนั ในหนึง่ สัปดาห์  เรียงลาดับชอื่ วนั และสปี ระจาวนั ในหนึ่ง สปั ดาห์  บอกกจิ กรรมหรือเหตกุ ารณท์ ่ีเกิดขนึ้ เมอ่ื วานนี้ วันนี้ พรุ่งนี้ 1. การสงั เกต - ทกั ษะการสงั เกต - ทักษะการสังเกต 2. ประสาทสัมผสั ทัง้ 5 - ประสาทสัมผัสท้งั ๕ - ประสาทสัมผัสทงั้ ๕ 3. การลองผดิ ลองถูก ๑. การฟงั และปฏิบตั ติ ามคาแนะนา 1. การฟังและการปฏบิ ัติตามคานะนา ๑. การฟังและปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนา ๒. การฟงั เพลง นิทาน คาคลอ้ งจอง บทร้อย 2. การคาดคะเน ๒. การฟงั เพลง คาคล้องจอง 3. การเหน็ แบบอยา่ งการอา่ นที่ถูกต้อง กรองหรือเร่อื งราวตา่ งๆ 4. การรอจังหวะในการพดู 3. การพดู แสดงความคิดความรูส้ ึกและความ 5. การตง้ั คาถามในเรื่องทสี่ นใจ ต้องการ 6. การเหน็ แบบอยา่ งการเขียนท่ถี ูกต้อง 4. การพูดอธบิ าย เกย่ี วกับส่งิ ของเหตุการณ์ และความสมั พันธ์ของส่ิงต่างๆ 5. การเห็บแบบอยา่ งของการอ่านอย่างถูกต้อง

หนว่ ยการจัดประสบการณ์ที่ 36 ฤดรู อ้ น ช้นั อนบุ าลปีที่ 3 แนวคดิ ฤดรู ้อนอากาศที่อยูร่ อบตัวเราร้อนอบอา้ ว ท้องฟา้ โปรง่ ลมพัดแรง และมีแสงแดดจา้ ฤดรู ้อนมีผลต่อการดารงชีวิตของคน สตั ว์ และพชื ต้นไม้บางชนดิ เปลี่ยนสีและเรม่ิ เหย่ี วเฉา เราควรแต่งกายดว้ ยเส้ือผ้าทบ่ี างเบาให้เหมาะสมกบั อากาศในฤดรู ้อนอาหารในฤดรู ้อนต้องสะอาดและปลอดภยั เพ่ือป้องกนั ไมใ่ ห้เกดิ โรคท้องร่วง อาหารเป็นพิษและในฤดูร้อนประเพณไี ทยทส่ี าคญั คือ วนั สงกรานต์และวนั ครอบครวั มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์การ สาระการเรียนรู้ เรยี นรู้ มาตรฐาน ตัวบง่ ชี้ สภาพทพี่ ึงประสงค์ ประสบการณ์สาคัญ สาระท่ีควรเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 1 1.2 มสี ขุ ภาพอนามัยสขุ 1.2.2 ลา้ งมอื ก่อน 1. ลา้ งมือก่อน 1.1.1 การใช้กลา้ มเนื้อใหญ่ 1. สภาพอากาศในฤดรู ้อน ร่างกายเจริญเติบโตตาม นสิ ัยท่ีดี รบั ประทานอาหารและ รบั ประทานอาหาร (3) การเคล่ือนไหวพรอ้ ม 2. การแตง่ กายและการ วยั และมีสขุ นสิ ัยท่ดี ี หลงั จากใช้หอ้ งนา้ และหลงั ใช้ห้องนา้ อุปกรณ์ ดารงชีวิตของคน สตั ว์ พชื ห้องส้วม ด้วยตนเอง ห้องสว้ มไดด้ ว้ ยตนเอง การเขียนภาพและการเล่น 3. ประเพณีวัฒนธรรมและ 1.3.1 เล่นกจิ กรรม 2. เล่นทากิจกรรม กบั ที่ การละเล่นไทย 1.3 รกั ษาความ และปฏบิ ตั ติ ่อผู้อื่น และปฏิบตั ติ ่อผู้อ่ืน 1.1.2 การใชก้ ล้ามเนือ้ เล็ก 4. อาหารในฤดรู ้อน ปลอดภยั ของตนเองและ อย่างปลอดภัย อยา่ งปลอดภยั ได้ (5) การหยบิ จับ การใช้ 5. โรคในฤดูรอ้ นและ ผู้อน่ื กรรไกร การปะ การรอ้ ยวสั ดุ การป้องกัน 1.1.3 การรกั ษาสุขภาพสว่ น ตน (1) การปฏิบตั ิตามสุขอนามยั ที่ดีในกจิ วตั รประจาวนั 1.1.4 การรกั ษาความ ปลอดภัย (1) การฟังนิทานเรื่องราว เหตุการณ์ เกีย่ วกับ การป้องกนั และรกั ษา ความปลอดภยั

มาตรฐานหลักสตู รปฐมวัย จุดประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ เรยี นรู้ มาตรฐาน ตวั บ่งช้ี สภาพท่พี งึ ประสงค์ ประสบการณส์ าคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 2 2.1 เคล่อื นไหวรา่ งกาย 2.1.3 วิ่งหลบหลีกส่ิง 3. ว่ิงหลบหลีกสิง่ กีด 1.1.2 การใชก้ ล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเน้อื ใหญ่และ อย่างคล่องแคล่ว กดี ขวางไดอ้ ย่าง ขวางได้ (2) การเคลื่อนไหวเคลื่อนท่ี กลา้ มเนื้อเล็กแข็งแรง ประสานสมั พันธแ์ ละ คลอ่ งแคล่ว (3) การเคลื่อนไหวพรอ้ ม ใชไ้ ด้อยา่ งคล่องแคล่ว ทรงตวั ได้ 4. แสดงอารมณ์ อปุ กรณ์ มาตรฐานที่ 3 ความรสู้ กึ ได้ 1.1.5 การตระหนักรู้ มีสขุ ภาพจติ ดีและมี 3.1 แสดงออกทาง 3.1.1 แสดงอารมณ์ สอดคลอ้ งกบั เก่ยี วกับรา่ งกายตนเอง ความสุข อารมณ์ได้อยา่ ง ความร้สู ึกไดส้ อดคล้อง สถานการณ์อย่าง (1) การเคลื่อนไหวโดย เหมาะสม กบั สถานการณอ์ ย่าง เหมาะสม ควบคมุ ตนเองไปในทิศทาง 3.2 มคี วามรูส้ ึกท่ดี ตี อ่ เหมาะสม 5. แสดงความพอใจ ระดบั และพ้นื ที่ ตนเองและผู้อ่นื 3.2.2 แสดงความ ในผลงานและ 1.2.1 เคลอื่ นไหวตาม พอใจในผลงานและ ความสามารถของ เสยี งเพลง/ดนตรี ความสามารถของ ตนเองและผอู้ นื่ (5) การทากจิ กรรมศิลปะ ตนเองและผูอ้ ื่น 1.2.2 การเลน่ (1) การเล่นอิสระ (2) การเล่นรายบคุ คล กล่มุ ยอ่ ยและกลุ่มใหญ่ (3) การเล่นตาม ประสบการณ/์ มมุ เลน่ ตา่ งๆ 1.2.4 แสดงออกทางอารมณ์ (1) การพูดสะท้อนความรสู้ กึ ของตนเองและผอู้ ืน่ 1.2.5 การมีอตั ลักษณ์ เฉพาะตนและความเชื่อว่า ตนเองมีความสามารถ (1) การปฏิบัตกิ จิ กรรมต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง

มาตรฐานหลักสตู รปฐมวัย จดุ ประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ เรียนรู้ มาตรฐาน ตัวบง่ ช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์ ประสบการณส์ าคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้ มาตรฐานที่ 4 4.1 สนใจ มีความสุข 4.1.1 สนใจมคี วามสุข 6. สนใจมีความสุข 1.2.1 สุนทรีภาพ ดนตรี ชื่นชมและแสดงออกทาง และแสดงออกผ่านงาน และแสดงออกผ่านงาน และแสดงออกผ่าน (3) เคลอื่ นไหวตาม ศลิ ปะ ดนตรี และการ ศลิ ปะ ดนตรีและการ ศลิ ปะ งานศลิ ปะ เสยี งเพลง/ดนตรี เคลื่อนไหว เคลือ่ นไหว 4.1.3 สนใจ มี (6) การสร้างสรรค์ ความสขุ และแสดง 7. สนใจมคี วามสุข สงิ่ สวยงาม ทา่ ทาง/เคล่อื นไหว และแสดงท่าทางการ ประกอบเพลง จงั หวะ เคล่ือนไหวประกอบ และดนตรี เพลงและดนตรี มาตรฐานที่ 5 5.4 มีความรับผดิ ชอบ 5.4.1 ทางานที่ได้รบั 8. ทางานทีไ่ ดร้ ับ 1.2.5 การมอี ัตลักษณ์ มคี ุณธรรม จริยธรรมและ มอบหมายจนสาเร็จ มอบหมายจนสาเร็จ เฉพาะตนและความเชอ่ื ว่า มีจติ ใจทด่ี ีงาม ดว้ ยตนเอง ด้วยตนเอง ตนเองมีความสามารถ (1) การปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ ตามความสามารถของตนเอง มาตรฐานที่ 6 6.1 ชว่ ยเหลือตนเองใน 6.1.1 แต่งตวั ดว้ ย 9. ปฏบิ ตั ิตนเกี่ยวกับ 1.3.1 การปฏบิ ัตกิ ิจวัตร มที กั ษะชีวิตและปฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั ิกจิ วตั ร ตนเองได้อย่าง กจิ วตั รประจาวนั และ ประจาวัน ตนตามหลกั ปรัชญาของ ประจาวนั คลอ่ งแคลว่ กิจกรรมตา่ ง ๆ ได้ (1) การช่วยเหลือตนเองใน เศรษฐกิจพอเพยี ง ด้วยตนเอง กิจวัตรประจาวัน 6.3 ประหยัดและ 6.3.1 ใชส้ ่งิ ของ 10. ใชส้ ิ่งของ 1.3.2 การมีส่วนรว่ ม พอเพยี ง เครือ่ งใช้อยา่ งประหยดั เครือ่ งใช้อยา่ ง รับผดิ ชอบดูแลรกั ษา และพอเพียงดว้ ยตนเอง ประหยัดและพอเพยี ง สง่ิ แวดล้อม ด้วยตนเอง (2) การใช้วสั ดุและสง่ิ ของ เครื่องใช้อย่างคุ้มคา่ 1.3.2 การดแู ลรักษา ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม

มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย จดุ ประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ตัวบง่ ช้ี สภาพทพี่ ึงประสงค์ เรยี นรู้ ประสบการณส์ าคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 7 7.1 ดูแลรักษาธรรมชาติ 7.1.1 ดแู ลรักษา 11. ดแู ลรักษา (1) การมสี ่วนร่วมรบั ผิดชอบ รักธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ ม และส่งิ แวดลอ้ ม ธรรมชาตแิ ละ ธรรมชาตแิ ละ ดแู ลรักษาสง่ิ แวดล้อมทั้ง วฒั นธรรม และความเป็น สง่ิ แวดล้อมด้วยตนเอง สง่ิ แวดล้อมด้วย ภายในและภายนอก ไทย 7.2.2 กล่าวคา ตนเอง ห้องเรียน 7.2 มีมารยาทตาม ขอบคุณและขอโทษ 12. กล่าวคาขอบคุณ 1.3.3 การปฏบิ ตั ิตาม วัฒนธรรมไทยและรกั ด้วยตนเอง และขอโทษด้วย วัฒนธรรมท้องถนิ่ และความ ความเปน็ ไทย ตนเอง เปน็ ไทย (5) การละเลน่ พ้นื บ้านของ มาตรฐานท่ี 8 8.1 ยอมรบั 8.1.1 เลน่ และทา 13. เลน่ และทา ไทย อย่รู ่วมกับผู้อืน่ ได้อย่างมี ความเหมือนและ กิจกรรมร่วมกับเดก็ ท่ี กจิ กรรมกับเดก็ ท่ี 1.3.7 การยอมรับในความ ความสุขและปฏิบตั ิตน ความแตกตา่ งระหวา่ ง แตกต่างไปจากตน แตกต่างไปจากตน เหมือนและความแตกต่าง เป็นสมาชิกท่ีดขี องสังคม บคุ คล ระหว่างบคุ คล ในระบบประชาธปิ ไตย (1) การเล่นหรอื ทากจิ กรรม อนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรง ร่วมกบั กลมุ่ เพือ่ น เปน็ ประมุข มาตรฐานที่ 9 9.1 สนทนาโต้ตอบและ 9.1.1 ฟงั ผอู้ นื่ พดู จน 14. ฟงั ผู้อืน่ พูด จน 1.4.1 การใชภ้ าษา ใชภ้ าษาสอื่ สารได้ เล่าเรือ่ งใหผ้ อู้ ื่นฟังเข้าใจ จบและสนทนาโต้ตอบ จบและสนทนา (2) การฟังและปฏิบัติ เหมาะสมกับวัย อยา่ งต่อเนอ่ื งเช่อื มโยง โตต้ อบอย่างต่อเนื่อง ตามคาแนะนา กบั เรื่องท่ฟี ัง เชอื่ มโยงกบั เร่ืองที่ฟงั (14) การอา่ นและชี้ข้อความ โดยกวาดสายตาตามบรรทดั 9.2 อา่ น เขียนภาพและ 9.2.1 อา่ นภาพ 15. อา่ นภาพ จากซ้ายไปขวา จากบน สญั ลกั ษณ์ได้ สญั ลักษณ์ คา ดว้ ยการ สัญลักษณ์ คา ดว้ ย ลงลา่ ง ชห้ี รือกวาดตามอง การช้ีหรือกวาดตา 1.4.2 จดุ เร่มิ ต้นและจุดจบ มองจดุ เร่ิมตน้ และจดุ (1) การสังเกตลักษณะ ของขอ้ ความ จบของขอ้ ความ สว่ นประกอบการ

มาตรฐานหลกั สตู รปฐมวัย จดุ ประสงค์การ สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ตวั บง่ ชี้ สภาพที่พึงประสงค์ เรียนรู้ ประสบการณส์ าคญั สาระทีค่ วรเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 10 10.1 มคี วามสามารถ 10.1.1 บอกลักษณะ 16. บอกลกั ษณะ เปล่ียนแปลงและ มคี วามสามารถใน การ ในการคดิ รวบยอด ส่วนประกอบ การ สว่ นประกอบ การ ความสมั พันธข์ องส่งิ ต่างๆ คดิ ทีเ่ ปน็ พ้ืนฐานในการ เปล่ียนแปลงหรอื เปลย่ี นแปลงหรือ โดยประสาทสมั ผัสอย่าง เรียนรู้ ความสัมพนั ธ์ของ สิ่ง ความสัมพนั ธ์ของส่งิ เหมาะสม ตา่ งๆ จากการสงั เกต ตา่ งๆ จากการสงั เกต (5) การคัดแยก การจัดกล่มุ โดยใช้ประสาทสมั ผสั โดยใช้ประสาทสัมผสั และการจาแนกสิง่ ต่างๆตาม 10.1.2 จับคู่ 17. จบั คเู่ ปรยี บเทยี บ ความเหมาะลกั ษณะรปู ร่าง เปรียบเทยี บความ ความแตกตา่ งและ รปู ทรง แตกตา่ งและความ ความเหมือนของสิง่ (8) การนับแสดงจานวนของ เหมอื นของสง่ิ ตา่ งๆ ต่างๆโดยใชล้ ักษณะ สิง่ ตา่ งๆในชวี ติ ประจาวัน (13) การจับคู่เปรยี บเทยี บ โดยใชล้ กั ษณะท่ีสังเกต ท่สี ังเกตพบ 2 และเรียงลาดับส่ิงต่างๆตาม พบ 2 ลกั ษณะขนึ้ ไป ลักษณะขึน้ ไป ลกั ษณะ 10.1.3 จาแนกและจัด 18. จาแนกและจดั กลุม่ สง่ิ ต่างๆ โดยใช้ กลมุ่ สงิ่ ต่างๆ โดยใช้ ตง้ั แต่ 2 ลกั ษณะข้ึนไป ตงั้ แต่ 2 ลกั ษณะขึน้ ไป มาตรฐานที่ 11 10.2 มคี วามสามารถใน 10.1.4 เรยี งลาดบั 19. เรยี งลาดับ (14) การบวกและเรยี งลาดับ มจี นิ ตนาการและ สง่ิ ของและเหตกุ ารณ์ ส่ิงของและเหตุการณ์ กจิ กรรมหรือเหตกุ ารณ์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ การคดิ เชิงเหตุผล อย่างน้อย 5 ลาดบั อยา่ งน้อย 5 ลาดับ ตามช่วงเวลา (15) การอธิบายเช่ือมโยง 11.1 ทางานศลิ ปะตาม 1.1.1 สร้างผลงาน 20. สร้างผลงาน สาเหตุและผลทเี่ กดิ ขึ้น จนิ ตนาการและความคิด ศลิ ปะเพื่อสื่อสาร ศลิ ปะเพอื่ ส่ือสาร ในเหตกุ ารณห์ รือการกระทา สร้างสรรค์ ความคดิ ความรสู้ ึกของ ความคิดความรขู้ อง (3) การสรา้ งชิ้นงานโดยใช้ ตนเองโดยมีการ ตนเองโดยมีการ รูปร่าง รปู ทรงจากวัสดุ ดัดแปลงแปลกใหม่จาก ดัดแปลงแปลกใหม่ ทห่ี ลากหลาย เดิมและมรี ายละเอียด จากเดิมและมี

มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย จุดประสงค์การ สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ เรียนรู้ ประสบการณส์ าคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้ เพิม่ ข้ึน รายละเอยี ดเพ่มิ ขึน้ 11.2 แสดงท่าทาง 11.2.1 เคลื่อนไหว 21. เคลื่อนไหว (2) การแสดงความคิด เคลื่อนไหวตาม ทา่ ทางเพือ่ สื่อสาร ท่าทางเพอื่ ส่ือสาร สร้างสรรคผ์ า่ นภาษา ท่าทาง จนิ ตนาการอย่าง ความคิด ความรู้สึกของ ความคิดความรู้สึก การเคล่ือนไหวและศลิ ปะ สร้างสรรค์ ตนเองอย่าง ของตนเองอย่าง หลากหลายและแปลก หลากหลายและ ใหม่ แปลกใหม่

ผังความคิดแผนการจดั ประสบการณ หนวยฤดรู อ น ชนั้ อนุบาลปที่ ๓ ๑. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ๒. กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ ๓. กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ๑. เคลอ่ื นไหวประกอบเพลงลมเพลมพัด ๑. สภาพอากาศในฤดรู อ้ นเปรยี บเทียบร้อน-เย็น ๑. การประดิษฐ์กังหัน,การวาดภาพอิสระ ๒. เคล่อื นไหวประกอบคาบรรยาย ๒. การแต่งกายในฤดรู อ้ น ๒. การเปา่ สบี นเส้อื ,การปัน้ ดินน้ามันอิสระ ๓. เคลอ่ื นไหวเคลื่อนทโ่ี ดยใช้อุปกรณ์ริบบิ้น ๓. ประเพณวี ัฒนธรรมและการละเลน่ ไทย ๓. การประดิษฐม์ ้าก้านกลว้ ย,วาดภาพอิสระดว้ ยสีนา้ ๔. เคลอื่ นไหวตามคาส่ังผูน้ า-ผู้ตาม ๔. การดารงชวี ิตของคน สตั ว์และการเจริญเติบโต ๔. วาดภาพกระบองเพชร,ปั้นต้นกระบองเพชรด้วย ๕. เคลอ่ื นไหวตามจินตนาการ ของพืช (การปลกู ตน้ กระบองเพชร) ดนิ นา้ มัน ๕. โรคในฤดูร้อนและการป้องกนั ๕. การพับสี,การปน้ั ดนิ น้ามันอสิ ระ ๔. กจิ กรรมการเล่นตามมุม หน่วยฤดรู ้อน ๖. กิจกรรมเกมการศกึ ษา - เล่นตามมมุ ประสบการณ์ ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ๑. เกมสังเกตรายละเอียดภาพเด็กเลน่ ว่าว ๕. กจิ กรรมกลางแจง้ ๒. เกมจดั หมวดหมภู่ าพกับคา ๓. เกมพืน้ ฐานการบวกจานวน 1 - 10 ๑. เลน่ กังหนั ๔. เกมจบั ค่ภู าพท่มี จี านวนเท่ากัน ๒. เล่นสาริกาป้อนเหยือ่ ๕. เกมเรียงลาดับปริมาณน้อยไปหามาก ๓. เลน่ ม้ากา้ นกลว้ ย ๔. น้าข้ึน-นา้ ลง ๕. ปรบมอื ส่งของเป็นวงกลม

การวางแผนกจิ กรรมรายหนว ยการจัดประสบการณ ชั้นอนบุ าลปท่ี ๓ ฤดูรอ น วนั ที่ เคลอ่ื นไหวและจังหวะ เสริมประสบการณ์ ศลิ ปะสรา้ งสรรค์ กิจกรรม การเล่นตามมุม การเล่นกลางแจ้ง เกมการศึกษา เลน่ กังหัน เกมศึกษารายละเอยี ดของ 1 เคลอ่ื นไหว สภาพอากาศในฤดูร้อน 1. ประดิษฐ์กงั หัน เลน่ ตามมุมอสิ ระ ประกอบเพลง เปรียบเทยี บร้อน-เยน็ 2. วาดภาพอิสระ ภาพเดก็ เลน่ วา่ ว ลมเพลมพดั 2 การเคลื่อนไหวประกอบ การแตง่ กายในฤดรู อ้ น 1. การเป่าสีบนภาพเสอ้ื เล่นตามมมุ อิสระ เลน่ สารกิ าปอ้ นเหย่ือ จดั หมวดหมภู่ าพกบั คา คาบรรยาย 2. ปั้นดินน้ามันอิสระ 3 เคลื่อนไหวประกอบ ประเพณวี ัฒนธรรมและ 1. ประดษิ ฐม์ า้ กา้ น เล่นตามมมุ อสิ ระ เลน่ มา้ ก้านกล้วย เกมพนื้ ฐานการบวก อปุ กรณ์ การละเล่น กลว้ ย จานวน 1 - 10 2. วาดภาพอสิ ระด้วยสี นา้ 4 เคลอ่ื นไหวตามคาสั่ง การดารงชีวติ ของคน 1. วาดภาพ เลน่ ตามมุมอิสระ นา้ ขน้ึ -น้าลง จับคภู่ าพทม่ี ีจานวน ผูน้ าผู้ตาม สตั วแ์ ละการ กระบองเพชร เทา่ กัน เจรญิ เตบิ โตของพืช 2. การพบั สี (ปลกู ต้นกระบองเพชร) 5 เคลอ่ื นไหวตาม อาหารและโรคฤดูรอ้ น 1. การพับสี เลน่ ตามมมุ อสิ ระ ปรบมือสง่ ของเปน็ เกมเรยี งลาดับน้าในแก้ว จนิ ตนาการ (อาหารบิงชู) 2. ปั้นดินน้ามันอิสระ วงกลม น้อยไปหามาก

แผนการจัดประสบการณช ัน้ อนุบาล ๓ หนว ยท่ี ๓๖ ฤดรู อ น สัปดาหท่ี ๓๖ ครงั้ ที่ ๑ วันที่................เดือน..........................พ.ศ..................... จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมิน การเรยี นรู้ ประสบการณ์ สาระทีค่ วรเรยี นรู้ พัฒนาการ สาคญั 1. กจิ กรรมพ้นื ฐาน ให้เด็กเคลอ่ื นไหวร่างกาย 1. เคร่อื งเคาะจังหวะ สังเกต กจิ กรรมเคลื่อนไหวและ 1. การเคลอ่ื นไหว จังหวะ อยกู่ บั ท่ี 2. เพลงลมเพลมพัด การแสดงทา่ ทางการ แสดงท่าทางการเคลื่อนไหว 2. การเคล่ือนไหว ไปทวั่ บรเิ วณอย่างอสิ ระตามจังหวะ เมือ่ ไดย้ ิน เคลอ่ื นไหวประกอบ ประกอบเพลงลมเพลมพดั เคล่ือนที่ สญั ญาณ “หยุด” ใหห้ ยดุ เคลื่อนไหวในทา่ นน้ั เพลงลมเพลมพัด ได้ ทันที 2. ใหเ้ ด็กเคลอ่ื นไหวรา่ งกายโดยอิสระผา่ น เสียงเพลงลมเพลมพดั โดยทาตามคาส่ังจากครู หรือผนู้ าจะสั่งให้พัดอะไร เดก็ ปฏิบัตติ าม 3. เดก็ และครรู ่วมกันปฏบิ ัติตามข้อ 2 ซ้าอีก 2 - 3 รอบ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ การสงั เกต สภาพอากาศใน 1. พาเด็กออกไปเดินสารวจบริเวณโรงเรียน 1. สภาพดนิ ฟ้า สงั เกต บอกลกั ษณะส่วนประกอบ ส่วนประกอบ ฤดรู ้อน เพอ่ื สงั เกตพืน้ ดนิ ต้นไม้ ใบไม้ และบอกวา่ มี อากาศและธรรมชาติ การบอกลกั ษณะ การเปล่ยี นแปลงหรือ การเปล่ยี นแปลง ลักษณะอย่างไร บรเิ วณโรงเรียน ส่วนประกอบ ความสัมพันธข์ องส่งิ ตา่ ง ๆ และความสัมพันธ์ 2. เดก็ และครสู นทนาความรู้สึกทีอ่ ย่ใู นสนาม 2. แก้วน้า 3 ใบ ใส่ การเปลีย่ นแปลงหรอื จากการสังเกต โดยใช้ ของสิ่งต่างๆ โดยใช้ กบั ในหอ้ งเรยี นวา่ มีสภาพอากาศแตกตา่ งกัน น้าอนุ่ นา้ เย็น นา้ ใน ความสัมพนั ธข์ อง ประสาทสัมผสั ประสาทสมั ผัส อยา่ งไร อุณหภูมิปกติ จานวน สงิ่ ตา่ ง ๆ จากการ อยา่ งเหมาะสม 3. ใหเ้ ด็กสงั เกตดวู า่ อะไรบา้ งท่ีทาใหร้ ูว้ ่าเปน็ ฤดู 5 ชดุ ติดหมายเลข สังเกต โดยใช้ ร้อน โดยใชค้ าถามต่อไปนี้ 1,2,3 ประสาทสมั ผสั 1) ต้นไม้มกี ารเปลยี่ นแปลงอะไรบ้าง 2) อย่นู อกห้องเรยี นแล้วรู้สกึ อย่างไร 3) มีการเลน่ วา่ วในฤดูรอ้ นเพราะอะไร 4. ใหเ้ ดก็ ทดลองเปรยี บเทียบอณุ หภมู ขิ อง นา้ อนุ่ น้าเยน็ จดั และน้าในอุณหภูมทิ ีป่ กติ โดย แบ่งเดก็ ออกเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม เตรียมอุปกรณแ์ กว้ นา้ อนุ่ นา้ เยน็ จดั น้า

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมิน การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระทีค่ วรเรียนรู้ พัฒนาการ สาคัญ อุณหภูมปิ กติ 5 ชดุ วางไว้บนโต๊ะใหเ้ ด็กทดลอง ผลดั เปล่ียนกันจับแก้วท่มี ีอุณหภมู ติ ่างกนั จน ครบทกุ คนและใหบ้ อกความรู้สึก 1) แกว้ นา้ อุน่ รสู้ ึกอย่างไร 2) แกว้ นา้ เย็นรู้สึกอย่างไร 3) แก้วนา้ ปกติรสู้ ึกอย่างไร 5. เดก็ และครชู ว่ ยกันสรปุ ถงึ ลกั ษณะของ อากาศในฤดรู ้อน กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ 1. สนทนาเรื่องสภาพอากาศในฤดูร้อนโดยการ 1. กระดาษ สงั เกต 1. สนใจมคี วามสุขและ 1. การแสดงออก ตัง้ คาถาม สภาพอากาศในฤดูร้อนเปน็ อยา่ งไร 2. หลอดนา้ ขณะการทางานตรวจ แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ 2. ครแู นะนากจิ กรรม 3. ไม้สาหรบั เจาะ ผลงานพฤติกรรมที่ 2. แสดงความพอใจ ผา่ นงานศลิ ปะ 4. ไมส้ าหรับใส่กงั หัน แสดงความพอใจใน ในผลงานและความสามารถ 2. การใชก้ รรไกร/ 1) วาดภาพอสิ ระ 5. กาว ผลงาน การตดั 2) การประดิษฐก์ งั หันลม 3. ครสู าธิตการประดิษฐ์กังหันลม ของตนเองและผู้อ่ืน 1) ตัดกระดาษรูปสเี หลี่ยมจตั รุ ัส 2) ตัดกระดาษตามรอยเสน้ ปะ 3) ตดิ กาวรปู กงั หนั 4) เจาะรตู รงกลาง 5) ใสห่ ลอดนา้ 4. แบง่ เด็กออกเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม ให้ทุกคนประดิษฐก์ ังหนั ลม 5. หมดเวลาครูใหเ้ ดก็ ช่วยกันเกบ็ ของ 6. ใหเ้ ดก็ แต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานและ ให้เพ่อื นซกั ถามภายในกลมุ่ ของตนเองครูสังเกต พฤติกรรม

จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระทคี่ วรเรยี นรู้ มมุ ประสบการณ์ พัฒนาการ กจิ กรรมเล่นตามมุม สาคัญ ในห้องเรียน สังเกต เล่นและทากิจกรรมกบั เด็ก (1) เล่นอสิ ระ 1. เด็กเลอื กกจิ กรรมเลน่ ตามมมุ ประสบการณ์ พฤติกรรมการเล่น ทแ่ี ตกต่างไปจากตน (2) เลน่ รายบุคคล ตามความสนใจอย่างน้อย 2 มมุ เช่น ตามมุมประสบการณ์ กลุม่ ย่อยและกลุ่ม ตามความสนใจและ ใหญ่ - มุมธรรมชาติ ความตอ้ งการของ (3) เล่นตามมุม - มุมหนงั สอื ตนเองได้ ประสบการณ/์ - มุมบลอ็ ก เลน่ มุมตา่ งๆ - มมุ เกมการศึกษา - มุมบทบาทสมมุติ - มุมเครื่องเลน่ สัมผัส 2. เมื่อหมดเวลาเดก็ เก็บของเข้าท่ีใหเ้ รียบร้อย กจิ กรรมกลางแจง้ การเลน่ รายบคุ คล 1. ครแู นะนาขอ้ ตกลงในการเลน่ กงั หนั ลม กงั หันลม สังเกต เล่นทากจิ กรรมและปฏบิ ัติ กลุ่มย่อย และกล่มุ 2. เดก็ เล่นกังหนั ลมที่ประดษิ ฐข์ ้ึนจากกจิ กรรม 1. เกมรายสงั เกต 1. การเลน่ รายบคุ คล ต่อผูอ้ ืน่ อยา่ งปลอดภยั ใหญ่ สร้างสรรค์ โดยครูดูแลอยา่ งใกลช้ ดิ ภาพเดก็ เลน่ วา่ ว 2. การเล่นรว่ มกบั 3. เมือ่ ครใู ห้สัญญาณหมดเวลาเดก็ เข้าแถวและ 2. เกมที่เคยเล่นแล้ว ผ้อู นื่ กิจกรรมเกมการศกึ ษา (9) การ เกมรายละเอยี ด ลา้ งมือ ลา้ งหนา้ 3. ความปลอดภยั ใน จบั คู่เปรยี บเทียบความตา่ ง เปรียบเทยี บและ ของภาพเดก็ การเล่น และความเหมอื นของ เรียงลาดับจานวน เลน่ ว่าว 1. เด็กนับปากเปล่า 1 - 20 พร้อมกัน สังเกต สิง่ ต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะ ของสง่ิ ตา่ งๆ 2. ครูแนะนาเกมรายละเอียดของภาพเดก็ 1. การเล่นรว่ มกบั ที่สงั เกตพบ 2 ลักษณะ (10) การรวมและ เลน่ ว่าว ผูอ้ ่นื ขนึ้ ไป การแยกสิง่ ต่างๆ 3. แบง่ เด็กเป็น 6 กลุม่ โดยใหเ้ ดก็ เลอื กหวั หน้า 2. การวางภาพเล็ก กล่มุ ออกมารบั เกมที่เคยเลน่ แล้วและเกมสังเกต ที่มีความเหมอื น ภาพเด็กเลน่ ว่าว ในภาพใหญ่ 4. เดก็ เลน่ เกมโดยหมุนเวยี นสลับเปลีย่ นกัน ในแตล่ ะกลุ่มโดยทกุ คนไดเ้ ลน่ เกมสงั เกต ภาพเดก็ เลน่ วา่ ว 5. ครูให้สญั ญาณหมดเวลา เดก็ เกบ็ เกม การศึกษาเข้าทีใ่ หเ้ รียบร้อย

แผนการจดั ประสบการณช้ันอนบุ าล ๓ หนว ยที่ ๓๖ ฤดูรอน สปั ดาหท ่ี ๓๖ คร้ังท่ี ๒ วันท่ี................เดือน..........................พ.ศ..................... จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระท่คี วรเรียนรู้ เรอื่ งเคาะจงั หวะ พัฒนาการ กจิ กรรมเคล่ือนไหวและ 1. กิจกรรมพื้นฐาน ให้เด็กเคลอื่ นไหวรา่ งกาย สังเกต จงั หวะ สาคัญ ไปท่วั บรเิ วณอย่างอิสระตามจังหวะ เมื่อได้ยิน ๑. เสือ้ ผ้า การแสดงท่าทาง/ แสดงทา่ ทาง/เคล่ือนไหว (1) การ สัญญาณ “หยุด” ให้หยดุ เคลื่อนไหวทันที เน้อื หนา 2 ตวั เคล่อื นไหวให้ ประกอบคาบรรยาย เคลอื่ นไหวอยู่กับ 2. ให้เด็กทาทา่ ทางตามจนิ ตนาการโดยการฟัง 2. เส้ือผ้า สอดคลอ้ งกบั ท่ี คาบรรยาย “แดงเดินไปเท่ยี วรอบๆบรเิ วณ เนอื้ บาง 2 ตวั คาบรรยาย กิจกรรมสรา้ งเสริม (2) การ โรงเรยี น แดงเหน็ รอยขดี เขียนทฝ่ี าผนังอาคาร 3. เสือ้ ประสบการณ์ เคลอ่ื นไหว เรียน แดงจงึ ไปยกกระป๋องนา้ มาเชด็ ฝาผนงั กันหนาว 2 ตวั สังเกต ฟงั ผ้อู ่ืนพดู จนจบและ เคล่อื นที่ อาคารเรียนเสร็จแลว้ ซักผ้า บิดผ้า นาผา้ ไป การฟงั ผู้อ่นื พูดจนจบ สนทนาโต้ตอบอย่าง (2) การฟังและ ตาก” และสนทนาโตต้ อบ ตอ่ เนอ่ื งดว้ ยตนเองได้ ปฏิบัติตาม 3. ปฏบิ ัตติ ามข้อ 2 ซา้ อีก อยา่ งต่อเน่อื ง คาแนะนา 1. ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลง “อาบนา้ ” ดว้ ยตนเอง พรอ้ มให้เดก็ ทาท่าทางประกอบเพลง 2. ครูขออาสาสมัครมาทดลองสวมเสื้อทับกนั 2-3 ชิ้น หรอื เส้ือกันหนาวและบอกความรู้สึก ในขณะนั้นเป็นอย่างไรแลว้ ใหถ้ อดเสื้อออก พรอ้ มทัง้ เปรยี บเทยี บความร้สู ึกขณะที่สวมเส้ือ กบั การถอดเสื้อออกแลว้ 3. ครนู าเสอ้ื ผา้ ทน่ี ิยมใช้ในฤดูร้อนและฤดหู นาว มาใหส้ งั เกตเกย่ี วกับคุณลกั ษณะของผา้ นน้ั โดย ใช้คาถาม เชน่ - เด็กคิดวา่ ผา้ ชน้ิ น้มี ีลักษณะเปน็ อยา่ งไร - เหตใุ ดจงึ นิยมใช้ผา้ ชนดิ น้ีในฤดรู ้อน 4. เด็กและครูรว่ มกันสรปุ วา่ เสอื้ ผา้ ที่เหมาะสม กับฤดูร้อนควรเปน็ อย่างไร

จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระท่ีควรเรยี นรู้ 1. ครูและเดก็ รว่ มกนั ร้องเพลง “อาบน้า” ๑. ภาพเส้ือ พฒั นาการ กิจกรรมสร้างสรรค์ 2. ครูแนะนากจิ กรรมสรา้ งสรรคป์ ระกอบด้วย ๒. สนี ้า สงั เกต (1) แสดงความพอใจใน สาคญั ๓. พกู่ นั - การแสดงความ ผลงานศลิ ปะของตนเอง (2) การเขียนภาพ - การเปา่ สลี งบนกระดาษ เอ 4 แลว้ ตกแตง่ ๔. หลอด พอใจในศิลปะของ และผลงานผ้อู ่นื ภาพตามจนิ ตนาการ ๕. ดนิ น้ามนั ตนเองและผู้อน่ื (2) สรา้ งผลงานศลิ ปะเพื่อ และการเล่นสี - การนาเสนอผลงาน ส่อื สารความคิดของตนเอง (5) การทางาน - การปั้นดนิ น้ามนั อสิ ระ ของนักเรียน โดยมีการดดั แปลงแปลก 3. ให้เด็กทากจิ กรรมสรา้ งสรรค์ 2 กิจกรรม ใหม่จากเดิมและมี ศลิ ปะ ตามความสนใจ สงั เกต รายละเอยี ดเพิม่ ขึ้น 4. ในระหวา่ งทเี่ ด็กทากิจกรรมครคู อยให้ การเลน่ และทา คาแนะนา การใชว้ สั ดุอุปกรณ์ กิจกรรมตามมมุ ประสบการณ์ 5. เม่อื หมดเวลาครใู หส้ ญั ญาณเด็กช่วยกนั เกบ็ ของ สงั เกต 6. ให้เดก็ นาเสนอผลงานของตนเองและบอก การแสดงความพอใจ ความรสู้ กึ ทีม่ ีตอ่ ผลงาน ในผลงานและ กิจกรรมเล่นตามมุม การเล่นตามมุม 1. ครแู นะนามมุ ประสบการณ์ กตกิ าและ - อุปกรณ์จากมุม เลน่ และทากิจกรรมกบั เด็ก ประสบการณ์ วธิ กี ารเล่นในแต่ละมุม และให้เดก็ เลอื กเล่นตาม ประสบการณ์ ทีแ่ ตกตา่ งไปจากตน ต่าง ๆ ความสนใจ ในหอ้ งเรียน 2. เดก็ เลือกกจิ กรรมการเลน่ ตามมุม ประสบการณ์ตามความสนใจอยา่ งน้อย 4 มุม เช่น - มมุ ธรรมชาติศกึ ษา - มมุ หนังสอื - มมุ บล็อก - มมุ เกมการศึกษา 3. เม่ือหมดเวลาเดก็ เกบ็ ของเล่นเขา้ ทใ่ี ห้ เรยี บรอ้ ย กจิ กรรมกลางแจง้ (2) การเล่น 1. ครแู ละเด็กร่วมกนั ร้องเพลง “อาบน้า” ๑. หลอดกาแฟ แสดงความพอใจในผลงาน รายบคุ คล คนละ 1 หลอด และความสามารถของ กลมุ่ ยอ่ ยและ พรอ้ มทาทา่ ทางประกอบเพลง 2. ครแู นะนาการเลน่ เกม \"สาลิกาป้อนเหย่ือ\" 2. ยางวงเลก็ นามา

จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมิน การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระท่คี วรเรยี นรู้ พฒั นาการ ตนเองและผู้อื่นได้ วธิ ีการเลน่ และกติกาการเลน่ เทา่ กบั จานวนแถวท่ี ความสามารถของ สาคัญ ตนเองและผอู้ ่นื ได้ กลุ่มใหญ่ 3. แบง่ เดก็ ออกเป็นแถวตามความเหมาะสม แบง่ ยืนเปน็ แถวตอนลึกแต่ละคนในแถวห่างกนั ประมาณ 2 ก้าวและให้เด็กแตล่ ะคนใช้ปาก คาบหลอดกาแฟไว้ เอามอื ไว้ข้างหลงั ผู้เล่นคน แรกของทุกแถวจะมียางวงคลอ้ งอยู่ที่หลอด กาแฟ (สมมติใหห้ ลอดกาแฟเป็นปากสาลิกา ให้ยางวงเหยอื่ ) 3. เมอ่ื ครใู ห้สัญญาณนกั เรยี นคนแรกป้อนเหยอื่ ไปเข้าปากคนท่ี 2 โดยไมใ่ ห้ใช้มือชว่ ย 4. เม่ือคนที่ 2 ได้รับเหยื่อ แล้วส่งต่อใหค้ นท่ี 3 ต่อไปเร่ือยๆแถวไหนป้อนเหย่ือให้คนสุดท้าย เสร็จให้รีบนั่งลง 5. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปการเล่นวา่ กลุ่ม ไหนทาเสร็จเปน็ กลมุ่ แรกเพราะอะไร และกลุ่ม อ่นื เปน็ อยา่ งไรบ้าง (ถ้ามเี วลาใหเ้ ลน่ ใหม่อีก 1 ครัง้ ) 6. นกั เรียนเกบ็ อุปกรณแ์ ละทาความสะอาด รา่ งกาย

จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระที่ควรเรยี นรู้ ๑. ครูแนะนาเกมจัดหมวดหมู่ภาพกับคา ๑. เกมจดั หมวดหมู่ พฒั นาการ กจิ กรรมเกมการศึกษา ๒. ครแู บ่งนกั เรยี นออกเป็นกลมุ่ ตามความ ภาพกบั คา สงั เกต จาแนกและจัดกลุม่ สาคัญ เหมาะสม ใหเ้ ด็กทุกกล่มุ รับเกม \"จัดหมวดหมู่ 2. เกมการศึกษาชุด การจาแนกและ ส่งิ ต่าง ๆ โดยใชต้ ้งั แต่ (2) การคัดแยก ภาพกบั คา\" ไปเลน่ เสร็จแลว้ ใหเ้ ลน่ ทบทวน เดิม การจดั กลุ่มภาพกับ 2 ลกั ษณะขนึ้ ไป การจดั กลุ่มและ เกมการศึกษาชดุ อนื่ ๆ คาจากเกมการศึกษา จาแนกส่งิ ตา่ ง ๆ ๓. ครูให้สญั ญาณหมดเวลาเด็กเกบ็ เกม การศึกษา

แผนการจดั ประสบการณช ั้นอนุบาล ๓ หนว ยที่ ๓๖ ฤดรู อ น สปั ดาหที่ ๓๖ คร้ังท่ี ๓ วันท.ี่ ...............เดอื น..........................พ.ศ..................... จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรยี นรู้ ประสบการณ์ สาระท่ีควรเรยี นรู้ พฒั นาการ สาคญั กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและ (3) เคล่อื นไหวตาม 1. กิจกรรมเคลอ่ื นไหวให้เด็ก ให้เดก็ เคลื่อนไหว 1. เคร่อื งเคาะจังหวะ สังเกต จังหวะ เสยี งเพลง/ดนตรี 2. รบิ บิ้น 3 สี ความสนใจมีความสุข สนใจมคี วามสุขและแสดง (2) การเคลื่อนไหว ร่างกายไปท่วั บริเวณตามอิสระตามจงั หวะ เมื่อ - ชมพู และแสดงออกผ่าน ท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบ เคล่อื นท่ี ไดย้ ินสัญญาณ “หยุด “ ใหห้ ยุดเคลอื่ นไหวท่า - ฟา้ การเคล่อื นไหว เพลง จังหวะและดนตรี (3) การเคลื่อนไหว นนั้ ทันที - แดง 2. เด็กออกมาหยิบริบบ้นิ ทลี ะคนๆละ 1 เสน้ รา่ งกายพร้อม นารบิ บ้นิ มาสารวจและสมั ผสั ส่วนต่างๆของ อปุ กรณ์(รบิ บิน้ ) รา่ งกาย แลว้ เคล่อื นไหวร่างกายโดยใช้รบิ บ้นิ ให้ มีลลี าพ้นื ทีร่ ะดับทิศทางไปทั่วบรเิ วณเมอ่ื ได้ยนิ สญั ญาณหยุดให้หยุดเคลือ่ นไหวทนั ทีพร้อมกบั จับกลมุ่ ตามสรี ิบบนิ้ 3. เพลงประกอบการเคลื่อนไหว 4. ใหเ้ ด็กและละกลุ่มคิดออกแบบท่าทาง การเคลอ่ื นไหวอยา่ งอิสระตามเสยี งเพลง 5. ครรู ว่ มสรปุ และสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกับ ความรสู้ ึกที่ไดแ้ สดงออกจากการเคลือ่ นไหว กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ (2) การปฏิบตั ิตน ประเพณี 1. เด็กและครูรว่ มร้องเพลง “สวัสดี” 1. เพลงสวัสดี สงั เกต ปฏิบัติตามวัฒนธรรม ตามวฒั นธรรมทอ้ ง วฒั นธรรมและ 2. และครูร่วมสนทนาดูหนงั สือภาพเกีย่ วกับ 2. หนงั สือภาพ 1. การตอบคาถาม ประเพณที ้องถ่นิ ท่ตี นเอง ถน่ิ ทอี่ าศยั และ การละเลน่ ไทย วัฒนธรรมประเพณีไทยและการละเลน่ พน้ื บ้าน การละเล่นพ้ืนบ้าน ๒. สังเกตการเล่น อาศยั ได้ ประเพณไี ทย ไทย โดยใช้คาถาม 3. ภาพการละเล่น อยา่ งมีความสขุ (5) การละเล่น 1. วฒั นธรรมประเพณเี ดอื นเมษายน พืน้ บ้านม้าก้านกลว้ ย การละเลน่ พ้ืนบ้าน พนื้ บา้ นไทยได้ ของไทย \"วนั สงกรานต์\" ไทย (10) การอา่ น 2. กิจกรรมทค่ี วรปฏิบัตมิ ีอะไรบา้ ง 3. การละเลน่ ไทยมีอะไรบ้าง หนังสือภาพ 4. เด็กๆเคยเล่นการละเล่นไทยอะไรบ้าง

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระท่คี วรเรยี นรู้ พัฒนาการ สาคญั สังเกต (14) การอ่านและ 5. ครูและเดก็ ร่วมกันสนทนาเก่ยี วกับ 1. การทางานอยา่ งมี ชี้ขอ้ ความโดย การละเลน่ พน้ื บ้านไทย \"ม้าก้านกล้วย\" ทาจาก ความสุข กวาดสายตาตาม อะไรบ้าง 2. ตรวจผลงาน บรรทัดจากซา้ ยไป 6. เดก็ และครูรว่ มกนั สรุปวัฒนธรรมประเพณี สังเกต ขวา ไทยและการละเล่นพ้ืนบา้ นไทย การเล่นและ (5) การทากจิ กรรม ทากิจกรรมกับเด็กท่ี จากบนลงล่าง แตกต่างไปจากตน กิจกรรมสรา้ งสรรค์ (1) การพูดสะท้อน (1) วาดภาพด้วย ๑. ครเู ตรียมอุปกรณ์กิจกรรม 2 กิจกรรม 1. กา้ นกล้วย 1. สนใจ มคี วามสขุ และ ความรู้สึกของ สีนา้ อสิ ระ 1. วาดภาพดว้ ยสีนา้ อสิ ระ ๒. มดี แสดงออกผา่ นงานศิลปะ ตนเองและผอู้ นื่ (2) การประดิษฐ์ 2. การประดษิ ฐม์ ้าก้านกล้วย ๓. กระดาษ เอ4 2. แสดงความพอใจใน (5) การสรา้ งสรรค์ ม้าก้านกลว้ ย 4. สีน้า ผลงานและความสามารถ สิ่งสวยงาม ๒. ครแู นะนาวัสดุ อปุ กรณ์ในการทากิจกรรม ๕. พกู่ นั ของตนเองและผู้อ่นื 3. ครแู นะวธิ ีการทาม้ากา้ นกลว้ ยและวาดภาพ 6. จานสี ด้วยสนี า้ อสิ ระ 4. แบง่ เด็กเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสมและให้ เดก็ ลงมือประดิษฐ์มา้ ก้านกลว้ ยเสรจ็ แลว้ ให้ วาดภาพสนี า้ อิสระ 5. เด็กร่วมกนั เกบ็ อุปกรณ์และนาเสนอผลงาน กิจกรรมเล่นตามมุม (1) การเล่นอสิ ระ 1. เดก็ เลอื กกจิ กรรมการเลน่ ตามมมุ มุมประสบการณ์ใน เล่นและทากิจกรรมกับเด็ก (2) การเลน่ ประสบการณ์ตามความสนใจอยา่ งน้อย 4 มุม หอ้ งเรยี น ทแ่ี ตกตา่ งไปจากตน รายบุคคลกล่มุ ย่อย เชน่ และกลุ่มใหญ่ - มมุ ธรรมชาติ - มุมบทบาทสมมติ (3) การเลน่ ตามมุม - มมุ บล็อก - มุมหนังสือ ประสบการณ/์ มมุ - มมุ เกมการศึกษา เล่นต่างๆ 2. เมอ่ื หมดเวลาเด็กเกบ็ ของเลน่ เข้าที่ให้ เรียบร้อย

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมิน การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระท่คี วรเรยี นรู้ พัฒนาการ กจิ กรรมกลางแจง้ สาคญั 1. มา้ ก้านกลว้ ย สงั เกต (1) เลน่ และทากิจกรรม 2. เพลง (1) การเล่นร่วมกบั และปฏบิ ัติต่อผู้อนื่ อย่าง (1) การเล่นอิสระ การละเล่น 1. ครูและเด็กรว่ มกนั ร้องเพลง \"มา้ วิ่งกบั กบั \" \"ม้าว่งิ กับกับ\" ผ้อู น่ื อยา่ งปลอดภยั ปลอดภยั (2) การเลน่ อยา่ งมี (2) การเคล่ือนไหว พืน้ บา้ นไทย 2. ครแู นะนาวธิ ีการเล่นพน้ื บ้านไทย ความสขุ โดยควบคุมตนเอง ม้าก้านกลว้ ย \"มา้ ก้านกลว้ ย\" ไปในทิศทางระดับ 3. เด็กๆเล่นข่ีม้าก้านกลว้ ยอย่างปลอดภยั พน้ื ที่ 4. ครใู หส้ ญั ญาณหมดเวลาให้เดก็ เกบ็ ของและ ลา้ งมอื ลา้ งหน้า กจิ กรรมเกมการศึกษา (1) การนับและ การนับรวมใหไ้ ด้ ๑. ครูแนะนา เกมจับคภู่ าพกับตัวเลข ๑. เกมพน้ื ฐาน สังเกต จบั คู่เปรียบเทยี บความ แสดงจานวนของ จานวน 1 - 10 ๒. แบง่ เด็กออกเปน็ กลุม่ ตามความเหมาะสม การบวกจานวน การเล่นเกมการศึกษา แตกต่างและความเหมือน ส่ิงตา่ งๆใน ให้เดก็ 1 กลมุ่ รบั เกมจับคภู่ าพกบั ตัวเลขไปเลน่ 1 - 10 ของสิง่ ต่าง ๆ โดยใช้ตงั้ แต่ ชวี ิตประจาวนั ใหเ้ ด็กแตล่ ะกลมุ่ เล่นเกมการศึกษา เกมพนื้ ฐาน ๒. เกมการศึกษาชดุ 2 ลกั ษณะขึ้นไป (2) การจบั คู่ การบวก จานวน 1-10 จนครบทกุ คน จากน้นั เดิม เปรยี บเทียบและ ให้เลน่ เกมการศกึ ษาชุดเดมิ เรยี งลาดบั ของ ๓. ให้เดก็ เก็บเกมการศกึ ษาเข้าทีใ่ หเ้ รียบร้อย ส่ิงตา่ ง ๆ ตาม ลกั ษณะ

แผนการจดั ประสบการณช ัน้ อนบุ าล ๓ หนวยที่ ๓๖ ฤดูรอน สปั ดาหท่ี ๓๖ ครัง้ ที่ ๔ วนั ท่.ี ...............เดือน..........................พ.ศ..................... จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระทคี่ วร สาคญั เรียนรู้ กิจกรรมเคลือ่ นไหวและ (1) การเคลื่อนไหว 1. ให้เด็กเคลอื่ นไหวรา่ งกายไปท่ัวบรเิ วณอยา่ ง 1. เคร่อื งเคาะ สังเกต จงั หวะ อยกู่ บั ท่ี อสิ ระตามจงั หวะ เมื่อได้ยินสัญญาณ “หยุด\" จงั หวะ ความสนใจมีความสุข สนใจมีความสุขและแสดง (2) การเคลื่อนไหว ใหห้ ยดุ เคล่อื นไหวในทา่ น้ันทันที 2. ริบบน้ิ หลายๆ สี และแสดงท่าทาง/ ทา่ ทาง/เคลอื่ นไหวประกอบ เคลอ่ื นท่ี 2. ครูแจกริบบิน้ ให้เดก็ เคลื่อนไหวเคลอ่ื นท่ีพร้อม 3. เพลง เคลอื่ นไหว เพลงจังหวะและดนตรีด้วย รบิ บ้นิ เม่อื ได้ยินสญั ญาณหยุดใหห้ ยุดทนั ที ประกอบการ ตนเองได้ จับกล่มุ ตามความเหมาะสมแลว้ นับปากเปลา่ เคล่อื นไหว 1 - 20 3. เดก็ เขา้ แถวตอนลึกตามสีของริบบ้ินใหค้ นที่ยืน หวั แถวเป็นผนู้ าทาทา่ ให้คนในแถวทาตามโดยครู เคาะจงั หวะช้า - เรว็ ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหว ใหค้ รูเปิด เพลงประกอบการเคลื่อนไหว 4. เมื่อได้ยนิ สัญญาณหยดุ หวั แถวทเ่ี ป็นผนู้ าวง่ิ ต่อทา้ ย คนที่อยู่ถดั มาเปน็ ผทู้ าแทนและทา ทา่ ทางไมซ่ ้ากบั คนแรก แต่ละกลุ่มจะทาทา่ ทาง ไมเ่ หมือนกัน และทาใหค้ รบทุกคน กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ (1) มสี ว่ นรว่ ม 1. ครแู ละเด็กร่วมกนั ร้องเพลง “หากวา่ เรา 1. “หากวา่ เรา สังเกต เล่นทากจิ กรรมและปฏิบัติ รับผดิ ชอบดูแล สบาย” กาลังสบาย” การดแู ลรักษาธรรมชาติ ตอ่ ผู้อ่ืนอย่างปลอดภัยดว้ ย รกั ษาส่งิ แวดล้อม 2. เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เกย่ี วกับการ 2. กระถางต้นไม้ และสิง่ แวดล้อม ตนเองได้ ท้ังภายในและ ดารงชีวติ ของคนสัตว์และการเจรญิ เติบโตของพชื 3. หนิ กรวดเด็ก ภายนอก โดยใช้คาถาม 4. ดนิ - เม่ือเรารสู้ ึกร้อนเราจะปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไรให้ 5. ตน้

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ การเรยี นรู้ ประสบการณ์ สาระท่ีควร สงั เกต สาคัญ เรยี นรู้ การสรา้ งผลงานศิลปะ เพอื่ ส่ือสารความคดิ คลายรอ้ น กระบองเพชร ความรู้สึกของตนเอง โดยมกี ารดดั แปลง - เดก็ ช่วยเหลอื สตั ว์เล้ยี งทีบ่ ้านให้คลายรอ้ นได้ 6. ช้อนตกั ดนิ แปลกใหมจ่ ากเดิมและ มีรายละเอียดเพ่ิมเติม อย่างไร - เม่อื ต้นไมเ้ หย่ี วเฉาลงเดก็ ๆจะทาอย่างไรกับ ต้นไมใ้ ห้กลบั มาเขียวเหมือนเดิม 3. สาธติ วธิ กี ารปลูกตน้ ไม้ (ต้นกระบองเพชร) ใหเ้ ดก็ ๆ ดแู ละให้เดก็ ได้ลงมือปฏบิ ัตจิ ริง 4. เดก็ และครรู ว่ มกันสรปุ เกี่ยวกับการดารงชีวิต ของคนสตั ว์และการเจรญิ เติบโตของพืชการปลูก ต้นกระบองเพชร กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ (3) สร้างชนิ้ งาน 1. ครแู ละเด็กรว่ มกันร้องเพลง “หากวา่ เรากาลัง 1. กระดาษ เอ 4 สรา้ งผลงานศลิ ปะเพอ่ื โดยใช้รูปร่างจาก สอ่ื สารความคดิ ความรู้สกึ วัสดทุ หี่ ลากหลาย สบาย” 2. สเี ทียน ของตนเอง โดยมีการคดั แปลง แปลกใหมจ่ ากเดมิ ๒. ครูแนะนากิจกรรมสรา้ งสรรค์ประกอบด้วย 3. สนี า้ และมีรายละเอยี ดเพ่ิมขึ้น - วาดภาพตน้ กระบองเพชร - การพบั สี ๓. ใหเ้ ด็กทากจิ กรรมสรา้ งสรรค์ 2 กจิ กรรม ตาม ความสนใจ 4. ในระหว่างทเ่ี ด็กทากจิ กรรมครคู อยให้ คาแนะนาการใชว้ ัสดุ 5. เม่อื หมดเวลาครูใหส้ ญั ญาณเดก็ ช่วยกนั เก็บ ของ 6. ให้เด็กทาเสนอผลงานของตนเองและบอก ความรู้สึกที่มีต่อผลงาน

จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ การเรยี นรู้ ประสบการณ์ สาระท่คี วร 1. เดก็ เลือกทากจิ กรรมเสรตี ามมุมประสบการณ์ มุมประสบการณ์ สังเกต กจิ กรรมเสรี สาคญั เรยี นรู้ ในห้องเรยี น การเล่นและทากจิ กรรม เลน่ และทากจิ กรรมกบั เด็ก (1) การเลน่ อิสระ ตามความสนใจ อย่างน้อย 4 มมุ เชน่ กบั เด็กอน่ื ทแ่ี ตกตา่ ง ท่แี ตกตา่ งไปจากตน (2) การเลน่ ไปจากตน รายบุคคล - มุมธรรมชาติ - มมุ หนงั สอื กลุ่มย่อยและ - มมุ บล็อก - มมุ เกมการศึกษา กลุ่มใหญ่ (3) การเลน่ มุม 2. เมื่อหมดเวลาเด็กเกบ็ ของเข้าให้เรยี บร้อย ประสบการณ์มมุ ต่างๆ (2) การเลน่ และ การทางานรว่ มกับ ผู้อื่น กจิ กรรมกลางแจ้ง (2) การเลน่ 1. ครแู ละเด็กร่วมกันร้องเพลง 1. เพลง สงั เกต เลน่ ทากจิ กรรมและปฏบิ ัติ รายบุคคล การเล่นกบั ผ้อู ่ืนอย่างมี ต่อผู้อ่นื อย่างปลอดภยั กลุ่มยอ่ ย “หากว่าเรากาลงั สบาย” “หากวา่ เรากาลงั เป้าหมาย กลุ่มใหญ่ 2. แบ่งเด็กออกเปน็ 2 กลุ่ม เท่าๆกันและให้ผนู้ า สบาย” ออกมายืนตรงกลางกลุ่มทัง้ 2 กลุ่ม ถา้ ผู้นาสง่ิ ว่า “ทาขึน้ ” ใหท้ กุ คนวงิ่ เข้าหาผู้นา ถา้ ผูน้ าสัง่ ว่า “น้านิ่ง” ใหท้ ุกคนอย่กู บั ท่แี ละนงั่ ลงอย่างเร็ว ใครทาช้าจะต้องถูกตัดออก จนกว่าจะเหลือ 1 คนเป็นผ้ชู นะ

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระทีค่ วร 1. ครแู นะนาเกม “จบั คภู่ าพทมี่ จี านวนเทา่ กัน” ๑. เกมจับคู่ภาพที่ สงั เกต กจิ กรรมเกมการศึกษา สาคัญ เรยี นรู้ การเล่นเกม มคี วามสามารถในการคิดที่ (13) การจับคู่การ 2. ครแู บ่งเด็กออกเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสม มจี านวนเทา่ กนั เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ ด้วยตนเองได้ เปรยี บเทียบและ ใหเ้ ดก็ แตล่ ะกลุ่มรบั เกมไปเล่น จากนน้ั ให้เล่นเกม ๒. เกมการศึกษา การเรยี งลาดบั สงิ่ การศกึ ษาชุดเดิม ชดุ เดิม ตา่ งๆตามลักษณะ 3. ครใู หส้ ัญญาณหมดเวลาเด็กเกบ็ เกมการศึกษา

แผนการจดั ประสบการณช ้นั อนบุ าล ๓ หนว ยท่ี ๓๖ ฤดูรอ น สัปดาหท่ี ๓๖ คร้ังท่ี ๕ วันที่................เดือน..........................พ.ศ..................... จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ การเรยี นรู้ ประสบการณ์ สาระทีค่ วรเรยี นรู้ พฒั นาการ สงั เกต สาคัญ การเคลื่อนไหว ร่างกายตาม กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและ (1) เคลอื่ นไหวอยู่ 1. กิจกรรมพืน้ ฐาน ให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายไป เพลง “วา่ ว” จินตนาการ จงั หวะ กบั ท่ี ทั่วบริเวณอยา่ งอสิ ระตามจังหวะ เม่อื ไดย้ นิ สงั เกต การล้างมือก่อน ร่างกายตามจินตนาการ (2) เคลือ่ นไหว สัญญาณ “หยดุ “ ให้หยุดเคลื่อนไหวในทา่ น้ัน รบั ประทานอาหาร และหลังจากการใช้ เคลอ่ื นไหวท่าทางเพือ่ เคลือ่ นที่ ทันที หอ้ งน้า ห้องสว้ ม ส่ือสารความคดิ ความรู้สึก (3) การ 2. เด็กและครูร่วมกันร้องเพลง “ว่าว” ทาทา่ ทาง ของตนเองอย่างหลากหลาย เคลอื่ นไหวตาม ตามจนิ ตนาการประกอบเพลง และแปลกใหม่ เสียงเพลง/ดนตรี กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ (1) การปฏบิ ตั ิ อาหารและ ๑. เดก็ ฟังนทิ าน “ผ้งึ น้อยผจญภยั ” 1. นทิ าน การล้างมือก่อนรับประทาน ตามสขุ อนามัยสุข โรคฤดรู อ้ น 2. ครูสนทนากับเด็กเก่ียวกับโรคท่เี กดิ ข้ึนในฤดู “ผ้งึ นอ้ ยผจญภัย” อาหารและหลังจากการใช้ นสิ ัยท่ีดใี นกจิ วัตร รอ้ นโดยใชค้ าถามดังนี้ ๒. ภาพอาหารที่มี หอ้ งน้า ห้องส้ม ดว้ ยตนเอง ประจาวนั - ในฤดรู ้อนมกั มคี นปว่ ยเป็นโรคท้องรว่ งกนั มาก แมลงวันตอม ได้ “เด็กๆคดิ วา่ เหตใุ ดจงึ เป็นเชน่ นัน้ ๓. ภาพคนป่วย - เรามีวิธปี ้องกนั โรคทอ้ งรว่ งอย่างไรบ้าง 4. ภาพเด็กเป็นผด - เราจะมวี ิธีการป้องกันโรคผดผนื่ ไดอ้ ยา่ งไร ผ่ืนคัน 3. เดก็ และครูรว่ มกนั สรุปสาเหตุทีท่ าให้อาหาร เสยี และผลของการรับประทานอาหารอาหาร เหลา่ น้นั โดยให้ดูภาพประกอบ 4. เด็กและครรู ่วมกันสรุปสาเหตุทที่ าให้ร่างกาย เกดิ ผดผน่ื คนั และการป้องกันรกั ษาโดยใหด้ ู ภาพประกอบ

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมิน การเรียนรู้ ประสบการณ์ สาระที่ควรเรยี นรู้ 1. เด็กและครรู ่วมกันร้องเพลง “หากวา่ เรากาลัง 1. กระดาษเอ4 พัฒนาการ กิจกรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ สบาย” 2. สีนา้ สังเกต ทางานศิลปะอยา่ งมี สาคัญ 2. ครแู นะนากจิ กรรมสรา้ งสรรคป์ ระกอบดว้ ย 3. ดนิ นา้ มนั การทางานอย่างมี ความสุข สรา้ งผลงานศิลปะ (2) การเขยี นภาพ 4. ถาดรองพืน้ ศลิ ปะ กล้าพูดกล้า เพือ่ ส่ือสารความคิด ความรู้ และเล่นกบั สี - การ 5. กระดาษใสผ่ ลงาน แสดงออกและแสดง ของตนเองโดยมีการ (1) การ - ปั้นดินน้ามันอิสระ ดนิ น้ามนั ความคิดเหน็ ใน ดัดแปลงแปลกใหม่จากเดิม แสดงออกผ่าน 3. ใหเ้ ด็กเลือกทากจิ กรรมตามความสนใจ ผลงานของตนเอง และมรี ายละเอียดเพิ่มขนึ้ ศิลปะ 4. ในระหวา่ งทเ่ี ด็กทากจิ กรรม ครูคอยให้ (9) การพูด คาแนะนา การใช้สีน้า และการใช้สนี ้า เรยี งลาดับคาเพ่ือ 5. ใหเ้ ดก็ นาเสนอผลงานของตนเอง และบอก ใชใ้ นการสื่อสาร ความรสู้ ึกทมี่ ีตอ่ ผลงาน กิจกรรมเล่นตามมุม (1) การปฏิบตั ิตน 1. เด็กเลอื กทากิจกรรมเสรีตามมมุ ประสบการณ์ มุมประสบการณ์ใน สังเกต เลน่ ร่วมกับผูอ้ ืน่ อย่าง ให้ปลอดภยั ใน ตามความสนใจ อย่างน้อย 4 มมุ เชน่ หอ้ งเรยี น การเลน่ ทากจิ กรรม ปลอดภัย กจิ วัตรประจาวนั - มุมธรรมชาติ - มุมหนงั สือ และปฏบิ ัตติ ่อผู้อ่นื - มมุ บลอ็ ก - มมุ เกมการศกึ ษา อย่างปลอดภัย 2. เม่ือหมดเวลาเดก็ เกบ็ ของเข้าให้เรยี บร้อย กิจกรรมกลางแจง้ (1) การเล่น 1. ครแู นะนาข้อตกลงและสาธติ วธิ ีการเล่นเกม 1. ลกู บอล สังเกต เลน่ รว่ มกบั เดก็ อน่ื อยา่ งมี รายบคุ คล 2. ครูแบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่มและใหเ้ ด็กเลน่ การเล่นร่วมกับเด็ก เปา้ หมายได้ กลุ่มย่อย เกมปรบมือส่งของ อ่นื อย่างมีความสุข กลมุ่ ใหญ่ 3. เมอ่ื หมดเวลาครใู หส้ ญั ญาณใหเ้ ดก็ เก็บของ ลา้ งมอื ล้างมือ

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมิน การเรยี นรู้ ประสบการณ์ สาระทค่ี วรเรียนรู้ พัฒนาการ กจิ กรรมเกมการศึกษา สาคญั สังเกต เรยี งลาดบั ระดบั นา้ (14) การบอก เรยี งลาดบั ระดบั ๑. เดก็ นบั ปากเปลา่ 1 - 20 พรอ้ มกนั ๑. เกมเรยี งลาดับ การเล่นเกม ในแก้วนา้ 5 ลาดบั และเรยี งลาดับ น้าในแกว้ ๒. ครูแนะนาเกมเรยี งลาดบั น้าในแกว้ 5 ระดบั ปริมาณนอ้ ยไปหา เรยี งลาดบั ระดบั น้า กิจกรรมหรือ 5 ลาดบั ๓. แบง่ กล่มุ เดก็ เปน็ 5 กลุม่ โดยใหเ้ ดก็ เลือก มาก มากไปหาน้อย เหตุการณ์ตาม หวั หนา้ กลมุ่ ออกมารับเกมทีเ่ คยเล่นแล้วและเกม ๒. เกมชุดเดิม ชว่ งเวลา เรียงลาดับปริมาณน้อยไปหามาก 4. เดก็ เลน่ เกมโดยหมนุ เวียนสลบั เปลีย่ นกนั ใน แต่ละกลุม่ โดยทกุ กลุ่มได้เล่นเกมเรยี งลาดับ ปรมิ าณน้อยไปหามาก 5. ครูใหส้ ญั ญาณหมดเวลาเด็กเก็บเกมการศึกษา

1. เลขที่ ชอื่ -สกลุ 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 1.ล้างมอื ก่อนรับประทานอาหารและหลงั ใชห้ อ้ งนา้ หอ้ งส้วม ด้านร่างกาย ไดด้ ว้ ยตนเอง ดา้ นอารมณจ์ ิตใจ 2.เล่นทากจิ กรรมและปฏิบตั ติ อ่ ผู้อืน่ อยา่ งปลอดภัยได้ ด้านสังคม ประเมนิ พฒั นาการ แบบสงั เกตพฤติกรรมเดก็ 3.วง่ิ หลบหลีกส่ิงกดี ขวางได้ แผนการจดั ประสบการณช้นั อนบุ าล ๓ หนวยท่ี ๓๖ ฤดรู อ น 4.แสดงอารมณค์ วามรู้สึกไดส้ อดคลอ้ งกับสถานการณ์อยา่ ง ด้านสตปิ ัญญา เหมาะสม 5.แสดงความพอใจในผลงานและความสามารถของตนเองและ ผูอ้ น่ื 6.สนใจมคี วามสขุ และแสดงออกผา่ นงานศิลปะ 7.สนใจมีความสุขและแสดงทา่ ทางการเคลอื่ นไหวประกอบ เพลงและดนตรี ๘.ทางานท่ีได้รบั มอบหมายจนสาเรจ็ ด้วยตนเอง 9.ปฏบิ ัติตนเกย่ี วกบั กิจวตั รประจาวันและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ด้วยตนเอง 1๐.ใชส้ ่ิงของเครื่องใช้อยา่ งประหยัดและพอเพียงดว้ ยตนเอง 1๑.ดูแลรกั ษาธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมดว้ ยตนเอง 12.กล่าวคาขอบคุณและขอโทษดว้ ยตนเอง 13.เลน่ และทากจิ กรรมกบั เดก็ ที่แตกตา่ งไปจากตน 14.ฟังผู้อนื่ พูดจนจบและสนทนาโตต้ อบอยา่ งตอ่ เนือ่ ง เช่อื มโยงกบั เรอื่ งท่ฟี ัง 15.อา่ นภาพสัญลกั ษณค์ า ดว้ ยการชห้ี รอื กวาดตามอง จุดเรมิ่ ต้นและจุดจบของขอ้ ความ 16.บอกลักษณะสว่ นประกอบการเปลี่ยนแปลงหรือ ความสัมพนั ธ์ของสง่ิ ต่าง ๆ จากการสังเกตโดยใช้ประสาท สัมผัส 17.จับคู่เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งและความเหมือนของส่งิ ต่าง ๆ โดยใช้ลกั ษณะทสี่ ังเกตพบ 2 ลกั ษณะขึน้ ไป 18.จาแนกและจัดกลมุ่ ส่งิ ตา่ ง ๆ โดยใชต้ งั้ แต่ 2 ลกั ษณะขึน้ ไป 19.เรียงลาดบั สิ่งของและเหตุการณ์อยา่ งนอ้ ย 5 ลาดับ 20.สร้างผลงานศลิ ปะเพอ่ื สอ่ื สารความคิด ความรสู้ กึ ของ ตนเอง โดยมกี ารดดั แปลงใหมจ่ ากเดมิ และมีรายละเอยี ด เพมิ่ ขนึ้ 21.เคลอ่ื นไหวทา่ ทางเพือ่ สอื่ สารความคิดความรสู้ กึ ของตนเอง อย่างหลากหลายและแปลกใหม่ หมาย เหตุ

11. เลขที่ ชือ่ -สกลุ 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. คาอธิบาย ครูสังเกตพฤติกรรมเด็กรายบุคคล จดบนั ทึกสรุปเปน็ รายสัปดาห์ระบุลาดบั คุณภาพเป็น ๓ ระดบั คอื 1.ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังใชห้ อ้ งน้า หอ้ งส้วม ดา้ นรา่ งกาย ระดบั ๓ ดี ระดบั ๒ พอใช้ ระดบั ๑ ตอ้ งส่งเสรมิ ได้ดว้ ยตนเอง ด้านอารมณ์จติ ใจ 2.เล่นทากจิ กรรมและปฏบิ ัติต่อผอู้ ่นื อยา่ งปลอดภยั ได้ ประเมนิ พัฒนาการ 3.วง่ิ หลบหลีกสิง่ กีดขวางได้ ด้านสงั คม 4.แสดงอารมณค์ วามรู้สึกไดส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณอ์ ยา่ ง ดา้ นสติปญั ญา เหมาะสม 5.แสดงความพอใจในผลงานและความสามารถของตนเองและ ผู้อืน่ 6.สนใจมคี วามสุขและแสดงออกผา่ นงานศิลปะ 7.สนใจมคี วามสขุ และแสดงท่าทางการเคลอื่ นไหวประกอบ เพลงและดนตรี ๘.ทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมายจนสาเร็จด้วยตนเอง 9.ปฏบิ ตั ิตนเกย่ี วกับกจิ วัตรประจาวันและกจิ กรรมตา่ ง ๆ ได้ ดว้ ยตนเอง 1๐.ใช้สิ่งของเคร่ืองใช้อย่างประหยดั และพอเพียงด้วยตนเอง 1๑.ดูแลรกั ษาธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มดว้ ยตนเอง 12.กลา่ วคาขอบคณุ และขอโทษด้วยตนเอง 13.เล่นและทากิจกรรมกับเดก็ ทแี่ ตกตา่ งไปจากตน 14.ฟงั ผู้อน่ื พูดจนจบและสนทนาโต้ตอบอยา่ งตอ่ เนือ่ ง เชอ่ื มโยงกบั เร่ืองทฟี่ งั 15.อา่ นภาพสญั ลกั ษณค์ า ดว้ ยการช้ีหรอื กวาดตามอง จุดเริ่มต้นและจดุ จบของข้อความ 16.บอกลกั ษณะสว่ นประกอบการเปลย่ี นแปลงหรอื ความสมั พันธ์ของส่งิ ตา่ ง ๆ จากการสงั เกตโดยใชป้ ระสาท สัมผสั 17.จับค่เู ปรยี บเทียบความแตกตา่ งและความเหมอื นของสิง่ ต่าง ๆ โดยใช้ลกั ษณะทสี่ ังเกตพบ 2 ลกั ษณะขน้ึ ไป 18.จาแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่าง ๆ โดยใชต้ ง้ั แต่ 2 ลกั ษณะขึน้ ไป 19.เรียงลาดับสงิ่ ของและเหตกุ ารณ์อยา่ งนอ้ ย 5 ลาดับ 20.สรา้ งผลงานศลิ ปะเพื่อส่อื สารความคิด ความรู้สกึ ของ ตนเอง โดยมกี ารดัดแปลงใหมจ่ ากเดมิ และมรี ายละเอยี ด เพิ่มขึ้น 21.เคลือ่ นไหวทา่ ทางเพ่อื สื่อสารความคิดความรู้สกึ ของตนเอง อยา่ งหลากหลายและแปลกใหม่ หมาย เหตุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook