Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บุคลิกภาพ

บุคลิกภาพ

Published by auntie nidnoi, 2021-11-15 07:34:57

Description: บุคลิกภาพภาย

Search

Read the Text Version

บคุ ลกิ ภาพคอื อะไร ความหมายของบคุ ลกิ ภาพ บุคลิกภาพ คือ ลกั ษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลในดา้ นต่างๆ ทงBั ภายนอกและ ภายใน บุคลิกภาพภายนอก คือ สว่ นทEีมองเหน็ ชดั เจน เช่น รูปร่างหนา้ ตา กริ ิยามารยาท การแต่งตวั วธิ พี ดู จา การนงัE การยนื บุคลิกภาพภายใน คือ ส่วนทEีมองเห็นไดย้ าก อาจจะตอ้ งใชก้ ารอนุมาน เช่น สตปิ ญั ญาความถนดั อารมณ์ ความใฝ่ ฝนั ความปรารถนา ค่านิยม ลกั ษณะต่างๆ ของบุคลิกภาพไม่อาจแยกออกเป็ นส่วนๆ ไดอ้ ย่างเด็ดขาด ทกุ บคุ ลกิ ภาพมีความสมั พนั ธก์ นั มีผลกระทบต่อกนั เป็นลูกโซ่ 1

บคุ ลกิ ภาพคอื อะไร บุคลิกภาพของมนุษยถ์ ูกหล่อหลอมดว้ ย พนั ธุกรรมและส?ิงแวดลอ้ ม การเรยี นรู้ การปรบั ตวั ท?เี ป็นทงGั นามธรรมและรูปธรรม บคุ ลกิ ภาพมีทงGั ลกั ษณะท?ีเป็ นแบบผิวเผินและเป็ นนิสยั ท?ีแทจ้ รงิ บางสว่ น ถกู ซ่อนเรน้ ถกู ปิดบงั ทงGั แบบจงใจและไม่จงใจ ท?สี าํ คญั บคุ ลกิ ภาพเป็ นสง?ิ ท?เี ปล?ยี นแปลงไดต้ ามกาลเวลา ตามการเรยี นรู้ และสง?ิ แวดลอ้ ม 2

ความสาํ คญั ของการมีบคุ ลกิ ภาพท9ดี ี ผูท้ ?มี ีบคุ ลกิ ภาพท?ดี ีควรจะเป็นผูท้ ?มี ี การมีบคุ ลกิ ภาพท?ดี ีจะเป็น สขุ ภาพจติ ท?ดี ีเป็นพGนื ฐาน ประโยชนต์ ่อการดาํ เนินชีวติ ใน มองเหน็ สง?ิ ต่างๆ อย่างถกู ตอ้ ง แงม่ มุ ต่างๆ ดงั นGี ไม่ต่อตา้ นหรอื ยอมรบั สง?ิ ต่างๆ โดยไรเ้ หตผุ ล และเป็นคนท?ี § ตนเองมีความสขุ สามารถปรบั ตวั ไดด้ ี § ความอน?ื มีความสขุ § ทาํ ประโยชนต์ ่อสงั คม 3

ปญั หาการขาดความสามารถในการปรบั ตวั หรอื การปรบั บคุ ลกิ ภาพ เม?ือบคุ คลไม่สามารถปรบั ตวั ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาวการณ์และบคุ คลอน?ื ท?แี วดลอ้ ม จะเป็นผลใหบ้ คุ คลนGนั มีลกั ษณะท?ไี ม่เป็นผลดีต่อตนเองใน การดาํ เนินชีวติ ดงั นGี 1. เป็นคนท?มี ีอาการเครง่ เครยี ด 2. ทาํ ใหม้ ีอาการเจบ็ ป่วยทางกาย จากสาเหตขุ องความเครยี ด 3. หย่อนสมรรถภาพในการดาํ เนินชีวติ ดงั นGนั เราจงึ ตอ้ งพฒั นาบคุ ลกิ ภาพภายในและพฒั นาบคุ ลกิ ภาพภายนอก ไปคู่กนั 4

บคุ ลกิ ภาพภายในท9สี าํ คญั v การตระหนกั รูใ้ นตนเอง (Self Awareness) v ความภาคภมู ิใจในตนเอง (Self Esteem) v การมีวนิ ยั ในตนเอง (Self Discipline) v การตงDั เป้ าหมาย (Goal Setting) v การกลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม (Assertive Behavior) 5

การตระหนกั รูใ้ นตนเอง (Self-awareness) 6

การตระหนกั รูใ้ นตนเอง (Self-awareness) vการตระหนกั รูใ้ นตนเอง (Self awareness) เป็นความสามารถใน การคน้ หารูจ้ กั และเขา้ ใจตนเอง เช่น รูข้ อ้ ดี ขอ้ เสยี ของตนเอง รูค้ วาม ตอ้ งการ และส?งิ ท?ีไม่ตอ้ งการของตนเอง ซ?ึงจะช่วยใหเ้ รารูต้ วั เองเวลา เผชิญกบั ความเครยี ดหรอื สถานการณ์ต่าง ๆ vองคป์ ระกอบย่อยของการตระหนกั รูใ้ นตนเอง § ความสามารถรูเ้ ท่าทนั อารมณ์ของตนเอง § ความสามารถจดั การกบั ความรูส้ กึ ภายในตนเองได้ § ความสามารถประเมินตนเองไดต้ ามความเป็นจรงิ § การรบั รูใ้ นความสามารถและคณุ ค่าของตนเอง 7

ทาํ อย่างไรใหร้ ูจ้ กั ตนเอง** ฉนั ตาม ฉนั หลงผิด ตไป่างเคองดิ ฉนั ทLผี ูอ้ นLื ฉนั ตาม การรบั รู้ เขา้ ใจผิด การรบั รู้ ของตนเอง ของผูอ้ นEื **จากแนวคดิ ของ คลวบาั มเปิดเผยจุดบอด ศ.ดร.ชยั พร วชิ ชาวธุ ฉนั ทLยี งั ไม่มีใครรู้ ฉนั ตาม ความเป็ นจรงิ

วงกลมแหง่ การรูจ้ กั และเขา้ ใจตนเอง ความเป็ นจรงิ ของตวั เรา การรับรขู ้ องตวั เรา การรับรขู ้ องคนอน6ื เกยี6 วกบั ตวั เรา • เปิดปาก พดู คยุ ถงึ ความรูส้ กึ ความคดิ เหน็ มมุ มองของตนเอง • เปิดหู รบั ฟงั คนอน?ื เก?ยี วกบั ตวั เรา • เปิดตา มองเหน็ สง?ิ ท?เี กดิ ขGึนอย่างตรงไปตรงมา ไรอ้ คติ • เปิดใจ ยอมรบั สง?ิ ท?ดี ีและไม่ดีเพอ?ื การพฒั นาตนเอง

ความภาคภมู ิใจในตนเอง (Self Esteem) 10

ความภาคภมู ิใจในตนเองคอื อะไร v ความรูส้ กึ ความเชLือทLบี คุ คลมีต่อตนเองว่าตนเองมีคณุ ค่า มีความสามารถ มีระดบั จากตาํL ไปสูง 11

ลกั ษณะของคนท9มี ีความภาคภมู ิใจในตนเองสูง v พยายามและเรยี นรูก้ บั สงLิ ใหม่ๆ v พยายามทาํ และเรยี นรูส้ งLิ ทLยี ากและทา้ ทาย v ชLืนชมและยนิ ดีกบั งานทLที าํ ไดส้ าํ เรจ็ v เปิดเผยตนเอง v รูจ้ กั การใหแ้ ละสนุกสนานกบั การอยู่รว่ มกบั คนอนLื v เชLือในความสามารถและศกั ยภาพตนเอง v ยดื หย่นุ เปลLยี นแปลงและยอมรบั ความคดิ เหน็ ใหม่ๆ ได้ 12

ลกั ษณะของคนท9มี ีความภาคภมู ิใจในตนเองตาํ9 v หนีหรอื ละท;งิ สง=ิ ท=เี กดิ ข;ึน v ลม้ เลกิ ความตง;ั ใจงา่ ย vไม่มีความสขุ อมทกุ ข์ v เหงา โดดเด=ียว v ลงั เล เปล=ยี นแปลงงา่ ย v โทษคนอน=ื ช่างเบ=อื หน่าย 13

ผลลพั ธข์ องการมีความภาคภมู ิใจในตนเองสูง v ประสบความสาํ เรจ็ v สขุ ภาพดี v ความสมั พนั ธก์ บั คนอนLื ดี 14

ผลลพั ธข์ องการมีความภาคภมู ิใจในตนเองตาํ9 v ตดิ สารเสพตดิ v ไม่มีความสขุ ในการอยู่รว่ มกบั คนอนLื v ความสมั พนั ธล์ ม้ เหลว v ตงDั ทอ้ งกอ่ นวยั อนั ควร v ออกจากโรงเรยี นหรอื มหาวทิ ยาลยั v ตกงาน v ซึมเศรา้ 15

ความแตกต่างของความภาคภมู ิใจในตนเองและความมนั? ใจในตนเอง v ความมนัL ใจในตนเองเป็ นความกลา้ ทLีจะตดั สินใจในการ กระทาํ สงLิ ต่างๆ v ความภาคภูมิใจในตนเองเป็ นความเชLือว่าตนเองมี ความสามารถทLจี ะเผชิญโลกไดใ้ นทกุ สถานการณ์

การพฒั นาความภาคภมู ิใจในตนเอง (DO) ü ดูแลสขุ ภาพของตนเอง (รา่ งกาย+จติ ใจ) ü ใสใ่ จเรLอื งความปลอดภยั ü ใหเ้ วลาในการทาํ สงLิ ทLชี อบหรอื สงLิ ทLมี ีความสขุ ü เรยี นรูใ้ นสงLิ ทLสี นใจ ü ฝึกชLืนชมตนเอง บอกรกั ตนเองอย่างนอ้ ยวนั ละ Z ครงDั 17

สง9ิ ท9ไี ม่ควรทาํ (DON’T) ü พดู กบั ตนเองในสงLิ ทLไี ม่ดี (Negative Self-talk) ü อจิ ฉารษิ ยาและช่างเปรยี บเทยี บ (Jealousy and Comparisons) ü ปิดบงั ซ่อนเรน้ ความรูส้ กึ ทLแี ทจ้ รงิ ของตนเอง (Hiding Feelings) üช่างตาํ หนิตเิ ตยี น (Blaming) 18

ความจรงิ เก9ยี วกบั ชีวติ v ไม่มีใครโชครา้ ยตลอดไป และเราไม่ใช่คนทLโี ชครา้ ยทLสี ดุ v เรามีสงLิ ทLดี ี ถงึ แมไ้ ม่เท่าคนอนLื แต่เรากม็ ี v เรามีขุมทรพั ยท์ Lมี ีค่าในตวั เอง v อดีตเปลยLี นแปลงไม่ไดแ้ ต่เราเปลยLี นแปลงอนาคตได้ v เราเปลLยี นแปลงภายนอกไดล้ าํ บาก แต่ภายในเรา เปลLยี นแปลงได้ v ทกุ คนทาํ ดีทLสี ดุ เท่าทLคี วามรูค้ วามสามารถมี v สงLิ ทLดี ีทLสี ดุ คอื ใหอ้ ภยั v เราอาจจะคดิ ว่าไม่มีทางเลอื ก แต่ความจรงิ เรามีทางเลอื ก

หวั ใจท9สี าํ คญั ในการเพม9ิ ความภาคภมู ิใจในตนเอง รกั และช=ืนชมตนเองใหเ้ ป็น และ อย่าละเวน้ การยอมรบั และพอใจตนเองอย่างไม่มีเงอ=ื นไข คาํ สาปต่างๆ นBนั ไม่มีจรงิ มีเพยี งเราทEคี อยสาปตวั เราเองเท่านBนั 20

ใหท้ ่านหาสง=ิ ต่อไปน;ีในตวั ท่านและเขียนลงในเอกสาร 1. Self esteem ท่านเองมีความสามารถอะไร/เหตกุ ารณ์ท?ที ่านเองภาคภมู ิใจ ([\\ อย่าง) 2. Key persons ใครคอื บคุ คลสาํ คญั ในชีวติ ของท่าน (] คน) และใหเ้ หตผุ ลว่า บคุ คลนGนั สาํ คญั ต่อท่านอย่างไร 3. Meaning of life ท่านใหค้ วามหมายของชีวติ ของท่านว่าอย่างไร

การมีวนิ ยั ในตนเอง (Self Discipline) 22

การมีวนิ ยั ในตนเอง v วนิ ยั ในตนเอง หมายถงึ การทLบี คุ คลสามารถทาํ สงLิ ต่าง ๆ ดว้ ยความรบั ผิดชอบของตนเอง ไม่รอคอยทLจี ะใหบ้ คุ คลหรอื สงLิ ใดมากระตนุ้ หรอื สงัL การใหท้ าํ v การทLคี นเราไม่มีวนิ ยั ในตนเอง อาจจะมีสาเหตมุ าจาก § รูปแบบการเลBยี งดูในวยั เด็ก § ยอมแพอ้ ารมณ์/ความรูส้ กึ § ขาดแรงจูงใจ § ไม่มีประสบการณ์ดา้ นลบทEเี ป็นผลมาจากการไม่มีวนิ ยั 23

วธิ สี รา้ งวนิ ยั ใหต้ นเอง v มองชีวติ ระยะยาวและหาเป้ าหมายชีวติ และการทาํ สงLิ ต่างๆ v ตระหนกั อยู่เสมอว่า เวลาเป็นทรพั ยากรทLใี ชแ้ ลว้ หมดไป v ใหก้ าํ ลงั ใจตนเองในการสรา้ งวนิ ยั 24

เป้ าหมาย (Goal) เป้ าหมายคอื ... ± ทศิ ทาง ± จุดทLเี ราตอ้ งการจะไปใหถ้ งึ ± สงLิ ทLเี ราตอ้ งการทาํ ใหส้ าํ เรจ็ ราชบณั ฑติ ยสถาน (^_`a) “เป้ าหมาย คอื สงLิ ทLเี ป็นศูนยก์ ลางแหง่ ความใสใ่ จ”

เป้ าหมายกบั บคุ ลกิ ภาพภายใน v การทาํ สงLิ ใดหากมีเป้ าหมายกม็ ีทศิ ทาง ทาํ ใหเ้ รามีความม่งุ มนัL และเสรมิ สรา้ งกาํ ลงั ใจในการใชช้ ีวติ v คนทLมี ีความม่งุ มนัL ตงDั ใจและชดั เจน ย่อมสง่ ผลใหม้ ี บคุ ลกิ ภาพทLดี ีดว้ ย

เป้ าหมาย (Goal) ความม่งุ มนั? และตงGั ใจ Goal Setting theory การแสดงพฤตกิ รรมอย่างเป็นรูปธรรม Edwin A. Locke, Ph.D. Industrial Psychology

เหตผุ ลท1คี นสว่ นใหญ่ไม่ตง;ั เป้ าหมาย 1. คดิ ว่าเป้ าหมายไม่สาํ คญั 2. กลวั ความลม้ เหลว กลวั ผิดหวงั 3. กลวั ถกู วพิ ากษว์ จิ ารณ์เมLือทาํ ไม่สาํ เรจ็ 4. ไม่รูว้ ธิ ี คดิ วา่ ความปรารถนาคอื เป้ าหมาย

คุณมเี ป้าหมายแลว้ หรอื ยงั ถา้ มี คณุ ลองเขียนเป้ าหมายของคณุ สกั อย่าง

ลกั ษณะของเป้ าหมายท6ดี ี D Desirable DSMART S Specific M Measurable พงึ พอใจอยากกระทาํ A Action-oriented จาํ เพาะเจาะจง R Realistic วดั ได้ T Time-bound เนน้ แนวทางการปฏบิ ตั ิ สามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ มีกรอบเวลาชดั เจน

การพชิ ิตเป้ าหมาย มีแผนปฏบิ ตั ทิ 9ชี ดั เจน ทาํ ทนั ทีมีแนวทางป้องกนั และแกป้ ญั หา แกว้ ธิ กี าร ไม่ใช่เป้ าหมาย

ความเปน' ไปไดท+ ่จี ะพิชิตเป5าหมายให+ง:ายข้ึน v ตระหนักเสมอวา- การมีเปา2 หมายในการใชช6 ีวิตยอ- มดีกว-าไมม- ี v การตงั้ เป2าหมายเร่มิ จากความปรารถนา (ความต6องการ) แล6วปรบั ให6ได6ตามหลกั DSMART (มแี นวทางปฏบิ ตั )ิ v เป2าหมายทีม่ าจากตวั เราเองจะเปนM สิ่งที่จงู ใจมากกวา- v การตั้งเปา2 หมายควรเรมิ่ จากเปา2 หมายทงี่ -ายแล6วพฒั นาเปMน เป2าหมายท่ยี าก (เลก็ ไปหาใหญ- ง-ายไปหายาก) v ต้ังเปา2 หมายใหเ6 ปMนขนั้ ตอนโดยเริม่ จากภาพรวมไปหาภาพ ย-อย (หลักไปหาองคVประกอบ)

การกลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม (Assertive Behavior) การกลา้ แสดงออกของแต่ละบคุ คล สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 แบบ คอื 1. ไม่กลา้ แสดงออก (Passive Behavior) 2. การแสดงออกในทางกา้ วรา้ ว (Aggressive Behavior) 3. การแสดงออกอย่างเหมาะสม (Assertive Behavior)

พฤตกิ รรมไม่กลา้ แสดงออก (Passive Behavior) vเป็นพฤตกิ รรมทJบี คุ คลไม่กลา้ ทJจี ะคดิ หรอื แสดงออกความรูส้ กึ ของตนอย่างทJคี วรจะเป็น ไหมล่กกี ลเลา้ ทJยี งาํ อกยาร่าเงกทดิ Jคี คดิ วาอมยข่าดงั ทแJตียนง้ ตต่าอ้ งงๆกาทรJอี จาจงึ เยกอดิ มขรOึนบั คซวJึงาอมาผจิดเกดิยขอOึมนลจดากคเณุหตคผุ ่าตลหนลเอางยลปงรเะพกอJื าร เช่น § การคดิ ว่าการแสดงออกอย่างชดั เจนเป็นการแสดงออกของคนทJกี า้ วรา้ ว จงึ ไม่ พยายามจะแสดงออก § ความเขา้ ใจผิดว่าการไม่แสดงออก เป็นพฤตกิ รรมทJเี หมาะสมของผูส้ ภุ าพออ่ นโยน § การไม่ตระหนกั ถงึ สทิ ธขิ องตนว่า บคุ คลมีสทิ ธทิ Jจี ะแสดงออกซJึงความรูส้ กึ และการ กระทาํ ตามความตอ้ งการของตนทJไี ม่รุกรานสทิ ธขิ องผูอ้ นJื § การเขา้ ใจผิดว่า การไม่แสดงออกเป็นการช่วยเหลอื ผูอ้ นJื และใชค้ วามเกรงใจ ไม่กลา้ ปฏเิ สธสงJิ ทJรี บกวนตนเอง § ขาดทกั ษะการแสดงออกทJเี หมาะสม มีความวติ กกงั วล หรอื เกดิ จากการอบรมสงัJ สอน ของครอบครวั

การแสดงออกอย่างกา้ วรา้ ว (Aggressive Behavior) คือการทEีบุคคลแสดงพฤติกรรมทEีไม่เหมาะสม เช่น ใชภ้ าษาหรือท่าทางทEีกา้ วรา้ ว รุนแรง ไม่เหมาะกบั สถานการณ์ คุกคามสทิ ธิของผูอ้ นEื ตอ้ งการเอาชนะหรอื ทาํ บใหคุ ผ้คูอ้ลEนือนEืเสียแหละาอยาหจรทือาํ ลใดหคค้ ุณวาคม่าสขมั อพงนัคธนก์ อบั Eนื คลนงรอซบEึงอขาา้ งจไสมร่ดา้ งี ซคEึงวอาามจไเมป็่พนตอใน้ จเใหหตก้ใุ หบั ้ เกดิ ความขดั แยง้ ระหว่างกนั ได้ โดยอาจมีสาเหตมุ าจาก § ความตอ้ งการแสดงอาํ นาจ § การแสดงความเขม้ แข็งเพอEื ปกปิดจุดออ่ นหรอื ความออ่ นแอของตนเอง § การมีประสบการณ์หรอื เรยี นรูพ้ ฤตกิ รรมกา้ วรา้ วจากบคุ คลคนรอบตวั § การขาดการเสรมิ แรงสาํ หรบั พฤตกิ รรมทEเี หมาะสม § การขาดการฝึกหดั การแสดงออกอย่างเหมาะสม § ขาดการควบคมุ อารมณ์ของตนเอง

พฤตกิ รรมกลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม (Assertive Behavior) vเป็นการแสดงออกซLึงความคดิ ความรูส้ กึ ความเชLือ และความ ตอ้ งการของตนเองอย่างชดั เจน ตรงตามความเป็นจรงิ และมี ความเหมาะสม ไม่รุกรานสทิ ธขิ องตนเองและผูอ้ นLื มีความ รบั ผิดชอบต่อผลของพฤตกิ รรมของตนเอง บคุ คลทLมี ีการ แสดงออกอย่างเหมาะสมมกั เป็นผูท้ Lมี ีทศั นคตแิ ละความรูส้ กึ ต่อ ตนเองและผูอ้ นLื ในเชิงบวก มีความเชLือมนัL ในตนเอง รบั รูใ้ น คณุ ค่าของตนเอง

พฤตกิ รรมกลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม (Assertive Behavior) vสรุปว่า บคุ คลทJมี ีพฤตกิ รรมกลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม จะสามารถแสดงพฤตกิ รรมต่อไปนOีได้ § การยอมรบั การชมเชย (Accept Compliment) § การแสดงออกทางสหี นา้ ทJเี หมาะสม (Use Appropriate Facial Talk) § การแสดงความไม่เหน็ ดว้ ยอย่างสภุ าพ (Disagree Mildly) § การขอรอ้ งผูอ้ นJื ใหแ้ สดงความกระจา่ ง หรอื ใหค้ วามชดั เจนมากขOึน (Ask for Clarification) § การถามถงึ เหตผุ ล (Ask Why) § การกลา่ ววาจาเพอJื รกั ษาสทิ ธขิ องตนเอง (Speak for Keeping Right) § การแสดงความไม่เหน็ ดว้ ย (Express for Disagreement) § การแสดงความมนัJ คง (Express Stability) § หลกี เลยJี งทJจี ะตอ้ งแสดงเหตผุ ลในทกุ ๆ ความเหน็ (Avoid to Clarify Every Your Reason)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook