Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง(苗族)

กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง(苗族)

Published by จันทนา ยั่งวรากุล, 2018-10-13 05:02:40

Description: หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มชนชาติพันธุ์ม้งหรือเหมียว ซึ่งเป็นหนึ่งใน 56 กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศจีน ในหนังสือเล่มนี้จะมีประวัติความเป็นมา ภาษา การดำรงชีวิต ประเพณี และการแต่งกาย หวังว่าผู้ที่เข้ามาอ่านหรือผู้ที่สนใจจะได้รับความรู้และประโยชน์ไม่มากก็น้อย

Keywords: เหมียว,ม้ง,กลุ่มชนชาติพันธุ์,苗族

Search

Read the Text Version

(miáo zú)

คำนำ หนงั สือเลม่ นีเ้ป็นเรื่องราวเก่ียวกบั กลมุ่ ชนชาติพนั ธ์มุ ้งหรือเหมียว ซงึ่ เป็นหนงึ่ ใน 56กลมุ่ ชาติพนั ธ์ใุ นประเทศจีน ในหนงั สือเลม่ นีจ้ ะมีประวตั ิความเป็นมา ภาษา การดารงชีวติประเพณี และการแต่งกาย หวงั วา่ ผ้ทู ่ีเข้ามาอา่ นหรือผ้ทู ่ีสนใจจะได้รับความรู้และประโยชน์ไม่มากกน็ ้อย ผู้จัดทำ จนั ทนา ยง่ั วรากลุ

สำรบัญ หน้ำ 1เนือ้ หำ 4ตาํ นานประวตั ิศาสตร์ชนชาติมง้ ทีซ่ ่อนเร้นมากวา่ 5,000 ปี 6ขอ้ มูลทวั่ ไป 8ภาษา 13วถิ ีชีวิตของชาวมง้ 13วฒั นธรรมประเพณี 15ประเพณีแต่งงาน 16ประเพณีข้ึนปี ใหม่หรือประเพณีฉลองปี ใหม่ 17ประเพณีกินขา้ วใหม่ของมง้ 18ศาสนา ความเช่ือ และพิธีกรรม 19ความเช่ือเร่ืองการทาํ ผี หรือการลงผี (การอวั๊ เนง้ ) 19ความเชื่อเร่ืองการรักษาคนตกใจ (การไซ่เจง) 20ความเช่ือเร่ืองการรักษาดว้ ยการเป่ าดว้ ยน้าํ (การเชอ้ แดะ้ ) 21ความเช่ือเรื่องการปัดกวาดสิ่งทไ่ี ม่ดีออกไป (การหรือซู)้ 21ความเชื่อเร่ืองหมูประตูผี (อวั ะบวั๊ จ๋อง) 23พิธีเขา้ กรรม 23การแต่งกาย 24ลกั ษณะการแต่งกายของมง้ ขาวลกั ษณะการแต่งกายของมง้ ดาํ

เครื่องดนตรี 26เครื่องดนตรีประเภทเป่ า 26เคร่ืองดนตรีประเภทตี 28หยางอาซา 29แหล่งทม่ี า 30

1ตานานประวตั ิศาสตร์ชนชาติม้งที่ซ่อนเร้นมากว่า 5,000 ปี หลายครา ท่ีชาวมง้ มกั ถามตวั เองว่า ฉันเป็นใคร… และตอบตนเองว่า ฉันคือมง้ … และมง้ คือใคร… แลว้ มง้ มีประวตั ิความเป็นไปเป็นมาอยา่ งชนชาติอ่ืนหรือไม่ ? … แลว้ หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์อ่ืน ๆ ท่ีแสดงว่าเป็ นชนชาติมง้ มีหรือไม่อยู่ในโลกใบน้ี วนั น้ีเริ่มตน้ คน้ หาตามสถานท่ี ที่บรรพบุรุษมง้ เคยอาศยั มาก่อน รวมท้งั เสน้ ทางอพยพของชาวมง้ นนั่ คือ ประเทศจีนในปัจจุบนั อนั ดบั แรกเร่ิมตน้ ที่ชุมชนชาวมง้ โบราณ ท่ีคนมง้ เคยอาศยั อยู่มาก่อน คือ ชุมชนจวั๊ ะลู่อยทู่ างตะวนั ตกเฉียงเหนือของเป้เจ๊ง (เมืองหน่ึงในประเทศจีน) ตามตาํ นาน และประวตั ิศาสตร์จีนกล่าวไวป้ ระมาณ 5,000 ปี มาแลว้ มง้ คือ ชนชาติท่ีเก่าแก่และมีประวตั ิศาสตร์อนั ยาวนานในแผน่ ดินน้ี ผืนดินตรงน้ีได้สบั เปล่ียนเจา้ ของไปมาหลายคร้ังหลายครา จนปัจจุบนั ดินแดนแห่งน้ีไดก้ ลายเป็ นส่วนหน่ึงของประเทศจีนไปแล้ว มีอาจารย์หลายท่านเคยค้นคว้าและพบว่า ม้ง เป็ นชนชาติท่ีมีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนชนชาติจีน แต่ต่อมา ชาวมง้ ถูกชาวจีนรุกรานทาํ ลายลา้ งจนมง้ กลายเป็ นชนชาติที่ลา้ หลงั และยากจนที่สุด แต่ส่ิงหน่ึงที่เหลืออยู่คือ ยงั ไม่สูญพนั ธุ์จากโลกน้ีเท่าน้นั แผนท่ีประเทศจีนปัจจุบนั เป็นประเทศท่ีใหญ่เป็ นอนั ดบั 2 ของเอเชีย แต่มีประชากรมากที่สุด และในบรรดาประชากรเหล่าน้ีเป็นชนเผา่ ต่าง ๆ อกี 55 ชนเผา่ รวมอยดู่ ว้ ย ในปี ค.ศ. 1990 ประเทศจีนมีประชากร 1 ใน 6 ของประชากรโลก เป็นประชาชนจีน ร้อยละ 92 อีก ร้อยละ 8 เป็นประชากรชนเผา่ จาก 55 ชนเผา่ หรือประมาณ 108 ลา้ นคน

2 ปัจจุบนั แผนทป่ี ระเทศจีนมีขอบเขตของประเทศที่ชดั เจน แต่หากยอ้ นไปเม่ือหลายพนัปี ก่อน เราจะเห็นวา่ ผนื แผน่ ดินจีนแห่งน้ี เป็นแผน่ ดินของหลายประเทศรวมกนั มาก่อน ประมาณ5,000 ปี มาแลว้ บรรพบุรุษชาวมง้ อยเู่ มืองจวั๊ ะลู่ อยหู่ ่างจากเมืองเป้เจ๊ง 75 ไมล์ ทางตะวนั ตกเฉียงเหนือ ผูน้ าํ มง้ หรือเจา้ เมืองในเมืองจวั๊ ะลู่ คือ จือโหย่ ( CHI YOU ) ประชาชนของจือโหย่ จะสวมเขาควายคู่หน่ึงบนศรีษะเป็นสัญลกั ษณ์ เพราะควายในขณะน้นั เป็ นสัตวท์ ี่มีความสาํ คญั ต่อวิถีชีวิตของพวกเขาเป็นอยา่ งมาก ส่วนตอนเหนือ และทางตะวนั ตกของเมืองจว๊ั ะลู่ เป็ นเมืองของชาวจีนถึง 2 เมือง มีผนู้ าํ คือ หวงต้ี และ เหยยี นต้ี อาจารยล์ ื่นฉางหวั เป็นผหู้ น่ึงท่ีศึกษาคน้ ควา้ ประวตั ิศาสตร์มง้ เช่นกนั กล่าวว่า เมืองของหวงต้ี เหยยี นต้ี และ จือโหย่อยู่ในลกั ษณะรูป 3 เหล่ียม โดยเมืองของจือโหย่ อยทู่ างตะวนั ออกเฉียงใต้ ระหว่างเมืองของหวงต้ีอยู่ทางเหนือ กับเหยียนต้ีอยู่ทางใต้ เมืองท้งั 3 อย่ใู กลเ้ คียงกันโดยห่างกนั ประมาณ 2 ไมล์ ระหว่างน้นั หวงต้ี เหยียนต้ี และ จือโหย่ ไดเ้ ปิ ดสงครามกนั หลายคร้ัง เหตุเพราะแยง่ ชิงดินแดน และที่ทาํ กิน รบรากนั หลายสิบปี จว๊ั ะลู่ มีเขาลอ้ มรอบ ส่วนบนยอดเขามีท่ีราบขนาดใหญ่ จือโหย่ใชเ้ ป็ นสนามซ้อมรบของนักรบ ส่วนดา้ นล่างเป็ นร่องน้ําธรรมชาติ ทล่ี ึกและชนั ลอ้ มรอบบริเวณเขาจากทางเหนือมาทางตะวนั ตก ส่วนดา้ นใตเ้ ป็ นเมืองจว๊ั ะลู่ เป็นท่อี ยอู่ าศยั ของประชาชน ตามตาํ นานกล่าวไวว้ า่ หวงต้ี ไม่เคยรบชนะจือโหย่ เลย เหยยี นต้ีก็เช่นกนั เหตุท่ีจือโหย่มีความสามารถเอาชนะท้งั สองไดต้ ลอด เพราะช่วงเวลาน้นั ท้งั สองรู้เพียงการนาํ ไฟ และกอ้ นหินมาเป็นอาวธุ ในการสู้รบเทา่ น้นั ต่างกบั จือโหย่ ทส่ี ามารถนาํ เหลก็ มาทาํ เป็นอาวุธช่วยในการสู้รบแลว้

3 ร่องรอยการสู้รบ แบบน้าํ เดือดเลือดพล่านของนกั รบชนชาติมง้ ย่ือเพ่งซ่ง นักคน้ ควา้จากอเมริกา และแปลโดย..โดมดอย ท่ีนอกจากจือโหย่ แลว้ ยงั มีวีรบรุ ุษ วรี สตรี อีกมากมาย เช่นวรี บุรุษวอื่ ป้าเยยี วรี บุรุษสือเหลียวติง้ วีรบุรุษสือซา้ งเป่ า วีรบุรุษว่ือเทียนป้ัน รวมถึงวีรสตรี ซ่งมอหมิ ผูเ้ ป็นบรรพบุรุษชาวมง้ ดวงวิญญาณของพวกท่านเหล่าน้ัน กาํ ลงั รอคอยวนั ท่ีลูกหลานชาวมง้ ทวั่ โลก ไปคน้ ควา้ หาความจริงมาให้ชาวโลกไดร้ ับรู้ ถึงความยง่ิ ใหญ่ของพวกท่านเม่ือกว่า 5,000 ปี มาแลว้

4ข้อมูลทัว่ ไป มง้ หมายถึง อิสระชน เดิมอาศยั อยู่ในประเทศจีน ต่อมาชาวจีนเขา้ มาปราบปราม เป็ นเหตุให้อพยพลงมาถึงตอนใตข้ องจีน และเขตอินโดจีน ในช่วงสงครามโลกคร้ังที่ 2 และตอนเหนือของประเทศไทย ประมาณพ.ศ. 2400 โดยมีสองกลุ่มไดแ้ ก่ มง้ น้าํ เงินและมง้ ขาว ไม่ชอบใหเ้ รียกว่าแมว้ โดยถือว่าเป็นการดูถูกเหยยี ดหยาม ประชากรของมง้ ในประเทศไทย มีมากเป็นอนั ดับ 2 รองจากกะเหรี่ยง ต้งั ถิ่นฐานอยู่ตามภูเขาสูง หรือท่ีราบเชิงเขาในเขตพ้ืนท่ีจงั หวดัเชียงราย พะเยา น่าน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลาํ ปาง กาํ แพงเพชร เลย พิษณุโลก เพชรบูรณ์สุโขทยั และตาก กลุ่มชาติพนั ธุ์ชาวเขาเผ่ามง้ ในประเทศไทยและในประเทศจีนมีประชากรท้งั หมด8,940,116 คน เกือบคร่ึงหน่ึงอาศยั อยู่ในมณฑลกุย้ โจวและท่ีเหลือในมณฑลหยุนหนาน หูหนาน เสฉวน กวางสี หูเป่ ยและไห่หนาน และยงั มีอีกกว่าหน่ึงลา้ นห้าแสนคนในประเทศไทยลาว เวียดนาม และผลจากสงครามทาํ ให้มีชุมชนมง้ กลุ่มใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศสและ

5ออสเตรเลีย ชาวมง้ พดู ภาษาในตระกลู เม้ียว เยา้ ชาวมง้ มีความโดดเด่นที่เครื่องแต่งกายและแคนอนั เป็นเคร่ืองดนตรีปรชาวแมว้ มีถ่ินฐานอยูใ่ นเมือง และมณฑลต่างๆ ในจีนหลายแห่ง เช่น กุย้โจว(贵州) หูหนาน(湖南) หยุนหนาน(云南) เสฉวน(四川) กว่างซี(广西) หูเป่ ย(湖北) ไหหลาํ (海南) ถ่ินที่มีชาวแมว้ รวมตวั กนั อย่มู ากท่ีสุดคือ บริเวณรอยต่อทางทิศตะออกเฉียงใต้ ของเมืองเฉียน กบั เมืองเซียงเออ้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เมืองเซียงซี นอกจากน้ียงั มีชาวมง้ กลุ่มเลก็ ๆ กระจดั กระจายอยู่หุบเขาแมว้ ในมณฑลกว่างซี บริเวณรอยต่อของเมืองเตียนเฉียนกุย้ กบั ชวนเฉียนเตียน จากการสํารวจจาํ นวนประชากรคร้ังท่ี 5 ของจีนในปี 2,000 ชนกลุ่มนอ้ ยเผา่ มง้ มีจาํ นวนประชากรท้งั สิ้น 8,940,116 คน

6ภาษา ภาษามง้ จดั อยใู่ นภาษาตระกูลจีนธิเบต สาขาภาษาแมว้ เยา้ แขนงภาษาแมว้ ต้งั แต่อดีตชาวแมว้ อพยพ ยา้ ยถ่ินทอ่ี ยู่ หลายต่อหลายคร้ัง ชุมชนชาวแมว้ กระจดั การจายไปมาก เมื่อแยกกนัอยู่เป็ นเวลานาน ทาํ ให้ภาษาที่ใช้ มีความแตกต่างกัน ปัจจุบนั ภาษาแมว้ แบ่งได้ 3 สาํ เนียงคือสาํ เนียงเซียงซีตะวนั ออก (湘西) สาํ เนียงเฉียนตงกลาง (黔东) และสําเนียง ชวนเฉียนเตียนตะวนั ตก(川黔滇) โดยท่สี าํ เนียง ชวนเฉียนเตียนตะวนั ตก ยงั แบ่งออกไดอ้ กี 7 สาํ เนียงยอ่ ย ชาวมง้ ที่อาศยั อยู่ในเขตชนกลุ่มน้อยอ่ืน บางทีพูดภาษาของชนกลุ่มที่ใหญ่ กว่าเช่นภาษาจีน ภาษาตง้ ภาษาจว้ ง มีการขดุ คน้ ทางโบราณคดี ที่เป็นชุมชนโบราณของ เผา่ แมว้ พบศิลาจารึกที่คาดว่าจะเป็ นอกั ษรของชาวแมว้ แต่ไม่มีการสืบทอด และสูญหายไป กระทง่ั ปี 1956รัฐบาลจีนไดป้ ระดิษฐ์ อกั ษรสําหรับชนเผ่ามง้ ข้ึน โดยใชอ้ กั ษรลาติน และใชท้ วั่ ไปจนถึงปัจจุบนั

7 มง้ สามารถใชภ้ าษาเผ่าของตนเอง พูดคุยกับมง้ เผ่าอ่ืนเขา้ ใจไดเ้ ป็ นอย่างดี แต่มง้ ไม่มีภาษาเขียนหรือตวั หนงั สือ อยา่ งไรก็ตามในปัจจุบนั ชาวมง้ ไดเ้ ขียน และอ่านหนงั สือภาษามง้โดยการใชต้ วั อกั ขระหนงั สือละติน (Hmong RPA) เร่ืองราวความเป็ นมาต่างๆ ของมง้ จึงอาศยัวิธีการจาํ และเล่าสืบต่อกนั มาเพยี งเท่าน้นั

8วถิ ีชีวติ ของชาวม้ง ในอดีตน้นั มง้ อาศยั อยู่ตามภูเขาอยูต่ ามธรรมชาติ มง้ ตอ้ งตรากตรําทาํ งานหนกั อยแู่ ต่ในไร่เทา่ น้นั ทาํ ใหม้ ง้ ไม่มีเวลาท่ีจะดูแลตวั เองและครอบครัว ดงั น้นั ชีวิตความเป็ นอยู่ของมง้ จึงเป็ นแบบเรียบง่าย เพราะคลุกคลีกบั ธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่เทา่ น้นั ชีวิตประจาํ วนั ของมง้ คือ จะทาํ ไร่ทาํ สวน และหารายไดเ้ ลก็ นอ้ ยเพ่ือจุนเจือครอบครัว ส่วนเรื่องอาหารกจ็ ะเป็นเรื่องเรียบง่าย ในการกินอาหาร มง้ นิยมใชต้ ะเกียบซ่ึงรับมาจากธรรมเนียมจีน ส่วนเหลา้ จะนิยมดื่มกนัในงานเล้ียงต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานเล้ียงญาติ อาจเป็นญาติของภรรยาที่มาเยี่ยม ฝ่ ายญาติทางสามีจะตอ้ งรินแก้วเหลา้ แจก คร้ังละ 2 แก้ว โดยเชื่อกันว่าจะทาํ ให้คู่สามีภรรยาอยู่ดว้ ยกันตลอดไป ก่อนจะด่ืมเหลา้ แต่ละคนจะพูดว่า \"ผมจะดื่มเพ่ือทุกคน\" และจะตอ้ งคว่าํ จอก หรือคว่าํแกว้ เม่ือหมดแลว้ มง้ จะนิยมดื่มเหลา้ คร้ังเดียวหมดแกว้ มีการด่ืมซ้าํ วนเวยี นหลายคร้ัง ผทู้ ่มี ิใช่นกัดื่มยอ่ มจะทนไม่ได้ อาจขอใหบ้ คุ คลอน่ื ช่วยด่ืมแทนก็ได้ เหลา้ จะทาํ กนั เองในหมู่บา้ น ซ่ึงทาํ จากขา้ วโพด ขา้ ว หรือขา้ วสาลี มง้ ใหเ้ กียรติแก่ผูช้ าย เพราะฉะน้นั ผูห้ ญิงจึงรับประทานอาหาร หลงัผูช้ ายเสมอ การประกอบอาหารของมง้ ส่วนใหญ่จะเป็ นในลกั ษณะการตม้ ทอด และมง้ ยงั มีความสามารถในการถนอมอาหาร ซ่ึงในการถนอมอาหารสามารถถนอมไดห้ ลายแบบ เช่น การหมกั การดอง (ซ่ึงปัจจุบนั น้ี มง้ ส่วนใหญ่ไม่ไดใ้ ชต้ ะเกียบในการรับประทานขา้ วแลว้ ส่วนใหญ่จะใชช้ อ้ นมากกว่า ซ่ึงเมืองไทยแทบจะไม่พบมง้ ที่ใชต้ ะเกียบในการทานขา้ ว แต่มง้ ที่ประเทศลาวยงั คงใชต้ ะเกียบในการรับประทานขา้ วอยู่ลกั ษณะบ้านเรือน

9 ชนเผ่ามง้ นิยมสร้างบา้ นอยบู่ นภูเขาสูง โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงมง้ บางกลุ่มจะมีการปลูกฝิ่ นเป็นพชื หลกั แต่ในปัจจุบนั น้ี มง้ ไดอ้ พยพมาต้งั รกรากอยใู่ นพ้ืนราบลุ่มเขา และยงั มีมง้ บางกลุ่มก็ยงั คงต้งั รกรากอยบู่ นดอย แต่ไม่ลึก การคมนาคมพอที่จะเขา้ ไปถึงได้ หมู่บา้ นมง้ จะประกอบดว้ ยกลุ่มเรือนหลายๆ หยอ่ ม แต่ละหย่อมจะมีบา้ นราวๆ 7-8 หลงั คาเรือน โดยที่มีเรือนใหญ่ของคนสาํ คญั อยตู่ รงกลาง ส่วนเรือนท่ีเป็นเรือนเลก็ จะเป็นลูกบา้ นหรือลูกหลาน ส่วนแต่ละหยอ่ มน้นั จะหมายถึงตระกูลเดียวกนั หรือเป็นญาติพนี่ อ้ งกนั นน่ั เอง ตวั บา้ นปลูกคล่อมอยบู่ นพ้ืนดินทีท่ บุ แน่น โดยใชพ้ ้ืนดินเป็ นพ้ืนบา้ น ฝาบา้ นเป็ นไมแ้ ผ่นมุงดว้ ยคา มีห้องนอน กับห้องครัวในบา้ น บ้านจะมีขนาดใหญ่ เพราะอยู่อาศยั ในลกั ษณะครอบครัวขยาย มง้ ถือผูอ้ าวุโสเป็ นหัวหน้าครอบครัว วสั ดุส่วนใหญ่ใชไ้ ม่เน้ืออ่อน ผนงั ก้ันระหวา่ งหอ้ งหรือบา้ นทาํ ใชล้ าํ ไมไ้ ผ่ ผา่ คล่ีเป็นแผน่ หลงั คามุง ดว้ ยหญา้ คา หรือใบจาก แต่เสาจะเป็ นไมเ้ น้ือแข็ง แปลนเป็นแบบง่ายๆ ตวั บา้ นไม่มีหน้าต่าง เนื่องจากอยู่ในที่อากาศหนาวเยน็ใกลก้ บั ประตูหลกั จะมีเตาไฟเลก็ และแคร่ไม่ไผส่ าํ หรับนงั่ หรือนอน เอาไวร้ ับแขก กลางบา้ นจะเป็นท่ีทาํ งานบา้ น เขา้ ไปในสุดดา้ นซา้ ยจะเป็นเตาไฟใหญ่สาํ หรับ ทาํ อาหารเล้ียงแขกจาํ นวนมากและเอาไวต้ ม้ อาหารหมู บางบา้ นจะมีครกไมใ้ หญ่สาํ หรับตาํ ขา้ วเปลือก มีลูกโม่หินสําหรับบดขา้ วโพด แป้ง ถว่ั เหลือง ใกลก้ บั ท่ที าํ งานจะมีกระบอกไมใ้ ผ่รองน้าํ ต้งั อยู่ สาํ หรับมุมบา้ นฝ่ังซา้ ยมกั จะก้นั เป็นหอ้ งนอนของพ่อแม่ กบั ลูก

10 ภายในบา้ นจะมีสถานท่ีศกั ด์ิสิทธ์ิ อยู่ 4 แห่ง คือ ประตูทางเขา้ หลกั , เสากลางบา้ น, ผนงับ้านท่ีตรงข้ามกับประตูหลัก (เป็ นสถานประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของม้ง จะประกอบดว้ ยกระดาษทต่ี ดั มาติดเป็นแผน่ ใหญ่และยาวเป็นรูปส่ีเหลี่ยม และมี การต้งั โต๊ะหมู่บูชาจะมีการนะกระป๋ องหรือ กระบอกไมไ้ ผ่ใส่ขา้ วเปลือก หรือ ข้ึเถา้ หรือขา้ วโพดก็ได้ จะนาํ ธูปจาํ นวน 7 ดอกมาปักขา้ งๆ กระบอกธูป จะมีกระบอกสุรา และกระบอกน้าํ ไวเ้ ซ่นไหว)้ , และเตาไฟใหญ่

11 ชาวมง้ จะไม่ค่อยยา้ ยท่ีอยบู่ ่อยนกั เมื่อเทียบกบั เผา่ อื่น บางทีอยู่นาน 15-20 ปี จึงยา้ ยไปอยู่ท่ีใหม่ และอาจยา้ ยกลบั มาทเ่ี ดิมอกี มง้ มีระบบ เครือญาติท่ีมนั่ คงมาก จึงเป็ นการยากที่จะถูกกลืนโดยชนชาติอ่ืนๆ ในปัจจุบนั น้ียงั มีการสร้างบา้ นเรือนเช่นน้ีอยู่ แต่พบนอ้ ยมาก ส่วนใหญ่มง้ จะรับวัฒนธรรมของสังคมอื่นๆ มา จึงทาํ ให้การสร้างบา้ นเรือนเปล่ียนแปลงไป โดยสร้างบา้ นเรือนเหมือนกับคนไทยมากข้ึน และจะมีการยา้ ยบา้ นเม่ือมีโรคระบาด หรือมีเหตุการณ์ท่ีร้ายแรงเกิดกบั หมู่บา้ น หรือขดั แยง้ กบั ราชการจนตอ้ งมีการต่อสูเ้ กิดข้ึน ในการยา้ ยแต่ละคร้ังจะมีการยา้ ยแบบระมดั ระวงั ทส่ี ุด เมื่อใกลจ้ ะยา้ ยแลว้ มง้ มีการขุดหลุมเพื่อที่จะฝังสัมภาระที่เป็นหมอ้ขา้ ว-หมอ้ แกงท่ีไม่จาํ เป็ นมาก และจะทาํ เคร่ืองหมายบางอย่างท่ีสามารถท่ีจะจาํ ได้ไว้ เพื่อยอ้ นกลบั มาเอาเม่ือเหตุการณ์สงบเรียบร้อย เม่ือเร่ิมยา้ ยมง้ จะนาํ มา้ เป็นพาหนะในการบรรทุกของ โดยใหผ้ ชู้ ายนาํ ขบวนเดินทางพร้อมกบั แผว้ ถางทางเดินให้กบั ผหู้ ญิง และลูกเดินตามกบั มา้ท่บี รรทกุ ของดว้ ย และผชู้ ายที่มีอาวุธอยทู่ า้ ยขบวนคอยป้องกนั ดูแล เม่ือการเดินทางไปถึงบริเวณทตี่ อ้ งการท่ีจะต้งั รกรากแลว้ การที่จะอยใู่ นบริเวณนน่ั ไดน้ ้นั จะตอ้ งให้คนท่ีเป็ นหมอผหี รือคนทรงเจา้ จะเป็นคนเสี่ยงทายพ้นี ทีน่ ้นั ก่อน เพื่อความอยรู่ อดของมง้

12 ความเช่ือก่อนที่จะปลูกบา้ นเรือน: มง้ จะมีการเสี่ยงทายพ้ืนที่ที่จะมีการปลูกบา้ นเรือนก่อน เพ่อื ครอบครัวจะไดม้ ีความสุข และร่ํารวย โดยกระทาํ ดงั น้ี เมื่อเลือกสถานที่ไดแ้ ลว้ จะขุดหลุมหน่ึงหลุมแลว้ นาํ เมด็ ขา้ วสารจาํ นวนเท่ากบั สมาชิกในครอบครัวโรยลงในหลุม แลว้ โรยขา้ วสารอีกสามเมด็ แทนสัตวเ์ ล้ียงเสร็จแลว้ จะจุดธูปบูชาผีเจา้ ที่เจา้ ทาง เพื่อขออนุญาต และเอาชามมาครอบก่อนเอาดินกลบ รุ่งข้ึนจึงเปิ ดดู หากเมลด็ ขา้ วยงั อยูเ่ รียบ ก็หมายความว่า ที่ดงั กล่าวสามารถทาํ การ ปลูกสร้างบา้ นเรือนได้ รอบๆ ตวั บา้ นมกั จะมีโรงมา้ คอกหมู เลา้ ไก่ ยงุ้ ฉางใส่ขา้ วเปลือก ถวั่ และ ขา้ วโพด

13วฒั นธรรมประเพณี ชาวเขาเผา่ มง้ มีประเพณีและวฒั นธรรมตลอดท้งั ความเชื่อเป็นของตนเองสืบมาแต่บรรพบรุ ุษ เช่นประเพณแี ต่งงาน เมื่อฝ่ ายชายและฝ่ายหญิงรู้จกั กนั และเกิดรักกนั ท้งั 2 คนอยากใชช้ ีวิตร่วมกนั ฝ่ายชายและฝ่ ายหญิงจะกลบั มาบา้ นของตนเอง และฝ่ ายชายค่อยมาพาฝ่ ายหญิงจากบา้ นของฝ่ ายหญิง โดยผา่ นประตูผบี า้ นของฝ่ ายหญิง เพราะคนมง้ ถือและเป็ นวฒั นธรรมของคนมง้ หลงั จากที่ฝ่ ายชายและฝ่ายหญิงกลบั มาถึงบา้ นของฝ่ ายชาย พ่อ แม่ของฝ่ ายชาย จะเอาแม่ไก่มาหมุนรอบศีรษะท้งัสองคน 3 รอบเรียกว่า “หรือขา๊ ” เป็ นการตอ้ นรับคนท้งั สองเขา้ บา้ น ซ่ึงฝ่ ายชายตอ้ งแจง้ ใหญ้ าติทางฝ่ายหญิงทราบภายใน 24 ชวั่ โมง โดยจดั หาคน 2 คน เพื่อไปแจง้ ข่าวให้พ่อแม่และญาติทางฝ่ายหญิงทราบ ว่าตอนน้ีบุตรชายของเราไดพ้ าบุตรสาวของท่านมาเป็นลูกสะใภข้ องเราแลว้ ท่านไม่ตอ้ งเป็นห่วงบุตรสาว โดยคนทไ่ี ปแจง้ ข่าวน้นั คนมง้ เรียกวา่ “แม่โก๊ง”

14 พ่อแม่ฝ่ ายหญิงจะแจง้ ให้ทางฝ่ ายชายว่าทราบว่าอีก 3 วนั ให้ “แม่โก๊ง” มาใหม่ น้ันหมายถึงวา่ พ่อแม่ทางฝ่ ายหญิงตอ้ งการจดั งานแต่งงาน สมยั ก่อนคนมง้ มกั จะอยู่กินดว้ ยกนั ก่อนสองถึง 3 เดือน หรืออาจจะเป็นปี แลว้ ค่อยมาจดั งานแต่ง แต่ปัจจุบนั น้ีสังคมเปลี่ยนไปตามยุคเทคโนโลยี ทาํ ใหก้ ารจดั งานแต่งงานของคนมง้ ไดก้ าํ หนดจดั งานแต่งงานภายใน 3 วนั เป็นท่ีนิยมกนั ในปัจจุบนั ชาวมง้ จะไม่เก้ียวพาราสี หรือแต่งงานกบั คนแซ่หรือตระกูลเดียวกนั เพราะถือเป็นพ่ีนอ้ งกนั ชาวมง้ นิยมแต่งงาน ในระหวา่ งอายุ 15-19 ปี เมื่อแต่งงานกนั แลว้ ฝ่ ายหญิงจะยา้ ยเขา้ มาอยใู่ นบา้ นของฝ่ ายชาย ซ่ึงนบั เป็นการเพิ่มสมาชิกในครอบครัวชายชาวมง้ อาจมีภรรยาไดม้ ากกว่าหน่ึงคน อยรู่ วมกนั ในบา้ นของฝ่ ายสามี

15ประเพณขี นึ้ ปี ใหม่หรือประเพณฉี ลองปี ใหม่ ซ่ึงเป็นงานรื่นเริงของชาวมง้ ของทุกๆ ปี จะจดั ข้ึนหลงั จากไดเ้ ก็บเก่ียวผลผลิตในรอบปีเรียบร้อย และเป็นการฉลองถึงความสาํ เร็จในการเพาะปลูกของแต่ละปี ซ่ึงจะตอ้ งทาํ พธิ ีบชู าถึงผีฟ้า - ผปี ่ า – ผบี า้ น ที่ใหค้ วามคุม้ ครอง และดูแลความสุขสําราญตลอดท้งั ปี รวมถึงผลผลิตที่ได้ในรอบปี ดว้ ย ซ่ึงแต่ละหมู่บา้ นจะทาํ การฉลองกนั อยา่ งพร้อมเพรียงกนั หรือตามวนั และเวลาที่สะดวกของแต่ละหมู่บา้ น ซ่ึงโดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนธนั วาคมของทุกปี ประเพณีฉลองปีใหม่มง้ น้ีชาวมง้ เรียกกนั ว่า “น่อเป๊ โจ่วฮ”์ แปลตรงตวั ไดว้ ่า “กินสามสิบ” สืบเน่ืองจากชาวมง้ จะนบั ช่วงเวลาตามจนั ทรคติ โดยจะเริ่มนบั ต้งั แต่ข้ึน 1 ค่าํ ไปจนถึง 30 ค่าํ (ซ่ึงตามปฏิทินจนั ทรคติจะแบ่งออกเป็นขา้ งข้ึน 15 ค่าํ และขา้ งแรม 15 ค่าํ ) เมื่อครบ 30 ค่าํ จึงนบั เป็น 1 เดือน ดงั น้นั ในวนั สุดทา้ ย (30 ค่าํ ) ของเดือนสุดทา้ ย(เดือนที่ 12) ของปี จึงถือไดว้ ่าเป็ นวนั ส่งทา้ ยปี เก่า ช่วงวนัฉลองปี ใหม่ส่วนใหญ่จะตกอยู่ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม ในวนั ดงั กล่าวหัวหน้าครัวเรือนของแต่ละบา้ นจะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อความเป็ นสิริมงคลของครัวเรือน ถดั จากวนั ส่งทา้ ยปี เก่าไป 3 วนั คือวนั ข้ึน 1 ค่าํ 2 ค่าํ และ 3 ค่าํ ของเดือนหน่ึง จดั เป็นวนัฉลองปี ใหม่อยา่ งเป็นทางการ ซ่ึงทุกคนจะหยุดหนา้ ท่ีการงานทุกอย่างในช่วงวนั ดงั กล่าวน้ี และจะมีการจดั การละเล่นต่างๆ ในงานข้ึนปี ใหม่ เช่น การละเล่นลูกช่วง การตีลูกข่าง การร้องเพลงมง้

16ประเพณีกนิ ข้าวใหม่ของม้ง เป็นประเพณีที่สืบทอดกนั มาต้งั แต่สมยั รุ่นทวด-รุ่นป่ ู ซ่ึงมง้ จะมีความเชื่อว่าจะตอ้ งเล้ียงผปี ่ ู-ผยี า่ เพราะช่วงเวลาในหน่ึงรอบปี หรือในหน่ึงปี ที่ผา่ นมาน้นั ผีป่ ู-ผียา่ ไดด้ ูแลครอบครัวของแต่ละครอบครัวเป็ นอย่างดี ดงั น้นั จึงมีการปลูกขา้ วใหม่เพ่ือจะเซ่นบูชา คุณผปี ู-ผียา่ กบั เจา้ ที่ทุกตน ซ่ึงการกินขา้ วใหม่จะทาํ กนั ในเดือน ตุลาคมของทุกปี ขา้ วใหม่คือขา้ วที่ปลูกข้ึนมาเพื่อท่ีจะเซ่นถวายให้กบั ผีป่ ู-ผีย่า แลว้ สุกในระหว่างเดือนกนั ยายนถึงตน้ เดือนตุลาคม แลว้ จะตอ้ งเก็บเกี่ยวโดยเคียวเก่ียวขา้ ว ที่มีขนาดเลก็ เพราะเคี่ยวที่ใชเ้ ก่ียวน้นั สามารถท่จี ะเกี่ยวตน้ ขา้ วไดเ้ พยี ง 3-4 ตน้ เท่าน้นั จะเริ่มเกี่ยวไดเ้ มื่อรวงขา้ วสุกแต่ยงั ไม่เหลืองมาก ตอ้ งเก่ียวตอนที่รวงขา้ วมีสีเขียวปนเหลือง เม่ือเก่ียว เสร็จก็จะนาํ มานวดให้ขา้ วเปลือกหลุดออกโดยไม่ตอ้ งตากให้แห้ง นาํขา้ วเปลือกทีน่ วดเรียบร้อยแลว้ มาคว่ั ใหเ้ มด็ ขา้ วแขง็ และเปลือกขา้ วแหง้ เพ่ือใหส้ ะดวกในการตาํขา้ ว ในอดีตน้นั นิยมการตาํ ขา้ วดว้ ยโคก้ กระเด่ือง เม่ือตาํ เสร็จเรียบร้อยนาํ ขา้ วมาหุงเพื่อเซ่นไหว้ผีป่ ู-ผีย่า ซ่ึงในการทาํ พิธีเซ่นผีน้ันสามารถทาํ โดยการนําไก่ตวั ผูท้ ี่ตม้ ท้งั ตวั มาเซ่นไหวต้ รงผีประตูก่อน ซ่ึงตาํ แหน่งท่จี ะตอ้ งเซ่นไหวม้ ี 5 แห่งไดแ้ ก่ สื่อก๋าง ด้งั ขอจุ๊บ ด้งั ขอจุด ด้งั ขอจ่อง ด้งัจ้ีด้งั ขณะทาํ พธิ ีตอ้ งสวดบทสวดเพื่อที่บอกให้สิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิท่ีนบั ถือไดร้ ับรู้และ เขา้ มาทานก่อนเม่ือทาํ พิธีเสร็จคนในบา้ นถึงจะสามารถทานต่อได้ ซ่ึงพิธีกินขา้ วใหม่น้ันไดส้ ืบทอด มานานหลายชวั่ อายคุ น

17ศาสนา ความเช่ือ และพธิ ีกรรม ชาวมง้ มีการนบั ถือวิญญาณบรรพบุรุษ ส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิเก่ียวกบั ธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ มที่อยู่บนฟ้า ในลาํ น้าํ ประจาํ ตน้ ไม้ ภูเขา ไร่นา ฯลฯ ชาวมง้ จะตอ้ งเซ่นสงั เวยส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิต่างๆ เหล่าน้ีปี ละคร้ัง โดยเชื่อว่าพธิ ีไสยศาสตร์เหล่าน้ีจะช่วยใหว้ นิ ิจฉยั โรคไดถ้ ูกตอ้ งและทาํ การรักษาไดผ้ ลเพราะความเจบ็ ป่ วยท้งั หลาย ลว้ นแต่เป็ นผลมาจากการผดิ ผี ทาํ ให้ผีเดือดดาลมาแกแ้ คน้ ลงโทษใหเ้ จ็บป่ วย จึงตอ้ งใชว้ ิธีจดั การกบั ผีใหค้ นไขห้ ายจากโรค หากว่าคนทรงเจา้ รายงานว่าคนไขท้ ่ีลม้ ป่ วยเพราะขวญั หนี กจ็ ะตอ้ งทาํ พธิ ีเรียกขวญั กลบั เขา้ สู่ร่างของบคุ คลน้นั แต่การท่ีจะเรียกขวญักลบั มาน้นั จะตอ้ งมีพธิ ีกรรมในการปฎิบตั ิมากมาย บางคร้ังบางพิธีกรรมก็มีความยุ่งยากในการปฎิบตั ิ แต่มง้ ก็ไม่ยอ่ ทอ้ ต่ออุปสรรคเหล่าน้นั มง้ เช่ือว่าการท่ีมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง โดยไม่มีโรคภยั มาเบยี ดเบียน นน่ั คือความสุขอนั ยิ่งใหญ่ของมง้ ฉะน้นั มง้ จึงตอ้ งทาํ ทุกอยา่ งเพ่ือเป็ นการรักษาใหห้ าย จากโรคเหล่าน้นั ซ่ึงพิธีกรรมในการรักษาโรคของมง้ น้นั มีอยหู่ ลายแบบ ซ่ึงแต่ละแบบก็รักษาโรคแต่ละโรค แตกต่างกนั ออกไป การที่จะทาํ พิธีกรรมการรักษาไดน้ ้นั ตอ้ งดูอาการของผปู้ ่ วยว่าอาการเป็นเช่นไร แลว้ จึงจะเลือกวิธีการรักษาโดยวธิ ีใดถึงจะถูกตอ้ ง

18ความเช่ือเร่ืองการทาผี หรือการลงผี (การอวั๊ เน้ง) เป็นการรักษาอีกประเภทหน่ึงของมง้ การอวั๊ เนง้ (การทาํ ผหี รือลงผ)ี มีอยู่ 3 ประเภท คือการอวั๊ เนง้ ข่อยชวั๊ ะ การอว๊ั เน้งเกร่ทงั่ และการอว๊ั เน้งไซใย่ ซ่ึงแต่ละอว๊ั เนง้ มีความแตกต่างกันออกไป การรักษาก็แตกต่างกนั ไปดว้ ย การจะอวั๊ เนง้ ไดเ้ มื่อมีคนในครอบครัวเจ็บป่ วยโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นการรักษาอกี ประเภทหน่ึง ดงั น้นั มง้ มกั จะนิยมอวั๊ เนง้ เพื่อการเรียกขวญั ท่ีหายไปหรือมีผพี าไปให้กลบั คืนมาเท่าน้นั ซ่ึงมง้ เชื่อว่าการเจ็บป่ วยเกิดจากขวญั ที่อยูใ่ นตวั หายไป มีวิธีการรักษาดงั น้ี เวลาอวั๊ เนง้ หรือทาํ ผนี ้นั คนท่ีเป็นพ่อหมอจะเร่ิมไปนงั่ บนเกา้ อ้ี แลว้ ร่ายเวทมนตค์ าถาต่างๆ พร้อมกบั ติดต่อ สื่อสารกบั ผีแลว้ ไปคลี่คลายเรื่องราวต่างๆ กบั ผี ถา้ คล่ีคลายไดแ้ ลว้ จะมีการฆ่าหมู แต่ก่อนจะฆ่าหมูน้นั จะตอ้ งใหค้ นไขไ้ ปนง่ั อยขู่ า้ งหลงั พอ่ หมอ แลว้ ผกู ขอ้ มือ จากน้นันาํ หมูมาไวข้ า้ งหลงั คนไข้ แลว้ พอ่ หมอจะสง่ั ใหฆ้ ่าหมู การที่จะฆ่าหมูไดน้ ้นั จะตอ้ งมีคนหน่ึงซ่ึงเป็นตวั แทนของพอ่ หมอ และสามารถฟังเร่ืองราวของการอวั๊ เนง้ ได้ รู้ว่าตอนน้ีพ่อหมอตอ้ งการอะไร หรือส่งั ใหท้ าํ อะไร เมื่อพ่อหมอสง่ั ลงมา คนท่ีเป็นตวั แทนตอ้ งบอกกบั คนในครอบครัวให้ทาํ ตามคาํ บอกกล่าวของพ่อหมอ เม่ือสัง่ ใหห้ ่าหมูกต็ อ้ งนาํ หมูมาฆ่าแลว้ จะนาํ กวั ะมาจุมกบั เลือดหมู พร้อมกบั มาปะท่ีหลงั คนไข้ แลว้ พอ่ หมอจะเป่ าเวทมนตใ์ ห้ จากน้นั จะนาํ กวั ะไปจุ่มเลือดหมูเพ่อื ไปเซ่นไหวท้ ผ่ี นงั ท่เี ป็นท่รี วมของของบูชาเหล่าน้นั

19ความเชื่อเรื่องการรักษาคนตกใจ (การไซ่เจง) เป็นการรักษาอีกประเภทหน่ึงของมง้ การไซ่เจงจะกระทาํ เม่ือมีคนป่ วยท่ีตวั เยน็ เทา้ เยน็ใบหูเยน็ มือเยน็ ซ่ึงมง้ เช่ือว่าการท่ีเทา้ เยน็ มือเยน็ หรือตวั เยน็ เกิดจากขวญั ในตวั คนไดห้ ล่นหายไป หรือไปทาํ ใหผ้ กี ลวั แลว้ ผกี แ็ กลง้ ทาํ ใหบ้ ุคคลน้นั ไม่สบาย มีวิธีการรักษาดงั น้ี พอ่ หมอจะนาํ เอาขิงมานวดตามเส้นประสาท ไดแ้ ก่ บริเวณปลายจมูกตรงไปที่หนา้ ผาก นวดแลว้ ยอ้ นกลบัไปที่ใบหู แล้ว นวดบริ เวณหน้าผากไปท่ีใบหูซ้ํา 3 คร้ัง จากน้ันเปล่ียนเป็ นการนวดท่ีเสน้ ประสาทมือ คือ จะนวดท่ปี ลายนิ้วมือไล่ไปทีข่ อ้ มือทาํ ซ้าํ ทุกนิ้วมือ แลว้ รวมกนั ที่ขอ้ มือนวดและหมุนรอบที่ขอ้ มือ ซ่ึงขณะนวดตอ้ งเป่ าคาถาดว้ ย และบริเวณฝ่ าเทา้ ใหน้ วดเหมือนกนั ตอ้ งทาํ ซ้าํ กนั 3 คร้ัง ซ่ึงการรักษาไซ่เจงน้ีจะทาํ การรักษา 3 วนั เม่ือเสร็จจากการรักษาแลว้ ถา้ อาการไม่ดีข้ึนก็หาวิธีอืน่ ๆ มารักษาต่อ เช่น อวั๊ เนง้ หรือการฮูปรี เป็นตน้ความเช่ือเร่ืองการรักษาด้วยการเป่ าด้วยนา้ (การเช้อแด้ะ) เป็ นการรักษาอีกประเภทหน่ึงของม้ง การเช้อแด้ะจะเป็ นการกระทาํ เมื่อมี คนในครอบครัวที่ป่ วยร้องไหไ้ ม่หยดุ และตกใจมากเป็ นพิเศษโดยไม่รู้สาเหตุ หรือเหมือนว่าคนป่ วยเห็นอะไรสักอยา่ งทท่ี าํ ใหเ้ ขากลวั มากมีวิธีการรักษาดงั น้ี คนท่ีเป็นพ่อหมอหรือแม่หมอ จะใหค้ นป่ วยอาการดงั กล่าวไปนง่ั ใกลก้ บั กองไฟหรือเตาไฟ แลว้ เอาถว้ ยหน่ึงใบใส่น้าํ ใหเ้ รียบร้อยมาต้งัไวข้ า้ งๆ พ่อหมอหรือแม่หมอ คือ ผูท้ ่ีจะทาํ การรักษาจะใชต้ ะเกียบคู่หน่ึงหนีบกอ้ นถ่าน ที่กาํ ลงัรุกไหมเ้ ป็นสีแดงข้ึนมา แลว้ เป่ ากอ้ นถ่าน จากน้นั เริ่มท่องคาถา แลว้ นาํ กอ้ นถ่านกอ้ นน้นั ไปวนบนหวั ของคนป่ วย ขณะวนน้นั ก็สวดคาถาดว้ ย เม่ือวนเสร็จก็จะเอาก้อนถ่านก้อนน้นั ไปใส่ในถว้ ยที่เตรียมไว้ พร้อมกับปิ ดฝาดว้ ย ให้ทาํ ซ้ํากันแบบน้ีสามรอบเม่ือเสร็จแลว้ จบั มือคนป่ วยข้ึนมาเป่ าพร้อมท่องคาถา เม่ือเสร็จสิ้นแลว้ จะเอามือชุบน้าํ ทอ่ี ยใู่ นถว้ ยข้ึนมาลูบหนา้ ของคนป่ วยหรือลูบแขนคนป่ วย เม่ือทาํ เสร็จแลว้ อาการของคนป่ วยจะทุเลาลง มง้ จะนาํ วิธีรักษาน้ีมาใชใ้ นการรักษาคนไขท้ ีต่ กใจมาก และปัจจุบนั น้ีมง้ ก็ยงั คงยดึ ถือ และปฏิบตั ิกนั อยู่ แต่ก็มีบา้ งท่ีอาการหนกั มากจนไม่สามารถท่ีจะรักษาใหห้ ายขาดได้ แลว้ จึงจะนาํ ไปรักษาท่โี รงพยาบาลต่อไป

20ความเชื่อเรื่องการปัดกวาดส่ิงทีไ่ ม่ดอี อกไป (การหรือซู้) เป็นการรักษาอีกวิธีหน่ึงของมง้ ท่ีจะปฏิบตั ิในช่วงข้ึนปี ใหม่เท่าน้นั คือในหน่ึงรอบปี ท่ีผา่ นมาครอบครัวจะเจอส่ิงที่ไม่ดี ดงั น้นั จึงมีการหรือซูเ้ พ่ือปัดเป่ า หรือกวาดส่ิงที่ไม่ดีให้ออกไปจากบา้ น และตวั บุคคลหรือเป็นการปัดเป่ า กวาดโรคภยั ไขเ้ จ็บออกจากตวั บุคคล หรือออกจากบา้ นใหห้ มด เพอื่ ทจ่ี ะรับปี ใหม่ทเี่ ขา้ มา และตอ้ นรับส่ิงดีๆ ท่กี าํ ลงั จะมาในปี ถดั ไป พิธีกรรมน้ีมง้จะทาํ ทุกปี และคนในครอบครัวตอ้ งอยใู่ หค้ รบทกุ คน ไม่ใหข้ าดคนใดคนหน่ึง (แต่หากว่าคนในครอบครัวน้นั เกิดไปทาํ งานต่างจงั หวดั และไม่สามารถท่ีจะกลบั มาร่วมพธิ ีกรรมน้ีได้ ผูป้ กครองของครอบครัวตอ้ งนาํ เส้ือผา้ ของคน ทีไ่ ม่อยมู่ าร่วมพิธีกรรมใหไ้ ด้ หากไม่ไดเ้ ขา้ ร่วมพิธีกรรมน้ีมง้ เชื่อวา่ ส่ิงที่ไม่ดีจะติดตวั ไปยงั ปี ถดั ๆ ไป และทาํ อะไรก็ไม่เจริญ)

21ความเชื่อเร่ืองหมูประตูผี (อวั ะบัว๊ จ๋อง) เป็นพธิ ีกรรมที่มง้ กระทาํ เพ่ือรักษาคนท้งั หมดในบา้ นหลงั น้นั ให้ปราศจากโรคภยั โดยมีวิธีการรักษา ดงั น้ี ซ่ึงการประกอบพิธีกรรมหมูประตูน้ันจะทาํ ในตอนกลางคืนเท่าน้นั อนั ดบัแรกคือจะมีการกล่าวปิ ด และกล่าวเปิ ดประตู จากน้นั จะมีการฆ่าหมูแลว้ ตม้ ใหส้ ุก จากน้นั ก็กล่าวปิ ดประตู แลว้ นาํ หมูท่ีตม้ สุกน้นั มาหัน่ ใหเ้ ป็ นชิ้นเลก็ ๆ จดั ไวต้ ามจานที่วางไว้ 9 จาน ซ่ึงแต่ละจานจะใส่ชิ้นเน้ือไม่เหมือนกนั โดยจานที่ 1 ใส่มือซา้ ยหมูและหวั ขา้ งซา้ ย จานท่ี 2 จะใส่ขาขวาหมูกบั หวั ขา้ งขวาจานที่ 3 จะใส่ขาซา้ ยหมูกบั คางซา้ ยหม จานท่ี 4 ใส่มือขวาหมูกบั คางขวาหมูจานที่ 5 ใส่มือซา้ ยหมู จานที่ 6 ใส่ขาขวาหมู จานที่ 7 ใส่ขาขวาหมูกบั ใบหู 5 ชิน้จานที่ 8 ใส่มือขวาหมู จานท่ี 9 ใส่จมูกและหางหมูพธิ ีเข้ากรรม พิธีเขา้ กรรมของมง้ น้นั มีมาต้งั แต่บรรพบุรุษมง้ เชื่อกนั ว่าเคราะห์กรรมมีจริง แต่มง้ น้นั ก็จะสามารถหลีกเล้ียงเคราะห์กรรมน้ีไดโ้ ดยการเขา้ กรรม เขา้ กรรมของชนเผา่ มง้ กเ็ หมือนกบั การจาํ กดั บริเวณไม่ให้ออกไปไหนมาไหน ห้ามคนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเขา้ มาในบา้ นหา้ มไม่ให้พูดคุยกบั คนอ่ืนท่ีไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว ห้ามจบั ตอ้ งของมีคม หา้ มข่ีรถ และขบัรถทุกชนิด จนกวา่ พระอาทิตยจ์ ะลบั ขอบฟ้า จึงจะใชช้ ีวิตไดต้ ามปกติ ถา้ ในระหว่างเขา้ กรรมอยู่น้นั สมาชิกคนไหนฝ่ าฝื นขอ้ หา้ ม มกั จะเกิดอุบตั ิเหตุกบั คนผูน้ ้นั บางรายอาจจะเจ็บ มีบางรายอาจถึงแก่ชีวิต ชนเผ่าม้งจึงถือกันเคร่งมาก ถ้าสมาชิกคนไหน ไม่อยู่บ้าน ออกไปทาํ งานต่างจงั หวดั ทีไ่ กลๆบา้ นก็จะนาํ เอาเส้ือผา้ ของคนน้นั มามดั ไวท้ ี่เสากลางบา้ น แลว้ แจง้ ใหค้ น คนน้นั รับทราบแลว้ ให้ขอหยุดงาน ถา้ นายจา้ งไม่ให้หยุด ก็จะเล่ียงโดยการ ขอทาํ อย่างอื่น ที่มีอนั ตรายน้อยที่สุด เคราะห์กรรมน้ัน มง้ เชื่อว่ามีหลายแบบดว้ ยกนั สามารถแกไ้ ดด้ ว้ ยวิธีการท่ีต่างกนั ไป เม่ือเจา้ บา้ นเกิดอาการไม่สบายใจ หรือฝันเป็ นรางร้ายก็จะไปขอใหห้ มอผเี สี่ยงทายด

22ให้ ถา้ มีเคราะห์ หมอผจี ะเป็นคนบอกเองวา่ เราควรแกด้ ว้ ยวิธีการไหนบา้ ง จะเขา้ กรรม จะทาํ พิธีเพ่ือสะเดาะเคราะห์ หรืออาจจะปัดเป่ าเคราะห์ร้ายใหห้ ลุดพน้ ไปจากตวั เองและครอบครัว อีกวธิ ีหน่ึงคือการเขา้ กรรม ส่วนใหญ่แลว้ เจา้ บา้ นจะไปขอให้หมอผีเสี่ยงทายดู แลว้ หมอผจี ะบอกมาว่าบา้ นเรามีเคราะห์ควรจะหยุดอยกู่ รรมกี่วนั ส่วนใหญ่ก็จะเขา้ กนั หน่ึงวนั ถา้ บา้ นไหนมีเคราะห์มากก็จะเขา้ สองถึงสามวนั ติดต่อกนั ก็มี บางคร้ังเราก็ไม่ไดไ้ ปขอหมอผเี สี่ยงทายแต่หมอผจี ะมาทกั วา่ เราควรเขา้ กรรม บา้ นเรากต็ อ้ งเขา้ และอกี อยา่ งหน่ึง คือหมอผีจะเสียงทายดูแลว้ จะบอกว่าวนั น้ีเดือนน้ีตอ้ งเขา้ กรรมท้งั ตระกูล เช่น ถา้ คนไหนเป็ นแซ่ย่าง ถึงวนั น้นั ทุกคนก็ตอ้ งเขา้ กรรมเหมือนกนั หมด แต่จะเคร่งไม่เท่ากบั การเขา้ เป็ นครอบครัว นานๆ คร้ังถึงจะมีสักคร้ัง ต่างจากการเขา้ เป็นครอบครัว เพราะจะเขา้ ปี ละก่ีคร้ังก็ได้ แลว้ แต่ว่าบา้ นไหนจะมีเคราะห์กรรมมากหรือนอ้ ย กไ็ ม่ใชว้ า่ จะตอ้ งเขา้ ปี ละคร้ังสองคร้ังต่อครอบครัว บางบา้ นท่ีไม่มีเคราะห์ก็ไม่เขา้ เลยกม็ ี พธิ ีเขา้ กรรมของมง้ น้นั สงั เกตง่ายๆ ถา้ ท่านเป็ นคนพ้ืนเมืองหรือชนเผา่ อ่ืน ที่ไม่ใช้ชนเผา่ มง้ คือวนั ทีม่ ง้ ทาํ พธิ ีเขา้ กรรมน้นั จะมีไม่สานเป็นตาแหลวลกั ษณะเป็ นหกตาเสียบไว้ หรือใบไมใ้ บหญา้ ปักไวท้ ่ีหนา้ บา้ น และถา้ เขา้ ไปเห็นบา้ นไหนเขา้ กรรม เขาไม่ทกั ทายแขกหรือชกั ชวนแขกใหเ้ ขา้ บา้ น บางคร้ังพอเขาเห็นคนภายนอกมาเขาตอ้ งรีบปิ ดประตูไม่ใช่ว่ารังเกียจไม่อยากรับแขก หรืออย่างไรก็ตาม เราตอ้ งสังเกตว่าหนา้ ประตูเขามีไมป้ ักตรงทางเขา้ มีหญา้ หรือสานตาแหลวเสียบไวอ้ ยู่ หรือเปล่า แลว้ อย่าพ่ึงน้อยใจ ถา้ ตะวนั ตกดินเม่ือไหร่บา้ นน้ันก็จะรับแขกเหมือนเดิม ชนเผา่ มง้ น้นั ปกติเป็นชนเผา่ ทีใ่ จกวา้ งและมีน้าํ ใจต่อเพ่อื นมนุษยด์ ว้ ยกนั มากถึงจะรู้จกั หรือไม่รู้จกั ก็ตามแขกท่ีเขา้ ไปก็จะขอขา้ วขอน้าํ กินได้ เป็ นธรรมเนียมปฏิบตั ิประจาํของคนชนเผา่ ทกุ ชนเผา่

23การแต่งกายลกั ษณะการแต่งกายของม้งขาว ชาย: ตวั เส้ือจะเป็นผา้ กาํ มะหย่ี เส้ือแขนยาวจรดขอ้ มือ ชายเส้ือจะยาวคลุมเอว ดา้ นหนา้ มีสาบเส้ือสองขา้ งลงมาตลอดแนว สายเส้ือลงไปยงั ชายเส้ือ ดา้ นหลงั มกั จะปักลวดลายสวยงามดว้ ย ปัจจุบนั นิยมใส่ซิปลงขอบ สาบเส้ือ เพ่ือสะดวกในการใส่ ส่วนกางเกงจะสวมใส่กางเกงขาก๊วย หรือกางเกงจีนเป้าต้ืนขาบาน มีลวดลายนอ้ ย และใส่ผา้ พนั เอวสีแดง คาดทบั กางเกง และอาจมีเขม็ ขดั เงินคาดทบั อกี ช้นั หน่ึงดว้ ยเหมือนกนั หญิง: ตวั เส้ือจะเป็ นผา้ กาํ มะหย่ี เส้ืออาจจะเป็ นสีน้าํ เงินเขม้ หรือดาํ แต่ปัจจุบนั ก็มี การเปล่ียนแปลงใหม้ ีหลากสีมากข้ึน เป็นเส้ือแขนยาว ซ่ึงทป่ี ลายแขนน้ีมีการปักลวดลายใส่ดา้ นหนา้มีสาบเส้ือสองขา้ งลงมา และมีการปักลวดลายใส่ดว้ ย การแต่งกายของหญิงมง้ ขาว (มง้ เดอ๊ ะ) เดิมจะสวมกระโปรงจีบรอบตวั สีขาวลว้ นไม่มีการปักลวดลายใดๆ เมื่อสวมใส่จะปล่อยรอยผา่ ไว้ดา้ นหนา้ พร้อมกบั มีผา้ สี่เหลี่ยมยาวปักลวดลาย ปิ ดทบั รอยผา่ มีผา้ แถบสีแดงคาดเอวไวช้ ้นั หน่ึงโดยผกู ปล่อยชายเป็ นหางไวด้ า้ นหลงั ปัจจุบนั นิยมใส่กระโปรงสีขาวเฉพาะงานสาํ คญั เท่าน้ันเพราะกระโปรงขาวเปรอะเป้ื อนไดง้ ่าย จึงหันมานิยมสวมกางเกงทรงจีนกบั เส้ือแทนกระโปรงและมีผา้ ส่ีเหลี่ยมผืนยาวห้อยลงท้งั ดา้ นหนา้ และหลงั ผา้ น้ีมกั จะปักลวดลายสวยงามมีผา้ แถบสีแดงคาดเอว สาํ หรับเครื่องโพกผมของหญิงมง้ ขาวน้นั นิยมพนั มวยผมคลอ้ ยมาดา้ นหนา้ และใช้ผา้ สีดาํ โพกผมเป็ นวงรอบศีรษะ โดยมีการปักลวดลายไวด้ ว้ ย นอกจากน้ียงั มีเครื่องประดบั อื่นประกอบเพ่มิ เติม ซ่ึงมกั จะสวมใส่กนั ในงานสาํ คญั จาํ พวกเครื่องเงิน กาํ ไลคอ กาํ ไลขอ้ มือ ตุม้ หู

24แหวน รวมท้งั เหรียญเงินขนาดต่างๆ ท้งั รูปวงกลม และสามเหล่ียม ท่ีประดบั ตามเส้ือผา้ แพรพรรณ รวมท้งั สายสะพายปักลวดลายสวยงาม เวลาใชจ้ ะสะพายไหล่เฉียงสลบั กนั สองขา้ งลกั ษณะการแต่งกายของม้งดา ชาย: เส้ือแขนยาวจรดขอ้ มือ แต่ชายเส้ือระดบั เอว ปกสาบเส้ือดา้ นขวาจะป้ายเลยมาทบัซีกซา้ ยของตวั เส้ือตลอดจนแนวสาบเส้ือจะใชด้ า้ ยสี และผา้ สีปักลวดลายตา่ งๆ สะดุดตา กางเกงสีเดียวกบั เส้ือ มีลกั ษณะขากวา้ งมากแต่ปลายขาแคบลง ส่วนทเี่ ห็นไดเ้ ด่นชดั คือ เป้ากางเกงจะหยอ่ นลงมาจนต่าํ กวา่ ระดบั เข่า รอบเอวจะมี ผา้ สีแดงพนั ทบั กางเกงไวซ้ ่ึงชายผา้ ท้งั สองขา้ งปักลวดลายสวยงาม อยดู่ า้ นหนา้ และนิยมคาดเขม็ ขดั ทบั ผา้ แดงไว้

25 หญิง: ปัจจุบนั เส้ือมง้ เขียวหรือมง้ ดาํ จะทาํ ใหม้ ีหลากหลายสีมากข้ึนเหมือนกนั ชายเส้ือยาวจะถูกปิ ดดว้ ยกระโปรงเวลาสวมใส่ สาบเส้ือท้งั สองขา้ งจะปักลวดลาย หรือขลิบดว้ ยผา้ สี ตวักระโปรงจีบเป็นรอบ ทาํ เป็นลวดลายต่างๆ ท้งั การปัก และยอ้ มรอยผา่ ของกระโปรงอยู่ดา้ นหนา้มีผา้ เหลี่ยมผืนยาวปักลวดลายปิ ดรอยผา่ และมีผา้ สีแดงคาดเอวทบั อีกทีหน่ึง โดยผูกปล่อยชายเป็นหางไวด้ า้ นหลงั สาํ หรับกระโปรงน้ีจะใส่ในทุกโอกาส และในอดีตนิยม พนั แขง้ ดว้ ยผา้ สีดาํอยา่ งประณีตซอ้ นเหลื่อมเป็นช้นั ๆ ปัจจุบนั กไ็ ม่ค่อย นิยมใส่กนั แลว้ ผูห้ ญิงมง้ ดาํ นิยมพนั ผมเป็นมวยไวก้ ลางกระหม่อม และมีชอ้ งผมมวยซ่ึงทาํ มาจากหางมา้ พนั เสริมให้มวยผมใหญ่ข้ึนใช้ผา้ แถบเป็นตาข่าย สีดาํ พนั มวยผมแลว้ ประดบั ดว้ ยลูกปัดสีสวยๆ ส่วนเครื่องประดบั เพ่ิมเติมน้นัมีลกั ษณะเหมือนกบั มง้ ขาว

26เครื่องดนตรี เครื่องดนตรีของคนม้งท่ีมีมาแต่โบราณกาลน้นั ก็มีหลากหลาย แต่ว่าดนตรีเหล่าน้ีดูเหมือนว่ากาํ ลงั จะสูญหายไปจากวิถีชีวติ ของคนรุ่นใหม่ สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่เคร่ืองดนตรีประเภทเป่ า จ๊ิงหน่อง (จ่าง): เป็ นเครื่องดนตรีคู่กายคู่ใจของหนุ่มสาวมง้ จ่างเป็ นเคร่ืองดนตรีท่ีป่ ูยา่ ตายายท่านสร้างไวแ้ ละเชื่อกนัว่ามีผีสิงอยู่ ใชเ้ ป่ าเพื่อบรรยายความรู้สึกในใจ สามารถเป่ าได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เราเป็ น หนุ่มตอ้ งเดินทางไกลไปเท่ียวสาวก็จะเป่ าจ่างทางไกล หรือถา้ เป็ นหนุ่มสาวในหมู่บา้ นเดียวกนัก็จะเป่ าอกี แบบหน่ึง เพ่ือแสดงว่าเราเป็ นคนคุน้ เคยกนั จ่างนบั ว่าเป็นเคร่ืองดนตรีของมง้ ท่ีใชส้ ่ือรักกนั แต่พอไดม้ าเป่ าจ่างโตต้ อบกนั และทาํ ให้ต่างคนต่างเห็นคุณค่าของแต่ละคน จนเกิดความผกู พนั และรักกัน ปัจจุบนั จ่างไดห้ ายไปจากวิถีชีวิตของหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่แลว้

27 แคน : เป็ นภาษามง้ อ่านว่า เฆ่ง ซ่ึงแปลว่า แคน หรือ mouth organ เฆ่ง แคนเป็นเครื่องดนตรี ท่ีทาํ จากลําไม้ไผ่ และไม้เน้ือแข็ง ถือไดว้ ่าเป็ นเครื่ องดนตรีท่ีเก่าแก่ที่สุดชนิดหน่ึงประกอบดว้ ยลาํ ไมไ้ ผท่ ะลุปลอ้ ง 6 อนั คือ ซยง้ ตวั๋ จื๋อ 1 อนั และ ซยง้ เฆ่ง 5 อนั แต่ละอนั มีขนาดและความยาวไม่เท่ากนั กบั ลาํ ไมเ้ น้ือแข็งซ่ึงมีปากกลมยาว เป็ นไมแ้ ดงหรือ ที่ภาษามง้ เรียกว่าดงจือเป๋ เมื่อเป่ าหรือสูดลมเขา้ ออก จะใหเ้ สียงไพเราะต่อเนื่องกนั ตลอดจนจบตอนของบทเพลงลาํ ไมไ้ ผแ่ ต่ละอนั มีชื่อเรียกเฉพาะของตวั เอง เช่น ดีลวั ดีไล ดีเส่ง ดีตือ ดีจู้ คนมง้ จะใชแ้ คน (เฆ่ง)ในพิธีงานศพเป็นหลกั โดยเป็ นเครื่องนาํ ทางดวงวิญญาณของผตู้ ายไปสู่ปรโลก หรือแดนของบรรพบุรุษ ฉะน้นั ในธรรมเนียมมง้ จึงห้ามมิให้ฝึ กเป่ าแคนภายในบา้ น ส่วนใหญ่จะฝึ กในที่ๆห่างไกลจากหมู่บา้ นซ่ึงมกั จะเป็นทพี่ กั พงิ ตามไร่สวน

28 ขลุ่ย: ขลุ่ยเป็ นเคร่ืองดนตรีอีกประเภทหน่ึงของมง้ ที่ใชเ้ ป่ าเรียกหาคู่ และสร้างความจรรโลงใจ ซ่ึงขลุ่ยมง้ จะทาํ มาจากกระบอกไมไ้ ผ่และท่อพีวีซี จะใช้เป่ าแทนความรู้สึก ของสภาพจิตใจของผนู้ ้นั จะเป่ าในวนั สาํ คญั เช่น งานปี ใหม่และงานสาํ คญั อนื่ ๆเคร่ืองดนตรีประเภทตี กลอง หรือ จวั๊ : เป็นเครื่องดนตรีของมง้ ท่มี ีลกั ษณะเป็นกลองสองหนา้ หรือหน่ึงหนา้ ก็ได้รูปร่างกลมแบน โดยใชแ้ ผน่ ผนงั สตั วส์ องแผน่ มาประกอบเขา้ กบั โครงกลอง หลอมตวั กลองท้งัสองดา้ น ริมขอบของแผ่นผนงั ท้งั สองแผน่ จะเจาะรูเป็ นคู่ๆ สําหรับเสียบสลกั ไมเ้ ล็กๆ เพ่ือใช้เชือกร้อยสลกั ไมข้ องแผ่นผนงั ท้งั สองดา้ นดึงเขา้ หากนั ซ่ึงจะทาํ ใหแ้ ผ่นผนงั กลองตึงตวั เต็มที่เมื่อตีจะมีเสียงดงั กงั วานและมีไมต้ ีกลองหน่ึงคู่ หรือสองอนั ทาํ จากไมด้ า้ นหน่ึง จะเอาผา้ พนั ไว้สาํ หรับตีกลอง ส่วนดา้ นทไ่ี ม่มีผา้ ห่อใชส้ าํ หรับจบั กลองมง้ น้ีจะใชเ้ มื่อประกอบพิธีงานศพ การปล่อยผหี รือปลดปล่อยวิญญาณ เท่าน้นั

29 หยางอาซา ประเทศจีนมีการสร้างรูปป้ันของ “หยางอาซา” เทพธิดาในตาํ นานของชนกลุ่มนอ้ ยเผา่ มง้ ต้งั อยทู่ ่ีอาํ เภอเจ้ียนเหอ มณฑลกุย้ โจว ทางตะวนั ตกเฉียงใตข้ องจีน ซ่ึงสร้างเสร็จแลว้ กว่า90 เปอร์เซ็นต์ โดยรูปป้ันเทพธิดาดงั กล่าวเริ่มก่อสร้างเม่ือเดือนพฤศจิกายน ปี ที่แลว้ มีความสูงถึง 88เมตร ถือเป็ นรูปป้ันเทพธิดาของชาวเหมียวที่สูงที่สุดในประเทศจีน สร้างข้ึนเพ่ือรําลักลึกเทพธิดาดงั กล่าวและเพอื่ ดึงดูดนกั ทอ่ งเทย่ี ว

30แหล่งที่มา:เสน้ ทางสายไหม THE SILK ROAD .(วนั เสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2016) . 56 กลุ่มชาติพนั ธุ์ใน ประเทศจีน (Family Portraits of all 56 ethnic groups in China). [เวบ็ บลอ็ ก]. สืบคน้ จาก https://www.facebook.com/notes/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89 %E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0 %B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1-the-silk- road/56- %E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0 %B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8 %B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B9%83 %E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0 %B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-family- portraits-of-all-56-ethnic-groups-in-china/1176284162422510/(21 เม.ย. 60 ).ใหญ่มาก! จีนสร้างรูปป้ันเทพธิดาชนเผา่ มง้ สูงกว่า 88 ม. [เวบ็ บลอ็ ก]. สืบคน้ จากhttps://www.sanook.com/news/2203586/Njoy.( 06/12/2007).ชนเผา่ มง้ – ประวตั ิและความเป็นมา.[เวบ็ บลอ็ ก]. สืบคน้ จากhttp://www.openbase.in.th/node/751hmong21.(วนั จนั ทร์ท่ี 28 มีนาคม พ.ศ. 2554).ประชากรชนชาติมง้ (Hmong-Miao) ในประเทศจีน.[เวบ็ บลอ็ ก]. สืบคน้ จาก https://hmong21.blogspot.com/2011/03/hmong-miao.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook