นวตั กรรมด้านการจดั การเรียนการสอนภาษาไทย ด้วยวิธีปฏบิ ัติทีเ่ ป็นเลศิ (Best Practices) “ การใช้ สมุดเลม่ จ๋ิว ในการสรุปองคค์ วามรขู้ องนักเรยี น ” ผู้จัดทา นางมาลิ ไชยสนิ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนบา้ นหนองกกตะแบงสามัคคี อาเภอโนนดนิ แดง จังหวัดบุรีรมั ย์ สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษา บุรรี ัมย์ เขต ๓
วิธีปฏบิ ัติทเ่ี ป็นเลศิ ( Best Practice) ๑. ชือ่ ผลงาน การใช้ สมุดเลม่ จิ๋ม ในการสรุปองค์ความรขู้ องนกั เรียน ๒. ผู้นาเสนอ นางมาลิ ไชยสิน โรงเรียนบ้านหนองกกตะแบงสามัคคี สานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษา บุรรี ัมย์ เขต ๓ โทรศัพท์มือถือ ๐๘ – ๙๘๐๓ - ๙๕๒๗ e-mail [email protected] ๓. นวตั กรรม การใช้ สมุดเล็กจิม๋ ในการสรุปองค์ความรู้ของนกั เรียน ๔. แรงบันดาลใจทีท่ าใหเ้ กิดผลงาน ความสาคัญของผลงานหรือนวตั กรรม ๔.๑ การจดั กระบวนการเรียนรทู้ ีเ่ นน้ การปฏบิ ัติจริง เป็นการเรยี นร้แู บบ Learning by doing ผเู้ รียน จะเป็นศูนยก์ ลางของการเรยี นรู้ แนวคดิ น้ีจะจัดการสอนแบบโครงงาน (Project-based learning) เป็นการ สอนทีใ่ ห้ผู้เรยี นได้เรียนจากการปฏิบตั จิ รงิ เป็นการเรียนจากประสบการณต์ รง ผู้เรยี นไดท้ ดลองทาปฏบิ ตั ิ เสาะหาขอ้ มูล จัดระเบียบข้อมูล พิจารณาหาขอ้ สรุป ค้นควา้ หาวธิ ีการ กระบวนการดว้ ยตนเอง หรือรว่ มกนั เป็นกลมุ่ เนน้ ให้ผเู้ รียนมีอิสระในการศึกษาหาความรู้ตามความสนใจให้ผเู้ รียน ได้รจู้ ักการทางานร่วมกับผอู้ ่ืน ให้ไดค้ ้นคว้าขอ้ มูลความรูจ้ ากแหลง่ ตา่ ง ๆ มิใชเ่ ฉพาะในหอ้ งเรียนเท่าน้ัน ทาให้ผเู้ รียนเกิดนิสัยการศกึ ษาหา ความรู้ด้วยตนเองได้ดว้ ยความม่นั ใจ ผลการเรยี นรู้ตามแนวทฤษฎีประสบการณ์ของจอร์นดิวอ้ี ดังนี้ ๔.๑.๑ผู้เรียนมีความสขุ กบั การเรยี นไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งสนกุ สนานโดยผา่ นกจิ กรรมท่ีหลากหลาย และส่ือท่ีเร้าความสนใจ ๔.๑.๒ ผเู้ รยี นได้เรียนรู้ตามความสนใจ ตามความถนัดและศักยภาพดว้ ยการศึกษา คน้ คว้า ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ฝกึ ทักษะจนถึงการเรยี นรูด้ ้วยตนเองทาใหเ้ กดิ ความเช่ือมั่นเป็นแรง จูงใจให้เกิดการใฝร่ ู้ ใฝเ่ รียน ๔.๑.๓ กจิ กรรมกลุ่มชว่ ยเสรมิ สร้างลักษณะนิสัยที่พงึ ประสงค์ เกิดกระบวนการทางาน เช่น มีการวางแผนการทางาน มีความรับผิดชอบ เสียสละ เออ้ื เฟือ้ เผื่อแผ่ มีวนิ ยั ในตนเอง มพี ฤตกิ รรมทีเ่ ป็น ประชาธปิ ไตย เป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดี รจู้ ักรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อนื่ ผู้เรยี นทเี่ รียนรชู้ า้ จะเรยี นรูอ้ ยา่ งมี ความสขุ มชี วี ติ ชวี า ไดร้ ับกาลังใจและไดร้ บั ความช่วยเหลือจากเพ่อื น ทาให้เกิดความม่นั ใจ ผเู้ รยี นทเ่ี รยี นดีจะ ไดแ้ สดงความสามารถของตน มคี วามเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่ และแบง่ ปันส่งิ ท่ีดใี หแ้ กก่ นั ๔.๑.๔ ผู้เรยี นเกดิ กระบวนการคิดจากการรว่ มกจิ กรรมและการคน้ หาคาตอบจากประเด็น คาถาม ของผูส้ อนและเพ่อื น ๆสามารถคน้ หาคาตอบและวิธกี ารไดด้ ว้ ยตนเอง สามารถแสดงออกได้ชดั เจนมี เหตผุ ล ๔.๑.๕ ทุกขน้ั ตอนการจัดกิจกรรม จะสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรม เพ่ือให้ผู้เรียน ไดซ้ ึมซับส่งิ ท่ดี งี ามไวใ้ นตนเองอยตู่ ลอดเวลา
๔.๑.๖ คานงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบคุ คลในการเรยี นรู้และการปฏิบตั ิงาน โดยใหแ้ ต่ละคน เรียนรู้เตม็ ตามศกั ยภาพของตน ไมน่ าผลงานของผู้เรียนมาเปรียบเทียบกัน มงุ่ ให้ผู้เรยี นแขง่ ขันกบั ตนเองและ ไมเ่ ลง็ ผลเลิศจนเกินไป ๔.๑.๗ ผลท่ีเกดิ ขนึ้ กับผเู้ รียน คือผ้เู รียนเรียนอย่างมีความสุข เกดิ การพัฒนารอบดา้ น มีอิสระ ทจี่ ะเลือกวธิ กี ารเรยี นรูท้ เ่ี หมาะสมกับตนเอง และนาความร้ทู ไ่ี ดร้ บั ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวันได้อย่าง เหมาะสม ๕. จดุ ประสงค์และเปา้ หมายของการดาเนินงาน ๕.๑ เพอื่ ใหน้ กั เรียนสามารถใช้ สมุดเลม่ จ๋วิ ในการสรุปองคค์ วามรู้ได้ ๕.๒ เพือ่ สง่ เสรมิ การมีจิตสานกึ ในการรว่ มแกป้ ญั หาการขาดคณุ ธรรมในสงั คม โดยใช้ส่อื เข้ามา มสี ่วนรว่ ม ๖. กระบวนการผลติ ผลงาน หรอื ขน้ั ตอนการดาเนินงาน/วิธปี ฏบิ ัติท่เี ป็นเลิศ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ ใช้เวลาเรียน ๔ ชั่วโมง ตอ่ สัปดาห์ ๖.๑ ผสู้ อนจะสอนเรอื่ งทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั เนอ้ื หาในสาระการเรียนรภู้ าษาไทยสอดแทรกกับพ้ืนฐานวิธีการ ผลิต สมดุ เลม่ จิว๋ ๖.๒ นกั เรียนนาข้อมูลทีน่ ักเรียนสนใจ ในการวางแผนออกแบบงานข้ึนอยกู่ ับจนิ ตนาการความเป็น สุนทรยี ของแต่ละบคุ คล ๖.๓ แลกเปล่ียนการนาเสนอกบั เพอื่ นในช้นั เรียน และสร้างเจตคตใิ นการยอมรบั ผลงานของเพอื่ นเพอื่ นามาเติมเต็มในการสรา้ งผลงานของตนเองใหม้ ีประสิทธภิ าพยง่ิ ข้ึน ๖.๔ ผู้สอนกาหนดหัวข้อการนาเสนอผลงานหรือเรื่องราวโดยใชส้ ่ือ สมุดเลม่ จ๋ิว ในการสรปุ องคค์ วามรู้ การมอบหมายงานนกั เรยี นจะตอ้ งมกี ารค้นควา้ เพมิ่ เตมิ ๖.๕ นักเรียนมกี ารต่อยอดองค์ความรู้จากความรู้พ้นื ฐานท่ีผู้สอนได้ใหไ้ ว้ กส็ ามารถสบื คน้ การสร้าง งานนาเสนองานจาก Internet ๖.๖ นกั เรยี นจดั กล่มุ ๓ คน เพื่อทางานเปน็ ทีม มีการวางแผนการทางาน สร้างความมรี ะเบียบวินัย ความสามัคคี เกดิ ทกั ษะในการทางานด้านต่าง ๆ มีความรับผดิ ชอบ โดยมีผ้สู อนคอยเปน็ ที่ปรกึ ษา ๖.๗ การนาเสนอผลงานจะนาเสนอใหก้ บั นกั เรียนชนั้ อนื่ ๆ เพื่อเปน็ การเผยแพรผ่ ลงานและสง่ เสรมิ เจตคตทิ ี่ดีให้กับผู้ชมให้เกดิ การยอมรบั งานของผูอ้ ่นื ในกิจกรรมงานวชิ าการของโรงเรยี น
๗. ผลการดาเนนิ งาน/ผลสัมฤทธ์/ิ ประโยชนท์ ี่ได้รับ ผลสมั ฤทธิ์ ด้านพุทธพิสยั นักเรียนสามารถนาความรู้ ความเข้าใจนาไปใช้สรา้ งชิ้นงาน สามารถวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และมคี วามสร้างสรรคใ์ นการดดั แปลงประยุกตใ์ หอ้ งคค์ วามรู้ ด้านทกั ษะพิสยั นักเรียนมที ักษะกระบวนการใช้เครอื่ งมือผลติ สื่อ และอุปกรณใ์ นการสรา้ ง นาเสนอ และเผยแพร่ ดา้ นเจตพิสัย นกั เรียนมีคา่ นยิ ม เจตคตทิ ่ีดใี นการสร้างสรรค์ช้ินงานโดยใช้เทคโนโลยแี ละมคี ุณธรรม จรยิ ธรรมในการเผยแพร่ มคี วามรัก ความสามัคคี มนี า้ ใจ มรี ะเบียบวินัย มีกระบวนการทางานโดยท่ผี สู้ อนไม่ ต้องใชว้ ธิ กี ารบรรยายถึงความมคี ณุ ธรรมทเ่ี กิดขึ้นจากการไดล้ งมือกระทาท้งั ส้นิ ๘. เงื่อนไขทีท่ าให้ผลงานประสบผลสาเรจ็ ๘.๑ นักเรียนมีพ้นื ฐานความร้คู วามสามารถ มีทักษะในการคิดวเิ คราะห์ และมคี วามมุง่ มนั่ ตง้ั ใจในการ ทางาน ๘.๒ ครเู ปน็ ผูม้ คี วามรู้ความสามารถ มคี วามตง้ั ใจ มกี ารเสียสละ และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ๘.๓ โรงเรยี นมงี บประมาณใหก้ ารสนับสนนุ ในด้านการพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาไทยของผเู้ รยี น ใหเ้ ต็มศกั ยภาพ ๘.๔ ผ้อู านวยการโรงเรยี นบา้ นหนองกกตะแบงสามัคคี มวี สิ ยั ทศั น์ ใหก้ ารสนบั สนนุ สง่ เสริมในการ จัด กจิ กรรมการเรยี นการสอนและเห็นความสาคญั ของการพัฒนานกั เรียน ๘.๕ ผู้ปกครองให้ความรว่ มมือและสนับสนนุ ในการจดั กิจกรรมการพัฒนาความสามารถด้าน ภาษาไทยของผู้เรียนใหเ้ ต็มศกั ยภาพ ทกี่ ลา่ วมาข้างต้นคือปัจจัยแหง่ ความสาเร็จ ทสี่ ่งเสรมิ ใหม้ กี ารจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน เปน็ ผตู้ ชิ ม ผลงานของนกั เรียนเพื่อเปน็ การเติมเตม็ ประสบการณก์ ารสร้างงาน และทสี่ าคญั คือกลุม่ นกั เรียน ผูซ้ ่ึงไม่จบการ เรยี นรเู้ พียงแค่ผสู้ อนสอนให้ในชงั่ โมงเรียนเท่านนั้ หากแต่เกดิ การเรยี นรทู้ ่ีจะค้นควา้ หารูปแบบการนาเสนอที่ หลากหลายในการสรา้ งชน้ิ งานมากย่งิ ขน้ึ ๙.สรุปบทเรียนที่ไดร้ บั -ผเู้ รียนสามารถนาความรูท้ ีไ่ ด้รบั จากการใชน้ วตั กรรมไปผลติ ผลงานสง่ เข้าประกวดแข่งขันในระดับ ตา่ ง ๆ ขอ้ สงั เกต -ความสมบูรณข์ องงานยงั ไม่ถงึ ขน้ั ดีทีส่ ดุ น่ันกด็ ว้ ยประสบการณ์ท่เี พ่งิ ผา่ นการเรียนรอู้ ีกทงั่ ระยะเวลา ในการผลิตผลงานมนี อ้ ย ๑๐. การเผยแพร่/การไดร้ บั การยอมรบั /รางวลั ทไ่ี ดร้ บั -การได้รบั การยอมรบั ของผลงานนกั เรียนโดยการนาผลงานของนกั เรยี นนาเสนอให้นกั เรียนใน โรงเรียนไดช้ มผลงานในกิจกรรมงานวิชาการของโรงเรยี น
คานา การจดั ทารายงานพัฒนานวตั กรรมทางด้านการเรยี นการสอน เป็นวธิ ีปฏิบตั ทิ ี่เป็นเลิศ ( Best Practice) ด้านการจัดการเรียนการสอนประจาปีการศึกษา ๒๕๕๘ ครผู ู้สอนสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ถอื ว่า เป็นภาระหนา้ ทส่ี าคัญประการหนึง่ ของครูผสู้ อน ซึ่งเป็นไปตามระบบการทางานทมี่ คี ณุ ภาพ อกี ทั้ง พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติยงั กาหนดชัดเจนในมาตรา ๔๘ ว่าให้สถานศกึ ษาจัดทารายงานประจาปี เสนอตอ่ ผู้บริหารสถานศกึ ษา คณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐานของสถานศกึ ษา และมาตรฐานการศึกษา สรุปรายงานเพื่อเปน็ ขอ้ มลู ในการพัฒนาให้นักเรียนเปน็ บคุ คลท่ีการเรยี นรู้ ดี เกง่ และมคี วามสขุ เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน ต่อไป ( นางมาลิ ไชยสนิ ) ครูชานาญการพเิ ศษโรงเรียนบ้านหนองกกตะแบงสามคั คี 15 กันยายน 2558
สารบญั เรือ่ ง หน้า นวัตกรรมดา้ นการจัดการเรียนการสอนทีเ่ ป็นเลิศ ๑ ๑ แรงบันดาลใจทท่ี าให้เกดิ ผลงาน ความสาคญั ของผลงานหรอื นวตั กรรม จดุ ประสงคแ์ ละเป้าหมายของการดาเนนิ งาน ๒ กระบวนการผลิตผลงาน หรอื ขน้ั ตอนการดาเนนิ งาน/วิธปี ฏบิ ัติที่เป็นเลิศ ๒ ผลการดาเนนิ งาน/ผลสัมฤทธ/ิ์ ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับ ๓ เง่ือนไขทท่ี าใหผ้ ลงานประสบผลสาเรจ็ ๓ สรุปบทเรยี นทไี่ ดร้ บั ๓ การเผยแพร/่ การไดร้ บั การยอมรบั /รางวัลท่ีได้รับ ๓ ภาคผนวก ๔
ภาคผนวก
ภาพนักเรยี นทากิจกรรม
ภาพผลงานนกั เรยี น
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: