การเปล่ยี นแปลงของภาษา
• กขู ีช่ ้างเบกพล กขู บั เข้ากอ่ นพ่อกู • ในนา้ มีปลา ในนามีข้าว • พ่อกจู ึงขนึ ้ ชื่อกู ชื่อรามคาแหง • เหย้าเรือนพ่อเชือ้ เสอื ้ คามนั ไว้แกล่ กู มนั สนิ ้ • สงั เกตคาวา่ เข้า ข้าว คาแหง และ (เสอื ้ )คา ในข้อความข้างต้นจะเหน็ ได้ คาว่า เข้า เขยี นตามอกั ขรวิธีเป็ น เฃา๋ พยญั ชนะต้นเป็ น ฃ คาว่า ข้าว เขยี นตามอกั ขรวิธีเป็ น เขา๋ พยญั ชนะต้นเป็ น ข คาวา่ คาแหง เขยี นตามอกั ขรวิธีเป็ น คาแหง พยญั ชนะต้นเป็ น ค คาว่า (เสอื ้ )คา เขยี นตามอกั ขรวิธีเป็ น (เสอ๋ อ)ฅา พยญั ชนะต้นคอื ฅ
พยญั ชนะ ฃ ฅ เราไดเ้ ลิกใชก้ นั ไปนานแลว้ เพราะมีการออกเสียง เหมือนพยญั ชนะ ข ค แตน่ กั ภาษาศาสตร์สันนิษฐานกนั วา่ ในสมยั สุโขทยั ฃ น่าจะออกเสียงต่างกบั ข และ ฅ น่าจะออกเสียงต่างจาก ค พอ่ ขนุ รามคาแหงทรง เห็นถึงความแต่ต่างน้ี จึงทรงใหใ้ ช้ ฃ และ ฅ แตต่ ่อมาไดอ้ อกเสียงอยา่ งเดียวกบั ข และ ค จึงสับสนในการใช้ ข ฃ และ ค ฅ จนมีการเลิกใช้ ฃ และ ฅ ไปใน ที่สุด
นอกจากนี้ในไตรภูมิกถาคาบางคาท่มี กี ารสะกดการันต์ แสดงว่าออกเสียงต่าง กับในปจั จบุ นั เช่น ระใบ ซึ่งในปัจจบุ นั ออกเสียงวา่ ระบาย ดงั ข้อความต่อไปน้ี .....รถน้ันเทยี รยอ่ มทองคาแลประดับดว้ ยแก้วสตั ตพิธรัตนะและมีสรอ้ ยมุ(ก) ดาห้อยยอ้ ยลง แลมีดอกไมท้ ิพย์กรองเปน็ มาลยั แลมที ัง้ แก้วแลท้งั ทองห้อยยอ้ ยลงทกุ ราย และมีระใบแก้วแลพรวนทองอนั มรี ัศมรี งุ่ เรืองดง่ั สายอินธนู..... คาว่า ระใบ และ อินธนู ปัจจบุ ันเขียนว่า ระบาย และ อนิ ทรธนู คาวา่ อินธนู กบั อนิ ทรธนู เขยี นไม่เหมอื นกันแต่ออกเสียงเหมอื นกัน ส่วนคาว่า ระใบ กบั ระบาย เขยี นไม่เหมือนกันและออกเสียงไมเ่ หมอื นกัน
การเปล่ียนแปลงทางความหมายของคา ในจารึกนครชมุ ซึง่ เป็นจารกึ เม่ือมหาศกั ราช ๑๒๗๙ มีข้อความกลา่ วถงึ ประชาชนในสมยั นั้นท่ที ามาหา กินอย่างสงบสุขว่า “ ไพร่ฟ้าขา้ ไทย ขี่เรอื ไปค้าขม่ี ้าขาย ” ปจั จบุ นั เราจะไมพ่ ดู ว่า ข่เี รอื คาว่า ข่ี มีความหมายวา่ น่งั เอาขาครอ่ มโดยหมายถึงน่ังไปในยานพาหนะ ผศู้ กึ ษาค้นควา้ สมัยเก่ากลา่ ววา่ คาวา่ ข่ี ใช้กับเรอื มาจนถึงสมัยรัชกาลท่ี ๓ กรุงรัตนโกสนิ ทร์ เดมิ คาว่า ขี่ ใช้กบั เรอื ได้แต่ตอ่ มาเลิกใช้ ตอ้ งถอื ว่าความหมายของคาแคบเขา้ มที ใ่ี ช้ จากัดลง คาต่างสมัยนัน้ อาจมีความหมายตา่ งกันไปได้ ๒ ลกั ษณะ คือ ๑. คาหนงึ่ ความหมายกวา้ งกวา่ อีกคาหน่ึง ๒. คาหนึง่ ความหมายตา่ งกบั อีกคาหน่ึง
คาหนึ่งความหมายกวา้ งกว่าอีกคาหนึ่ง ลักษณะเช่นน้เี รยี กว่า ความหมายแคบเข้า คือเดิมเคยมีหลายความหมาย ต่อมาก็ เหลือความหมายเดียว หรือเดิมเคยใช้กับคาไดห้ ลายคา ต่อมากใ็ ชก้ ับคาเดยี ว เช่น ไหล สมยั สโุ ขทัย หมายถงึ เลือ่ นไปอย่างของเหลว อาจปรากฏรว่ มกับคาว่า ปลา และ รัศมี เช่น ๑.มฝี ูงปลาใหญ่ ไหลไปขบปลาเลก็ ๒.เม่อื นัน้ บุญนางแกว้ นน้ั มรี ศั มีไหลออกจากตนนางแก้วน้นั ได้แล ๑๐ ศอก ปัจจุบนั ไหล หมายถึง การเคลอ่ื นทไ่ี ปอยา่ งของเหลวใชเ้ ป็นกริ ิยาของเหลวเท่านนั้
“กไู ปท่ บ่ า้ นท่เมอื ง ได้ช้าง ไดง้ วงไดป้ ัว่ ได้นาง ไดเ้ งือน ไดท้ อง กูเอามาเวนแกพ่ ่อกู” เวน สมยั สุโขทยั หมายถงึ มอบให้ ยกให้ ใชก้ ับคาว่า คืน เป็นเวนคนื การเวนคืนใชเ้ ฉพาะกับท่ดี ิน แต่ในบางถน่ิ ใช้กับคาอ่ืน เช่น เวนขา้ วพระ หมายถงึ ถวายขา้ วพระ
คาว่า พยาบาล สมัยสุโขทัยและอยธุ ยา หมายถงึ ดแู ล ใช้กบั สิง่ มีชวี ิตหรอื ไมม่ ีชวี ติ กไ็ ดไ้ ม่จากดั เช่น ๑. ยืมโคทา่ นไปใช้ แลมไิ ดพ้ ญาบาล โคทา่ นขาดไปเขา้ ไร่นาทา่ น ทา่ นให้ใช้ ทนุ โคทา่ อันหายล้มตายน้ัน ๒. ถา้ ผู้พยาบาลพระน้นั ทาด้วยโจรรู้เหนเปนใจด้วยโจร ใหฆ้ า่ เสียดว้ ย ปจั จบุ ัน พยาบาล หมายถึง ดูแล ใช้เฉพาะการดแู ลบุคคลทป่ี ว่ ยหรอื บาดเจบ็ ไมใ่ ช้กบั สัตว์
ส่วนคาสมยั โบราณมีความหมายแคบกวา่ คาในสมยั ปัจจบุ ันก็มีอยู่บา้ ง ลกั ษณะเชน่ นเ้ี รยี กวา่ ความหมายกว้างออก เป็นต้นว่า เถื่อน สมัยสโุ ขทัย หมายถึง ป่า เช่น เขา้ เถื่อนอยา่ ลืมพร้า หนา้ ศึกอยา่ นอนใจ ปจั จบุ ัน เถ่ือน ยังคงหมายถึง ปา่ มกั ใชใ้ นคาประพนั ธ์และใช้ขยายคา อน่ื หมายถงึ นอกกฎหมาย เช่น ฝิน่ เถอ่ื น หมอเถอ่ื น หรือไมก่ ็หมายถึง ที่ไมเ่ จริญ
คาหนง่ึ ความหมายตา่ งกบั อีกคาหน่ึง คาบางคาในสมัยโบราณมคี วามหมายหนึ่ง แตใ่ นปจั จบุ นั มีความหมายหน่งึ ลักษณะเชน่ น้เี รียกวา่ ความหมายย้ายท่ี เชน่ จังหวดั ตั้งแตส่ มัยอยุธยาถงึ สมยั รตั นโกสินทร์ หมายถงึ เขต บรเิ วณ เช่น ๑. “ปราการหนึ่งดบี ุกสว่ ยษาอากร ณ เมอื งกลางแลจงั หวดั นนั้ ก็ใหช้ าว คลงั เรียกเอานามทาเนียมแลแต่ในเดอื นสบิ ปมี ะโรง สัมฤทธิศก...” (สญั ญาไทย-ฝรั่งเศส ครง้ั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ในประชมุ จดหมาย เหตุ สมัยอยธุ ยา ภาค ๑) ๒. “ที่นีต่ ง้ั อยู่บนชายเนนิ เป็นท่ีกวา้ งแลยงั แผจ่ ังหวดั ออกไปอกี ...” (จดหมายเหตเุ สด็จพระราชดาเนนิ ประพาสทวีปยุโรป คร้งั ท่ี ๒ เลม่ ๑
ปจั จุบัน คาว่า จังหวัด หมายถึง หนว่ ยการปกครองสว่ นภมู ภิ าคทร่ี วม ท้องท่หี ลายๆอาเภอเข้าด้วยกัน มีฐานะเปน็ นติ ิบุคคล มผี ู้ว่าราชการ จงั หวดั เป็นหวั หน้าปกครอง อน่งึ คาบางคาอาจไม่ถึงกับเปล่ยี นความหมายไป แตเ่ ปลีย่ นขอบเขต การใช้ เชน่ คาวา่ โกหก ใช้เป็นคาต่า สุภาพชนไมใ่ ช้ แต่ปัจจุบันมีผู้ใช้ กนั ทว่ั ไป เราถอื วา่ ท้งั มขี อบเขตการใช้เปลีย่ นแปลงไปจากเดมิ
การเลอื กใช้คาเดมิ และเปลีย่ นเป็นคาใหม่ นอกจากคาจะเปล่ยี นเสยี งหรือความหมายแล้ว คาบางคายังเลิกใช้ไปจาก ภาษา ปรากฏอยู่ในเอกสารเกา่ และมคี าใหม่ๆเกิดข้นึ แทน การเลิกใชค้ า ขอ้ ความตอ่ ไปน้คี ดั มาจากจดหมายหลวงอุดมสมบัตซิ ึ่งเขียนไวส้ มยั ตน้ รัตนโกสนิ ทร์ “จะกล่าวไปอย่างไร ๆ ให้มากก็จะเพ้อเสยี เปล่า ป่วยงานเขยี นเปลอื งกระดาษเปลืองดินสอท้ังนัน้ ”
ย้อนเวลาไปในอดตี สมยั อยุธยา มคี าว่า หมดหน้า ในกฎหมายตราสามดวงหลาย แหง่ เช่น “คอื เหนเขาหมดหน้าพงึ ใจไปเกาะกุมเอามาเปนเมยี ตน โดยพลการเอง ๑...” (พระไอยการอาชญาหลวง) คาว่า หมดหนา้ น้ี อกั ขราภธิ านศรับท์ ของหมอบรดั เล ซ่งึ พิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๖ ให้ ความหมายไว้ว่า “หมดหน้า, คอื คนมีของดีมีผ้านงุ่ ผา้ หม่ เปนตัน, สะอาดงาม, ว่าคน นั้นมีของหมดหนา้ ของตัว.” เม่ือพจิ ารณาคาว่า หมดหนา้ ในข้อความทคี่ ดั มาจากกฎหมายตราสามดวง ประกอบกับความหมายของคาวา่ หมดหนา้ ที่อกั ขรภธิ านศรับท์ให้ไว้ หมดหน้า นา่ จะหมายถึงสะอาด งาม มคี วามหมายทานองเดียวกับคาวา่ หมดจด แตใ่ นปัจจบุ ัน คาวา่ หมดหนา้ เลกิ ใชไ้ ปแลว้
การสรา้ งคาใหม่ เมื่อมีสิ่งใหม่ ๆ หรอื เหตกุ ารณใ์ หม่ ๆ เกดิ ข้ึน จาเป็นตอ้ งมี คาใชเ้ รียก เรากอ็ าจจะสร้างคาใหม่ได้โดยนกึ เอาใหม่ทง้ั หมด หรอื นาคาทีมีอยู่แล้วมาเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมให้เป็นคาใหม่ต้งั แตโ่ บราณ มา การสร้างคามีวธิ ตี า่ ง ๆ ดังน้ี
๑. คดิ คาขนึ้ ใหมโ่ ดยเลยี นเลียนเสยี งธรรมชาตหิ รือคาท่ีมีอยู่เดมิ เช่น เรียกเครือ่ งใชช้ นิดหนง่ึ วา่ กรง่ิ เพราะเสียงดงั เช่นนนั้ เรียกสัตว์ชนิดหน่งึ วา่ จิง้ จก เพราะมนั รอ้ งเชน่ นั้น เรียกรถชนดิ หนง่ึ ว่า รถตุก๊ ๆ เพราะเวลาแล่น รถ ชนิดนี้ทาเสียงเชน่ นน้ั ๒. ประกอบคาขึน้ ใหม่ อาจประกอบคาตามแบบไทยคอื ซา้ เสยี ง หรอื ประสมคาหรือซอ้ นคา หรอื ยมื วิธีประกอบคาของภาษาอืน่ เรยี กคาท่ี ประกอบขึ้นใหม่วา่ คาซา้ คาประสม คาซอ้ น หรือคาสมาส แลว้ แตป่ ระกอบ คาดว้ ยวิธีใด เช่น เด็ก ๆ เปน็ การซา้ คา ชาวนา เป็นคาประสม สร้างสรรค์ เป็นคาซ้อน ภูมิประเทศ เปน็ คาสมาส
การเปล่ยี นแปลงรปู ประโยค
ข้อสงั เกตเกี่ยวการเปลย่ี นแปลงรปู ประโยค ๑.ประโยคกรรมมมี ากข้ึน ในภาษาไทยมกั จะเรียงประโยคแบบ ประธาน กรยิ า กรรม แตถ่ ้าต้องการเน้นกรรม ก็จะนา กรรมมาไว้ตน้ ประโยค เรยี นว่า “ประโยคกรรม” ดงั ตัวอย่างเชน่ - คนร้ายถูกตารวจจับไดแ้ ลว้ คนรา้ ย เปน็ กรรมทวี่ างอยู่ตน้ ประโยค และในประโยคนี้ยังมคี าว่า ถูก วางหนา้ คากรยิ า อกี ด้วย ในปจั จุบนั มปี ระโยคทน่ี ากรรมไว้ต้นประโยค และมีคาวา่ ถกู วางหนา้ คานามเป็นจานวนมาก ดงั เชน่ - เงนิ ของเขาถกู ถอนออกจากธนาคาร - รถยนตจ์ านวนมากถูกผลิตที่เมื่องนี้ คาว่า ถูก นนั้ มักจะใชก้ บั ความที่ไม่ดี เช่น ถูกติ ถกู ทาร้าย จงึ มีผูใ้ ช้คาว่า ได้รบั แทน เขาไดร้ ับเชญิ ใหเ้ ปน็ วิทยากรการสัมมนาวิชาการ
๒. ประโยคทใี่ ช้สรรพนาม มัน ขน้ึ ตน้ ประโยค แตไ่ มไ่ ดใ้ ช้แทนสตั ว์ หรือสง่ิ ของ ดงั ตวั อย่างเช่น - มันเป็นการง่ายทจี่ ะเขา้ ใจผดิ คาวา่ มัน ในภาษาไทยมักไมน่ ิยมใช้ข้นึ ต้นประโยค จึงตดั คาวา่ มัน ออก แตถ่ า้ ในประโยคยังขน้ึ ตน้ คาว่า เป็น อยกู่ ย็ งั ฟงั สานวนเป็น อังกฤษอยู่ ดงั เชน่ - เป็นเร่อื งท่ีไมน่ ่าเชอื่ เลยทเ่ี ขาจะช่วยคณุ
๓.ประโยคต่างๆมีบุพบทมากขึน้ ทาให้ประโยคยาวขนึ ้ ดงั ตวั อยา่ งเชน่ - เราควรจะสนใจในเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ข้นึ ๔. ประโยคต่างๆมคี าอาการนามมากขนึ้ ถ้าเตมิ คาวา่ การ หรือ ความ แล้วกต็ ้องเพิ่มทากริยาทใ่ี ช้กบั อาการนามนนั้ ด้วย จงึ ทาให้ ประโยคยาวขนึ ้ ตวั อยา่ งเชน่ - การสะดดุ หยดุ ลงของการค้าทาใหพ้ วกพ่อคา้ สูญหายไป - การมเี งินทองอย่างพอเพยี งเป็นสิง่ ท่ีจาเปน็ ตอ่ การรกั ษาความ ศักดิ์สทิ ธิข์ องกฎหมาย
๕.มีประโยคท่นี าส่วนขยายมาไว้ต้นประโยค สว่ นขยายมกั อยหู่ ลงั คา หรือวลีท่ถี กู ขยายไม่ใชอ่ ยตู่ ้นประโยค แตป่ ัจจบุ นั มีผู้ใช้ประโยคทเ่ี รียง สว่ นขยายไว้ต้นประโยค เชน่ - จากการตรวจค้นภายในรถ ตารวจพบหลกั ฐานหลายอยา่ ง - เก่ียวกบั เรื่องนี ้ข้าพเจ้าไม่มีความเหน็ บางประโยคอาจใช้ได้ในบางบริบทแตห่ ากเรียบเรียงเป็นภาษาไทยท่ี กระชบั และสอื่ ความหมายชดั เจนยง่ิ ขนึ ้ กค็ วรเลอื กใช้รูปประโยค ภาษาไทยแทน
สาเหตุของความเปลี่ยนแปลง
๑.ความเปลีย่ นแปลงของสิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพ เมอ่ื มสี งิ่ ใหมๆ่ ความคดิ ใหม่ๆ กระบวนการใหม่ๆ เกิดขึ้น กจ็ ะตอ้ งมี ศพั ท์ใชเ้ รยี กสง่ิ ท่ีเกดิ ข้นึ ใหม่เหลา่ นี้ เชน่ โทรศัพท์ไร้สาย พชื ตัดต่อพนั ธกุ รรม สง่ิ ทเ่ี คยมอี ยเู่ ดิม เมอ่ื เลกิ ใช้ก็อาจทาใหค้ าทใี่ ช้เรียกสิง่ นั้นสูญไปจากภาษาดว้ ย หรือถงึ แมค้ านน้ั จะยังคงอยู่ คนรนุ่ ใหม่ก็อาจไม่รคู้ วามหมาย หรือเขา้ ใจ ความหมายผดิ ไปได้ ตวั อยา่ งคาที่เกิดขน้ึ ใหมเ่ พราะความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมมีอยูม่ าก เชน่ รถไฟ ไฟฟา้ ไฟฉาย ไมข้ ดี ไฟ ตเู้ ย็น พดั ลม ท่ีเขย่ี บหุ ร่ี น้าแข็ง เคร่ืองด่มื เตารีด ตูน้ ริ ภัย เตาอบ
บางคาสร้างขน้ึ ใหมเ่ พ่ือทนั กบั ความหนา้ ทางวิชาการ คาเหล่านีม้ กั เรยี กกนั ว่า ศพั ทบ์ ัญญัติ ศัพทบ์ ญั ญตั บิ างคาเปน็ คาประสม เชน่ - เหตจุ งู ใจ (motive) - แบบสอบถาม (questionnaire) บางคาเปน็ คาซอ้ น เช่น - ผลลัพธ์ (result) - ทดสอบ (test) บางคาเปลี่ยนเสียงคาท่ีมอี ยเู่ ดมิ - ระเบียบ (order) - ระเบียน (record)
บางคาไดม้ าจากภาษาบาลีสนั สกฤตโดยเปล่ยี นแปลงเสียงและความหมาย เลก็ นอ้ ย เชน่ ปฏริ ูป (บาลี) สมควร เหมาะ ปฏิรปู (ไทย) reform บางคากม็ กี ารตกแต่งโดยเติมอปุ สรรคหน้าคาบา้ ง สมาสกบั คาอื่นบ้าง เช่น ปฏิกิรยิ า reaction อนภุ าค participle เอกภาพ unity คาท่คี ดิ ข้ึนใหมน่ ี้ บางคาก็มเี สยี งคลา้ ยคลงึ และความหมายตรงกับศัพทใ์ น ภาษาองั กฤษ เช่น สัมมนา seminar ปรสิต parasite ตรโี กณมติ ิ trigonometry
๒.ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางสงั คม คนบางกลมุ่ ในสงั คม เช่น สื่อมวลชน วัยรุน่ มกั สร้างคาหรอื สานวน ข้ึนใช้เพอ่ื ให้เกิดความแปลกใหม่ ทาให้ภาษาของตนนา่ สนใจ เช่น งานเข้า ตวั แม่ คาที่สรา้ งขน้ึ ใช้เฉพาะพวกเฉพาะกลุ่มเพื่อใหเ้ กิดความแปลกใหมเ่ ช่นน้ี เรยี กกันว่า คาแสลง คาแสลงสว่ นใหญใ่ ช้กนั ในชว่ งเวลาสัน้ ๆ คาแสลงบางคาปจั จบุ ันก็ เลิกใช้กนั ไปแล้ว เช่น โลซก ชิ้นเช้ สะบัดชอ่ เป็นต้น แตก่ ม็ ีบางคาทยี่ งั ใช้กัน อยใู่ นปจั จบุ นั เชน่ ท่ึง เก๋ โคมลอย เปน็ ต้น
นอกจากผ้ใู ชภ้ าษาจะสรา้ งคาเพอื่ ให้เกิดความแปลกใหม่แล้ว ความหมายของคาบางคาอาจแปรเปลีย่ นไปเพราะ การเรยี นภาษาของเด็ก เด็กเรียนภาษาจากบคุ คลใกลช้ ิด เม่อื เด็กไดย้ ินคาพดู กแ็ ปลงใหเ้ ป็นภาษา ของตนเอง เราจะสังเกตไดว้ า่ ภาษาของเดก็ และผูใ้ หญจ่ ะไม่เหมือนกัน เดก็ อาจ เขา้ ใจความหมายของคา ออกเสยี งคา และใชค้ าไมต่ รงกบั ผใู้ หญ่ เด็กจะ ค่อยๆ พัฒนาภาษาของตนจากการเรียนรู้ คอ่ ยๆแกไ้ ขสว่ นทผ่ี ดิ เพี้ยนไปจน ใกลเ้ คียงกบั ภาษาของผูใ้ หญ่แต่ก็อาจเปน็ ไปไดว้ า่ ภาษาของเด็กจะไมต่ รงกบั ภาษาของผู้ใหญ่ไปซะทีเดยี ว
การพดู จากนั ในชวี ิตประจาวนั กอ็ าจทาให้ถ้อยคาในภาษา เปล่ียนไปได้ ถา้ ผู้พดู ไม่พยายามพดู ใหช้ ดั เจน เสยี งของคากอ็ าจจะ เปลี่ยนไป นานๆเขา้ คาที่เปลยี่ นไปกต็ ิดอยู่ในภาษา คาเดิมอาจจะ คอ่ ย ๆ สญู ไปหรอื ใชใ้ นความหมายทีต่ ่างออกไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: