หนงั สือเรียนสาระความรู้พ้นื ฐาน รายวชิ า คณติ ศาสตร์ (พค21001) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ห้ามจาหน่าย หนงั สือเรียนเล่มน้ีจดั พิมพด์ ว้ ยเงินงบประมาณแผน่ ดินเพ่ือการศึกษาตลอดชีวติ สาหรับประชาชน ลิขสิทธ์ิเป็นของ สานกั งาน กศน. สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ เอกสารทางวชิ าการลาดบั ท่ี 7/2555
18 บทท่ี 2 เศษสวนและทศนยิ ม สาระสําคญั การอา น เขียนเศษสวน และทศนิยมโดยใชส มบตั ิ การบวก การลบ การคณู การหาร การเปรยี บเทยี บ และการแกโจทยป ญหาตามสภาพการณจ ริงได ผลการเรยี นรูท ค่ี าดหวงั 1. บอกความหมายของเศษสวนและทศนยิ มได 2. เขียนเศษสวนในรูปทศนิยมและเขียนทศนยิ มซํ้าในรปู เศษสวนได 3. เปรยี บเทยี บเศษสวนและทศนิยมได 4. สามารถบวก ลบ คูณ หาร เศษสวนและทศนิยมได และอธิบายผลทเี่ กิดขน้ึ ได 5. นําความรูเก่ียวกับเศษสว นและทศนิยมไปใชแ กโ จทยปญหา ขอบขา ยเนื้อหา เรื่องที่ 1 ความหมายของเศษสวนและทศนิยม เร่ืองที่ 2 การเขยี นเศษสวนดว ยทศนยิ ม และการเขียนทศนิยมซ้ําเปน เศษสว น เรอื่ งที่ 3 การเปรยี บเทียบเศษสวนและทศนยิ ม เรือ่ งที่ 4 การบวก ลบ คณู หาร เศษสว นและทศนยิ ม
19 เรอ่ื งที่ 1 ความหมายของเศษสว น และทศนิยม 1.1 เศษสวน หมายถึง สว นตา งๆ ของจํานวนเต็มทีถ่ กู แบงออกเปน สวนละเทา ๆ กนั การนาํ เสนอ เศษสวนสามารถนําเสนอไดท ้งั แบบรูปภาพ หรอื แบบเสน จํานวน เชน รูปวงกลม 1 วง แบงออกเปน 4 สวนเทา ๆ กัน หรือ สวนท่แี รเงาเปน 1 สวนใน 4 สวน 1 เขียนแทนดว ย 4 อานวา “เศษหนึง่ สวนส”ี่ 1 หนวยบนเสนจาํ นวนแบง ออกเปน 5 สว นเทา ๆ กัน 3 5 จดุ A อยูหา งจาก 0 ไปทางขวามอื เปนระยะ 3 สวน ใน 5 สว นดงั น้ัน A แทนดว ย จุด B อยหู า งจาก 0 ไปทางขวามือเปน ระยะ 7 สวน ใน 5 สว น ดงั น้ัน B แทนดว ย 7 2 5 หรอื 1 5 จุด C อยูหา งจาก 0 ไปทางขวามือเปนระยะ 13 สว น ใน 5 สวน ดงั นน้ั C แทนดวย 13 3 5 หรือ 2 5 จุด D อยูหา งจาก 0 ไปทางซา ยมอื เปนระยะ 8 สวน ใน 5 สวน ดังน้ัน D แทนดว ย 8 3 5 หรอื 1 5 บทนยิ าม เศษสวนเปน จํานวนที่เขยี นอยูในรูป เมอื่ a และ b เปน จํานวนเต็มโดยท่ี b ไมเทากบั ศูนย เรยี ก a วา \"ตวั เศษ\"เรียก b วา \"ตวั สวน”
20 1 อา นวา เศษหนึ่งสวนหา 5 1 อา นวา เศษหน่งึ สวนสอง 2 3 2 อา นวา ลบเศษสามสวนสอง 4 อา นวา ลบเศษสส่ี วนสาม 3 ตัวอยางที่ 1 จงเติมเศษสว นลงใน ใหถ กู ตอง 1.2. ทศนยิ ม ทศนิยม คือ จาํ นวนที่อยใู นรูปทศนิยมประกอบดว ยสองสว นคือ สวนท่เี ปนจํานวนเตม็ และสวนที่ เปนทศนิยม และมีจุด (.) คน่ั ระหวางจาํ นวนเตม็ กับสว นที่เปน ทศนิยม ทศนยิ มแบง ไดเ ปน 2 ชนดิ คือ 1. ทศนยิ มแบบไมซ้ํา เชน 1.5 , 2.35, 3.14, ... 2 ทศนยิ มซาํ้ แบงเปน 2.1 ทศนิยมซ้าํ ศูนย เชน 1.5000 … เขียนแทนดว ย 1.5 0.0030000 … เขยี นแทนดว ย 0.003 ถาตวั ซ้าํ เปน 0 ไมนยิ มเขยี น 2.2 ทศนยิ มทตี่ ัวซาํ้ ไมเปน ศนู ย เชน 0.3333… เขยี นแทนดว ย 0.3 อานวา ศนู ยจ ดุ สามสามซ้ํา 1.414141... เขยี นแทนดว ย 1.41 อา นวา หนง่ึ จดุ ส่ีหนึ่งสห่ี นึง่ ซ้ํา 0.213213213... เขียนแทนดว ย 0.213 อานวา ศนู ยจดุ สองหนงึ่ สาม สองหนงึ่ สามซาํ้ 2.10371037... เขียนแทนดว ย 2.1037 อา นวาสองจุดหน่งึ ศนู ยส ามเจด็ หนง่ึ ศนู ยส ามเจ็ดซ้าํ
21 แบบฝก หดั ที่ 1 1. จงเตมิ เศษสว นลงใน ใหถ กู ตอง 1) 2) 2. จงเขยี นเสนจาํ นวนแลวหาจดุ ท่ีแทนจํานวนตอ ไปนี้ 4 1 20 1) 8 , 1 2 , 8 2)1 1 , 4 3 , 29 2 6 6 3. จงเขยี นจํานวนตอไปนใ้ี หอ ยูในรูปของทศนยิ ม 6 12 1. 10 = ………………………… 2. 100 ................................. 3. 357 ................................ 4. 1 2 3 .............. 1000 10 100 1000
22 เร่ืองที่ 2 การเขียนเศษสว นดว ยทศนยิ ม และการเขยี นทศนยิ มซ้าํ เปน เศษสว น 2.1 การเขียนเศษสว นดวยทศนิยม เศษสว นและทศนิยมอาจเปลีย่ นรูปกันได หมายความวา เศษสว นสามารถเขียนในรูปของ ทศนยิ มได และทศนิยมสามารถเขียนในรูปของเศษสวนไดเชนเดยี วกนั เชน 1. ทําสวนใหเปน 10 , 100 , 1,000,… 2 เชน 0.2 = 10 0.25 = 2 1 5 1 10 100 2 5 10 100 = = 25 100 เพือ่ ใหเกดิ ความรวดเร็วในการเปลี่ยนทศนิยมเปน เศษสวน อาจทําไดโดยการเลือ่ น จุดทศนิยมและตวั หารเปน จาํ นวน 10, 100 หรอื 1,000 ขนึ้ อยูกบั จํานวนทศนิยม เชน ถาทศนยิ ม 1 ตําแหนง ตัวท่ีเปนสว นกจ็ ะเปน 10 ถา 2 ตาํ แหนง ตัวท่ีเปนสวนกจ็ ะเปน 100 หรือสรุปไดว า จํานวน 0 ทถ่ี ดั เลข 1 จะ เทากับจาํ นวนตําแหนง ของทศนิยม หมายเหตุ เศษสว นท่เี ปนลบเม่อื เขียนใหอยูในรปู ทศนยิ มจะไดท ศนิยมท่ีเปน ลบ เชน 7 = 0.7 , 39 = 0.039 10 1,000 2.2 การเขยี นทศนยิ มซ้าํ เปน เศษสว น ทศนยิ มซํ้า คอื จาํ นวนเตม็ ของทศนยิ มท่ีซ้ําๆ กนั เชน 0.777... เขยี นแทนดว ย 0.7 เมือ่ จะ เขียนใหเ ปน เศษสวน สามารถทําไดด ังน้ี ตัวอยางที่ 1 จงเปล่ียน 0.7 ใหเ ปนเศษสวน วิธที ํา 0.7 = 0.77777... = X ให X = 0.77777… -------------- (1) (1) 10 ------> 10X = 7.7777… -------------- (2) (2) –(1) ------> 10X – X = 7.7777… - 0.777… 9X = 7 X= 7 9
23 0.7 = 7 9 ตวั อยางที่ 2จงเปลีย่ น1.213 เปนเศษสว น จาก 1.213 = 1.2131313… ให x = 1.2131313… -------------- (1) (1) 10 10x = 12.131313… ---------------(2) (1) 1,000 1,000x = 1213.131313…---------------(3) (3) – (2) 1,000x – 10x = 1213 – 12 990x = 1213 – 12 1213 12 x = 990 x 1201 1201 = 990 ดังน้นั 1.213= 990 จากตวั อยา งสรปุ ไดวา การเปลยี่ นทศนยิ มซา้ํ เปน เศษสวนโดยวิธลี ดั ทาํ ไดด งั น้ี 1. 0.3417 = 3417 37 9900 3383 = 9900 เศษ เขยี นจํานวนท้งั หมดลบดว ยจาํ นวนท่ไี มซ้าํ สวน แทนดว ย9เทากบั จํานวนที่ซํา้ และแทนดว ย 0 เทากับจํานวนไมซา้ํ = 1315 13 2. 1.315 990 1302 651 3. 3.1043 = 990 = 495 = 31043 310 9900 30733 = 9900
24 แบบฝกหดั ที่ 2 1. จงเปลี่ยนเศษสวนตอไปนใ้ี หเปน ทศนยิ ม โดยการทําสวนใหเปน 10 , 100 ,1,000,... 1) 9 2) 1 3 4 4 ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... 39 7 3) 40 4) 25 ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... 1 8 5) 8 6) 125 ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... 2. จงเปล่ยี นเศษสว นตอ ไปนี้เปน ทศนิยม โดยการหารเศษสว น 1) 9 2) 3 1 11 7 ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... 7 5 3) 16 4) 4 ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... 5 3 5) 6 6) 8 5 ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………... ………………………………………………...
25 เร่อื งท่ี 3 การเปรียบเทยี บเศษสว นและทศนยิ ม 3.1 การเปรยี บเทยี บเศษสวน เศษสว นท่ีเทากนั การหาเศษสว นที่เทากัน ใชจํานวนทไ่ี มเทา กับศูนยม าคณู หรอื หารท้ังตวั เศษและตัวสวน เชน 3 = 3 2 = 6 8 4 42 9 3 = 6 = 9 เปน เศษสว นที่เทา กนั 12 4 8 12 3 = 33 = 4 43 12 = 12 2 = 6 18 18 2 9 12 6 2 เปนเศษสวนที่เทา กนั 18 9 3 12 = 12 6 = 2 18 18 6 3 เศษสว นท่ีไมเ ทากนั การเปรียบเทียบเศษสว นทไ่ี มเทากนั ตองทาํ สว นใหเ ทา กนั โดยนํา ค.ร.น. ของตัวสว น ของเศษสวนทต่ี องการเปรยี บเทียบกัน คณู ทง้ั ตวั เศษและตวั สวน เม่อื ตวั สวนเทา กนั แลว ใหนําตวั เศษมา เปรยี บเทียบกัน เชน 4 มากกวาหรอื นอยกวา 7 5 10 ค.ร.น. ของ 5 และ 10 คือ 10 4 = 42 = 8 5 5 2 10 จะเห็นวา 8 > 7 ดังน้ัน 8 7 หรือ 4 7 10 10 5 10 ยงั มวี ธิ เี ปรยี บเทียบโดยใชผลคณู ไขว ถา ผลคูณขางใดมคี า มากกวาเศษสว นขางนนั้ จะมีคามากกวา เชน 4 7 5 10 เปรยี บเทยี บ 410 กบั 57 จะเหน็ วา 40 35 ดงั น้นั 4 7 5 10
26 ตวั อยา งที่ 1 จงเปรยี บเทยี บ 7 และ 11 12 18 วิธีท่ี 1 หา ค.ร.น. ของ 12 และ 18 ได 36 ทําสว นของเศษสวนทง้ั สองใหเ ปน 36 73 = 21 = 36 12 3 22 11 2 36 18 2 จะได 22 21 36 36 ดงั นน้ั 11 7 18 12 วิธีท่ี 2 7 11 12 18 ผลจากการคณู ไขวจ ะได และ 12 11 7 18 จะเหน็ วา 126 132 ดงั น้ัน 7 11 12 18 2.1 เปรยี บเทยี บทศนิยม การเปรยี บเทยี บทศนิยมที่เปน บวก ใหพจิ ารณาเลขโดดจากซา ยไปขวา ถาเลขโดด ตัวใดมคี ามากกวา ทศนยิ มจํานวนนน้ั จะมคี ามากกวา เชน 38.586 กบั 38.498 ทศนยิ มในตาํ แหนงที่ 1 ของท้งั 2 จาํ นวนมีเลขโดดคือ 5 และ 4 ตามลาํ ดับจะเหน็ ไดว า 5 มากกวา 4 ดังนนั้ 38.586 มากกวา 38.498 การเปรียบเทียบทศนยิ มท่ีเปน ลบ เชน -0.7 กับ -0.8 คาสัมบรู ณข อง -0.7 เทา กบั 0.7 คา สัมบรู ณข อง -0.8 เทากับ 0.8 จํานวนท่มี คี า สมั บรู ณน อ ยกวาจะเปนจํานวนท่ีมคี ามากกวา ดงั น้ัน - 0.7 มากกวา - 0.8
27 แบบฝก หดั ที่ 3 1. ใหเติมตวั เศษหรือตวั สวนของเศษสว นลงใน เพอื่ ใหไดเ ศษสว นที่เทา กัน 2. ใหเ ตมิ เครือ่ งหมาย > , <หรอื = ลงใน ใหถกู ตอ ง
28 3. ใหนักศกึ ษาเตมิ เครือ่ งหมาย >, <หรอื = ระหวา งจํานวนสองจํานวน 1) -0.500 ..............0.501 2) 103.012 ...................... – 0.501 3) 5.28 .................... 5.82 4) – 5.28 .......................... -5.28 5) 8.354 ................. 8.534 6) -8.544 ........................... -8.534 7) -13.06 ................. 13.06 8) 103.012 ....................... -103.012 9) -5.125 .................. -5.1250 10) -7.10 ......................... -7.01 4. ใหนักศกึ ษาเรียงลําดบั จํานวนตอไปนีจ้ ากคา นอ ยไปคามาก 1) -1.724, -1.738, 0.832, -2.000 2) -30.710, -31.170, -31.107, 30.017 3) 83.000, -38.000, -83.001, -138.500 4) -34.50, -37.40, -41.54, -39.62, -42.50
29 เร่อื งที่ 4 การบวก ลบ คณู หารเศษสว นและทศนยิ ม 4.1 การบวกเศษสว น วธิ กี ารหาผลบวกของเศษสว น สามารถทําไดด ังนี้ 1) หา ค.ร.น.ของตวั สว น 2) ทําเศษสว นแตล ะจาํ นวนใหมีตัวสว นเทากบั ค.ร.น.ทีห่ าไดจ ากขอ 1 3) บวกตวั เศษเขา ดวยกนั โดยทีต่ วั สวนยังคงเทาเดิม 1 3 ตวั อยางที่ 1จงหาผลบวก 3 4 วธิ ีทาํ ค.ร.น. ของ 3 กบั 4 คอื 12 1 3 1 4 3 3 3 4 3 4 4 3 = 4 9 12 12 49 = 12 = 13 = 1 112 12 1 ตอบ 1 12 4.2การลบเศษสวน การลบเศษสวน ใชห ลกั การเดียวกนั กบั การลบจํานวนเตม็ คือ ตวั ต้งั - ตวั ลบ = ตัวต้ัง + จาํ นวนตรงขามของตวั ลบ ตัวอยา งที่ 1 จงหาผลลบ 5 7 6 12 วิธที าํ ค.ร.น. ของ 6 และ 12 คอื 12 5 7 5 7 6 12 6 12 = 5 2 71 6 2 12 1 10 7 12 = = 10 7 12 12 17 5 = 12 = 1 12 ตอบ 1 5 12
30 แบบฝก หัดท่ี 4 1. ใหหาผลลพั ธตอ ไปนี้ 2. ใหเตมิ จํานวนลงใน แลวทําใหป ระโยคเปน จรงิ
31 3. ใหห าจาํ นวนมาเตมิ ลงใน แลวทาํ ใหป ระโยคเปน จริง
32 4. ใหห าผลลพั ธต อ ไปน้ี 1) 3 2 4 7 5 7 2) 7 5 4 10 9 9 3) 3 7 2 5 8 5 4) 4 2 2 1 7 11 3 33
33 4.5 การคณู เศษสวน ผลคูณของเศษสว นสองจาํ นวน คือ เศษสว นซึ่งมตี วั เศษเทากบั ผลคูณของตัวเศษสองจาํ นวนและตวั สวนเทา กับผลคณู ของตวั สวนสองจํานวนนนั้ เม่ือ a และ c เปนเศษสวน ซึง่ b , d 0 bd ผลคณู ของ a และ c หาไดจ ากกฎ a c = a c bd b d bd ตวั อยางท่ี1จงหาผลคณู ของจาํ นวน 2 3 7 5 วิธีทํา 2 3 7 5 = 23 75 = 6 35 ตอบ 6 35 ตวั อยางที่ 2 จงหาผลคูณของ 1 2 25 2 5 101 วธิ ที ํา 1 1 5 1 1 101 = 115 11101 = 5 101 ตอบ 5 101
34 แบบฝก หัดที่ 5 จงหาผลคูณตอ ไปนี้ 1) 2 1 11 35 2) 11 5 59 3) 5 2 11 11 9 4) 16 2 7 3 10 5) 5 2 2 1 2 16 3 5 6) 6 2 3 1 346 7) 15 24 35 49 25 18 8) 24 10 11 10 25 27 25 22
35 4.6 การหารเศษสวน การหารจํานวนทเี่ ปนเศษสวนไมมสี มบัตกิ ารสลับทแี่ ละสมบตั ิการจดั หมู เม่อื a และ c แทนเศษสวนใดๆ และ bd พิจารณาผลหารท่เี กิดจากการหาร a ดวย c ดงั น้ี bd ac = a = a d = ad = a d bd b b c bc c cd 1 bc d dc ดงั นัน้ a c = a d bd bc ตวั อยางท่ี 1จงหาผลหารของ 5 20 24 21 วิธที ํา 55 21 3 1 7 24 3 20 5 8 4 = 7 32 ตอบ 7 32
36 แบบฝก หดั ท่ี 6 1. จงหาผลลัพธตอ ไปนี้ 2. จงทาํ ใหเ ปนผลสําเรจ็
37 4.7 การนําความรูเ รื่องเศษสว นไปใชใ นการแกโจทยปญ หา โจทยป ญ หาเศษสวน การทาํ โจทยป ญ หาเศษสว น ควรกําหนดจํานวนทั้งหมดเปน 1 หนวย แลวดําเนนิ การตามโจทย เชน นกั เรียนหอ งหน่ึง เปน ชาย 3 ของจาํ นวนนักเรียนในหอง 5 ดังน้นั หอ งนี้เปน นกั เรยี นหญงิ 1 - 3 = 2 ของจาํ นวนนกั เรยี นในหอ ง 55 ตวั อยางที่ 1 ถังใบหนง่ึ จนุ ํ้า 140 ลติ ร มีนํา้ อยู 3 ถัง หลังจากใชน ํ้าไปจาํ นวนหนึ่งจะ 4 เหลือนาํ้ อยู 1 ถัง จงหาวาใชน าํ้ ไปเทาไหร 2 วธิ ีทํา มนี ํ้าในถัง 3 140= 105ลิตร 4 หลังจากใชน้าํ เหลอื นํ้าในถัง 1 140= 70 ลติ ร 2 ดงั น้ันใชนาํ้ ไปจาํ นวน 105 70= 35ลติ ร
38 แบบฝกหัดที่ 7 1. ใหหาคาํ ตอบของโจทยป ญหาตอ ไปนี้ 1) ตองมีเงนิ 320 บาท ซอ้ื รองเทา 2 ของเงนิ ทั้งหมด ซ้อื เสื้อ 5 ของเงินที่เหลอื จงหาวา 5 16 ตองเหลอื เงนิ เทาไร 2) หองประชมุ หอ งหนงึ่ มีความยาวเปน 3 3 ของความกวา ง และความกวา งเปน 4 2 ของความสงู 45 ถาหอ งสูง 3 1 เมตร และมีนักเรยี น 462 คน จงหาวา โดยเฉล่ยี นกั เรียนคนหน่งึ มอี ากาศหายใจกี่ลกู บาศก 2 เมตร 3) จางคนปลกู หญา บนสนามรูปสเ่ี หลยี่ มผนื ผากวาง 6 4 เมตร ยาว 101 เมตร ในราคาตาราง 52 เมตรละ 45 บาท จะตองจายเงนิ ท้งั หมดเทาไร 4) โทรทศั นเคร่อื งหน่งึ ประกาศลดราคาลง 1 ของราคาทีป่ ด ไวเ ดิม แตผ ูซ อื้ เปน เพื่อนกับผขู าย 4 ลดใหอีก 1 ของราคาท่ปี ระกาศลดแลวในครั้งแรก ซ่ึงปรากฏวาผซู อื้ จายไป 4,200 บาท จงหาวา โทรทัศน 5 เครื่องนี้ปด ราคาเดิมไวเ ทาไร 5) ในการเดนิ ทางครง้ั หนึ่งเสียคาทพ่ี ัก 2 ของคา ใชจ า ยท้ังหมด คา เดนิ ทาง 1 ของคาใชจ าย 54 ท้ังหมดคา ใชจ ายอืน่ ๆ คิดเปน เงนิ 1,470 บาท จงหาวาคา ใชจ ายทง้ั หมดเปน เงนิ เทา ไร
39 4.8 การบวก และการลบทศนยิ ม การหาผลบวกของทศนยิ มใดๆ จะใชหลักเกณฑดงั น้ี 1. การหาผลบวกระหวา งทศนยิ มทเ่ี ปน บวก ใหนําคา สัมบูรณมาบวกกนั แลว ตอบเปน จาํ นวนบวก 2. การหาผลบวกระหวา งทศนยิ มท่เี ปน ลบ ใหน ําคาสัมบูรณม าบวกกนั แลวตอบเปนจาํ นวนลบ 3. การหาผลบวกระหวา งทศนยิ มทีเ่ ปน บวกกบั ทศนิยมทเี่ ปน ลบ ใหน าํ คาสมั บรู ณม าลบกันแลว ตอบเปน จาํ นวนบวกหรือจํานวนลบตามจํานวนทม่ี คี า สัมบรู ณม ากกวา การหาผลลบของทศนยิ มใด ๆ ใชข อตกลงเดยี วกนั กับทใี่ ชใ นการหาผลลบของจํานวนเต็ม คือ ตัวตง้ั - ตวั ลบ = ตัวต้ัง + จํานวนตรงขา มของตัวลบ สรุป การบวกและการลบทศนยิ ม จะตอ งตัง้ ใหจ ดุ ทศนิยมตรงกนั กอ น แลว จงึ บวก ลบ จาํ นวนในแตล ะหลัก ถา จาํ นวนตาํ แหนง ทศนิยมไมเทา กัน นยิ มเติมศนู ยขา งทายเพื่อใหจาํ นวน ตําแหนงทศนิยมเทากนั
40 แบบฝกหดั ท่ี 8 1. จงเติมผลลพั ธต อไปนี้
41 4.9 การคณู ทศนยิ ม การคณู ทศนยิ ม มหี ลกั เกณฑด ังนี้ 1. การหาผลคูณระหวา งทศนิยมที่เปนบวก ใหนําคา สมั บูรณม าคูณกันแลว ตอบเปนจาํ นวนบวก 2. การหาผลคูณระหวา งทศนยิ มที่เปนลบ ใหนาํ คา สัมบรู ณม าคณู กนั แลว ตอบเปน จาํ นวนบวก 3. การหาผลคูณระหวางทศนิยมทเ่ี ปน บวกกับทศนยิ มที่เปนลบ ใหน าํ คาสมั บรู ณมาคณู กนั แลว ตอบเปน จาํ นวนลบ หมายเหตุ ผลคูณทศนยิ ม จะมจี าํ นวนหลักทศนยิ มเทา กับผลบวกของจาํ นวนหลกั ทศนยิ มของตวั ตั้งและจํานวนหลกั ทศนยิ มของตัวคณู ตัวอยา งที่ 1 จงหาผลคูณของ 1. 1.25 2.431 1.25 2.431 = 2.431 1.25 2.431 125 12155 4862 2431 0 3038750 1.25 2.431 = 3.03875 2. -5.12 0.125 512 125 2560 1024 5120 640000 -5.12 0.125= - 0.64000 = -0.64
42 4.10 การหารทศนิยม การหารทศนิยม มหี ลกั เกณฑด ังนี้ 1. การหาผลหารระหวา งทศนยิ มที่เปน บวก ใหน าํ คา สมั บรู ณม าหารกนั แลวตอบเปน จาํ นวนบวก 2. การหาผลหารระหวางทศนยิ มทเ่ี ปนลบ ใหน าํ คา สมั บูรณมาหารกนั แลวตอบเปน จาํ นวนบวก 3. การหาผลหารระหวางทศนยิ มทเ่ี ปน บวกกับทศนยิ มท่ีเปนลบ ใหน าํ คา สัมบรู ณมาหารกันแลว ตอบเปนจาํ นวนลบ ขอ สาํ คัญตองทําใหตัวหารเปน จํานวนเตม็ ตวั อยางท่ี 1 จงหาคา ของ 1. 15.015 (-0.15) วิธีทํา 15.015 (-0.15) =15.015 = 15.015 100 = 1501.5 0.15 0.15 100 15 100.1 15 1501.5 15 00 0 01 0 15 15 15.015 (-0.15) = -100.1 วิธีทํา 2. (-37.65) (-1.5) (-37.65) (-1.5) = 37.65 = 37.6510 = 376.5 125.1 15 376.5 1.5 1.510 15 30 76 75 15 15 (-37.65) (-1.5) = 25.1
43 แบบฝก หดั ที่ 9 1. จงหาคา ของ 2. จงหาคาของ 1) {(-12.4) 33.6} +{(-12.4 66.4) ………………………………………………………………………………………………... 2) {(-3.145) 2.76} + {(-27.39) 18.26} ………………………………………………………………………………………………... 3) (-14.307 – 2.809) + (6.78 1.5) ………………………………………………………………………………………………... 4) {(0.036 0.15) + (-4.07 1.1)} ของ (-5.8) ………………………………………………………………………………………………... 5) (-1.58 0.15) – [ 2(-3.6)] ………………………………………………………………………………………………...
44 4.11 การนาํ ความรเู ร่ืองทศนยิ มไปใชใ นการแกโจทยปญ หา ตัวอยา งที่ 1 เหล็กเสน กลมขนาดเสนผานศนู ยก ลาง 1.75 เซนตเิ มตร ยาว 1 เมตร จะหนกั 3.862 กิโลกรัม ถา เหล็กเสนขนาดเดยี วกนั นยี้ าว 1.25 เมตร จะหนกั กก่ี ิโลกรัม วธิ ีทาํ เหล็กเสน กลมมขี นาดเสนผานศนู ยกลาง 1.75 เซนติเมตร และยาว 100 เซนตเิ มตร หนัก 3.862 กิโลกรัม ถายาว 1 เซนตเิ มตร หนกั 3.862 0.03862 กโิ ลกรมั 100 ดงั นนั้ เหลก็ เสน ขนาดเดมิ แตย าว 125 เซนตเิ มตร หนกั 0.03862125 = 4.8275กโิ ลกรัม เหลก็ เสนขนาดเดมิ ยาว 1.25 เมตร หนกั 4.8275 กโิ ลกรมั ตัวอยางท่ี 2 รปู สเ่ี หลีย่ มผืนผารูปหน่ึงมีพื้นท่ี 11.3364 ตารางเซนตเิ มตร ถา ดา นยาวเทากับ 4.23 เซนติเมตร ดา นยาวยาวกวา ดา นกวางเทา ไร วิธที ํา พนื้ ทส่ี เี่ หลี่ยมผนื ผา = กวาง × ยาว 11.3364 = กวา ง × 4.23 ดังน้นั กวา ง = 11.3364 = 4.23 ดา นยาวยาวกวา ดา นขาง = 2.68เซนติเมตร = ดา นยาวยาวกวา ดานกวา ง = 4.23 2.68 1.55เซนติเมตร 1.55เซนติเมตร
45 แบบฝก หดั ท่ี 10 1. ใหนักศกึ ษาแกป ญ หาโจทยตอ ไปน้ี 1) เชอื กยาว 17.25 เมตร นําอีกเสนหนึ่งยาว 5.2 เมตร มาผกู ตอกนั ทําใหเสยี เชือกตรงรอยตอ 0.15 เมตร นาํ เชือกท่ตี อแลว มาวางเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา ใหดานกวา งยาวดา นละ 1.5 เมตร ดา นยาวจะ ยาวดา นละกี่เมตร .................................................................................................... ...................................................... ............................................................................................................................................ .............. .................................................................................................... ...................................................... ……………………………………………………………………………………………………… 2. นํ้าตาลถุงหน่งึ หนัก 9.35 กิโลกรัม จาํ นวน 16 ถงุ ใชท าํ ขนมเฉลี่ยแลววนั ละ 4.4 กโิ ลกรมั จะใช นาํ้ ตาลไดท ง้ั หมดก่ีวัน ........................................................................................................................................................... .................................................................................................... ...................................................... ........................................................................................................................ .................................. ……………………………………………………………………………………………………… 3. หองรูปสีเ่ หลีย่ มผนื ผา กวา ง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร นาํ กระเบือ้ งรูปสเ่ี หล่ยี มจัตรุ สั ขนาด 32 ตาราง เซนติเมตร มาปหู องจะตอ งใชก ระเบื้องกี่แผน .................................................................................................... ...................................................... .............................................................................................................................. ............................ .................................................................................................... ...................................................... ……………………………………………………………………………………………………… 4. มที องคาํ แทงหน่ึงหนกั 12.04 กรมั ซอ้ื เพิ่มอีก 25.22 กรัม แบงขายไปสองครง้ั หนกั ครง้ั ละ 8.02 กรัม ท่ีเหลือนาํ ไปทาํ แหวน 5 วง หนกั วงละ 3.45 กรัมเทาๆ กนั จะเหลือทองอีกกี่กรัม .................................................................................................... ...................................................... .................................................................................................... ...................................................... .................................................................................................... ...................................................... ………………………………………………………………………………………………………
46 บทที่ 3 เลขยกกําลัง สาระสาํ คญั สัญลกั ษณข องการเขยี นแทนการคณู จาํ นวนเดยี วกันซ้ํา ๆ หลาย ๆ คร้งั เขียนแทนดว ย an อานวา a ยกกาํ ลงั n และการเขียนแสดงจํานวนในรปู สัญกรณวทิ ยาศาสตรไ ด ผลการเรยี นรูทคี่ าดหวัง 1. บอกความหมายและเขยี นเลขยกกําลงั ทม่ี เี ลขชก้ี าํ ลังเปน จาํ นวนเตม็ แทนจาํ นวนทีก่ าํ หนดใหไ ด 2. บอกและนาํ เลขยกกําลังมาใชใ นการเขยี นแสดงจาํ นวนในรปู สัญกรณว ทิ ยาศาสตรไ ด 3. อธบิ ายการคณู และหารของเลขยกกําลังท่ีมีฐานเดยี วกัน และเลขช้ีกาํ ลังเปนจาํ นวนเตม็ ได ขอบขายเน้อื หา เรอ่ื งที่ 1 ความหมายและการเขยี นเลขยกกําลงั เร่ืองที่ 2 การเขยี นแสดงจาํ นวนในรปู สัญกรณว ิทยาศาสตร เรอื่ งที่ 3 การคณู และการหารเลขยกกาํ ลงั ทม่ี ีฐานเดียวกนั และเลขชก้ี ําลังเปน จาํ นวนเตม็
221 แบบฝกหดั ที่ 1 เฉลย บทที่ 2 เศษสวนและทศนยิ ม 1. จงเติมเศษสวนลงใน 1) ใหถ กู ตอง 2) 2. จงเขยี นเสน จาํ นวนแลว หาจุดท่ีแทนจาํ นวนตอไปนี้ 1) 4 , 1 1 , 20 8 28 0 1 23 2)1 1 , 4 3 , 29 2 66 * 11 2 3. จงเขยี นจาํ นวนตอไปนใี้ หอยใู นรูปของทศนยิ ม 1. 6 = 0.6 2. 12 0.12 0.357 10 100 3. 357 4. 1 2 3 0.123 1000 10 100 1000
222 แบบฝกหดั ที่ 2 1. จงเปล่ยี นเศษสว นตอ ไปนใี้ หเปน ทศนิยม โดยการทาํ สวนใหเปน 10 , 100 ,1,000,....... 1) 9 = 225 = 2.25 2) 1 3 = 175 = 1.75 4 100 4 100 3) 39 = 97.5 = 0.975 4) 7 = 28 = 0.28 40 100 25 100 5) 1 = 125 = 0.125 6) 8 = 64 = 0.064 8 1000 125 1000 2. จงเปล่ยี นเศษสวนตอไปนใ้ี หเปน ทศนยิ ม โดยการหารเศษสว น 1) 9 = 0.81 2) 3 1 = 3.14 11 7 3) 7 = 0.4375 4) 5 = 1.25 16 4 5) 5 = 0.83 6) 8 3 = 8.6 6 5
223 แบบฝกหดั ที่ 3 เพื่อใหไ ดเ ศษสวนท่ีเทา กัน 1. ใหเตมิ ตัวเศษหรือตวั สวนของเศษสว นลงใน 2. ใหเ ตมิ เครือ่ งหมาย > , <หรอื = ลงใน ใหถกู ตอง
224 3. ใหนักศกึ ษาเตมิ เครอื่ งหมาย >, <หรอื = ระหวา งจาํ นวนสองจาํ นวน 1) -0.500 ..............0.501 2) 103.012 .........>............. – 0.501 3) 5.28 .................... 5.82 4) – 5.28 .........=................. -5.28 5) 8.354 ................. 8.534 6) -8.544 ........................... -8.534 7) -13.06 ................. 13.06 8) 103.012 .........>........... -103.012 9) -5.125 ..........=........ -5.1250 10) -7.10 ......................... -7.01 4. ใหน ักศกึ ษาเรยี งลําดบั จํานวนตอ ไปน้ีจากคานอ ยไปคามาก 1) -1.724, -1.738, 0.832, -2.000 - 2.000, - 1.738,-1.724,0.832 2) -30.710, -31.170, -31.107, 30.017 -30.710, -31.170,-31.107,30.017 3) 83.000, -38.000, -83.001, -138.500 -138.500, -83.001,-38.000,83.000 4) -34.50, -37.40, -41.54, -39.62, -42.50 -42.50, -41.54, -39.62, -37.40, -34.50 แบบฝก หัดท่ี 4 1. ใหห าผลลัพธตอ ไปน้ี 1.2 6 1 1.1 12 6 12 2 2 1.4 16 = 1 5 1.3 24 2 11 11 12 1.6 2 1 1.5 2 1 24 12 12 6
225 2. ใหเติมจาํ นวนลงใน แลวทําใหประโยคเปนจรงิ 2.1 6 2.2 6 8 6 2.3 12 2.4 5 8 3 2.5 7 แลวทําใหประโยคเปน จรงิ 8 3. ใหหาจาํ นวนมาเติมลงใน 3.1 3 3.2 9 6 14 3.3 1 3.4 15 = 2 3 2 1 6 6 62 3.5 7 = 1 3 3.6 14 44 24 3.7 35 =117 3.8 111 18 18 28 4. ใหหาผลลัพธต อไปนี้ 1. วธิ ีทํา = 3 14 20 2. วธิ ีทาํ = 7 5 4 7 9 3. วิธที าํ 7 35 35 10 9 9 10 9 = 3 34 3 5 34 15 34 = 7 1 7 35 7 5 35 35 35 10 = 49 = 17 35 10 = 114 35 = 12 5 = 3 8 7 5 2 4. วธิ ีทาํ = 46 7 7 5 8 8 5 5 11 3 33 = 24 35 2 = 46 7 11 7 40 40 5 11 3 11 33 = 59 2 = 46 77 7 11 33 33 40 5 = 59 2 8 = 46 70 40 5 8 11 33 = 59 16 = 46 3 70 11 3 33 40 40 = 75 1 35 = 138 70 = 208 = 610 40 40 33 33 33 33
226 แบบฝก หดั ท่ี 5 1. จงหาผลคูณตอ ไปน้ี 1) 2 1 11 35 วธิ ที ํา = 7 6 35 = 42 15 = 212 2 4 15 5 2) 11 5 59 วธิ ีทํา = 6 5 59 = 30 2 45 3 3) 5 2 11 11 9 วิธที ํา = 57 10 11 9 = 570 5 75 5 25 99 99 33 4) 16 2 7 3 10 วิธที ํา = 50 7 3 10 = 35 11 2 33 5) 5 2 2 1 2 16 3 5 วธิ ีทํา = 5 8 7 16 3 5 = 7 11 66 6) 6 2 3 1 346 วธิ ที าํ = 20 3 1 = 511 5 3 4 6 1 23 6
227 7) 15 24 35 49 25 18 วิธีทาํ = 15 24 35 49 25 18 =4 7 8) 24 10 11 10 25 27 25 22 วธิ ที าํ 24 10 11 10 25 27 25 22 = 8 211 5 9 5 1 = 16 225 แบบฝก หดั ท่ี 6 1. จงหาผลลัพธตอไปน้ี 1.1 วธิ ที ํา = 4 8 55 = 32 1 7 25 25 1.2 วิธที าํ = 10 2 11 5 =4 11 1.3 วธิ ที ํา = 9 12 24 6 =3 4 1.4 วิธที ํา = 15 24 16 5 = 9 41 22 1.5 วิธที าํ = 99 25 100 11 = 9 21 44 1.6 วธิ ีทํา = 3 1 23 =1 2
228 2. จงทาํ ใหเ ปนผลสาํ เรจ็ 9 21 31 2.1 วธิ ที ํา = 17 5 9 = 9 189 155 9 34 17 45 45 17 45 = 2 2.2 วิธที ํา = 5 3 2 3 2 = 6 6 6 6 = 5 1 56 2.3 วธิ ีทาํ = 66 6 = = 5 2.4 วธิ ีทาํ = = 11 7 12 3 6 11 14 3 42 3 24 7 10 753 16 แบบฝก หัดที่ 7 1. ใหหาคําตอบของโจทยปญ หาตอไปนี้ 1) ตองมเี งิน 320 บาท ซ้อื รองเทา 2 ของเงนิ ทงั้ หมด ซอ้ื เสือ้ 5 ของเงนิ ทีเ่ หลอื จงหาวา 5 16 ตองเหลอื เงนิ เทาไร วธิ ีทาํ ตองมีเงนิ 320 บาท ซือ้ รองเทา 2 ของเงนิ ทงั้ หมด คดิ เปน 2 320 128 55 เหลอื เงนิ จากการซือ้ รองเทา 320 – 128 = 192 บาท ซอ้ื เส้อื 5 ของเงนิ ทเ่ี หลอื คดิ เปน 5 192 60 บาท 16 บาท 16 192 – 60 = 132 เหลอื เงนิ จากการซื้อเสือ้ ตอบ ตองเหลือเงนิ 132 บาท
229 2) หอ งประชุมหอ งหนึ่งมคี วามยาวเปน 3 3 ของความกวา ง และความกวา งเปน 4 2 ของ 45 ความสูงถาหอ งสูง 3 1 เมตร และมนี ักเรียน 462 คน จงหาวา โดยเฉลี่ยนกั เรยี นคนหน่งึ 2 มีอากาศหายใจก่ีลกู บาศกเมตร วธิ ีทํา หองประชุมมีความกวา ง 4 2 ของความสงู = 22 7 77 เมตร 5 52 5 มีความยาวเปน 3 3 ของความกวา ง = 15 77 231 เมตร 4 45 4 ดังนน้ั หองประชมุ มปี ริมาตร = 7 77 231 124,509 ลูกบาศกเมตร 25 4 40 ในหองประชมุ มีนกั เรียน 462 คน โดยเฉลย่ี นกั เรยี นคนหนงึ่ มอี ากาศหายใจ = 124,509 462 40 = 124,509 1 40 462 = 6.7375 ลกู บาศกเมตร ตอบ โดยเฉล่ียนกั เรียนคนหนึง่ มอี ากาศหายใจ 6.7375 ลกู บาศกเมตร 3) จางคนปลกู หญาบนสนามรปู ส่ีเหลีย่ มผนื ผา กวา ง 6 4 เมตร ยาว 10 1 เมตร ในราคาตารางเมตรละ 52 45 บาท จะตอ งจายเงนิ ท้ังหมดเทาไร วธิ ีทาํ สนามรูปสีเ่ หลย่ี มผืนผากวาง 6 4 เมตร = 34 เมตร 5 5 ยาว 10 1 เมตร = 21 เมตร 2 2 พน้ื ทีส่ นาม = 34 21 357 ตารางเมตร 52 5 จา ยคาจางคนปลูกหญา ตารางเมตรละ 45 บาท ตอ งจายเงิน = 45 357 3,375 บาท ตอบ จายคา จางปลกู หญาบนสนามเทา กับ 3,213 บาท 5
230 4) โทรทัศนเครอื่ งหนง่ึ ประกาศลดราคาลง 1 ของราคาทป่ี ด ไวเดมิ แตผูซอ้ื เปนเพ่อื นกบั ผขู ายลดใหอ กี 4 1 ของราคาทปี่ ระกาศลดแลว ในคร้ังแรก ซึ่งปรากฏวาผูซ ื้อจายไป 4,200 บาท จงหาวาโทรทัศนเ คร่ืองน้ี 5 ปดราคาเดมิ ไวเทา ไร วิธีทํา โทรทศั นเ ครื่องหน่งึ ลดราคาลง 1 ของราคาทีป่ ด ไว 4 ถาลดราคา 1 บาท ราคาท่ีลดแลว เหลอื 1 1 3 บาท 44 4 ขายใหเ พอ่ื นลดใหอ กี 1 ของราคาทปี่ ระกาศลด 13 3 5 4 20 5 ขายไปจริงราคา 3 3 15 3 12 3 บาท 4 20 20 20 5 เศษสว น 3 คดิ เปน เงิน 4,200 บาท 5 ดงั นนั้ ราคาเดมิ ขายไว = 4,200 5 7,000 บาท 3 ตอบ เดิมติดราคาไว 7,000 บาท 5) ในการเดนิ ทางครั้งหน่งึ เสียคาท่ีพกั 2 ของคาใชจ ายทัง้ หมด คา เดินทาง 1 ของคาใชจายท้งั หมด 54 คาใชจ ายอืน่ ๆ คดิ เปน เงิน 1,470 บาท จงหาวา คาใชจ ายทง้ั หมดเปน เงนิ เทา ไร วธิ ที าํ คา ใชจา ยท้งั หมดเปน เงนิ 1 บาท เสียคาทพี่ ัก 2 ของคาใชจ า ยทงั้ หมดเปน เงนิ = 2 บาท 5 5 เสียคา เดนิ ทาง 1 ของคา ใชจายทง้ั หมดเปน เงิน = 1 บาท 4 4 รวมคา ทพ่ี กั และคา เดนิ ทาง = 2 1 13 บาท เปนคาใชจ า ยอ่ืนๆ 5 4 20 ดงั น้ัน 7 คิดเปน เงนิ 1,470 บาท = 1 13 7 บาท 20 20 20 ดังนัน้ คา ใชจายท้ังหมด = 1,470 x 20 4,200บาท ตอบ คา ใชจ ายทงั้ หมด 4,200 บาท 7
แบบฝกหัดที่ 8 231 1. จงเตมิ ผลลพั ธตอไปน้ี 1.2 -0.2 1.1 0.99 1.4 0.1 1.3 -0.1 1.6 -12.5 1.5 -16.7 1.8 -15.15 1.7 50.09 1.10 3.306 1.9 10.1 1.12 -16.57 1.11 -9.1 1.14 -50.1 1.13 -36.7 1.16 2.7843 1.15 8.4782 1.18 -63.938 1.17 -57.03 1.20 3.327 1.19 -3.237 1.2 -0.1176 แบบฝกหดั ที่ 9 1.4 -32.6808 1. จงหาคาของ 1.1 -28.92 1.3 6.6742 2. จงหาคาของ 2.1 -1,240 2.2 -10.1802 2.3 -12.596 2.4 24.5746 2.5 -3.33
232 แบบฝกหดั ที่ 10 ใหนกั ศกึ ษาแกปญหาโจทยตอไปน้ี 1. เชอื กยาว 17.25 เมตร นําอกี เสนหนง่ึ ยาว 5.2 เมตร มาผูกตอ กนั ทาํ ใหเสียเชือกตรงรอยตอ 0.15 เมตร นําเชือกท่ีตอ แลวมาวางเปนรปู สเ่ี หล่ยี มผนื ผา ใหดา นกวา งยาวดา นละ 1.5 เมตร ดานยาวจะยาวดานละก่ี เมตร วธิ ที ํา เชือกทีเ่ หลอื จากการนํามาตอกนั คดิ เปน (17.25 + 5.2) – 0.15 = 22.3 เมตร นํามาวางใหเปนรูปสเี่ หลยี่ มผนื ผาใหดา นกวา งยาว 1.5 เมตร ดานกวางทงั้ 2 ดานจะใชเชือกไป 1.5 x 2 = 3 เมตร เหลอื เชือกเปน ดา นยาว 22.3 – 3 = 19.3 แตด านยาว มี 2 ดา น ดังนนั้ ดา นยาว ดา นละ 19.3 ÷ 2 = 9.65 เมตร ตอบ ดานยาวจะยาวดา นละ 9.65 เมตร 2. นาํ้ ตาลถุงหน่งึ หนกั 9.35 กโิ ลกรัม จํานวน 16 ถงุ ใชท ําขนมเฉล่ยี แลววนั ละ 4.4 กโิ ลกรมั จะใช นํ้าตาลไดทง้ั หมดกีว่ ัน วธิ ีทํา น้ําตาลถุงหนง่ึ หนัก 9.35 กิโลกรมั จาํ นวน 16 ถงุ = 9.35 x 16 = 149.6 กิโลกรัม ใช ทาํ ขนมเฉล่ยี แลววนั ละ 4.4 กิโลกรมั จะใชน าํ้ ตาลได = 149.6 34 วนั 4.4 ตอบ จะใชน ้ําตาลไดทั้งหมด 34 วัน 3. หอ งรปู ส่เี หลีย่ มผนื ผา กวา ง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร นํากระเบอ้ื งรูปสี่เหลี่ยมจตั รุ สั ขนาด 32 ตาราง เซนติเมตร มาปูหอ งจะตองใชก ระเบือ้ งก่ีแผน วิธีทาํ พื้นท่ีหอ งสเี่ หลีย่ มผนื ผา กวาง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร = 480 x 960 = 460,800 ตร.ซม. พน้ื ทกี่ ระเบ้อื งรูปสเ่ี หล่ียมจัตรุ ัสขนาด = 32 ตร.ซม. ถาปูหองจะตองใชกระเบ้อื ง = 460,80014,400 แผน ตอบ จะตอ งใชก ระเบ้อื ง 14,400 แผน 32
233 4. มที องคาํ แทงหนงึ่ หนัก 12.04 กรัม ซื้อเพ่มิ อกี 25.22 กรมั แบงขายไปสองครง้ั หนักคร้งั ละ 8.02 กรมั ท่เี หลอื นําไปทาํ แหวน 5 วง หนกั วงละ 3.45 กรัมเทาๆ กัน จะเหลือทองอีกก่กี รมั วธิ ที าํ ทองคําแทง หนึง่ หนกั 12.04 กรัม ซอ้ื เพิ่มอีก 25.22 กรัม = 12.04 + 25.22 = 37.26 กรัม แบง ขายไปสองคร้ัง หนักครงั้ ละ 8.02 กรัม = 8.02 x 2 = 16.04 กรัม เหลือทอง = 37.26 – 16.04 = 21.22 กรัม นาํ ไปทาํ แหวน 5 วง หนกั วงละ 3.45 กรมั เทา ๆ กนั = 5 x 3.45 = 17.25 กรัม ทองทีเ่ หลอื จากการ ทาํ แหวนจะได = 21.22 – 17.25 = 3.97 กรัม ตอบ จะเหลอื ทองอีก 3.97 กรมั
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: