การดำเนินชีวิตประจำวัน มีกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นเกิดขึ้นในร่างกาย ภายหลังเสร็จส้ิน แต่ละกระบวนการจะมีของเสียเกิดขึ้น ทั้งในส่วนที่ร่างกายไม่ต้องการและส่วนที่ร่างกายต้องการอยู่ บ้าง แตม่ ปี รมิ าณมากเกนิ จนต้องขับออก ของเสยี ดงั กล่าวมที ้ังทอ่ี ยู่ในรปู ของ ของแขง็ ของเหลว และ ก๊าซ ร่างกายจะมีวิธีในการขับถ่ายของเสยี แต่ละประเภทแตกต่างกัน โดยมีการขับถ่ายของเสียที่เป็น ของแข็ง ทางลำไส้ใหญ่ผ่านอุจจาระ การขับถ่ายของเสียที่เป็นน้ำ ทางไตผ่านปัสสาวะและทางผิวหนงั ผ่านเหงือ่ การขับถา่ ยของเสียทเี่ ป็นกา๊ ซ ออกทางปอด ผา่ นลมหายใจออก อวยั วะท่เี ก่ยี วขอ้ ง การขับถา่ ยของเสยี ทเ่ี ป็นนำ้ มีอวัยวะหลกั ๆ ทส่ี ำคญั คือ ไตและผวิ หนัง ไต (Kidney) อวยั วะรูปร่างคล้ายเมลด็ ถ่วั เขียว มีขนาดใหญ่ อยู่ดา้ นซ้ายและขวาของกระดูกสัน หลังภายในไต จะมีท่อเล็ก ๆ ที่มีผนังบาง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อระบบหมุนเวียนเลือด พาเลือดมา หมุนเวียนผ่านไต ผนังดังกล่าวจะทำหน้าที่กรองของเสีย เช่น ยูเรีย แอมโมเนีย เกลือแร่และน้ำ ออก จากเลือด ทำให้เลือดที่มีของเสียกลายเป็นเลือดดีและไหลกลับเข้าสู่หัวใจ โดยน้ำและของเสียที่ไต กรองได้ จะไหลลงสู่ท่อไต เก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะและรอการขับออกจากร่างกายผ่านทางการ ขับถ่ายปัสสาวะ โดยปัสสาวะปกติ จะมีสีเหลือง ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน มีกลุ่นฉุนเล็กน้อย ประกอบด้วย น้ำประมาณ 95% และของแข็ง 5% ซึ่งเป็นทั้งสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ ได้แก่ ยูเรีย แอมโมเนีย น้ำตาล โซเดยี ม คลอไรด์ แคลเซีย่ ม และแมกนเี ซีย่ ม รวมท้งั กรดไขมันและฮอร์โมนบางชนดิ ดว้ ย ปกติ มีค่าเป็นกรด โดยมี pH ต่ำกว่า 7.4 แต่สามารถเปลี่ยนตามอาหารที่รับประทานและสภาวะสุขภาพ ของรา่ งกาย
ผวิ หนงั (Skin) ท่ผี วิ หนงั มีตอ่ มเหงอื่ (Sweat gland) ภายในต่อมเหงอ่ื จะมที อ่ ขดและมหี ลอด เลือดฝอยลำเลียงเลือดที่มีของเสียมายังต่อมเหงื่อ โดยของเสียจะแพร่ออกจากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่ ท่อในต่อมเหงื่อ กลายเป็นเหงื่อ (Sweat) โดยเหงื่อจะประกอบด้วยน้ำร้อยละ 99 และสารอื่น ๆ อีก ร้อยละ 1 ได้แก่ เกลือโซเดียมคลอไรด์ ยูเรีย แอมโมเนีย และสารอื่น ๆ เหงื่อจะถูกลำเลียงไปตามทอ่ ออกส่ภู ายนอกร่างกายผ่านรูเหง่ือท้ังนีใ้ นบางพน้ื ที่ของผิวหนัง อาทิ รกั แร้ รอบหัวนม รอบสะดือ จะมี ตอ่ มเหงอื่ ชนดิ ที่ไมม่ ีรเู ปดิ ออกสู่ภายนอกโดยตรง โดยสารท่ขี บั ออกจากตอ่ มชนดิ น้ีจะทำให้ร่างกายเกิด กลน่ิ ตวั การขบั ถ่ายของเสียทเ่ี ป็นของแขง็ มีอวัยวะหลัก คอื ลำไสใ้ หญ่ ลำไส้ใหญ่ (Large intestine) ภายหลังจากอาหารท่ีรับประทาน ผ่านระบบย่อยอาหารเป็น ที่เรียบร้อยกากอาหารจะเหลืออยู่ที่ลำไส้ใหญ่ ที่ซึ่งสารอาหารที่มีประโยชน์ อาทิ น้ำ แร่ธาตุ วิตามิน และกลโู คส จะถกู ดูดซึมกลบั เข้าสู่รา่ งกายอกี คร้งั ทำใหก้ ากอาหารมลี ักษณะเหนียว ข้นจนเปน็ ก้อนก่ึง แข็ง หลังจากนัน้ กากอาหารจะถูกบบี ใหเ้ คล่ือนที่ไปอยู่ในส่วนของไส้ตรง ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของลำไส้ ใหญ่ และขับถ่ายสภู่ ายนอกร่างกายทางทวารหนัก กลายเปน็ อุจจาระอุจจาระ (Stools) ประกอบด้วย น้ำ 75% และของแข็ง 25% ได้แก่ กากอาหาร แบคทีเรีย ไขมัน เกลือ โปรตีน และอื่น ๆ โดยมีลักษณะ สีและกลิ่นแตกต่างกันไปตามสว่ นประกอบของอุจจาระนั้นๆ ดังนั้นลักษณะของก้อนอุจาระ อาจบอก สภาวะของร่างกายในเบื้องต้นได้ เช่น อุจจาระแข็ง เม็ดกลมเล็ก ร่างกายอาจขาดน้ำ ขาดใยอาหาร หรอื อจุ จาระอยู่ในลำไส้ใหญ่นานเกิน อจุ จาระมีเลือดปน อาจมเี ลือดออกทล่ี ำไส้ใหญ่ เป็นริดสดี วงเปน็ ต้น
การขับถา่ ยของเสยี ท่ีเป็นกา๊ ซ มอี วยั วะหลกั คอื ปอด (Lung) ปอด (Lung) นอกเหนือจากการหายใจเข้า ซึ่งเป็นการนำออกซิเจนจากอากาศภายนอกมาสู่ ปอด โดยออกซิเจนจะแพร่จากถุงลมปอดเข้าหลอดเลือดฝอยปอด ไหลกลับเข้าสู่หัวใจเพื่อส่งไปเลี้ยง เซลล์ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายในทางกลับกัน ของเสียที่เกิดขึ้นภายหลังกระบวนการเผาผลาญ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์จะแพร่ออกจากเซลล์ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ เข้าสู่หลอดเลือดฝอย โดยผ่าน ขั้นตอนทางเคมีในระหว่างการเดินทางและกลับเข้าสู่หัวใจ และผ่านมาที่หลอดเลือดฝอยปอด ที่ซึ่ง คาร์บอนไดออกไซด์จะแพร่ผ่านผนังของหลอดเลือดฝอยปอดเข้าสู่ถุงลมปอด แล้วลำเลียงไปตาม หลอดลม เพื่อกำจดั ออกนอกรา่ งกายทางจมูก ผา่ นการหายใจออก โรคระบบขบั ถ่ายทพ่ี บบ่อย โรคลำไส้อักเสบ เป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร โดยอาการที่ แสดงออกจะแตกต่างกัน ขนึ้ อยกู่ ับว่าการอักเสบอย่ทู ส่ี ว่ นใด รวมถึงเกดิ จากสาเหตุใด เชอ้ื โรคประเภท ใด รวมถงึ การเป็นโรคลำไส้อกั เสบ ชนดิ เฉยี บพลันหรือชนิดเรอ้ื รัง
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงอยู่ติดกับปากช่องคลอด สั้นกว่าท่อปัสสาวะของผู้ชาย และอยู่ใกล้ ทวารหนัก ซึ่งมีเชื้อแบคทีเรียจำนวนมาก จึงมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าอาการที่พบบ่อยได้แก่ ปัสสาวะ บ่อย ถ่ายปัสสาวะไม่สุด ปวดแสบ ขัดขณะปัสสาวะ รวมถึงปัสสาวะขุ่น บางครั้งมีเลือดปนหรือมีกล่ิน ผดิ ปกติ โรคริดสีดวงทวารหนัก โรคนี้จะทำให้หลอดเลือดบริเวณลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีอาการ บวมและโป่งพอง รวมท้ังมีบางส่วนยื่นออกมาจากทวารหนัก เกดิ ขึน้ ไดจ้ ากหลายสาเหตุด้วยกัน โรคนี้ สามารถรกั ษาให้หายได้ จงึ ควรไปพบแพทย์ ตั้งแต่เร่ิมมีอาการ
โรคไตวาย เป็นโรคท่ีเกดิ จากไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือด ทำให้ มีของเสียตกค้างในร่างกาย รวมถึงการเสียสมดุลของระดับน้ำ และแร่ธาตุในร่างกาย โรคไตวายมีทั้ง แบบที่เป็นไตวายเฉียบพลัน และไตวายเรื้อรัง สาเหตุมีหลายประการ โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การมคี วามดันโลหติ สงู และการเปน็ โรคเบาหวาน กรวยไตอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดการติดเชื้อบริเวณกรวยไต จนมีการอักเสบ ผู้ป่วยมักจะมี อาการแบบเฉียบพลัน ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย เจ็บแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะ ข่นุ อาจมเี ลอื ดปน มีกลนิ่ เหมน็ เป็นต้น มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์ในลำไส้ใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลง จากเซลล์ปกติ กลายเป็นเซลล์มะเร็งโดยมีการเพม่ิ จำนวนจนร่างกายควบคมุ ไมไ่ ด้ ในระยะแรกๆ อาจเปน็ เพยี งแค่เน้ือ งอกธรรมดา อาจไม่พบอาการ หรือมีอาการแตป่ ลอ่ ยทิ้งไว้ โดยเน้อื งอกนั้นเวลาผ่านไป อาจกลายเป็น มะเร็งได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: