2105-2006 วงจรพลั สแ์ ละสวิตชิง
สญั ญาณไฟฟา (Electrical Signal) ทีน่ าํ มาใชง านมดี ว ยกนั หลายชนิดหลายรปู แบบ ถกู กาํ เนิดขนึ้ มาจากแหลง กําเนดิ สญั ญาณทแ่ี ตกตา งกนั ไปสัญญาณไฟฟาเหลา นี้มบี ทบาทสาํ คญั ตอ การนําไปใชควบคมุ การทาํ งาน ในหลายดา น หลายหนา ท่ี การวิเคราะหร ปู คลนื่ สญั ญาณไฟฟา จงึ เปนสงิ่ สําคญั และจาํ เปนเพื่อใหเ กดิ ความรคู วามเขา ใจ และสามารถเลอื กใชง านสญั ญาณไฟฟาไดอ ยา งถูกตอ งเหมาะสม รวมถงึ ชวยในการวเิ คราะหร ะบบการทาํ งาน และการควบคมุ การทํางาน ใหม ีความถกู ตอ งแมน ยาํ
การวิเคราะหร ปู คลนื่ สญั ญาณไฟฟา ทาํ ไดห ลายวิธีดว ยกนั เชน ใชห ลกั การวเิ คราะหค า ดว ยคณติ ศาสตร ใชการวิเคราะหด ว ยวิธฟี ูรเิ ออร (Fourier Analysis)อีกวธิ หี นง่ึ ใชว ธิ สี งั เกตจากการเปลยี่ นแปลงของแรงดนั และกระแสอยา งตอเนอื่ งในแตล ะสว น ทาํ ใหท ราบลกั ษณะและรปู รา งของสญั ญาณไฟฟา ชนดิ ตา งๆ วามีรูปรา งที่แตกตา งกนั ไป สญั ญาณไฟฟา เหลา นมี้ กั จะถกู เรยี กวา รปู คลน่ื (Wave)
รปู คลน่ื สญั ญาณไฟฟา แตละชนดิ มรี ปู รา งทแ่ี ตกตา งกนั สามารถวดั รปู รา งสัญญาณไฟฟาออกมาไดด ว ยเครอื่ งมือวดั ท่ีเรยี กวา ออสซลิ โลสโคป (Oscilloscope)
รูปคล่นื สัญญาณไฟฟา ทกุ ชนดิ ทว่ี ดั ออกมาไดจ ะแสดงคา ออกมาใหเ ห็นเปน 2ลักษณะเทา นนั้ คือ 1. รปู คล่ืนแบบทศิ ทางเดยี ว เปนรปู คลนื่ ทแ่ี สดงคาออกมาอยา งสมา่ํ เสมอ เปน คาบวก (+) อยา งเดยี ว หรอื เปน คา ลบ (–) อยางเดยี ว โดยรปู คล่นื ทแ่ี สดงคาออกมาไมครอ มผา นแกนแรงดนั ทตี่ าํ แหนง ศนู ย (0) รูปคล่ืนพน้ื ฐานแบบทศิ ทางเดยี ว 2. รูปคล่นื แบบสองทศิ ทาง หรอื เรยี กวา รูปคล่ืนสลบั รูปคล่นื ทแ่ี สดงออกมามีการเปลยี่ นแปลงไปทางดา นบวก (+) และเปล่ียนกลบั ไปทางดา นลบ (–) ผา นแกนแรงดันทต่ี าํ แหนง ศนู ย (0) สลบั ไปสลบั มา รปู คลนื่ แบบสองทศิ ทาง เชน คล่นื ไซน
1) รูปคลื่นไซน เปน คลื่นพน้ื ฐานทกี่ าํ เนดิ ขนึ้ ไดท วั่ ไป จากแหลง กาํ เนดิ สญั ญาณหลายชนดิ ทง้ัเกิดขนึ้ เองตามธรรมชาติ จากการผลติ ขนึ้ มาดว ยอปุ กรณ เครอ่ื งกาํ เนดิ สัญญาณ หรือจากการทาํ งานของเครอื่ งมอื เคร่อื งจกั รตา งๆ รวมถึงสญั ญาณเสยี งจากแหลง กาํ เนดิ เสียงลักษณะคลนื่ ไซน ระดบั ความแรงคลน่ื (E) จะเกดิ ขน้ึ เปลีย่ นแปลงไปสัมพนั ธกบั เวลา (t)คุณสมบัตพิ ิเศษอยา งหน่ึงของคลื่นไซน ทค่ี ลน่ื ชนดิ อน่ื ไมม ี คอื เมอื่ ปอ นคลื่นไซนเ ขาวงจรทปี่ ระกอบดว ยตวั ตา นทาน (R) ตัวเกบ็ ประจุ (C) และตัวเหนย่ี วนาํ (L) ตอ รวมกนัลกั ษณะรปู รา งของคลนื่ ไซนไ มเ ปลีย่ นแปลงไป ยงั มรี ปู รา งเปนคลนื่ ไซนต ามเดมิ
2) รปู คลืน่ สเ่ี หลย่ี ม เปนคลนื่ ทน่ี ยิ มนาํ ไปใชง านกบั การทาํ งานทางดา นดจิ ติ อล คลืน่ ชนิดนส้ี ามารถใหกาํ เนดิ ขนึ้ จากการนาํ คลนื่ ขนั้ บนั ไดขาขนึ้ กบั คลน่ื ขน้ั บนั ไดขาลงมาตอ รว มกนั คล่ืนสีเ่ หลยี่ มทกี่ าํ เนดิ ขน้ึ มาแบง ได 2 รูปแบบ คือ แบบแรกคล่นื สเ่ี หลีย่ มจตั รุ สั เปน คลน่ื ทมี่ ีชว งเกดิ คล่นื (t1) และชว งชอ งวา งคลนื่ (t2) มีเวลาเทา กนั แบบทส่ี องคลน่ื พลั ส เปนคลนื่ ท่มี ชี ว งเกดิ คล่ืน (t1) และชวงชอ งวา งคลนื่ (t2) มเี วลาไมเ ทา กนั
3) รูปคลน่ื สามเหลยี่ ม เปนคลนื่ ทถ่ี กู ผลติ ขน้ึ มาใชง านอกี ชนดิ หนงึ่ คล่ืนชนดิ นสี้ ามารถใหกาํ เนดิ ขน้ึ จากการนาํ คลนื่ เอยี งขาขน้ึ กับคลืน่ เอยี งขาลงมาตอ รว มกนั คลืน่ สามเหลีย่ มทก่ี าํ เนดิ ขน้ึ มาแบงได 2 รปู แบบ คอื แบบแรกคลนื่ สามเหลย่ี มทว่ั ไป เปน คล่ืนทม่ี ชี ว งเกดิ คลนื่ ขาขนึ้(t1) และชว งเกดิ คลื่นขาลง (t2) มเี วลาเทา กนั แบบทส่ี องคลนื่ ฟน เลือ่ ย เปน คลื่นทมี่ ชี ว งเกดิ คล่นื ขาขน้ึ (t1) และชว งเกดิ คลืน่ ขาลง (t2) มีเวลาไมเ ทา กนั
4) รปู คลนื่ อนิ ทเิ กรต เปนคลนื่ ทม่ี รี ปู รา งลกั ษณะแตกตา งออกไป รปู คลนื่ กาํ เนดิ ขนึ้ มาไดจ ากการนาํ คลืน่เอกซโ พเนนเชยี ลลาดขน้ึ และเอกซโ พเนนเชยี ลลาดลงมาตอ รว มกนั คล่นื อนิ ทเิ กรตเกิดขนึ้ จากการเปล่ียนแปลงรปู รางไปของคลืน่ สี่เหล่ียม ดวยการปอ นคลืน่ ส่ีเหลีย่ มผา นตัวเกบ็ ประจุ (C) ในขณะทต่ี วั เกบ็ ประจทุ าํ การประจแุ รงดนั เกบ็ ไว จะเกดิ คล่ืนเอกซโพเนนเชยี ลลาดขน้ึ ปรากฏทตี่ วั เกบ็ ประจุ และขณะทต่ี วั เกบ็ ประจทุ าํ การคายประจุแรงดันออกมา จะเกดิ คลืน่ เอกซโ พเนนเชยี ลลาดลงปรากฏทต่ี วั เกบ็ ประจุ วดั คลืน่ ทงั้ สองออกมากค็ อื คล่ืนอนิ ทเิ กรตนน่ั เอง
5) รูปคลน่ื ดฟิ เฟอเรนชเิ อต เปน คลื่นทม่ี รี ปู รา งลกั ษณะแตกตา งออกไปอกี แบบหน่งึ เกดิ ขน้ึ มคี วามสัมพนั ธก บัคลื่นอนิ ทเิ กรต รูปคล่ืนกาํ เนดิ ขนึ้ มาไดจ ากการเปล่ียนแปลงรปู รา งไปของคลนื่ สีเ่ หลย่ี มดวยการปอ นคลน่ื สีเ่ หลย่ี มผา นเขา ในวงจรทปี่ ระกอบดว ยตวั ตา นทาน (R) ตอ รว มกบั ตวัเก็บประจุ (C) ทาํ การวดั สัญญาณตกครอ มตวั ตา นทาน
E(V) ขอบขาขน�ึ ขอบขาลง Ep \"1\"2 ชอ่ งว่างพัลส์ \"0\" ความกว้าง 10 11 12 13 Eav(µts)1 พัลส์0 1 23 4 5 67 8 9 td ts prt รูปคลนื่ พลั สเ ปน รูปคลื่นทนี่ าํ ไปใชง านทางดา นดจิ ติ อล คอมพิวเตอร และระบบควบคุมการทาํ งานทางดา นไฟฟาและอเิ ล็กทรอนกิ ส อยางกวา งขวางทวั่ ไป
1. ขอบขาขนึ้ (Leading Edge) หรือขอบหนา เปนขอบของพลั สชว งแรกที่ปรากฏใหเหน็ สัญญาณเปลย่ี นแปลงจากระดบั ตาํ่ ไปสูระดบั สงู เชน เปลี่ยนแปลงจาก 0V ไปเปน 2 V 2. ขอบขาลง (Trailing Edge) หรอื ขอบหลัง เปน ขอบของพลั สชว งทสี่ องที่ปรากฏใหเหน็ สญั ญาณเปล่ียนแปลงจากระดบั สงู ไปสรู ะดบั ตา่ํ เชน เปลย่ี นแปลงจาก 2V ไปเปน 0 V 3. ความกวา งพัลส (Pulse Width) เปนชว งเวลาทเี่ กดิ พลั ส พิจารณาจากขอบขาข้นึ พลั ส ถงึ ขอบขาลงพลั สใ นพลั สลกู น้ัน นิยมบอกคา ไวใ นรปู ของเวลาพัลส (PulseDuration ; td) เชน ขอบขาขนึ้ พลั สท ี่ 1µs ขอบขาลงพลั สท ี่ 4 µs ดังน้ันเวลาพลั ส td= 3 µs
4. ชอ งวางพลั ส (Pulse Space) เปนชว งเวลาทไ่ี มเ กดิ พลั ส พจิ ารณาจากขอบขาลงของพลั สล กู หนงึ่ ถงึ ขอบขาขนึ้ ของพลั สลกู ตอ ไป นิยมบอกคา ไวใ นรปู เวลาชอ งวางพัลส (Pulse Space Duration ; ts) 5. เวลาเกดิ พลั สซ า้ํ (Pulse Repetition Time) หรอื prt เปนชว งเวลาทน่ี ับจากจดุ เรมิ่ ตน ของการเกดิ พลั สล ูกแรก ไปจนถงึ จดุ เรมิ่ ตน ของการเกดิ พัลสล ูกตอ ไป ซึ่งบางครง้ั อาจเรยี กวาคาบเวลาพลั ส (Pulse Period) การคดิ ชว งเวลาพลั สใ นหน่ึงรอบคล่นื โดยหาคา prt ไดจากสมการ
6. อตั ราการเกดิ พลั สซ า้ํ (Pulse Repetition Rate) หรือ prr เปนจาํ นวนพลั สท ี่เกิดขนึ้ ในเวลา 1 วนิ าที หรอื อาจเรยี กวา ความถขี่ องการเกดิ พลั สซา้ํ (PulseRepetition Frequency) หรือ prf โดยหาคา prr ไดจ ากสมการ 7. แรงดนั สงู สดุ (Peak Voltage) หรือ Ep เปน ระดบั ของแรงดนั พลั สท เี่ กดิ ขนึ้อา นคา ออกมาถงึ คา สูงสดุ
8. แรงดนั เฉลยี่ (Average Voltage) หรือ Eav เปนระดบั แรงดันไฟตรงทใี่ ชโ วลตมิเตอรไฟตรงวดั คา แรงดนั พลั สทีเ่ กิดขน้ึ ออกมา อา นคา ออกมาไดเ ปน คา เฉลยี่ หรือใชว ธิ หี าคา โดยการนําคา พื้นที่เกดิ พลั ส (Pulse Area ; Ap) ตง้ั หารดว ยเวลาเกดิ พลั สซ ้ํา (prt) สามารถการหาคาEav ไดจากสมการดงั น้ี 9. ระดับแรงดนั พลั ส (Pulse Voltage Level) เปน ระดบั แสดงสภาวะการเกดิ พลั ส มีอยู 2ระดับ คือ ระดับหนง่ึ มีสญั ญาณพลั ส (High) หรือระดบั เอนาเบลิ (Enable) แสดงคา เปนตัวเลข “1” ถูกเรยี กวา สภาวะทํางาน อกี ระดบั หนงึ่ ไมมีสญั ญาณพลั ส (Low) หรอื ระดับดสิ เอเบลิ (Disable) แสดงคา เปน ตวั เลข “0” ถูกเรยี กวา สภาวะไมทาํ งาน
10. ดิวตไี ซเคลิ (Duty Cycle) เปนคา รอ ยละท่บี อกใหทราบถงึ อตั ราสวน ระหวา งสว นเกิดพลั สกบั สว นชอ งวา งพลั สมคี า เทาไร คา ดิวตไี ซเคลิ หาไดจ าก การนาํ คา แรงดนั เฉล่ยี (Eav)ต้ัง หารดว ยคา แรงดนั สูงสดุ (Ep) และคณู ดว ยรอ ย ไดค า ออกมาเปน รอ ยละ การหาคา ดวิ ตีไซเคิลทาํ ไดดงั นี้ หรอื คา ดวิ ตไี ซเคลิ ยงั สามารถหาคา ไดจ ากการนาํ คา เวลาพลั ส (td) ตง้ั หารดวยเวลาเกิดพลั สซ า้ํ (prt) และคูณดว ยรอ ย เขยี นสมการออกมาไดเ ปน
รูปคลน่ื พัลสท ี่ผลติ ขน้ึ มาใชง านจรงิ มีความแตกตา งจากรปู คลนื่ พลั สท างอุดมคติบา ง ท่ีรูปคลน่ื ไมเปน สี่เหลย่ี มมมุ ฉากจรงิ แตจ ะเกดิ ความลาดเอยี งของรปู คลื่นปนมาดว ย ทําใหการหาคาลกั ษณะสมบตั ขิ องรปู คลน่ื พัลสจ าํ เปน ตอ งมรี ะดบั ทเี่ หมาะสมในการหาคา ใหเ ปนมาตรฐานเดียวกนั นาํ ไปใชเ ปรยี บเทยี บคณุ สมบตั ิของรปู คลื่นพลั สท ี่แตกตา งกนั ได
การหาคา คณุ ลกั ษณะของรปู คลนื่ พลั สใ ชง านจรงิ จาํ เปน ตอ งกําหนดระดบั การวดั คา ที่มีมาตรฐานเดียวกนั มาตรฐานทใ่ี ชง านในการวดั ความกวา งพลั ส และวัดคา แรงดันพลั สกาํ หนดคา ตาํ แหนง วดั ไวท ร่ี ะดบั ความแรง 10 % และ 90 % ของรูปคลนื่ พลั สร ปู นนั้ คาตางๆทเ่ี กดิ ข้นึ กับรปู คลืน่ พลั สใ ชง านจรงิ มีดังน้ี 1. เวลาเคลื่อนขนึ้ (Rise Time) หรือ tr คิดระยะเวลาของสญั ญาณพลั สเ รมิ่ เคลอ่ื นขนึ้ตง้ั แตค า ระดบั แรงดนั ท่ี 10 % จนถงึ คา ระดับแรงดันท่ี 90 % ของคา แรงดนั พลั สส งู สุด บอกหนว ยออกมาเปน วนิ าที (s) 2. เวลาเคล่อื นลง (Fall Time) หรอื tf คดิ ระยะเวลาของสญั ญาณพลั สเ รม่ิ เคลอื่ นลงจากคา แรงดนั สูงสดุ ของรปู คลนื่ พลั ส คิดทค่ี าเรม่ิ ตน ที่ระดับแรงดนั 90 % จนถึงคา ระดบัแรงดนั ที่ 10 % บอกหนวยออกมาเปน วนิ าที (s)
3. เวลาพัลส (td) คิดระยะเวลาของสญั ญาณพลั สท ่รี ะดบั แรงดนั พลั สม ากกวา 90 % ขน้ึไปของคา แรงดนั พลั สส งู สุด บอกหนว ยออกมาเปน วนิ าที (s) 4. เวลาชอ งวา งพลั ส (ts) คิดระยะเวลาของสัญญาณพลั สชว งลดตาํ่ ลงที่ระดบั แรงดนั พลั สนอยกวา 10 % ลงไปของคา แรงดนั พลั สส งู สดุ บอกหนวยออกมาเปน วนิ าที (s) 5. เวลาเกดิ พลั สซ ํา้ (prt) คดิ ระยะเวลาของสญั ญาณพลั ส ต้ังแตเวลาเคลอ่ื นขนึ้ ของระดับแรงดันพลั สท ี่ 10 % ขน้ึ ไปของพลั สล กู หนงึ่ ไปถงึ เวลาเคลื่อนขึน้ ท่ีระดบั แรงดันพลั สท ี่ 10 %ข้ึนไปของพลั สล ูกตอ ไป บอกหนวยออกมาเปน วนิ าที (s)
เม่อื prt = เวลาเกดิ พลั สซ าํ้ หนวย s tr = เวลาเคลอื่ นขน้ึ หนว ย s td = เวลาพัลส หนว ย s tf = เวลาเคลอ่ื นลง หนว ย s ts = เวลาชองวา งพัลส หนว ย s T = เวลาหนง่ึ รอบคลน่ื หนวย s
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: