Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิตยสารพลาธิปัตย์ ปีที่ 63 ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน 2563

นิตยสารพลาธิปัตย์ ปีที่ 63 ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน 2563

Published by นิตยสารพลาธิปัตย์, 2021-10-18 16:39:00

Description: นิตยสารพลาธิปัตย์ ปีที่ 63 ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน 2563

Keywords: นิตยสารพลาธิปัตย์

Search

Read the Text Version

ข้นั ตอนการท�ำ ๔. ปรุงรสด้วยน�้ำมันหอย ซอสมะเขือเทศ ๑. ให้น�ำผักต่างๆ มาห่ันเริ่มจากหอมใหญ่, ซอสพริก น�้ำตาลทราย ซีอ๊ิวขาวและน�้ำสต๊อกแล้ว ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เขา้ กัน พริกหวาน, มะเขอื เทศ, แตงกวา, ตน้ หอมและสับปะรด โดยห่ันให้เป็นช้ินขนาดพอค�ำเท่ากัน จากน้ันพักไว้ ๕. ใส่มะเขือเทศและสับปะรดลงไป โดยเค่ียว น�ำกระเทยี มเอาสับพอละเอียด ใหเ้ นื้อมะเขอื เทศนม่ิ และสกุ จากนนั้ จงึ น�ำกงุ้ ลวก และ ตน้ หอม ใสล่ งแล้วผัดใหเ้ คลา้ กัน ๒. ต้ังกระทะแล้วใส่น้�ำมันพืชจนร้อน จากนั้น ใส่กระเทียมสับลงไปผัดพอให้หอม น�ำหอมใหญ่, ๖. เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปิดเตา พริกหวาน แตงกวา ใสล่ งผัดจนสุก แลว้ ตักเสิรฟ์ ใสจ่ านทานกับข้าวสวยร้อนๆ กนั ไดเ้ ลยคะ่ ๓. น�ำกุ้งสดท่ีเตรียมไว้ไปลวกในน้�ำร้อน แล้ว ค�ำแนะน�ำ : การท�ำผัดเปรี้ยวหวานให้อร่อย ตักพกั ไว้ เมนนู จ้ี ะตอ้ งใสใ่ จการปรงุ รสใหอ้ อกมาไดร้ สทเ่ี ปรยี้ วตาม ด้วยรสหวาน จึงจะได้รสชาติที่อร่อยสมช่ือเมนูอาหาร ผัดเปร้ียวหวานนนั่ เอง การท�ำเมนูอาหารผัดเปร้ียวหวานกุ้งจานน้ี รบั รองคะ่ ว่าเปน็ เมนทู ีท่ ุกคนในบา้ นจะต้องชื่นชอบกัน แน่นอน เพราะรสเปร้ียวหวานน้ันแสนอร่อยแตกต่าง จากเมนอู นื่ ๆ อยา่ งลงตวั มาก ทำ� บอ่ ยๆ บำ� รงุ ทงั้ สขุ ภาพ และชว่ ยดแู ลรปู รา่ งในตวั พรอ้ มกนั ดงั นน้ั พลาดเมนจู าน นก้ี นั ไม่ไดแ้ ล้วนะจะ๊ ทุกคน นิตยสารพลาธิปัตย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบบั ท่ี ๑ เดือนมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓ 99

“มอื ส่นั ” ไม่จ�ำเปน็ ต้องเปน็ โรคพารก์ ินสนั Chatcha ก ารรักษาขึ้นกับสาเหตุ ส�ำหรับในกรณี นวิ้ โปง้ ขยบั ไปมา นอกจากนนั้ อาการสนั่ ของโรคพารก์ นิ สนั จะสังเกตอาการได้แม้ในขณะอยู่ในท่าท่ีผ่อนคลาย มอื สนั่ ทไ่ี มม่ สี าเหตุ ผทู้ ม่ี อี าการไมร่ นุ แรง สาเหตขุ องมือสั่น อาจไม่จ�ำเป็นต้องได้รับการรักษา เพราะอาการมักจะ หายไปได้เอง ส่วนผู้ที่มีอาการรุนแรงและรบกวนการใช้ อาจเกิดจากโรคหรือภาวะตา่ ง ๆ ได้แก่ ชวี ติ ประจ�ำวนั ควรพบแพทย์เพอ่ื รับการรักษา • โรคสั่นไมท่ ราบสาเหตุ (Essential Tremor) อาการมือสั่น โรคทางระบบประสาททส่ี นั นษิ ฐานวา่ เกดิ จากการทำ� งาน ท่ีผดิ ปกตขิ องสมองสว่ นเซรเี บลลัม (Cerebellum) โดย อาการมือสั่นท่ีพบได้บ่อยท่ีสุด คือโรคส่ัน ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของความผิดปกติ ไม่ทราบสาเหตุ (Essential Tremor) เป็นโรคทางระบบ ดงั กลา่ ว ประสาทท่ีเกิดขึ้นกับวัยผู้ใหญ่จ�ำนวนมาก คาดว่าเป็น • โรคพาร์กนิ สัน (Parkinson's Disease) เป็น เพราะการทำ� งานทผี่ ดิ ปกตหิ รอื การหยดุ ทำ� งานของสมอง โรคที่ส่งผลกระทบต่อสมองส่วนท่ีส่ังงานการเคล่ือนไหว สว่ นซรี เี บลลมั (Cerebellum) โดยนกั วจิ ยั ยงั ไมส่ ามารถ ของอวัยวะในร่างกาย อาการสั่นอาจจะไม่ได้เกิดข้ึนกับ หาสาเหตุของการท�ำงานท่ีผิดปกติหรือการหยุดท�ำงาน ผู้ป่วยทุกราย แต่โดยส่วนใหญ่ในระยะเริ่มต้นของโรค ของสมองส่วนดงั กลา่ วได้ มอื เท้า หรอื น้ิวมอื มักจะมีอาการส่ัน • โรคปลอกประสาทเส่ือมแข็ง (Multiple อาการมือส่นั จากโรคดังกล่าว จะเรม่ิ ตน้ เป็นที่ Sclerosis) เป็นโรคท่ีส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง มอื โดยจะมีอาการส่นั เกิดขึน้ อยู่บอ่ ย ๆ ขยบั ข้นึ และลง ซงึ่ มคี วามเกย่ี วขอ้ งกบั การเคลอ่ื นไหวและความรสู้ กึ ของ โดยทไี่ มส่ ามารถบงั คบั ตนเองได้ และยงั เกดิ ขน้ึ กบั อวยั วะ ร่างกาย ท�ำให้เกิดอาการสั่นที่มือหรือเท้า และจะมี ส่วนอ่ืน ๆ ในร่างกายได้ เช่น แขน ศีรษะ เปลือกตา รมิ ฝปี าก หรอื กลา้ มเนอ้ื และรวมไปถงึ กลอ่ งเสยี ง ซงึ่ อาจ ทำ� ใหเ้ สยี งสน่ั นอกจากนน้ั อาการสนั่ จากโรคสน่ั ไมท่ ราบ สาเหตุ มักจะสังเกตได้อย่างชัดเจน เม่ือผู้ท่ีมีอาการ พยายามใช้มือจับหรือควบคุมสิ่งของบางอย่าง เช่น เขยี นหนังสอื เป็นต้น ส�ำหรับอาการส่ันที่พบได้บ่อยอีกโรค คือโรค พาร์กินสัน ซ่ึงจะเร่ิมต้นอาการส่ันท่ีแขนและขา โดย เฉพาะที่มือหรือนิ้วมือ ซึ่งอาจจะสังเกตเห็นนิ้วช้ีและ 100 นติ ยสารพลาธปิ ัตย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบบั ท่ี ๑ เดอื นมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓

อาการส่ันคล้าย ๆ กับโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ คือสั่นใน • ภาวะน�้ำตาลในเลือดต�่ำ (Hypoglycemia) ขณะทก่ี �ำลังเคลอ่ื นไหวมอื ภาวะน้ีจะไปกระตุ้นให้เกิดความเครยี ด ซง่ึ เปน็ การตอบ สนองตามธรรมชาติของร่างกาย และท�ำให้เกิดอาการ • โรคหลอดเลอื ดสมอง (Stroke) เปน็ โรคที่อาจ สน่ั ได้ ท�ำให้เกิดอาการสั่นพร้อมกับอาการอ่ืน ๆ แต่จะพบได้ นอ้ ยมาก • ความเครียด เปน็ สาเหตุทีท่ �ำใหเ้ กิดอาการสน่ั ได้ โดยอาจเป็นสาเหตุที่ท�ำให้เกิดอารมณ์โกรธที่รุนแรง • ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Dystonia) เปน็ โรค หิวจัด หรือภาวะขาดนอน โดยส่ิงเหล่านี้อาจท�ำให้เกิด ที่เก่ียวข้องกับการเคล่ือนไหวของร่างกาย ท่ีท�ำให้เกิด อาการมอื สนั่ หรอื ทเี่ รยี กวา่ การสนั่ ทางสรรี วทิ ยา (Phys- การกระตกุ ของกลา้ มเนอ้ื iologic Tremors) • ภาวะถอนพิษสุรา (Alcohol Withdrawal) • การขาดวติ ามนิ บี ๑๒ จะทำ� ใหร้ ะบบประสาท ผู้ท่ีไม่ได้มีการติดสุรามากอาจท�ำให้มีอาการมือสั่นเพียง ท�ำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ซ่ึงอาจเป็นสาเหตุที่ ไมก่ ่วี นั แต่ผ้ทู ตี่ ิดสุรา ดื่มมากหรอื ด่มื มากเปน็ ระยะเวลา ท�ำให้เกิดอาการสัน่ ได้เล็กน้อย นาน ก็อาจท�ำให้เกิดอาการส่ันได้นานเป็นปีหรือมาก กว่านัน้ • ยารักษาโรค สาเหตุที่พบบ่อย คือการใช้ยา รักษาโรคที่ไปปิดก้ันสารเคมีในสมองท่ีช่ือว่า โดพามีน • ภาวะต่อมไทรอยด์ท�ำงานเกิน (Hyperthy- (Dopamine) ซ่ึงเป็นสารสื่อประสาทท่ีส�ำคัญ โดยยา roidism) ต่อมไทรอยด์จะอยู่บริเวณคอเหนือกระดูก เหล่านี้จะนำ� มาใช้ระงับอารมณ์หรือความรู้สึก เม่ือหยุด ไหปลาร้า เมอื่ ต่อมไทรอยด์ท�ำงานเกิน ระบบตา่ ง ๆ ทง้ั ใช้ยาอาการสน่ั กจ็ ะหยุดลง ร่างกายก็จะท�ำงานเรว็ ขนึ้ เช่น อาจท�ำใหม้ ปี ญั หาในการ การวนิ ิจฉยั มือส่ัน นอนหลบั หัวใจเตน้ เรว็ กวา่ ปกติ และมอี าการมอื สน่ั การวินิจฉัยมือสั่นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ แพทย์จะ • ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neu- วินิจฉัยโดยสอบถามประวัติโรคประจ�ำตัว ประวัติของคน ropathy) เป็นผลมาจากระบบประสาทสว่ นปลายได้รับ ในครอบครวั และอาการทเี่ กดิ ขน้ึ รวมไปถงึ การตรวจรา่ งกาย ความเสียหาย ซงึ่ ท�ำใหเ้ กิดอาการสัน่ ได้ นอกจากนนั้ การวนิ จิ ฉยั มกั จะทำ� เพอ่ื คดั แยกโรคทท่ี ำ� ให้ เกดิ อาการ ซึง่ แพทย์อาจทดสอบด้วยวิธีตอ่ ไปนี้ • การตรวจระบบประสาทและการรบั ความรสู้ กึ แพทยจ์ ะตรวจสอบการทำ� งานของระบบประสาท ไดแ้ ก่ ตรวจรีเฟล็กซ์ของเส้นเอ็น ความแข็งแรงและก�ำลังของ กล้ามเน้ือ ความสามารถในการรู้สึก ท่าทางและการ ประสานงานของรา่ งกาย และทา่ เดิน • การทดสอบในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร แพทยอ์ าจตรวจ เลอื ดและปสั สาวะ เพอื่ ตรวจหาโรคหรอื ภาวะตา่ ง ๆ เชน่ โรคของตอ่ มไทรอยด์ ความผิดปกติของระบบเผาผลาญ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ระดับของแอลกอฮอล์ และ ระดับของสารเคมที อ่ี าจท�ำให้เกิดอาการสน่ั • ทดสอบสมรรถภาพ เพ่ือประเมินอาการสั่น โดยแพทยอ์ าจจะใหผ้ ู้ปว่ ยปฏิบตั ิกิจกรรมบางอยา่ ง เชน่ ด่มื นำ�้ จากแกว้ น�้ำ เขียนหนงั สือ วาดภาพเป็นวงก้นหอย หรือกางแขนออก แตห่ ากแพทยย์ งั ไมแ่ นใ่ จวา่ อาการสน่ั เกดิ ขนึ้ จาก สาเหตุใด ระหว่างโรคส่ันที่ไม่ทราบสาเหตุหรือโรค นิตยสารพลาธิปัตย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบบั ท่ี ๑ เดือนมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓ 101

พาร์กินสัน แพทย์อาจตรวจสอบการท�ำงานของสาร • การผา่ ตดั กระต้นุ สมองส่วนลกึ (Deep Brain ส่ือประสาทโดพามีน ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถ Stimulation) เป็นวิธีผ่าตัดฝังข้ัวไฟฟ้า (Electrode) แยกแยะความแตกต่างอาการสัน่ ของ ๒ ประเภทน้ไี ด้ เข้าไปในสมอง ซึ่งข้ัวไฟฟ้าจะส่งสัญญาณรบกวนการ การรักษามือสนั่ ทำ� งานในสมองทที่ ำ� ใหเ้ กิดอาการสั่น การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยแพทย์จะ • การผา่ ตดั สมองส่วนทาลามัส (Thalamoto- รักษาตามสาเหตุท่ีพบ แต่หากเกิดจากการส่ันไม่ทราบ my) เปน็ การผา่ ตดั สมองในบรเิ วณทาลามสั ทเ่ี ปน็ ตน้ เหตุ สาเหตุ (Essential Tremor) จะรกั ษาไดด้ ้วยวธิ ีดังนี้ รบกวนคลน่ื ไฟฟา้ ในสมอง ซงึ่ จะชว่ ยลดและหยดุ อาการ สั่นได้ • ยาเบตา้ บลอ็ กเกอร์ (Beta Blocker) โดยปกติ จะเปน็ ยาทใี่ ชร้ กั ษาโรคความดนั โลหติ สงู เชน่ ยาโพรพรา- ภาวะแทรกซอ้ นมอื สน่ั อาการสน่ั หรอื มอื สน่ั แม้ โนลอล (Propranolol) สามารถนำ� มาใชร้ กั ษาอาการสนั่ จะไม่ได้เป็นอันตรายแก่ชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปมักจะ กับผู้ป่วยบางราย แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยท่ีเป็นโรคหืด ท�ำให้มีอาการแย่ลง โดยอาจท�ำให้เกิดความล�ำบาก หรอื มปี ญั หาเกย่ี วกบั หวั ใจ อาจจะไมเ่ หมาะสมทจี่ ะใชย้ า ในการใช้ชวี ติ เช่น นี้ นอกจากนน้ั อาจทำ� ใหเ้ กดิ ผลขา้ งเคยี ง เชน่ ออ่ นเพลยี หวิว หรือมีปัญหาเก่ยี วกับหัวใจ • ท�ำให้ถือถว้ ยหรอื แก้วน้ำ� ไดล้ �ำบาก อาจท�ำให้ น�ำ้ หกเพราะมือสัน่ • ยาตา้ นชกั (Anti-Seizure Medication) เชน่ ยากาบาเพนติน (Gabapentin) และยาโทพิราเมท • รบั ประทานอาหารไมไ่ ดต้ ามปกติ จบั ชอ้ นสอ้ ม (Topiramate) เป็นยาท่ีใช้ส�ำหรับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อ ล�ำบาก การใชย้ าเบตา้ บลอ็ กเกอร์ อาจทำ� ใหเ้ กดิ อาการขา้ งเคยี ง คอื งว่ งซมึ หรอื คลนื่ ไส้ แตเ่ พยี งไมน่ านอาการเหลา่ นก้ี จ็ ะ • แตง่ หนา้ หรือโกนหนวดไมไ่ ด้ หายไป • บางรายท่ีกล่องเสียงหรือล้ินได้รับผลกระทบ จากอาการส่นั จะท�ำใหพ้ ดู ล�ำบากหรือเสียงส่ัน • ยาคลายเครียดหรอื ยาคลายกงั วล เช่น ยาอัล- • เขียนหนังสอื ล�ำบาก ปราโซแลม (Alprazolam) ถกู นำ� มาใชร้ กั ษาโรควติ กกงั วล การป้องกนั มือสน่ั และโรคแพนคิ แตม่ กี ารวจิ ยั วา่ ยานน้ี ำ� มารกั ษาอาการสน่ั แพทย์อาจแนะน�ำให้ผู้ป่วยเปล่ียนแปลง ได้ ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจท�ำให้ผู้ป่วยติด พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพ่ือช่วยให้ผู้ที่มีอาการมือสั่นใช้ ใชย้ าได้ ชวี ติ ประจ�ำวนั ไดอ้ ยา่ งสะดวกยิ่งขึน้ โดยปฏบิ ตั ิไดด้ งั น้ี • ใชอ้ ปุ กรณห์ รอื ของใชท้ ี่มนี ้�ำหนกั มากขน้ึ เชน่ • โบทอกซ์ (Botox) เปน็ ทย่ี อมรบั ในการน�ำมา แกว้ นำ้� เครอ่ื งเงนิ (ชอ้ นหรอื สอ้ ม) จานอาหาร ซง่ึ จะชว่ ย ใช้รักษาอาการสัน่ ทมี่ ือ หากฉดี แล้วเป็นผลดกี ็จะช่วยส่ง ให้ผู้ป่วยใช้ของใช้หรือจับถืออุปกรณ์ดังกล่าวได้สะดวก ผลในการรกั ษานาน ๓ เดอื น แตเ่ ปน็ ยาทอ่ี าจทำ� ใหก้ ลา้ ม ยง่ิ ข้ึน เนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงได้อย่างถาวร ดังน้ัน ควรปรึกษา • ใช้เครื่องใช้ภายในบ้านหรือเคร่ืองมือที่ แพทยถ์ งึ ความเสย่ี งและประโยชนจ์ ากการรกั ษาดว้ ยวธิ นี ี้ ออกแบบมาเป็นพิเศษ มที จี่ ับหรอื ควบคมุ ไดง้ ่าย เพราะ ผู้ท่ีมีอาการมือส่ัน หากต้องใช้เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ เช่น • กายภาพบำ� บดั โดยใหผ้ ปู้ ว่ ยออกกำ� ลงั กายเพอ่ื ปากกา ดนิ สอ เครอ่ื งมอื ทำ� สวน และอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นหอ้ ง พฒั นาความแขง็ แรงของกลา้ มเนอ้ื ความสามารถในการ ครัว จะหยิบใช้ได้ไมส่ ะดวก ควบคมุ ร่างกายและการประสานงานกนั ของรา่ งกาย • ใส่ที่ถ่วงน�้ำหนักแบบรัดข้อมือ เพราะจะ ช่วยเพ่ิมน�้ำหนักให้กับแขนและท�ำให้ควบคุมมือได้ง่าย • กิจกรรมบำ� บัด โดยใหผ้ ้ปู ว่ ยท่มี อี าการมอื ส่ัน ย่ิงข้ึน ฝกึ ใชอ้ ปุ กรณท์ ช่ี ว่ ยใหใ้ ชช้ วี ติ ประจำ� วนั ได้ เชน่ ถอื แกว้ นำ้� ทม่ี ีน�ำ้ หนักมาก ใส่สรอ้ ยขอ้ มอื ถ่วงน�ำ้ หนกั จับปากกาท่ี ขอ้ มลู จาก hppts://www.pobpad.com ขนาดกวา้ งหรอื มีนำ้� หนกั มาก • การผ่าตัด จะเป็นทางเลือกส�ำหรับผู้ป่วยท่ีมี อาการแยห่ รอื รนุ แรง 102 นติ ยสารพลาธิปัตย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบับท่ี ๑ เดอื นมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓

Bully BY : NY ปั จจุบนั เราไดย้ ินคำ� ว่า “Bully” บอ่ ยคร้งั หลกี หนยี ากยง่ิ กวา่ การกลน่ั แกลง้ กนั ตอ่ หนา้ เพราะ การบูลล่ีตอ่ หนา้ เมื่อหลบเลีย่ ง หรอื ไมไ่ ดอ้ ยู่ใน เนอ่ื งจากทกุ วนั นผ้ี คู้ นสอื่ สารกนั ผา่ นโลก สถานทหี่ รอื สถานการณท์ เ่ี จอหนา้ กนั กจ็ ะไมเ่ กดิ ไซเบอร์กันมาก จนคิดว่าเป็นแค่การบูลล่ีในโลกไซเบอร์ การบลู ลข่ี ึ้น อยา่ งเชน่ ชว่ งปดิ เทอม เด็กอย่บู ้าน แต่ในความจริงแล้ว การบูลลี่ก็เกิดข้ึนได้ทุกที่ในชีวิต ไมไ่ ดเ้ จอเพอ่ื นทโ่ี รงเรยี น การบลู ลกี่ ไ็ มเ่ กดิ แตใ่ น ประจำ� วนั ไมว่ า่ จะเปน็ ในสถานศกึ ษา หรอื ทท่ี ำ� งาน และ ยุคปัจจุบันเมื่อมีโซเชียลมีเดียที่เช่ือมโยงกันได้ เกิดข้ึนมานานแลว้ ท่ัวโลก คนเราจึงสามารถกลั่นแกล้ง-โดนกลั่น แกล้ง ไดท้ ุกท่ี ทกุ เวลา ในสังคมไทยส่ิงหนึ่งท่ีเรามักกระท�ำจนเป็นนิสัย โดยไม่รู้ตัวก็คือ การพูดล้อเล่น ล้อเลียน หลายครั้ง • แมจ้ ะไมใ่ ชก่ ารสาดคำ� ดา่ ทอกนั ซงึ่ หนา้ การพูดล้อเล่นในหมู่เพื่อนได้สร้างเสียงหัวเราะความ แต่เจ้าไซเบอร์ บูลลอี ิง กลบั สรา้ งหายนะใหก้ บั สนุกสนานให้ทั้งฝ่ายล้อและฝ่ายถูกล้อ เพราะต่าง ผู้ถูกบูลลไ่ี ด้มหาศาล รู้กันว่า ส่ิงที่ผู้พูดพูดน้ันเป็นเพียงค�ำพูดหยิกแกมหยอก บลู ลีเ่ พราะขาด “เซลฟ”์ แต่ก็มีหลายครั้งเช่นเดียวกันที่ค�ำพูดเหล่าน้ันไม่ใช่แค่ การล้อเล่นที่ท�ำให้อีกฝ่ายย้ิมรับ แต่เป็นการกลั่นแกล้ง พฤติกรรมการกล่ันแกล้งหรือการบูลลี่ ที่สร้างแผลให้กับฝ่ายที่ถูกล้อจนเกิดเป็นปมภายในใจ ผู้อ่ืน มักเร่ิมขึ้นต้ังแต่วัยเด็ก โดยเกิดข้ึนท่ีโรงเรียนเป็น หรือทเี่ รยี กวา่ “bully” ส่วนมาก ส่วนเหตุผล ที่มา สาเหตุของการบูลล่ีผู้อ่ืน เกิดจากอะไร ? ผศ. ดร.วิมลทพิ ย์ มสุ กิ พนั ธ์ นกั วิชาการ • หลายคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะถูก สถาบันแห่งชาติเพ่ือการพัฒนาเด็กและครอบครัว ลอ้ เลียนจากรปู รา่ งหนา้ ตาไปจนถึงเรือ่ งเพศ นานวนั เขา้ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายในงานเสวนาเก่ียวกับการ สิ่งเหล่านี้ขยายวงกว้างไปตามยุคสมัย กลายเป็นการ บูลล่ี ณ มิวเซียมสยามว่า เด็กที่มีพฤติกรรมชอบแกล้ง ลอ้ เลน่ -ลอ้ เลียน กลัน่ แกล้ง ท�ำร้ายกนั ผา่ นโซเชียลมเี ดีย คนอื่นมีอยู่หลายประเภท หลายคนรู้สึกว่าการแกล้ง หรือท่ีเรียกว่า ไซเบอร์ บูลลีอิง (cyber bullying) ซ่ึง คนอน่ื ทำ� ใหต้ วั เองมอี ำ� นาจเหนอื กวา่ หลายคนทำ� เพราะ ต้องการปกปิดความอ่อนแอภายในใจ แต่สิ่งท่ีน่ากลัว ท่ีสุดคือ ท�ำเพราะคิดว่าเป็นเร่ืองปกติ และท�ำเพราะ ตวั เองขาด ส่ิงที่เด็กไทยขาด คือ เซลฟ์ (self) หรือความ มน่ั ใจ เดก็ ทม่ี นี สิ ยั ชอบบลู ลคี่ นอน่ื ถกู ลดทอนเซลฟไ์ ปจาก สถาบันส�ำคัญสองแห่ง ได้แก่ สถาบันครอบครัว และ สถาบันการศึกษา ครอบครัวคือสถาบันแรกสุดที่คอย อบรมและขดั เกลาเด็กคนหน่ึง รายละเอียดเลก็ ๆ น้อย ๆ ทห่ี ลายคนมองขา้ ม อาจทำ� ใหเ้ ซลฟ์ในตวั เดก็ ลดลงเรอ่ื ย ๆ อย่างการกอด การอุ้ม หรือค�ำชมเชย ซึ่งเด็กบางคน ไม่เคยได้รับส่ิงเหล่าน้ี ยกตัวอย่าง เด็กท่ีเรียนไม่เก่ง เมือ่ ผลการเรียนไมด่ ี หากพ่อแม่พดู กบั ลกู วา่ “ไม่เป็นไร นิตยสารพลาธปิ ตั ย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบับท่ี ๑ เดือนมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓ 103

เอาใหม”่ เดก็ จะรสู้ กึ รกั ตวั เอง มากกวา่ การทพี่ อ่ แมด่ า่ ทอ สามารถ เม่ือไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร การตระหนักถึง เพราะเขาจะจดจำ� คำ� พดู และรายละเอยี ดเหลา่ นเ้ี ขา้ สคู่ ลงั คณุ คา่ ในตวั เองจงึ แทบไมม่ ี ซง่ึ เรอื่ งนสี้ ง่ ผลไปถงึ การสรา้ ง ในสมอง ฉะน้ัน เด็กคนหนึ่งจะเป็นอย่างไร ครอบครัว ความเคารพ (respect) ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ทั้งหมด มสี ว่ นส�ำคัญอยา่ งย่ิงในการเพิม่ -ลดเซลฟ์ของเด็ก ลว้ นผลักใหเ้ ดก็ กลายเปน็ คนทีไ่ ม่มีความมนั่ ใจ และไมม่ ี ความเคารพตอ่ ตนเอง รวมถึงต่อผ้อู ่นื ดว้ ย” ส่วนสถาบันการศึกษาได้สลายเซลฟ์ของเด็กไป แก้บูลลีไ่ ด้ผลชะงัด แกท้ ตี่ ัว “เหยือ่ ” ต้ังแต่ก้าวเท้าเข้าสู่ร้ัวโรงเรียน ด้วยระบบการศึกษาไทย ท่ีวางอยบู่ นพืน้ ฐานของความเหมือนกนั แนวทางแก้ปัญหาการรังแก การกลั่นแกล้งกัน ในเบอ้ื งตน้ ผศ. ดร.วมิ ลทพิ ยไ์ ดเ้ สนอโมเดลการแกป้ ญั หา โรงเรียนไทยมีความพยายามท�ำให้คนท่ีมีความ ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งประเทศที่ประสบปัญหา แตกตา่ งหลากหลาย รวมเปน็ หนึ่งเข้าสศู่ ูนยก์ ลาง ทง้ั วธิ ี การกล่ันแกล้งในโรงเรียน จนเกิดการฆ่าตัวตายอยู่ การประเมนิ วดั ผลเด็กดว้ ยบรรทดั ฐานเดยี วกนั ไปจนถงึ บอ่ ยครง้ั การแตง่ กายและทรงผม ซง่ึ ความจรงิ แลว้ พน้ื ที่บนเน้อื ตัวรา่ งกายเป็นพนื้ ทส่ี ว่ นบุคคล ผศ. ดร.วมิ ลทพิ ยใ์ หข้ อ้ มลู วา่ ญป่ี นุ่ คน้ พบวธิ กี าร ทเ่ี รยี กวา่ “Victim is not a Victim” คอื ตอ้ งทำ� ใหเ้ หยอื่ เมื่อใดก็ตามท่ีเด็กออกจากบ้านด้วยเสื้อผ้าหน้า หรือคนทถ่ี ูกบูลลี่แขง็ แกรง่ พอที่จะผ่านเรอ่ื งเหล่านีไ้ ปได้ ผมที่ไม่ได้เลอื กเอง สิง่ เหล่าน้ีจะคอ่ ย ๆ กดั กรอ่ นความ และในวันข้างหน้าเม่ือโลกเปลี่ยนไป ปัญหาไซเบอร์ มัน่ ใจของเด็กไปเรอื่ ย ๆ นคี่ อื พื้นฐานทีท่ กุ คนควรไดร้ บั บลู ลอี งิ อาจจะหายไป และมคี วามรนุ แรงอน่ื ๆ เขา้ มาแทนที่ การยอมรบั แต่ถ้าคนแขง็ แกร่งพอ ไม่ว่าจะมปี ญั หาอะไรเขา้ มา กไ็ ม่ สามารถท�ำอะไรเขาได้ ซ่งึ แนวทางนี้ใชไ้ ด้ทัง้ กับเด็กและ “กระท่ังแผนการเรียนในโรงเรียนท่ีเข้าไปจ�ำกัด วัยผู้ใหญ่ เพราะในวยั ผู้ใหญ่ ในสงั คมการทำ� งาน กม็ กี า ขีดความสามารถของเด็ก หลายคนเก่งในเรื่องท่ีไม่ใช่ รบลู ล่เี ช่นกัน วิชาการ หลายคนเก่งในวิชาที่ไม่มีบรรจุเป็นแผนการ เรียน ท�ำให้เด็กคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่เก่ง ไม่มีความ “เหย่ือหรือคนที่ถูกแกล้งต้องสร้างตัวเราให้ แข็งแกร่งพอที่จะรับเรื่องพวกน้ีให้ได้ เมื่อโตขึ้นในวัย ผใู้ หญ่ ที่ทำ� งานก็มีการกลน่ั แกล้งเกดิ ขน้ึ อีก ฉะนั้น สง่ิ ท่ี ต้องหันกลับมามองท่ีตัวเราเอง โดยธรรมชาติเวลาเรา แกลง้ ใครสกั คน เรากห็ วงั จะใหค้ นทถี่ กู แกลง้ รสู้ กึ เจบ็ ปวด แต่ถา้ คนที่ถูกแกลง้ ไม่รสู้ ึกอะไร เขากจ็ ะเลกิ แกลง้ ไปเอง ต่อไปข้างหน้าจะมีปัญหาอีกมากตามความซับซ้อนของ โลก ถา้ คนแข็งแกรง่ แลว้ เร่อื งนผ้ี า่ นไปชา่ งมนั เรอื่ งใหม่ มา ฉันอยู่ได”้ วิธแี ก้เผ็ด-หกั ดิบคนชอบกลั่นแกล้ง สำ� หรับการแกน้ สิ ัย แกพ้ ฤติกรรมของคนที่เป็น ฝ่ายบูลลี่คนอื่น ผศ. ดร.วิมลทิพย์ยกตัวอย่างการแก้ ปัญหาในประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นวิธีการที่อาจจะฟังดู รุนแรงไปหน่อย แต่จากสถิติแล้วได้ผลเกือบร้อย เปอร์เซ็นต์ โดยในโรงเรียนที่เกาหลี หากมีเด็กที่มีนิสัย ชอบกลั่นแกล้ง หรือด่าทอเหยียดหยามคนอื่น คณะครู จะใช้กลยุทธ์ท่ีเรียกว่า “โรลเพลย์” คือ การวางแผน พรอ้ มกบั เดก็ ในหอ้ ง และผปู้ กครองของเดก็ ทมี่ ปี ญั หาวา่ จะทำ� การแสดงทา่ ทลี กั ษณะเดยี วกนั กบั ทเ่ี ขาทำ� กบั เพอื่ น 104 นติ ยสารพลาธิปตั ย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบับท่ี ๑ เดือนมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓

คนอน่ื ผลปรากฏวา่ เดก็ ทชี่ อบบลู ลค่ี นอน่ื สำ� นกึ เมอื่ โดน กังวล อาจสร้างความเครยี ด เกบ็ กด ส่งผลถึงขั้นเปน็ โรค กบั ตัวเอง และบอกกับครแู ละเพ่อื นว่า จะไมท่ �ำอีก ซึมเศร้า หรือหวาดกลัวสังคม ถือเป็นบาดแผลทางใจท่ี เจบ็ ปวดไม่น้อย “วธิ กี ารแบบนอี้ าจจะไมเ่ หมาะกบั สงั คมไทยนกั ด้วยความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม และความเป็น • บลู ลท่ี างสงั คม เปน็ การสรา้ งกระแสสงั คมรอบ สังคมอุดมดราม่าของบ้านเรา ไอเดียดังกล่าวจึงอาจจะ ขา้ งใหโ้ หมกระหน่ำ� มายงั เหย่ือของการบูลลี่ เสมอื นการ เป็นดาบสองคมได้ เกาหลีเองก็ไม่ได้ใช้วิธีการนี้กับเด็ก ยืมมือคนรอบข้างให้ร่วมกันท�ำร้ายบุคคลเพียงคนเดียว ทุกคน เพราะต้องมีการพิจารณากันไปเป็นกรณีตาม เช่น การปลอ่ ยคลิปของเหยอื่ หรือการสร้างข่าวลอื จน ความหนักเบาของพฤติกรรม และอุปนิสัยของตัวเด็ก ผู้เสพหลงเชื่อและพร้อมจะแชร์และกระพือข่าวให้ไปใน เองดว้ ย” วงกว้างขน้ึ จนกวา่ ผถู้ กู กระท�ำไมม่ ที ี่ยนื ทางสงั คม ปอ้ งกันนสิ ัยบลู ล่ีผู้อื่น รบั มือกบั การบลู ล่ี ส่วนคนทีเ่ ป็นฝ่ายบูลล่คี นอื่น ถ้าตระหนกั ไดว้ ่า หลายครั้งท่ีการบูลล่ีเกิดข้ึนเพียงเพราะความ พฤตกิ รรมของตวั เองนนั้ เปน็ สงิ่ ไมด่ ี อยากจะแกไ้ ข แตต่ ดิ สนกุ ช่ัววูบ ความโกรธชัว่ คราว หรือเปน็ เพียงการตัดสิน ปัญหาว่า เคยชินกับพฤติกรรมนี้ จนบางครั้งท�ำไปโดย ใจช่ัวขณะ แต่ผลที่ตามมาอาจมากมายและส่งผล ไมร่ ตู้ วั จะแกไ้ ขปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมของตวั เองอยา่ งไร ยาวนานส�ำหรับผู้ถูกกระท�ำ ดังนั้นการรู้จักรับมือกับ รวมถึงคนที่ยังไม่ได้ท�ำพฤติกรรมน้ี แต่อยากจะป้องกัน การบลู ล่อี าจช่วยหลีกเล่ียงบาดแผลท้ังทางกาย ใจ และ ไม่ให้ตัวเองเกิดนิสัยน้ี หรือป้องกันไม่ให้เกิดการกระท�ำ สังคม ดงั นี้ ที่ทำ� ไปโดยไม่รตู้ วั • ใช้ความน่ิงสยบการบูลล่ี การน่ิงเฉยต่อการ จะป้องกนั อยา่ งไร อาจารยบ์ อกหลกั การงา่ ย ๆ บูลลี่ช่วยให้เรื่องราวการบูลล่ีหายไปอย่างรวดเร็ว ว่า ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ลองคดิ กลับกันวา่ หากเรา เน่ืองจากผู้กระท�ำมักมีเจตนาให้เหย่ือตอบโต้ เพื่อสร้าง โดนค�ำพูดหรือการกระท�ำแย่ๆ อย่างท่ีเราท�ำกับคนอื่น กระแสความรุนแรง หรือเพิ่มความสะใจ แต่เมื่อผู้ถูก เราจะรู้สึกอย่างไร คอื ใหพ้ ึงระลกึ ไวเ้ สมอว่า ส่ิงทต่ี ัวเรา กระท�ำเลือกที่จะน่ิงเฉย ผู้ลงมือบูลลี่อาจรู้สึกเบ่ือและ ไม่ชอบ กอ็ ย่าไปท�ำสิง่ นั้นกบั คนอื่น ถอยทพั ไปเองในท่ีสดุ แบบไหนเขา้ ข่ายบูลล่ี (Bully) • ตอบโต้อย่างสุภาพ ด้วยค�ำพูดและการ พฤติกรรมข่มขู่กับการบูลล่ี อาจแยกกันไม่ได้ แสดงออกว่าไม่ได้รู้สึกสนุก หรือไม่ชอบการกระท�ำ เด็ดขาด ด้วยสว่ นใหญม่ ักเกดิ จากการกระทำ� ของผทู้ ่คี ดิ รวมถงึ วาจาตา่ งๆ ทถ่ี กู กลา่ วถงึ ดว้ ยคำ� พดู และทา่ ทสี ภุ าพ ว่าตนมีอ�ำนาจมากกว่ารังแกผู้ท่ีด้อยกว่าหรือคนตัวใหญ่ ไม่ตะโกน ข้ึนเสียง หรือใช้ค�ำหยาบคาย รวมถึงช้ีแจง ชอบรงั แกคนตวั เลก็ พฤตกิ รรมเหลา่ นนั้ อาจเกดิ ซำ�้ ๆ ซง่ึ อย่างชัดเจนหากเร่อื งท่ถี ูกกลา่ วหาไมเ่ ปน็ จริง หากต้องเผชิญการท�ำร้ายคร้ังแรก ผู้ถูกกระท�ำอาจ ให้อภัยได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ ซ�้ำๆ อาจกลายเป็น • พูดคุยกับเพ่ือนร่วมชะตากรรมเพ่ือช่วยกัน ความเครียดหรือความแค้นในที่สุด นอกจากนี้ผู้กระท�ำ แกไ้ ข บางครง้ั การถกู บลู ลไ่ี มไ่ ดเ้ กดิ ขนึ้ กบั บคุ คลเพยี งคน ส่วนใหญ่มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการให้ผู้อ่ืนอับอาย เดยี ว การหาผรู้ ว่ มถกู กระทำ� จะเปน็ การเพมิ่ หลกั ฐานและ เจ็บตัว เสื่อมเสีย หรือด้อยค่าลง โดยสามารถจ�ำแนก การบลู ล่ไี ด้ ดังน้ี • บูลลี่ทางร่างกาย เป็นการท�ำร้ายร่างกาย อกี ฝา่ ยใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ มบี าดแผลซง่ึ สามารถมองเหน็ ไดจ้ ากภายนอก บางกรณีอาจสง่ ผลตอ่ จติ ใจอีกดว้ ย • บลู ลที่ างวาจา แมไ้ มม่ บี าดแผลทางกายใหเ้ หน็ แต่การพูดส่อเสียด ล้อเลียน ใส่ร้าย การประจานด้วย ค�ำพดู ใหผ้ อู้ นื่ ได้ยิน นอกจากจะสร้างความอับอาย วิตก นิตยสารพลาธปิ ัตย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบับท่ี ๑ เดอื นมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓ 105

พยานวา่ ผบู้ ลู ลสี่ รา้ งเรอื่ งขน้ึ ทำ� รา้ ยเหยอื่ มากกวา่ จะเปน็ โซเชียลจากผทู้ ่ีไมเ่ คยร้จู กั กันเลย หรืออาจตกเป็นเหยอื่ เร่ืองจริง นอกจากน้ีเพื่อนร่วมชะตากรรมอาจเป็น ร่วมกระท�ำการบูลลี่บุคคลอ่ืน แม้กระทั่งเป็นผู้เร่ิมบูลลี่ ทปี่ รกึ ษาคลายทุกขไ์ ดเ้ ป็นอย่างดี โดยไม่รตู้ วั • เปลี่ยนส่ิงแวดล้อม หากการบูลล่ีนั้นท�ำร้าย ดังน้ัน ไม่ว่าการกระท�ำใดๆ ที่ก่อให้บุคคลอ่ืน ร่างกายหรือจิตใจจนยากยอมรับ การเปลี่ยนที่ท�ำงาน รู้สึกด้อยค่า ย�่ำแย่ อับอาย เสื่อมเสีย ลองถอยออกมา กล่มุ เพอ่ื น ก็อาจชว่ ยฟนื้ ฟูภาวะบอบช�ำ้ จากการถูกบูลลี่ สักก้าว หายใจเข้าออกอีกหลายๆ ครั้ง ก่อนลงมือแชร์ ได้เร็วข้ึน กดไลค์ หรอื เขยี น พดู ออกไป เพราะสง่ิ เหลา่ นเ้ี มอ่ื เกดิ ขนึ้ แลว้ แมเ้ ราจะลบออกสกั กี่ครงั้ ก็ยงั ฝังในจติ ใจของผถู้ กู • ปรกึ ษานกั จติ วทิ ยาหรอื จติ แพทย์ หลายครงั้ ท่ี กระทำ� เสมอ การบลู ลี่ลำ้� เสน้ เหยอื่ จนกดั กนิ จติ ใจ สรา้ งบาดแผล จนผู้ ถูกกระท�ำไม่สามารถอยู่ในสังคมต่อไป บางกรณีอาจ ในทางกลับกัน หากต้องเผชิญปัญหาในฐานะ กลายเป็นความเครียด ปลีกตัวจากสังคม ไปจนถึงข้ัน เหย่ือของการบูลลี่ ควรต้ังรับอย่างมีสติ เงียบเฉยบ้าง เก็บกด เป็นโรคซึมเศร้า และจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย ตอบโต้ ชแี้ จงใหถ้ ูกจงั หวะ ไม่คิดแคน้ เครยี ด หรือวิตก ดังน้ันทางออกท่ีดีคือการพบผู้เช่ียวชาญไม่ว่าจะเป็น กงั วลเกนิ ไป รวมถงึ เลอื กทจ่ี ะใชช้ วี ติ ในสงั คมสงิ่ แวดลอ้ ม นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เพื่อปรึกษา ท�ำการรักษา ท่ีดี เหมาะสมกับตัวเอง ปิดรับเรอ่ื งราวทางโซเชียลบ้าง อยา่ งถูกวิธแี ละมีประสิทธิภาพ และข้อส�ำคัญ หากหาทางออกไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์ เพ่ือรบั การรักษาอยา่ งเหมาะสม เราต่างเกิดมาและมีชีวิตในช่วงเทคโนโลยีเจริญ ก้าวหน้า การบูลลี่ที่ไม่จ�ำเป็นต้องเกิดขึ้นด้วยการเผชิญ หน้าเท่านั้น วันหนึ่งเราอาจตกเป็นเหย่ือการบูลลี่ทาง 106 นติ ยสารพลาธปิ ตั ย์ ปีท่ี ๖๓ ฉบับท่ี ๑ เดอื นมกราคม - เมษายน ๒๕๖๓