Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทุกข์ของชาวนาในบทกวี

ทุกข์ของชาวนาในบทกวี

Published by krusirimad, 2019-05-14 23:04:04

Description: ทุกข์ของชาวนาในบทกวี” มีที่มาจากหนังสือรวมบทความบทพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง มณีพลอยร้อยแสง
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ ในวโรกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๓ รอบ โดยนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ ๔๑

Search

Read the Text Version

ทกุ ข์ของชาวนา ในบทกวี

ทุกขข์ องชาวนาในบทกวี ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกวี เป็นบทความพระราชนพิ นธ์ ในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทีแ่ สดงให้เห็นถึงการเอาพระทัยใสค่ วามเขา้ พระทยั ใน ปัญหาตา่ ง ๆ ตลอดจนพระเมตตาของพระองค์ทท่ี รงมตี ่อ ชาวนา เน่อื งดว้ ยชาวนาแตล่ ะทอ้ งทีล่ ้วนมสี ภาพชวี ิตและ ความทกุ ขย์ ากทไี่ ม่แตกตา่ งกันเลย แมว้ า่ กาลเวลาจะผัน ผา่ นไปอย่างไรก็ตาม

ผแู้ ต่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ลกั ษณะคำประพันธ์ รอ้ ยแก้ว ประเภทบทความ จดุ มุ่งหมำยในกำรแตง่ เพอื่ แสดงพระราชดารเิ กย่ี วกับบทกวีของไทยและบทกวี จีนซ่งึ กล่าวถึงชีวติ และความทกุ ข์ของชาวนา

• ความเป็นมา ทกุ ข์ของชาวนาในบทกวี มีที่มาจากหนงั สือรวมบท พระราชนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระเทพ-รตั นราชสุดา ฯ สยามบรม ราชกมุ ารี เรอื่ ง มณพี ลอยรอ้ ยแสง ซึง่ ทรงพระกรณุ าโปรด เกลา้ ฯ ใหจ้ ดั พมิ พข์ นึ้ เมื่อ พ.ศ. 2533 ในวโรกาสทีพ่ ระองค์ ทรงเจรญิ พระชนมายุครบ 3 รอบ โดยนิสติ คณะอักษร ศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั รุ่นท่ี 41 พระราชนิพนธ์ นนั้ แสดงให้เหน็ แนวพระราชดารเิ กี่ยวกับบทกวีของไทยและ จีนท่ีกลา่ วถงึ ชีวติ และความทกุ ขข์ องชาวนาซง่ึ มสี ภาพชวี ิตที่ ไมแ่ ตกต่างกนั นัก

เรื่องยอ่ เนือ้ ความในตอนแรกของบทความเร่อื ง ทกุ ขข์ องชาวนา ในบทกวี สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงยกบทกวขี องจิตร ภมู ศิ ักด์ิ ซ่งึ ไดก้ ลา่ วถึงชีวติ และ ความทุกข์ยากของชาวนา ต่อมาทรงแปลบทกวีจนี ของหลเี่ ชินเป็นภาษาไทยทาให้ มองเหน็ ภาพของชาวนาจนี เมือ่ เปรียบเทียบกับชาวนาไทยว่า มไิ ดม้ คี วามแตกต่างกนั แมใ้ นฤดกู าลเพาะปลูก ภมู อิ ากาศจะ เออ้ื อานวยใหพ้ ืชพันธธ์ุ ญั ญาหารบรบิ ูรณด์ ี แต่ผลผลติ ไมไ่ ดต้ ก เป็นของผผู้ ลติ คือ ชาวนาเท่าทคี่ วร

สว่ นที่สาคัญทสี่ ุดคือ ทรงชใ้ี หเ้ ห็นว่าแมจ้ ติ ร ภูมศิ ักดิ์ และหลเี่ ชนิ จะมกี ลวธิ ีการนาเสนอบทกวที ่แี ตกต่างกนั แตท่ ัง้ สองทา่ น มแี นวความคิดท่ีคลา้ ยกัน คอื มงุ่ ทีจ่ ะกลา่ วถงึ ความ ทุกข์ยากของชาวนาและทาใหเ้ หน็ วา่ ชาวนาในทกุ แหง่ และ ทุกยคุ ทุกสมัยล้วนประสบแต่ความทกุ ข์ยากไมแ่ ตกตา่ งกัน เลย

กำซำบ คาศัพท์ เขยี วคำว ซึมเข้าไป จติ ร ภูมิศกั ด์ิ สเี ขยี วของข้าว ซ่ึงน่าจะหอมสดช่นื กลบั มกี ลิ่น เหมน็ คาว เพราะขา้ วนเี้ กิดจากหยาดเหง่อื ซึ่ง จำนำพืชผลเกษตร แสดงถงึ ความทุกข์ยากและความชมชนื่ ของชาวนา นกั เขยี นชือ่ ดังของไทยในชว่ ง พ.ศ. 2473 - 2509 ท่ี มีผลงานสาคญั ในด้านประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี ภาษา และวรรณคดี การนาผลผลติ ทางการเกษตร เช่น ข้าวไปฝากกบั หน่วยงานท่รี บั ฝากไวก้ อ่ นเพอื่ เอาเงินในอนาคตมา ใชก้ อ่ น

ฎกี ำ คาร้องทุกข์ การรอ้ งทกุ ข์ ธัญพชื นิสติ มาจากภาษาบาลวี ่า ธญญฺ พชื เชน่ ข้าว ขา้ ว ประกนั รำคำ สาลี ข้าวโพด ทใ่ี ห้เมลด็ เปน็ อาหารหลกั เปิบ ผทู้ ่ศี ึกษาอย่ใู นมหาวิทยาลัย พชื เศรษฐกิจ การที่รฐั เอกชน หรือองค์กรตา่ ง ๆ รับประกันที่จะ รบั ซอ้ื ผลผลิตตามราคาท่กี าหนดไวใ้ นอนาคต ไม่ วา่ ราคาในอนาคตจะเปลย่ี นแปลงไปก็ตาม หรือ เปบิ ข้าว หมายถงึ วธิ กี ารใชป้ ลายนิ้วขยมุ้ ขา้ วใสป่ ากตนเอง พืชที่สามารถขายได้ราคาดี พืชเศรษฐกิจที่สาคัญ ของไทย เช่น ข้าว ยางพารา อ้อย ปาล์มนา้ มัน

ภำคบรกิ ำร อาชีพที่ให้บรกิ ารผูอ้ ื่น เช่น พนกั งานใน ลำเลกิ ร้านอาหาร ช่างเสริมสวย กลา่ วทวงบญุ คุณ กล่าวคาตดั พอ้ ตอ่ ว่า โดยยกเอา วรรณศลิ ป์ ความดีที่ตนทาไว้ใหแ้ ก่อกี ฝา่ ยหนงึ่ เพ่อื ให้สานึก สวสั ดิกำร บุญคุณที่ตนมีอยู่กบั ผู้นัน้ ศิลปะในการประพนั ธ์หนงั สอื สู การใหส้ งิ่ ท่เี อ้อื อานวยใหผ้ ้ทู างานมีชวี ติ และสภาพ อำจณิ ความเป็นอยู่ท่ีดีและมคี วามสะดวกสบาย เช่น มี อทุ ธรณ์ สถานพยาบาล มที ี่พกั อาศยั จัดรถรบั สง่ สรรพนามบรุ ุษที่ 2 เป็นคาโบราณ ประจิณ ร้องเรียน รอ้ งทกุ ข์

วิเคราะหค์ ุณคา่ วรรณคดี • คณุ ค่าด้านเน้อื หา กลวิธใี นการแตง่ ทุกข์ของชาวนาในบทกวี นบั เปน็ ตวั อย่างอนั ดีของ เรียงความที่สามารถยึดถือเป็นแบบอย่างได้ ด้วยแสดงใหเ้ หน็ แนวความคิด ชดั เจน ลาดบั เร่อื งราวเขา้ ใจงา่ ย และมีส่วนประกอบของงานเขยี นประเภท เรียงความอย่างครบถ้วน คอื สว่ นนา กล่าวถึงบทกวขี องจติ ร ภูมศิ กั ด์ิ ท่ที รงได้ยินได้ฟังมาในอดตี มาประกอบในการเขียนเรยี งความ เน้ือเรอ่ื ง วิจารณ์เกยี่ วกบั กลวธิ กี ารนาเสนอบทกวขี องจติ ร ภมู ิศักดิ์ และหลี่เชิน โดยทรงยกเหตผุ ลตา่ ง ๆ และทรงแสดงทัศนะประกอบ

ส่วนสรุป สรปุ ควำมเพียงสน้ั ๆ แต่ลึกซง้ึ ด้วยกำรตอกย้ำ เรื่องควำมทุกขย์ ำกของชำวนำ ไมว่ ำ่ ยุคสมยั ใดกเ็ กดิ ปัญหำ เชน่ น้ี ดังควำมที่วำ่ “ ฉะนนั้ ก่อนทท่ี กุ คนจะหนั ไปกินอำหำรเมด็ เหมอื นนกั บิน อวกำศ เรอื่ งควำมทกุ ข์ของชำวนำ ก็คงยังจะเปน็ แรงสรำ้ ง ควำมสะเทอื นใจให้แก่กวียุคคอมพิวเตอร์สืบตอ่ ไป...\"

สำหรับกลวธิ กี ำรอธบิ ำยนัน้ ใหค้ วำมรเู้ ชงิ วรรณคดี เปรียบเทยี บแก่ผอู้ ่ำน โดยทรงใช้กำรเปรยี บเทียบกำร นำเสนอของบทกวไี ทยและบทกวีจนี วำ่ “ เทคนิคในกำรเขียนของหล่ีเชินกบั ของจติ ร ต่ำงกนั คือ หลเ่ี ชนิ บรรยำยภำพที่เห็นเหมอื นจติ รกรวำด ภำพให้คนชม สว่ นจิตรใช้วิธเี สมอื นกับนำชำวนำมำ บรรยำยเรื่องของตนใหผ้ อู้ ่ำนฟงั ดว้ ยตนเอง ”

บทสรุป • พระรำชนพิ นธ์ เร่ือง ทุกข์ของชำวนำในบทกวี แสดง ใหเ้ ห็นถึงควำมเข้ำพระทัยและเอำพระทัยใสใ่ นปญั หำกำร ดำรงชวี ติ ของชำวนำไทย ท้งั ยังสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ พระ เมตตำ อันเปีย่ มล้นของพระองค์ที่ทรงมีต่อชำวนำผู้มีอำชีพ ปลูกขำ้ วเป็นหลัก เริม่ ชวี ิตและกำรทำงำนตง้ั แต่เช้ำจรด ค่ำ ทำงำนแบบหลงั สฟู้ ำ้ หนำ้ สู้ดนิ ตลอดทงั้ ปี • ดงั นนั้ ในฐำนะผูบ้ ริโภค จึงควรสำนึกในคณุ ค่ำและ ควำมหมำยของชำวนำท่ีปลกู \"ข้ำว\" อนั เป็นอำหำรหลักเพ่อื กำรมีชวี ติ อยูร่ อดของคนไทย

อ้างอิง • บญุ ลกั ษณ์ เอี่ยมสาองค์ เกือ้ กมล พฤกษประมูล และโสภติ พทิ ักษ์. ภาษาไทย วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.4. พมิ พค์ ร้ังท่ี 1. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจรญิ ทัศน์.

คาสงั่ นักเรียนแบง่ เป็นกลุ่ม กลุม่ ละ ๔-๕ คน เพื่อทา ใบงานท่ี ๑ เรอ่ื ง วเิ คราะหเ์ ร่ืองราว โดยให้นักเรยี น วิเคราะหว์ ่า ความรสู้ กึ ของจติ ร ภมู ศิ ักด์ิ หลเี่ ชนิ และตัวนกั เรยี นและเพอ่ื นในกลุ่มทีม่ ตี อ่ อาชพี ชาวนา น้ันเปน็ อย่างไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook