ปกหนา้
เอกสารวชิ าการท่ี 3/2557 การเพิ่มประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ จดั พิมพ์โดย กรมสง่ เสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พมิ พ์ครั้งที่ 1 : ปี 2557 จ�ำนวน 2,000 เล่ม พมิ พท์ ี่ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกดั
คำ� น�ำ กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่ส�ำคัญของประเทศไทย กาแฟโรบัสต้าส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตใน ภาคใต้ และกาแฟอาราบิก้าส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตในภาคเหนือ ปัจจุบันพ้ืนท่ีปลูกกาแฟในภาพ รวมของประเทศมีแนวโนม้ ลดลง ไมเ่ พียงพอกับความตอ้ งการของตลาด เนอื่ งจากพืน้ ทปี่ ลกู กาแฟ โรบัสต้าถูกปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอ่ืนทดแทน อย่างไรก็ตามพ้ืนที่ปลูกกาแฟอาราบิก้ามีแนวโน้ม เพมิ่ ขึ้น ปัญหาการผลติ กาแฟ ได้แก่ เกษตรกรขาดเทคโนโลยใี นการปฏบิ ัตดิ ูแลรกั ษา ขาดแคลน แรงงาน รวมท้ังต้นกาแฟโรบัสต้าส่วนใหญ่มีอายุมาก ระบบรากและสภาพต้นเส่ือมโทรม ทำ� ใหผ้ ลผลิตเฉลี่ยตอ่ ไร่ตำ่� ตน้ ทนุ การผลิตสงู คณุ ภาพกาแฟบางส่วนยังไมม่ คี ณุ ภาพ กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ให้มีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพการเกษตร กลุ่มส่งเสริมไม้ยืนต้น ซึ่งเป็น หน่วยงานในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตรมีหน้าท่ีในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรในการ ผลิตสินค้าไม้ยืนต้นท่ีปลูกเพ่ือน�ำผลผลิตไปแปรรูป เพ่ือใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม ได้แก่ กาแฟ ชา มะพรา้ ว ไผ่ ฯลฯ โดยการถ่ายทอดความรู้ทางวชิ าการ การผลติ และการตลาด ให้สามารถเพ่ิมผลผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตร เพ่ือสร้างรายได้จากการบริโภคภายใน ประเทศ และเพอ่ื การสง่ ออกตา่ งประเทศ เอกสารฉบบั นเ้ี ปน็ เอกสารทไ่ี ดจ้ ดั ทำ� ขนึ้ โดยใชง้ บประมาณประจำ� ปี 2557 ของกรมสง่ เสรมิ การเกษตร เพอื่ เผยแพรค่ วามรใู้ นการผลติ กาแฟใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและมคี ณุ ภาพ สามารถแขง่ ขนั กบั กาแฟจากตา่ งประเทศในระบบการคา้ เสรี โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เมอ่ื เขา้ สปู่ ระชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น ในปี 2558 กรมส่งเสริมการเกษตร หวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าท่ี สง่ เสรมิ การเกษตร เกษตรกร ผปู้ ระกอบการ ผสู้ นใจ และหน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องต่อไป กลุ่มสง่ เสรมิ ไม้ยืนต้น สำ� นักสง่ เสริมและจัดการสนิ ค้าเกษตร กรมส่งเสรมิ การเกษตร โทรศพั ท์/โทรสาร 0 2940 6079 E-mail : [email protected]
ประวตั ิและแหล่งปลูกกาแฟ สารบัญ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ พนั ธุ์และการขยายพนั ธก์ุ าแฟ หนา้ การปลูกและการดแู ลรกั ษา 1 ปุย๋ และการจดั การธาตุอาหารอยา่ งมีประสิทธิภาพ 13 โรคแมลงศัตรกู าแฟ 19 การปรับปรงุ สวนกาแฟเสื่อมโทรม 33 การเกบ็ เกยี่ วและวิทยาการหลงั การเกบ็ เก่ยี ว 47 การคดั คณุ ภาพและมาตรฐานเมลด็ กาแฟ 71 การแปรรูปและการใช้ประโยชน ์ 81 การส่งเสรมิ และพัฒนาการผลติ กาแฟ 89 99 109 121
ปแลระะแวหตัลง่ิ ปลูกกาแฟ ชอ่ื กาแฟ ค�ำวา่ Coffee มาจากค�ำในภาษาอะราบิก คอื ควาฮ์วาฮ์ (Qahweh) เป็นคำ� ท่ีหมายถึง ไวน์ในภาษากวี ต่อมาภายหลังพัฒนาเปลี่ยนส�ำเนียงเป็นคาเวย์ (Kawha) คาฟฟี่ (Kaffe) และ คอฟฟี่ (Coffee) ในที่สุด คำ� ว่ากาแฟในภาษาอ่ืนๆ เช่น ภาษาตุรกี คือ Kahweh ฝรั่งเศส คือ Cafe’ อิตาเลี่ยน คือ Caffe’ เยอรมัน คือ Kaffee ดัชท์ คือ Kiffie และในภาษาลาติน คือ Coffea ส่วนคนไทยในสมยั กอ่ นเรียกว่า โกปี๊ ข้าวแฝ่ และกาแฟ ในท่สี ดุ ช่ือวิทยาศาสตร ์ : Coffea spp. วงศ์ (Family) : Rubiaceae สกุล (Genus) : Coffea ตำ� นานกาแฟ ตำ� นานการก�ำเนดิ กาแฟมหี ลายเรอ่ื ง เรือ่ งทีเ่ ป็นทีร่ จู้ ักกนั ทวั่ ไป คือเรื่องนายคัลดี (Kaldi) ชาวอะบสิ ซเิ นีย คนเลย้ี งแพะ ปกติจะต้อนฝงู แพะออกไปหากนิ อาหารตามทงุ่ หญา้ เนินเขาต่างๆ ริมฝั่งแม่น้�ำแดง วันหนึ่งสังเกตเห็นความผิดปกติของฝูงแพะ แพะมีการกระโดดโลดเต้นอย่าง คึกคะนองหลังจากกินอาหารตามบริเวณเนินเขา คัลดีจึงตามฝูงแพะข้ึนไปพบว่า แพะเหล่าน้ัน กินผลไม้สุกสีแดง คัลดีจึงลองทดสอบกินผลไม้นี้ พบว่ามีความรู้สึกสดช่ืนกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา จึงได้น�ำผลไม้นี้ไปอวดพระนักบวชในหมู่บ้าน พระนักบวชจึงไปสังเกตดูต้นไม้และน�ำผลไม้น้ี กลับมาทดลองคั่ว ต้มชง และด่ืมทดลอง พบว่าสามารถสร้างความรู้สึกสดช่ืนกระปร้ีกระเปร่า ขึ้นมา ทำ� ให้สวดมนตไ์ ด้อยา่ งยาวนานในตอนกลางคืน โดยไม่มีอาการงว่ งนอน การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 1
ถ่นิ กำ� เนดิ กาแฟ กาแฟเกือบทุกชนิดมีถ่ินก�ำเนิดด้ังเดิมในทวีปแอฟริกา กาแฟอาราบิก้าเป็นพืชพ้ืนเมือง แถบพ้ืนที่สูง ในประเทศเอธิโอเปียและท่ีราบสูงโบมา (Boma) ในประเทศซูดาน ลักษณะเป็น ป่ากาแฟธรรมชาติ พ้ืนที่เหล่าน้ี มีความสูงระหว่าง 1,350-1,800 เมตร จากระดับนำ�้ ทะเล สภาพอากาศค่อนข้างหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ย 5-24 องศาเซลเซียส ปริมาณน้�ำฝนเฉลี่ย 1,900 มิลลิเมตร ดินเป็นดินร่วนสีแดง หน้าดินค่อนข้างลึก ส่วนกาแฟโรบัสต้าเป็นพืชพื้นเมือง แถบเส้นศูนย์สูตรของทวีปแอฟริกา ระหว่างเส้นรุ้งท่ี 10 องศาเหนือ ถึง 10 องศาใต้ ระดับ ความสูงต้ังแต่ระดับน้�ำทะเลไปจนถึงความสูง 1,050 เมตร จากระดับน้�ำทะเล พบต้ังแต่ชายฝั่ง ทะเลตะวันตกจนถึงชายฝั่งทะเลตะวันออก ข้ึนมาทางเหนือของทะเลสาบวิกตอเรียในประเทศ อูกันดาและทางตอนเหนือของแม่น้�ำ Kagera ในประเทศแทนซาเนีย แต่พบค่อนข้างหนาแน่น ในแถบลุ่มน�้ำคองโกและลมุ่ แมน่ ้�ำคูอิลู (Kouilou) ระหวา่ งประเทศคองโกกบั คาบอง (Gabun) ประวัตกิ าแฟโลก กาแฟถูกค้นพบประมาณปี ค.ศ. 850 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวแอฟริกาพื้นเมืองใช้ กาแฟเป็นอาหารมานานแล้ว สันนิษฐานว่ามนุษย์สมัยโบราณอาจเรียนรู้จากการสังเกตสัตว์ ว่ากินอะไรและทดลองกิน พบว่าผลกาแฟสุกมีรสหวาน เป็นท่ีชื่นชอบของนกและสัตว์ต่างๆ ในช่วงแรกรับประทานผลสุก ต่อมาน�ำผลสุกมาท�ำไวน์ เมื่อลองเค้ียวเมล็ดกาแฟ จะเกิด 2 การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ
มีความรู้สึกว่าสบายหายเหน็ดเหน่ือยจากอากาศร้อนหรือการเดินทางไกล เพราะกาแฟ มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นร่างกาย ท�ำให้กาแฟเร่ิมเป็นท่ีรู้จักของคนท่ัวไป ต่อมามีการพัฒนาน�ำ เมล็ดกาแฟมาป่นผสมไขมันสัตว์ปั้นเป็นก้อนไว้กินเป็นอาหารติดตัวในการเดินทาง ชาวพ้ืนเมือง บางเผา่ ในแอฟรกิ าใชก้ าแฟเซน่ ไหวพ้ ระเจา้ และผสี างทนี่ บั ถอื ในพธิ ฉี ลองสาบานพน่ี อ้ งรว่ มสายโลหติ มีการแกะเมล็ดกาแฟจากผลกาแฟสองเมล็ดแบ่งให้พี่น้องคนละหน่ึงเมล็ด เพื่อน�ำไปจุ่มหรือ ทาโลหิตของตนและมอบให้พ่ีน้องแต่ละคนไปเคี้ยวรับประทาน กาแฟเป็นของขวัญที่มอบ ใหแ้ กแ่ ขกท่ีมาเย่ยี มเคี้ยวกอ่ นท่ีจะเลี้ยงอาหาร วัฒนธรรมของชาวบกู นั ดา (Buganda) จะใหแ้ ขก ผู้มาเยอื นเป็นผู้ปลกู ตน้ กาแฟ เป็นต้น ต่อมากาแฟถกู น�ำมาใชเ้ ปน็ เครอื่ งดมื่ ในระยะแรกใช้เมลด็ กาแฟใส่ในน้�ำต้มบนกองไฟ จนน้�ำกาแฟออกเป็นสีเหลือง กาแฟได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มีการ ตากเมล็ดกาแฟเพื่อให้เก็บไว้ได้นานขึ้น มีการคั่วบด แช่ ต้มกาแฟ โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ครกบด กระทะ เครื่องตม้ กาแฟ ฯลฯ เพอื่ อ�ำนวยความสะดวกย่ิงขึ้น การแพร่กระจายของกาแฟ กาแฟสู่ตะวนั ออกกลาง ในราว ค.ศ. 1000 การคา้ ทาสกำ� ลงั เฟ่ืองฟู พอ่ ค้าทาสนำ� ทาสนโิ กรจากทางใตข้ องประเทศ ซูดานไปประเทศซาอุดิอาระเบีย พ่อค้าทาสและพวกทาสได้นำ� ผลและเมล็ดกาแฟติดตัวไปด้วย การปลกู กาแฟของชาวอาหรบั ถูกเก็บเปน็ ความลบั และเมลด็ กาแฟเป็นสงิ่ หวงห้าม เมลด็ กาแฟดิบ ห้ามน�ำออกนอกประเทศ ยกเว้นต้องต้มหรือลวกในน้�ำร้อน แต่เมล็ดกาแฟยังถูกลักลอบน�ำออก ไปแพร่กระจายจากเมกกะ โดยผ้แู สวงบุญทกี่ ลบั จากเมกกะไปยังประเทศมุสลมิ ของตนเองท่วั โลก ราวศตวรรษท่ี 9 กาแฟเป็นพืชท่ีรู้จักกันดีในแถบตะวันออกกลาง จนถึงต้นศษวรรษที่ 14 ชาวอาหรบั เรมิ่ การปลกู กาแฟเปน็ การคา้ บรเิ วณคาบสมทุ รอาระเบยี ใกลเ้ มอื งทา่ มอคคา่ (Mocha) ต่อมากาแฟแถบนี้กลายเป็นสายพันธุ์กาแฟท่ีมีช่ือเสียง ศตวรรษท่ี 15 กาแฟเป็นเครื่องดื่มท่ีนิยม กนั อยา่ งแพรห่ ลายในประเทศตะวนั ออกกลางและดนิ แดนอาหรบั จากอยี ปิ ต์ เมกกะ และซเี รยี แลว้ เข้าสู่เมืองคอนสแตนติโนเปิล ประเทศตุรกี ในสมัยออตโตมัน ราวปี ค.ศ. 1453 ในช่วงแรก ชาวเติร์กดื่มกาแฟท่ีบ้านและใช้ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเย่ียมเยียน จนในปี ค.ศ. 1554 ร้านกาแฟร้านแรกในโลกเกิดข้ึนท่ีนคร คอนสแตนติโนเปิล ปัจจุบันคือเมืองอิสตันบูล โดยชาวซีเรีย 2 คน มีการเสริฟกาแฟในร้านท่ีมีโซฟาสวยงามสะดวกสบาย เป็นแหล่ง พบปะพูดคุยของคน ทั้งกวี นักนิยมศิลปะ และวรรณกรรม นักวิทยาศาสตร์ นักการเมือง ฯลฯ ร้านกาแฟได้รับความนิยม มีการขยายร้านกาแฟมากข้ึน จนถือได้ว่าเป็นร้านกาแฟต้นแบบ ในเมืองตา่ งๆ ของยโุ รป ในชว่ งศตวรรษที่ 17-18 จนถึงในปัจจบุ นั การเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ 3
กาแฟส่ยู โุ รป เนเธอร์แลนด์ พ่อค้าชาวเวนิสเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่ท�ำการค้ากาแฟกับอาหรับ ในปี ค.ศ. 1615 ได้ซอื้ กาแฟจากเมอื งมอคคา่ (Mocha) นำ� ไปขายในยโุ รป เป็นจดุ เร่ิมต้นการค้า ท่ีสร้างความร่�ำรวยให้กับพ่อค้าอาหรับผู้ส่งกาแฟ ต่อมาพ่อค้าชาวดัชท์น�ำกาแฟไปเผยแพร่ ในเมอื งอมั สเตอรด์ มั ชาวดชั ทไ์ ดพ้ ยายามศกึ ษาเกบ็ ขอ้ มลู ตา่ งๆ ของกาแฟทงั้ ดา้ นพฤกษศาสตรแ์ ละ การค้า ในปี ค.ศ. 1616 ต้นกาแฟต้นแรกถูกน�ำไปยุโรปแล้วขยายพันธุ์ท่ีสวนพฤกษศาสตร์ใน เมืองอัมสเตอร์ดัม และน�ำไปปลูกในเขตประเทศแถบหมู่เกาะอินเดียตะวันออกและชวา ในปี ค.ศ. 1663 ร้านกาแฟร้านแรกเปิดในเมืองอัมสเตอร์ดัม ท�ำให้ประชาชนทุกชนชั้นมีโอกาส ลิม้ รสกาแฟ ร้านกาแฟจะตกแต่งอย่างประณตี สวยงามในบรรยากาศท่สี ะดวกสบาย เบลเย่ียม ลูจา (Luja) นักส�ำรวจชาวดัชท์ เดินทางไปส�ำรวจพันธุ์พืชท่ีคองโก พบต้นกาแฟโรบัสต้า และเก็บเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจากสวนของกาลเลน ซึ่งเพาะและปลูก ในสวนหลังบ้าน น�ำไปให้ลินเดน (Linden) ผู้อ�ำนวยการบริษัทเพาะพันธุ์พืชของเมือง บรัสเซลล์ ประเทศเบลเย่ียม ต่อมาลินเดนได้เพาะพันธุ์กาแฟโรบัสต้าส่งไปขายยัง ประเทศต่างๆ ภายใต้ช่ือ Coffea Robusta Linden และได้มีการส่ังกล้ากาแฟโรบัสต้า น�ำไปปลูกทดแทนกาแฟอาราบิก้าที่ประสบความเสียหายจากโรคราสนิมในหลายแห่ง ท�ำให้ กาแฟโรบัสตา้ กระจายเป็นทร่ี ูจ้ กั กนั ทั่วไปมากขนึ้ อิตาลี ชาวอิตาลนี ิยมดืม่ นำ�้ ผลไม้และเครื่องด่มื จากพืชตา่ งๆ ในปี ค.ศ. 1625 มกี ารขาย กาแฟในกรุงโรม โดยชาวอิตาลีเห็นว่ากาแฟเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ค.ศ. 1645 ร้านขายกาแฟ ร้านแรกเกิดข้ึนในเวนิส และมีการเปิดขยายเพ่ิมจนมีร้านกาแฟมากมายในเวนิส เป็นที่ชุมนุม ของชนชั้นสูง และในปี ค.ศ. 1720 ร้านกาแฟที่มีช่ือเสียงมากท่ีสุดในเวนิส คือ ร้านฟลอเรนท์ (Florian) เปิดให้บริการ ฝร่ังเศส ปี ค.ศ.1644 มีการส่งเมล็ดกาแฟจากเมืองอเล็กแซนเดรียสู่เมืองมาแซร์ ค.ศ. 1671 ร้านกาแฟร้านแรกจึงเปิดข้ึนที่นี่ ในปี ค.ศ. 1672 นายปาสคาล ชาวอามาเนีย เปิดขายกาแฟเป็นคร้ังแรก ท่ีปารีสในงาน Saint-Germain Fair และได้เปิดเป็น ร้านข้ึนหลังจากน้ัน ในปี ค.ศ. 1689 Procopio Dei Coltelli ชาวอิตาลีได้เปิดร้านกาแฟ ที่มีช่ือเสียงข้ึนในกรุงปารีส มีบุคคลท่ีมี ชื่อเสียง ท้ังศิลปิน นักการเมือง ฯลฯ นิ ย ม ไ ป ด่ื ม ก า แ ฟ ท่ี ร ้ า น นี้ กั น ม า ก จนในปี ค.ศ. 1690 มีร้านกาแฟ 4 การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ
ในปารีสมากกว่า 300 รา้ น ในสมัยพระเจา้ หลยุ ส์ที่ 14 กาแฟเปน็ เครอ่ื งดืม่ ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มมาก จนอาจเรียกได้ว่าเป็นเคร่ืองดื่มของพระราชา มีค�ำโฆษณาขายกาแฟว่า “กาแฟเป็นเคร่ืองด่ืม ทคี่ ่ัวและผสมในหม้อทองคำ� โดยพระหัตถ์ของพระราชา” ในปี ค.ศ. 1714 เจา้ เมอื งอมั สเตอรด์ มั ไดส้ ง่ ตน้ กาแฟมาถวายเปน็ ของขวญั แดพ่ ระเจา้ หลยุ ส์ ที่ 14 และได้น�ำมาปลูกในสวนพฤกษศาสตร์ กรุงปารีส เนื่องจากกาแฟไม่ทนทานต่อความ หนาวเย็น จึงมีการสร้างเรือนกระจกเพ่ือปลูกกาแฟ นับเป็นเรือนกระจกพืชเรือนแรกของโลก ฝรั่งเศสได้พยายามน�ำกาแฟไปปลูกในดินแดนภายใต้การปกครองเช่นกัน โดยมีการน�ำกาแฟ จากเยเมนไปปลูกในเกาะเบอร์บอน (Bourbon) (ปัจจุบันคือเกาะรียูเนียน) เกาะภูเขาไฟเล็กๆ ในมหาสมทุ รอนิ เดยี หา่ งจากเกาะมาดากัสการ์ 800 กโิ ลเมตร ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1708 แต่ไมป่ ระสบ ผลส�ำเร็จ จนในปี ค.ศ. 1715-1718 มีการนำ� กาแฟมาปลูกอีกและประสบผลส�ำเร็จ กาแฟพันธุ์ อาราบิก้าสายพันธุ์เบอร์บอน (Bourbon) ซ่ึงเป็นพันธุ์ท่ีมีชื่อเสียงเริ่มต้นจากเกาะแห่งนี้ และ ได้น�ำรนุ่ ลูกหลานไปปลูกในท่ีอืน่ ๆ เปน็ ทร่ี จู้ ักทั่วโลก อังกฤษ จากบันทึกของ John Evelyn ค.ศ. 1637 กล่าวถึงการด่ืมกาแฟของสมาชิก Balliol College ในออกซฟ์ อรด์ (Oxford) กาแฟเปน็ ทนี่ ยิ มในหมอู่ าจารยแ์ ละนกั ศกึ ษา เพราะกาแฟ ชว่ ยกระตนุ้ ให้สามารถอา่ นหนังสอื ในเวลากลางคืนได้นานขึน้ ในปี ค.ศ. 1650 จาคอบ (Jacob) ชาวเลบานอนตั้งรา้ นกาแฟร้านแรกข้นึ ชือ่ Angle Inn ทีอ่ อกซฟ์ อรด์ ต่อมามีรา้ นกาแฟเกดิ ขน้ึ ใน ลอนดอนที่ St Michael’s Alley โดยชาวกรีกชื่อ ปาสควาล โรเซ่ (Pasqua Rosee) รา้ นกาแฟ เป็นสถานที่ส�ำคัญของบุคคลท่ัวไป เป็นท่ีพบปะของนักธุรกิจ เพ่ือท�ำข้อตกลง การเซ็นสัญญา การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ร้านกาแฟเป็นจุดกำ� เนิดสถาบันหลายอย่าง เช่น ตลาดหลักทรัพย์ บริษทั ประกัน Baltic และ Lloyds ร้านกาแฟเป็นทพี่ ักผ่อนของบรรดานกั เขยี น กวี ทนายความ นักปรัชญา นักการเมือง ร้านกาแฟบางแห่งเก็บค่าธรรมเนียมเข้าใช้บริการอัตราคนละ 1 เพนนี เพื่อให้สามารถถกเถียงให้ความคิดเห็นในด้านการเมืองและวรรณกรรมจนเป็นที่รู้จักในนาม มหาวิทยาลยั เพนนี ภายในร้านมีกล่องทองเหลืองสลกั ค�ำว่า To Insure Promptness เพ่ือความ ทนั ใจ ภายหลังถูกยอ่ ใหส้ ้ันเหลืออกั ษรตวั แรกคอื ทิป (Tip) ในปี ค.ศ. 1675 พระเจา้ ชารล์ ที่ 2 ประกาศปิดร้านกาแฟ เนื่องจากผู้หญิงอังกฤษต่อต้านการดื่มกาแฟ เพราะผู้ชายใช้เวลาและ เงินทองหมดไปที่ร้านกาแฟนอกบ้าน หลังจากนั้นไม่นานพวกพ่อค้าได้ถวายฎีกาให้ยกเลิกการ ปิดร้านกาแฟ ท�ำให้ร้านกาแฟเปิดข้ึนใหม่อีก ในช่วงต้นศตวรรตท่ี 18 บรรยากาศ รา้ นกาแฟมกี ารเปลยี่ นแปลงไป รา้ นกาแฟมกี ารเสรฟิ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลม์ ากขนึ้ กลุ่มลูกค้ามีการเปล่ียนแปลง นักธุรกิจนิยมด�ำเนินธุรกิจของตน ในสถานท่ีท�ำงานที่เป็นหลักแหล่ง สะดวกปลอดภัยกว่า โรงงานและ สถานท่ีท�ำงานจัดให้มีห้องสมุด ท�ำให้หนังสือพิมพ์และหนังสืออ่านต่างๆ สามารถหาไดง้ ่ายข้ึน รา้ นกาแฟจงึ เส่ือมความนยิ มในเวลาต่อมา การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ 5
กาแฟสอู่ เมริกา ราว ค.ศ. 1655 ชาวดชั ทน์ ำ� กาแฟจากประเทศเนเธอรแ์ ลนดเ์ ขา้ มาสชู่ มุ ชนชาวดชั ทใ์ นเมอื ง นวิ อัมสเตอร์ดัม (นิวยอร์ค) สหรัฐอเมริกา ช่วงแรกถอื วา่ เปน็ ผลิตภณั ฑร์ าคาสูง ในปี ค.ศ. 1688 มีหลักฐานว่ามีการดื่มกาแฟผสมน้�ำตาลหรือน�้ำผึ้งและซินนามอนในเมืองนิวอัมสเตอร์ดัม ในปี ค.ศ. 1670 โดโรธี โจนส์ (Dorothy Jones) ได้รบั อนญุ าตขายกาแฟในเมืองบอสตนั และมกี าร เปิดร้านกาแฟขึ้นหลายแห่งในเมืองบอสตัน นิวยอร์ค ฯลฯ ร้านกาแฟท่ีมีชื่อเสียงจะเป็นที่พบปะ ของบุคคลชน้ั สงู นกั การเมือง เจ้าหนา้ ท่อี ังกฤษ แตเ่ มื่อเกดิ เหตุการณ์ Boston Tea Party จาก การประท้วงการเก็บภาษีชาต่อรัฐบาลอังกฤษในปี ค.ศ. 1767 นับเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม ประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาและต่อตา้ นสินคา้ องั กฤษ ชาวอเมริกันปฏิเสธการด่ืมชา หันมา ดมื่ กาแฟแทน ท�ำใหช้ าวอเมรกิ นั กลายเปน็ นกั ดมื่ กาแฟ แมใ้ นสงครามกลางเมอื งระหวา่ งฝา่ ยเหนอื และฝ่ายใต้ ทหารฝ่ายเหนือต้องมีกาแฟเป็นเสบียงคนละ 8 ปอนด์ โดยมีพ่อค้าชาวฝร่ังเศสและ ดัชท์น�ำเข้ากาแฟจากประเทศอาณานิคมของตน เช่น ประเทศหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนและ คิวบา จนในปจั จุบันสหรฐั อเมรกิ ายังเปน็ ผนู้ �ำเข้ากาแฟรายใหญข่ องโลก กาแฟสลู่ าตินอเมรกิ า ในช่วงต้น ค.ศ. 1718 มีการน�ำต้นกาแฟต้นแรกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ไปปลูก ในประเทศสรุ นิ มั ดนิ แดนในปกครองของดชั ท์ ประมาณปี ค.ศ. 1723 นายทหารเรือชาวฝรั่งเศส ช่ือกาเบรียล แมธธิว เดอคิว (Garbriel Methieu de Clieu) นำ� ต้นกาแฟจากประเทศฝร่ังเศส ไปยังเกาะมาตินิค (Martinique) ซึ่งเป็นอาณานิคมของฝร่ังเศส การเดินทางเป็นไปด้วย ความยากล�ำบาก ท้ังพายุ โจรสลัด ต้องสละน�้ำจืดส่วนตัวรดต้นกาแฟ จนมาถึงจุดหมาย ปลายทาง ต้นกาแฟเหล่าน้ันถูกปลูกและดูแลรักษาอย่างระมัดระวัง จนในปี ค.ศ. 1726 ต้นกาแฟจึงให้ผลผลิตในเวลาต่อมา ชาวสเปนได้น�ำกาแฟเข้าสู่อาณานิคมในหมู่เกาะอินเดีย ตะวันตก ค.ศ. 1730 ผู้ว่าจาไมก้านำ� กาแฟจากไฮติมาปลูกในจาไมก้า ซึ่งเป็นพ้ืนที่อุดมสมบูรณ์ จนเปน็ กาแฟทม่ี ชี อื่ เสยี ง และนำ� ไปปลกู ในสาธารณรฐั โดมนิ กิ นั ในปี ค.ศ. 1748 มกี ารนำ� เมลด็ กาแฟ จากสาธารณรัฐโดมินิกันไปปลูกท่ีคิวบา ต่อมาหมอสอนศาสนา ชาวสเปนน�ำเมล็ดกาแฟจากคิวบาไปปลูกท่ีประเทศ กัวเตมาลา และเปอรโ์ ตริโก ในปี ค.ศ. 1779 นำ� เข้า ไปปลูกในประเทศคอสตาริก้า ค.ศ. 1783 เร่ิม ปลูกกาแฟในประเทศเวเนซูเอล่า ที่หมู่บ้าน ในหุบเขาคาราคัส (Caracas) ปี ค.ศ. 1790 มี ก า ร ป ลู ก ก า แ ฟ ใ น ป ร ะ เ ท ศ เ ม็ ก ซิ โ ก ค.ศ. 1825 มีการปลกู กาแฟในฮาวาย 6 การเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
โคลัมเบีย ปลายศตวรรษท่ี 18 มีการน�ำเมล็ดกาแฟจากดินแดนปกครองของฝร่ังเศส มาปลูกคร้ังแรกท่ีเมือง Cucuta ใกล้ดินแดนประเทศเวเนซูเอล่า พ้ืนที่ปลูกกาแฟของ โคลัมเบียอยู่บนท่ีสูงตั้งแต่ 800-1900 เมตร เหนือระดับน�้ำทะเล ดินเป็นดินภูเขาไฟ อุดมสมบรู ณ์ ทำ� ใหก้ าแฟโคลมั เบยี เปน็ กาแฟทีม่ ีคณุ ภาพสงู แหง่ หนึง่ ของโลก บราซิล มีการพยายามน�ำพันธุ์กาแฟจากดินแดนประเทศกิอานาของดัชท์และฝร่ังเศส มาปลูกในบราซิล แต่ไม่ประสบผลส�ำเร็จ เนื่องจากทั้งดัชท์และฝร่ังเศลดูแลเข้มงวด ผู้น�ำ เมลด็ และต้นกาแฟออกไปอาจถกู ประหารชวี ติ ใน ค.ศ. 1718 ฟรานซิสโก เดอ เมลโล พาลเฮตา (Francisco De Melo Palheta) นายทหารชาวบราซิลถูกสง่ ไปเจรจาเร่ืองปัญหาเขตแดนกบั ดชั ท์ และฝรั่งเศส เขาสามารถเข้าใกล้ชิดและสนิทสนมกับนายกผู้ปกครองกิอานา ฝร่ังเศส เขาได้มี ความสัมพันธ์ลึกซ้ึงกับภรรยาผู้ปกครอง เม่ือการเจรจาส้ินสุดลง มีการจัดเล้ียง ภรรยาผู้ปกครอง ได้มอบชอ่ ดอกไมท้ มี่ ีตน้ กาแฟจำ� นวน 5 ต้น และผลกาแฟจ�ำนวน 30 เมล็ด บรรจถุ งุ เลก็ ๆ ซอ่ นอยู่ ในชอ่ ดอกไม้ เมอื่ กลบั มายงั บราซลิ เขาลาออกจากการเปน็ ทหาร และปลกู กาแฟทำ� สวนอยทู่ ร่ี มิ แมน่ ำ้� Ubatuba จนปี ค.ศ. 1727 กาแฟเริ่มให้ผลผลิต และในปี ค.ศ. 1733 กาแฟจ�ำนวน 50 ถุง ถูกส่งไปยังประเทศโปรตุเกส ในระยะแรกกาแฟไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเมื่อเทียบกับ อุตสาหกรรมน�้ำตาลจากอ้อย จนกระทั่งนโปเลียนสนับสนุนการท�ำน�้ำตาลจากหัวบีท ท�ำให้ ความต้องการน�้ำตาลจากบราซิลลดลง ต้องหาพืชใหม่ปลูกทดแทน ในต้นศตวรรษที่ 19 มีความต้องการกาแฟในยุโรปและอเมริกา บราซิลมีพื้นท่ีเหมาะสมกับการปลูกกาแฟและยังมี ทาสใช้แรงงาน ท�ำใหม้ กี ารขยายพน้ื ทปี่ ลูกเปน็ สวนขนาดใหญ่ (Estate) ขน้ึ อยา่ งมากมายรวดเร็ว ต่อมาเมื่อมีการเลิกทาส เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ท�ำให้ผลผลิตกาแฟลดลงอย่างมาก รฐั บาลบราซลิ จึงได้มีการฟ้นื ฟู โดยสนับสนุนใหช้ าวยโุ รป เชน่ โปรตเุ กส เยอรมัน เข้ามาต้ังถิ่นฐาน ด�ำเนินการท�ำสวนกาแฟ โดยมีรัฐบาลช่วยดูแล มีการเปิดพ้ืนท่ีปลูกใหม่ ปลูกเป็นสวนขนาดใหญ่ อยู่แถบรัฐเซาเปาโล และขยายออกไปทางตะวันตกและทางใต้ของประเทศ จนปัจจุบันบราซิล เปน็ ผูผ้ ลติ กาแฟรายใหญ่ทส่ี ุดของโลก กาแฟส่เู อเซยี ใต้และเอเซยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ อินเดีย ประมาณ ค.ศ. 1600 นายบาบา บูดาน (Baba Budan) นกั แสวงบญุ ชาวอนิ เดีย ได้ลักลอบน�ำเมล็ดหรือผลกาแฟ ซึ่งเป็นพืชหวงห้ามของชาวอาหรับ จ�ำนวน 7 เมล็ด ซุกซ่อน ในเส้ือคลุมจากเมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย มาปลูกแถบ เนินเขาใกล้เมือง Chikmagalur เมืองไมเซอร์ (Mysore) ต่อมา กาแฟได้แพร่กระจายไปส่วนอ่ืนๆ ของอินเดีย จนกระท่ัง ในปี ค.ศ. 1823 อังกฤษมีการพัฒนาปลูกกาแฟแบบสวน ขนาดใหญ่ (Estate) ใกล้ๆ เมืองกัลกัตตา ปี ค.ศ. 1830 มีการสร้างสวนกาแฟท่ีเป็นระบบสมบูรณ์แห่งแรกของ การเพ่ิมประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 7
นายแคนนอน ท่ีเมือง Chilmuglur ในช่วงต่อมาสวนกาแฟขนาดใหญ่มีการขยายไปจนถึงทางใต้ ของอินเดียแถบไมเซอร์ คูนอร์ มัทราส ประมาณปี ค.ศ. 1900 มีการน�ำกาแฟพันธุ์โรบัสต้าจาก อินโดนีเซยี มาปลกู ในอนิ เดีย ปจั จบุ นั อนิ เดียมที ง้ั ผลผลติ กาแฟพันธุ์โรบัสต้าและอาราบิก้า อินโดนีเซีย ในปี ค.ศ. 1696 นิโคลัส วิทเสน ผู้จัดการบริษัทดัชท์อินเดียตะวันออก ไดน้ ำ� ตน้ กาแฟจากมาลาบาร์ (Malabar) รฐั เคลาลา่ ประเทศอนิ เดยี ไปปลกู ท่ี Kedawoeng Estate ใกล้เมืองปัตตาเวีย (จาการ์ต้า) ในเกาะชวา ในปี ค.ศ. 1699 สวนกาแฟประสบความเสียหาย เนอื่ งจากแผน่ ดนิ ไหวและน�้ำทว่ ม ในปเี ดยี วกนั มกี ารน�ำตน้ กาแฟอาราบกิ า้ จากมาลาบารข์ องอนิ เดยี มาปลกู อกี ครัง้ กาแฟอาราบกิ า้ จงึ ไดร้ บั การสง่ เสรมิ และพัฒนาขน้ึ จนในปี ค.ศ. 1711 มีรายงานวา่ ได้มีการเก็บเก่ียวกาแฟน�ำไปขายในตลาดประมูลสินค้าที่เนเธอร์แลนด์ ปี ค.ศ. 1880 – 1899 มีการระบาดของโรคราสนิม ท�ำให้ไม่สามารถที่จะปลูกกาแฟอาราบิก้าได้ผล จึงได้มีการเปลี่ยน พันธุ์กาแฟมาเป็นพันธุ์โรบัสต้าและพันธุ์ลิเบอริก้า ในปี ค.ศ. 1900 ได้มีการส่งต้นกาแฟโรบัสต้า จ�ำนวน 150 ต้น จากประเทศเบลเยี่ยมไปเกาะชวา ต่อมากาแฟโรบัสต้าได้รับการส่งเสริมและ ขยายการผลิตในอนิ โดนีเซยี จนประสบความสำ� เรจ็ สามารถผลติ และสง่ ออกไปขายในตลาดโลกได้ สาธารณรัฐเวียดนาม เวียดนามเร่ิมปลูกกาแฟเม่ือ 100 กว่าปีท่ีผ่านมา โดยชาวฝร่ังเศสได้น�ำเข้ามาปลูกแถบบริเวณท่ีราบสูงตอนกลางประเทศ เม่ือปี ค.ศ. 1857 และได้มีการขยายพ้ืนท่ีปลูกเพ่ิมขึ้น จนในปี ค.ศ. 1975 เวียดนาม มีพ้ืนท่ีปลูกกาแฟ ท่ัวประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 125,000 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 5,000 – 7,000 ตัน จนกระทั่ง ถงึ ปี ค.ศ. 2012 มีพ้นื ทปี่ ลูกถึง 3,750,000 ไร่ ผลผลติ 1,260,000 ตนั ส่วนใหญ่ปลูกกาแฟพันธุ์ โรบัสต้าร้อยละ 85 ของพื้นท่ีปลูกกาแฟท้ังประเทศ อีกร้อยละ 15 เป็นพันธุ์อาราบิก้า ในเวลาเพียง 30 ปี พื้นท่ีปลูกกาแฟของเวียดนามเพ่ิมขึ้นถึง 25 เท่า และผลผลิตเพ่ิมขึ้น 100 เท่า จนกระท่ังเวียดนามเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้าอันดับหน่ึงของโลก และ เปน็ ประเทศผ้ผู ลิตกาแฟมากเป็นอนั ดับสองของโลก รองจากประเทศบราซิล กาแฟจงึ สรา้ งความ ร�ำ่ รวยใหเ้ วยี ดนามอยา่ งรวดเรว็ 8 การเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ลาวเริ่มปลูกกาแฟในสมัยเป็นอาณานิคม ของประเทศฝร่ังเศส โดยชาวฝรั่งเศสได้น�ำเอากาแฟเข้ามาปลูกในพ้ืนที่ราบสูง Bolaven ด้วย พันธุ์ดั้งเดิม สันนิษฐานว่าเป็นกาแฟอาราบิก้า สายพันธุ์ Tipica ที่มีรสชาติเป็นอันดับหน่ึงของ เอเซีย อย่างไรก็ตามพ้ืนที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นกาแฟโรบัสต้าราว 80% แหล่งปลูกส�ำคัญและ มีผลผลิตมากที่สุดคือ เมืองปากซอง แขวงจำ� ปาสัก พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ กาแฟพันธุ์อาราบิก้า สายพันธุ์ Tipica Catuai และสายพันธุ์ Hybrido De Timor ปากซองได้รับสมญานามเป็น เมืองกาแฟของลาว เน่ืองจากปลูกในที่ราบภูเขาไฟ อุดมด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่เหมาะสมในการ ปลกู กาแฟ และมสี ภาพอากาศท่ีเหมาะสม พ้นื ทส่ี งู จากระดบั นำ�้ ทะเล 1,200 เมตร ประวตั กิ าแฟไทย ค�ำว่า กาแฝ่ ปรากฎในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ของหมอบรัดเลย์ ตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2416 ว่า “กาแฝ่, ต้นไม้อย่างหนึ่ง มาแต่เมืองนอก เม็ดมันต้มน�้ำร้อนกินคล้ายใบชา” มีบันทึกว่าเมืองไทยปลูกกาแฟมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ทว่าแพร่หลายจริงจัง นิยมปลูกและนิยมดื่ม ก็ล่วงเข้ามาสมยั รัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2367 สมยั รชั กาลท่ี 3 ประเทศไทยเรม่ิ มกี ารตดิ ต่อคา้ ขาย กับชาวต่างประเทศ เช่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ได้มีการน�ำต้นกาแฟมาทดลองปลูกใน พระบรมมหาราชวัง และเพาะต้นกาแฟแจกจ่ายให้เสนาบดีไปปลูกกัน ในสมัยรัชกาลท่ี 4 สมเด็จพระมหาประยรู วงศ์ ทา่ นมสี วนกาแฟ เมอ่ื คราวไดต้ อ้ นรับเซอรจ์ อห์น เบาวร์ ่งิ ทา่ นไดม้ อบ กาแฟให้ท่านเซอร์ไปเป็นตัวอย่างถึง 3 กระสอบ นอกจากนี้พ่อค้าชาวดัชท์หรือชาวอังกฤษ จากแหลมมลายูอาจน�ำกาแฟเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าชาวไทย จึงมีการน�ำพันธุ์กาแฟ มาปลูกในพื้นทภ่ี าคใต้ จากบันทกึ ของพระสารศาสตรพ์ ลขนั ธ์ (นายเจรินี ชาวอิตาลี) กลา่ ววา่ ประเทศไทยมกี าร น�ำกาแฟพันธุ์อาราบิก้าเข้ามาปลูกต้ังแต่ปี พ.ศ. 2393 แล้ว แต่ประสบปัญหามาตลอด ต่อมา ในระหว่างปี พ.ศ. 2515 – 2522 ได้มีการดำ� เนินโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่นในเขตภาคเหนือ พบว่ากาแฟอาราบิก้ามีศักยภาพในการปลูกทดแทนฝิ่นได้ ในปี พ.ศ. 2523 จึงมีการส่งเสริม ปลูกกาแฟอาราบกิ า้ ทดแทนฝนิ่ จนถึงปจั จุบนั กาแฟพันธุ์โรบัสต้าสันนิษฐานว่าน�ำมาปลูก ราว ปี พ.ศ. 2447 ชาวไทยอิสลามช่ือ นายตีหมุนเป็น ผู้น�ำมาปลูกครั้งแรกที่ต�ำบลบ้านตะโหนด (ต�ำบล บ้านโหนดในปัจจุบัน) อ�ำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มีการสันนิษฐานแหล่ง ท่ีมาของเมล็ดพันธุ์กาแฟแตกต่างกัน ออกไป 2 แหล่ง บางแหล่งวา่ นำ� มาจาก การเพิม่ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 9
ประเทศอินโดนีเซีย เพราะช่วงน้ันประเทศอินโดนีเซียก�ำลังต่ืนตัวการปลูกกาแฟโรบัสต้า อีกแหล่งว่าน�ำมาจากโอกาสไปแสวงบุญ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย กาแฟที่น�ำมา ปรากฎวา่ ปลกู ไดผ้ ลดพี อสมควร จากนนั้ ไดม้ กี ารขยายพนั ธแ์ุ ละมกี ารสง่ เสรมิ การปลกู กาแฟโรบสั ตา้ ออกไปอย่างกว้างขวาง ในสมัยจอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นถึงความ จ�ำเป็นและความส�ำคัญของการปลูกและผลิตกาแฟข้ึนเองในประเทศ เพื่อลดดุลการค้า ระหว่างประเทศ และมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรปลูกกาแฟใน 50 จังหวัด จนกระทั่งมีการ ปลกู แพร่กระจายในหลายจังหวัดของภาคใต้ รวมท้งั ภาคอน่ื ๆ ของประเทศไทย แหล่งปลูกกาแฟที่ส�ำคัญของประเทศไทยในปัจจุบัน เกือบร้อยละ 80 ของพ้ืนที่ปลูก และผลผลิตรวมทั้งประเทศอยู่ในภาคใต้ เช่น จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ฯลฯ โดย ปลูกกาแฟโรบัสต้า อีกประมาณร้อยละ 20 อยู่ในพ้ืนที่สูงเขตภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ฯลฯ นิยมปลูกกาแฟอาราบิก้า นอกจากน้ียังมีการปลูกในพื้นท่ี ภาคอื่นบา้ ง เช่น ภาคตะวันตก ท่ีจังหวัดกาญจนบุรี ประจวบครี ีขันธ์ ฯลฯ ภาคตะวนั ออก ท่ีจงั หวัด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ฯลฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท่ีจังหวัดนครราชสีมา เลย ฯลฯ ปัจจุบัน ผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานแปรรูปในประเทศ ต้องน�ำเข้าจาก ต่างประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ กาแฟโรบัสตา้ ส่วนวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ มีการเปิดร้านกาแฟแห่งแรกในกรุงเทพฯ โดยชาวอเมริกัน ตงั้ อยูท่ ่บี ริเวณสกี่ ัก๊ พระยาศรี ต่อมาไดม้ ีร้านขายของชำ� ช่อื ตงุ ฮสู โตร์ ขายกาแฟยห่ี ้อตงุ ฮู ในสมัย รชั กาลท่ี 6 โปรดเกล้าใหต้ ้ังรา้ นกาแฟช่อื นรสงิ ห์ ขน้ึ บรเิ วณรมิ ถนนศรอี ยุธยา รมิ ลานพระบรมรปู ทรงม้า ต่อมามีการต้ังร้านกาแฟขึ้นอีกหลายร้าน ที่มีช่ือเสียงจนถึงปัจจุบัน เช่น ออนล็อกหยุ่น 10 การเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ
เอี๊ยแซ เป็นต้น หลังจากน้ันมีบริษัทผู้ผลิตกาแฟค่ัวบด และกาแฟผงสำ� เร็จรูปเพ่ิมข้ึน นอกจากนี้ ยงั มีผลิตภัณฑ์กาแฟรปู แบบต่างๆ เพิม่ มากขึน้ เช่น กาแฟ 3:1 กาแฟพร้อมดมื่ กาแฟเพอ่ื สุขภาพ และความงาม เปน็ ตน้ รวมทงั้ มรี า้ นกาแฟเกดิ ขนึ้ มากมาย เนอ่ื งจากกระแสความนยิ มบรโิ ภคกาแฟสด ที่เพิม่ ขึน้ อยา่ งตอ่ เนอื่ งในชว่ งเกอื บ 10 ปีทีผ่ ่านมา แหล่งปลูกทส่ี �ำคัญของโลก แหลง่ ปลกู กาแฟของโลกปจั จบุ นั มมี ากกวา่ 50 ประเทศ แหลง่ ผลติ กาแฟทสี่ ำ� คญั อยบู่ รเิ วณ ใกลเ้ สน้ ศนู ยส์ ตู ร ระหวา่ งเสน้ รงุ้ ท่ี 20 องศาเหนอื ถงึ 20 องศาใต้ หรอื เรยี กวา่ บรเิ วณ Coffee belt ประเทศในแถบนี้ ได้แก่ กลุ่มละตินอเมริกา แอฟริกากลาง ตอนใต้ของอินเดีย เอเชียตะวันออก เฉียงใต้ และหมู่เกาะของประเทศอนิ โดนีเซีย ผลผลิตกาแฟของโลก กระจายอย่ใู น 4 ทวปี คอื 1. อเมริกาเหนือ มีผลผลิตประมาณร้อยละ 18 ของผลผลิตโลก ประเทศผู้ผลิต ส�ำคัญ คือ เม็กซิโก กัวเตมาลา จาไมก้า เอลซัลวาดอร์ ฮอนดูรัส ผลผลิตส่วนใหญ่เป็นกาแฟ อาราบกิ ้า กาแฟทีม่ ีช่อื เสยี งเปน็ ทรี่ ู้จัก เชน่ กาแฟบลูเมาท์เทน ของประเทศจาไมกา้ กาแฟโคน่า ของมลรฐั ฮาวาย 2. อเมริกาใต้ มีผลผลิตประมาณร้อยละ 43 ของผลผลิตโลก ประเทศผู้ผลิตส�ำคัญ คือ บราซิล โคลัมเบีย เม็กซิโก คอสตาริกา เอกวาดอร์ เปรู และเวเนซูเอล่า ผลผลิตส่วนใหญ่ เป็นกาแฟอาราบกิ า้ กาแฟท่ีมชี ือ่ เสียงเป็นท่รี ้จู ัก เชน่ กาแฟซรู ีโม เมดิลลิน โบโกตา้ ของโคลัมเบยี กาแฟบราซิลเลีย่ นซานโตส ของบราซิล 3. แอฟริกา มีผลผลิตประมาณร้อยละ 15 ของผลผลิตโลก ประเทศผู้ผลิตส�ำคัญ คอื คาเมรนู ไอเวอรโ่ี คสต์ ยกู านดา ซาอรี ์ มาดากสั การ์ และเคนยา่ ผลผลติ ส่วนใหญเ่ ปน็ กาแฟ โรบัสต้า ส่วนประเทศเอธิโอเปีย คีเนีย และแทนซาเนีย ผลผลิตส่วนใหญ่เป็นกาแฟอาราบิก้า กาแฟทมี่ ชี อ่ื เสยี งเปน็ ทรี่ จู้ กั ดี เชน่ กาแฟครี มี นั จาโร ของประเทศเคนยา่ กาแฟมอ็ คคา่ ของประเทศ เยเมน 4. เอเชียและโอซเี นีย มีผลผลติ ประมาณร้อยละ 24 ของผลผลติ โลก ประเทศผผู้ ลิต ส�ำคัญ คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย ไทย ปาปัวนิวกินี ผลผลิตส่วนใหญ่เป็นกาแฟโรบัสต้า กาแฟที่มชี อ่ื เสียงเปน็ ท่ีรจู้ กั เชน่ กาแฟจาวา และกาแฟสมุ าตรา ของอนิ โดนีเซีย กาแฟมาลาบา ของอินเดีย การเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ 11
แหล่งผลติ กาแฟทส่ี ำ� คัญของโลก (Coffee belt) ประเทศผผู้ ลิตและน�ำเข้ากาแฟของโลก ประเทศผู้ผลิตกาแฟส�ำคัญ 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ บราซิล เวียดนาม อินโดนีเซีย โคลมั เบยี และเอธโิ อเปีย ประเทศผู้น�ำเข้ากาแฟที่ส�ำคัญ 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมันนี อิตาลี ญ่ีปนุ่ และเบลเย่ียม 12 การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ
ล ัก ษ ณพฤะกทษาศงาสตร์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกาแฟ กาแฟจัดเป็นไม้ยืนต้น มีลักษณะเป็นไม้พุ่มเล็กไปจนถึงไม้พุ่มใหญ่ ลักษณะของต้น ใบ ยอด และดอกมีความหลากหลายในพนั ธ์ุกาแฟแตล่ ะชนดิ ลกั ษณะส่วนต่างๆของกาแฟ ● ราก กาแฟมรี ากแกว้ (Tap root) ทอ่ี ว้ นสนั้ สว่ นมากยาวไมเ่ กนิ 45 เซนตเิ มตร รากแขนงดง่ิ ท่ีเกิดจากรากแกว้ (Axial root) มจี �ำนวนต้งั แต่ 4 – 8 ราก หย่ังลึกลงไปในดนิ 2 - 3 เมตร จาก รากแขนง (Lateral root) จะมีรากฝอย (Feeder bearer root) และจากรากฝอยจะมีราก ส�ำหรบั ดดู อาหาร (Feeder roots) แตกออกมาจ�ำนวนมาก สว่ นใหญข่ องรากชนิดนี้ แผ่กระจาย ลกึ จากระดับผิวดนิ ประมาณ 20 เซนติเมตร และรอบรัศมี 120 เซนติเมตร รอบๆ ตน้ กาแฟ ● ล�ำตน้ ล�ำต้นกาแฟมีข้อและปล้อง ในขณะต้นเล็กจะเห็นใบอยู่ที่ข้อของล�ำต้น เมื่อต้นโต ใบจะร่วงหล่นไป ทโ่ี คนใบมตี าอยู่ 2 ชนดิ คือ ตาบน และตาล่าง โดยปกตติ าบนจะแตกกิง่ แขนง ท่ี 1 (primary branch) ออกมาจากล�ำต้น ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพ้ืนดิน หรือห้อยต�่ำ ลงดิน กิ่งแขนงท่ี 1 สามารถแตกก่ิงแขนงท่ี 2 (secondary branch) และกิ่งแขนงที่ 2 สามารถแตกเป็นก่ิงแขนงที่ 3 (tertiary branch) ได้อีก ในลักษณะเป็นคู่สลับเย้ืองกันบนล�ำต้น หรือก่ิงต้ัง แต่ละข้อของก่ิงแขนงเหล่านี้ มีกลุ่มตาดอกท่ีจะติดดอกออกผลต่อไป ส่วนตาล่าง การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 13
โครงสร้างของต้นกาแฟและระบบราก 14 การเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
(เกิดเปน็ ชดุ ) มักมีการแตกหนอ่ เปน็ จ�ำนวนมาก และเติบโตเป็นก่งิ ตัง้ (sucker) ขึ้นไปเหมอื นลำ� ต้น ไม่ติดดอกผล แต่สามารถแตกเป็นก่ิงแขนงที่ 1 2 และ 3 ซ่ึงสามารถให้ดอกผลได้เช่นกัน ควรมกี ารปลดิ หนอ่ ทงิ้ หรอื ตดั แตง่ กง่ิ ออกบา้ ง เพอ่ื ไมใ่ หท้ รงพมุ่ แนน่ ทบึ จนเปน็ ทส่ี ะสมของโรคแมลง ● กิ่ง ในแต่ละข้อของก่ิงนอนจะมีตาท่ีให้ก�ำเนิดดอก ประมาณ 6 ตา อยู่ที่โคนก้านใบ โดยตาจะแกไ่ มพ่ รอ้ มกนั ตาทอ่ี ยโู่ คนทส่ี ดุ เปน็ ตาทอี่ อ่ นกวา่ สว่ นตาทอี่ ยหู่ า่ งออกไปทางปลายจะเปน็ ตาท่ีแก่กว่าตามล�ำดับ ตาท้ัง 6 ตา ในข้อน้ันจะทยอยกันบาน ท�ำให้ผลกาแฟสุกไม่พร้อมกัน ตาดอกหน่ึงตาจะสร้างดอกหลายดอกเป็นกลุ่ม ทำ� ใหเ้ วลาตดิ ผลแลว้ เหน็ ชดั วา่ ผลกาแฟในแตล่ ะขอ้ จะติดกันเป็นกลุ่มๆ การออกดอกติดผลของกาแฟ จะเกิดไล่จากโคนกิ่งไปสู่ปลายกิ่งเรื่อยๆ โดยข้อที่ ให้ผลแล้วจะไม่ให้ผลซ้�ำอีก แต่บางคร้ังพบว่าใน ข้อท่ีได้ติดดอกออกผลไปแล้ว ปีถัดมายังเกิดดอก และติดผลได้อีก แต่ไม่มากเหมือนปีแรก เนื่องจาก ตาดอกท้ัง 6 ตา ในปแี รกนน้ั ไม่ได้ผลติ ดอกทกุ ตา โครงสร้างชนดิ ของตาทจ่ี ะผลิตก่ิงตงั้ และกิง่ นอน การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 15
● ใบ ใบเกิดที่ข้อ เรียงตัวเป็นคู่ตรงข้าม กนั ลกั ษณะเปน็ ใบเด่ียว รปู ไข่ หรือรูปโล่ โคนใบ และปลายใบเรียวแหลม ตรงกลางใบกว้าง ขอบ ใบเรยี บ แผ่นใบเป็นคลืน่ เส้นกลางใบเห็นชดั เจน และมเี สน้ แขนงเรยี งขนานกนั ตลอดความยาวของ ใบ ใบแก่ดา้ นบนสีเขียวเข้ม ดา้ นใตใ้ บสีเขียวออ่ น แต่ยอดอ่อนจะมีสีแดงหรือสีเขียว รวมท้ังขนาด ของใบข้ึนอยกู่ บั สายพันธุ์ ● ดอก ดอกเกดิ จากตาท่ี 1 – 6 ในแต่ละซอกใบของกิง่ นอน โดยมากมกั เกดิ จากตาท่ี 1 – 4 ก้านดอกสน้ั จำ� นวนดอกต่อชอ่ ประมาณ 4 – 6 ดอก และ 1 ข้อ จะมีชอ่ ดอกประมาณ 15 – 20 ช่อ กลีบดอกจะมีสขี าวหรือครมี กลิ่นหอมคล้ายมะลิป่า เปน็ ดอกสมบรู ณ์เพศทมี่ ีเกสรตัวผแู้ ละตวั เมยี อยู่ในดอกเดยี วกนั ดอกกาแฟแต่ละดอก ประกอบด้วย กลบี ดอก 5 กลีบ และกลีบเลย้ี ง 5 กลบี มเี กสร 5 อัน รังไขม่ ี 2 ห้อง แต่ละหอ้ งมไี ข่ 1 ใบ ปกตเิ ม่ือเกดิ ตาดอกแล้ว จะพกั ตัวอยูร่ ะยะหนงึ่ เนอ่ื งจากเป็นช่วงแล้ง แต่เมอ่ื ไดร้ ับน้�ำฝนตอนต้นฤดู ดอกจะเรมิ่ พัฒนา กา้ นดอกยืดยาว กลบี ดอก ขยาย และบานพรอ้ มกัน ดอกกาแฟใชเ้ วลาบานต่อเนอ่ื ง 8 – 12 วัน โดยดอกแตล่ ะดอกจะบาน ประมาณ 2 วนั จงึ เหย่ี ว หลงั จากนน้ั กลบี ดอกรวมทงั้ สว่ นอน่ื ๆ จะรว่ งหลน่ เหลอื แตร่ งั ไขท่ จี่ ะกลาย เปน็ ผลกาแฟต่อไป ปกติกาแฟจะออกดอกต้งั แต่เดอื นพฤศจิกายนถงึ เมษายน แต่ถา้ อากาศชมุ่ ชนื้ จะสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี การออกดอกของกาแฟ 16 การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ
● ผล ผลมีลักษณะกลมรี ขนาดความยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ก้านผลสั้น ผลดิบ มสี เี ขียว ผลสุกมสี ีเหลือง ส้ม แดง หรอื แดงเกือบดำ� ขึน้ อยกู่ ับพนั ธขุ์ องกาแฟ ผลกาแฟแบ่งออก ได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่ (1) เปลือกผล (skin) (2) เน้ือ (pulp) มีสีเหลืองอ่อน เม่ือสุกมีรสหวาน เล็กน้อย (3) เปลือกเมล็ด หรือกะลา (parchment) เป็นส่วนท่ีหุ้มเมล็ดไว้ โดยจะมีเมือก (mucilage) ห่อหุม้ ผวิ กะลา บนผวิ นอกระหว่างเมล็ดกับกะลา จะมีเยอื่ บางๆหุ้มเมล็ดอยู่ เรยี กว่า เย่ือหุ้มเมล็ด (silver skin) โดยปกติผลจะใช้เวลาเจริญเติบโตจนถึงระยะผลสุกเก็บเกี่ยวได้ต้ังแต่ 6 – 11 เดอื น ข้ึนอยกู่ ับพันธ์ุ อุณหภมู ิ และแหล่งปลูก ผลกาแฟบนต้นจะสุกไม่พร้อมกนั เน่ืองจาก ตาดอกของแตล่ ะขอ้ แทงชอ่ ดอกไม่พรอ้ มกนั และในแตล่ ะช่อดอกก็บานไมพ่ ร้อมกนั การติดผลของกาแฟ ● เมลด็ โดยปกติผลกาแฟแต่ละผลมี 2 เมล็ด ลักษณะเหมือนกันประกบกัน เมล็ดมีรูปร่าง คอ่ นขา้ งกลมรี ยาวประมาณ 8.5 – 12.5 มลิ ลเิ มตร ดา้ นทปี่ ระกบกนั มลี กั ษณะแบน มรี อ่ งตรงกลาง ตลอดแนวยาวของเมลด็ 1 ร่อง ดา้ นนอกโค้งนนู คลา้ ยหลงั เต่า ส่วนของเมล็ดใน (endosperm) ถัดจากกะลาเขา้ ไป จะมผี นงั บางๆ (silver skin) หมุ้ ไว้ มีคัพภะ (embryo) เล็กๆ ตดิ อยใู่ กลฐ้ าน ของเมล็ด เมล็ดแห้งหลังจากสีเอากะลาออก เรียกว่า สารกาแฟ หรือเมล็ดกาแฟดิบ (Coffee Bean) เมื่อแห้งแล้วมีสีเขียวอมเทา ภาษาอังกฤษจึงมักเรียกว่า Green Coffee ซ่ึงเป็นส่วนท่ี การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ 17
น�ำมาใช้แปรรปู บรโิ ภค เมลด็ กาแฟประกอบด้วย น�้ำ 12% โปรตนี 13% ไขมนั 12% นำ้� ตาล 9% สารคาเฟอนี 1-1.5% กรดคาเฟทานิค 9% สารทล่ี ะลายน�้ำอื่นๆ 5% เซลลูโลสและสารประกอบ ของเซลลูโลส 35% และเถ้า 4% บางคร้ังอาจมีการเจริญพัฒนาของเซลล์ผิดปกติหลังจากการผสมพันธุ์ ท�ำให้มีการสร้าง เมลด็ ทแี่ ตกตา่ งไปบา้ ง เช่น เมล็ดเด่ียวหรอื เมล็ดโทน (pea bean , peaberry) โดยผลติดเมล็ด เพียงเมล็ดเดียว บางแหล่งจัดเมล็ดกาแฟชนิดน้ีอยู่ในประเภทคุณภาพพิเศษ โดยมีเหตุผลเช่ือว่า เป็นเมล็ดกาแฟท่ีมีการสะสมอาหารอย่างเต็มที่ จะมีปริมาณ 10 – 15 % ของกาแฟทั้งหมด เมล็ดกาแฟหชู ้าง (Elephant ears) เปน็ เมลด็ ขนาดใหญ่ แต่มรี อยแยกขา้ งบนโคง้ นนู ท�ำให้แยก ชนิ้ สว่ นออกจากกนั ไดง้ า่ ย มลี กั ษณะคลา้ ยใบหชู า้ ง เมลด็ ซกี ในหนงึ่ ผลมเี มลด็ ประกบกนั อยู่ 3 เมลด็ เปน็ เมลด็ ทถ่ี กู แยกไวร้ วมกบั เมลด็ แตกหกั ทม่ี คี ณุ ภาพและราคารองไปจากเมลด็ ธรรมดา โดยทว่ั ไป ผลสดกาแฟประมาณ 5 กโิ ลกรัม จะเปลีย่ นเปน็ สารกาแฟได้ 1 กโิ ลกรมั อาจมากหรอื นอ้ ยกวา่ น้ี ขึ้นกับพันธุ์ ความสมบูรณ์ของเมลด็ และประสทิ ธิภาพของกระบวนการผลิตสารกาแฟ 18 การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
พ แนั ลธะกุ์ ารขยายพนั ธก์ุ าแฟ พนั ธ์ุกาแฟที่มีความสำ� คญั ในเชงิ เศรษฐกิจ กาแฟท่ีมีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ และปลูกเป็นการค้าแพร่หลายทั่วโลก ในปัจจุบัน มเี พยี ง 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1. กาแฟอาราบกิ ้า (Coffea arabica L.) เป็นพันธุ์ที่ปลูกมากที่สุดในโลก มีปริมาณผลผลิตมากกว่า 80 % ของผลผลิตกาแฟโลก มีโครโมโซม 2n = 44 ลกั ษณะทรงพุ่มขนาดเลก็ ใบเขียวเปน็ มัน ดอกผสมตัวเอง ระยะออกดอก ถึงผลแก่ใช้เวลา 6 – 9 เดือน เมล็ดค่อนข้างใหญ่ รูปทรงค่อนข้างแบนยาว เกือบเป็นวงรี สีเขียวอมเทาฟ้า ให้ผลผลิตปานกลาง ลักษณะเด่น คือ มีกลิ่นหอมและรสชาตินุ่มละมุน เปน็ ทน่ี ยิ มของผบู้ รโิ ภค ขอ้ ดอ้ ยคอื ออ่ นแอตอ่ โรค โดยเฉพาะโรคราสนมิ ไมท่ นทานตอ่ การแปรปรวน ของสภาพแวดล้อม ท�ำให้การดูแลรักษาท�ำได้ยากกว่าพันธุ์อ่ืนๆ จุดเด่นของกาแฟอาราบิก้า คือ มีปริมาณคาเฟอีนน้อย ประมาณ 1 % ของน้�ำหนัก มีกลิ่นหอม เหมาะส�ำหรับน�ำมาท�ำเป็น กาแฟร้อน ทานแบบไมใ่ สน่ ม สายพนั ธต์ุ า่ งๆ ของกาแฟอาราบกิ า้ กาแฟอาราบิก้าสามารถผสมตัวเองได้ โดยไม่ทำ� ให้เกดิ ผลเสีย แต่อาจจะเกิดการผา่ เหล่า (Mutation) เกิดเป็นสายพันธุ์หลายสายพันธุ์ ซึง่ สายพันธุท์ สี่ �ำคัญมดี งั ตอ่ ไปน้ี การเพิ่มประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 19
1. พันธุ์ทิปปิก้า (Typica) เป็นพันธุ์ด้ังเดิมและถือได้ว่าเป็นพันธุ์ต้นก�ำเนิดของกาแฟ อาราบิก้าสายพันธุ์อื่นๆ ลักษณะเด่น คือ ใบหรือยอดอ่อนสีทองแดง กิ่งแขนงห้อยย้อยลงมา เป็นพมุ่ มีข้อหา่ ง ใบมขี นาดเลก็ เรียบ เปน็ มัน เจรญิ เติบโตเร็ว ออกดอก ผล และเก็บเกยี่ วได้เร็ว แต่โทรมเร็วกว่า และมีอาการยอดแห้งตายได้ง่าย ไม่ต้านทานต่อโรคราสนิมและไม่ทนต่อ ความแห้งแล้ง 2. พันธุ์เบอรบ์ อน (Bourbon) เชื่อกันว่ากลายพนั ธ์ุมาจากพันธ์ุทิปปิกา้ ที่ไดน้ �ำไปปลูกท่ี เกาะเบอร์บอน (ปัจจุบันคือเกาะรียูเนียน) ลักษณะเด่น คือ ยอดหรือใบอ่อนมีสีเขียว ข้อถ่ีกว่า ใบใหญ่กว่าเล็กน้อย กิ่งแขนงเจริญเป็นแนวตั้งตรงขึ้นไปท�ำมุม 45 องศากับล�ำต้น ในช่วง ติดผลน้ันปลายทั้งสองข้างของกิ่งแขนงจะโค้งลงมา เนื่องจากน�้ำหนักของผลกาแฟ ออกดอกและ เก็บผลไดช้ า้ กวา่ แต่ให้ผลผลติ สงู กวา่ และทนทานต่ออาการยอดแหง้ ตายได้ดีกว่า แต่ไม่ตา้ นทาน ตอ่ โรคราสนมิ รวมทงั้ ไมท่ นตอ่ สภาพความหนาวเยน็ และลมแรง คณุ ภาพของผลผลติ ใหร้ สชาตแิ ละ กลิ่นหอมดีกวา่ พันธทุ์ ปิ ปกิ ้า 3. พนั ธ์บุ ลเู มาเทน่ (Blue Mountian) กลายพนั ธุ์มาจากพนั ธท์ุ ิปปิกา้ ท่ีได้นำ� ไปปลกู ที่ บลู เมาเทน ในประเทศจาไมก้า ลักษณะเด่น คือ มียอดอ่อนสีน้�ำตาลแดง ใบบางแคบ มีความ เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมบนท่ีสูง ทนทานต่อความแห้งแล้ง มีความต้านทานต่อโรคที่เกิดกับ ผลกาแฟ แตอ่ อ่ นแอตอ่ โรคราสนมิ กาแฟพนั ธน์ุ ม้ี คี ณุ ภาพการบรโิ ภคดมี าก เปน็ ทยี่ อมรบั ของตลาด ผู้บริโภค และมีราคาแพงมากเชน่ กัน ถอื วา่ เป็นกาแฟทีม่ ชี ือ่ เสยี งเป็นอันดบั ต้นๆ ของโลก 4. พันธุ์โคน่า (Kona) เป็นพันธุ์ท่ีมีคุณภาพและรสชาติติดอันดับต้นๆ ของโลกตาม แบบของพันธุ์ทิปปิก้า น�ำมาจากเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล มาปลูกในเมืองโคน่า หมเู่ กาะฮาวาย ภายใตช้ อ่ื การคา้ “ฮาวาย โคนา่ ” ผลผลติ เปน็ ทต่ี อ้ งการและมรี าคาสงู มาก เชน่ เดยี ว กบั กาแฟบลเู มาเทน่ 5. พันธุ์ม็อกก้า (Mokka หรือ Mocha) เป็นกาแฟส่งออกผ่านท่าเรือโมช่า (Mocha) โดยใช้ ชื่อการค้าว่า โมช่า (Mocha) หรือเรียกว่า ม็อกก้า (Mokka) มีเอกลักษณ์กลนิ่ ผลไมค้ ล้ายโกโก้ พันธ์ุน้ีเมื่อ น�ำมาปลูกในประเทศอินโดนีเซียมีความแตกต่างอย่าง มากจากพันธุ์ท่ีปลูกในแหล่งด้ังเดิม ปริมาณผลผลิต ออกสตู่ ลาดมจี ำ� กดั 6. พนั ธค์ุ าทรู า่ (Caturra) เกดิ จากการกลายพนั ธ์ุ ตามธรรมชาติของพันธุ์เบอร์บอนในประเทศบราซิล ลักษณะคล้ายพันธุ์เบอร์บอน แต่ลักษณะเด่น คือ ทรงพุ่มเล็ก ข้อและปล้องส้ันมาก ให้ผลผลิตสูงเพราะ จำ� นวนขอ้ มาก ต้นขนาดเลก็ ทำ� ให้ปลูกไดถ้ ี่ข้นึ 20 การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ
7. พันธุ์มอนโดโนโว (Mondo Novo) เกิดจากการผสม ขา้ มตามธรรมชาตริ ะหวา่ งพนั ธท์ุ ปิ ปกิ า้ และพนั ธเ์ุ บอรบ์ อน มคี วาม แข็งแรงและให้ผลผลิตค่อนข้างสูง สีของยอดอ่อนและโครงสร้าง ของกงิ่ ข้างคลา้ ยพนั ธ์เุ บอร์บอน แตม่ กั จะสูงกวา่ และใหส้ ารกาแฟ ขนาดใหญก่ วา่ พนั ธุเ์ บอรบ์ อน 8. พนั ธค์ุ าทยุ (Catuai) เปน็ พนั ธท์ุ เ่ี กดิ จากการผสมพนั ธ์ุ โดยมนุษย์ ระหว่างพันธุ์มอนโดโนโว และคาทูร่าผลสีเหลือง ท�ำให้ได้ทรงต้นที่มีลักษณะดีกว่าพันธุ์คาทูร่า ผลมีทั้งสีแดง และสีเหลอื ง 9. พันธุ์เคน (Kent) เป็นพันธุ์จากการคัดเลือกกาแฟ ที่ปลูกในแคว้นไมเซอร์ (Mysore) ของประเทศอินเดีย ลักษณะเด่น คือ ยอดอ่อนสีน้�ำตาลแดง เติบโตเร็ว ติดผลดก ทนทานโรคบางสายพันธุ์ที่มักเกิดในกาแฟได้ดี แต่ในเขตพื้นท่ีที่มีอุณหภูมิสูง มักมีการติดผล มากเกนิ ไป จนเกดิ อาการก่งิ และยอดแหง้ ตาย 10. พนั ธุค์ าติมอร์ (Catimor) เกดิ จากการผสมข้ามพนั ธโ์ุ ดยมนุษย์ ระหวา่ งพันธุค์ าทรู ่า ผลแดงเปน็ ตน้ แม่พันธุ์ ซง่ึ มลี กั ษณะทรงต้นเตยี้ ผลผลติ สงู และพนั ธไุ์ ฮบรโิ ด เดอ ติมอร์ (ลกู ผสม ระหว่างกาแฟโรบัสต้าและกาแฟอาราบิก้า) เป็นต้นพ่อพันธุ์ ซ่ึงต้านทานโรคราสนิม และการ ผสมกลบั ระหวา่ งลกู ผสมขา้ มชนดิ ท�ำใหไ้ ดล้ กู ผสมทมี่ รี สชาตใิ กลเ้ คยี งกบั สายพนั ธอ์ุ าราบกิ า้ บรสิ ทุ ธิ์ แต่มีความทนทานต่อสภาพภูมอิ ากาศ และโรคราสนมิ พันธนุ์ ีน้ ิยมปลูกมากในประเทศไทย กาแฟอาราบกิ า้ สายพนั ธ์ุทสี่ ง่ เสริมปลกู ในประเทศไทย โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนากาแฟบนท่ีสูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร รวมทั้งหน่วยงานพัฒนาเกษตรท่ีสูง หลายหน่วยงานในประเทศไทย ได้มีการน�ำพันธุ์คาติมอร์หลายสายพันธุ์จากต่างประเทศมา ทดลองปลูก มีการปรับปรุงคัดเลือกสายพันธุ์ท่ีเหมาะกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย จนได้ สายพนั ธ์ุเพื่อนำ� ไปสง่ เสรมิ ปลกู ในปจั จุบนั ดังนี้ 1. พันธุ์เชียงใหม่ 80 (Catimor CIFC 7963 – 13 – 28) คัดเลือกโดยศูนย์วิจัย เกษตรหลวงเชียงใหม่ และประกาศให้เป็นพันธุ์รับรองโดยกรมวิชาการเกษตร ลักษณะเด่น คือ ต้านทานโรคราสนิมสูง ให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟดิบเฉลี่ย 5 ปี สูงถึง 214.7 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ปริมาณเมล็ดกาแฟเกรด A เฉลี่ย 5 ปี 81.4 – 87.3 เปอร์เซ็นต์ คุณภาพการชิมอยู่ระหว่าง 6.5 – 7.0 คะแนน (จาก 10 คะแนน) มปี รมิ าณสารคาเฟอีน 0.42 เปอร์เซน็ ต์ สภาพพ้ืนท่ีท่แี นะน�ำ ให้ปลูก คือ เขตภาคเหนือบนพ้ืนท่ีสูงจากระดับน้�ำทะเล 700 เมตรข้ึนไป มีอุณหภูมิเฉลี่ย การเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ 21
18-25 องศาเซลเซียส ปริมาณน้�ำฝน โดยเฉล่ียไม่ต่�ำกว่า 1,500 มิลลิเมตรต่อปี แต่มีข้อจ�ำกัด คือ ต้องปลูกภายใต้สภาพร่มเงาป่าธรรมชาติ หรือระหว่างแถวไม้ผลยืนต้น เชน่ มะคาเดเมีย บว๊ ย ลิน้ จี่ เน่อื งจากไม่ทนตอ่ สภาวะอากาศร้อนแห้งแลง้ 2. พันธุ์ แอล ซี 1662 ได้รับการผลิตพันธุ์และส่งเสริมโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สายพันธุ์น้ีให้ผลผลิตสูง ท้ังน้�ำหนักผลสด น�้ำหนักและขนาดของสารกาแฟ รวมท้ังยังแสดงความ ตา้ นทานตอ่ โรคราสนมิ ในแปลงปลกู 3. พันธุ์โปรจินี 88 ได้รับการผลิตพันธุ์และส่งเสริมโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ่อและ แมข่ องลูกผสมนมี้ ีความตา้ นทานโรคราสนมิ ได้ดี ขณะเดียวกนั ก็ต้านทานต่อโรคที่เกิดกบั ผลกาแฟ อันเกิดจากเชอื้ รา (Colletotrichum coffeanum) นอกจากนย้ี งั มคี าตมิ อรส์ ายพนั ธอ์ุ น่ื ๆ ทมี่ กี ารสง่ เสรมิ ใหป้ ลกู บนทสี่ งู อกี เชน่ พนั ธ์ุ เอช 306 เอช 361 เอช 420 เอช 528 เอช 589 โปรจินี 89 โปรจนิ ี 90 ซี 1669-31 เปน็ ตน้ 2. กาแฟโรบสั ตา้ (Coffea canephora Pierre ex Froehner) เปน็ พนั ธท์ุ ปี่ ลกู มากเปน็ อนั ดบั สองรองจากอาราบกิ า้ ผลผลติ มปี ระมาณ 20 % ของผลผลติ โลก มโี ครโมโซม 2n = 22 ลักษณะทรงพุ่มใหญก่ ว่ากาแฟอาราบกิ ้า มกี ่งิ ก้านสาขามาก ข้อปลอ้ ง ยาว ใบใหญ่ สเี ขียวเข้ม แตไ่ ม่เปน็ มัน ดอกไมส่ ามารถผสมตัวเองได้ ต้องผสมข้ามตน้ โดยอาศัยลม และแมลงช่วยผสมพันธุ์ ดอกกาแฟโรบัสต้าจึงมีกล่ินท่ีหอมมาก ระยะเวลาตั้งแต่ดอกบานถึงผล แก่ประมาณ 9 – 11 เดอื น เมล็ดเล็ก รปู ทรงคอ่ นข้างกลมและนนู สีเขียวอมน้ำ� ตาล ให้ผลผลติ สงู ทนทานตอ่ โรค และความแปรปรวนตอ่ สภาพแวดลอ้ มไดด้ ี จดุ เดน่ ของกาแฟโรบสั ตา้ คอื ใหป้ รมิ าณ เนอ้ื กาแฟมาก รสชาตเิ ขม้ ขน้ สว่ นขอ้ ดอ้ ยคือ ใหก้ ลนิ่ หอมนอ้ ยกวา่ จึงเหมาะนำ� มาผสมกบั กาแฟ อาราบิก้า หรือท่ีเรียกว่า การเบลนด์กาแฟ ทำ� กาแฟเย็น หรือกาแฟใส่นม เนื่องจากรสนมและ ความหวานไม่กลบรสกาแฟจนหมด นอกจากน้ียังนิยมน�ำมาท�ำกาแฟผงหรือกาแฟส�ำเร็จรูปด้วย มีปรมิ าณคาเฟอนี ประมาณ 2 % ของนำ้� หนัก กาแฟโรบัสตา้ สายพันธ์แุ นะนำ� ของกรมวิชาการเกษตร ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรได้ประกาศเห็นชอบรับรองกาแฟโรบัสต้าให้เป็นพันธุ์แนะน�ำ จำ� นวน 5 สายพันธ์ุ ได้แก่ พนั ธ์ุกาแฟโรบสั ต้าชมุ พร 1 พันธ์ชุ ุมพร 2 พนั ธชุ์ มุ พร 3 พนั ธชุ์ ุมพร 84 – 4 (ชุมพร 4) และพันธุ์ชมุ พร 84–5(พนั ธช์ุ มุ พร5)ซง่ึ เปน็ พนั ธท์ุ นี่ ำ� เขา้ มาจากตา่ งประเทศ และไดร้ บั การคดั เลอื กทศ่ี นู ยว์ จิ ยั พชื สวนชมุ พรวา่ เปน็ พันธุ์กาแฟที่ให้ผลผลิตสูงและคุณภาพของเมล็ด เป็นที่ยอมรบั ของตลาดทัง้ ในและตา่ งประเทศ 22 การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ
ลกั ษณะเดน่ ของกาแฟโรบัสตา้ พนั ธ์ุแนะน�ำ ลักษณะเดน่ ชุมพร 1 ชมุ พร 2 ชุมพร 3 ชมุ พร ชุมพร 84-4 84-5 ผลผลิตเฉลยี่ (กก./ไร่/ป)ี 349.8 349.3 207.8 481.5 427.7 นำ้� หนกั เมลด็ 100 เมลด็ (กรมั ) 17.95 16.2 10.8 15.5 17.0 Cup test 7.2 7.2 7.2 7.2 7.2 Extractability (%) 53.73 57.37 57.22 54.49 55.55 สารคาเฟอนี (%) 2.01 2.44 2.67 2.24 2.18 การเปล่ียนผลสดเป็นเมล็ด แห้ง (%) - 22.3 18.4 24.5 25.0 อายเุ ก็บเกี่ยว (เดอื น) พืน้ ทแ่ี นะน�ำ 11 11 9 10 10 จังหวัด จังหวัด จังหวัด ชมุ พร ชุมพร และ ชมุ พร หรอื ระนอง พน้ื ทอี่ ื่น ยกเวน้ พ้ืนที่ ที่ไม่มีนำ�้ ท่ีเป็นทราย ทว่ มขัง ไม่มี จัดและ น้ำ� ค้างแขง็ น้ำ� ท่วม (frost) นอกจากนยี้ งั มกี าแฟทปี่ ลกู เปน็ การคา้ ในบางประเทศ แตไ่ มค่ อ่ ยมคี วามสำ� คญั ทางเศรษฐกจิ มากนกั อีก 2 ชนิด ดงั นี้ 1. กาแฟลิเบอริก้า (Coffea liberica) เป็นกาแฟพันธุ์พ้ืนเมืองของประเทศแองโกล่า มกี ารผลิต และการซอื้ ขายในตลาดโลกไมถ่ งึ 1 % คณุ ภาพของสารกาแฟไมด่ ี ไม่เปน็ ท่สี นใจของ นักด่ืม มีโครโมโซม 2n = 22 ลักษณะเป็นพุ่มสูงใหญ่ รูปทรงคล้ายปิรามิด ความสูงประมาณ 6 – 15 เมตร มีใบ ดอก และผลใหญ่ ออกดอกและติดผลเกือบตลอดปี ระยะเวลาออกดอก ถึงเก็บเกี่ยวผล 12 – 15 เดอื น แตเ่ ปน็ กาแฟที่ทนทานต่อความหนาวเย็นได้ดี ทนแลง้ สามารถ เจริญเติบโตได้ในดินค่อนข้างเลว และต้านทานโรคราสนิมได้ดี กาแฟชนิดนี้เป็นพันธุ์ดั้งเดิม เคยปลูกท่ัวไปในแอฟริกา โดยเฉพาะเม่ือมีปัญหาเกี่ยวกับโรคราสนมิ ระบาด รวมทง้ั ในอินโดนีเซีย 2. กาแฟเอ๊กเซลซ่า (Coffea excelsa) เป็นพันธุ์ท่ีมีลักษณะทรงต้นและใบใหญ่กว่า กาแฟโรบัสต้า ให้ผลดก แต่ผลเล็ก ไม่มีความส�ำคัญทางการค้ามากนัก เพราะกลิ่นและรสชาติ ไม่ค่อยดี มีกลิ่นเหม็นเขียว ไม่เป็นที่สนใจของนักดื่ม แต่ทนต่อความแห้งแล้ง โรคและแมลงได้ดี ปลูกมากในแถบแอฟริกา เพื่อใช้บริโภคในประเทศเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟลิเบอริก้า กาแฟชนดิ นใ้ี ห้รสชาตนิ ่มุ นวลกว่า และไมข่ มเหมอื นกาแฟลเิ บอริก้า การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ 23
การเลอื กพันธกุ์ าแฟทด่ี ี คุณสมบัตขิ องพันธ์กุ าแฟที่ดี n ตน้ แข็งแรง ไมอ่ ่อนแอ เจริญเตบิ โตดี และสม่�ำเสมอ n ต้านทานตอ่ โรคและแมลงศัตรูกาแฟ n ให้ผลผลิตเมลด็ กาแฟสูง โดยดจู าก ● แตล่ ะกง่ิ หลกั มกี ง่ิ ให้ผลเปน็ จำ� นวนมาก ● ก่งิ ให้ผลมีข้อถ่ี และมีจำ� นวนขอ้ มาก ● มจี ำ� นวนผลตอ่ ขอ้ สูง n ใหผ้ ลผลิตเรว็ ภายใน 2 – 3 ปี หลังจากปลูก n เมลด็ กาแฟแหง้ มีขนาดไม่เล็กจนเกนิ ไป ดจู ากขนาดและนำ้� หนัก ● เมลด็ ควรมคี วามกวา้ งไมต่ �่ำกวา่ 5.0 มลิ ลเิ มตร หรอื ขนาดตะแกรงเบอร์ 14 ● นำ้� หนกั 100 เมลด็ แหง้ ทค่ี วามชืน้ 12 % ไมต่ �ำ่ กวา่ 15 กรมั n เมลด็ กาแฟแห้งนำ� ไปคั่วชงด่มื ใหร้ สชาติดี ลักษณะของต้นกล้ากาแฟทดี่ กี อ่ นน�ำไปปลกู 1. อายุ 6 – 14 เดือน หรอื มคี วามสูงอยา่ งนอ้ ย 20 เซนติเมตร 2. ตน้ สมบูรณ์แข็งแรง ล�ำต้นต้ังตรง 3. ปราศจากโรคและแมลง 4. มรี ากสมบรู ณ์ ไมค่ ดงอ 5. มลี ักษณะตรงตามพันธท์ุ ตี่ อ้ งการผลิต หรอื ตามความตอ้ งการของตลาด 6. มาจากแหลง่ ทเ่ี ช่อื ถือได้ สามารถตรวจสอบแหล่งทม่ี าและประวัติของตน้ พนั ธ์ไุ ด้ การขยายพนั ธุก์ าแฟ การขยายพันธุ์กาแฟ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ชนิด ดงั นี้ 1. การขยายพนั ธุ์โดยอาศยั เพศ (sexual propagation) คือ การขยายพนั ธุ์ โดยใช้เมล็ด นิยมใช้กับกาแฟอาราบิก้า เนื่องจากกาแฟอาราบิก้ามีการผสมตัวเอง จึงมีโอกาส กลายพันธุ์น้อย ไม่แนะน�ำให้ใช้วิธีนี้ในการขยายพันธุ์กาแฟโรบัสต้า เน่ืองจากกาแฟโรบัสต้าเป็น พชื ผสมขา้ ม ไมส่ ามารถผสมตวั เองในตน้ เดยี วกนั ได้ หากปลอ่ ยใหม้ กี ารผสมเปดิ ในสภาพธรรมชาติ และน�ำเมล็ดจากต้นท่ีคัดเลือกมาเพาะ อาจท�ำให้ได้ต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพหลากหลาย ไม่เหมือน ตน้ แม่พันธ์ุ วิธนี เี้ ป็นท่นี ยิ มของเกษตรกร เนอื่ งจากสะดวก รวดเร็ว และเสยี คา่ ใชจ้ ่ายน้อย 24 การเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ
ข้นั ตอนการขยายพันธ์กุ าแฟโดยใชเ้ มลด็ 1. คัดเลือกเมล็ดพันธุ์จากต้นแม่ท่ีมีคุณสมบัติ ที่ดีครบถ้วนดังกล่าวข้างต้น (ต้นแม่พันธุ์ที่เลือกควรมี การป้องกันการผสมข้ามต่างสายพันธุ์) เมล็ดควรอยู่ใน สภาพสมบรู ณ์ ไมแ่ ตกหกั เปน็ เมลด็ ใหม่ ทำ� ใหม้ เี ปอรเ์ ซน็ ต์ ความงอกสูง ปราศจากโรคและแมลง เมล็ดที่จะใช้เพาะ เป็นต้นกล้า ต้องเป็นเมล็ดที่ผ่านขั้นตอนการปอกเปลือก การหมัก การล้างเมล็ด และการตากโดยวิธีการผ่ึงลม เทา่ นน้ั เมล็ดกาแฟ 1 กิโลกรัม สามารถเพาะเปน็ ต้นกล้า ไดป้ ระมาณ 3,000 – 4,000 ตน้ 2. น�ำเมล็ดมาคลุกด้วยสารละลายสารประกอบทองแดงเพ่ือป้องกันก�ำจัดเชื้อรา เช่น ไวตาแวกซ์ (Vitavax) 75 % WP 1 กรัม ต่อเมล็ด 1,000 กรมั หรือรอฟรัล (Rovral) 50 % WP 1 กรัม ตอ่ นำ้� 1 ลิตร แช่เมลด็ 1 กโิ ลกรมั เป็นเวลา 24 ชัว่ โมง ก่อนน�ำไปเพาะ 3. เตรยี มแปลงเพาะ แปลงเพาะควรมีขนาดกว้าง 1 เมตร ความยาวแปลงเพาะขน้ึ อยูก่ บั ความตอ้ งการ วสั ดุท่ใี ช้เพาะเปน็ ทรายหยาบหรือขีเ้ ถา้ แกลบ 4. วิธีการเพาะเมลด็ มี 2 แบบ คือ 4.1 การเพาะแบบเป็นแถว โดยใช้สันไม้ไผ่กดลงบนแปลงเป็นร่องเล็กๆ น�ำเมล็ด กาแฟมาวางเรียงเป็นแถว ให้ด้านราบสัมผัสกับพ้ืนร่อง ระยะห่างระหว่างร่อง 10 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างเมล็ดกาแฟ 1 เซนติเมตร วิธีนี้ใช้พ้ืนที่เพาะเมล็ด 1 กิโลกรัม ต่อพ้ืนที่ แปลงเพาะ 9 ตารางเมตร 4.2 การเพาะแบบหวา่ น แปลงเพาะมขี นาดเดียวกนั ใช้วสั ดุเพาะเชน่ เดียวกันกบั การ เพาะแบบเป็นแถว หว่านเมล็ดให้กระจายสม่�ำเสมอ อย่าให้แน่นมาก หรือเป็นกระจุก แล้วกลบ ดว้ ยทรายหนาประมาณ 1 เซนตเิ มตร 5. ปฏิบัติดูแลหลังการเพาะ โดยการรดน้�ำและก�ำจัดวัชพืชอย่างสม่�ำเสมอ หลังจาก เพาะกลา้ 30-45 วนั เมลด็ จะเร่ิมงอก ทง้ั น้ี เมล็ดจะงอกเร็วหรือช้าข้ึนอยู่กับอุณหภูมิ และระดบั ความสูงของพน้ื ทที่ ีใ่ ช้เพาะเมล็ด 6. หลังจากเมล็ดงอกตั้งแต่ระยะ หัวไม้ขีดไฟจนถึงระยะปีกผีเส้ือ (ใบเลี้ยงมี ลกั ษณะคลา้ ยปกี ผเี สอื้ ) อายปุ ระมาณ 60-75 วนั หลงั การเพาะ เปน็ ชว่ งทเ่ี หมาะสมสำ� หรบั การเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 25
การยา้ ยตน้ กลา้ ลงถงุ ขนาด 2 x 6 นวิ้ กน้ ขยาย บรรจดุ ว้ ยหนา้ ดนิ ผสมปยุ๋ คอก ไมค่ วรยา้ ยกลา้ ระยะ ใบจริง เพราะจะท�ำใหต้ น้ กล้ากาแฟชะงักการเจรญิ เตบิ โตหรือโตช้า และอัตราการตายสูง 7. วางเรียงถุงเพาะช�ำต้นกล้าเป็นแถวในเรือนเพาะช�ำที่มีการบังแสง 70% โดย ปูพลาสตกิ ก่อนวาง ให้มคี วามกว้างประมาณ 50 – 75 เซนตเิ มตร ความยาวแลว้ แตค่ วามสะดวก ในการปฏิบตั ิดูแลรกั ษา 8. รดน้ำ� ตน้ กลา้ กาแฟอยา่ งสมำ�่ เสมอ และให้ป๋ยุ ยเู รียอัตรา 1 กิโลกรัม ตอ่ น้�ำ 200 ลติ ร ใช้บัวรดทกุ 7 – 10 วนั จนกวา่ จะยา้ ยต้นกลา้ ปลูก และสลบั การใช้ปุย๋ นำ�้ ไบโพลานเสริม ฉีดพ่น ทกุ 10 วนั โรงเรือนเพาะชำ� กล้าไมค้ วรใช้ตาขา่ ยพรางแสง 70% 9. อายุ 6 – 14 เดอื น หรือมีความสูงอย่างน้อย 20 เซนติเมตร สามารถย้ายปลูกได้ อายุการเกบ็ รักษา ระยะเวลาท่ใี ช้ในการงอก และเปอรเ์ ซน็ ต์ความงอก ของเมลด็ พันธ์อุ าราบกิ ้า อายุการเกบ็ รกั ษา ระยะเวลาในการงอก เปอร์เซ็นตค์ วามงอก 2 2 95 4 3 90 6 5 60 9 5 40 12 6 20 26 การเพิม่ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
2. การขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ (asexual propagation) คือ การ ขยายพันธ์ดุ ้วยการใช้ส่วนต่างๆ ของตน้ กาแฟ เช่น ราก ลำ� ต้น ใบ เป็นต้น ซ่งึ สว่ นตา่ งๆ เหล่านี้ สามารถเกิดรากและเจริญเติบโตเป็นต้นพืชได้ วิธีขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ เช่น การเสียบยอด ตดิ ตา ตัดชำ� ตอนกิ่ง หรอื ทาบก่ิง รวมถงึ การขยายพันธดุ์ ว้ ยวธิ ีเพาะเลี้ยงเน้อื เยื่อ โดยจะใหต้ ้นพนั ธุ์ ท่มี ีลักษณะดีเหมอื นกบั ตน้ แม่พนั ธ์ุ ไม่มคี วามแปรปรวนทางพนั ธุกรรม การขยายพันธ์โุ ดยไมอ่ าศัย เพศจงึ เปน็ วิธีท่ีดีที่สุดสำ� หรับกาแฟโรบัสตา้ 2.1 การเสยี บยอด เกษตรกรสามารถเพาะตน้ กลา้ กาแฟเพอ่ื นำ� มาเปน็ ตน้ ตอ แลว้ ทำ� การเปลย่ี นยอด พนั ธด์ุ เี องได้ โดยใชว้ ิธีเสยี บลม่ิ ซงึ่ ทำ� ไดง้ า่ ย รวดเร็ว ให้ผลสำ� เรจ็ สงู และใหผ้ ลผลิตตรงตามพนั ธ์ุ แต่ต้นท่ีได้จากการเสียบยอด จะมีรอยต่อระหว่างต้นตอกับยอดพันธุ์ ซ่ึงหากการเจริญของต้นตอ กับยอดพนั ธุไ์ ม่สมั พันธ์กัน จะส่งผลต่อการเจรญิ เติบโตและความแข็งแรงของตน้ ได้ ส่วนประกอบของตน้ กาแฟเปล่ียนยอด 1. ส่วนยอดหรือก่ิงพันธุ์ดี ท�ำหน้าที่สร้างล�ำต้น ก่ิงก้าน ใบ และผลผลิต ควร เลอื กก่งิ พนั ธ์ดุ ี จากต้นพนั ธุ์ทม่ี คี ณุ สมบตั ิต้นพันธุ์ดีตามท่ีได้กล่าวไวข้ ้างตน้ 2. ส่วนล่างหรือต้นตอ ท�ำหน้าที่ระบบราก ควรเลือกเมล็ดเพ่ือน�ำมาเพาะเป็น ตน้ ตอจากต้นพันธุ์ทม่ี คี วามแข็งแรง ทนทานตอ่ สภาพแวดล้อมและโรคแมลง ขั้นตอนการเตรยี มกง่ิ พนั ธุ์ดี ● ตน้ พนั ธุด์ คี วรได้นำ้� และปยุ๋ เตม็ ท่ี สมบูรณ์แข็งแรง ไม่มโี รคแมลงรบกวน ● กงิ่ ทใ่ี ชต้ อ้ งเป็นกง่ิ กระโดง หรอื กงิ่ ตง้ั เท่านน้ั ห้ามใชก้ ง่ิ นอน ● ขนาดกงิ่ พนั ธด์ุ ที เี่ หมาะสมนำ� ไปใช้ ดจู ากโคนกงิ่ กลม ขนาดเทา่ แทง่ ดนิ สอ มีสเี ขยี ว หรอื เรมิ่ เปลีย่ นเป็นสีนำ้� ตาลเลก็ นอ้ ย ไมค่ วรใช้กง่ิ แก่ ● กง่ิ ส่วนทใี่ ช้ได้ดี คือ ส่วนตัง้ แตป่ ลายยอดลงมาจนถงึ ประมาณขอ้ ที่ 3 หรือ 4 ● ตดั กง่ิ พนั ธเ์ุ ปน็ ทอ่ นๆ แตล่ ะทอ่ นมี 1 – 2 ขอ้ ตดั ใบแตล่ ะใบออก เหลอื เพยี ง 1/3 – 1/4 ของใบ หากใชส้ ว่ นปลายยอด ใบออ่ นสุดตรงสว่ นปลายยอด ไม่ตอ้ งตดั ทง้ิ จะทำ� ให้แผลติดดีขึน้ และเร็วขึน้ ● น�ำกิ่งพันธุ์ดีท่ีตัดแล้วเข้าร่มทันที ควรตัดให้พอใช้เฉพาะวันต่อวัน หากทงิ้ ไวน้ านเปอรเ์ ซน็ ตค์ วามสำ� เรจ็ ในการเสยี บยอดจะนอ้ ยลงตามลำ� ดบั การเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ 27
● น�ำกิ่งพันธุ์ดีแช่ในสารละลายป้องกันก�ำจัดโรคพืชชนิดดูดซึมเข้มข้น นาน 30 นาที ● นำ� ข้ึนสะเดด็ นำ�้ วางผง่ึ ในที่รม่ จนแหง้ ดี จึงนำ� ไปใช้ เทคนิคการตดั แต่งให้ไดก้ ง่ิ กระโดงจำ� นวนมากเพ่ือท�ำพนั ธุ์ ● บำ� รงุ ต้นพันธใุ์ หส้ มบรู ณ์ ● อน้ั นำ�้ 2 – 3 วนั พอใหใ้ บเกือบจะรว่ ง ● ตดั แตง่ พุ่มออก แลว้ รดนำ้� ● ตน้ กาแฟจะแตกกงิ่ กระโดง รอใหไ้ ดข้ นาด จงึ ตัดนำ� มาใชท้ �ำพนั ธุ์ ขนั้ ตอนการเตรียมต้นตอ ● เพาะเมล็ดทีจ่ ะนำ� มาเปน็ ต้นตอในถุงดำ� ● ใหน้ ำ�้ สม�ำ่ เสมอ ดแู ลไมใ่ ห้มีโรคและแมลงรบกวน ● ใหป้ ยุ๋ ครบทกุ สูตร เชน่ 15-15-15 เลก็ นอ้ ย ทกุ 1-2 เดือน ● เมื่อโคนต้นกลม ขนาดเท่าแท่งดินสอ ผิวเป็นสีเขียว หรือเร่ิมเปลี่ยน เป็นสีน�้ำตาลเล็กน้อย อายุกล้า 8 – 12 เดือน รดน�้ำให้ชุ่ม 1-2 วัน ก่อนนำ� ไปใช้ ขน้ั ตอนการเปลย่ี นยอดต้นตอในถงุ ดำ� ● เตรยี มอปุ กรณท์ จี่ ำ� เปน็ ในการเปลย่ี นยอด เชน่ มดี ตดิ ตา กรรไกรตดั แตง่ กงิ่ เชือกหรือเทปพัน ถุงพลาสติกหรือกระโจมใส เป็นต้น รวมทั้งก่ิงพันธุ์ดี และตน้ ตอ ● ใช้กรรไกรตัดแตง่ กง่ิ ตัดตน้ ตอตง้ั ฉากกบั กิ่งทีร่ ะดับ 3-6 น้ิว จากผวิ ดิน 28 การเพ่ิมประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ
● ใชม้ ีดผ่ากลางตน้ ตอลึกประมาณ 1 นว้ิ ● เฉือนกิ่งพันธุ์ดีให้รอยแผลเฉียงลงเป็นปากฉลามยาว 1/4 - 1/3 นิ้ว กลับดา้ นหลงั เฉอื นแบบเดียวกนั ● น�ำกิ่งพันธุ์ดีไปเสียบบนรอยแผลของต้นตอ โดยใช้มีดน�ำร่องเปิด รอยแผล ค่อยๆ สอดก่งิ พนั ธุ์ดลี งไปอยา่ ให้ชำ้� ● รอยแผลต้องแนบสนิทกัน ถ้าต้นตอมีขนาดใหญ่กว่า ให้วางกิ่งพันธุ์ดี ชดิ รมิ ด้านใดดา้ นหนง่ึ ● ผูกเชือกพนั ใหแ้ นน่ ตรงรอยแผล ● น�ำถุงพลาสติกใสปิดคลุมแล้วผูกด้วยเชือกให้แน่น หรือน�ำเข้ากระโจม ท่ปี ดิ มิดชิดทนั ที ไมค่ วรเคล่อื นย้ายต้น ควรมกี ารพรางแสง ● ต้นกล้าที่เสียบยอดติดควรมียอดเขียวสดใส ถ้ายอดเห่ียวให้ทำ� การซ่อม ใหม่ รอประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ เอาถงุ พลาสตกิ ออก หรอื น�ำออกจากกระโจม และอีกประมาณ 2 เดือน คอ่ ยกรีดเชือกตรงแผลออก อย่าปลอ่ ยให้เชือกรดั กิ่งจนคอด การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ 29
● ควรทาสขี าวบริเวณรอยต่อหรือเหนอื รอยตอ่ เพอ่ื เปน็ จุดสงั เกต หากมกี ่งิ แขนงเกิดจากส่วนของต้นตอ หรือส่วนใต้บริเวณสีขาว ให้ริดออกให้หมด เพ่ือไม่ให้กิ่งของต้นตอ ปะปนกับกิง่ พนั ธด์ุ ี ขอ้ ปฏบิ ัตขิ ณะทำ� การเปลีย่ นยอด ● ควรท�ำในท่ีร่ม ถ้าท�ำกลางแจ้ง ควรเลือกเวลาเช้าหรือเย็น จะได้ ไมร่ ้อนจัด 30 การเพ่ิมประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ
● มีดและกรรไกรต้องคม ● ตน้ ตอและก่ิงพนั ธ์ุดีควรมีขนาดใกล้เคยี งกนั ● ถ้าก่ิงพันธุ์ดีมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไป ต้องจัดวางให้กิ่งพันธุ์ดีชิดขอบ แผลของต้นตอดา้ นใดดา้ นหน่ึง ● ท�ำด้วยความรวดเร็ว โดยเตรียมแผลต้นตอก่อน แล้วค่อยเตรียมแผล กงิ่ พันธด์ุ ี ● หมน่ั รดิ ยอดทเ่ี กดิ จากตน้ ตอใหห้ มด เพอ่ื ใหย้ อดทน่ี ำ� มาเปลยี่ นเตบิ โตไดเ้ รว็ 2.2 การเพาะเลี้ยงเน่ือเยือ่ กาแฟโรบัสตา้ ใชก้ ารเพาะเลย้ี งเนือ้ เย่ือ ดว้ ยวิธีโซมาตกิ เอมบริโอจีนซิ ิส ซ่งึ เปน็ การขยายพันธุ์จากการพัฒนาการเจริญของเนื้อเย่ือจากเซลล์ร่างกาย (somatic cell) ไปเป็นต้น อ่อนหรือตัวอ่อน การขยายพันธุ์วิธีน้ีเหมาะส�ำหรับการขยายพันธุ์ในเชิงอุตสาหกรรม เพ่ือให้ได้ ต้นพันธุ์ในปริมาณที่มากพอ มีคุณภาพที่สมำ�่ เสมอ และตรงตามพันธุ์ในเวลาท่ีจำ� กัด แต่ข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายในการผลิตค่อนข้างสูง ใช้ความละเอียดอ่อนในการดูแลและอนุบาลต้นอ่อน และ ใช้เวลาในการเจริญค่อนข้างนาน ประมาณ 24 – 26 เดือน จึงสามารถน�ำกล้ากาแฟออกย้าย ปลกู ในแปลง จงึ ไมส่ ามารถปฏบิ ัติได้ในระดับเกษตรกร ปัจจบุ นั มหี นว่ ยงานท่ใี ช้การขยายพนั ธว์ุ ิธีนี้ ผลิตต้นกล้ากาแฟโรบัสต้าส่งเสริมเกษตรกร ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร บริษัทควอลิต้ี คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำ� กัด ขอ้ แนะน�ำในการปลกู กาแฟทีไ่ ดจ้ ากการเพาะเลี้ยงเนือ้ เยื่อ 1. ควรปลูกกาแฟโรบัสต้าอย่างน้อย 3 สายพันธุ์ ร่วมกันต่อแปลง โดยการปลูก สลบั แถวระหว่างสายพนั ธ์ุ เพ่อื ชว่ ยในการผสมเกสรกาแฟให้ตดิ ดีขน้ึ 2. ผลจากต้นกาแฟเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม่สามารถน�ำไปขยายพันธุ์ต่อด้วยวิธีการ เพาะเมล็ดได้ แต่สามารถน�ำก่ิงหรือแขนงไปขยายพันธุ์ต่อด้วยวิธีเสียบยอด ซ่ึงจะได้ลักษณะ ตรงตามสายพันธ์ุเดิมทกุ ประการ 3. ตน้ กาแฟเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอื่ ตอ้ งการการเอาใจใสด่ แู ลรกั ษาจากเกษตรกรเชน่ เดยี วกบั พันธุ์พื้นบ้านท่ัวไป ฉะนั้น การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตจึงต้องข้ึนกับการดูแลรักษาและ การจดั การสวนกาแฟของเกษตรกรด้วย 2.3 การทาบกงิ่ (Grafting) นิยมใช้วิธีนี้ในกรณีท่ีต้องการต้นพันธุ์อาราบิก้าที่ทนทานต่อโรคโคนเน่า ซ่ึง พบเฉพาะในกาแฟอาราบิก้า โดยน�ำเอายอดของกาแฟอาราบิก้าไปทาบลงบนต้นตอท่ีเป็นพันธุ์ โรบสั ตา้ ในระยะปีกผเี ส้อื การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ 31
เรอื นเพาะชำ� และการจดั การ เรือนเพาะช�ำทด่ี คี วรมีลกั ษณะ ดงั น้ี 1. จะตอ้ งเปน็ บริเวณทม่ี ีน้�ำสมบูรณ์ การระบายนำ�้ ดี 2. จะต้องไดร้ ับแสงประมาณ 50 เปอร์เซน็ ต์ 3. การขนย้ายกล้าและวัสดุเพาะช�ำสามารถท�ำไดง้ ่าย 4. จะต้องเป็นแหลง่ ที่หาวัสดอุ ุปกรณ์ในการเพาะปลกู ได้งา่ ย 5. อุณภูมิจะต้องไม่สูงหรือต�่ำเกินไป โดยอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการงอกของเมล็ด ประมาณ 30 - 35 องศาเซลเซยี ส 6. ทิศทางของโรงเรือนควรอยู่ในแนวเหนือ – ใต้ เพ่ือใหแ้ สงแดดส่องไดท้ ว่ั ถึง 32 การเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ
การปลูก และการดแู ลรักษา สภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมในการปลูกกาแฟ การเลือกพ้ืนที่ปลูกที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมส�ำหรับกาแฟ เป็นปัจจัยส�ำคัญที่ควร ค�ำนึงถึงเป็นอันดับแรกก่อนท�ำการปลูก เพ่ือให้ได้ต้นกาแฟที่มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง เก็บเก่ียว ผลได้ทุกปี ให้ผลผลติ สงู และคณุ ภาพดี 1. สภาพภูมอิ ากาศ กาแฟอาราบิก้าชอบสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิท่ีเหมาะโดยทั่วไป คือประมาณ 15 – 24 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิสูงมาก จะมีผลท�ำให้กาแฟผลิตดอกดาว (Star flower) ซ่ึงเป็นดอกที่ไม่ติดผล เน่ืองจากเกสรตัวผู้ไม่สมบูรณ์ เกิดอาการก่ิงและยอดแห้งตายหรืออ่อนแอ ต่อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคราสนิม ใบเหลือง ร่วง ต้นแคระแกร็น แต่ถ้าอุณหภูมิตำ�่ เกินไป การเจริญเติบโตจะช้า ต้นแคระแกร็น ติดผลน้อย นอกจากนี้ ในพ้ืนที่ที่มีนำ้� ค้างแข็งในฤดูหนาว (Frost) ไม่ควรปลูกกาแฟ เพราะต้นกาแฟอาจตายได้ ส่วนกาแฟโรบัสต้าชอบอากาศร้อนชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 25 – 32 องศาเซลเซียส แต่อาจสูงได้ถึง 37 องศาเซลเซียส มคี วามชื้นสัมพัทธส์ ูง 2. สภาพพนื้ ท่ี พ้ืนท่ีปลูกควรเป็นพื้นท่ีราบ หรือมีความลาดเอียงไม่เกิน 35% เน่ืองจากพ้ืนท่ีท่ีมี ความลาดชันสูง โอกาสที่จะเกิดการชะล้างพังทลายของดินมีมาก กาแฟอาราบิก้าปลูกในพื้นท่ี ระดับความสูง 700 – 1,800 เมตร เหนือระดับน�้ำทะเล แต่ท่ีถือว่ามีคุณภาพดีควรมีความสูง ตงั้ แต่ 1,000 เมตร ข้นึ ไป เน่ืองจากอุณหภมู ทิ หี่ นาวเยน็ บนท่สี งู จะทำ� ใหต้ ้นกาแฟสร้างสารกาแฟ ที่มีคุณภาพดีมาก เม่ือเปรียบเทียบกับการปลูกกาแฟในพ้ืนท่ีต�่ำลงมา ส่วนกาแฟโรบัสต้าปลูกได้ ในพืน้ ทีต่ งั้ แต่ระดับน�้ำทะเล - 1,200 เมตร เหนือระดับน�้ำทะเล การเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ 33
3. สภาพดิน กาแฟชอบดินรว่ น ระบายน้�ำดี มีอนิ ทรียว์ ตั ถุสูง ชั้นดินลกึ ไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ชอบดินเป็นกรดเลก็ น้อย ควรมคี า่ ความเปน็ กรด - ด่าง (pH) ระหว่าง 5.5 – 6.0 ไมม่ ีนำ้� ท่วมขงั ในดินเหนยี วทม่ี ีระดับน�้ำใต้ดนิ สูง รากกาแฟจะเจริญไมด่ ี 4. สภาพนำ�้ กาแฟเป็นพืชไม่ผลัดใบ จึงต้องการน�้ำใต้ผิวดินตลอดเวลา หากขาดความช้ืนในดิน หรืออากาศแห้งมากเกินไป จะท�ำให้ใบกาแฟเหลืองและร่วง ปริมาณน้�ำฝนท่ีเหมาะสมประมาณ 1,500 – 2,200 มิลลิเมตรต่อปี และมีการกระจายของฝนสม�่ำเสมอ 7 – 8 เดือน ในช่วงการ เจริญเติบโตของผลกาแฟ ยกเว้นในช่วงสร้างตาดอก ช่วงเก็บเก่ียว และช่วงตากผลกาแฟให้แห้ง ไม่ควรมีฝนตก ในพืน้ ทท่ี อี่ าศัยนำ�้ ฝนเปน็ หลัก ควรมีแหลง่ นำ้� ไว้ใช้ในฤดแู ลง้ หรอื ฝนท้งิ ช่วง 5. แสงแดด กาแฟอาราบิก้าควรปลูกในท่ีร่มร�ำไร เพ่ือให้ได้ผลผลิตสม�่ำเสมอ และป้องกันการ ติดผลมากเกินไป จนต้นอ่อนแอ ส่วนกาแฟโรบัสต้าสามารถปลูกได้ทั้งสภาพมีร่มเงาและ สภาพกลางแจ้ง เพราะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า แต่หากได้รับแสงแดด จัดเกินไป จะท�ำให้ใบร่วงและต้นทรุดโทรม พื้นท่ีปลูกจึงควรหันหน้าไปทางทิศเหนือ ซ่ึงถือว่า เป็นทิศท่ีเหมาะสมท่ีสุด รองลงไป ได้แก่ ทิศตะวันออก หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพ่ือไม่ให้ ต้นกาแฟได้รับแสงแดดตลอดทั้งวนั ท�ำให้ไมร่ ้อนจัดจนเกนิ ไป 34 การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
6. ลมและทศิ ทางของลม กาแฟมีระบบรากต้ืน พ้ืนท่ีปลูกจึงไม่ควรมีลมแรง เพราะจะท�ำให้ต้นกาแฟโค่นล้ม หรือเอียงจนเกิดความเสียหายต่อระบบราก มีผลท�ำให้ต้นกาแฟชะงักการเจริญเติบโต รวมท้ัง ยังท�ำใหม้ ีการระเหยน�้ำเพ่ิมขึน้ จนตน้ กาแฟมอี าการขาดน�้ำได้ การปรบั ปรุงสภาพแวดลอ้ มให้เหมาะสมสำ� หรบั การปลกู กาแฟ กรณีไม่สามารถหลีกเลี่ยงพ้ืนท่ีที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมได้ เช่น เกษตรกรท�ำสวน กาแฟอยู่แล้ว สามารถปรับสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้มีความเหมาะสม มากยิ่งข้นึ สำ� หรับกาแฟ เช่น ● พื้นที่ลาดชัน ควรปลูกหญ้าแฝก พืชคลุมดิน ท�ำข้ันบันไดต่อเน่ือง ท�ำขั้นบันได เฉพาะต้น การปลกู พืชตามแนวระดบั การทำ� ทางระบายน้�ำออกจากพนื้ ที่ ฯลฯ เพือ่ อนุรักษด์ นิ และน�้ำ ● พ้ืนท่ีมีแสงแดดจัด ความชื้นไม่พอ และลมแรง ควรปลูกไม้บังร่ม/บังลม ปลูกพชื คลมุ ดนิ การคลมุ โคนต้นกาแฟ ฯลฯ ● พ้ืนท่ีดินไม่เหมาะสม ควรใส่ปูนปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน การ ปลูกพชื ตระกูลถัว่ การใสป่ ุ๋ยอินทรยี ์ ฯลฯ อยา่ งไรกต็ าม การปลกู กาแฟในพน้ื ทท่ี ม่ี สี ภาพแวดลอ้ มไมเ่ หมาะสม จะทำ� ใหส้ น้ิ เปลอื งเวลา แรงงาน และคา่ ใชจ้ ่ายเพ่ิมขึน้ ซ่งึ มผี ลท�ำให้ต้นทนุ การผลติ สงู ขน้ึ ตามไปดว้ ย การเตรียมดนิ กำ� จดั ตอพืช ไถพรวนกลบวัชพืช และปรบั พ้นื ท่ี หากเปน็ พื้นท่ีมชี ้ันดินดาน ควรใช้ผานไถ ท�ำลายชัน้ ดินดานใหห้ มด เพอ่ื ใหด้ นิ มกี ารระบายน้�ำดีขึน้ พื้นท่ีลาดเอียงเกิน 35 % ให้ท�ำแนวขั้นบันได และปลูกหญ้าแฝกขวางความลาดเอียง ระยะห่างของข้ันบนั ไดเท่ากับระยะระหว่างแถว จดั ระยะปลกู ตน้ กาแฟโดยใชไ้ มป้ กั แนวหลมุ ระยะปลกู กาแฟอาราบกิ า้ คอื 1.5x1.5, 1.5x2, และ 2x2 เมตร จำ� นวนตน้ กาแฟ 400 - 711 ต้น/ไร่ ส่วนระยะปลกู กาแฟโรบสั ต้า คอื 2.5x3 , 3x3, 2.5x3.5, 3x3.5, และ 3.5x3.5 เมตร จ�ำนวนตน้ กาแฟ 100 – 213 ต้น/ไร่ ถ้ามีการใชเ้ ครือ่ งจกั รกล ทางการเกษตรควรจดั ระยะปลกู กวา้ งประมาณ 4 เมตร เพอ่ื ความสะดวกในการปฏบิ ตั ิงาน หาก พ้ืนที่ปลูกเป็นท่ีลาดชัน ควรวางแนวปลูกขวางความลาดชัน หรือปลูกบนขั้นบันไดท่ีท�ำขึ้น ขวางทางลาดชันของพ้ืนที่ เพ่ือชะลอการพังทลายของหน้าดิน แล้วยังช่วยให้การให้ปุ๋ย ปูน และน�้ำมปี ระสิทธิภาพดขี นึ้ การเพิม่ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 35
ขุดหลุมปลูกขนาด 30 – 50 เซนติเมตร ให้ก่ึงกลางหลุมอยู่ตรงไม้ปักแนวหลุม ควร ท�ำการขุดหลุมเพื่อเตรียมปลูกกาแฟไว้ตั้งแต่ช่วงฤดูแล้งที่ยังไม่มีฝน เพ่ือสะดวกต่อการขุดหลุม โดยเปิดหลุมปลูกไว้ระยะหน่ึงเพื่อตากดิน ช่วยในการป้องกันก�ำจัดโรคแมลงในดิน แล้วจึงรอง กน้ หลมุ ดว้ ยหนิ ฟอสเฟต 200 – 300 กรัม ผสมกับหน้าดินท่ีขดุ ขน้ึ มา และปยุ๋ คอกหรือปยุ๋ หมักท่ี ยอ่ ยสลายดแี ลว้ 3 – 5 กโิ ลกรมั ถา้ ดนิ เปน็ กรดมคี า่ พเี อชตำ�่ กวา่ 5.5 ควรใสป่ นู ขาว หรอื ปนู โดโลไมต์ ผสมลงในดินรองกน้ หลมุ เม่ือพบต้นกาแฟที่ปลูกใหม่ตายไป ให้ท�ำการปลูกซ่อมทันที การปลูกซ่อมควรท�ำใน ต้นฤดูฝน แต่หากไม่สามารถท�ำได้ ควรมีการให้น้�ำช่วย เพ่ือให้กาแฟท่ีปลูกซ่อมใหม่มีการ เจรญิ เตบิ โตได้ดี การวางผังแปลงปลกู พน้ื ทป่ี ลกู กาแฟควรหนั หนา้ ไปทางทศิ เหนอื หรอื ทศิ ตะวนั ออก หรอื ทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เพ่อื ไม่ใหต้ น้ กาแฟได้รับแสงแดดตลอดทัง้ วัน กาแฟอาราบกิ า้ เปน็ พชื ผสมตวั เอง สามารถปลกู สายพนั ธเ์ุ ดยี วในแปลงได้ โดยปลกู เปน็ แถว สลบั กับพชื รว่ มอื่นๆ (จ�ำนวนแถวตน้ กาแฟขึ้นกับระยะห่างของพืชร่วม) กาแฟโรบัสต้าเป็นพืชผสมข้าม จึงควรปลูกอย่างน้อย 3 พันธุ์ ร่วมกันต่อแปลง โดย ปลกู แถวละพันธสุ์ ลับกนั ไป เชน่ พนั ธ์ุ 1 สลบั ด้วยพนั ธุ์ 2 ตามดว้ ยพนั ธุ์ 3 และเรมิ่ พนั ธุ์ 1 พันธ์ุ 2 และพนั ธ์ุ 3 ใหม่ สลบั เวยี นเชน่ นท้ี ้งั แปลง ทิศทางลม แผนผังการปลกู กาแฟโรบสั ต้า : O, X, ∆ แทนพนั ธ์ุที่ 1, 2, 3 ตามลำ� ดบั 36 การเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ
วธิ กี ารปลูก 1. ช่วงเวลาท่ีเหมาะสมในการปลูกกาแฟควรเป็นช่วงต้นฤดูฝน เพราะต้นกาแฟสามารถ เจรญิ เตบิ โตในชว่ งฤดฝู นไดย้ าวนาน จนแขง็ แรงพอทจ่ี ะทนทานตอ่ สภาพแหง้ แลง้ ในฤดแู ลง้ ไดอ้ ยา่ งดี 2. ปลูกโดยต้นกล้าอายุ 6 – 14 เดือน หรอื มีความสูงอยา่ งนอ้ ย 20 เซนตเิ มตร 3. ขดุ ดนิ ตรงกลางหลมุ ปลกู ใหม้ ขี นาดเทา่ กบั ถงุ ตน้ กลา้ กาแฟ ใชม้ ดี กรดี เอาถงุ พลาสตกิ ออก บีบดินเบาๆ ให้ดินแตก ก่อนที่จะหย่อนต้นกล้าลงในหลุมปลูก เพื่อให้รากกาแฟสามารถแทงราก ออกหาอาหารได้ โดยให้ส่วนโคนของต้นกล้าอยู่ในระดับเดียวกับผิวดินของหลุมปลูกท่ีเตรียมไว้ แล้วกลบดินรอบโคนต้น ในพื้นท่ีที่มีฝนตกชุกและดินมีการระบายน�้ำไม่ดี อาจพูนดินให้สูงข้ึนมา จากหลุมปลูก เพื่อปอ้ งกันน้�ำขังรอบตน้ กาแฟ 4. ปกั หลกั ไมใ้ หช้ ดิ กบั ลำ� ตน้ กาแฟ ทำ� มมุ กบั พนื้ ดนิ ประมาณ 45 องศา ผกู หลกั กบั ตน้ กาแฟ เพอ่ื กันลมโยก 5. คลุมรอบโคนต้นกล้ากาแฟด้วยเศษหญ้าแห้ง ฟางข้าว หรือวัสดุอื่นท่ีหาได้ในท้องถ่ิน ห่างจากรอบโคนต้น 10 เซนติเมตร อย่าคลุมโคนต้นชิดมากเกินไป จะท�ำให้โคนต้นถูกท�ำลาย จากความรอ้ นหรือเชอ้ื จุลนิ ทรยี ไ์ ด้ 6. ในกรณีท่ีปลูกกาแฟกลางแจ้ง หากเป็นไปได้ให้ท�ำร่มบังต้นกล้ากาแฟท่ีปลูกใหม่ โดยใช้เศษไมแ้ หง้ หรือตาขา่ ยพรางแสงในช่วงบา่ ยที่มคี วามเขม้ ของแสงแดดมาก การปลกู พชื เป็นรม่ เงา การปลูกไม้ร่มเงาในสวนกาแฟ จะช่วยลดอุณหภูมิและความเข้มของแสง ท�ำให้การ คายน�้ำของกาแฟลดลง และความช้ืนสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นกาแฟให้ผลผลิตดี และอายุ เกบ็ เกย่ี วนานขน้ึ รวมทงั้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ที่จะช่วยอนุรักษ์สภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติ พืชบังร่มบางชนิด สามารถเก็บผลผลิตและขายเพิ่ม รายได้อีกทางหนึ่ง รวมท้ังน�ำไม้ ท�ำเชื้อเพลิง หรือใช้เศษวัสดุ เพื่อท�ำปุ๋ยหมัก พืชบังร่มที่เป็น พื ช ต ร ะ กู ล ถั่ ว ส า ม า ร ถ ป รั บ ป รุ ง โครงสร้างดินให้เหมาะสมต่อการ เจริญเติบโตของพืช โดยท�ำให้ การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ 37
การระบายน�้ำดีขึ้น และช่วยให้การแลกเปลี่ยนก๊าซของระบบรากกาแฟมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ีการปลูกพืชร่มเงาท�ำให้ลดปัญหาภัยธรรมชาติที่อาจสร้างความเสียหายกับสวนกาแฟ เชน่ ลดความรนุ แรงของพายุ การพงั ทลายของหนา้ ดนิ เปน็ ต้น การปลกู พืชรม่ เงาควรปลูกช่วงตน้ ฤดูฝน โดยปลกู พืชบงั รม่ กอ่ นปลกู กาแฟ 6 – 12 เดือน ชนิดของพืชร่มเงาที่เหมาะสมต้องไม่เป็นพืชท่ีมีการแก่งแย่งธาตุอาหารกับต้นกาแฟ ปัญหา โรคแมลงศัตรูน้อย ล�ำต้นเป็นต้นเด่ียว แข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย เจริญเติบโตเร็ว มีอายุยืน ไม่ผลัดใบ ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ผันแปรได้ดี และสามารถใช้ประโยชน์จากผลผลิตพืชนั้นได้ โดยปกตแิ นะน�ำให้ปลูกไม้ทอ้ งถ่นิ การปลูกพืชร่มเงาให้กับกาแฟอาราบิก้ามีท้ังแบบชั่วคราวและถาวร พืชร่มเงาช่ัวคราว ควรเป็นไม้ขนาดกลาง โตเร็ว ขยายพันธุ์ง่าย เช่น ทองหลางไร้หนาม ทองหลางน�้ำ แคฝรั่ง ขี้เหล็กอเมริกัน หมาก เนียง เป็นต้น การปลูกไม้บังร่มชั่วคราว ต้องมีการบังคับให้มีการ แตกทรงพุ่มที่ระดับความสูงประมาณ 5 เมตร โดยการตัดยอดและตัดก่ิงที่แตกออกมา ในระยะความสูง 1.5 เมตร เพื่อให้แตกเฉพาะกิ่งแขนงใกล้ยอดอ่อนเท่านั้น และต้องตัดก่ิงแขนง หรือก่ิงย่อยไม่ใหท้ บึ จนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในหนา้ ฝน ไมร้ ม่ เงาทเี่ หมาะในการปลกู ในสวนกาแฟโรบสั ตา้ เชน่ สะตอ เหรยี ง แค ขเ้ี หลก็ ทองหลาง เป็นตน้ โดยทัว่ ไปจะปลกู สะตอโดยใชร้ ะยะปลูก 15x15 เมตร หรือปลูกสะตอ 1 ต้น สลับกาแฟ 4 ต้น หรือปลูกแคโดยใช้ระยะปลูก 12x12 เมตร หรือปลูกแค 1 ต้น สลับกาแฟ 3 ต้น หรือ ปลูกกระถินโดยใช้ระยะปลูก 9x9 เมตร หรือปลูกกระถิน 4 ต้น สลับกาแฟ 2 ต้น ส่วนพืชท่ี 38 การเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ
เหมาะสมส�ำหรับปลูกเป็นแนวกันลมตามขอบแปลง ได้แก่ พริกไทย หมาก สนทะเล กล้วย มะละกอ เป็นต้น ส่วนใหญ่กาแฟโรบัสต้าที่ปลูกทางภาคใต้จะอาศัยร่มเงาของไม้ผล โดยการ ปลกู ร่วมในสวนทุเรียน ลองกอง หรือไม้ให้ร่มเงาอ่นื ๆ เชน่ สะตอ เหรยี ง เปน็ ตน้ การใหน้ ำ�้ การปลูกกาแฟส่วนใหญ่อาศัยน�้ำฝนธรรมชาติ เกษตรกรควรดูแลให้ดินมีความช้ืน สม่�ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังปลูกใหม่ๆ ซ่ึงเป็นช่วงที่ต้นกาแฟยังมีขนาดเล็ก หากไมม่ ฝี นตกภายใน 1-2 สปั ดาห์ ตอ้ งใหน้ ำ�้ ชว่ ย และตอ้ งไมใ่ หต้ น้ กาแฟขาดนำ�้ นานเกนิ 3 สปั ดาห์ สำ� หรบั กาแฟทใ่ี ห้ผลผลติ แลว้ ใน 1 รอบการผลิต ตน้ กาแฟมีความตอ้ งการน�้ำ ดังนี้ ช่วงดอกตูม ดอกกาแฟมีการพฒั นาจากเซลล์เลก็ ๆ เปล่ียนแปลงเป็นกลมุ่ ดอก กลมุ่ ดอกน้ี จะเจริญเติบโตเพมิ่ ขนาดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งโตเต็มที่ ชว่ งนห้ี ากขาดน้�ำ จะทำ� ให้ดอกทอี่ อกมาน้ัน เป็นดอกไม่สมบูรณ์หรือเป็นหมันได้ หลังจากดอกโตเต็มที่แล้ว ดอกจะหยุดเจริญหรือท่ีเรียกว่า อยใู่ นชว่ งพกั ตวั การพกั ตวั ควรมรี ะยะเวลาไมต่ ำ่� กวา่ 5-6 สปั ดาห์ ชว่ งพกั ตัวนีเ้ ป็นชว่ งทกี่ าแฟไม่ต้องการน�้ำ ดอกจึงจะมีการพักตวั เตม็ ที่ ช่วงที่ดอกพักตัวสมบูรณ์และจะออกจากการพักตัว หลังจากดอกกาแฟได้พักตัวเต็มท่ี เมื่อได้ฝนหรือน้�ำใน ปริมาณท่ีเพียงพอ ดอกจะออกจากการพักตัวและเริ่มเจริญ เติบโตมีขนาดใหญ่ขึ้นเร่ือยๆ จนเห็นเป็นดอกสีขาว ในการ ออกจากการพักตัวนี้ บางคร้ังฝนอาจตกน้อยจนมีปริมาณไม่พอ เพียงต่อการออกจากการพักตัวและการเจริญเติบโตของดอกได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ควรให้น้�ำเพิ่มเติมเพ่ือให้ดอกบานได้เต็มที่ อยา่ งพรอ้ มเพรยี งกนั ซงึ่ จะเปน็ ประโยชนท์ �ำใหเ้ กบ็ เกยี่ วผลกาแฟ ไดพ้ รอ้ มกนั หากไดน้ ้�ำไมเ่ พยี งพอ จะสง่ ผลใหด้ อกและผลพฒั นาไดไ้ มเ่ ตม็ ท่ี ดอกจะเหย่ี วและฝอ่ ไป ท�ำใหไ้ มม่ กี ารติดผล ช่วงดอกบาน ดอกกาแฟมักจะบานภายใน 7-10 วัน หลังจากได้รับน�้ำฝนในปริมาณท่ี เพยี งพอ ชว่ งนกี้ าแฟไม่ตอ้ งการน้ำ� ฝนเปน็ อย่างยง่ิ ทั้งนเ้ี พราะขณะท่ดี อกบานเปน็ ช่วงที่ดอกกำ� ลัง จะได้รับการผสมละอองเกสรจากต้นอ่ืน หากมีฝนตกหรือมีการให้น้�ำแบบพ่นฝอย น้�ำจะชะ ละอองเกสรตัวผู้ให้หลุดออก ไม่สามารถปลิวไปผสมกับดอกอ่ืนๆ ได้ ท�ำให้จ�ำนวนดอกกาแฟ ท่ีได้รับการผสมลดลง ท�ำให้ผลผลิตต�่ำ ดังนั้น ในปีใดท่ีมีฝนตกในช่วงวันท่ีดอกชุดใหญ่บานพอดี ผลผลติ ในปนี ้นั จะต�่ำ การเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 39
ช่วงเร่ิมติดผล หลังจากดอกได้รับการผสมเกสรแล้ว จะมีการติดผลเกิดขึ้น ผลมีขนาด เล็กมาก อยู่เบียดกันเป็นกลุ่ม ช่วงนี้ถ้าความชื้นในดินไม่เพียงพอ ดอกท่ีเริ่มติดแล้วอาจจะฝ่อ หรอื เหลอื งหลดุ ร่วงไปเป็นจ�ำนวนมาก หากได้รับน้ำ� ในช่วงท่ดี อกบาน และดินยงั ช้นื อยู่ อาจไมต่ อ้ ง ให้น้�ำในช่วงนี้ แต่ถ้ายังไม่ได้รับน้�ำมาก่อนและฝนท้ิงช่วงนานกว่า 3 สัปดาห์ ควรให้น�้ำช่วย ทกุ ๆ 3 – 4 สปั ดาห์ ช่วงที่ผลขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นช่วงที่ส�ำคัญที่สุด ต้นกาแฟไม่ควรขาดน�้ำในช่วงน้ี (อายุ 3-4 เดือน หลังดอกบาน) เพราะผลจะขยายตัวอย่างรวดเร็วจากขนาดเมล็ดพริกไทย ขยายขนาดโตข้ึนเรื่อยๆ เป็นเวลา 3 เดือน ผลจะสร้างเนื้อเย่ือรอบๆ เมล็ดมากกว่าเน้ือเมล็ด และสร้างชอ่ งว่างไวใ้ ห้เมล็ดเจริญเตบิ โตต่อมาในภายหลัง ถ้าช่วงนีต้ น้ กาแฟขาดน้�ำ เน้อื เยื่อรอบๆ เมลด็ ขยายตวั ไดน้ อ้ ย ชอ่ งวา่ งทส่ี รา้ งไวใ้ หเ้ มลด็ เตบิ โตมขี นาดเลก็ จะท�ำใหไ้ ดเ้ มลด็ ทม่ี ขี นาดเลก็ ดว้ ย ซ่งึ เปน็ สาเหตุใหผ้ ลผลติ ต่ำ� หากฝนไม่ตกในชว่ งน้ี ควรตอ้ งใหน้ ำ�้ แก่ต้นกาแฟ ช่วงผลสะสมน�้ำหนักแห้ง เป็นช่วงระยะต่อจากช่วงผลขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเป็น ช่วงท่ีผลสร้างเน้ือเมล็ด ในช่วงน้ีดินควรมีความช้ืน โดยปกติฝนจะตกสม่�ำเสมอหลังจากเดือน มิถุนายนเป็นต้นไป จึงไม่มีปัญหาการขาดนำ้� ในระยะเวลาดังกล่าว แต่ถ้าช่วงท่ีฝนแล้งนานกว่า 3 สปั ดาห์ ควรให้น้ำ� ชว่ ย 40 การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ
นำ�้ ทใี่ ชใ้ นการผลติ กาแฟ ควรมาจากแหลง่ นำ�้ สะอาด ปราศจากสารอินทรยี ์ และอนินทรยี ์ ทมี่ พี ษิ ปนเปอ้ื น ในระดบั ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ ความปลอดภยั ในการบรโิ ภค หากตอ้ งการทราบคณุ ภาพ นำ�้ ทใี่ ชอ้ ยู่ในปัจจบุ นั เหมาะสมกบั การผลิตกาแฟหรือไม่ สามารถเกบ็ ตวั อย่างน้�ำส่งตรวจวเิ คราะห์ ท่ีหน่วยงานราชการ หรือตรวจสอบด้วยชุดตรวจสอบคุณภาพนำ้� อย่างง่าย นอกจากน้ีการใช้นำ�้ ควรมกี ารวางแผนการใชอ้ ยา่ งรดั กมุ ควรมกี ารสำ� รองนำ้� ไวใ้ ช้ เพอื่ ปอ้ งกนั ความเสยี หายทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กับสวนกาแฟและผลผลิต อนั เน่อื งมาจากความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ ภยั แลง้ หรือนำ�้ ท่วม การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชคลุมดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชตระกูลถ่ัว จะช่วยควบคุมและลดการระเหย ของน้�ำ นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงบ�ำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ และดินมีความร่วนซุยขึ้น รวมทั้งลดปญั หาของวชั พืชลงไดอ้ กี ด้วย การปลกู พืชคลุมดินน้ี จะลงมือปลกู พชื คลมุ ดินก่อน หรอื จะปลูกพร้อมๆ กับปลูกกาแฟ หรือหลังปลูกกาแฟแล้วก็ได้ แต่เพ่ือความสะดวกและง่ายต่อการ กำ� จดั วชั พชื ควรปลกู พชื คลมุ ดนิ หลงั จากไดเ้ ตรยี มดนิ วางแนว และกะระยะปลกู กาแฟเรยี บรอ้ ยแลว้ พืชตระกูลถว่ั ทแี่ นะนำ� ปลกู คลุมดินในสวนกาแฟ มดี ังน้ี 1. ถ่วั พรา้ ลักษณะเป็นเถา ความสูงประมาณ 60 – 120 เซนตเิ มตร ใบมรี ปู รา่ งมนกลมคลา้ ยไข่ ดอกเปน็ กลมุ่ มสี ชี มพหู รอื สแี ดงทปี่ ลายดอก เปน็ ดอกสมบรู ณเ์ พศ ผสมตัวเองภายในดอก ฝักมีรูปร่างคล้ายดาบห้อยปลายลง เมอ่ื สกุ มสี เี หลอื งคลา้ ยฟางขา้ ว เมลด็ มสี ขี าวคลา้ ยงาชา้ ง เปน็ ถวั่ อายสุ ้นั ขยายพันธดุ์ ้วยเมลด็ โดยเก็บเกย่ี วเมล็ดจากฝกั ทโี่ ตเต็ม ที่นำ� ไปตากแห้ง หลงั จากปลูก 5 – 10 เดอื น วิธีการปลูก ถากหญ้าและพรวนดิน ในบริเวณท่จี ะปลกู หว่านเมล็ดถ่ัวพร้าใหท้ ่วั แปลง อตั รา 10 กโิ ลกรมั /ไร่ กลบดนิ บางๆ พอมดิ เมลด็ ถว่ั รอจนถว่ั พรา้ ออกดอก ค่อยตดั ต้นถัว่ พร้า สามารถ น�ำเอาเศษถ่ัวพร้าท่ีตัดใช้คลุมดินในสวนกาแฟ หรือเอามาทำ� ปุ๋ยหมักแล้วค่อยนำ� ไปใส่ในสวนก็ได้ ระวังอย่าให้ถั่วพร้าติดฝัก เพราะถ่ัวพร้าจะไปแย่ง ธาตุอาหารจากต้นกาแฟแทน การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 41
2. ถวั่ ลิสงเถา ถว่ั ปิน่ โต ถวั่ บราซลิ หรือถั่วเปรู มถี นิ่ กำ� เนดิ ในประเทศบราซลิ ลกั ษณะคลา้ ยตน้ ถว่ั ลสิ ง แตใ่ บเลก็ กวา่ และมลี �ำตน้ เลอื้ ย ไปตามดิน มีรากแก้วแข็งแรง ดอกสีเหลืองสวยงาม ฝักออกอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับถั่วลิสง แต่ในหน่ึงฝักมีเพียงหน่ึงเมล็ดเท่าน้ัน ระดับ ความลึกของดินท่ีเมล็ดเกิดมาก อยู่ระหว่าง 5 – 10 เซนตเิ มตร จากพน้ื ผวิ ดนิ เหมาะสำ� หรบั จัดสวนประดับ หรือปลูกแทนสนามหญ้า ใชเ้ ปน็ พชื อาหารสตั ว์ และใหป้ ยุ๋ ตรงึ ไนโตรเจน ในดินได้ดี เป็นพืชอายุหลายปี ขยายพันธุ์ ด้วยเมล็ดหรือใช้ท่อนพันธุ์ มีคุณสมบัติเด่น คือ เป็นพืชทนแล้ง ทนร่มเงา ทนต่อการ เหยยี บยำ�่ จงึ ปลกู ได้ในหลายสภาพพนื้ ท่ี วธิ ีการปลกู ถากหญ้าและพรวนดินในบรเิ วณทจี่ ะปลูก หวา่ นเมล็ดถ่วั ลสิ งเถาให้ทัว่ แปลง อตั รา 2 กิโลกรัม/ไร่ กลบดินบางๆ พอมดิ เมลด็ ถ่ัว หากใช้ท่อนพันธุ์ ใหน้ �ำท่อนพันธ์ุท่มี ีความยาว 2 – 3 ขอ้ ไปปกั ชำ� ในถงุ เพาะชำ� ประมาณ 1 – 2 เดอื น จนตน้ พนั ธย์ุ าวประมาณ 15 – 20 เซนตเิ มตร ปลูกเป็นหลุมๆ ละ 1 ต้น ระยะปลูก 50x50 เซนติเมตร ระยะแรกการเจริญเติบโตจะช้า จึงควรก�ำจัดวัชพืชในช่วง 1 – 2 เดือนแรก หลังจากต้ังตัวได้ถ่ัวลิสงเถาจะเริ่มทยอยออกดอก หากปลกู ชว่ งฤดฝู น ชว่ งทีม่ ีดอกมากทส่ี ุดอยูร่ ะหวา่ งเดอื นสงิ หาคม – กนั ยายน และปรมิ าณดอก จะลดลงระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ต้องหม่ันคอยดูแลอย่าปล่อยให้หญ้ารกจนคลุม ต้นถว่ั เพราะจะทำ� ใหต้ น้ ถวั่ แคระแกรน็ และตายได้ 42 การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ
3. คาโลโปโกเนียม (Calopo- gonium mucunoides) ลกั ษณะเปน็ เถาเลอ้ื ยมขี นสนี ำ้� ตาล ใบเป็นรูปไข่ มีขนสีน้�ำตาลค่อนข้างยาว ดอกสีน้�ำเงินออ่ น อยู่รวมเป็นกลมุ่ 2 – 4 ดอก ฝักมีขนสีน�้ำตาล มีเมล็ด 4 - 5 เมล็ด/ฝัก เมลด็ สีนำ้� ตาลออ่ นเกือบเหลือง วิธีการปลูก ถากหญ้าและพรวนดิน ในบริเวณท่ีจะปลูก ใช้เมล็ดพันธุ์อัตรา 1 – 1.5 กิโลกรัม/ไร่ หว่านหรือใช้จอบขุดดิน เป็นร่องลึก ประมาณ 2 – 3 น้ิว ให้เป็นแถว 3 แถว โดยให้แถวริมท่ีอยู่ชิดแถวกาแฟ อยู่ห่างจากแถวต้นกาแฟข้างละประมาณ 2 เมตร ส่วนแถวกลางให้อยู่ระหว่างกลาง ของแถวริมท้ังสอง น�ำเมล็ดถั่วโรยลงในร่องแล้วเกลี่ยดินกลบเมล็ด หลังจากปลูกเจริญเติบโต เร็วมาก และโทรมตายไปจนหมดหลังฝกั แก่ 4. เซนโตรซีมา่ (Centrosema pubescens) การปอ้ งกนั กำ� จัดวัชพชื ลักษณะเป็นเถาเลื้อยไปตามผิวดิน ขณะยังอ่อนมีขนท่ีล�ำต้นมาก ใบรูปไข่ยาวรี ปลายใบแหลม สีเขียวอ่อนเป็นมัน ดอกเป็น ช่อสีม่วงอ่อนหรือบานเย็น ฝักแบนยาว เม่ือแก่ มีสีน้�ำตาลอ่อน เมล็ดเลก็ แบน สนี ำ้� ตาลอมเขียว มีลายกระ มักเรียกว่า “ถ่ัวลาย” หรือ “ถั่ว เซนโตร” วิธีปลูกเช่นเดียวกับคาโลโปโกเนียม แต่เจริญเติบโตช้า และปลูกในสภาพร่มเงา ได้ดกี ว่าคาโลโปโกเนียม วัชพืชในสวนกาแฟส่วนใหญ่เป็นปัญหาสำ� คัญกับสวนกาแฟท่ีปลูกใหม่มากกว่าสวนกาแฟ ที่มีอายุหลายปี เพราะสวนกาแฟท่ีปลูกใหม่ ต้นกาแฟยังมีขนาดเล็ก ไม่สามารถคลุมพ้ืนดินได้ แสงแดดส่องได้ทว่ั ถึง ท�ำให้วชั พชื เจรญิ เติบโตได้ดี การปอ้ งกันกำ� จัดวชั พชื กระท�ำไดห้ ลายวิธี ดงั น้ี 1. การใชแ้ รงงานและการใชเ้ ครอื่ งจกั รกลตดั วชั พชื ระดบั ผวิ ดนิ เปน็ วธิ กี ารทเี่ หมาะสม โดยเฉพาะในสวนกาแฟทปี่ ลกู ใหม่ เพราะระยะนกี้ ารใชส้ ารก�ำจดั วชั พชื จะเปน็ อนั ตรายกบั ตน้ กาแฟ ได้งา่ ย และมีข้อดตี รงท่ีสามารถน�ำเศษวัชพืชทต่ี ัดมาคลุมโคนตน้ กาแฟ เพือ่ ปอ้ งกันไม่ให้วัชพืชข้นึ การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ 43
ปอ้ งกนั การระเหยของน�้ำในฤดแู ลง้ และยอ่ ยสลายเปน็ ปยุ๋ รวมทงั้ ยงั เปน็ การปอ้ งกนั การชะลา้ งหนา้ ดนิ ในฤดฝู นอกี ดว้ ย ไมค่ วรกำ� จดั วชั พชื โดยการถากหนา้ ดนิ ออกไป เพราะจะเปน็ การสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การชะลา้ งพงั ทลายของดิน โดยเฉพาะการปลูกกาแฟในสภาพพ้ืนที่ลาดชัน 2. การใชส้ ารกำ� จัดวัชพืช เป็นวิธกี ารทีเ่ กษตรกรนิยมใชก้ นั มาก เพราะสะดวก ลงทนุ ตำ่� และเหน็ ผลรวดเร็ว ส�ำหรับสารกำ� จัดวัชพชื แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ ประเภทยาฆ่าและยาคุม การใชย้ าฆา่ ใหไ้ ดผ้ ลดี คอื ตอ้ งใชย้ ากอ่ นทว่ี ชั พชื จะออกดอกหรอื ตดิ เมลด็ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ มลด็ วชั พชื แพร่ กระจายตอ่ ไปอีก ในฤดฝู นควรดสู ภาพอากาศกอ่ นฉดี พ่น หรือใช้สารจับใบผสมลงไป เพ่อื ปอ้ งกัน การชะลา้ งของน�้ำฝนหลังการฉดี พ่น ซ่ึงจะท�ำให้สญู เสยี ยาก่อนการเขา้ ท�ำลายวชั พชื สว่ นประเภท ยาคุม มักใช้ในกรณีท่ีมีการไถเตรียมดิน ถ้าในฤดูฝนควรต้องใช้ในอัตราผสมที่สูงกว่าฤดูอ่ืนๆ การใช้สารก�ำจัดวัชพืชควรใช้อย่างระมัดระวัง เพ่ือไม่ให้เป็นอันตรายต่อต้นพืช สภาพแวดล้อม และตวั เกษตรกรผใู้ ช้ 3. การปลกู พืชแซม เป็นการช่วยลดชอ่ งว่างไม่ให้วชั พืชขน้ึ พืชแซม เช่น กลว้ ย มะละกอ ถ่ัว หรือพืชอ่ืนๆจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการก�ำจัดวัชพืชได้ดี และยังสามารถน�ำมาขายเพื่อเพ่ิม รายไดอ้ ีกทาง 4. การปลกู พชื คลมุ ดนิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ พชื ตระกลู ถวั่ เมอื่ พชื คลมุ ดนิ เหลา่ นเี้ จรญิ เตบิ โต จะช่วยลดปัญหาของวชั พชื ลงได้ และยงั เป็นการเพม่ิ ธาตุอาหารใหต้ น้ กาแฟอกี ทาง การตดั แตง่ กง่ิ กาแฟ ความสำ� คญั ของการตัดแตง่ กงิ่ การตดั แตง่ กิ่งมีความสำ� คญั และจำ� เปน็ มากสำ� หรบั การท�ำสวนกาแฟ เนื่องจากลักษณะการ ติดดอกออกผลของกาแฟจะให้ดอกและผลบนข้อตรงโคนก่ิงนอนที่เกิดตรงกิ่งหลักบริเวณ ล่างสุดก่อน ปีต่อไปดอกและผลจะเกิดไล่บนข้อของก่ิงนอนถัดไปทางปลายก่ิงเร่ือยไปทุกปี ส่วนใหญ่ดอกและผลจะไม่เกิดซ�้ำบนข้อเดิม แต่หากเกิดซ�้ำเนื่องจากตาดอกในปีแรกไม่ได้ผลิต ดอกทุกตา ก็จะไม่ให้ดอกและผลมากเหมือนปีแรก โดยก่ิงนอนแต่ละกิ่งจะให้ผลนาน 2 – 3 ปี ก่ิงช้ันท่ี 1 จะให้ผลมากที่สุด หลังจากน้ันจะแห้งและร่วงหลุดไป กิ่งนอนที่อยู่บนกิ่งหลักถัดขึ้น ไปทางส่วนปลายยอดก็จะให้ผลแทนเรื่อยไปเช่นน้ี ดังนั้น กิ่งหลักท่ีมีอายุมากจะยาวหลายเมตร ตรงโคนกิ่งจะโล่ง ไม่มีก่ิงให้ผลเลย แต่กลับมีกิ่งให้ผลไปรวมเป็นกระจุกตรงปลายกิ่งหลัก ต้นที่มี สภาพเช่นน้ีจะมีส่วนของก่ิงที่ไม่เป็นประโยชน์มาก และมีส่วนที่ให้ผลผลิตน้อย ท�ำให้สวนกาแฟ ท่ีไมม่ ีการตดั แตง่ กิง่ มีผลผลิตตำ�่ จึงควรมกี ารตัดแต่งกงิ่ กาแฟอยา่ งสม�่ำเสมอทุกปี 44 การเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152