ความหลากชนดิ และความมากมายของสตั วเ์ ล้ยี งลกู ดว้ ยนมขนาดเล็ก ในปา่ เบญจพรรณ เขตรักษาพันธส์ุ ัตวป์ ่าสลกั พระ จังหวัดกาญจนบรุ ี SPECIES DIVERSITY AND ABUNDANCE OF SMALL MAMMALS IN THE MIXED DECIDUOUS FOREST, SALAKPHRA WILDLIFE SANCTUARY, KANCHANABURI PROVINCE ยวุ ลักษณ์ ชนะชยั 1* รองลาภ สุขมาสรวง1 และ ประทปี ดว้ งแค1 Yuwaluk Chanachai1, Ronglarp Sukmasuang1* & Prateep Duengkae1 ABSTRACT The study of Species Diversity and Abundance of Small Mammals in the Mixed Deciduous Forest, Salakphra Wildlife Sanctuary by live - trapped, was conducted during May 2014 to April 2015. A total of 3,888 trap nights and trap success for live traps was 5.17%, we can captured 147 individuals from 7 species (6 genera, 3 families and 2 orders). The Shannon-Wiener indices (H’) in the Mixed Deciduous Forest, Salakphra Wildlife Sanctuary in 1 whole year equaled 1.43, were highest in August (H’ = 1.42) and lowest in February (H’ = 0.50). We calculated a Relative Abundance (RA) of small mammals in study area and classified to 5 categories: very common, common, moderate common, uncommon, rare and very rare. Maxomys surifer was very common species and widely distributed in this area. The finding can be used to as information about small mammals shedding light of important roles in ecological system and environmental management. Furthermore, we can used this knowledge for manage species or population of small mammals in the Mixed Deciduous Forest. Key words: Diversity, Abundance, Small mammals, Live - trap ¹ภาควชิ าชีววิทยาปา่ ไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ *E-mail: [email protected] วารสารสตั ว์ป่าเมอื งไทย ปที ี่ 23 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2559 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 23 No. 1, 2016
2 บทคัดย่อ การศกึ ษาความหลากชนดิ และความมากมายประชากรของสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในปา่ เบญจพรรณ เขตรกั ษา พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระโดยวธิ กี ารวางกรงดกั ตงั้ แตเ่ ดอื นพฤษภาคมพ.ศ.2557ถงึ เดอื นเมษายนพ.ศ.2558รวมทง้ั หมด3,888 กบั ดกั คนื คดิ เปน็ ความสำ� เรจ็ ในการวางกรงดกั สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ 5.17% สามารถจบั สตั วไ์ ดท้ ง้ั หมด 147 ตวั โดย จำ� แนกสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทจ่ี บั ไดอ้ อกเปน็ 7ชนดิ 6สกลุ 3วงศ์2อนั ดบั คา่ ดชั นคี วามหลากหลายH’ของสตั วเ์ ลยี้ ง ลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ บรเิ วณปา่ เบญจพรรณเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระตลอด1ปที ที่ ำ� การศกึ ษาพบวา่ มคี า่ เทา่ กบั 1.43โดย เดอื นสงิ หาคมมคี า่ ดชั นคี วามหลากหลายสงู สดุ เทา่ กบั 1.42และเดอื นทมี่ คี า่ ดชั นคี วามหลากหลายตำ�่ ทส่ี ดุ คอื เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ เทา่ กบั 0.50 ศกึ ษาความชกุ ชมุ สมั พทั ธข์ องสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ โดยจำ� แนกความชกุ ชมุ ออกเปน็ 5 ระดบั จากการ ศกึ ษาพบวา่ หนฟู านเหลอื ง (Maxomys surifer) เปน็ ชนดิ ทพ่ี บไดบ้ อ่ ยมาก และมกี ารกระจายครอบคลมุ ตลอดพน้ื ท่ี ผลการ ศกึ ษาทไ่ี ดค้ รงั้ นสี้ ามารถใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทม่ี บี ทบาทสำ� คญั ในระบบนเิ วศ และสามารถนำ� ไปใช้ประโยชน์ในการจัดการสภาพแวดล้อม การจัดการชนิดและประชากรของสัตว์เล้ียงลูกด้วยนมขนาดเล็กในป่า เบญจพรรณตอ่ ไป คำ� นำ� สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในอนั ดบั สตั วฟ์ นั แทะ (Rodentia) และอนั ดบั กระแต (Scandentia) เปน็ สตั วป์ า่ กลมุ่ หนงึ่ ที่ สามารถพบเหน็ ไดท้ วั่ ไปตงั้ แตใ่ นพน้ื ทป่ี า่ ธรรมชาตไิ ปจนถงึ ถนิ่ อาศยั ของมนษุ ยท์ ง้ั ยงั มบี ทบาทสำ� คญั ในระบบนเิ วศเชน่ ชว่ ย กระจายเมลด็ พชื ทำ� ลายเมลด็ พชื และกลา้ ไม้ (Aedler & Kestell, 1998; Asquith et al., 1999; Guariguata et al., 2000; Suzuki et al., 2007) ผสมเกสรดอกไม้ (Chakravarthy & Thyagaraj, 2012) เปน็ อาหารทส่ี ำ� คญั ของสตั วก์ นิ เนอื้ บางชนดิ เชน่ นกแสก และงู (Wright et al., 1994; Vieira et al., 2009) เปน็ ตน้ รวมถงึ ใชเ้ ปน็ สตั วท์ ดลองเพอ่ื การศกึ ษาทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละ การแพทย์แตใ่ นทางกลบั กนั สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ บางชนดิ กม็ บี ทบาทเชงิ ลบเชน่ เปน็ แหลง่ ของโรคทส่ี ำ� คญั (Sripho, 2010) ทำ� ลายผลผลติ ทางการเกษตรและทรพั ยส์ นิ เปน็ ตน้ เนอ่ื งจากสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ เจรญิ เตบิ โตไดเ้ รว็ มอี ตั รา การสบื พนั ธส์ุ งู และตกลกู ไดค้ รงั้ ละมากๆ จงึ ชว่ ยใหเ้ พม่ิ ขนาดประชากรไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ อกี ทงั้ มคี วามสามารถในการปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ถน่ิ อาศยั ทมี่ คี วามหลากหลายและสภาพแวดลอ้ มทมี่ ลี กั ษณะเปน็ หยอ่ มๆทนตอ่ สภาพถน่ิ อาศยั ทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลง ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี(Wellsetal.,2004;Suzukietal.,2007)จงึ มกั นยิ มใชเ้ ปน็ ดชั นวี ดั ทางชวี ภาพ(biologicalindicators)สภาพพนื้ ทป่ี า่ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระเปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ แหง่ แรกของประเทศไทยทไี่ ดร้ บั การประกาศจดั ตงั้ เมอ่ื วนั ที่31 ธนั วาคมพ.ศ.2508นบั วา่ เปน็ พน้ื ทห่ี นง่ึ ซงึ่ รวมความหลากหลายทางชวี ภาพของพชื พรรณและสตั วป์ า่ ชนดิ ตา่ งๆจำ� นวนมาก อยา่ งไรกต็ ามในปจั จบุ นั เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระถกู บกุ รกุ โดยชาวบา้ นทอี่ าศยั อยโู่ ดยรอบเพอ่ื บกุ เบกิ พนื้ ทเ่ี กษตรกรรม และการเกบ็ ของปา่ เชน่ หนอ่ ไม้ ผกั หวานปา่ เหด็ โคน และไมไ้ ผ่ รวมทงั้ นายทนุ ทตี่ อ้ งการทดี่ นิ เพอ่ื ดำ� เนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ โดย เฉพาะการกอ่ สรา้ งรสี อรท์ ซง่ึ สามารถพบเหน็ ไดท้ ว่ั ไปในพนื้ ทรี่ อบๆเขตรกั ษาพนั ธส์ ตั วป์ า่ สลกั พระสงิ่ เหลา่ นล้ี ว้ นสง่ ผลกระ ทบตอ่ ความสมดลุ ของระบบนเิ วศโดยรวมของพน้ื ท่ี ผลการศกึ ษาความหลากชนดิ และความมากมายประชากรของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ บรเิ วณปา่ เบญจพรรณใน เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระครงั้ น้ีนอกเหนอื จากการทราบจำ� นวนชนดิ และจำ� นวนประชากรทอี่ าจผนั แปรไปตามฤดกู าล ปจั จยั แวดลอ้ ม สภาพภมู ปิ ระเทศ การรบกวนพน้ื ทท่ี งั้ ทเี่ กดิ โดยธรรมชาตแิ ละทเ่ี กดิ จากมนษุ ยแ์ ลว้ ขอ้ มลู ความรทู้ ไี่ ดส้ ามารถ นำ� มาใชใ้ นการจดั การเพอ่ื รกั ษาความสมดลุ ของระบบนเิ วศ โดยเฉพาะในดา้ นของการจดั การประชากรสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนม ขนาดเลก็ ทเี่ ปน็ เหยอื่ สำ� คญั ของสตั วผ์ ลู้ า่ รวมถงึ การสบื ตอ่ พนั ธข์ุ องพรรณไม้ และ ชว่ ยเพม่ิ ความเขา้ ใจในดา้ นความสมั พนั ธ์ ของปา่ ผลดั ใบกบั ชนดิ และจำ� นวนสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทงั้ ในพนื้ ทน่ี ้ี และในพน้ื ทอี่ น่ื ของประเทศ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ามความเหมาะสมตอ่ ไป วารสารสัตวป์ ่าเมอื งไทย ปที ่ี 22 ฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
3 อปุ กรณ์และวธิ กี าร การเกบ็ ข้อมูลภาคสนาม สำ� รวจความหลากชนดิ และความชกุ ชมุ ของสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในอนั ดบั สตั วฟ์ นั แทะ(Rodentia)และอนั ดบั กระแต (Scandentia) บรเิ วณปา่ เบญจพรรณในหนว่ ยพทิ กั ษป์ า่ สลกั พระ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ดว้ ยวธิ ี grid method โดยประยกุ ตต์ าม Barnett & Dutton (1995) และ Martin et al. (2001) วางแปลงสำ� รวจเปน็ กรดิ ขนาด 9 x 9 จำ� นวน 3 แปลงใชก้ รงดกั ขนาด 15 x 15 x 30 เซนตเิ มตรสำ� หรบั ดกั จบั สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในอนั ดบั สตั วฟ์ นั แทะ และอนั ดบั กระแตโดยเวน้ ระยะหา่ งแตล่ ะกรง เทา่ กบั 20 เมตร จะไดจ้ ำ� นวนกรงทงั้ หมด 81 กรงตอ่ หนง่ึ แปลงดงั แสดงในภาพ ที่1ใชก้ ลว้ ยนำ้� วา้ สกุ เปน็ เหยอื่ ลอ่ เปดิ กรงดกั เปน็ เวลา4คนื ตดิ ตอ่ กนั (trapnight)ตรวจเชค็ กรงวนั ละสองครงั้ คอื ชว่ งเชา้ เวลา 7.00 - 10.00 น. และชว่ งบา่ ยในเวลา 15.00 - 18.00 น. เรมิ่ ทำ� การศกึ ษาโดยเกบ็ ขอ้ มลู แตล่ ะแปลงสลบั กนั จนครบ 1 ปี ตง้ั แต่ เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - เมษายน พ.ศ. 2558 เมอ่ื สตั วต์ ดิ กรงดกั จะทำ� การจำ� แนกชนดิ ในภาคสนามโดยใชค้ มู่ อื ของ Lekagul & McNeely (1988) Francis (2008) และ Duengkae (2007) กรณที ไ่ี มส่ ามารถจำ� แนกชนดิ ไดจ้ ะถา่ ยรปู มาเปรยี บเทยี บ กบั ตวั อยา่ งสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทม่ี อี ยภู่ ายในพพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาตวิ ทิ ยา องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.)จากนน้ั จงึ ทำ� เครอื่ งหมายเปน็ รายตวั โดยการฝงั PITTagsซง่ึ เปน็ ไมโครชพิ ทม่ี รี ะบบตวั เลขซงึ่ ไมซ่ ำ้� กนั เพอื่ ใชร้ ะบตุ วั สตั ว์ โดยใชเ้ ครอื่ งฉดี ฝงั PIT Tags ไวใ้ ตผ้ วิ หนงั บรเิ วณกลางหลงั ระหวา่ งไหลท่ งั้ สองขา้ ง ใชเ้ ครอื่ งอา่ น (handheld reader) ใน การอา่ นรหสั และจดบนั ทกึ เพอื่ ปอ้ งกนั ในกรณที เี่ กดิ การสญู หายของเครอ่ื งหมายทที่ ำ� ไวบ้ นตวั สตั ว์ ทำ� การจำ� แนกเพศและ โครงสรา้ งชน้ั อายโุ ดยการวดั ขนาดและชงั่ นำ�้ หนกั อยา่ งไรกต็ ามสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทจี่ บั ไดต้ งั้ แตค่ รงั้ ที่2เปน็ ตน้ ไป จะตอ้ งตรวจสอบดว้ ยเครอื่ งอา่ นรหสั หากยงั ไมไ่ ดท้ ำ� เครอ่ื งหมายกจ็ ะทำ� การฝงั PIT Tags หากตวั ทจ่ี บั ไดเ้ ปน็ ตวั ทถี่ กู ทำ� เครอ่ื งหมายแลว้ จะทำ� การจำ� แนกโครงสรา้ งชน้ั อายแุ ละวดั ขนาดสว่ นตา่ งๆ เทา่ นน้ั แลว้ จงึ ทำ� การปลอ่ ยคนื สธู่ รรมชาติ ตาม พกิ ดั กรงทจ่ี บั สตั วไ์ ด้ ภาพท่ี 1 การวางกรงดกั ในแต่ละกรดิ วารสารสัตวป์ ่าเมอื งไทย ปที ่ี 22 ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
4 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู 1.คำ� นวณดชั นคี วามหลากหลาย(diversityindices)ของชนดิ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในบรเิ วณปา่ เบญจพรรณเขต รกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระ จงั หวดั กาญจนบรุ ี แตล่ ะชว่ งเวลาการศกึ ษา โดยใช้ Shannon -Wiener index (Shannon & Weaver, 1949) ซง่ึ คำ� นวณไดจ้ ากสมการ s ∑H ' = − (Pi ln Pi ) i=1 เมือ่ H’= ค่าดชั นคี วามหลากหลายของ Shannon - Wiener S = จ�ำนวนชนิดในสังคม Pi = สดั ส่วนของชนดิ I ในสังคม หรอื pi = ni/N, ni = 1, 2, 3,…,s 2. ความชกุ ชมุ สมั พทั ธ์ (Relative abundance) เปน็ การวเิ คราะหถ์ งึ ความมากนอ้ ยของสตั ว์ โดยนบั จำ� นวนครง้ั ทดี่ กั จบั ได้ หารดว้ ยจำ� นวนครง้ั ทส่ี ำ� รวจ โดยคำ� นวณไดจ้ าก ความชกุ ชุมสัมพทั ธ์ (Relative abundance) = จำ� นวนครงั้ ทีจ่ ับสัตวไ์ ด้ x 100 จ�ำนวนคร้งั ทีส่ �ำรวจ นำ� คา่ ทไ่ี ดม้ าตดั สนิ วา่ มคี วามมากนอ้ ยเพยี งใดโดยดดั แปลงจากวธิ กี ารของ Pettingill (1950) ดงั น้ี รอ้ ยละความชกุ ชมุ สมั พทั ธ ์ 1-10 = หายากมาก (Very rare) 10-30 = หายาก (Rare) 31-50 = พบไดน้ อ้ ย (Uncommon) 51-70 = พบคอ่ นขา้ งนอ้ ย (Moderate common) 71-90 = พบบอ่ ย (Common) 91-100 = พบบอ่ ยมาก (Very common) ผลและวจิ ารณ์ การศกึ ษาสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ บรเิ วณปา่ เบญจพรรณ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ดว้ ย วธิ วี างกรงดกั ตลอดระยะเวลา1 ปจี ำ� นวนทง้ั สนิ้ 3,888 trap nights คดิ เปน็ ความสำ� เรจ็ ในการวางกรงดกั สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม ขนาดเลก็ 5.17% สามารถจบั สตั วไ์ ดท้ งั้ หมด 201 ครงั้ แยกเปน็ สตั วท์ ถ่ี กู ทำ� เครอ่ื งเครอ่ื งหมายดว้ ยไมโครชพิ จำ� นวน 118 ตวั และจบั ซำ�้ ไดท้ งั้ หมด22ครง้ั โดยจำ� แนกสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทจี่ บั ไดอ้ อกเปน็ 2อนั ดบั 3วงศ์6สกลุ 7ชนดิ ไดแ้ ก่หนู ฟานเหลอื ง หนทู อ้ งขาว หนพู กุ เลก็ กระจอ้ น กระรอกปลายหางดำ� กระรอกทอ้ งแดง และกระแตเหนอื ดงั แสดงในตารางท่ี 1 วารสารสตั วป์ า่ เมืองไทย ปที ่ี 22 ฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
5 ตารางท่ี 1 สัตวเ์ ลยี้ งลูกด้วยนมขนาดเลก็ ในแต่ละอันดบั ทส่ี �ำรวจพบในบริเวณป่าเบญจพรรณ เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ัตวป์ า่ สลักพระ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ล�ำดบั ที่ อนั ดับ วงศ์ ชื่อไทย ช่อื วิทยาศาสตร์ N 1 Rodentia Muridae หนฟู านเหลือง Maxomys surifer 61 2 Rodentia Muridae หนทู ้องขาว Rattus tanezumi 10 3 Rodentia Muridae หนพู ุกเล็ก Bandicota savilei 1 4 Rodentia Sciuridae กระจอ้ น Menetes berdmorei 38 5 Rodentia Sciuridae กระรอกปลายหางดำ� Callosciurus caniceps 21 6 Rodentia Sciuridae กระรอกทอ้ งแดง Callosciurus erythraeus 1 7 Scandentia Tupaiidae กระแตเหนือ Tupaia belangeri 15 รวม 147 เนอื่ งจากการศกึ ษาครง้ั นเ้ี นน้ ศกึ ษาสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในอนั ดบั สตั วฟ์ นั แทะ(Order Rodentia) และอนั ดบั กระแต (Order Scandentia) จงึ อาจไมค่ รอบคลมุ ชนดิ สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทงั้ หมดทม่ี ใี นพนื้ ทโี่ ดยเฉพาะอนั ดบั สตั ว์ กินแมลง (Order Eulipotyphla) เช่น หนูผีเหนือ (Crocidura vorax) หนูผีบ้าน (Suncus murinus) และหนูผีหางหมู (Hylomyssuillus)เปน็ ตน้ ซงึ่ มกั นยิ มใชห้ ลมุ ดกั (pitfalltraps)ในการสำ� รวจนอกจากขอ้ จำ� กดั ขา้ งตน้ ดงั ทกี่ ลา่ วมาแลว้ การใช้ วธิ วี างกรงดกั เพอ่ื ดกั จบั สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ กเ็ ปน็ อกี หนง่ึ ขอ้ จำ� กดั ซงึ่ สง่ ผลตอ่ ชนดิ สตั วท์ เ่ี ขา้ มาตดิ กรง โดยพบ วา่ การวางกรงดกั นน้ั มโี อกาสทสี่ ตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทม่ี นี เิ วศวทิ ยาอาศยั และหากนิ บรเิ วณพนื้ ดนิ (terrestrial small mammal) ตดิ กรงมมี ากกวา่ สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทม่ี นี เิ วศวทิ ยาอาศยั และหากนิ บนเรอื นยอด (arboreal small mammal) เนอ่ื งจากสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทมี่ นี เิ วศวทิ ยาอาศยั และหากนิ บรเิ วณพน้ื ดนิ โดยสว่ นใหญแ่ ลว้ สามารถเขา้ ถงึ และใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรตา่ งๆทอี่ ยบู่ รเิ วณพนื้ ปา่ ไดด้ กี วา่ (Wellsetal.2004)ดงั ผลการศกึ ษาทพ่ี บวา่ มสี ตั วใ์ นวงศห์ นู (Muridae) เขา้ มาตดิ กรงดกั จำ� นวนมากแตกตา่ งจากวงศก์ ระรอก (Sciuridae) และวงศก์ ระแต (Tupaiidae) ทสี่ ว่ นใหญแ่ ลว้ มกั อาศยั และหากนิ บนเรอื นยอดไม้(Lekagul&McNeely,1988)ขณะเดยี วกนั วธิ กี ารศกึ ษาสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ โดยการ ใชก้ รงดกั นนั้ ยงั เปน็ วธิ กี ารทไี่ มเ่ หมาะสมในสตั วว์ งศอ์ น้ (FamilySpalacidae)ทง้ั นเ้ี นอื่ งจากอน้ มกั ขดุ โพรงอาศยั อยใู่ ตด้ นิ และ ใชเ้ วลาสว่ นใหญอ่ ยภู่ ายในโพรงรงั อาจออกมาภายนอกเพยี งครง้ั คราว จงึ มโี อกาสนอ้ ยทอี่ น้ ตดิ กรงดกั แมว้ า่ มสี ตั วช์ นดิ นอี้ ยู่ ในพนื้ ทกี่ ต็ าม ประกอบกบั เหยอื่ ลอ่ ทใี่ ชค้ อื กลว้ ยนำ้� วา้ สกุ อยา่ งเดยี วซงึ่ ไมใ่ ชช่ นดิ อาหารหลกั ทอี่ น้ ชอบกนิ จงึ เปน็ อกี สาเหตุ หนง่ึ ทส่ี ตั วช์ นดิ นไ้ี มต่ ดิ กรงดกั เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั รายงานอนื่ ๆทมี่ กี ารศกึ ษาในพน้ื ทเี่ ดยี วกนั เชน่ รายงานของ Wiles (1981) ซง่ึ ไดท้ ำ� การศกึ ษาความ มากมายของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ โดยวธิ กี ารวางกรงดกั ในพนื้ ทป่ี า่ 3 ประเภท คอื ปา่ ไผร่ ะดบั ตำ�่ (Lowland bamboo forest) ปา่ ไผร่ ะดบั สงู (Upland bamboo forest) และ ปา่ เตง็ รงั (Dry dipterocarp forest) พบวา่ จำ� นวนชนดิ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม ขนาดเล็กท่ีดักจับได้ทั้งหมดมีจ�ำนวน 9 ชนิด โดยชนิดที่ไม่สามารถพบจากการวางกรงดักในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ พญากระรอกดำ� (Ratufa bicolor) กระรอกบนิ เลก็ แกม้ ขาว (Hylopetes phayrei) อน้ เลก็ (Cannomys badius) อน้ ใหญ่ (Rhizomys sumatraensis) และหนถู ำ้� (Leopoldamys neilli) ในขณะท่ี Nadee (1998) ไดท้ ำ� การศกึ ษาทรพั ยากรสตั วป์ า่ ในเขต รกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระโดยในกลมุ่ สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทำ� การศกึ ษาดว้ ยวธิ กี ารใชก้ ลอ้ งสองตาการสอบถามเจา้ หนา้ ทแ่ี ละสมั ภาษณค์ นในทอ้ งถนิ่ การดกั กรงและดกั ดว้ ยตาขา่ ยในเวลากลางคนื ครอบคลมุ พนื้ ทป่ี า่ ซง่ึ เปน็ ถนิ่ อาศยั ทสี่ ำ� คญั ทกุ ประเภทสามารถรวบรวมชนดิ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ไดท้ ง้ั สน้ิ 16ชนดิ ซง่ึ มจี ำ� นวนมากกวา่ การศกึ ษาในครงั้ นด้ี ว้ ย วารสารสัตวป์ า่ เมืองไทย ปที ี่ 22 ฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
6 เชน่ เดยี วกนั โดยชนดิ ทไี่ มส่ ามารถพบจากการวางกรงดกั ในการศกึ ษาครง้ั นนี้ อกเหนอื จากชนดิ ทมี่ กี ารรายงานโดย Wiles (1981) กอ่ นหนา้ นี้ ไดแ้ ก่ หนผู หี างหมู (Hylomys suillus) กระเลน็ ขนปลายหสู น้ั (Tamonops macclellandi) พญากระรอกบนิ หขู าว(Petauristaalborufus)หนพู กุ ใหญ่(Bandicotaindica)หนหู วาย(Leopoldamyssabanus)เมน่ ใหญ่(Hystrixbranchyura) และ เมน่ หางพวง (Atherurus macrourus) แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามการศกึ ษาครง้ั นส้ี ามารถดกั จบั สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ไดเ้ พมิ่ เตมิ อกี 1 ชนดิ คอื หนพู กุ เลก็ (Bandicota savilei) ซงึ่ ไมเ่ คยมรี ายงานมากอ่ นในพนื้ ท่ี แมว้ า่ จะสามารถพบหนชู นดิ นปี้ รากฏ รว่ มกบั หนพู กุ ใหญไ่ ดบ้ อ่ ยครงั้ ในพนื้ ทอี่ น่ื ๆกต็ าม (Aplin et al., 2003) เมอื่ นำ� ขอ้ มลู การดกั จบั สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทไี่ ดม้ าสรา้ งกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งชว่ งเวลาศกึ ษาทเ่ี พมิ่ ขนึ้ กบั จำ� นวนชนดิ สะสมโดยในชว่ ง 2เดอื นแรกพบสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทงั้ หมด5ชนดิ จากนน้ั จำ� นวนชนดิ สะสม ไดม้ กี ารเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งตามระยะเวลาการศกึ ษาทมี่ ากขน้ึ ในเดอื นมถิ นุ ายนมชี นดิ พนั ธท์ุ เี่ พม่ิ ขนึ้ อกี 1 ชนดิ คอื กระแต เหนอื จนถงึ เดอื นสงิ หาคมซงึ่ เปน็ เดอื นที่ 4 ของการศกึ ษาสามารถดกั จบั หนพู กุ เลก็ ได้ โดยสรปุ แลว้ ชนดิ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม ขนาดเลก็ ในบรเิ วณปา่ เบญจพรรณเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระมจี ำ� นวน7ชนดิ ซง่ึ จากผลการศกึ ษาแสดงใหเ้ หน็ วา่ จำ� นวน ชนดิ สะสมของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ เรม่ิ คงทภี่ ายในระยะเวลาศกึ ษาเพยี ง 4 เดอื นเทา่ นนั้ ดงั แสดงในภาพที่ 2 จำนวนชนิดสะสม 7 777777777 6 5 55 4 2 0 พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. เดอื น ภาพที่ 2 แสดงจำ� นวนชนดิ สะสมของสตั วเ์ ลี้ยงลูกดว้ ยนมขนาดเล็กทเ่ี พิ่มข้ึนในแต่ละชว่ งเวลาการศกึ ษา ความหลากชนดิ ของสตั ว์เล้ยี งลกู ดว้ ยนมขนาดเล็ก คา่ ดชั นคี วามหลากหลาย Shannon - Weiner index (H') ของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ปา่ บรเิ วณเบญจพรรณในเขต รกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระ ตลอด 1 ปที ที่ ำ� การศกึ ษา พบวา่ มคี า่ เทา่ กบั 1.43 เมอ่ื พจิ ารณาคา่ ดชั นคี วามหลากหลายในแตล่ ะ เดอื นคา่ ทไ่ี ดส้ ว่ นใหญม่ คี วามใกลเ้ คยี งกนั โดยเดอื นทม่ี คี า่ ดชั นคี วามหลากหลายสงู สดุ คอื เดอื นสงิ หาคม ซงึ่ มคี า่ H’ เทา่ กบั 1.42 และเดอื นทม่ี คี า่ ดชั นคี วามหลากหลายตำ่� ทส่ี ดุ คอื เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ มคี า่ H’ เทา่ กบั 0.50 ทงั้ นเี้ นอ่ื งจากเดอื นสงิ หาคมซงึ่ เปน็ เดอื นทมี่ คี า่ ดชั นคี วามหลากหลายสงู สดุ นน้ั อยใู่ นชว่ งฤดฝู นและลกู ไมส้ ว่ นใหญท่ เ่ี ปน็ อาหารหลกั ของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม ขนาดเลก็ ไดแ้ ก่ ตะครอ้ หนาม (Sisyrolepis muricata) และตะโกนา (Diospyros rhodcalyx) มกี ารตดิ ผลจำ� นวนมากจงึ ดงึ ดดู ให้ สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ หลายชนดิ เขา้ มาใชป้ ระโยชนใ์ นพนื้ ที่ โดยเฉพาะในชว่ งทฝี่ นตกหนกั และมลี กู ไมส้ กุ รว่ งหลน่ ตามพน้ื ดนิ จำ� นวนมากอาจเปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทสี่ ง่ ผลใหส้ ตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ โดยเฉพาะในกลมุ่ ทมี่ นี เิ วศวทิ ยาอาศยั และ หากนิ บรเิ วณพนื้ ดนิ (terrestrial small mammal) เชน่ หนชู นดิ ตา่ งๆ และ กระจอ้ น มโี อกาสตดิ กรงดกั มากขนึ้ ในขณะทเี่ ดอื น กมุ ภาพนั ธเ์ ปน็ เดอื นทม่ี คี า่ ดชั นคี วามหลากหลายตำ�่ ทสี่ ดุ นนั้ อยใู่ นชว่ งฤดแู ลง้ ปรมิ าณลกู ไมใ้ นแปลงศกึ ษาเรม่ิ ขาดแคลน สง่ ผลตอ่ จำ� นวนชนดิ ของสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทดี่ กั จบั ได้ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของSaosoong(2014)ทร่ี ายงานวา่ วารสารสตั ว์ป่าเมืองไทย ปีท่ี 22 ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
7 ในบรเิ วณปา่ ดบิ เขา อทุ ยานแหง่ ชาตดิ อยสเุ ทพ - ปยุ มคี า่ ดชั นคี วามหลากชนดิ ของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในฤดฝู นสงู กวา่ ชว่ งฤดแู ลง้ และSribandit(2013)ซง่ึ ทำ� การศกึ ษาในพนื้ ทศี่ นู ยศ์ กึ ษาธรรมชาตแิ ละทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศเจด็ คด-โปง่ กอ้ นเสา้ กม็ แี นวโนม้ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั นอกเหนอื จากปรมิ าณลกู ไมท้ มี่ กี ารขาดแคลนในชว่ งฤดแู ลง้ แลว้ อกี สาเหตหุ นงึ่ ทอ่ี าจจะสง่ ผลใหก้ ารดกั จบั สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ไดน้ อ้ ยคอื ในชว่ งทที่ ำ� การศกึ ษาไผป่ า่ (Bambusaarundinacea) บางกอเรม่ิ มกี ารตายขยุ (mast-seeding)ซง่ึ ดอกและเมลด็ ไผเ่ ปน็ อาหารทส่ี ำ� คญั ของสตั วห์ ลายชนดิ ทอี่ าศยั อยใู่ นพนื้ ท่ีโดยเฉพาะเมลด็ ไผน่ น้ั จดั วา่ เปน็ อาหารทใี่ หพ้ ลงั งาน สงู และมกั ดงึ ดดู ใหส้ ตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ โดยเฉพาะกลมุ่ สตั วฟ์ นั แทะ (Order Rodentia) เขา้ มาใชป้ ระโยชนจ์ ากภาวะ ตายขยุ ของไผ่(Janzen,1976)จงึ มคี วามเปน็ ไปไดว้ า่ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ เลอื กทจ่ี ะกนิ ดอกและเมลด็ ไผม่ ากกวา่ กลว้ ย นำ�้ วา้ ซงึ่ เปน็ เหยอื่ ทใี่ ชใ้ นการดกั จบั จากผลการศกึ ษาแสดงใหเ้ หน็ วา่ จำ� นวนชนดิ และคา่ ดชั นคี วามหลากหลาย H’ มคี วามผนั แปรตามแตล่ ะชว่ งเวลาและ ปรมิ าณทรพั ยากรทมี่ อี ยใู่ นพน้ื ท่ี โดยเฉพาะความหลากหลายและปรมิ าณอาหารในรอบปซี งึ่ เปน็ สง่ิ กำ� หนดความจำ� เพาะตอ่ ชนดิ อาหาร สง่ ผลใหส้ ตั วต์ อ้ งกนิ ชนดิ อาหารใดๆกต็ ามทมี่ อี ยใู่ นชว่ งเวลานน้ั ๆ และจะตอ้ งเปน็ พนื้ ทที่ ส่ี ตั วส์ ามารถเขา้ ถงึ เพอ่ื ใชป้ ระโยชนไ์ ด้ (Forget et al., 2002) ภาพท่ี 3 แสดงจำ� นวนชนิดและคา่ ดัชนคี วามหลากหลายของสัตวเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยนมขนาดเลก็ ที่เพมิ่ ขึ้นในแต่ละเดอื น ความชุกชุมของสตั วเ์ ล้ยี งลูกดว้ ยนมขนาดเลก็ ผลการศกึ ษาความชกุ ชมุ ของสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ โดยแบง่ ระดบั ความชกุ ชมุ ออกเปน็ 5ระดบั ซงึ่ ดดั แปลงจาก วธิ กี ารของ Pettingill (1950) พบวา่ ชนดิ ทพี่ บไดบ้ อ่ ยมาก (รอ้ ยละความชกุ ชมุ 91 - 100) มเี พยี ง ชนดิ เดยี ว คอื หนฟู านเหลอื ง ชนดิ ทพ่ี บคอ่ นขา้ งนอ้ ย (รอ้ ยละความชกุ ชมุ 51 - 70) มี 3 ชนดิ คอื กระจอ้ น หนทู อ้ งขาว และกระรอกปลายหางดำ� ชนดิ ทพี่ บ ไดน้ อ้ ย (รอ้ ยละความชกุ ชมุ 31 - 50) มชี นดิ เดยี ว คอื กระแตเหนอื ชนดิ ทหี่ ายากมาก (รอ้ ยละความชกุ ชมุ 1 - 10) มี 2 ชนดิ คอื กระรอกทอ้ งแดง และหนพู กุ เลก็ ซงึ่ ผลการศกึ ษาครง้ั นแี้ ตกตา่ งจากรายงานของ Nadee (1998) ทที่ ำ� การศกึ ษาทรพั ยากรสตั ว์ ปา่ ในเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระ และพบวา่ กระแตเหนอื เปน็ ชนดิ ทพี่ บไดบ้ อ่ ยมาก กระรอกทอ้ งแดง กระรอกปลายหาง ดำ� กระจอ้ น และหนทู อ้ งขาว เปน็ ชนดิ ทพ่ี บไดบ้ อ่ ย สาเหตทุ เี่ ปน็ เชน่ นอ้ี าจเนอื่ งมาจากวธิ กี ารศกึ ษาทแี่ ตกตา่ งกนั รวมทง้ั ขอ้ วารสารสตั วป์ ่าเมอื งไทย ปีท่ี 22 ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
8 จำ� กดั ทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการวางกรงดกั ซง่ึ มกั มโี อกาสในการดกั จบั ไดส้ ตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทมี่ นี เิ วศวทิ ยาอาศยั และหากนิ บรเิ วณพนื้ ดนิ (terrestrial small mammal) ตดิ กรงมมี ากกวา่ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทม่ี นี เิ วศวทิ ยาอาศยั และหากนิ บน เรอื นยอด (arboreal small mammal) ซงึ่ มกั ทำ� กจิ กรรมบนเรอื นยอดเปน็ สว่ นใหญ่ และลงมาหากนิ ตามพนื้ ดนิ บา้ งเปน็ ครงั้ คราว จงึ อาจสง่ ผลตอ่ ความประสบผลสำ� เรจ็ ในการดกั จบั ภาพท่ี 4 คา่ รอ้ ยละความชุกชุมสมั พัทธข์ องสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ แต่ละชนดิ ในบริเวณป่าเบญจพรรณ เขตรักษาพันธุ์ สตั วป์ ่าสลักพระจังหวัดกาญจนบุรี สรุป จากการศกึ ษาสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ดว้ ยวธิ วี างกรงดกั ตลอดระยะเวลา 1 ปจี ำ� นวนทงั้ สนิ้ 3,888 trap nights คดิ เปน็ ความสำ� เรจ็ ในการวางกรงดกั สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ 5.17% สามารถจบั สตั วไ์ ดท้ ง้ั หมด 147 ตวั แยกเปน็ สตั วท์ ถ่ี กู ทำ� เครอ่ื งเครอื่ งหมายดว้ ยไมโครชพิ จำ� นวน118ตวั และจบั ซำ้� ไดท้ งั้ หมด22ครงั้ โดยจำ� แนกสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ทจี่ บั ไดอ้ อกเปน็ 7 ชนดิ 6 สกลุ 3 วงศ์ 2 อนั ดบั คา่ ดชั นคี วามหลากหลาย Shannon - Weiner index (H') ของสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนม ขนาดเลก็ ปา่ บรเิ วณเบญจพรรณในเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระ ตลอด 1 ปที ที่ ำ� การศกึ ษา พบวา่ มคี า่ เทา่ กบั 1.43 โดยเดอื น ทม่ี คี า่ ดชั นคี วามหลากหลายสงู สดุ คอื เดอื นสงิ หาคม ซงึ่ มคี า่ H’ เทา่ กบั 1.42 และเดอื นทมี่ คี า่ ดชั นคี วามหลากหลายตำ่� ทส่ี ดุ คอื เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ มคี า่ H’ เทา่ กบั 0.50 ในสว่ นของคา่ ความชกุ ชมุ สมั พทั ธ์ พบวา่ ชนดิ ทพี่ บไดบ้ อ่ ยมาก คอื หนฟู านเหลอื ง ชนดิ ทหี่ ายากมาก ไดแ้ ก่ กระรอกทอ้ งแดง และ หนพู กุ เลก็ เนอ่ื งจากพบเพยี งแคค่ รงั้ เดยี วตลอดระยะเวลาศกึ ษา วารสารสัตว์ป่าเมอื งไทย ปีท่ี 22 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
9 ข้อเสนอแนะ 1. ควรมกี ารศกึ ษาความหลากชนดิ และความชกุ ชมุ ของสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ในระยะยาวทงั้ จำ� นวน และ โครงสรา้ งประชากร โดยใหค้ รอบคลมุ พน้ื ทป่ี า่ ประเภทอน่ื นอกเหนอื จากปา่ เบญจพรรณ เพอื่ ศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ชนดิ และจำ� นวนตวั ของแตล่ ะชนดิ กบั ประเภทปา่ ทแี่ ตกตา่ งกนั ตลอดจนการเปรยี บเทยี บระหวา่ งฤดกู าล 2. ควรมกี ารศกึ ษาโดยใชก้ บั ดกั ประเภทอนื่ ทนี่ อกเหนอื จากกรงดกั เพม่ิ เตมิ เชน่ กบั ดกั หลมุ (pitfall trap) ซง่ึ ชว่ ยเพมิ่ โอกาสในการจบั สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ไดม้ ากขนึ้ โดยเฉพาะอนั ดบั Eulipotyphla ซง่ึ ไดแ้ ก่ หนผู ตี นุ่ และหนเู หมน็ เปน็ ตน้ 3.ควรศกึ ษาการออกดอกออกผลของพนั ธไ์ุ ม้ทเี่ ปน็ อาหารของสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ เพอ่ื ศกึ ษาความสมั พนั ธใ์ น ดา้ นการปรากฏของชนดิ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมขนาดเลก็ ภายในพน้ื ที่ ค�ำนิยม ขอขอบคณุ เจา้ หนา้ ทเ่ี ขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สลกั พระทกุ ทา่ น ทช่ี ว่ ยอำ� นวยความสะดวกตลอดระยะเวลาในการเกบ็ ขอ้ มลู และขอขอบคณุ นสิ ติ ภาควชิ าชวี วทิ ยาปา่ ไมท้ ชี่ ว่ ยสนบั สนนุ งานครงั้ นใ้ี หส้ ำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดกี ารศกึ ษานไี้ ดร้ บั การ สนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั จากสำ� นกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ ประจำ� ปี พ.ศ. 2558 และทนุ สนบั สนนุ วทิ ยานพิ นธจ์ ากบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ REFERENCES Adler, G. H. & Kestell D. W. 1998. Fates of Neotropical tree seeds influence by spiny rats (Proechimys semispinosus). Biotriopica 30: 677 – 681. Aplin, K. P., P. R. Brown, J. Jacob, C. J. Krebs & C. R. Singleton. 2003. Field methods for rodent studies in Asia and the Indo - Pacific. BPA Printed Group. Melbourne. Asquith, N. M., Terborgh J., Arnold A. E. & Riveros C. M. 1999. The fruits the agouti ate: Hymenaea courbaril seed fate when its disperser is absent. Journal of Tropical Ecology 15: 229 – 235. Chakravarthy, A. K. & N. E. Thyagaraj. 2012. The palm squirrel in coconut plantations: ecosystem services by therophily. Journal Mammalia 76: 193 – 199. Barnett, A. & J. Dutton.1995.Expedition Field Techniques: Small Mammals (excluding bats). 2nd ed. Kensington Gore, London. Duengkae, P. 2007. Mammals of Thailand. Faculty of Forestry, Kasetsart University, Bangkok. (in Thai) Forget, P. M., D. S. Hammond, T. Milleron & R. Thomas. 2002. Seasonality of Fruiting and Food Hoarding by Rodents in Neotropical Forest: Consequences for Seed Dispersal and Seedling Recruitment. In Seed Dispersal and Frugivory: Ecology, Evolution and Conservation. pp 241 – 256. D. J. Levey, W. R. Silva & M. Galetti (eds.). CABI Publishing. UK. Francis, C.M. 2008. A Field Guide to the Mammals of Thailand and South - East Asia. Asia books. Co., Ltd., Bangkok. Guariguta, M. R., J. J. Rosales Adame & B. Finegan. 2000. Seed removal and fate in two selectively loged lowland forests with contrasting protection levels. Conservation Biology 14: 1046 – 1054. Janzen, D. H. 1976. Why bamboos wait so long to flower. Annual Review of Ecology and Systematics 7: 347 – 391. Lekagul, B. & J. A. McNeely. 1988. Mammals of Thailand. 2nd ed. Darnsutha Press, Bangkok. วารสารสัตวป์ า่ เมอื งไทย ปีที่ 22 ฉบับท่ี 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
10 Nadee, N. 1998. Wildlife animals in Salak Phra Wildlife Sanctuary at Kanchanaburi province. Journal of Wildlife in Thailand 6(1): 97 – 124. (in Thai) Nakagawa, M., H. Miguchi, K. Sato, S. Sakai & T. Nakashizuka. 2007a. Population dynamics of arboreal and terrestrial small mammals in a tropical rainforest, Sarawak, Malaysia. Raffles Bulletin of Zoology 55(2): 389 – 395. Pettingill, O.S. 1950. A Laboratory and Field Manual of Ornithology. Burguss Publishing Copany, United State. 350 p. Saosoong, S. 2014. Species diversity and population characteristics of small mammals in hill evergreen forest at Doi Suthep - Pui National Park, Chiang Mai Province. MS Thesis, Kasetsart University, Bangkok. Shannon, C. E. & W. Weaver. 1949. A Mathematical Theory of Communication. University of Illinois Press, Urbana. Sodhi, N. S., L. P. Koh., R. Clements, T. C. Wagner, J. K. Hill, K. C. Hamer, Y. Clough, T. Tscharntke, M. R. C. Posa & T. M. Lee. 2010. Conserving Southeast Asian forest biodiversity in human - modified landscapes. Biological Conservation 143: 2375 – 2384. Sribandit, P. 2013. Species Diversity, population characteristics and habitat relationship of small mammals in Trat Agroforestry Research and Training Station, Trat Province and Jedkod - Pongkonsao Natural Study and Economics Center, Saraburi Province. MS Thesis, Kasetsart University, Bangkok. Sripho, S. 2010. Diversity and craniodental characteristics of murid rodents (Mammalia/ Rodenrtia) in Doi Tung DevelopmentProjectunderRoyalInnitiative,ChiangRaiProvince.MSThesis, KasetsartUniversity,Bangkok. Suzuki, S., S. Kitamura, M. Kon , P. Poonswad, P. Chuailua, K. Plongmai, T. Yumoto, N. Noma, T. Maruhashi & P. Wohandee. 2007. Fruit visitation patterns of small mammals on the forest floor in a tropical seasonal forest of Thailand. Journal of Tropical 16 (1): 17 – 29. Vieira, M. V., N. Olifiers, A. C. Delciellos, V.Z. Antunes, L. R. Bernado, C. E.V. Grelle & R. Cerqueira. 2009. Land use vs. fragment size and isolation as determinants of small mammal composition and richness in Atlantic forest remnants. Biological Conservation 142(6): 1191 – 1200. Wells, K., M. B. Lakim, M. Pfiffer & K. E. Linsenmair. 2004. Use of arboreal and terrestrial space by a small mammal community in tropical rain forest in Borneo, Malaysia. Journal of Biogeography 31: 641 – 652. Wiles, G. J. 1981. Abundance and habitat preferences of small mammals in southwestern Thailand. Natural History Bulletin of the Siam Society 29: 44 – 54. Wright, S. J., M. E. Gompper & B. Deleon. 1994. Are large predators keystone species in neotropical forests? The evidence from Barro Colorado Island. Oikos 71: 279 – 294. วารสารสตั ว์ป่าเมืองไทย ปที ่ี 22 ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2558 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 22 No. 1, 2015
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: