Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานผลนวัตกรรมรำวงมาตรฐานของนางณัฐณิช

รายงานผลนวัตกรรมรำวงมาตรฐานของนางณัฐณิช

Published by ยิม ยิมยิม, 2022-08-25 08:39:06

Description: รายงานผลนวัตกรรมรำวงมาตรฐานของนางณัฐณิช

Search

Read the Text Version



๒ ชือ่ เรอ่ื งวจิ ยั ผลการใช้บทเรียนออนไลน์และสอื่ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ชอื่ ผวู้ จิ ยั นางณฐั ณชิ าช์ ฝั้นเต่ย ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล สถานศกึ ษา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอเมอื งแม่ฮอ่ งสอน สงั กดั สำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวัดแม่ฮอ่ งสอน บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาเทคนิคการเรียนการสอน เร่ืองการสร้างส่ือ Model รำวง มาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพ 2) เพ่ือศกึ ษาความพงึ พอใจที่มตี อ่ สื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศกึ ษา (ทช21003) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น โดยใช้บทเรยี นออนไลน์ เปน็ เคร่ืองมือที่ใช้ในกจิ กรรมจัดการเรียนการสอน ผลการวิจยั พบว่าการใช้สือ่ Model รำ วงมาตรฐาน ใช้กฎแห่งการฝกึ หดั ของธอรน์ ไดค์ทีก่ ระทำบอ่ ยๆด้วยความเข้าใจทำให้การเรียนรนู้ ้นั คงทนถาวร ทผี่ ูเ้ รียน ทำกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้การแนะนำช่วยเหลือจากครูผู้วิจัยอย่างใกล้ชิด ผ่านการสังเกต ทำให้ผู้เรียนเกิดผล สัมฤทธท์ิ างการเรียน คือสามารถสอ่ื สารด้วยเขียนและอ่านไดค้ ล่องข้นึ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ของ กศน.ตำบลห้วยผา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 12 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าสถิติพื้นฐานและทดสอบค่าที (t- test) ผลการวิจยั มีดังน้ี 1) ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของนวัตกรรมการเรียนการสอนด้วยบทเรียนออนไลน์โดยใช้มี ประสิทธิภาพ ผลการปฏิบัติกิจกรรมทดสอบก่อน-หลังเรียนตามแผน อยู่ในระดับดีมาก ด้วยคะแนน ค่าเฉล่ียร้อยละการพัฒนา เท่ากับ 45.83 แสดงว่านวัตกรรมบทเรียนออนไลน์ ที่ได้สร้างขึ้นมี ประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในการจดั การเรยี นร้ไู ดเ้ ป็นอย่างดี 2) ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน ที่มีต่อนวัตกรรมการเรียนการสอนดว้ ยบทเรียนออนไลน์โดยใช้ สื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แบ่งเป็น 4 ด้าน ผลการวิจยั พบว่า ด้านเนื้อหา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.51 ซึ่งเป็น ความพึงพอใจ ที่จดั อยู่ในระดับ มากท่ีสุด ด้านการ ออกแบบ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.43 ซ่ึงเป็นความพึงพอใจที่จัดอยู่ในระดับมาก ด้านรูปแบบการ นำเสนอ มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.53 ซ่ึงเป็นความพึงพอใจ ท่ีจัดอยู่ในระดับมากท่ีสุดและด้านประโยชน์มี คา่ เฉล่ยี เทา่ กบั 3.69 ซงึ่ เปน็ ความพึงพอใจท่จี ัดอย่ใู นระดบั มากทีส่ ดุ

๓ สารบญั หวั เรอ่ื ง หนา้ บทท่ี 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา 4 คำถามวิจยั 5 5 วตั ถุประสงค์ของการวิจัย 6 สมมตฐิ านการวิจยั 6 6 ขอบเขตของการวจิ ยั 6 ตัวแปรทศี่ กึ ษา 6 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั จากการวิจยั 7 7 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 7 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง 18 18 แนวคิด ทฤษฎีทใ่ี ช้เปน็ กรอบแนวคิดในการวจิ ยั พรอ้ มแหล่งทมี่ า 18 งานวิจัยที่เกี่ยวขอ้ ง ทันสมัยเก่ียวขอ้ งกับประเดน็ ท่ศี ึกษา 19 20 บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั 20 วิธกี ารวิจยั 21 ประชากรท่ใี ช้ในการศกึ ษา 21 21 เครอื่ งมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั 24 การสรา้ งเครื่องมอื ท่ีใช้ในการรวบรวมขอ้ มลู 24 26 การวเิ คราะห์ข้อมูล 27 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ลำดบั ข้นั ในการเิ คราะหข์ อ้ มลู ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล บทที่ 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ สรปุ ผลการศกึ ษา อภปิ รายผลการศกึ ษา ข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม ภาคผนวก (ประวัตผิ วู้ ิจัย ระบุวุฒกิ ารศึกษาสูงสุด ตำแหน่งปัจจุบัน ปีการศึกษาท่ีทำวจิ ยั ประเภทวจิ ัย)

๔ บทท่ี 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ในมาตรา 24 ข้อที่ 5 ระบุว่า “ให้สถานศึกษา และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามาถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม ส่ือการเรียน และอำนวย ความสะดวกเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้รวมท้ังสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เรียนรู้” รวมท้ังความในมาตรา 30 ได้กำหนดอีกด้วยว่า “ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มี ประสิทธิภาพ รวมท้ังการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนใน แต่ละระดับ การศึกษา” ดังน้ันบทบาทของครูเพ่ือการพัฒนาไปสู่ครูมืออาชีพ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ทำความ เข้าใจและตระหนักในความสำคัญของการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยและทำความเข้าใจให้เกิดข้ึนในจิต วิญญาณของความเป็นครู เพือ่ ก่อเกดิ การจัดการเรยี นการสอนเปน็ ไปไดด้ ้วยดีและมีประสิทธภิ าพอย่างดียิง่ จากกลยทุ ธแ์ ละแนวทางการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ฉบับ ที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) กำหนดไว้อย่างชัดเจน รวมถึงนโยบายของรัฐ ด้านการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อกี ทั้ง ในศตวรรษท่ี 21 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาขึ้นจนเป็นสิ่งท่ีใช้งานง่ายและใกล้มนุษย์มากขึ้น ทำให้เกิด นวัตกรรมการจัดการศึกษาจากระบบการเรียนการสอนเดิมที่ครูผู้สอนยืนสอนและเขียนกระดานพร้อมการบรรยาย ปรับเปล่ียนมาใช้เทคโนโลยีเป็น แหล่งเรียนรู้ส่ือตำราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู้มีคุณภาพและมาตรฐาน นักเรียนสามารถ เข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานท่ี สามารถจัดการศึกษาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มี คณุ ภาพเพ่ิมขน้ึ ตามยุทธศาสตรท์ ่ี 3 : การพัฒนาศกั ยภาพคนทุกช่วงวัย และการสรา้ งสังคมแห่ง การเรียนรู้ ข้อ 3.4 ของแผนพัฒนาการศกึ ษาแห่งชาติพ.ศ.2560 - 2579 เพ่อื ส่งเสริมกระบวนการเรียนใหก้ ับนกั เรยี นในสภาพแวดลอ้ ม ที่เสมือนจริง ประกอบกับการใชก้ ระบวนการสง่ เสรมิ ให้ นักเรียนเกิดความร่วมมอื ในการเรียนรแู้ บบ Active Learning โดยนักเรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับครูผู้สอนเพ่ือแลกเปล่ียนความคิดหรือทำงานร่วมกันได้ผ่านการสรา้ งเนื้อหาการ อ่านและการเขียน การแสดงออก การแสวงหาและการนำเสนอ ส่ือความรู้ในรูปแบบของดิจิทัลผ่านระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ ก่อให้เกิดการจดจำและแรงจูงใจในการเรียนรู้ของนักเรียนมากข้ึนด้วยการนวัตกรรมทางการศึกษา ใน ปัจจุบันการนำ “เทคโนโลยีด้านการศึกษา” หรือ “Educational Technology” มา ช่วยบริหารจัดการระบบการ เรียนการสอนในหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักการมุ่งจัด การศึกษาเพ่ือตอบสนองอุดมการณ์การจัดการศึกษาตลอดชีวิต และการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ตามปรชั ญา “คิดเป็น” เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสังคม มีการบูรณาการอย่างสมดุล ระหว่างปัญญาธรรม ศีลธรรม และวัฒนธรรม มีหลักการข้อหนึ่งท่ีต้องการจะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ตลอดชีวิต โดย ตระหนักว่าผู้เรียนมีความสำคัญ สามารถพัฒนาตนเองได้ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ จุดมุ่งหมายเพื่อให้ ผ้เู รียนมีความร้พู ้ืนฐานสำหรบั การดำรงชีวิตและการเรยี นรู้อย่างตอ่ เนื่อง (สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย, 2553 : 1-2) นาฏศิลปไ์ ทย ที่เป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ประจำชาติไทย สมควรอยา่ งย่ิงทีต่ ้องมีความรู้ในเรอ่ื งนาฏศลิ ป์ ไทย เป็นเครื่องมือส่ือสารและถ่ายทอดวัฒนธรรมของชาติ ให้เยาวชนไทยรกั และหวงแหนความเปน็ ไทยและภาคภมู ใิ จ

๕ ในวัฒนธรรมไทย เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติให้ตระหนักและร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริมและ อนุรักษ์นาฏศลิ ป์ไทย วัฒนธรรมไทยเป็นสมบตั อิ ันล้ำคา่ ของชาติใหค้ งอยู่คูช่ าติไทยตลอดไป จากการศกึ ษาปัญหาทเ่ี กีย่ วข้องกับการเรียนการสอน พบวา่ การเรยี นการสอนในเรื่องนี้ยงั ไม่ประสบผลสำเร็จ เท่าท่ีควร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ได้มอบหมายให้ครู กศน. ตำบลห้วยผา ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอน ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมุ่งเน้นกระบวนการ ความคิดและปฏิบัติ ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนวิชาศิลปศึกษา แต่รายงานผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติด้านการศึกษานอกโรงเรียน (N-NET) ของระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2564 สถานศึกษาควรเร่งพัฒนาเน่ืองจากคะแนนเฉลี่ยของสถานศึกษาต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ เท่ากับ 30.00 เน่ืองจากว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ วิชาศิลปศึกษา เท่ากับ 30.40 ซึ่งแต่ละระดับผลการทดสอบคะแนนเฉล่ีย ระดับจังหวัด (27.43) ระดับภูมิภาค (30.85) และระดับประเทศ (30.40) แสดงให้เห็นว่า ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น ท่ีมีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกโรงเรยี น (N-NET) อยูใ่ นเกณฑ์ควรเรง่ พัฒนา กศน.ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีบทบาทหน้าท่ีในการจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยให้แก่ประชาชนในพ้ืนท่ีผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นอาศัยอยู่ในพ้ืนท่ีจำนวน 8 หมู่บ้าน มีการสื่อสาร มากกว่าการเขียน จึงทำให้มีความแตกต่างกันทั้งภาษาไทยกับภาษาชนเผา่ กะเหรย่ี ง ภาษาชนเผ่ามูเซอ จึงทำให้เกิด ปัญหาการสื่อสาร การอ่าน การเขียนระหว่างจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยเฉพาะรายวิชาศิลปศึกษา ทช21003 เปน็ รายวิชาบังคบั หน่ึงในสาระทกั ษะการดำเนินชวี ติ ทตี่ ้องสอดคลอ้ งกับวถิ ชี ีวติ ของผ้เู รยี นดว้ ย จากปัญหาดังกล่าวผรู้ ายงานในฐานะครูผู้สอนจึงมีความสนใจท่ีจะการสร้างส่ือ Model รำวงมาตรฐาน วิชา ศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้กฎแห่งการ ฝึกหัดของธอร์นไดค์ มาใช้แก้ปัญหาการเรียนของผู้เรียนกระทำบ่อยๆด้วยความเข้าใจจะทำให้การเรียนรู้น้ันคงทน ถาวร ดังนั้น ผู้วจิ ัยจึงมีความสนใจทจี่ ะศึกษาการใช้สื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น โดยใชบ้ ทเรียนออนไลน์ คำถามในการวจิ ยั การแก้ปัญหาการเรียน ต้องแก้ด้วยการใช้ส่ือ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ดว้ ยบทเรียนออนไลน์ โดยใช้กฎแห่งการฝึกหดั ของธอรน์ ไดค์ท่ีกระทำบอ่ ยๆด้วยความเข้าใจจะทำ ให้การเรียนรู้นั้นคงทนถาวร ถ้าไม่กระทำซ้ำบ่อย ๆ การเรียนรู้น้นั จะไม่คงทนถาวรและในที่สุดอาจลมื ได้ กฎแห่งการ ฝกึ หัดเป็นตวั เช่ือมส่งิ เร้า คือใชส้ ่ือ Model รำวงมาตรฐาน วชิ าศิลปศึกษา (ทช21003) วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1) เพื่อพัฒนาเทคนิคการเรียนการสอน เรื่องการสร้างส่ือ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช 21003) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ 2) เพ่ือศึกษาความพึงพอใจท่ีมีต่อส่ือ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับ มธั ยมศึกษาตอนตน้ โดยใชบ้ ทเรียนออนไลน์

๖ สมมติฐานการวจิ ยั จากปญั หาของผู้เรียนทง้ั ด้านความแตกต่างทางภาษาและวฒั นธรรม ชว่ งอายุของผเู้ รียน กศน. ครูผู้วิจยั ไดใ้ ช้ แนวคิดและทฤษฎี เพ่ือนำมาเป็นแนวทางการแก้ปัญหาการเรียนของผู้เรียน ด้วยบทเรียนออนไลน์ และสร้างสื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศกึ ษา (ทช21003) ให้ผ้เู รยี นทำกิจกรรมการเรียนร้ภู ายใต้การแนะนำช่วยเหลือจาก ครผู ้วู ิจยั อยา่ งใกลช้ ิด โดยการผ่านการสังเกต ใช้กฎแห่งการฝึกหัดของธอรน์ ไดค์ ทก่ี ระทำบอ่ ยๆดว้ ยความเข้าใจจะทำ ให้การเรยี นรู้น้ันคงทนถาวร ถ้าไม่กระทำซำ้ บ่อย ๆ การเรียนรู้นั้นจะไม่คงทนถาวรและในท่ีสุดอาจลืมได้ กฎแห่งการ ฝกึ หัดเปน็ ตัวเช่อื มส่งิ เรา้ คือบทเรยี นออนไลน์ จะตอบสนองท่ีเข้มแข็งข้นึ เมอ่ื ได้ทำบอ่ ย ๆ ครูผู้วิจัยได้สร้างสือ่ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ประกอบกับการควบคุมกระบวนการจัดการเรียนรู้ จะช่วยให้ผู้เรียน เกดิ ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ขอบเขตของการวจิ ยั ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจัยครั้งน้ีเป็นผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ของ กศน.ตำบลห้วยผา กศน.อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน มีจำนวนทั้งหมด 15 คน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้เป็น ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ของ กศน.ตำบลห้วยผา กศน.อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน จำนวน 12 คน ตวั แปรท่ศี กึ ษา ตวั แปรตน้ นวัตกรรมบทเรียนออนไลน์ และสอื่ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศกึ ษา (ทช21003) ตวั แปรตาม เพือ่ ทกั ษะการอ่าน การเขยี น ของระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น ประโยชน์ทค่ี าดวา่ ไดร้ บั จากการวจิ ยั 1เปน็ แนวทางในการสรา้ งสอ่ื Model รำวงมาตรฐาน วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช21003) สำหรับครูผูส้ อนนำไป ปรับปรุงใชใ้ หเ้ หมาะสมกับสภาพผูเ้ รยี นต่อไป 2.ได้แนวทางสำหรับครูผู้สอน ในการจดั กิจกรรมการเรยี นใหเ้ หมาะสมกบั ผู้เรยี นในระดับอ่ืนต่อไป 3.ได้แนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการสอนในวชิ าอน่ื ตอ่ ไป นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 1. นวัตกรรมบทเรียนออนไลน์ หมายถึงแผนการเรียนออนไลน์ท่ีมีเน้ือหาการเรียนรู้ ท้ังข้อความ ภาพนิ่ง เสียง และภาพวดี ทิ ศั น์ โดยมกี ารออกแบบกจิ กรรม สรา้ งช้ินงานจากสอ่ื แบบฝกึ หัดออนไลน์ 2. สือ่ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) หมายถึง สื่อการเรียนการสอนคอื เทคโนโลยี ทางการศกึ ษาอกี รปู แบบหนึ่งท่ีให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาและปฏบิ ัติกจิ กรรมดว้ ยตนเองตามความสามารถเป็นรายบคุ คล เพ่ือให้บรรลุจุดประสงค์ท่ีกำหนดไว้ โดยใช้ส่ือและกิจกรรมหลายชนิดประกอบกันตามความเหมาะสม เพ่ือฝึกให้ ผเู้ รียนมีความรับผิดชอบในการเรียนของตนเอง มีระเบียบวินยั มีความซื่อสัตย์ ครูเป็นผู้ให้คำแนะนำชว่ ยเหลือ มกี าร นำหลกั การทางจิตวิทยามาใชป้ ระกอบในการเรียน เพือ่ สง่ เสรมิ ให้ผ้เู รียนไดร้ บั ความสำเรจ็ 2.ทักษะการส่อื สาร หมายถึง การใช้ภาษาเพ่ือสอื่ สารถึงความรู้ ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ต่างๆ จาก ผู้เขยี นไปยังผู้อ่าน 3.ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น หมายถงึ ความสามารถในการเรียนวิชาศิลปศึกษา เรื่องนาฎศิลป์ไทย 4.ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกนกึ คิดของผู้เรียนในดา้ นความสนใจต่อบทเรยี นออนไลน์และสอื่ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศกึ ษา (ทช21003)

๗ บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง นวัตกรรมบทเรยี นออนไลน์และสร้างสอ่ื Model รำวงมาตรฐาน ประกอบการเรียนการสอน สาระทักษะการ ดำเนนิ ชวี ิต วิชาศิลปศกึ ษา (ทช21003) ท่ผี วู้ ิจยั ไดเ้ รยี บเรียงเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกยี่ วข้องไว้ตามลำดบั หัวขอ้ ดังน้ี 1. สาระทักษะดำเนินชวี ิต วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช21003) บทที่ 3 นาฏศิลปไทย 2. บทเรียนออนไลน์และสอ่ื Model รำวงมาตรฐาน 3. ทฤษฎีจติ วิทยา 4. ความพึงพอใจของผเู้ รียน 1.สาระทักษะการดำเนนิ ชีวิต วชิ าศิลปศกึ ษา (ทช21003) บทท่ี 3 นาฏศิลปไทย สาระสําคัญ มีความรูความเขาใจ มีคุณธรรม จริยธรรม ชื่นชม เห็นคุณคาความงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สิ่งแวดลอม ทางทศั นศลิ ปไทย ดนตรีไทย นาฏศิลปไทย และวิเคราะหไดอยางเหมาะสม ผลการเรียนรูที่คาดหวงั 1. อธบิ ายประวัติความเปนมาของการแสดงนาฏศลิ ปไทยประเภทตาง ๆ ได 2. มีความรูเกย่ี วกับพน้ื ฐานความงามของนาฏศิลปไทยและแสดงออกไดอยางถกู ตอง 3. แสดงความคดิ เหน็ ความรูสึก ตอการแสดงนาฏศลิ ปไทยได 4. เขาใจเหน็ คุณคาของนาฏศิลปไทยและบอกแนวทางการอนุรกั ษนาฏศลิ ปไทยได ขอบขายเนอ้ื หา เรือ่ งที่ 1. ความเปนมาของนาฏศลิ ปไทย เร่อื งท่ี 2. ประวตั ินาฏศลิ ปไทย เรื่องท่ี 3. ประเภทของนาฏศลิ ปไทย เร่อื งที่ 4. นาฏยศพั ท เรือ่ งท่ี 5. ราํ วงมาตรฐาน เรื่องที่ 6. การอนุรกั ษนาฏศิลปไทย 1.1 ครูวิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนจากการศึกษาปัญหาท่ีเก่ียวข้องกับการเรียนการสอน พบว่าการ เรียนการสอนในเร่ืองน้ียังไม่ประสบผลสำเรจ็ เท่าที่ควร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ เมืองแม่ฮ่องสอน ได้มอบหมายให้ครู กศน.ตำบลห้วยผา ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอน ตามนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมงุ่ เนน้ กระบวนการความคดิ และปฏบิ ัติ ส่งเสริมการจัดการเรยี นการสอนวิชาศลิ ปศึกษา แต่ รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกโรงเรียน (N-NET) ของระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2564 สถานศึกษาควรเร่งพัฒนาเน่ืองจากคะแนนเฉล่ียของสถานศึกษาต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ย ระดบั ประเทศ เทา่ กับ 30.00 เน่ืองจากว่าคะแนนเฉลย่ี ระดับประเทศ วชิ าศิลปศึกษา เทา่ กบั 30.40 ซึ่งแต่ละระดับ ผลการทดสอบคะแนนเฉลี่ย ระดับจังหวัด (27.43) ระดับภูมิภาค (30.85) และระดับประเทศ (30.40) แสดงให้ เห็นว่า ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกโรงเรียน (N-NET) อย่ใู นเกณฑค์ วรเร่งพฒั นา

๘ รายงานผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ ด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ครัง้ ท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีบทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยให้แก่ประชาชนในพ้ืนที่ผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นอาศัยอยู่ในพื้นท่ีจำนวน 8 หมู่บ้าน มีการส่ือสาร มากกว่าการเขียน จึงทำให้มีความแตกต่างกันทั้งภาษาไทยกับภาษาชนเผ่ากะเหร่ียง ภาษาชนเผา่ มูเซอ จึงทำให้เกิด ปัญหาการสื่อสาร การอ่าน การเขียนระหว่างจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยเฉพาะรายวิชาศิลปศึกษา ทช21003 เปน็ รายวิชาบงั คับหนงึ่ ในสาระทักษะการดำเนินชวี ิต ท่ตี อ้ งสอดคลอ้ งกบั วถิ ชี ีวติ ของผู้เรยี นด้วย

๙ 2.บทเรียนออนไลน์และสอื่ Model รำวงมาตรฐาน ขา้ พเจ้าไดศ้ ึกษาหลักสูตร วิเคราะห์หลักสตู ร วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ วิเคราะห์นักเรยี น จัดหน่วยการ เรียนรู้ยอ่ ย เพ่ือนำไปใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ และจดั ทำแผนการจดั การเรยี นรู้ 2.1 ศึกษารายละเอยี ดหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ท่ี ตวั ช้ีวัด เนือ้ หารายวชิ า รวมเวลา วิธกี ารจัดการเรียนรู้ ชว่ั โมง พบกลุม่ ตนเอง 3 นาฏศิลปไ์ ทย 1. อธบิ ายประวัติ ความเป็น 1. ประวตั ิ ความเป็นมา และ 6  มา และววิ ัฒนาการในการแสดง วิวัฒนาการของการแสดงนาฏศลิ ป์ นาฏศิลปไ์ ทยในแต่ละภาคต่าง ๆ ไทยประเภทต่าง ๆ 2. บอกรูปแบบ องค์ประกอบ และ 2. รปู แบบ/องค์ประกอบและวธิ กี าร   วธิ กี ารแสดงนาฏศิลป์ แสดงนาฏศิลปไ์ ทยในแตล่ ะภาค  ไทยประเภทต่าง ๆ ประเภทต่าง ๆ   3.แสดงความคิดเห็นและ 3. การแสดงความคิดเหน็ และ   ความรูส้ กึ ตอ่ การแสดงประเภทตา่ ง ความรู้สกึ ต่อการแสดงนาฏศิลป์ไทย ๆ ประเภทตา่ ง ๆ 4. บอกประโยชน์และเลือกชมการ 4. ประโยชน์และวิธเี ลือกชมการ แสดงนาฏศลิ ปไ์ ทยที่ตนสนใจ เพือ่ แสดงนาฏศิลปไ์ ทย สร้างความสขุ และประโยชน์ตอ่ ตนเอง 5. ทา่ รำ และการส่อื ความหมายใน 5. อธิบายท่ารำและสื่อความหมาย นาฏศลิ ปไ์ ทย ของนาฏศิลปไ์ ทย 6. การใช้ท่าทางสื่อความหมาย 6. บอกหลกั และวธิ กี ารฝึกการใช้ รวมท้งั โอกาสทใ่ี ชแ้ สดง ทา่ ทางสอื่ ความหมาย 7.ประโยชน์และคุณคา่ ของนาฏศิลป์ 7. บอกประโยชน์และคุณค่า ไทยและภาษาทา่ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับการ ของนาฏศลิ ป์และภาษาท่า เพ่อื อนุรักษ์มรดกทางวฒั นธรรม การอนรุ กั ษ์ด้านนาฏศิลป์ 8.ประวตั ิ ความเป็นมา วัฒนาการ 8. อธบิ ายความสมั พันธ์ของประวัติ ความหมายของเน้อื เพลงทใ่ี ชแ้ ละการ ความเปน็ มาวัฒนธรรม ประเพณีท่ี แต่งกายประกอบการแสดงรำวง เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการของรำวง มาตรฐาน มาตรฐาน

๑๐ ท่ี ตวั ชี้วัด เน้อื หารายวิชา รวมเวลา วธิ ีการจัดการเรยี นรู้ ชวั่ โมง พบกลมุ่ ตนเอง 9. อธบิ ายการประยุกตท์ า่ รำวง 9. การนำท่ารำวงมาตรฐานไป  มาตรฐานไปใชก้ บั เพลงอืน่ ๆ ในโอกาส ประยกุ ต์ใช้ประกอบกับเพลง ต่าง ๆ อืน่ ๆ เพื่อนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั โดยใหส้ อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม 10. บอกแนวทางอนรุ ักษก์ ารละเลน่ 10. การอนุรกั ษ์ การละเลน่  ตามวฒั นธรรม ประเพณี ภมู ิปญั ญา ตามวัฒนธรรมประเพณี ของภมู ิ ตามแนวทางนาฏศลิ ปไ์ ทยของภาค ปัญญาทางนาฏศลิ ปไ์ ทยของ ตา่ งๆ ภาคตา่ งๆ แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าศลิ ปศกึ ษา (ทช21003) แบบพบกลมุ่ เรอื่ ง นาฏศลิ ปไ์ ทย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จำนวน 6 ชว่ั โมง ตวั ชว้ี ดั 1. อธบิ ายประวตั ิ ความเปน็ มา และวิวฒั นาการในการแสดงนาฏศิลป์ไทยในแต่ละภาคตา่ ง ๆ 2. บอกรปู แบบ องค์ประกอบ และวิธีการแสดงนาฏศิลปไ์ ทยประเภทต่าง ๆ 3. แสดงความคดิ เหน็ และความรู้สึกต่อการแสดงประเภทต่าง ๆ 4. บอกประโยชน์และเลือกชมการแสดงนาฏศลิ ป์ไทยท่ีตนสนใจ เพอื่ สรา้ งความสุขและประโยชน์ต่อ ตนเอง 5. อธบิ ายทา่ รำและส่อื ความหมายของนาฏศิลป์ไทย 6. บอกหลักและวธิ กี ารฝกึ การใชท้ า่ ทางส่อื ความหมาย 7. บอกประโยชนแ์ ละคุณค่าของนาฏศลิ ปแ์ ละภาษาท่า เพือ่ การอนรุ กั ษด์ ้านนาฏศิลป์ 8. อธิบายความสมั พันธ์ของประวัติความเป็นมาวัฒนธรรม ประเพณีทเ่ี กี่ยวข้องกับวิวัฒนาการของรำวงมาตรฐาน 9. อธบิ ายการประยุกต์ทา่ รำวงมาตรฐานไปใชก้ ับเพลงอ่นื ๆ ในโอกาสต่าง ๆ 10. บอกแนวทางอนุรักษก์ ารละเลน่ ตามวฒั นธรรมประเพณี ภูมปิ ญั ญาตามแนวทางนาฏศิลป์ไทยของภาค ต่างๆ เนอื้ หา 1. ประวัติ ความเป็นมา และวิวฒั นาการของการแสดงนาฏศิลป์ไทยประเภทตา่ ง ๆ 2. รูปแบบ/องคป์ ระกอบและวธิ ีการแสดงนาฏศิลป์ไทยในแตล่ ะภาคประเภทต่าง ๆ 3. การแสดงความคิดเห็นและความรู้สกึ ตอ่ การแสดงนาฏศลิ ป์ไทยประเภทต่าง ๆ 4. ประโยชน์และวิธีเลือกชมการแสดงนาฏศิลป์ไทย 5. ท่ารำ และการส่อื ความหมายในนาฏศลิ ป์ไทย 6. การใช้ท่าทางสอื่ ความหมาย รวมทั้งโอกาสท่ใี ช้แสดง 7. ประโยชน์และคณุ คา่ ของนาฏศลิ ปไ์ ทยและภาษาทา่ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การอนรุ กั ษม์ รดกทางวัฒนธรรม 8. ประวตั ิ ความเป็นมา วัฒนาการ ความหมายของเน้ือเพลงท่ีใช้และการแต่งกายประกอบการแสดงรำวงมาตรฐาน 9. การนำท่ารำวงมาตรฐานไปประยุกต์ใช้ประกอบกับเพลงอน่ื ๆ เพอ่ื นำไปใช้ในชีวิต ประจำวนั โดยให้สอดคล้องกับวฒั นธรรม 10. การอนรุ ักษ์ การละเล่น ตามวัฒนธรรมประเพณี ของภูมปิ ญั ญาทางนาฏศิลปไ์ ทยของภาคต่าง ๆ

๑๑ ขน้ั ตอนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 กำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการ 1.ครูและผู้เรียนร่วมกันสนทนาและแลกเปล่ียนความคิดเห็นเกี่ยวกับประวัติ ความเป็นมา และ วิวัฒนาการของการแสดงนาฏศลิ ป์ไทยประเภทตา่ ง ๆ รูปแบบ/องค์ประกอบและวิธกี ารแสดงนาฏศิลป์ไทย ในแต่ละภาค การแสดงความคิดเห็นและความรูส้ ึกต่อการแสดงนาฏศิลป์ไทย ประโยชน์และวิธีเลือกชมการ แสดงนาฏศิลป์ไทย ท่ารำและการส่ือความหมายในนาฏศิลป์ไทย การใช้ท่าทางส่ือความหมาย รวมทั้ง โอกาสท่ีใช้แสดง ประโยชน์และคุณค่าของนาฏศิลป์ไทยและภาษาท่าที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์มรดกทาง วัฒนธรรม ประวตั ิความเป็นมาวิวัฒนาการ ความหมายของเน้ือเพลงท่ีใช้และการแต่งกายประกอบการแสดง รำวงมาตรฐาน การนำท่ารำวงมาตรฐานไปประยุกต์ใช้ประกอบกับเพลงอ่ืน ๆ เพื่อนำไปใช้ในชีวิต ประจำวันโดยให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม การอนุรักษ์ การละเล่น ตามวัฒนธรรมประเพณี ของภูมิปัญญา ทางนาฏศลิ ป์ไทยของภาคต่างๆ ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ 1. ให้ผเู้ รียนศกึ ษาบทเรียนออนไลน์ เรอื่ งนาฏศลิ ป์ไทย 2. ใหผ้ เู้ รยี นทำสื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) 3. ผเู้ รยี นซักถาม/แสดงความคิดเห็น ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 1. ครใู ห้ผู้เรียนไปศึกษาเพม่ิ เติมเกี่ยวกับเรือ่ งนาฏศิลป์ไทย เพ่ือทจี่ ะนำไปใชใ้ นงานศิลปวฒั นธรรมตา่ งๆให้ เกิดความชำนาญ ขนั้ ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. แบบฝกึ หัดในบทเรยี นออนไลน์ เรื่องนาฏศลิ ป์ไทย 2. ตรวจงานจากการทำสอ่ื Model รำวงมาตรฐาน สอ่ื การเรยี นรู้ 1. บทเรียนออนไลน์ เรือ่ งนาฏศิลปไ์ ทย 2. หนังสือเรียนทกั ษะการดำเนินชีวิต รายวิชา ศิลปศึกษา ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2554) หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 3. สื่อ Model รำวงมาตรฐาน การวดั และประเมนิ ผล 1. นำเสนอแสดงผลงาน 2. ชิ้นงานทำสื่อ Model รำวงมาตรฐาน 3. แบบทดสอบ 1.2 ขน้ั ตอนการสรา้ งบทเรยี นดว้ ยโปรแกรม Microsoft PowerPoint

๑๒

๑๓

๑๔ แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรยี น 1. การแสดงประเภทใด ถือว่าเป็นนาฏศิลป์ช้ันสงู ก. การแสดงโขน ข. การแสดงมโนราห์ ค. การแสดงหนังตะลุง ง. การแสดงละครชาตรี 2. ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการเลือกชมการแสดงนาฏศลิ ป์ทตี่ นเองสนใจคอื ข้อใด ก. ไดร้ ูจ้ กั ใกลช้ ิดนกั แสดง ข. ได้ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ ค. ได้รบั การยกยอ่ งท่ีไดเ้ ขา้ ไปชมการแสดง ง. ไดร้ บั คติสอนใจจากการแสดงที่ได้ชมและนำมาปรับใช้ในชวี ติ 3. ทา่ “รำ” เป็นการแสดงทีส่ อ่ื ความหมายในเรอ่ื งใด ก. ความสวยงามของผู้แสดง ข. การแสดงทา่ ทางแทนคำพดู ค. เครือ่ งแตง่ กายทง่ี ดงามของผูแ้ สดง ง. บทเพลงประกอบการรำที่มีความไพเราะ 4. การแสดงในข้อใดหมายถึงการรำและระบำ ก. รำเดยี่ ว ข. ละครรำ ค. เต้นเดยี่ ว ง. ฟอ้ นเดยี่ ว 5. การใชป้ ลายนิ้วหัวแม่มอื จรดข้อนวิ้ แรกของปลายน้วิ ชี้ แล้วหันหน้าเขา้ ลำตัว เรยี กวา่ อะไร ก. จบี ควำ่ ข. จบี หงาย ข. จบี ปกหน้า ง. จบี ปกข้าง 6. การใชภ้ าษาทา่ ทางที่สอื่ ความหมายวา่ “มอง” ปลายนวิ้ อย่ใู นลกั ษณะตรงกับข้อใด ก. ขนานกบั ระดับคิว้ ข. ขนานกับระดับตา ค. ขนานกับระดบั ปาก ง. ขนานกบั ระดบั หู 7. นักศกึ ษาคิดว่านาฏศิลป์ควรคา่ แก่การอนุรักษส์ บื สานไว้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ก. ควร เพราะเป็นการแสดงทีห่ าดูได้ยาก ข. ควร เพราะเป็นศลิ ปะที่แสดงใหเ้ หน็ ถึงความเป็นชาตไิ ทย ค. ไม่ควร เพราะการแสดงค่อนข้างซักช้าและไม่สนกุ สนาน ง. ไมค่ วร เพราะใช้เงินจำนวนมาก 8. กรยิ าทา่ ทางตามนาฏศัพท์ข้อใดแสดงถึงอาการโกรธ ก. มือซ้ายกรดี นิ้วแล้วจีบมาไวร้ ะดับปาก ข. ประสานแขน ใช้ฝา่ มือท้ังสองขา้ งวางทาบบรเิ วณอก ค. ฝา่ มอื ซา้ ยถูไปถมู าบรเิ วณคางใตใ้ บหูและกระชากลง ง. มือใดมือหนึ่งตั้งขัน้ แลว้ หนั ฝ่ามอื ออกส่ันข้อมือ 9. เพลงงามแสงเดือนใช้ท่ารำใดประกอบ ก. แขกเต้าเข้ารงั ข. ชกั แป้งผัดมาลา ค. สอดสร้อยมาลา ง. สอดสร้อยมาลาแปลง 10. ขอ้ ใดเปน็ การนำทา่ รำวงมาตรฐานมาประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม ก. แสงดาวฝกึ รำอวยพร ข. แสงเดอื นฝึกซอ้ มรำเซง้ิ ทุกวนั ค. แสงจนั ทร์ชวนเพอ่ื นๆ รำไทเก็กทกุ วนั ง. อาทิตยช์ วนเพือ่ นๆ เต็นแอโรบกิ โดยใช้เพลงรำวงทุกเยน็

๑๕ 4. ทฤษฎจี ติ วทิ ยา ประวตั คิ วามเป็นมา เอ็ดเวิร์ด ลี ธอร์นไดค์ (Edward Lee Thomdike) เป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกา เกิดวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1814 ท่ีเมอื งวิลเล่ียมเบอรี่ รฐั แมซซาชูเสท และส้ินชีวติ วนั ท่ี 9 สงิ หาคม ค.ศ.1949 ทีเ่ มืองมอนท์โร รฐั นิวยอรค์ หลักการเรียนรู้ ทฤษฎีสัมพันธ์เช่ือมโยง กล่าวถึง การเช่ือมโยงระหว่างส่ิงเร้ากับการตอบสนอง โดยมีหลัก พื้นฐานว่า การเรียนรู้เกิดจากการเช่ือมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองที่มักจะออกมาในรูปแบบต่างๆ หลาย รูปแบบ โดยการลองถูกลองผิด จนกว่าจะพบรูปแบบที่ดีและเหมาะสมที่สุด ธอร์นไดค์ เขาได้เริ่มการทดลองเมื่อปี ค.ศ.1898 เกย่ี วกบั การใช้หีบกล (Puzzie-box) เขาทดลองการเรยี นร้จู นมีช่ือเสียง การเรียนรู้แบบเชื่อมโยง การที่ผู้เรียนสามารถสร้างความสัมพันธ์เช่ือมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการ ตอบสนอง หากไดร้ ับความพึงพอใจ จะทำให้เกิดการเรียนรู้การทดลองของธอร์นไดด์ทีเ่ ป็นทรี่ ุ้จกั กันดีท่ีสดุ คือ “ การ จับแมวหิวใส่กรง ” การทดลอง ในการทดลอง ธอรน์ ไดค์ได้นำแมวไปขังไว้ในกรงที่สร้างข้ึนแล้วนำปลาไปวางล่อไว้นอกกรงให้ห่างพอประมาณ โดยให้แมวไม่สามารถยื่นเท้าไปเขี่ยได้ จากการสังเกต พบว่าแมวพยายามใช้วิธีการต่างๆ เพ่ือจะออกไปจากกรง จนกระทงั่ เทา้ ของมันไปเหยียบถูกคานไม้โดยบังเอิญ ทำให้ประตูเปิดออก หลงั จาก นั้นแมวก็ใช้เวลาในการเปิดกรงได้ เร็วข้ึน จากการทดลอง ธอร์นไดค์อธบิ ายว่า การตอบสนองซง่ึ แมวแสดงออกมาเพ่ือแกป้ ัญหา เป็นการตอบสนองแบบ ลองผิดลองถูก การที่แมวสามารถเปิดกรงได้เร็วขึ้น ในช่วงหลังแสดงว่า แมวเกิดการสร้างพันธะหรือตัวเชื่อมขึ้น ระหวา่ งคานไมก้ บั การกดคานไม้ กฎการเรยี นรทู้ ีส่ ำคัญ 1. กฎแห่งผลท่ีพึงพอใจ (law of effect) พันธะหรอื ตัวเชอื่ มระหว่างส่งิ เรา้ และการตอบสนองจะเข้มแข็งหรือ ออ่ นกำลัง ย่อมขึน้ อยู่กับผลต่อเน่อื งหลังจากท่ีได้ตอบสนองไปแล้ว ดงั นนั้ การได้รบั ผลทพ่ี ึงพอใจ จึงเปน็ ปัจจัยสำคัญ ในการเรียนรู้ 2. กฎแห่งการฝกึ หัด (low of exercise) การฝึกหดั หรอื กระทำบอ่ ยๆ ด้วยความเข้าใจจะทำให้การเรยี นรู้น้ัน คงถาวร ถ้าไมไ่ ดก้ ระทำซำ้ บ่อยๆ การเรียนรนู้ ัน้ จะไม่คงถาวร และในทส่ี ุดอาจจะลมื ได้

๑๖ กฎแหง่ การฝึกหดั แบ่งเปน็ 2 กฎยอ่ ย คือ - กฎแหง่ การได้ใช้ (Law of Use) - กฎแห่งการไม่ไดใ้ ช้ (Law of Disuse) 3. กฎแห่งความพร้อม (law of readiness) การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าผู้เรยี นมีความพร้อมทั้งทางร่างกาย และจิตใจ - เม่ือบุคคลพรอ้ มท่จี ะทำแล้วไดท้ ำ เขาย่อมเกดิ ความพอใจ - เมอ่ื บคุ คลพรอ้ มทีจ่ ะทำแล้วไมไ่ ดท้ ำ เขาย่อมเกิดความไมพ่ อใจ - เม่ือบุคคลไม่พร้อมที่จะทำแตเ่ ขาตอ้ งทำ เขาย่อมเกดิ ความไม่พอใจ สรุป การเรยี นรูข้ องธอร์นไดค์ จะเกิดข้ึนได้ จากการลองผิดลองถกู และการฝกึ กระทำบอ่ ยๆ การนำไปใช้ ธอร์นไดด์ มกั เน้นอยเู่ สมอวา่ การสอนในชั้นเรยี นต้องกำหนดจุดมุง่ หมายให้ชดั เจน การตั้งจุดมุ่งหมายให้ชดั เจนก็ หมายถึงการต้ังจุดมุ่งหมายที่สังเกตการตอบสนองได้และครูจะต้องจัดแบ่งเนื้อหาออกเป็นหน่วย ๆ ให้เขาเรียนทีละ หนว่ ย เพ่ือท่ผี ู้เรยี นจะไดเ้ กิดความรู้สกึ พอใจในผลท่ีเขาเรียนในแต่ละหนว่ ยนั้น ธอร์นไดด์ ยำ้ วา่ การสอนแต่ละหน่วยก็ ต้องเร่ิมจากส่ิงที่ง่ายไปหาสิ่งที่ยากเสมอ การสร้างแรงจูงใจ นับว่าสำคัญมากเพราะจะทำให้ผู้เรียนเกิดความพอใจ เมอ่ื เขา ได้รับส่ิงท่ีต้องการหรือรางวัล รางวลั จึงเป็นส่ิงควบคมุ พฤติกรรมของผู้เรียน น่ันก็คอื ในขน้ั แรกครูจึงตอ้ งสรา้ ง แรงจูงใจภายนอกให้กับผู้เรียน ครูจะต้องให้ผู้เรียนรู้ผลการกระทำหรือผลการเรียน เพราะการรู้ผลจะทำให้ผู้เรียน ทราบวา่ การกระทำนัน้ ถูกตอ้ งหรือไม่ถกู ต้อง ดีหรือไม่ดี พอใจหรือไมพ่ อใจ ถ้าการกระทำนัน้ ผิดหรือไม่เป็นที่พอใจเขา ก็จะได้รับการ แกไ้ ขปรบั ปรงุ ให้ถูกต้อง เพื่อท่ีจะได้รบั สิ่งท่ีเขาพอใจต่อไป นอกจากนี้ในการเรียนการสอน ครูจะต้อง สอนในส่ิงทีค่ ลา้ ยกับโลกแห่งความจริงที่เขาจะออกไปเผชิญให้มากทส่ี ุดเพอื่ ทนี่ ักเรียนจะไดเ้ กดิ การถ่ายโอนการเรยี นรู้ จากการเรยี นในชัน้ เรียนไป สสู่ ังคมภายนอกไดอ้ ยา่ งดี ทมี่ า(umaiyah12.blogspot.com/2015/11/blog-post_77.html) จากการค้นคว้าวิจัยท่ีเก่ียวข้องทำให้ทราบว่าความสามารถทางการเรียนของผู้เรียน เกิดจากวิธีการจัดการ เรียนการสอนของครแู ละส่ือท่ีใช้ที่ช่วยให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ได้ดียงิ่ ข้ึน ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเพ่ือพัฒนาทักษะการ สือ่ สาร เพื่อให้ผเู้ รยี นไดฝ้ กึ ทกั ษะการส่ือสารใหม้ ีประสทิ ธภิ าพย่งิ ขึ้น 5. ความพึงพอใจของผู้เรียน ความรู้สึกหรือเจตคติที่ดีของผู้เรียนที่มีต่อการเรียน ด้วยนวัตกรรมบทเรียน ออนไลน์และสรา้ งสื่อ Model รำวงมาตรฐาน ประกอบการเรียนการสอน สาระทักษะการดำเนินชีวิต วิชา ศลิ ปศึกษา (ทช21003) ที่ได้รับการตอบสนองท้ังทางด้านวัตถุและด้านจิตใจ ทำให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจใน ทางการเรยี นมากยง่ิ ขึ้น

๑๗ บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั การวิจัยเรอ่ื งนวตั กรรมการจดั การเรียนการสอนบทเรยี นออนไลน์ โดยใช้สื่อ Model รำวงมาตรฐาน ผู้เรียน ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ของกศน.ตำบลหว้ ยผา ผู้วิจัยได้ดำเนินการดงั ตอ่ ไปนี้ 1.ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 2.เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการวิจยั 3.ขั้นตอนการสร้างเคร่ืองมอื 4.วธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมลู 5.การวิเคราะหข์ ้อมลู 1.ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 1.1 ประชากร ไดแ้ ก่ ผเู้ รียนท่ีกำลงั ศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ของกศน.ตำบลหว้ ยผา จำนวน 12 คน ภาคเรียนท่ี 1/2565 2.เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั 2.1.บทเรยี นออนไลน์ โดยใชส้ อ่ื Model รำวงมาตรฐาน 2.1.1 ศกึ ษาหลกั สูตร เอกสาร เน้อื หาสาระการเรียนรู้วิชาศลิ ปศกึ ษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 2.1.2 กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั คำอธบิ ายรายวชิ า 2.1.3 ดำเนนิ การสร้างใชส้ ่ือ Model รำวงมาตรฐาน 2.1.4 นำใชส้ ื่อ Model รำวงมาตรฐาน ที่สร้างขึ้นเสนอต่อผเู้ ช่ียวชาญด้านหลกั สูตร จำนวน 3 คน ไดแ้ ก่ 1. ด้านนวตั กรรม 2.ด้านการสอน 3.ดา้ นการวัดและประเมินผล เพอื่ ขอคำแนะนำมาปรบั ปรุงแก้ไขในสว่ นที่ บกพร่อง 2.1.5 ดำเนนิ การตามท่ีปรกึ ษาแลว้ นำไปใหผ้ ู้เช่ียวชาญด้านหลักสูตร เนือ้ หา กระบวนการ และการ วัดประเมินผลตรวจสอบคุณภาพและความเที่ยงตรงเชงิ เนื้อหา (IOC: index of item objective congruence) โดย กำหนดเกณฑพ์ ิจารณาคอื เห็นว่าสอดคล้อง ใหค้ ะแนน +1 ไม่แนใ่ จ ใหค้ ะแนน 0 เหน็ วา่ ไมส่ อดคลอ้ ง ให้คะแนน -1 นำข้อมลู ทีร่ วบรวมจากความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญมาคำนวณหาค่า (IOC) โดยใช้ดชั นีความสอดคล้องต้งั แต่ 0.5 ขนึ้ ไป โดยได้คา่ ดัชนคี วามสอดคล้องเท่ากบั 0.5 และปรบั ปรงุ แกไ้ ขขอ้ เสนอแนะ 2.2.แผนการจัดการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ จำนวน 1 แผ่น จำนวน 6 ชวั่ โมง ประกอบด้วย หนว่ ยที่ 4 นาฏศิลป์ไทย 2.3.แบบสอบถามความพงึ พอใจ/ความคดิ เหน็ ที่มีต่อส่ือ มีลักษณะเป็นแบบสอบถามแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยสอบถาม ความคดิ เหน็ ของผเู้ รยี นทม่ี ีต่อส่ือ Model รำวงมาตรฐาน มขี ้ึนตอนการสร้างดงั น้ี 2.3.1 ศกึ ษาการสรา้ งแบบสอบถามความพึงพอใจความคิดเหน็ ตามวธิ ขี องลิเคิร์ท 2.3.2 สร้างแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนท่ีใช้ใช้สื่อ Model รำวงมาตรฐาน เป็นมาตรส่วน ประมาณคา่ 5 ระดบั คำถามจำนวน 10 ขอ้ โดยกำหนดค่าระดับความคดิ เห็นแตล่ ะชว่ งคะแนนและความหมาย ดงั นี้ ระดับท่ี 1 หมายถงึ เหมาะสม/เหน็ ดว้ ยอยูใ่ นระดับน้อยท่ีสุด ระดบั ที่ 2 หมายถึง เหมาะสม/เหน็ ดว้ ยอยู่ในระดับน้อย ระดับท่ี 3 หมายถึง เหมาะสม/เหน็ ด้วยอยู่ในระดับปานกลาง

๑๘ ระดับที่ 4 หมายถึง เหมาะสม/เหน็ ด้วยอยูใ่ นระดบั มาก ระดับท่ี 5 หมายถึง เหมาะสม/เหน็ ดว้ ยอยู่ในระดบั มากที่สดุ 2.3.3 นำแบบสอบถามความพึงพอใจความคิดเห็นใช้สื่อ Model รำวงมาตรฐาน ที่สร้างขึ้นให้ ผเู้ ช่ียวชาญ จำนวน 3 คน เพ่ือตรวจสอบความสอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆในชุดการเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อการ คิดเศรษฐกิจพอเพียงด้านความเที่ยวตรงเชิงเน้ือหา ความชัดเจน ความถูกต้องแหมาะสมของภาษาท่ีใช้ และความ สอดคลอ้ งด้วยดัชนคี วามสอดคลอ้ ง (IOC: index of item objective congruence) โดยกำหนดเกณฑ์พจิ ารณาคอื เห็นวา่ สอดคล้อง ให้คะแนน +1 ไม่แนใ่ จ ให้คะแนน 0 เหน็ ว่าไม่สอดคลอ้ ง ให้คะแนน -1 นำขอ้ มลู ทร่ี วบรวมจากความคิดเหน็ ของผู้เช่ยี วชาญมาคำนวณหาค่า (IOC) โดยใชด้ ชั นคี วามสอดคล้องตงั้ แต่ 0.5 ข้ึนไป โดยได้ค่าดชั นีความสอดคล้องเท่ากับ 0.5 และปรบั ปรงุ แกไ้ ขข้อเสนอแนะ 2.3.4 นำแบบสอบถามความพึงพอใจความคิดเห็นที่ปรับปรุงแล้วไปสอบถามผู้เรียนที่กำลังศึกษา วชิ าศิลปศกึ ษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ของกศน.ตำบลห้วยผา จำนวน 12 คน ภาคเรียนท่ี 1/2565 3.ขนั้ ตอนการสรา้ งใชส้ อ่ื Model รำวงมาตรฐาน 3.2.1 ศกึ ษาหลักสตู ร เอกสาร เนอ้ื หาสาระการเรยี นรู้วิชาศลิ ปศึกษา ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ 3.2.2 ศกึ ษาแผนการจัดการเรยี นรสู้ รา้ งใชส้ ื่อ Model รำวงมาตรฐาน 3.2.3 นำใชส้ ื่อ Model รำวงมาตรฐาน ทีส่ รา้ งขึ้นให้ผู้เช่ียวชาญ จำนวน 3 คน เพื่อตรวจสอบความ สอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆในสื่อ Model รำวงมาตรฐาน ด้านความเที่ยวตรงเชิงเน้ือหา ความชัดเจน ความ ถกู ตอ้ งแหมาะสมของภาษาที่ใช้ และความสอดคล้องด้วยดชั นีความสอดคล้อง 4.การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 4.1ดำเนินการนำส่ือ Model รำวงมาตรฐาน ไปใช้จัดการเรียนการสอนให้กับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 12 คน ภาคเรียนที่ 1/2565 วิชาศิลปศึกษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นของ กศน.ตำบลหว้ ยผา 4.2 เมื่อส้ินสุดการใช้ส่ือ Model รำวงมาตรฐาน ด้วยการทดสอบหลังเรียน วิชาศิลปศึกษา ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น ของ กศน.ตำบลหว้ ยผา 4.3 หลังการดำเนินการทดสอบก่อน-หลังเรียนแล้ว ผู้วิจัยให้กลุ่มเป้าหมายจำนวน 12 คน ตอบ แบบสอบถามความพงึ พอใจความคิดเห็นต่อส่ือ Model รำวงมาตรฐาน 5.การวเิ คราะหข์ อ้ มลู 5.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน-หลังเรียนบทเรียนออนไลน์ และใช้ส่ือ Model รำวงมาตรฐาน โดยใชร้ อ้ ยละค่าเฉล่ีย คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน ค่าดชั นีความสอดคล้อง 5.2 แบบสอบถามความพึงพอใจความคิดเห็นที่เรยี นดว้ ยบทเรียนออนไลน์ โดยใช้ส่ือ Model รำวง มาตรฐาน โดยใชร้ อ้ ยละค่าเฉลย่ี ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์เนื้อหา คา่ ดัชนีความสอดคลอ้ ง ค่าเฉลีย่

๑๙ สว่ นเบีย่ งแบนมาตรฐาน คา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง

๒๐ บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผลการรายงานการวิจัยท่ีดำเนินการนำบทเรียนออนไลน์ โดยใช้ส่ือ Model รำวงมาตรฐาน ท่ีสร้างข้ึนให้ ผู้เช่ียวชาญ จำนวน 3 คน เพ่ือตรวจสอบความสอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆในด้านความเที่ยวตรงเชิงเนื้อหา ความชัดเจน ความถูกต้องแหมาะสมของภาษาท่ีใช้ และความสอดคล้องด้วยดัชนีความสอดคล้อง เม่ือได้ปรับปรุง แกไ้ ขจากผู้เชยี่ วชาญจึงได้นำบทเรียนออนไลน์ โดยใช้สอ่ื Model รำวงมาตรฐาน ไปใช้พัฒนาทักษะการอ่านการเขยี น ของผเู้ รยี น ตารางท่ี 1 บทเรยี นออนไลน์ โดยใช้ส่ือ Model รำวงมาตรฐาน = 7.3 = 0.73 10 นำข้อมูลทร่ี วบรวมจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมาคำนวณหาค่า (IOC) โดยใชด้ ชั นีความสอดคล้องต้ังแต่ 0.5 ขึ้น ไป โดยได้ค่าดัชนีความสอดคลอ้ งเท่ากบั 0.73

๒๑ ผลการรายงานการวิจยั ท่ีดำเนินการนำแผนการเรียนรทู้ ี่สร้างขนึ้ ให้ผู้เช่ียวชาญ จำนวน 3 คน เพ่ือตรวจสอบ ความสอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆในแผนการเรียนรู้ด้านความเที่ยวตรงเชิงเนื้อหา ความชัดเจน ความถูกต้อง แหมาะสมของภาษาท่ีใช้ และความสอดคล้องด้วยดชั นีความสอดคลอ้ งของผู้เรียนระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ของกศน. ตำบลห้วยผา โดยใชบ้ ทเรยี นออนไลน์ โดยใช้สอ่ื Model รำวงมาตรฐาน ตารางท่ี 2.แผนการจดั การเรยี นรู้ = 7.3 = 0.73 10 นำข้อมลู ที่รวบรวมจากความคดิ เหน็ ของผู้เช่ยี วชาญมาคำนวณหาค่า (IOC) โดยใช้ดชั นคี วามสอดคล้องตั้งแต่ 0.5 ข้ึน ไป โดยได้คา่ ดัชนีความสอดคลอ้ งเท่ากับ 0.73

๒๒ ผลการรายงานการวจิ ัยทีด่ ำเนนิ การผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนก่อน-หลังเรยี นบทเรียนออนไลน์ และใช้ส่อื Model รำวงมาตรฐาน โดยใช้ร้อยละค่าเฉล่ีย ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน ตาราง 3 ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนก่อน-หลังเรยี นบทเรียนออนไลน์ และใช้สอ่ื Model รำวงมาตรฐาน ท่ี ชอ่ื -นามสกลุ คะแนน รอ้ ยละ ร้อยละการ พัฒนา 1 6322-00004-9 นางสาวนชิ าภา วชริ ก่อน หลัง กอ่ น หลัง 2 6412-00027-8 นายกลว้ ย ไมม่ ีชื่อสกุล 60 3 6412-00028-7 นายประพนธ์ ไม่มชี อ่ื สกลุ 4 10 40 100 50 4 6412-00029-6 นายกำธร สมบตั ร 16 10 60 50 5 6412-00033-5 นายพิสุทธิ์ วิไลจนั ทร์ 16 10 60 40 6 6412-00034-4 นางคำแหลง ศรีออ่ น 15 10 50 50 7 6412-00035-3 นางส่า ไม่มชี ื่อสกุล 27 20 70 40 8 6422-00022-0 นายศรศกั ดิ์ แกว้ อาราม 15 10 50 40 9 6422-00034-1 นายสทิ ธพิ ล ใจเมตตาธรรม 15 10 50 30 10 6322-00046-9 เด็กหญงิ ชนาภา พันธจ์ุ รุงวุฒิ 25 20 50 70 11 6322-00047-8 เด็กหญิงพิมพน์ ิภา รตั น์อนุรกั ษ์ 3 10 30 100 40 12 6322-00048-7 นางสาวศริ ิพร สขุ ผวิ พรรณ 26 20 60 40 26 20 60 40 X 26 20 60 45.83 SD 1.83 6.42 18.34 64.17 10.84 0.94 1.77 6.98 17.82 นำผลวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของนวัตกรรมการจดั การเรียนการสอนดว้ ยบทเรยี นออนไลน์ และใช้ส่ือ Model รำวง มาตรฐาน มีค่าเฉล่ียร้อยละการพัฒนา เท่ากับ 45.83 ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10.84 แสดงว่านวัตกรรม บทเรยี นออนไลน์ ทไี่ ดส้ รา้ งขนึ้ มีประสทิ ธิภาพและมคี วามเหมาะสมท่จี ะนำไปใชใ้ นการจดั การเรยี นร้ไู ดเ้ ปน็ อย่างดี

๒๓ จากผลการประเมินแบบสอบถามท่ีมีต่อบทเรียนออนไลน์ โดยใช้สื่อ Model รำวงมาตรฐานมีลักษณะเป็น แบบสอบถามแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนท่ีมีต่อ บทเรียนออนไลน์ โดยใช้ส่ือ Model รำวงมาตรฐาน ตารางที่ 3 ค่าเฉล่ยี และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานความพึงพอใจความคิดเหน็ จากตารางท่ี 3 พบวา่ โดยรวมมคี วามพงึ พอใจในระดบั ดมี าก โดยพิจารณารายละเอียด พบว่า รูปเลม่ สวยงาม ทันสมัย น่าอ่านและสะดวกในการพกพา มีความพึงพอใจสูงท่ีสดุ มีค่า X เท่ากับ 4.38 มีค่า 0.90 รองลงมาคือ ภาษาท่ีใช้เข้าใจง่ายชัดเจน มีค่า X เท่ากับ 4.32 เนื้อหาเข้าใจง่ายสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ มีค่า X เท่ากบั 4.24

๒๔ บทท่ี 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ สรปุ ผลการศกึ ษา 1. ผลการพัฒนาความรู้ความเข้าใจการใช้สื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น โดยใชบ้ ทเรยี นออนไลน์ มีผลการปฏิบัติกิจกรรมทดสอบก่อน-หลงั เรียนตามแผน อยใู่ นระดับดี มาก ด้วยคะแนนค่าเฉลี่ยร้อยละการพัฒนา เท่ากับ 45.83 ผลการประเมินแสดงว่าผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะ การส่ือสาร การอา่ น การเขยี น เพิ่มมากขนึ้ 2. ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการสื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น โดยใช้บทเรยี นออนไลน์ อยู่ในระดับดีมาก เห็นว่าครูผู้วิจยั ให้ความรู้ตามแผนการเรียนรู้ไดอ้ ย่าง เหมาะสม รวมทงั้ เนื้อหา ใบงาน และสอื่ Model รำวงมาตรฐาน ชว่ ยใหส้ ามารถเข้าใจเน้ือหาได้มากยง่ิ ขึน้ อภปิ รายผลการศกึ ษา ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้จากส่อื Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) โดยใชบ้ ทเรียนออนไลน์ทำใหม้ ี พัฒนาการทางการเรียนสูงขนึ้ โดยพิจารณาจากการทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน ภาคเรยี นที่ 1/2565 แสดงให้เห็น ว่า ผู้เรียนได้รับการพัฒนาความรู้ความเข้าใจได้รับพัฒนาทักษะการส่ือสาร การอ่านการเขียน ทั้งน้ีผู้วิจัย่ได้ใช้ สภาพแวดล้อมบริบทใกล้ตัวของผู้เรียนคือท่ารำ เป็นส่ือเช่ือมโยงเข้าสู่บทเรียนจากสื่อ Model รำวงมาตรฐาน วิชา ศลิ ปศึกษา (ทช21003) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ จากผลการวิจัยพบว่าโดยรวมมีความพึงพอใจในระดับดมี าก โดยพจิ ารณารายละเอียด พบวา่ รูปเล่มสวยงาม ทันสมัย น่าอ่านและสะดวกในการพกพา มีความพึงพอใจสูงท่ีสุดมีค่า X เท่ากับ 4.38 มีค่า 0.90 รองลงมาคือ ภาษาท่ีใช้เข้าใจง่ายชัดเจน มีค่า X เท่ากับ 4.32 เนื้อหาเข้าใจง่ายสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ มีค่า X เท่ากับ 4.24 สอดคล้องกบั แนวคิดใช้กฎแห่งการฝึกหัดของธอร์นไดค์ ท่ีกระทำบ่อยๆด้วยความเข้าใจจะทำให้การเรียนรู้ น้ันคงทนถาวร ถ้าไม่กระทำซ้ำบ่อย ๆ การเรียนรู้น้ันจะไม่คงทนถาวรและในที่สุดอาจลืมได้ กฎแห่งการฝึกหัดเป็น ตัวเช่ือมส่ิงเร้า คือ ส่ือ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยใช้ บทเรยี นออนไลน์ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ให้นำ้ หนักในการเรียนรู้ เรื่อง ความรแู้ ละความเข้าใจ จากส่ือ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศิลปศึกษา (ทช21003) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ โดย ใช้บทเรียนออนไลน์ ทำใหผ้ ู้เรียนปฏบิ ัติจนเข้าใจ และสามารถสรปุ สาระสำคัญผลการเรียนรูท่ีคาดหวัง อธิบายประวตั ิ ความเปนมาของการแสดงนาฏศิลปไทยประเภทตาง ๆ ได ความรูเก่ียวกับพื้นฐานความงามของนาฏศิลปไทยและ แสดงออกไดอยางถูกตอง แสดงความคิดเห็น ความรูสึก ตอการแสดงนาฏศิลปไทยได เขาใจเห็นคุณคาของนาฏศิลป ไทยและบอกแนวทางการอนรุ กั ษนาฏศลิ ปไทยได้ ขอ้ เสนอแนะ จากการวิจยั พบว่าส่ือ Model รำวงมาตรฐาน วิชาศลิ ปศกึ ษา (ทช21003) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดย ใช้บทเรียนออนไลน์ ให้ผู้เรียนทำกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้การแนะนำช่วยเหลือจากครูผู้วิจัยอย่างใกล้ชิด สร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างครกู ับผู้เรยี นและผ้เู รียนที่เป็นผู้ใหญ่ โดยการผ่านการสังเกต ดงั นัน้ ครูผู้สอนควรเลือกวิชาท่ีงา่ ย สามารถเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองได้ จะชว่ ยใหผ้ ้เู รียนเกดิ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น

๒๕ ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไป แนวคดิ ใช้กฎแหง่ การฝกึ หดั ของธอรน์ ไดค์คอื การทีก่ ระทำบ่อยๆด้วยความเข้าใจจะทำใหก้ ารเรียนรู้น้ันคงทน ถาวร ถา้ ไมก่ ระทำซำ้ บอ่ ย ๆ การเรยี นรนู้ น้ั จะไมค่ งทนถาวรและในทสี่ ดุ อาจลมื ได้ เหมาะกับการจดั การเรยี นการสอน ผใู้ หญ่ และเน้ือหาท่งี ่ายและปานกลางสอดคลอ้ งกับวถิ ีชวี ติ

๒๖ บรรณานกุ รม สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย. (2553). คู่มือการดำเนนิ งาน หลกั สตู ร การศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551. นนทบุรี : ไทยพับบลิค เอด็ ดูเคช่ัน. มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ (2557) . แน วปฏิ บั ติท่ี ดีใน ก ารท ำวิจัยใน ช้ัน เรียน ท่ี มุ่งเน้ น ผู้เรียน เป็น สำคัญ .(อ อ น ไลน์) สืบ ค้น จาก http://kmsdu.dusit.ac.th/wpcontent/uploads/2015/08/B57_ClassroomResearch.pdf (25 สิงหาคม 2562) . สถาบัน กศน.ภาคเหนือ (2558) . คู่มือการทำวจิ ัยอย่างงา่ ยของครู กศน. . ลำปาง : สถาบนั กศน.ภาคเหนือ .

๒๗ ภาคผนวก ก. รายชอ่ื ผเู้ ชย่ี วชาญ รายชอ่ื ผเู้ ชยี่ วชาญ 1.นางมณั ฑนา กาศสนกุ ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอเมอื งแม่ฮอ่ งสอน 2.นางนชุ นารถ ไชยกันทา ครูชำนาญการ 3.นายสมศักด์ิ เวยี งคำ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา

๒๘ ภาคผนวก ข. ภาพกจิ กรรมการฝกึ ปฏบิ ตั ิ

๒๙ ภาคผนวก ค. ภาพสอ่ื Model รำวงมาตรฐาน

๓๐ ประวตั ผิ วู้ จิ ยั ชอ่ื -นามสกลุ นางณัฐณิชาช์ ฝน้ั เต่ย ระบุวุฒกิ ารศึกษาสงู สดุ ปรญิ ญาตรี สาขาศกึ ษาศาสตรบณั ฑิต สาขาเอกการศกึ ษานอกระบบ ตำแหน่งปัจจบุ นั ครู กศน.ตำบล ปกี ารศกึ ษาท่ีทำวจิ ัย ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 ประเภทวจิ ัย การวจิ ยั เพอื่ พฒั นาการเรยี นรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook