บทที่ 3โครงสร้างเครือข่าย
3.1 ลกั ษณะการเชื่อมต่อเครือขา่ ย3.1.1 การเชื่อมตอ่ แบบจดุ ตอ่ จดุ (Point to Point) การเช่ือมโยงเครือข่ายแบบจุดต่อจุด(Point-to-Point) คือ การเช่ือมต่อระหว่างอุปกรณ์สองอุปกรณ์ที่เช่ือมโยงเข้าถงึ กนั เทา่ นนั้ โดยชอ่ งทางการสือ่ สารจะถกู จบั จองสาหรับอปุ กรณ์สองอปุ กรณ์เพื่อใช้สือ่ สารระหว่างกนั อย่างไรก็ตาม หากโหนดคู่ใดท่ีไม่มีสายส่งถึงกัน ก็สามารถสื่อสารผ่านโหนดที่อยู่ติดกันได้ เพ่ือส่งทอดต่อไปเรื่อยๆ จนถึงโหนดปลายทางที่ต้องการข้อดีของการเช่ือมโยงแบบ (Point-to-Point) -สามารถใช้ความเร็วในการส่ือสารระหวา่ งกนั ได้อยา่ งเตม็ ที่ จงึ เหมาะสมกบั การท่ีต้องส่งข้อมลู ได้คราวละ มากๆแบบต่อเน่ืองกนั ไป -มีความปลอดภยั ในข้อมลู เพราะมีการเช่ือมตอ่ กนั ระหวา่ งโหนดสองโหนดเท่านนั้ข้อเสีย ของการเช่ือมโยงแบบ (Point-to-Point) -ไม่เหมาะกบั เครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ -หากเครือข่ายมีจานวนโหนดเพิ่มมากขนึ ้ ก็จะต้องใช้สายในการเช่ือมโยงหรือสายในการสอ่ื สารเพิ่มมากขนึ ้ ด้วย
3.1.2 การเช่ือมตอ่ แบบหลายจดุ (Multipoint or Multidrop) การเชื่อมโยงเครือข่ายแบบหลายจดุ (Multipoint or Multidrop)คือ การเช่ือมโยงเครือข่ายที่ใช้เส้นทางหรือลิงก์เพ่ือการสื่อสารร่วมกนั หรือกล่าวง่ายๆ คือ อปุ กรณ์ต่างๆ สามารถสื่อสารระหว่างกนั ได้ด้วยการใช้ลิงก์หรือสายส่ือสารเพียงเส้นเดียว ดงั นนั้ วิธีการเช่ือมโยงชนิดนีท้ าให้ประหยดั สายส่งข้อมลู กว่าแบบการเช่ือมโยงเครือข่ายแบบจดุ ตอ่ โดยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่แล้วใช้วิธีการเช่ือมโยงแบบหลายจดุข้อดีของการเช่ือมโยงเครือข่ายแบบหลายจุด -ประหยดั สายสง่ ข้อมลู -การเพ่ิมเติมโหนดสามารถเพมิ่ ได้โดยง่ายด้วยการเช่ือมตอ่ เข้ากบั สายสง่ ท่ีใช้งานร่วมกนั ได้ทนั ทีข้อเสียของการเช่ือมโยงเครือข่ายแบบหลายจุด -หากสายสง่ ข้อมลู ขาด จะมีผลกระทบตอ่ ระบบเครือข่าย -ไม่เหมาะกบั การสง่ ข้อมลู แบบตอ่ เน่ืองที่มีข้อมลู คราวละมากๆในเวลาเดียวกนั
3.2 ลกั ษณะของโครงสร้างเครือขา่ ยโครงสร้างของเครือข่าย (Network Topology) แบง่ เป็น 6 ชนิด 3.2.1 โครงสร้างแบบบสั (Bus Topology) เป็นเครือข่ายที่เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์ต่าง ๆ ด้วยสายเคเบิล้ ยาว ต่อเน่ืองไปเร่ือย ๆ โดยจะมีคอนเน็กเตอร์เป็นตวั เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิล้ ในการส่งข้อมลู จะมคี อมพิวเตอร์เพียงตวั เดยี วเทา่ นนั้ ที่สามารถส่งข้อมลู ได้ในชว่ งเวลาหน่งึ ๆ การจดั ส่งข้อมลู วธิ ีนีจ้ ะต้องกาหนดวิธีการที่จะไมใ่ ห้ทกุ สถานีสง่ ข้อมลู พร้อมกนั เพราะจะทาให้ข้อมลู ชนกนัข้อดี การเชื่อมต่อแบบบสั คือ ใช้สื่อนาข้อมลู น้อย ช่วยให้ประหยดั ค่าใช้จ่าย และถ้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองใดเคร่ืองหน่ึงเสียก็จะไม่สง่ ผลตอ่ การทางานของระบบโดยรวมข้อเสีย การตรวจจดุ ที่มีปัญหา กระทาได้คอ่ นข้างยาก และถ้ามีจานวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากเกินไป จะมีการสง่ข้อมลู ชนกันมากจนเป็นปัญหา จาเป็นต้องใช้วงจรสื่อสารและซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพ่ือหลีกเลี่ยงการชนกันของสญั ญาณข้อมลู และถ้ามีอปุ กรณ์ตวั ใดตวั หนงึ่ เสยี หาย อาจสง่ ผลให้ทงั้ ระบบหยดุ ทางานได้
3.2.2 โครงสร้างแบบดาว (Star Topology) เป็นเครือข่ายท่ีเช่ือมตอ่ คอมพิวเตอร์ เข้ากบั อปุ กรณ์ที่เป็นจดุ ศนู ย์กลาง ของเครือข่าย โดยการนาสถานีต่าง ๆ มาตอ่ ร่วมกนั กบั หน่วยสลบั สายกลางการตดิ ต่อสื่อสารระหวา่ งสถานีจะกระทาได้ ด้วยการ ติดตอ่ ผ่านทางวงจรของหน่วนสลบั สายกลางการทางานของหน่วยสลบั สายกลางจงึ เป็นศนู ย์กลางของการตดิ ต่อ วงจรเช่ือมโยงระหวา่ งสถานีตา่ ง ๆ ท่ีต้องการติดตอ่ กนัข้อดี ถ้าต้องการเชื่อมตอ่ คอมพิวเตอร์เคร่ืองใหม่ก็สามารถทาได้งา่ ยและไม่กระทบตอ่ เครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในระบบข้อเสีย คา่ ใช้จา่ ยในการใช้สายเคเบลิ ้ จะคอ่ นข้างสงู และเมื่อฮบั ไม่ทางาน การส่ือสารของคอมพิวเตอร์ทงั้ ระบบก็จะหยดุตามไปด้วย ข้อจากดั ถ้าฮบั เสียหายจะทาให้ทงั้ ระบบต้องหยดุ ซะงกั และมีความสิน้ เปลืองสายสญั ญาณมากกว่าแบบอ่ืนๆ
3.2.3 โครงสร้างแบบวงแหวน (Ring Topology)topology) เป็นเครือข่ายที่เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลยาวเส้นเดียว ในลกั ษณะวงแหวน การรับส่งข้อมลู ในเครือข่ายวงแหวน จะใช้ทิศทางเดียวเท่านนั้ เม่ือคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งส่งข้อมลู มนั ก็จะส่งไปยงั คอมพิวเตอร์เคร่ืองถดั ไป ถ้าข้อมลู ที่รับมาไม่ตรงตามท่ีคอมพิวเตอร์เครื่องต้นทางระบุ มันก็จะส่งผ่านไปยัง คอมพิวเตอร์เครื่องถัดไปซ่ึงจะเป็นขัน้ ตอนอย่างนีไ้ ปเร่ือย ๆ จนกว่าจะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทางที่ถกู ระบตุ ามที่อยู่ข้อดี ใช้สายเคเบลิ ้ น้อย และถ้าตดั เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสยี ออกจากระบบ ก็จะไม่ส่งผลตอ่ การทางานของระบบเครือข่ายนี ้และจะไมม่ กี ารชนกนั ของข้อมลู ท่ีแตล่ ะเคร่ืองสง่ข้อเสีย ถ้าเคร่ืองใดเคร่ืองหนงึ่ ในเครือขา่ ยเสยี หาย อาจทาให้ทงั้ ระบบหยดุ ทางานได้
3.2.4 โครงสร้างแบบต้นไม้ (Tree Topology) มีลกั ษณะเชื่อมโยงคล้ายกบั โครงสร้างแบบดาวแตจ่ ะมีโครงสร้ างแบบต้นไม้ โดยมีสายนาสญั ญาณแยกออกไปเป็นแบบก่ิงไม่เป็นวงรอบ โครงสร้ างแบบนีจ้ ะเหมาะกับการประมวลผลแบบกล่มุ จะประกอบด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ระดบั ต่างๆกันอยู่หลายเคร่ืองแล้วต่อกันเป็นชนั้ ๆ ดรู าวกับแผนภาพองค์กร แตล่ ะกลมุ่ จะมีโหนดแมล่ ะโหนดลกู ในกลมุ่ นนั้ ท่ีมีการสมั พนั ธ์กนั การส่ือสารข้อมลู จะผ่านตวั กลางไปยงัสถานีอื่นๆได้ทงั้ หมด เพราะทกุ สถานีจะอย่บู นทางเช่ือม และรับสง่ ข้อมลู เดียวกนั ดงั นนั้ ในแตล่ ะกล่มุ จะสง่ ข้อมลู ได้ทีละสถานีโดยไม่สง่ พร้อมกนัข้อดี 1. รองรับการขยายเครือข่ายในแตล่ ะจดุ 2. รองรับอปุ กรณ์จากผ้ผู ลิตที่แตกตา่ งกนัข้อเสีย 1.ความยาวของแตล่ ะเซก็ เมนต์อาจแตกตา่ งกนั ไปขนึ ้ อย่กู บั สายสญั ญาณท่ีใช้ 2.หากสายสญั ญาณแบ๊กโบนเสียหาย เครือข่ายจะไม่สามารถสอื่ สารกนั ได้ 3.การติดตงั้ ทาได้ยากกว่าโพโลยีแบบอื่น
3.2.5โครงสร้างแบบผสม (Hybrid Topology) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีผสมผสานระหวา่ งรูปแบบต่างๆหลายๆแบบเข้าด้วยกันคือจะมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ย่อย ๆ หลาย ๆ เครือข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสงู สดุ ในการทางานข้อดี 1. ไม่ต้องเสียคา่ ใช้จ่ายในการวางสายเคเบิลมากนกั 2. สามารถขยายระบบได้ง่าย 3. เสยี คา่ ใช้จา่ ยน้อยข้อเสีย 1. อาจเกิดข้อผิดพลาดง่าย เน่ืองจากทกุ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ตอ่ ย่บู นสายสญั ญาณเพียงเส้นเดียว ดงั นนั้ หากมีการขาดท่ีตาแหนง่ ใดตาแหนง่ หนงึ่ ก็จะทาให้เคร่ืองอื่นสว่ นใหญ่หรือทงั้ หมดในระบบไมส่ ามารถใช้งานได้ตามไปด้วย 2. การตรวจหาโหนดเสีย ทาได้ยากเน่ืองจากขณะใดขณะหนึ่งจะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านนั้ ท่ีสามารถสง่ ข้อความออกมาบนสายสญั ญาณ ดงั นนั้ ถ้ามีเครื่องคอมพวิ เตอร์จานวนมากๆ อาจทาให้เกิดการคบั คงั่ ของเนตเวริ ์ก ซง่ึ จะทาให้ระบบช้าลงได้
3.2.6โครงสร้ างแบบเมซ (Mesh Topology) เป็นการเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากและมีประสิทธิภาพสูงตามลาดับ เพราะเม่ือเส้นทางของการเชื่อมต่อข้อมูลคู่ใดคู่หนึ่งเกิดปัญหาหรือขาดจากกัน การตดิ ต่อส่ือสารระหวา่ งกนั ยงั สามารถติดต่อกนั ได้ด้วยอปุ กรณ์จดั เส้นทาง (Router) ซ่งึ จะเช่ือมต่อเส้นทางใหม่ ไปยงัจดุ หมายปลายทางโดยอตั โนมตั ิ การเช่ือมตอ่ แบบเมชนีม้ กั เป็นเครือข่ายแบบไร้สายข้อดี ในกรณีสายเคเบิล้ บางสายชารุด เครือข่ายทงั้ หมดยังสมารถใช้ได้ ทาให้ระบบมีเสถียรภาพสงู นิยมใช้กับเครือข่ายท่ีต้องการเสถียรภาพสงู และเครือข่ายท่ีมีความสาคญัข้อเสีย สิน้ เปลืองค่าใช้จ่าย และสายเคเบิล้ มากกว่าการต่อแบบอ่ืน ๆ ยากต่อการติดตงั้ เดินสาย เคล่ือนย้ายปรับเปลย่ี นและบารุงรักษาระบบเครือข่าย
3.3 ส่วนประกอบของเครือข่าย สว่ นประกอบของเครือข่าย ( Network Component ) ในชีวติ ประจาวนั ของเรานนั้ เก่ียวข้องกบัเครือข่ายตลอดเวลา เพระทกุ การติดต่อสื่อสารนนั้ ต้องผ่านระบบเครือข่ายมาแล้วทงั้ สิน้ ไม่ว่าจะเป็น โทรศพั ท์ SMSATM วทิ ยุ โทรทศั น์ ล้วนเป็นระบบเครือข่ายทงั้ สิน้ โดยที่ Internet เป็นระบบเครือข่ายท่ีใหญ่ที่สดุ ในโลก ในท่ีนีจ้ ะกลา่ วถงึ สว่ นประกอบของระบบเครือข่าย ซง่ึ ประกอบไปด้วย• เครื่องบริการข้อมลู (Server)• เครื่องลกู ข่ายหรือสถานี (Client)• การ์ดเครือข่าย (Network Interface Cards)• สายเคเบิลท่ีใช้บนเครือข่าย (Network Cables)• ฮบั หรือสวิตช์ (Hubs and Switches)• ระบบปฏิบตั กิ ารเครือข่าย (Network operating System)
3.3.1 เคร่ืองศนู ย์บริการข้อมลู โดยมกั เรียกวา่ เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ท่ีทาหน้าท่ีบริการทรัพยากรให้กบั เคร่ืองลกู ข่าย เชน่ การบริการไฟล์ การบริการงานพิมพ์ เป็นต้น เนื่องจากเคร่ืองเซฟเวอร์มกั ต้องรับภารกิจหนกั ในระบบจงึ มกั ใช้เคร่ืองที่มีขีดความสามารถมาเป็นเครื่องแม่ข่าย 3.3.2 เคร่ืองลกู ข่ายหรือสถานีเครือข่าย เคร่ืองลกู ข่ายเป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซ่ึงอาจเรียกวา่ เวริ ์กสเตชนั ก็ได้ โดยมกั เป็นเคร่ืองของผ้ใู ช้งานทว่ั ไปสาหรับตดิ ตอ่ เพ่ือขอใช้บริการจากเซิร์ฟเวอร์ ซงึ่ สามารถจะขอหรือนา software ทงั้ ข้อมลู จากเครื่องแม่ข่ายมาประมวลผลใช้งานได้และยงั ติดต่อส่ือสาร รับ-ส่งข้อมลู จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆในเครือข่ายได้ 3.3.3 การ์ดเครือข่าย แผงวงจรสาหรับใช้ในการเชื่อมตอ่ สายสญั ญาณของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ทกุ เคร่ืองในเครือขา่ ยจะต้องมีอปุ กรณ์นี ้และหน้าทีของการ์ดก็คอื แปลงสญั ญาณของคอมพิวเตอร์ส่งผ่านไปตามสายสญั ญาณทาให้คอมพิวเตอร์ในเครือขา่ ยแลกเปลย่ี นข้อมลู กนั ได้
3.3.4 สายเคเบิลท่ีใช้บนเครือข่าย เครือข่ายคอมพิวเตอร์จาเป็นต้องมีสายเคเบิลเพ่ือใช้สาหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตา่ ง ๆ ให้อย่บู นเครือขา่ ยเดยี วกนั เพ่ือสื่อสารกนั ได้ นอกจากนีเ้ครือข่ายยงั สามารถสื่อสารระหวา่ งกนั โดยไม่ใช้สายก็ได้ เรียกว่า เครือข่ายไร้สายโดยสามารถใช้คล่ืนวิทยุหรืออินฟาเรด เป็นตวั กลางในการปลงสญั ญาณ อีกทงั้ ยงัสามารถนาเครือขา่ ยแบบมีสายและเครือข่ายแบบไร้สายมาเช่ือมตอ่ เข้าด้วยกนั เป็นเครือข่ายเดียวกนั ได้ 3.3.5 ฮบั และสวิตช์ เป็นอปุ กรณ์ฮบั และสวิตช์มกั นาไปใช้เป็นศนู ย์กลางของสายเคเบิลท่ีเช่ือมต่อเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกนั ซึ่งฮบั หรือสวิตช์จะมีพอร์ตเพื่อให้สายเคเบิลเช่ือมต่อเข้าระหว่างฮบั กบั คอมพิวเตอร์ โดยจานวนพอร์ตจะขึน้ อย่กู บั แต่ละชนิด เช่น แบบ 4 , 8, 16 , 24 พอร์ต ยงั สามารถนาฮบั หรือสวิตช์หลายๆตวั มาเช่ือมต่อเข้าด้วยกนั เพื่อขยายเครือข่ายได้อีกด้วย 3.3.6 ระบบปฏิบตั กิ ารเครือขา่ ย เคร่ืองแม่ข่ายของระบบจาเป็นต้องตดิ ตงั้ ระบบปฏิบตั กิ ารเครือข่ายไว้ เพ่ือทาหน้าที่ควบคุมและรองรับการทางานของเครือข่ายไว้ เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจาเป็นต้องพึ่ง Software ท่ีมีประสิทธิภาพตามด้วยเช่นกนั
3.4 รูปแบบของเครือขา่ ย3.4.1. Client/Server เครือข่ายแบบ Client/Server เป็นรูปแบบหนึ่งของเครือข่ายแบบ server-based โดยจะมีคอมพิวเตอร์หลกั เครื่องหนง่ึ เป็น เซริ ์ฟเวอร์ ซง่ึ จะไม่ได้ทาหน้าที่ประมวลผลทงั้ หมดให้เครื่องลกู ข่ายหรือเคร่ืองไคลเอนต์(client) แต่เซิร์ฟเวอร์จะทาหน้าท่ีเสมือนเป็นท่ีเก็บข้อมลู ระยะไกล และประมวลผลบางอย่างให้กบั เคร่ืองไคลเอนต์เทา่ นนั้ เช่น ประมวลผลคาสงั่ ในการดงึ ข้อมลู จากเซริ ์ฟเวอร์ฐานข้อมลู (database server) เป็นต้น
3.4.2 Peer to Peer มีลกั ษณะอย่างไร และมีข้อดี-ข้อเสยี อย่างไรเครือข่ายของคอมพิวเตอร์กาหนดให้ไฟล์และโฟลเดอร์ท่ีจะใช้ร่วมกนั ได้ ระบบเครือข่าย peer-to-peer พบมากบ่อยในสานกั งานขนาดเล็กท่ีไม่ได้ใช้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์เฉพาะ เครือข่าย peer-to-peer คอมพิวเตอร์เชื่อมตอ่ กนั แต่ละคู่ (เช่ือมตอ่ 1 ต่อ1) ไมม่ ี เซิร์ฟเวอร์(server) เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ทกุ เครื่องความสามารถเทา่ กนั เหมือนเพ่ือนกนั ซง่ึ สามารถใช้ได้ทงั้ Windows,Mac and Linux ในระบบเครือข่าย peer-to-peer และสามารถใช้ข้อมลู ร่วมกนั ได้ข้อดีของการต่อแบบ Peer to Peer คอมพิวเตอร์หรือโฮสต์ (Host) แตล่ ะตวั บนเครือข่าย ตา่ งทาหน้าท่ีเป็นทงั้ เซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์ (Client) ในตวัไม่ต้องติดตงั้ เซิร์ฟเวอร์ต่างหากเป็นการเฉพาะ ไม่ต้องมีการวางแผนหรือบริหารจดั การท่ีย่งุ ยาก เมื่อเทียบกับเครือข่ายที่ใช้เซิร์ฟเวอร์เป็นคอมพิวเตอร์หลกั ผ้ใู ช้งานคอมพิวเตอร์แต่ละคนทาหน้าท่ีดแู ลรักษาความปลอดภยั กนั เอง ผ้ใู ช้งานประจาเคร่ืองทาหน้าที่เป็นผ้ใู ช้งานและบริหารจดั การคอมพิวเตอร์กนั เองข้อด้อยของการต่อแบบ Peer to Peer มีข้อจากดั ที่จานวนของผ้ใู ช้งาน เมื่อจานวนของผ้ใู ช้งานมีเพิ่มขนึ ้ จะเกิดปัญหาเก่ียวกบั การบริหารจดั การขึน้ ปัญหาของการรักษาความปลอดภยั เกิดขึน้ เม่ือปริมาณของผ้ใู ช้งานเพิ่มมากขึน้ การขยายเครือข่ายทาได้อย่างจากดั รวมทงั้ ไม่สามารถรองรับการเปลีย่ นแปลงทางเทคโนโลยขี องเครือข่ายได้ดี
3.5 อปุ กรณ์ท่ีใชเ้ ช่ือมต่อระบบเครือข่าย1. การ์ดเครือข่าย (Network Interface Card) หรือการ์ดแลน หรืออีเทอร์เน็ตการ์ด ทาหน้าที่ในการเช่ือมตอ่คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่เข้ากับระบบเครือข่ายได้ เช่น ในระบบแลนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองในเครือข่ายจะต้องมีการ์ดเครือขา่ ยท่ีเช่ือมโยงด้วยสายเคเบลิ จงึ สามารถทาให้เครื่องติดตอ่ เครือข่ายได้
2. ฮบั (Hub) คือ อปุ กรณ์ท่ีรวมสญั ญาณที่มาจากอปุ กรณ์รับสง่ หลาย ๆ สถานีเข้าด้วยกนั ฮบั เปรียบเสมือนเป็นบสั ท่ีรวมอย่ทู ่ีจดุ เดียวกนั ฮบั ที่ใช้งานอย่ภู ายใต้มาตรฐานการรับ-สง่ แบบอีเทอร์เน็ต หรือ IEEE802.3 ข้อมลู ที่รับ-สง่ ผ่านฮับจากเครื่องหน่ึงกระจายไปยังทุกสถานีท่ีติดต่ออยู่บนฮบั นัน้ ดงั นัน้ ทุกสถานีจะรับสญั ญาณข้อมูลท่ีกระจายมาได้ทงั้ หมดแต่จะเลือกคดั ลอกเฉพาะข้อมลู ท่ีส่งมาถึงตนเท่านนั้ การตรวจสอบข้อมลู จึงต้องดแู อดเดรส (address) ที่กากบั มาในกลมุ่ ของข้อมลู หรือแพก็ เกจ
3. สวิตช์ (Switch) คือ อปุ กรณ์รวมสญั ญาณที่มาจากอปุ กรณ์รับ-ส่งหลายสถานีเช่นเดียวกบั ฮบั แตม่ ีข้อแตกตา่ งจากฮบั คอื การรับ-สง่ ข้อมลู จากสถานีหรืออปุ กรณ์ตวั หนงึ่ จะไมก่ ระจายไปยงั ทกุ สถานีเหมือนฮบั ทงั้ นีเ้พราะสวติ ช์จะรับกล่มุข้อมลู หรือแพ็กเกจมาตรวจสอบก่อน แล้วดวู ่าแอดเดรสของสถานีหลายทางไปที่ใด สวิตช์จะลดปัญหาการชนกนั ของข้อมลู เพราะ ไมต่ ้องกระจายข้อมลู ไปทกุ สถานี และยงั มีข้อดใี นเรื่องการปอ้ งกนั การดกั จบั ข้อมลู ที่กระจายไปในเครือข่าย
4. บริดจ์ (Bridge) คอื อปุ กรณ์ที่เหมาะสมกบั เครือข่ายหลาย ๆ กล่มุ ท่ีเช่ือมตอ่ กนั เน่ืองจากสามารถแบง่ เครือข่ายท่ีเชื่อมต่อกันหลาย ๆ เซ็กเมนต์แยกออกจากกันได้ ทาให้ข้อมลู ในแต่ละเซ็กเมนต์ไม่ต้องว่ิงไปทว่ั ทงั้ เครือข่าย กล่าวคือบริดจ์สามารถอ่านเฟรมข้อมลู ที่สง่ มาได้ว่ามาจากเคร่ืองในเซก็ เมนต์ใด จากนนั้ จะทาการสง่ ข้อมลู ไปยงั เคร่ืองซงึ่ อาจอยู่ในเซก็ เมนต์เดยี วกนั หรือต่างเซ็กเมนต์ก็ได้ ซงึ่ ความสามารถดงั กลา่ วทาให้ชว่ ยลดปัญหาความคบั คง่ั ของข้อมลู ในระบบได้
5. รีพีตเตอร์ (Repeater) คอื อปุ กรณ์ทวนสญั ญาณเพื่อให้สามารถสง่ ข้อมลู ถึงกนั ได้ระยะไกลขนึ ้ คอื รีพีตเตอร์จะปรับรูปแบบเดิม เพ่ือได้สญั ญาณสามารถส่งต่อไปได้อีก เช่น การเช่ือมต่อเครือข่ายแลนหลาย ๆ เซ็กเมนต์ ซึง่ ความยาวของแตล่ ะเซก็ เมนต์นนั้ จะมีระยะทางที่จากดั ดงั นนั้ อปุ กรณ์อย่างรีพตี เตอร์จะช่วยแก้ไขปัญหาเหลา่ นีไ้ ด้
6. โมเด็ม (Modem) คอื อปุ กรณ์ท่ีทาหน้าท่ีแปลงสญั ญาณคอมพิวเตอร์ให้สามารถเช่ือมคอมพิวเตอร์ที่อย่รู ะยะไกลเข้าหากนั ได้ด้วยการผ่านสายโทรศพั ท์ โดยโมเด็มจะทาหน้าที่แปลงสญั ญาณ ซง่ึ แบ่งออกเป็นทงั้ ภาคสง่ และภาครับ โดยภาคสง่ จะทาการแปลงสญั ญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสญั ญาณโทรศพั ท์ (Digital to Analog) ในขณะท่ีภาครับนนั้จะทาการแปลงสญั ญาณโทรศพั ท์กลบั มาเป็นสญั ญาณคอมพิวเตอร์ (Analog to Digital) ดงั นนั้ ในการเช่ือมต่อเครือข่ายระยะไกลๆ เช่น อินเทอร์เน็ต จึงจาเป็นต้องใช้โมเดม็ โดยโมเดม็ มีทงั้ แบบภายใน (Internal Modem) ท่ีมีลกั ษณะเป็นการ์ด โมเดม็ ภายนอก (External Modem) ท่ีมีลกั ษณะเป็นกล่องแยกออกต่างหาก และรวมถึงโมเด็มท่ีเป็น PCMCIA ที่มกั ใช้กบั เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบ๊คุ
7. เราเตอร์ (Router) ในการเช่ือมโยงเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์จะต้องมีการเชื่อมโยงหลายๆ เครือข่าย หรืออปุ กรณ์หลายอย่างเข้าด้วยกนั ดงั นนั้ จงึ มีเส้นทางเข้า - ออกของข้อมลู ได้หลายเส้นทาง และแต่ละเส้นทางอาจใช้เทคโนโลยีเครือข่ายที่ต่างกนั อุปกรณ์จดั เส้นทางจะทาหน้าท่ีหาเส้นทางที่เหมาะสมเพ่ือให้การส่งข้อมลู เปนไปอย่างมีประพสิทธิภาพ การที่อปุ กรณ์จดั หาเส้นทางต้องรับรู้ตาแหน่งและสามารถนาข้อมลู ออกเส้นทางได้ถูกต้องตามตาแหน่งแอดเดรสที่กากบั อยู่เส้ นทางนนั ้
8. เกตเวย์ (Gateway) คอื อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยในการสื่อสารข้อมลู หน้าที่หลกั ของเกตเวย์ คอื ชว่ ยทาให้เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครื อข่าย หรื อมากกว่าที่มีลักษณะไม่เหมือนกัน คือ ลักษณะของการเชื่อต่อ(Connectivity) ของเครือข่ายที่แตกต่างกนั และมีโพรโตคอลสาหรับการสง่ - รับข้อมลู ตา่ งกนั เชน่ LAN เครือหน่งึเป็นแบบ Ethernet และ โพรโตคอลแบบอะซงิ โครนสั ส่วน LAN อีกเครือข่ายหน่ึงเป็นแบบ Token Ring และใช้โพรโตคอลแบบซิงโครนัสเพื่อให้สามารถติดต่อกนั ได้เสมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน เพื่อกาจดั วงให้แคบลงมา เกตเวย์โดยทวั่ ไปจะใช้เป็นเคร่ืองมือส่ง - รับข้อมลู กนั ระหวา่ ง LAN 2 เครือข่ายหรือ LAN กบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือระหว่าง LAN กบั WAN โดยผ่านเครือข่ายโทรศพั ท์สาธารณะ เช่น X.25 แพ็กเกจสวติ ซ์ เครือข่าย ISDN เทเลก็ ซ์ หรือเครือขา่ ยทางไกลอ่ืน
9. สายสญั ญาณ เป็นสายสาหรับเช่ือมตอ่ เครื่องคอมพิวเตอร์ตา่ งๆในระบบเข้าด้วยกนั หากเป็นระบบที่มีจานวนเครื่องมากกว่า 2 เครื่องก็จะต้องต่อผ่านฮบั อีกทีหน่ึง โดยสายสัญญาณสาหรับเช่ือมต่อเครื่องในระบบเครือข่าย จะมีอยู่ 2ประเภท คือ- สาย Coax มีลกั ษณะเป็นสายกลม คล้ายสายโทรทศั น์ สว่ นมากจะเป็นสดี าสายชนิดนีจ้ ะใช้กบั การ์ด LAN ท่ีใช้คอนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนีจ้ ะต้องใช้ตัว TConnector สาหรับเช่ือมต่อสายสญั ญาณกบั การ์ด LAN ต่างๆในระบบ และต้องใช้ตวั Terminator ขนาด 50โอห์ม สาหรับปิดหวั และท้ายของสาย
- สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เป็นสายสาหรับการ์ด LAN ท่ีใช้คอนเน็กเตอร์แบบ RJ-45สามารถส่งสญั ญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากคณุ ใข้สายแบบนีจ้ ะต้องเลือกประเภทของสายอีก โดยทว่ั ไปนิยมใช้กนั 2 รุ่น คอื CAT 3 กบั CAT5 ซง่ึ แบบ CAT3 จะมีความเร็วในการสง่ สญั ญาณ10 Mbps และแบบ CAT 5จะมีความเร็วในการสง่ ข้อมลู ที่ 100 Mbps แนะนาวา่ ควรเลอื กแบบ CAT 5 เพ่ือการอพั เกรดในภายหลงั จะได้ไม่ต้องเดินสายใหม่ ในการใช้งานสายนี ้ สาย 1 เส้นจะต้องใช้ตวั RJ - 45 Connector จานวน 2 ตวั เพ่ือเป็นตวั เชื่อมตอ่ระหว่างสายสญั ญาณจากการ์ด LAN ไปยงั ฮบั หรือเครื่องอ่ืน เช่นเดียวกบั สายโทรศพั ท์ ในกรณีเป็นการเชื่อมต่อเครื่อง2 เคร่ืองสามารถใช้ต่อผ่านสายเพียงเส้นเดียได้แตถ่ ้ามากกวา่ 2 เคร่ือง ก็จาเป็นต้องตอ่ ผา่ นฮบั
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: