Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 3 กระบวนการคิดเชิงออกแบบ

บทที่ 3 กระบวนการคิดเชิงออกแบบ

Published by 63julalux, 2022-03-22 02:49:41

Description: Design Thinking คือ “กระบวนการคิดที่ใช้การทำความเข้าใจในปัญหาต่างๆ อย่างลึกซึ้ง โดยเอาผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง และนำเอาความคิดสร้างสรรค์และมุมมองจากคนหลายๆ สายมาสร้างไอเดีย แนวทางการแก้ไข และนำเอาแนวทางต่างๆ นั่นมาทดสอบและพัฒนา เพื่อให้ได้แนวทางหรือนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้และสถานการณ์นั้นๆ”

Search

Read the Text Version

ภ า ค วิ ช า ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ธุ ร กิ จ > > วิ ท ย า ลั ย อ า ชี ว ศึ ก ษ า ม ห า ส า ร ค า ม

32 บทท่ี 3 กระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ (Mindsets of Design Thinking) การออกแบบที่กาลังถูกนามาใช้อย่างกวา้ งขวางกับองค์กรต่างๆ นั้นกค็ ือ Design Thinking หรอื “กระบวนการคิดในเชงิ ออกแบบ” นัน่ เอง กระบวนการคดิ น้ถี ูกนามาประยุกตใ์ ชก้ บั การบริหารองค์กรตลอดจน ปลกู ฝังระบบวิธคี ิดรูปแบบนี้ให้กบั บุคลากรในองค์กรที่จะนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นการทางานของตนเองไดด้ ้วย ซ่งึ กระบวนการคดิ ในรปู แบบน้ีมีลกั ษณะและกระบวนการที่สร้างสรรค์ข้นึ มาซ่ึงถือว่าเป็นหลักการที่ชว่ ยทาให้องคก์ ร ประสบความสาเรจ็ ได้อยา่ งดีทีเดยี ว ความหมายของการคิดเชงิ ออกแบบ Design Thinking คอื “กระบวนการคิดทใ่ี ช้การทาความเข้าใจในปัญหาตา่ งๆ อยา่ งลึกซ้งึ โดยเอาผูใ้ ชเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลาง และนาเอาความคดิ สร้างสรรค์และมุมมองจากคนหลายๆ สายมาสรา้ งไอเดีย แนวทางการแกไ้ ข และ นาเอาแนวทางต่างๆ น่นั มาทดสอบและพัฒนา เพื่อให้ได้แนวทางหรือนวัตกรรมท่ีตอบโจทย์กบั ผใู้ ชแ้ ละสถานการณ์ น้นั ๆ” ความสาคญั ของการคิดเชิงออกแบบ การนาเอากระบวนการของการคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking Process) นัน้ อาจจะเห็นผลชดั เจนและ เข้าใจได้แจม่ แจง้ กว่าสาหรับกระบวนการคิดผลิตภัณฑใ์ หม่ๆ เพ่ือแก้ไขปญั หาให้ผบู้ ริโภคตลอดจนตอบโจทย์ที่ ผูบ้ รโิ ภคต้องการ รวมไปถึงสามารถผลิตสินคา้ และบรกิ ารขึ้นมาเพื่ออดุ รรู ่ัวของตลาดนนั้ ๆ ตลอดจนสร้างนวัตกรรม ใหม่ทยี่ ังไมเ่ คยเกดิ ข้นึ ก็ได้ ซึ่งการคิดโดยนาเอากระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์นจ้ี ะทาให้เราเขา้ ใจ ปัญหาอยา่ งถ่องแท้ และผลติ สนิ คา้ หรือบรกิ ารเพ่ือตอบโจทย์ตลาดตลอดจนแก้ไขปญั หาได้อย่างแท้จรงิ

33 สาหรบั การบริหารองคก์ รเองน้ัน การประยกุ ต์เอารูปแบบกระบวนการของการคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) มาใชอ้ าจทาให้เราร้จู กั คิดวิเคราะห์ในปญั หาท่ีเกดิ ขนึ้ มากขน้ึ รอู้ ย่างถถี่ ว้ น ถอ่ งแท้ ละเอียด ซ่ึง บางครัง้ ทาใหเ้ ราอาจร้ถู งึ ปัญหาทีแ่ ทจ้ รงิ ท่ีซ่อนอยู่ไดก้ เ็ ปน็ ได้ นนั่ ทาใหเ้ ราจับจุดปญั หาได้ถกู และมีวธิ กี ารในการ แกไ้ ขปญั หาท่ีเป็นลาดบั มีการคดิ วเิ คราะหว์ ิธแี ก้ไขอยา่ งถ่ีถ้วน และรอบด้าน นน่ั ทาให้เราสามารถมองวธิ ีการ แก้ปญั หาตา่ งๆ ไดร้ อบมุม หลากหลายมุมมอง และทาใหส้ ามารถแก้ไขปัญหาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพมากข้ึน หรือไม่ ก็สามารถหาทางแกอ้ ่นื สารองได้ทนั ทว่ งทีหากทางแกท้ เ่ี ลือกไม่ประสบผลสาเรจ็ เพราะเราได้ลองมองทุกมุมมาแล้ว นอกจากนน้ั กระบวนการของการคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking Process) ยังกอ่ ให้เกดิ การคิดแบบสร้างสรรค์ ในรปู แบบใหมๆ่ ทีจ่ ะนามาคิดวเิ คราะห์แกป้ ญั หา พยายามหาหนทางท่ีมากกวา่ ส่ิงทต่ี นเองคนุ้ เคย ตลอดจนสร้าง นวัตกรรมใหมๆ่ ข้นึ ไดเ้ ช่นกนั ซง่ึ กร็ วมถึงนวัตกรรมที่เก่ียวกบั การบริหารองค์กรได้ดว้ ยเชน่ กัน ในยุคทมี่ ีการแขง่ ขนั ทางธุรกิจสูงนใ้ี ครๆ ต่างก็ขวนขวายท่ีจะหาทางคิดผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการเพ่ือตอบโจทย์ ผบู้ ริโภคใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด ตลอดจนคดิ หาวธิ ที าให้องคก์ รประสบความสาเร็จไดย้ อดเยีย่ มท่ีสุด นัน่ เลยทาใหห้ ลาย องค์กรมีการนาเอาการคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) นมี้ าใช้ในธรุ กิจของตน รวมไปถึงองค์กรใหญ่ ระดับโลกอย่าง Google, Apple หรือแม้แต่ Airbnb ที่นาเอากระบวนการคิดรปู แบบนี้ไปใช้ในองค์กรจนประสบ ความสาเรจ็ มาแล้ว และนน่ั ก็ทาให้หลายองค์กรต่างนามาใชก้ บั องค์กรของตนบา้ ง และสรา้ งความสาเร็จได้ไม่แพ้กัน เลยทเี ดยี ว

34 ความหมายของ Mindset การคดิ เชงิ ออกแบบ การคดิ เชิงออกแบบเป็นกระบวนการ (Process) และ ความเช่อื หรือทัศนคติ (Mindset) ซึง่ ทาใหม้ ี ความสาคัญต่อการสร้างวฒั นธรรมทางด้านนวตั กรรมและใชผ้ ูใ้ ช้ “User” เปน็ แกนหลกั ในการค้นหาแนว ทางการ แก้ไขปญั หา หรอื ออกแบบในการแก้ไขปัญหา Schweitzer, Groeger, &Sobel (2016) กล่าวได้ว่าเม่ือพจิ ารณาถงึ ความหมายและสร้างความเข้าใจถงึ Design Thinking Mindset ค่อนข้างทาไดล้ าบากมาก ในเชิงวิชาการ เน่ืองจากว่า การเกดิ ข้นึ ของการคดิ เชิงออกแบบเกิดมาจากตวั บุคคล องค์กร และสภาพแวดลอ้ มทาง กายภาพที่มี คุณลักษณะและเงื่อนไขในการอธบิ ายแนวความคดิ ของการคิดเชงิ ออกแบบ ซ่ึงทาใหเ้ มื่อพยายามอธิบาย ส่งิ ท่ี เรยี กว่า Mindset ของการคิดเชงิ ออกแบบ ไม่สามารถที่จะทาการวจิ ัยในแบบเชงิ ประจกั ษ์ (Empirical Research) ได้จงึ ทาให้ Mindsets ดงั กลา่ วสามารถที่จะอธิบายและใหค้ วามหมายไดห้ ลากหลายแนวทางจากวรรณกรรมทีผ่ า่ น มา เมือ่ พิจารณาแยกความหมายของคาระหว่าง นิยามของ Mindset และนิยามของ Design Thinking จะเห็นไดว้ า่ Mindset หมายถงึ ความคิด ความเชือ่ ที่จะส่งผลตอ่ พฤติกรรมและเป็นสงิ่ ที่ถูกสรา้ งขึน้ ในทางความคิดและทศั นคติ ซ่งึ อยู่ภายในตวั บคุ คล จากทฤษฎีการตดั สินใจ (Decision Theory) กลา่ วไวว้ า่ “Mindset คอื ชุดของข้อสมมุติฐาน กระบวนการ หรือ หมายเหตุ ทีค่ นใดคนหนึ่งหรือหลายคนยดึ ถือไว้” ดงั น้นั เมื่อกล่าวถงึ Mindsets อาจจะกลา่ วไดว้ ่าเปน็ ความคดิ และความเชอ่ื ที่ได้สะสมไว้ท่ีสง่ ผลต่อ พฤติกรรม ของคน ดงั น้นั จะเหน็ ได้ว่าพฤติกรรมของคนจะมผี ลกระทบต่อสิ่งท่ีเราคิด เรารสู้ กึ และเราทา และ Mindset จะทาใหเ้ ราพยายามเข้าใจในส่งิ ท่เี กิดขนึ้ บนโลกใบนีแ้ ละสิ่งทเี่ กดิ ขน้ึ กบั เราเอง Rosenberg & Hovland ได้กล่าวไวว้ า่ ในวรรณกรรมเชงิ วิชาการทางจติ วิทยาสงั คมได้ แบง่ องคป์ ระกอบ ของ Mindset ไว้ 3 ส่วนด้วยกนั ได้แก่ 1) Cognitive (Thinking) เป็นส่วนกระบวนความคดิ 2) Behavioral (Doing) เป็นส่วนของพฤติกรรมในการกระทา 3) Affective (Feeling) เปน็ สว่ นของความรสู้ กึ มุมมองดงั กลา่ วจะช่วยสรา้ งความเข้าใจในดา้ น Mindset ซ่งึ แนน่ อนวา่ ในสว่ นของ Mindset ไมส่ ามารถ แบ่งแยกระหวา่ งความคิด (Thinking) กบั การกระทาได้ (Doing) ซ่ึงไมส่ ามารถท่ีจะบอกลาดบั การเกิดข้นึ ของ ความคดิ และการกระทาได้ ในสว่ นของ นยิ ามของ Design Thinking นนั้ ได้พยายามกล่าวถึงความหมายในการ ออกแบบในรปู แบบต่างๆ Design Thinking เป็น Mindset และ Method ทีน่ กั ออกแบบไดน้ าไปใช้ในการแก้ไข ปญั หาทสี่ ลบั ซับซอ้ น (Complex Problem) รวม ไปถงึ คน้ หาแนวทางการแก้ไขปญั หาท่ีลกู ค้าช่ืนชอบและต้องการ และ Mindset ของนักออกแบบ ไม่ได้มุง่ เนน้ ใน ปญั หา (Problem-focused) แตม่ ุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหา (Solution-focused) และ การกระทา (Action-focused) เพ่ือทจี่ ะสร้างสรรค์ในส่ิงทีด่ ใี นอนาคตอยา่ งไรกด็ ีมีคน และองคก์ รหลายสว่ นได้ให้นยิ ามของ Design Thinking เช่น IDEO ไดใ้ ห้คานยิ ามของ Design Thinking ว่า

35 “การคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking) เปน็ การใชส้ ่วนประกอบตา่ งๆ จากเคร่ืองมือของการออกแบบ ไม่ วา่ จะเป็นการสรา้ งความเขา้ ใจและการทดสอบเพื่อนํามาซึ่งนวัตกรรมในการแก้ไขปญั หา โดยการใชก้ าร คดิ เชงิ ออกแบบน้ันจะมีพื้นฐานจากการตดั สินใจจากสิ่งท่ลี กู ค้าจะตอ้ งการในอนาคต ซึ่งจะไมอ่ า้ งองิ จากข้อมลู ใน อดีตหรือ การใชส้ ัญชาติญาณในการตัดสินใจแทนทก่ี ารใช้หลักฐานท่ีเกดิ ข้นึ ” การคิดเชิงออกแบบเป็นกระบวนการเพ่อื แก้ไขปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ซ่ึงจะต้อง ทําซํา และมีกระบวนการ ของการค้นหา การหาไอเดยี การทดลองและทดสอบ ซง่ึ จะทาการใช้ผ่านเครื่องในการ ออกแบบซงึ่ จะทาให้มองเหน็ อยา่ งลึกซ้ึงท่ีสามารถท่จี ะได้มาซึ่งแนวทางท่ีเปน็ นวัตกรรมใหม่ โดยการคิดเชิงออกแบบสามารถท่จี ะใชไ้ ด้ใน หลากหลายองค์กรไมว่ า่ จะเป็นภาคธรุ กจิ หรอื แม้แตภ่ าครฐั การคิดเชิงออกแบบเปน็ แนวคิด ทแ่ี กนหลกั คอื “มนษุ ย์ จะตอ้ งเปน็ ศนู ย์กลาง” (Human-Centered Approach) อย่างท่ี Tim Brown, CEO ของ IDEO ได้กล่าวไวว้ ่า “การคดิ เชงิ ออกแบบเป็นกระบวนการทใ่ี ช้มนษุ ย์(คน) เป็นศูนยก์ ลางในการสร้างนวัตกรรมซึ่งได้ออกแบบ จากเคร่ืองในการออกแบบที่ผสมผสานความตอ้ งการของคน ความเปน็ ไปได้ของเทคโนโลยีและส่งิ ที่ธุรกจิ จะตอ้ งมใี น การสร้างความสาเร็จ” เมอ่ื นาคาท้ังสองคา ระหว่าง Mindset และ Design Thinking มารวมกันกพ็ อที่จะนิยามความหมายของ Design Thinking Mindset ไดว้ า่ “เป็นความคิดและทัศนคติท่ีสามารถใช้กระบวนทางการออกแบบซ่ึงมุ่งเนน้ ในการใช้คนเป็นศนู ยก์ ลาง ใน การออกแบบเพ่ือหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาทเี่ กดิ ขึนจริง ซึ่งเกิดจากความเข้าใจอยา่ งลึกซึง นิยาม การ ระดม ความคิด การสรา้ งต้นแบบ การทดสอบ” Mindsets ของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Mindsets) ถือวา่ เป็นการออกแบบโดยใชม้ นษุ ย์ เปน็ ศูนย์กลาง ซงึ่ ไม่เหมือนกับการแก้ไขปัญหาในรปู แบบอ่ืน โดยสิ่งท่เี กิดข้ึนจากการคิดเชิงออกแบบเป็นการกระทา อยา่ งง่ายๆ การทาการทดสอบทดลอง ซึง่ อาจจะล้มเหลวช่วงต้นและบ่อยครง้ั นอกจากนี้ยังใชเ้ วลากบั สิง่ ทไี่ ม่รู้ คาตอบ แตก่ ย็ งั มุ่งทาต่อไป การคิดเชิงออกแบบจาเปน็ ท่ีจะตอ้ งคดิ เชงิ บวกและเป็นนักปฏบิ ตั ินกั ทดลองและทดสอบ และเปน็ ผู้ท่ีเรียนรู้สงิ่ ท่นี ักออกแบบเชงิ ความคิดทาคอื การทาความเข้าใจอย่างลึกซง้ึ ทาซ้าแล้วซา้ อกี และพยายาม ค้นหาสิ่งที่เปน็ แรงบนั ดาลใจในสถานท่ที ี่ไมค่ าดคดิ นักออกแบบเชิงความคดิ จะเชือ่ วา่ ทางแกไ้ ขปญั หามอี ยู่ เพยี งแต่ จะตอ้ งมุ่งมั่นและตงั้ ใจในการ หาจากคนทเ่ี ปน็ กลุ่มเปา้ หมายทจ่ี ะช่วยแกไ้ ขปัญหา ซ่ึงจะใช้กระบวนการถามคาถามที่ ถูกต้อง นักออกแบบเชงิ ความคดิ จะทาการคิดไอเดยี ท่หี ลากหลายซ่ึงบางอยา่ งทาได้บางอยา่ งทาไมไ่ ด้แต่จะสรา้ ง ไอเดียใหเ้ กดิ เปน็ รปู ธรรมทจี่ ับตอ้ งได้ซ่งึ จะสามารถทดสอบไดแ้ ละปรับปรุงไอเดียนัน้ ให้ดขี ึ้น สว่ นสุดท้ายคอื การ สร้างสรรคท์ ่ีสุดโต่งเพ่ือทจี่ ะผลกั ดนั ให้เกิดนวตั กรรมและความมัน่ ใจทจ่ี ะสร้างแนว ทางการแก้ไขปญั หาท่ีไม่เคยคิดวา่ จะมมี ากอ่ นตั้งแต่เร่ิมต้น ดว้ ยเหตุน้ีนักออกแบบเชิงความคิดจะต้องมี Mindsets ท่ี สามารถที่จะเปลย่ี นให้เปน็ การกระทา

36 Mindsets ของการคิดเชิงออกแบบทางปฏิบัติ (IDEO) ทไี่ ด้ถูกนาเสนอจากทางนักวิชาการทีส่ นใจในหวั ขอ้ Design Thinking และ Mindset จาก IDEO องค์กรทีใ่ หค้ าปรกึ ษาด้านการคดิ เชงิ ออกแบบของ Design Thinking 7 ดา้ นด้วยกนั ได้แก่ 1. Creative Confidence David Kelley มคี วามเชื่อว่าทกุ คนสามารถท่จี ะเปน็ นักออกแบบไดเ้ พยี งแต่ ว่ายังไมไ่ ด้ปลดปล่อยความสามารถของตนเองออกมา Creative Confidence เปน็ ความเช่ือวา่ ทุกๆคนมคี วามคิด สรา้ งสรรคแ์ ละความคดิ สรา้ งสรรค์ไมเ่ ป็นขีดความสามารถในการวาด การออกแบบ แต่เป็นหนทางของความเขา้ ใจ โลกนี้ ดังนั้น Creative Confidence จึงเป็น Mindset ของนกั ออกแบบทีจ่ ะสามารถกา้ วข้ามบางส่งิ บางอย่าง เช่ือ ในสงิ่ ที่เป็นสญั ชาตญิ าณ (Intuition) และสามารถตดิ ตามแนวทางการแกไ้ ขปัญหาทีย่ ังไม่มใี ครสามารถที่จะคิดออก ได้ นอกจากนีย้ งั เช่ือว่าจะสามารถคดิ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาทใี่ หญ่ได้ การสรา้ งความมนั่ ใจที่จะสรา้ งสรรค์ (Creative Confidence) จะช่วยผลักดนั และขับเคล่ือนใหเ้ กดิ การทาสง่ิ ตา่ งๆ ทดสอบและทาอยา่ งต่อเนอื่ ง ซง่ึ จะตอ้ งใช้เวลาในการท่จี ะสรา้ งและสว่ นหนงึ่ ในการทีจ่ ะไปถึงจดุ นน้ั ไดค้ ือการเชอื่ ว่ากระบวนการการออกแบบโดยใช้ คนเปน็ ศนู ย์กลางจะเปดิ เผยแนวทางการสรา้ งสรรคต์ ่อปญั หาทุกปญั หาท่เี ขา้ มา และเม่อื สามารถเร่มิ จากความสาเร็จ เล็กๆ ส่ิงทต่ี ามมาคือความสาเรจ็ ทใี่ หญ่ขน้ึ และใหญ่ขนึ้ และ สดุ ท้าย Mindset น้จี ะชว่ ยทาใหเ้ ราเป็นบคุ คลทม่ี ี ความคิดสร้างสรรค์ที่แตกตา่ ง 2. Make it Mindsets ในการ “ทา” (Make it) เป็นส่วนหน่ึงท่เี ปน็ พลังของความสามารถที่จะจบั ต้องได้ (The power of tangibility) เมอื่ สามารถทจ่ี ะทาไอเดียให้เกดิ ข้นึ มาเป็นจรงิ ได้จะช่วยทาให้ส่ิงต่างๆ เปดิ เผยออกมา มากกวา่ ทฤษฎีจะสามารถทาได้จะเห็นไดว้ า่ เม่ือส่ิงท่ีต้องการขึ้นการสรา้ งกระบวนการแก้ไขทส่ี ามารถเกดิ ผลลัพธส์ ู่ โลกน้ี เราไม่สามารถอยู่กบั สง่ิ ที่เป็นนามธรรม (abstract) ได้ดังนนั้ จะต้องทาใหเ้ กิดขน้ึ จริงและจับต้องได้นักออกแบบ ท่ีใช้คนเป็นศูนย์กลางน้นั เป็นคนทา ทดลอง และสรา้ ง ซึ่งสามารถสรา้ งอะไรบ้างอยากจากสิ่งทีท่ ้งิ แลว้ ไม่ว่าจะเหน็ กลอ่ ง กระดาษ กรรไกร จนไปถึง เครอ่ื งมือทเ่ี กี่ยวกบั Digitals นกั ออกแบบเชงิ ความคิดจะสร้างไอเดียและทดสอบ สงิ่ เหลา่ นนั้ เพราะวา่ เมื่อสร้างใหเ้ กดิ เป็นสิ่งทจี่ ับต้องได้จะทาใหเ้ หน็ โอกาส อีกทงั้ ยังทาให้เหน็ ถงึ ความสลับซบั ซ้อนที่ ไมเ่ คยคิดมาก่อน การ “ทา” เป็นแนวทางในการคดิ และช่วยทาให้มองเห็นถงึ ความเปน็ ไปได้ในการออกแบบ นอกจากนก้ี ารทาไอเดยี ใหเ้ กิดข้นึ เปน็ รูปธรรมที่จับต้องได้ส่งผลทาให้สามารถที่แชร์สิง่ เหลา่ น้ันและทาให้ทราบถงึ ผล สะทอ้ นกลับกบั สิ่งทที่ าออกมาได้ซึ่งทาให้ทราบถึงการปรบั ปรงุ ไอเดียใหด้ ีขน้ึ ต่อไป 3. Learn from Failure ความลม้ เหลวเปน็ เครื่องมอื ท่ีมศี ักยภาพมากในการเรียนรกู้ ารทดสอบสิง่ ที่ ออกแบบ ตน้ แบบ รวมไปถงึ การทดสอบสง่ิ ที่ทาออกมาจากการทดสอบเปน็ หวั ใจของการออกแบบโดยใช้คนเป็น ศูนย์กลาง ดังนั้น Mindset ของการใชค้ วามลม้ เหลวในการเรยี นร้จู ะเปน็ สว่ นสาคญั ทจี่ ะชว่ ยทาให้เกดิ การพฒั นาขน้ึ ในการออกแบบ นักออกแบบเชงิ ความคิดจะคน้ หาในการแกไ้ ขปัญหาทใ่ี หญ่และยอมรับในส่งิ ท่ลี ้มเหลวซึง่ จะทาให้ เรียนรู้จากความล้มเหลวน้นั จนมีคากล่าวท่วี ่า “Fail early to succeed sooner” หรือ “ล้มก่อนเพ่ือทีจ่ ะสาเร็จ เร็วขึน้ ” ดังนัน้ การอนุญาตตวั เองให้ลม้ เหลวไดเ้ ป็นสว่ นสาคัญในการสรา้ งการเรียนรแู้ ละความสาเรจ็ นอกจากนี้การ อนุญาตให้ล้มเหลวจะช่วยทาให้ยอมรับความเสยี่ ง และสรา้ งนวัตกรรมใหมๆ่

37 4. Empathy การเข้าใจอยา่ งลกึ ซึง้ (Empathy) ถือไดว้ า่ เปน็ กระบวนการเริ่มตน้ สาหรับการคิดเชิง ออกแบบนอกจากนี้ Empathy เป็นความสามารถในการเข้าไปยืนอยู่ในรองเทา้ คนอกี คนหน่ึง หรอื เข้าใจคนคนนนั้ อยา่ งลกึ ซ้ึง ไมว่ ่าจะเปน็ ชวี ิตของเขา การออกแบบโดยใช้คนเป็นศูนย์กลางจาเป็นจะต้องเข้าใจคนๆ นัน้ เพ่ือท่จี ะ เป็นหนทางหรือแนวทางใน การคนหาวธิ ีการแก้ไขปญั หาอยา่ งมนี วตั กรรม ส่งิ ทีน่ ักออกแบบเชิงความคิดจะตอ้ งทา ความเขา้ ไปอยู่ในสภาพของคนทต่ี อ้ งการแก้ไขปญั หา จะต้องเขา้ ใจส่งิ ท่ีเขาเปน็ อยู่ รวมไปถึงการนาเขา้ สู่ กระบวนการการออกแบบ ด้วยเหตุนี้ เอง Mindset ในดา้ น Empathy จะชว่ ยทาใหน้ กั ออกแบบมองเหน็ โลก และ โอกาสทง้ั หมดในการทาใหด้ ีข้ึนผา่ นมุมมองใหม่ที่มศี ักยภาพ 5. Embrace ambiguity การอยู่กับความกากวม (Embrace ambiguity) เปน็ ส่งิ ท่เี กิดข้ึนจากการทีน่ กั ออกแบบเชิงความคดิ เรม่ิ ต้นจากส่งิ ทีไ่ มร่ ู้คาตอบจนถึงปัญหาท่เี ขาต้องการคน้ หาเพือ่ แก้ไข ดังนนั้ การสรา้ ง Mindset ทใี่ ห้ตวั เองออกไปสโู่ ลกและพูดคุยกบั ผคู้ นที่ต้องการแกไ้ ขปัญหานั้นจะชว่ ยทาให้เปิดมุมมองใหม่ที่ยงั ไมเ่ คยรู้ได้ ทาให้ พบแนวทางการแก้ไขปญั หาท่ีไม่คาดคดิ ไดโ้ ดยการเชื่อมนั่ ว่ากระบวนการออกแบบโดยใช้คนเปน็ ศูนย์กลางจะชว่ ยชี้ ทางไปสคู่ าตอบทีเ่ ปน็ นวัตกรรม นอกจากนก้ี ารเชื่อวา่ มันมีไอเดียมากกว่าน้ัน และไม่ยึดติดกับไอเดียใดไอเดยี หน่งึ จะ ทาให้เกิดกระบวนการทขี่ บั เคล่อื นไปข้างหน้า จะเหน็ ได้วา่ หากรู้คาตอบตัง้ แต่เร่มิ ต้นมันไมส่ ามารถท่ีจะทาให้เรยี นรู้ อะไรได้และไม่สามารถท่ีจะคิดสง่ิ ทีเ่ ปน็ นวัตกรรมที่สรา้ งสรรค์ไดด้ งั นั้น Embrace Ambiguity จะช่วยทาให้เป็น อิสระเพ่อื ทีจ่ ะมุ่งเข้าหาคาตอบที่ไม่ได้เรม่ิ คิดตง้ั แตต่ น้ และช่วยผลักดนั ให้สามารถทจี่ ะสรา้ งนวัตกรรมและในทีส่ ดุ สรา้ งผลลัพธใ์ ห้เกิดขึ้นได้ 6. Optimism การคิดบวก จะช่วยทาให้เขา้ ถงึ สิ่งทเี่ ป็นไปได้โดยเฉพาะไอเดยี ที่ยังไม่รู้คาตอบ แตค่ าตอบ นน้ั ยังตง้ั อยู่ เพือ่ ทจี่ ะหาพบได้ในการที่จะขับเคลอ่ื นเพ่ือค้นหาคาตอบ การคดิ บวก(Optimism)จะทาให้เกิดความคดิ สรา้ งสรรคท์ ี่มากกวา่ กลา้ ท่จี ะผลกั ดันให้ขับเคลอ่ื นไปข้างหน้า สง่ิ ทเ่ี กดิ ขึ้นคอื การคิดบวกทาให้นกั ออกแบบเชงิ ความคิดอดทนท่ีจะคน้ หาและผา่ นอปุ สรรคต่างๆได้ซ่ึงแน่นอนว่าอปุ สรรคเ์ ปน็ สง่ิ ที่ไมป่ รารถนา แตบ่ ่อยครบั นัก ออกแบบพบว่าอุปสรรคเหลา่ นัน้ ช่วยผลักดนั ทาใหเ้ กดิ การสร้างแนวทางการแก้ไขปัญหาท่คี าดไมถ่ ึง ดังนัน้ ความเชื่อ ในการคดิ บวกทวี่ ่า ทุกๆ ปญั หาสามารถแกไ้ ขไดจ้ งึ เปน็ Mindset ของนักออกแบบเชิงความคดิ 7. Iterate, Iterate, Iterate การทาซา้ แลว้ ซา้ อีก เป็นกระบวนการท่ีสาคัญในการแก้ไขปัญหา เนือ่ งจาก การรบั ฟังปัญหาตอบกลบั จากคนทเ่ี ข้าไปแกไ้ ขปัญหานัน้ เป็นสว่ นสาคัญทจ่ี ะชว่ ยทาใหเ้ กิดการแก้ไขปัญหาอยา่ งมี นวัตกรรม ด้วยเหตุนกี้ ารทาซ้า การกล่นั กรอง การปรับปรุงใหด้ ีข้ึนจะช่วยทาให้สามารถท่ีคิดไอเดยี ใหม่ได้มากข้นึ การพยายามทาลองแนวทางหลายๆ ทางจะชว่ ยปลดปลอ่ ยความคิดสร้างสรรคห์ รือแม้กระทั้งสามารถคน้ หาวิธกี ารได้ เร็วมากขึน้ นอกจากน้ีการทาซา้ จะชว่ ยทาให้ประมาณตัวเอง ยอมรับฟงั คาตอบสนอง และฝึกฝนตัวเองในการคิด ไอเดียใหมห่ ลงั จากผ่านการทดลองหรอื ข้ันตอนในการคิดเชงิ ออกแบบ การคิดคร้งั แรกให้สมบูรณ์ (Perfect) ไม่มีอยู่ ในการคดิ เชิงออกแบบ แตก่ ระบวนการในการสรา้ ง ทดสอบ และทาซา้ จะชว่ ยใหไ้ อเดียทเ่ี กดิ ข้ึนดีขึ้นทุกคร้ังที่ทา ใหม่ ด้วยเหตุนี้ Mindset นี้ ชว่ ยส่งเสรมิ ทาให้สามารถที่ค้นหาสิ่งใหม่ ยอมรับความผิดหรือล้มเหลวเดมิ และทาใหม่ จนไปถึงจุดทส่ี ามารถ สรา้ งสรรคส์ ่งิ ทเ่ี ป็นนวัตกรรมในการออกแบบไดใ้ นทสี่ ุด

38 นักออกแบบทมี่ ีสว่ นเกี่ยวข้อกับ Design Thinking ไดน้ าเสนอว่า Mindsets ของการคิดเชิงออกแบบมี ทงั้ หมด 11 ดา้ น โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี 1. Empathetic toward people’s needs and context การสร้างความเข้าใจอย่างลกึ ซ้ึงกบั ความ ต้องการของคนและบรบิ ทของคนเปน็ ส่วนสาคัญของการออกแบบ โดยใชม้ นษุ ย์หรอื คนเป็นศูนย์กลาง (Human- Centered Design) ซง่ึ ข้อได้เปรยี บสาคัญของการออกแบบที่นาไปสกู่ ารสร้างนวตั กรรม และโอกาสในการ สร้างสรรคส์ ่งิ ใหม่ Empathy เปน็ ความสามารถทจ่ี ะมองเห็นและรบั รถู้ ึงประสบการณ์ผา่ นการมอง สงั เกต คนอีกคน หน่งึ และทราบได้วา่ คนๆ นัน้ ทาอะไรและทาไปทาไม กระบวนการเข้าใจอยา่ งลึกซ้งึ นนั้ อาจจะทาได้ผ่านการทางาน ร่วมกนั การรับฟัง การสงั เกต เป็นตน้ 2. Collaboratively geared and embracing diversity การเปดิ รับความแตกต่างเพื่อสรา้ งความ ร่วมมือกันในการทางานเปน็ Mindset ท่ีจะช่วยทาใหเ้ กดิ โครงการ นวตั กรรมใหม่ เน่ืองจากวา่ ทมี งานในการ ออกแบบเชงิ ความคิดจะตอ้ งมาจากหลากหลายสาขา ประสบการณ์และ ความสามารถ ทาใหค้ นท่ีเข้ามารว่ มงานกัน จะมีความสามารถทจี่ ะเข้าร่วมงานกบั คนอื่นไดเ้ ปน็ ทีมและสามารถทีจ่ ะ เผชิญการเปลยี่ นแปลงเชงิ พลวัตท่ีเกิดข้ึนใน ทีม นอกจากนจี้ ะตอ้ งเขา้ ใจถึงการทางานร่วมกันคนท่ีแตกตา่ งในแง่ของ ลักษณะนสิ ัย ความสามารถ วธิ กี ารทางาน ซ่ึงจะสร้างประโยชนแ์ ละความได้เปรียบในการสร้างสรรคง์ านตอ่ ไป นอกจากนี้ Mindset ทย่ี อมรับความแตกต่างจะ ช่วยทาใหส้ ร้างนวตั กรรมท่ดี ีกว่าคนทเ่ี หมือนกนั ดังนัน้ ความ หลากหลายและแตกตา่ งที่เกดิ ขึน้ ในทมี จะเกิดการ แลกเปล่ียนไอเดียและจดุ ประกายมมุ มองทีห่ ลากหลายจะช่วย ส่งเสรมิ ทาให้เกดิ การออกแบบทีม่ ีนวัตกรรม

39 3. Inquisitive and open to new perspectives and learning การอยากรู้อยากเห็นและการเปิดสู่ มุมมองใหม่และการเรียนรูใ้ หมถ่ อื วา่ เป็น Mindset ในการคน้ หา แสวงหา หนทางในการแกไ้ ขปัญหา ในขณะทน่ี กั ออกแบบเชงิ ความคิดจะตอ้ งจัดการกับระดบั ความไม่แน่นอนท่ีสูง เนอ่ื งจาก กระบวนการคน้ หาการเรยี นรผู้ ่านการ ค้นหา (Exploring) การทดลอง (Experimenting) การทดสอบ (Testing) และ การรวบรวมขอ้ มูลจากหลากหลายผู้ มสี ่วนได้ส่วนเสยี (Stakeholders) Mindset ในดา้ นนีจ้ ะชว่ ยเป็นส่วนหนึ่งในการ ค้นหา และสรา้ งการทดสอบเลก็ ๆ จากหลากหลายมุมมองเพื่อที่จะสร้างสรรคต์ น้ แบบทีส่ ามารถทดสอบสมมตุ ิฐาน ตา่ งๆ ได้นอกจากน้ีการเปดิ มมุ มอง และการอยากทจี่ ะเรยี นรู้ส่งิ ใหม่เปน็ Mindset ที่จะชว่ ยทาใหก้ า้ วเข้าส่กู ารคน้ หาที่ แท้จริงและเปน็ ส่วนสาคญั กบั การออกแบบเชงิ ความคิด 4. Mindful of process and thinking modes การมีสติต่อกระบวนการและความคดิ เปน็ การสร้าง ความตระหนักตอ่ การทางานท่ีจะต้องทา ทาไมต้องทา อยา่ งนนั้ และทาอยา่ งไร เมื่อเรามีสติต่อการทางานท่ีจะแก้ไข ปญั หาโดยการคดิ เชงิ ออกแบบแลว้ จะชว่ ยทาใหเ้ รา ทราบและรถู้ งึ ขนั้ ตอนในกระบวนการ ทราบถึงเปา้ หมายในทุก ช่วงเวลา ด้วยเหตุทีว่ า่ ขัน้ ตอนในการคิดเชิงออกแบบน้นั มีกระบวนการท่ีขัดแยง้ กนั ไม่ว่าจะเป็นการคิดเชงิ รวบรวม (Convergence) และการคิดเชงิ แตกแยก (Divergence) ซึง่ เป็นกระบวนการทีเ่ ลอื กทางเลอื ก และสร้างทางเลือก ตามลาดับ สติตอ่ กระบวนการและความคิดจะช่วยทาให้ ทราบถงึ กระบวนการ หรือทราบถึง รวู้ า่ รอู้ ะไร ใน กระบวนการนั้นๆ ดงั น้นั Mindset ในการมีสติการตระหนักรถู้ ึง กระบวนการและความคิดน้ัน จะชว่ ยทาให้การ ออกแบบเชิงความคดิ เคลอ่ื นไปขา้ งหน้าได้ 5. Experiential intelligence การเรยี นรู้จากประสบการณม์ สี ่วนคล้ายคลึงกบั การทดสอบและการทา จริงให้ออกเป็นรปู ธรรม Mindset ในการชนื่ ชอบทจ่ี ะทดลองไอเดียและสร้างสง่ิ ที่เป็นจริง เปน็ สว่ นสาคัญในการ เปลย่ี นแปลงแนวคดิ ในการออกแบบที่ไมส่ ามารถจับต้องไปไปสู่สง่ิ ที่สามารถจับต้องได้การทาส่ิงนจ้ี ะชว่ ยสรา้ งความ เขา้ ใจ และสามารถท่ีจะสือ่ สารสิ่งที่กาลังออกแบบให้กับคนได้อยา่ งง่ายมากขนึ้ ร่วมไปถงึ ช่วยสนบั สนนุ การไดร้ ับการ ตอบสนองกลับท่ีจะเปน็ ข้อมูลท่ีสาคัญในการแก้ไขและพฒั นาการออกแบบให้ดียิง่ ข้นึ 6. Taking action deliberately and overt การทาอยา่ งตั้งใจและชดั เจน เปน็ Mindset ทคี่ ลา้ ยกบั Make it ท่กี ลา่ วมาข้างตน้ “Bias toward action” สะท้อนใหเ้ ห็นถึงการมุ่งเนน้ พฤติกรรมของการทา มีบุคคลท่ี สาเร็จในวงการธุรกิจหลายคนมักจะกลา่ วคาเปรียบเทียบ ท่ีว่า “อย่ามวั แต่รา ให้ชกเลย” การทาสะทอ้ นถงึ ความ ตง้ั ใจและชัดเจนกับสิ่งทค่ี ิด และแนน่ อนว่าเมื่อทาไปแลว้ ไม่มอี ะไรสมบูรณ์ท้งั หมด 100% หากแตว่ า่ เมื่อทาแล้วจะทา ให้ทราบวา่ มอี ะไรผดิ จากท่ีได้ตัง้ สมมตฐิ านไว้มีอะไรท่ีจะต้อง แกไ้ ข และการ “ทา” จะทาใหเ้ ราเข้าใจถึงกระบวนการ ใช้หรือเข้าใจถงึ สงิ่ ที่ออกแบบมาได้อย่างชดั เจน

40 7. Consciously creative การสร้างสรรค์อยา่ งตัง้ ใจ เป็นกระบวนการสร้างความมนั่ ใจว่าทกุ คนสามารถ ที่จะมแี นวคดิ อย่างสรา้ งสรรค์ได้ การสง่ เสรมิ ทีมงาน เพื่อนรว่ มงานให้เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์จะชว่ ยทาใหส้ ร้าง สภาพแวดลอ้ มในองค์กรให้เกิดความคดิ สร้างสรรค์ 8. Accepting of uncertainty and open to risk ยอมรับความไมแ่ นน่ อนและเปิดใจให้กับความเส่ียง เป็นสว่ นสาคัญทีจ่ ะต้องเข้าใจว่าจะเกิดข้นึ ในการค้นหาในสิ่งที่ไม่รู้และกาลังต้องการหาคาตอบในสภาพแวดล้อมและ สถานการณ์ที่มีความสลบั ซับซ้อนที่ต้องเขา้ ใจความตอ้ งการของคนและผู้ใช้หลายๆ ครัง้ ผ้ใู ช้ยังไม่ทราบวา่ ตนเอง ตอ้ งการอะไร ความเสย่ี งและความไม่แนน่ อนเกิดข้นึ อย่ตู ลอดเวลาในกระบวนการคิดเชิงออกแบบ ดงั นน้ั Mindset ทีจ่ ะยอมรบั สง่ิ ตา่ งๆทไี่ ม่สามารถคาดคะเนไดจ้ ะเปน็ ส่วนหน่ึงท่สี ามารถทาให้กระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบเดนิ ต่อไป ได้ 9. Modelling behavior นกั ออกแบบเชงิ ความคิดจะต้องมี Mindset ทจ่ี ะสามารถรไู้ ด้ถึงสิง่ ท่ีต้องการใน โครงการตา่ งๆ ท่ีกาลังทาการสรา้ งโมเมนตัมของโครงการและการรวมรวบคนเป็นส่วนสาคัญทจ่ี ะผลักดันโครงการไป ขา้ งหน้าได้อย่างสร้างสรรค์ การชว่ ยส่งเสริมทมี งานให้เกิดการออกแบบและสรา้ งความคิดสรา้ งสรรคน์ นั้ มาจาก พฤติกรรมและทัศนคตทิ ่เี ปน็ บวก อาจจะกลา่ วไดว้ า่ Mindset นี้มสี ว่ นคล้ายคลงึ กับ Optimism 10. Desire and determination to make a difference ความปรารถนาและต้องการทจ่ี ะทาในส่ิงท่ี แตกตา่ งออกไป เปน็ Mindset ทีจ่ ะสรา้ งสรรค์สิ่งใหมท่ ่ีไม่เคยมมี าก่อน Mindset นี้มสี ว่ นสัมพันธก์ บั ความคิดเชงิ บวก แตค่ วามปรารถนาทีจ่ ะค้นหาโอกาสท่สี ร้างการเปล่ียนแปลงทีม่ ีผลลัพธ์ ในเชิงบวกนัน้ จะเปน็ ส่วนหน่งึ ท่ีทาให้ นกั ออกแบบเชิงความคิดตอ้ งการ ดังนั้น Mindset น้จี งึ เป็นส่วนกระตนุ้ ท่ีสาคัญท่ีจะทาใหก้ ารออกแบบที่ออกมานั้น เปน็ ส่งิ ทีเ่ กิดการเปลีย่ นแปลง 11. Critically questioning การตั้งคาถามทีส่ าคัญเป็นส่วนประกอบของกระบวนการการคดิ เชิง ออกแบบท่ีมขี นั้ ตอนในการเข้าใจ การนิยาม รวมไปถงึ การทดสอบ รวมไปถึงข้อมูลตา่ งๆ ล้วนแล้วมาจากการตง้ั คาถาม ซ่ึงเปน็ ความสามารถท่ีจะเปิดมุมมองใหมก่ บั ความเป็นไปได้โดยเฉพาะชว่ งเรม่ิ ตน้ และ Mindset นมี้ ีบทบาท ทส่ี าคญั เนอ่ื งจากวา่ จะช่วยทาให้ไอเดยี ไมถ่ กู กดดันโดยไมไ่ ดม้ ีการทดสอบ ซงึ่ ไอเดียที่ดีจะสามารถอยรู่ อดจากการตัง้ คาถาม ตา่ งๆ และพัฒนาไปสผู่ ลลพั ธ์ท่ยี ิง่ ใหญ่

41 ประโยชนข์ องระบบการคิดเชิงออกแบบ การคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) มปี ระโยชนม์ ากมาย ทัง้ ต่อบุคลากรไปจนถงึ องค์กรเลย ทเี ดียว ซง่ึ ประโยชน์ในดา้ นตา่ งๆ นั้นมีดงั นี้ ฝกึ กระบวนการแก้ไขปัญหาตลอดจนหาทางออกท่ีเป็นลาดับขั้นตอน : ปกตเิ ราอาจจะมีการหาทาง แก้ปญั หาแบบสะเปะสะปะ ไมม่ ีการหาสาเหตุ หรือไม่มีการมองรอบดา้ น กระบวนการน้ีจะทาให้เรามองอยา่ ง รอบคอบและละเอยี ดมากขน้ึ ทาให้เราเขา้ ใจปัญหาไดอ้ ย่างถอ่ งแท้ และแก้ไขไดต้ รงจุด มีทางเลือกที่หลากหลาย : การคดิ บนพืน้ ฐานขอ้ มูลทีม่ หี ลากหลาย ตลอดจนพยายามคิดหาวิถที างหรือแชร์ ไอเดียทด่ี ีออกมาหลากหลายรูปแบบ ทาให้เรามองเห็นอะไรรอบด้าน และมีตวั เลอื กท่ีดที ่ีสุด ก่อนนาไปใชแ้ กป้ ัญหา จรงิ หรือนาไปปฎิบัติจริง มีตวั เลือกทีด่ ีที่สุด เหมาะสมที่สุด : เม่อื เรามตี วั เลอื กหลากหลายเรากจ็ ะรูจ้ ักคิดวิเคราะห์ และการคดิ วเิ คราะห์นี้เองจะทาใหเ้ ราสามารถเลือกทางเลือกทีด่ แี ละเหมาะสมท่ีสดุ ได้ มีประสทิ ธภิ าพมากกวา่ ฝกึ ความคิดสร้างสรรค์ : การแชรไ์ อเดีย ตลอดจนระดมความคดิ นัน้ จะทาใหส้ มองเราฝึกคิดหลากหลาย รูปแบบ หลากหลายวิธกี าร หลากหลายมมุ มอง และทาใหเ้ รารู้จกั หาวธิ ีแปลกๆ ใหมๆ่ ซึง่ เปน็ พน้ื ฐานในการฝกึ ความคิดสร้างสรรค์ท่ีดี ที่เปน็ พนื้ ฐานที่ดใี นการแกป้ ัญหา ตลอดจนการบริหารจัดการเชน่ กนั เกดิ กระบวนการใหม่ตลอดจนนวตั กรรมใหม่ : มีการคดิ มากมายหลากหลายรปู แบบ ตลอดจนแชรไ์ อเดีย ดีๆ มากมาย การท่เี ราได้พยายามฝกึ คดิ จะทาให้เรามกั คน้ พบวิธีใหม่ๆ เสมอ หรอื เกดิ นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาได้ เช่นกัน มีแผนสารองในการแกป้ ัญหา : การคิดทห่ี ลากหลายวธิ ีนอกจากจะทาใหเ้ ราสามารถวเิ คราะห์เลือกวธิ ีทด่ี ี ที่สุดไดแ้ ลว้ น้ันก็ยังทาให้เรามีตวั เลือกสารองไปในตวั โดยผ่านกระบวนการลาดับความสาคัญมาเรยี บร้อยแลว้ ทาให้ เราสามารถเลอื กใช้แก้ปัญหาไดท้ ันท่วงทีหากวิธกี ารทเ่ี ลือกไมป่ ระสบความสาเร็จ องคก์ รมกี ารทางานอย่างเป็นระบบ : เมื่อบุคลากรถกู ฝึกให้คิดอยา่ งเป็นระบบแบบแผนแล้วจะปลูกฝงั ระบบการทางานที่ดี นนั่ ย่อมสง่ ผลใหอ้ งค์กรมกี ารทางานอย่างเปน็ ระบบ และทางานได้มปี ระสิทธิภาพมากขน้ึ ดว้ ย เพ่มิ ศักยภาพให้กบั บุคลากรและองค์กรไปในตวั

42 กระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ การทาความเข้าใจในข้นั ตอนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) จะสามารถทาให้เราลาดบั การปฏิบตั ิการ ตลอดจนรู้วธิ คี ิดและกระบวนการในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ไปจนถงึ สามารถสรา้ งนวตั กรรมหรอื ผลลัพธ์เพ่ือมาตอบโจทย์ท่ีต้องการได้ ซ่ึงกระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) ใน รปู แบบสากลน้นั มีการสรา้ งสรรค์ขน้ึ มาได้อย่างน่าสนใจและเป็นข้ันตอนดังนี้

43

44

45

46 วิธเี ร่ิมตน้ การคดิ เชิงออกแบบ 4 วธิ งี า่ ยๆ เร่ิมต้นทา Design Thinking หรือ การคิดเชิงออกแบบ มีดงั นี้ 1. รวบรวมข้อมลู เชงิ ลึกโดยฝกึ การเอาใจใส่ การสังเกต และการสัมภาษณ์ การทาความรูจ้ ักลูกค้าของคุณ เป็นข้นั ตอนแรกในการสรา้ งสนิ คา้ และบริการท่ีพวกเขาต้องการและมี ความจาเป็นกบั พวกเขาจริงๆ อยา่ พยายามคิดว่า คุณรู้อยู่แลว้ ว่าพวกเขาคดิ หรือรู้สกึ อย่างไร (อย่าคดิ ไปเอง) การ รวบรวมขอ้ มลู เก่ยี วกับผูบ้ ริโภค เปน็ สว่ นสาคญั ของการคดิ เชิงออกแบบ 2. ลองสรา้ งตน้ แบบครา่ วๆ เพ่อื เรียนรูเ้ ก่ยี วกับความตอ้ งการท่ียงั ไมไ่ ด้รบั การตอบสนองใหเ้ หน็ ภาพมากขึ้น อาจทาการสร้าง ต้นแบบ (Prototype) คร่าวๆดว้ ยปากกากับกระดาษ หรืออะไรก็ได้ท่ีคณุ สะดวกและหาไดง้ า่ ย เพ่ือจาลองแนวคดิ และฟังคาตชิ มทีจ่ ะช่วยให้คณุ เขา้ ใจความต้องการของลกู ค้าได้ดยี ่งิ ขึ้นก่อนท่จี ะเร่ิมลงทุนการผลติ 3. เปล่ยี นปัญหาใหเ้ ปน็ คาถาม เมอ่ื เกดิ ปัญหาใหห้ าทางแก้ไขทนั ที พยายามเปลย่ี นแนวคิดของคุณและถามคาถามกับปญั หาที่เกดิ ขึ้น เพื่อหาทางปรับปรงุ แก้ไข พัฒนาใหด้ ขี ้ึนอยู่เสมอ อาจทาใหค้ ุณพบจดุ ทท่ี าใหเ้ กิดปญั หาอยา่ งแท้จริงเร็วขึ้นก็ได้ เช่น บริษทั หนงึ่ มปี ัญหาเร่ืองการรักษาจานวนพนักงาน แทนทจ่ี ะมุ่งเนน้ แต่เรื่องการปรบั ปรุงอตั ราการรักษาพนักงาน ไว้ พวกเขาได้ต้งั คาถามกบั ปัญหาน้วี า่ องค์กรเราจะสร้างประสบการณ์การทางานทดี่ ีขึ้นของพนักงานได้อย่างไร? การใหค้ วามสาคัญกับความต้องการทแี่ ท้จริงของพนักงานน้ี ทาใหอ้ งคก์ รค้นพบข้อมลู เชงิ ลึกที่สามารถนาไปสู่ ทางออกของปัญหาทดี่ ีขึน้ ได้ 4. วิจัยค้นคว้าทาความเข้าใจอดตี ปจั จุบนั และอนาคต โดยท่วั ไปประเภทของการวิจัยท่ีคุณสามารถทาได้ จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ การวิจยั ท่วั ไป การวิจัยเชงิ ประเมนิ การวิจยั เชงิ ตรวจสอบความถูกต้อง การวจิ ยั ทวั่ ไป จะชว่ ยระบุโอกาสใหมๆ่ และเป็นการสารวจความตอ้ งการตา่ งๆ ส่วนการวิจัยเชิง ประเมนิ จะรวบรวมข้อเสนอแนะเกยี่ วกับการทดลองและช่วยใหค้ ณุ นาไปทาซ้าต่อไดใ้ นภายหน้า ซึ่งการวิจัยท้ังสอง ประเภทนมี้ งุ่ เนน้ ไปท่ีอนาคตและแนวคดิ ใหม่ๆ ในขณะท่ีการวิจัยเชิงตรวจสอบความถกู ต้องซึง่ เปน็ การวจิ ยั ตลาด แบบด้งั เดมิ มีวัตถุประสงค์เพ่ือทาความเขา้ ใจกบั สง่ิ ท่ีเกดิ ข้ึนในปัจจบุ ันเท่าน้นั ************************


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook