แบบฝึ กทกั ษะโปรแกรมภาษา Python จุฬาลักษณ์ ถาไชยลา ภาควชิ าคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ วทิ ยาลยั อาชีวศึกษามหาสารคาม
แบบฝึ กทกั ษะท่ี 3 ชนดิ ข้อมูลสตริง (String) ครูจุฬาลกั ษณ์ ถาไชยลา ******************* รู้จักกบั ชนิดข้อมูลสตริง (String) ตัวอย่างที่ 1 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมประกาตัวแปรเกบ็ ชนิดข้อมูลสตริง ผล RUN
ตัวอย่างที่ 2 การแปลงชนิดข้อมูลจานวนเต็มเป็ นชนิดข้อมลู สตริง ด้วยฟังก์ช่ัน srt( ) ผล RUN
ตัวอย่างท่ี 3 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมดาเนินการกบั ชนดิ ข้อมลู สตริง เมื่อ Run โปรแกรมจะแจง้ เตอื นขอ้ ผดิ พลาด เนื่องจากคา่ ตวั แปร num ถูกแปลงเป็นชนิดขอ้ มลู สตริง ซ่ึงไม่สามารถ ดาเนินการบวกกบั ตวั แปร num1 ซ่ึงเป็นชนิดขอ้ มูลจานวนเตม็ ได้ แกไ้ ขโปรแกรม ไม่ตอ้ งแปลงชนิดขอ้ มูลของตวั แปร num ผล RUN
การเช่ือมต่อสตริง ตัวอย่างที่ 4 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมเชื่อมชนดิ ข้อมูลสตริงเข้าด้วยกนั ผล RUN ตัวอย่างท่ี 5 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมทาซา้ ชนิดข้อมลู สตริง ตามจานวนคร้ังที่กาหนด ผล RUN
ตัวอย่างที่ 6 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมแสดงจานวนอกั ขระในข้อความ ด้วยฟังก์ช่ัน len( ) ผล RUN
การควบคุมแสดงผลทางจอภาพ (Control output) ตัวอย่างท่ี 7 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมแสดงผลข้อความแบบหลายบรรทดั ผล RUN ตวั อย่างท่ี 8 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมทม่ี ขี ้อความหลายบรรทดั แต่กาหนดให้แสดงผลในบรรทดั เดยี ว ผล RUN
ตัวอย่างที่ 9 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมใช้รหัสพเิ ศษควบคุมการแสดงผลชนดิ ข้อมูลสตริง ผล RUN
การจดั รูปแบบการแสดงผล (Formatting) 1. การจดั รูปแบบแสดงผลโดยใช้เคร่ืองหมาย % print(“str1: %s, str2: %f, str3:%d” %(Argu1, Argu2, Argu3)) 2. การจดั รูปแบบแสดงผลโดยใช้เคร่ืองหมาย {} และ (:) โดยเรียกใช้ฟังก์ชั่น format() 2.1 การอ้างองิ ตาแหน่งอาร์กวิ เมนต์ print(“str1: {p0}, str2: {p1}, str3:{p2}” .format(p0, p1, p2)) 2.2 การใช้ keyword อ้างองิ ตาแหน่งอาร์กวิ เมนต์ print(“str1: {p0}, str2: {p1}, str3:{p2}” .format(p0, p1, p2)) สัญลกั ษณ์การจดั รูปแบบชนดิ ข้อมูลสตริง (String Format Symbol) %d: แสดงค่าจานวนเตม็ %f: แสดงค่าจุดทศนิยม %s: แสดงผล string %c: แสดงผล อกั ขระ (character) %o: แสดงผลเลขฐานแปด %x: แสดงผลเลขฐานสิบหก
ตัวอย่างที่ 10 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมจดั รูปแบบแสดงผลโดยใช้เคร่ืองหมาย % กบั เครื่องหมาย { } ผล RUN ตวั อย่างที่ 11 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมจดั รูปแบบแสดงผลอ้างองิ ตามตาแหน่งค่าอาร์กวิ เมนต์ ผล RUN
ตวั อย่างท่ี 12 การเขยี นคาสั่งจดั รูปแบบการแสดงผลโดยใช้เครื่องหมาย { } ผล RUN ตวั อย่างท่ี 13 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมจดั รูปแบบแสดงผลอ้างองิ ตามตาแหน่งค่าอาร์กวิ เมนต์ ด้วยเคร่ืองหมาย % ผล RUN
ตัวอย่างที่ 14 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมจดั รูปแบบแสดงผล ด้วยฟังก์ช่ัน format() โดยอ้างองิ ตาม ตาแหน่งค่าอาร์กวิ เมนต์ ผล RUN ตวั อย่างที่ 15 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมจดั รูปแบบแสดงผล ด้วยฟังก์ชั่น format() โดยอ้างองิ ตาแหน่ง คยี ์เวริ ์ด ผล RUN
การจดั รูปแบบการแสดงผลด้วย f-string print (f ”…. { } …. { } …. { } “) ตวั อย่างที่ 16 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมจดั รูปแบบแสดงผล ด้วย f-string ผล RUN
การจัดตาแหน่งแสดงผลข้อความ สัญลกั ษณ์กาหนดตาแหน่งรูปแบบแสดงผลข้อความ สัญลกั ษณ์ ความหมาย < ใช้จัดรูปแบบแสดงผลให้อยู่ทางด้านซ้ายมือ > ใช้จดั รูปแบบแสดงผลให้อยู่ทางด้านขวามือ = ใช้กาหนดช่องว่างหน้าข้อความ และใช้ได้กับเฉพาะตวั เลขเท่าน้ัน ^ ใช้จัดรูปแบบให้อยู่กึง่ กลาง ตวั อย่างท่ี 17 การจดั ตาแหน่งแสดงผลข้อความ ผล RUN
สัญลกั ษณ์กาหนดเครื่องหมายชนดิ ข้อมูลจานวนเต็ม สัญลกั ษณ์ ความหมาย + ใช้จดั รูปแบบแสดงผลให้มเี คร่ืองหมาย + อยู่ด้านหน้า - ใช้จัดรูปแบบแสดงผลให้มีเคร่ืองหมาย - อยู่ด้านหน้า ใช้กาหนดช่องว่างหน้าข้อความ space ตัวอย่างท่ี 18 การจดั รูปแบบแสดงผลเคร่ืองหมายหน้าชนดิ ข้อมูลจานวนเต็ม ผล RUN
เมธอดทีใ่ ช้กบั ชนิดข้อมูลกลุ่มอกั ขระหรือสตริง เมธอดการเปลยี่ นลกั ษณะสตริง เมธอด ความหมาย รูปแบบการใช้งาน capitalize() ใช้สาหรับแปลงตวั อกั ษรแรกของประโยคให้เป็ น str.capitalize() lower() upper() ตวั อกั ษรพิมพ์ใหญ่ title() ใช้เปลีย่ นสตริงให้เป็ นตวั อกั ษรพิมพ์เล็กท้งั หมด str.lower() ใช้เปลีย่ นสตริงให้เป็ นตัวอกั ษรพมิ พ์ใหญ่ท้ังหมด str.upper() ใช้เปลี่ยนตัวอักษรแรกของแต่ละคาให้เป็ น str.title() ตวั อกั ษรพมิ พ์ใหญ่ ตวั อย่างท่ี 19 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมเปลยี่ นลกั ษณะสตริง ผล RUN
เมธอดการจดั ตาแหน่งสตริง เมธอด ความหมาย รูปแบบการใช้งาน center() str.center(width, [, fillchar]) ljust() ใช้สาหรับจัดข้อความให้อยู่ตรงกลาง str.ljust(width, [fillchars]) rjust () ใช้สาหรับจัดสตริงให้ชิดซ้าย str.rjust(length, [fillchars]) ใช้สาหรับจัดสตริงให้ชิดขวา ตัวอย่างที่ 20 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมตรวจสอบตวั เลขภายในชนดิ ข้อมูลสตริง ผล RUN
เมธอดสาหรับตรวจสอบสตริง เมธอด ความหมาย รูปแบบการใช้งาน str.isalnum( ) isalnum() คนื ค่า True ถ้าสตริงประกอบด้วยตัวอกั ษรปนกบั ตัวเลข หรือ str.isalpha( ) แค่ตัวอกั ษร ตัวเลขอย่างใดอย่างหน่ึง str.isdgit( ) str.isdecimal( ) ถ้ามีสัญลักษณ์อ่ืนหรือช่องว่าง คนื ค่า False str.isnumber( ) str.islower( ) isalpha() คืนค่า True ถ้าสตริงประกอบด้วยตวั อกั ษรท้งั หมด str.isupper( ) str.istitle( ) ถ้ามีสัญลกั ษณ์ ตัวเลข หรือช่องว่าง คนื ค่า False str.isspace( ) isdigit() คืนค่า True ถ้าสตริงประกอบด้วยตวั เลขท้งั หมด ถ้ามตี วั อักษร สัญลักษณ์ หรือช่องว่าง คืนค่า False isdecimal() ใช้สาหรับตรวจสอบตวั เลข แสดงผลเหมือน isdigit() isnumber() ใช้สาหรับตรวจสอบตวั เลข แสดงผลเหมือน isdigit() islower() คืนค่า True ถ้าสตริงประกอบด้วยตวั อกั ษรพิมพ์เล็กท้ังหมด ถ้ามตี วั อกั ษรพมิ พ์ใหญ่ประกอบด้วยจะ คืนค่า False isupper() คนื ค่า True ถ้าสตริงประกอบด้วยตัวอกั ษรพิมพ์ใหญ่ท้ังหมด ถ้ามีตัวอกั ษรพมิ พ์เลก็ ประกอบด้วยจะ คืนค่า False istitle() คืนค่า True ถ้าตวั อกั ษรตัวแรกแต่ละคาในสตริงเป็ นตวั พมิ พ์ ใหญ่ ถ้าขนึ้ ต้นด้วยตวั อักษรพิมพ์เลก็ จะคนื ค่า False isspace() คืนค่า True ถ้าสตริงเกบ็ ค่าว่าง ถ้ามขี ้อมูลอยู่ จะคนื ค่า False ตัวอย่างท่ี 21 การเขยี นคาส่ังโปรแกรมตรวจสอบสตริง ผล RUN
เมธอดสาหรับการนบั ค่า ค้นหา และแก้ไขสตริง รูปแบบการใช้งาน str.count(x, start, stop) เมธอด ความหมาย str.endswith(x, start, stop) count() ใช้สาหรับนับจานวนตวั อกั ขระหรือคาในสตริง str.find(x, start, stop) endswith() คนื ค่า True ถ้าลงท้ายด้วยตวั อกั ษรทร่ี ะบุ str.index(x, start, stop) str.startswith(x, start, stop) ถ้าไม่ตรงกบั ทีร่ ะบจุ ะ คนื ค่า False str.rfind(x, start, stop) find() ใช้ค้นหาตาแหน่งอกั ขระที่ระบใุ นสตริง str.replace(old, new[, count] ถ้าไม่พบ คนื ค่าเป็ น -1 old = ข้อความเดมิ , new = ข้อความใหม่, index() ใช้สาหรับแสดงตาแหน่งข้อความในสตริง count = จานวนคร้ังทตี่ ้องการ แทนทจี่ ะระบุหรือไม่กไ็ ด้ startswith() คืนค่า True ถ้าขึน้ ต้นด้วยตวั อกั ษรที่ระบุ ถ้าไม่ตรงกบั ท่รี ะบุจะ คนื ค่า False rfind() ใช้ค้นหาตาแหน่งอักขระทีร่ ะบใุ นสตริง จะแสดง ตาแหน่งสุดท้ายทีค่ ้นพบ ถ้าไม่พบ คนื ค่าเป็ น -1 replace() ใช้แทนท่ีข้อความทตี่ ้องการตามทร่ี ะบุ ตวั อย่างท่ี 22 การเขยี นคาสั่งโปรแกรมการตรวจสอบ การแสดง และการนับตาแหน่ง ผล RUN
เมธอดสาหรับรวม แยก และตดั สตริง เมธอด ความหมาย รูปแบบการใช้งาน join() str.join(seq) lstrip() ใช้สาหรับเช่ือมสตริงท่เี ป็ นชนิดเรียงลาดับให้ต่อกัน str.lstrip([chars]) partition() ใช้สาหรับลบช่องว่างหรืออกั ขระด้านซ้ายของสตริง strpartition(x) rstrip() ใช้แยกสตริง ผลลัพธ์ทไี่ ด้เกบ็ ในรูปแบบชนิดข้อมูลทูเพลิ str.rstrip([chars[) split() ใช้ตดั ช่องว่างหรืออกั ขระด้านหลัง(ขวา) ของสตริง str.split(sep) strip() ใช้สาหรับแยกข้อความ ผลลัพธ์ทไ่ี ด้อย่ใู นรูปแบบข้อมูลลสิ ต์ str.strip([chars[) ใช้สาหรับลบข้อความหรือตวั อักขระและช่องว่าง ท้งั ด้านหน้า และด้านหลงั ของสตริง ตัวอย่างท่ี 23 ผล RUN
การดาเนินการกบั ชนิดข้อมูลอกั ขระหรือสตริง (String Operation) ตวั อย่างที่ 24 การเขยี นคาส่ังโปรแกรม การดาเนนิ การเปรียบเทยี บกบั ชนิดข้อมลู สตริง ผล RUN
ตวั อย่างที่ 25 การเขยี นคาสั่งโปรแกรม การดาเนนิ การตรวจสอบชนดิ ข้อมูลสตริง ผล RUN ******************
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: