รายงานวิชาภาษาไทย เรื่อง สามก๊ก จัดทำโดย นางสาวกิรณา ไชยจำ เลขที่ ๑๗ นางสาวจินตมณี บุญประคม เลขที่ ๑๘ นางสาวจิราพร วงค์จันดี เลขที่ ๑๙ นางสาวปิยวรรณ จำเริญใหญ่ เลขที่ ๒๔ นางสาวศุภัชญา มุ่งไธสง เลขที่ ๒๙ นางสาวอารีรัตน์ ปู่บุตรชา เลขที่ ๓๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๗ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนนาแกสามัคคีวิทยา ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม
รายงานวิชาภาษาไทย เรื่อง สามก๊ก จัดทำโดย นางสาวกิรณา ไชยจำ เลขที่ ๑๗ นางสาวจินตมณี บุญประคม เลขที่ ๑๘ นางสาวจิราพร วงค์จันดี เลขที่ ๑๙ นางสาวปิยวรรณ จำเริญใหญ่ เลขที่ ๒๔ นางสาวศุภัชญา มุ่งไธสง เลขที่ ๒๙ นางสาวอารีรัตน์ ปู่บุตรชา เลขที่ ๓๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๗ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนนาแกสามัคคีวิทยา ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม
ก คำนำ รายฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยและวัฒนธรรม มัธยมศึกษาปีที่ ๖ เนื้อหาเรื่องสามก๊ก ตอนกวนอูไปราชการกับโจโฉ เป็นวิเคราะห์เนื้อหาและกลวิธี ในการเขียนเคราะห์การใช้ภาษาและคุณค่าที่ได้รับจากเรื่อง ทั้งเนื้อหาและข้อมูล ได้รับการรวบรวมจากหนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต โดยหาผู้จัดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับนี้จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกๆท่าน หากมีผิดพลาดประการใดทางผู้จัดทำจึงขออภัย ณ ที่นี้ ผู้จัดทำ ๒๕๖๕ Itim
สารบัญ ข หน้า คำนำ......................................................................................................ก สารบัญ...................................................................................................ข สารบัญรูปภาพ.................................................................................... ...ค ประวัติผู้แต่ง...........................................................................................๑ ที่มาของเรื่อง..........................................................................................๒ เนื้ อเรื่อง................................................................................................. ๔-๒๗ เนื้อเรื่องย่อ.............................................................................................๒๘ เนื้อเรื่องย่อ ตอน กวนอูไปราชการกับโจโฉ..............................................๒๙-๓๐ ข้อคิดและคุณค่าจากเรื่อง.......................................................................๓๑ คุณค่าด้านเนื้อหา............................................................................๓๑ -เนื้อเรื่อง....................................................................................๓๑-๓๓ -ตัวละคร....................................................................................๓๔-๓๖ -ฉาก...........................................................................................๓๖ -แก่นเรื่อง....................................................................................๓๖ คุณค่าด้านวรรณศิลป์......................................................................๓๗ -ลักษณะการประพันธุ์...................................................................๓๗ -ศิลปะการประพันธุ์......................................................................๓๗ คุณค่าด้านสังคม.............................................................................๓๘ -การเมืองการปกครอง..................................................................๓๘ -การสื่อสาร...................................................................................๓๘ -การเดินทาง.................................................................................๓๘ -การเเสดงความเคารพ..................................................................๓๙ ความรู้จากวรรณคดี..........................................................................๔๐ ข้อคิดนำชีวิต...................................................................................๔๑ บรรณานุกรม
ค สารบัญรูปภาพ ภาพที่ หน้า ๑ ภาพเรื่องสามก๊ก......................................................................................................๑ ๒ ภาพเจ้าพระยาพระคลัง...........................................................................................๑ ๓ ภาพขงเบ้ง.............................................................................................................๓ ๔ ภาพกวนอู................................................................................................................๓ ๕ ภาพเล่าปี่ .................................................................................................................๓ ๖ ภาพสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ..........................................................๓
๑ สามก๊ก ประวัติผู้แต่ง เจ้าพระยาพระคลัง นามเดิม หน เป็นบุตรของเจ้าพระยาบดินทร์สุรินทร์ฦๅชัยกับ ท่านผู้หญิงเจริญ เป็นชาวกรุงเก่าที่เจริญเติบโตรับราชการในสมัยธนบุรี มี บรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรวิชิต ตำแหน่งนายด่านเมืองอุทัยธานีในสมัยปลายธนบุรี ได้เกิดการจลาจลวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด ฟ้าจุฬาโลกมหาราชซึ่งทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ยก ทัพไปตีเขมร เมื่อได้ข่าวความวุ่นวายในพระนคร ก็รีบยกทัพกลับมาขจัดความ เดือดร้อนในแผ่นดิน หลวงสรวิชิตมีส่วนสำคัญในการช่วยราชการครั้งนั้นให้ สำเร็จลุล่วง ดังนั้นหลังจากที่ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์แล้ว พระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมให้เป็นพระยาพระคลัง
๒ ที่มาของเรื่อง สามก๊กฉบับภาษาจีน คือ จดหมายเหตุเรื่อง สามก๊ก เรียกว่า สามก๊ก ต้นจิ๋วซึ่งเป็นข้าราชการ ได้บันทึกประวัติศาสตร์จีนตอนหนึ่ง แบ่ง เนื้อหาออกเป็น ๓ เรื่อง ได้แก่ จดหมายเหตุ กวุ่ยจดหมายเหตุ ก๊กจ๊ก และจดหมายเหตุถูกง่อ ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหม็ง ล่อกวนตง (หลอ กว้านจง) ได้นำเนื้อหา จากจดหมายเหตุสามก๊กของต้นซิ่วมาเป็นแกน เรื่อง และอาศัยเค้าเรื่องจากตำนานนิทานเก่า ๆ และ จินตนาการของ ตนแต่งเรื่องให้สนุกสนานมากขึ้น มีผู้ศึกษาเปรียบเทียบสามก๊กฉบับ ภาษาจีนกับภาษาไทย หลายท่านให้ความเห็นว่า เจ้าพระยาพระคลัง (หน) แปลและเรียบเรียงสามก๊กมาจากฉบับภาษาจีน ของล่อกวนตง ที่ เป็นมรดก ในรัชกาลที่ ๑ มีพระราชดำริให้แปลหนังสือพงศาวดารจีน ๒ เรื่อง คือ ไซ่ฮั่น และสามก๊ก สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมพระราชวัง บวรสถานภิมุข (เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์) ทรงแปล ไซ่ฮั่น ส่วน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) อำนวยการแปลสามก๊ก จุดประสงค์ของผู้แต่ง เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอุบายการเมืองและการสงคราม
ลักษณะคำประพันธ์ ๓ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับ สามก๊กไว้ว่า “สำนวนหนังสือสามก๊กดีกว่า เรื่องอื่นด้วยใช้ถ้อยคำและเรียงความเรียบร้อยสม่ำเสม อ่านเข้าใจ ง่าย” ส่วนศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน แสดงทรรศนะเกี่ยว กับสามก๊กว่า “แต่ง เพราะแต่งกะทัดรัด ใช้คำพูดไม่กี่คำก็ได้ความ บริบูรณ์และเป็นสำนวนอย่างไทย อ่านแล้วเข้าใจดี” ดังนั้น ลีลาการ แต่งสามก๊กจึงมีอิทธิพลต่อการแปลวรรณกรรมจีนในสมัยหลัง ร้อยแก้วประเภทความเรียงนิทาน ได้รับยกย่องจากวรรณคดี สโมสรว่า เป็นหนังสือที่แต่งดี เป็นยอด ของความเรียงนิทาน ขงเบ้ง กวนอู เล่าปี่ สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
เนื้อเรื่อง ๔ โจโฉจึงออกจากพระราชวังกลับมาบ้านแล้วปรึกษาเทียหยกว่า ตั้ง สินกับพวกห้าคนซึ่งคิดร้ายเรานั้น เราก็ฆ่าเสียแล้ว ยังแต่เล่าปี่ กับ ม้าเท้ง เราจะคิดประการใดจึงจะได้ตัวมาฆ่าเสีย เทียหยกจึงว่า ม้า เท้ง ไปอยู่เมืองเสเหลียงนั้นมีทหารเป็นอันมาก ถ้าท่านจะยก กองทัพไปตีเอา บัดนี้เมืองเราก็เป็นกังวลอยู่ ขอให้ท่านเร่งแต่งผู้มี สติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมหาตัวม้าเท้งกลับเข้ามา อย่าให้ทันม้าเท้งรู้ ว่าท่านจับตั้งสิน กับพวกเพื่อนฆ่าเสีย ข้าพเจ้าเห็นว่าม้าเท้งไม่แจ้ง เนื้อความทั้งนี้ก็จะเข้ามา จึงจับฆ่าเสียก็จะได้โดยง่าย อันเล่าปี่ นั้นไป อยู่เมืองชีจิ๋ว ซ่องสุมทหารจะคอยรับกองทัพท่าน บัดนี้ทหารอ้วน เสี้ยวกับทหารเราก็ยัง ตั้งรอกันอยู่ ณ ตำบลกัวต๋อ เห็นเล่าปี่ จะให้มี หนังสือไปคิดกับอ้วนเสี้ยวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าท่านยก กองทัพไปรบเล่าปี่ ที่ร้ายอ้วนเสี้ยวจะยกมาตีเมืองฮูโต๋เป็นมั่นคง ผู้ ใดซึ่งจะต้านทานอ้วนเสี้ยว ได้นั้นขัดสน โจโฉจึงตอบว่า เล่าปี่ นั้น เป็นคนมีสติปัญญา ถ้าละไว้ช้าก็จะมีกำลังมากขึ้น อุปมาเหมือน ลูก นกอันขนปีกยังไม่ขึ้นพร้อม แม้เราจะนิ่งไว้ให้อยู่ในรังฉะนี้ ถ้าขนขึ้น พร้อมแล้วก็จะบินไปทางไกลได้ ซึ่งจะจับตัวนั้นเห็นจะได้ความ ขัดสน อ้วนเสี้ยวนั้นมีทหารมากก็จริง แต่สติปัญญาน้อย ถึงจะคิด ประการใดเราก็ไม่กลัว มิตร ขณะนั้นพอกุยแกเข้ามา โจโฉจึง ปรึกษาว่า เราจะยกกองทัพไปรบเล่าปี่ ณ เมืองชีจิ๋วฝ่าย ทิศตะวัน ออก แต่คิดเกรงอยู่ข้างฝ่ายทิศเหนือ เกลือกอ้วนเสี้ยวรู้ จะยก กองทัพมาโจมตีเอาเมืองฮูโต๋ ท่านจะคิดเห็นประการใด กุยแกจึงว่า อันความคิดอ้วนเสี้ยวนั้น ถ้าจะทำการสิ่งใดก็รวดเร็ว จะใช้ผู้ใด อ้วน เสี้ยวมักคิดสงสัยมีวางใจ ประการหนึ่งทหารทั้งปวงก็แก่งแย่งกัน ถึง จะยกมาตีเมืองฮูโต๋ก็เห็นจะ ไม่สมความคิด อันเล่าปี่ นั้นก็พึ่งได้ กลับไปอยู่เมืองชีจิ๋ว แล้วทหารของเราก็ติดไปด้วย ซึ่งจะคิดการศึก ไปนั้น เห็นทหารทั้งปวงยังไม่พร้อมเป็นใจเดียวกัน ครั้นจะนิ่งไว้ ทหารก็จะเป็นใจประนอมกันเข้า ขอเร่งยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋วเสีย ก่อน
๕ เนื้อเรื่อง โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงตอบกุยแกว่า ซึ่งเราถามนี้ แกล้ง จะดูความคิดท่าน ท่านว่ามาก็เหมือนน้ำใจเราคิด แล้วโจโฉก็เกณฑ์ ทหารได้ประมาณยี่สิบหมื่น ยกออกจากเมืองฮูโต๋ ฝ่ายมาใช้รู้ว่าโจ โฉยกมา จึงรีบไปเมืองชีจิ๋วบอกเนื้อความแก่ซุนเขียนว่า บัดนี้ กองทัพโจโฉยกมา ซุนเขียนแจ้งดังนั้นก็ไปบอกแก่กวนอู ณ เมือง แห้ฝือตามคำมาใช้ แล้วว่าให้จัดแจงทหารไว้ให้พร้อม แลซุนเขียนก็ ไปเมืองเสียวพ่าย บอกเนื้อความแก่เล่าปี่ เล่าปี่ แจ้งดังนั้นจึงว่า เรา จะให้มีหนังสือไปถึง อ้วนเสี้ยวอีก ให้ยกกองทัพมาช่วย จึงจะ ต้านทานโจโฉได้ เล่าปี่ ก็แต่งหนังสือไปให้อ้วนเสี้ยว ซุนเขียนก็ รับ เอาหนังสือไปถึงเมืองก็จิ๋ว จึงเข้าไปหาเตียนห้อง เล่าเนื้อความให้ฟัง ทุกประการ แล้วว่าท่านจงช่วยพา เข้าไปหาอ้วนเสี้ยว เตียนห้องได้ ฟังดังนั้นก็พาซุนเขียนเข้าไปถึงอ้วนเสี้ยว ซุนเขียนคำนับแล้วส่ง หนังสือให้ อ้วนเสี้ยวอ่านแจ้งแล้วมิได้ตอบประการใด แกล้งทำเป็น ทุกข์ เตียนห้องเห็นหน้าอ้วนเสี้ยวนั้นเศร้าหมองจึงถามว่า วันนี้ ข้าพเจ้าเห็นท่านไม่สบายนั้น มีวิตกสิ่งใดหรือ อ้วนเสี้ยวจึงบอกว่า เรานี้ใกล้จะตายอยู่แล้วจึงไม่มีความสบาย เตียนห้องจึงว่า เหตุใด ท่านเจรจาเป็นความอัปมงคล อ้วนเสี้ยวจึงว่า ชีวิตเราจะตายวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ เราวิตกถึงบุตรห้าคน เห็นว่าบุตรสุดท้องนั้นมีสติ ปัญญาอยู่บ้างแต่อายุยังเด็กนัก บัดนี้ก็ป่วยหนักอยู่ เราจึงไม่มีความ สบาย จึงคิดการสิ่งใดมิได้ เตียนห้องจึงตอบว่า คนทั้งปวงก็ลือชา ปรากฏว่า ท่านเป็นใหญ่อยู่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ เหตุใดท่านมาคิด ย่อท้อ จะมาตีตัวตายก่อนไข้นั้นไม่ควร บัดนี้โจโฉก็ยกกองทัพไปตี เมืองชีจิ๋ว เมืองฮูโตนั้นหามีผู้ใดอยู่รักษาไม่ เล่าปี่ ก็ให้หนังสือมา ขอกองทัพท่านไปช่วย ถ้าท่านยกกองทัพไปโจมตี เมืองฮูโตครั้งนี้ เห็นจะได้โดยง่าย อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าครั้งนี้ได้ที่ ทำการศึก แต่ใจเรานั้น เป็นห่วงอยู่ถึงบุตร ถ้าบุตรเป็นอันตรายข้าง หลังชีวิตเราก็จะตายด้วย ประการหนึ่งมาตรว่าจะยกไปก็ไม่มี ชัยชนะ ด้วยเหตุไม่สบาย
๖ เนื้อเรื่อง แล้วสั่งซุนเขียนว่า ครั้งนี้เราไม่ยกไปแล้ว จงไปบอกแก่เล่าปี่ เถิด ถ้า อับจนเข้า ก็ให้มาหาเรา เราจะช่วยทำนุบำรุงมิให้ขัดสน เตียนห้อง ได้ยินอ้วนเสี้ยวว่าดังนั้นก็โกรธจึงว่า เสียดายครั้งนี้ได้ที่อยู่แล้ว ควร หรือมาคิด เป็นห่วงด้วยลูกเล็กเด็กน้อย เตียนห้องทอดใจใหญ่เดิน กระทืบเท้าออกไป ซุนเขียนก็ลาอ้วนเสี้ยวกลับไป เมืองเสียวพ่าย แจ้งเนื้อความแก่เล่าปี่ ตามคำอ้วนเสี้ยวว่า เล่าปี่ ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษาซุนเขียนว่า โจโฉยกกองทัพมาครั้งนี้ เราจะคิดอ่านรบพุ่ง ป้องกันประการใด เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ ว่า อันทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ ถ้าจะละให้ตั้งลงได้ก็จะมีกำลังทำการศึก คิดร้ายแก่เรา บัดนี้กองทัพ โจโฉก็ยกมาใกล้เมืองเราแล้ว เวลาค่ำวันนี้ ข้าพเจ้าจะอาสาคุมทหาร ยกออก ไปโจมตีกองทัพโจโฉ อย่าให้ตั้งมั่นลงได้ เห็นโจโฉจะเสียที่ เป็นมั่นคง เล่าปี่ ได้ฟังดังนั้นจึงว่า น้องเรา แต่ก่อนมาเห็นว่าไม่มี ความคิด มีแต่ฝีมือรบพุ่งกล้าหาญ เราพึ่งได้เห็นความคิดน้องเรา ทำกลอุบาย จับเล่าตายได้ครั้งหนึ่ง มาครั้งนี้จะยกออกโจมตีกองทัพ โจโฉมให้ตั้งมั่นลงได้นั้นต้องใจเรานัก แล้วเล่าปี่ ก็ให้เกณฑ์ทหาร เตรียมไว้สำหรับเล่าปี่ กองหนึ่ง จัดทหารไว้สำหรับเตียวหุยกองหนึ่ง ฝ่ายโจโฉยกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองเสียวพ่าย พอเกิดลมพายุใหญ่ พัดหนัก ธงชัยซึ่งปักมา บนเกวียนนั้นหักทบลง โจโฉเห็นวิปริตดัง นั้นก็ให้หยุดทหารตั้งค่ายมั่นไว้ แล้วถามที่ปรึกษาว่า ซึ่งลมพายุ พัด มาถูกธงชัยเราหักลงทั้งนี้ จะเห็นดีแลร้ายประการใด ซุนฮกจึงว่า ซึ่ง เกิดพายุใหญ่พัดธงชัยหักทบลง มานั้นเป็นลมตะวันออก เวลาค่ำวัน นี้ดีร้ายเล่าปี่ จะยกออกมาปล้นค่ายเราเป็นมั่นคง พอมอกายเข้ามา ว่า แก่โจโฉว่า ลมตะวันออกพัดมาถูกธงชัยหักนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า กลางคืนวันนี้จะมีผู้มาปล้นค่าย โจโฉได้ฟังซุนฮกกับมอกายว่าต้อง คำกันดังนั้นจึงว่า ซึ่งเกิดลมมาทั้งนี้หากเทพตาสำแดงเหตุให้รู้ เพราะบุญของเรา
๗ เนื้อเรื่อง โจโฉจึงให้แบ่งทหารเป็นสิบเอ็ดกอง กองหนึ่งให้อยู่รักษาค่าย แปด กองนั้นให้ นายทหารเอกคุมทหารเลวยกแยกออกไปซุ่มอยู่นอกค่าย ทั้งแปดทิศ ถ้าเห็นกองทัพผู้ใดยกมาปล้นค่าย ก็ให้ทหารทั้งแปด กองตีกระหนาบล้อมเข้ามา สองกองนั้นให้แยกกันไปตั้งสกัดอยู่ ปากทางเมืองชีจิ๋ว กองหนึ่ง เมืองแห้ฝือกองหนึ่ง หนังสือให้ท่านนั้น ครั้นเวลาสองยาม เล่าปี่ กับเตียวหุยก็คุมทหารออกมาจากเมืองเสียว พ่าย เตียวหุยนั้นคิดกำเริบว่า ครั้งก่อนทำกลอุบายจับเล่าตายได้ ครั้งนี้เล่าปี่ ก็สรรเสริญความคิดเป็นอันมาก เตียวหุยจึงขี่ม้าคุม ทหาร เป็นกองหน้า ยกเข้าไปตีปล้นค่ายโจโฉ เตียวหุยเห็นคนใน ค่ายนั้นน้อย แล้วได้ยินเสียงทหารภายนอก โห่ร้องอื้ออึง ทั้งคบ เพลิงก็สว่างขึ้นเป็นอันมาก จึงคิดว่าดีร้ายโจโฉจะคิดกลอุบาย ก็ พาทหารกลับออกมา หาเล่าปี่ สบาย หนือ พอพบเตียวเลี้ยว เคาทู อิ อิ่ม ลิเตียน ซิหลง งักจิ้น แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน คุมทหารตี กระหนาบ ล้อมเข้ามาทั้งแปดทิศ ได้รบพุ่งฆ่าฟันกันเป็นสามารถ แลทหารซึ่งเตียวหุยคุมมานั้น เป็นทหารเดิมของ โจโฉก็แตกเข้าหา นายทหารทั้งแปดกองนั้น ยังเหลือทหารซึ่งสนิทอยู่ประมาณสี่สิบ เศษ เตียวหุย รบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ แล้วพาทหารสี่สิบเศษนั้น รบฝ่าออกมาได้ จึงคิดแต่ในใจว่า ครั้นจะไปหาเล่าปี่ แลไปเมืองชีจิ๋ว เมืองแห้ฝือบัดนี้ก็ไม่ได้ เห็นทหารโจโฉจะไปตั้งสกัดอยู่ปากทาง จึง พาทหารทั้งปวงหนีขึ้น ไปอยู่บนเขาของเอี๋ยงสัน เม ช้า ฝ่ายเล่าปี่ นั้นขี่ม้าคุมทหารยกหนุนเตียวหุยเข้าไป ครั้นได้ยินเสียงทหารโห่ ร้องอื้ออึงล้อมค่าย โจโฉเข้ามา เล่าปี่ จึงคิดว่าเตียวหุยเข้าไปปล้น ค่ายนั้น ดีร้ายจะเสียทีแก่โจโฉ พอแลเห็นแฮหัวตุ้นคุมทหาร เข้ามา ตัดเอาทหารเล่าปี่ ไปได้ประมาณกึ่งหนึ่ง เล่าปี่ เห็นดังนั้นก็โกรธ จึง ขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้น พอแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารตีกระหนาบเข้า มา
๘ เนื้อเรื่อง โจโฉจึงให้แบ่งทหารเป็นสิบเอ็ดกอง กองหนึ่งให้อยู่รักษาค่าย แปด กองนั้นให้ นายทหารเอกคุมทหารเลวยกแยกออกไปซุ่มอยู่นอกค่าย ทั้งแปดทิศ ถ้าเห็นกองทัพผู้ใดยกมาปล้นค่าย ก็ให้ทหารทั้งแปด กองตีกระหนาบล้อมเข้ามา สองกองนั้นให้แยกกันไปตั้งสกัดอยู่ ปากทางเมืองชีจิ๋ว กองหนึ่ง เมืองแห้ฝือกองหนึ่ง หนังสือให้ท่านนั้น ครั้นเวลาสองยาม เล่าปี่ กับเตียวหุยก็คุมทหารออกมาจากเมืองเสียว พ่าย เตียวหุยนั้นคิดกำเริบว่า ครั้งก่อนทำกลอุบายจับเล่าตายได้ ครั้งนี้เล่าปี่ ก็สรรเสริญความคิดเป็นอันมาก เตียวหุยจึงขี่ม้าคุม ทหาร เป็นกองหน้า ยกเข้าไปตีปล้นค่ายโจโฉ เตียวหุยเห็นคนใน ค่ายนั้นน้อย แล้วได้ยินเสียงทหารภายนอก โห่ร้องอื้ออึง ทั้งคบ เพลิงก็สว่างขึ้นเป็นอันมาก จึงคิดว่าดีร้ายโจโฉจะคิดกลอุบาย ก็ พาทหารกลับออกมา หาเล่าปี่ สบาย หนือ พอพบเตียวเลี้ยว เคาทู อิ อิ่ม ลิเตียน ซิหลง งักจิ้น แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน คุมทหารตี กระหนาบ ล้อมเข้ามาทั้งแปดทิศ ได้รบพุ่งฆ่าฟันกันเป็นสามารถ แลทหารซึ่งเตียวหุยคุมมานั้น เป็นทหารเดิมของ โจโฉก็แตกเข้าหา นายทหารทั้งแปดกองนั้น ยังเหลือทหารซึ่งสนิทอยู่ประมาณสี่สิบ เศษ เตียวหุย รบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ แล้วพาทหารสี่สิบเศษนั้น รบฝ่าออกมาได้ จึงคิดแต่ในใจว่า ครั้นจะไปหาเล่าปี่ แลไปเมืองชีจิ๋ว เมืองแห้ฝือบัดนี้ก็ไม่ได้ เห็นทหารโจโฉจะไปตั้งสกัดอยู่ปากทาง จึง พาทหารทั้งปวงหนีขึ้น ไปอยู่บนเขาของเอี๋ยงสัน เม ช้า ฝ่ายเล่าปี่ นั้นขี่ม้าคุมทหารยกหนุนเตียวหุยเข้าไป ครั้นได้ยินเสียงทหารโห่ ร้องอื้ออึงล้อมค่าย โจโฉเข้ามา เล่าปี่ จึงคิดว่าเตียวหุยเข้าไปปล้น ค่ายนั้น ดีร้ายจะเสียทีแก่โจโฉ พอแลเห็นแฮหัวตุ้นคุมทหาร เข้ามา ตัดเอาทหารเล่าปี่ ไปได้ประมาณกึ่งหนึ่ง เล่าปี่ เห็นดังนั้นก็โกรธ จึง ขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้น พอแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารตีกระหนาบเข้า มา
๙ เนื้อเรื่อง เล่าปี่ ก็ขับม้ารบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ ทหารเล่าปี่ ล้มตายบ้าง เข้าหาโจโฉบ้าง เหลือทหารซึ่งสนิทอยู่ประมาณสามสิบเศษ เล่าปี่ จึง พาทหารรบฝ่าออกมาจะกลับไปเมือง เสียวพ่าย แลเห็นแสงเพลิงใน เมืองสว่างขึ้น เล่าปี่ จึงคิดว่าทหารโจโฉเข้าตีเอาเมืองได้แล้ว จึงขับ มา พาทหารหนีไปถึงปากทางเมืองชีจิ๋วและเมืองแห้ฝือ เห็นทหารโจ โฉตั้งสกัดอยู่ทั้งสองทางเป็นอันมาก จึงคิดว่าครั้งนี้โจโฉยกมา ทำการใหญ่หลวง เรากับเตียวหุยต่างคนต่างแยกไป แลกวนอูซึ่งอยู่ รักษา ครอบครัวในเมืองแห้ฝือนั้น ก็ยังไม่ได้รู้เหตุว่าดีแลร้าย ซึ่ง อ้วนเสี้ยวสั่งมาแก่ซุนเขียนว่า ขัดสนประการใด ก็ให้ไปหาเถิด จะ ช่วยธุระนั้น ครั้งนี้จะไปอาศัยอ้วนเสี้ยวอยู่ก่อน จึงจะได้คิดการต่อไป แล้วเล่าปี่ ก็พาทหารรีบหนีจะไปทางเมืองกิจิ๋ว พอพบลิเตียนคุม ทหารสกัดทางอยู่ เล่าปี่ ตกใจมิได้คิดอ่าน สู้รบประการใด จึงทิ้ง ทหารสามสิบเศษเสีย ขับมาหนีเอาตัวรอด ลิเตียนนั้นจับเอาทหาร เล่าปี่ ไว้ได้สิ้น ขณะเมื่อเล่าปี่ ควบม้าหนีไปนั้น ทั้งกลางวันกลางคืน ได้ทางประมาณพันเส้น ครั้นถึงเมืองเชียงจิ๋ว จึงบอกแก่นายประตูว่า เราจะเข้าไปหาอ้วนเจ้าเมืองซึ่งเป็นบุตรอ้วนเสี้ยว นายประตูก็เอา เนื้อความ เข้าไปบอกแก่อ้วน อ้วนถ้ำมีความยินดี จึงออกมาคำนับ รับเล่าปี่ เข้าไป เล่าปี่ จึงเล่าเนื้อความแต่หลัง ให้อ้วนฟังทุกประการ แล้วว่าเราจะไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวผู้เป็นบิดาท่าน จะได้คิดอ่าน กำจัด โจโฉเสีย
เนื้อเรื่อง ๑๐ อ้วนได้ฟังดังนั้นก็มีความสงสารเป็นอันมาก ก็ให้แต่งโต๊ะเลี้ยง แล้ว จัดแจงที่อยู่ให้เล่าปี่ อาศัย จึงแต่งหนังสือบอกไปถึงบิดาตามคำเล่า ปี่ ให้มาใช้ถือไปก่อน แล้วให้ทหารป้องกันรักษาเล่าปี่ ไปภายหลัง ม้าใช้มาถึงเมืองกิจิ๋ว ก็เอาหนังสือนั้นเข้าไปให้แก่อ้วนเสี้ยว อ้วน เสี้ยวแจ้งเนื้อความก็มีใจยินดี จึงพา ทหารออกมาคอยรับเล่าปี่ อยู่ นอกเมือง ครั้นเห็นเล่าปี่ มาถึง อ้วนเสี้ยวจึงไปจูงเอามือเล่าปี่ ถ้อยที ถ้อยคำนับกัน แล้วพาเล่าปี่ เข้ามาในเมือง อ้วนเสี้ยวจึงว่าแก่เล่าปี่ ว่า ท่านให้ซุนเขียนมาขอกองทัพนั้น บุตรเรา ป่วยหนักอยู่ จึงมิได้ยก ไปช่วยท่าน ท่านอย่าน้อยใจแก่เราเลย เรามีความวิตกอยู่มิได้ขาด บัดนี้ ท่านเสียเมืองไปแก่โจโฉ แต่ตัวท่านได้มาเห็นหน้ากันนี้เรามี ความยินดีนัก เล่าปี่ จึงว่า ครั้งนี้ข้าพเจ้าเป็นคนอนาถา ซึ่งท่านนับถือ นี้คุณหาที่สุดไม่ แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้าก็แจ้ง อยู่ว่า น้ำใจท่านกว้าง ขวางอารี เลี้ยงทหารมิได้อนาทร ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่าจะมาพึ่งอยู่ให้ ท่านใช้ จะได้ ช่วยกันกำจัดโจโฉเสีย บัดนี้เสียทีแก่โจโฉมาแต่ตัว แต่น้องข้าพเจ้าทั้งสองกับครอบครัวยังไม่รู้ว่า เป็นตายประการใด ซึ่งข้าพเจ้ามาหาท่านแต่ผู้เดียวนี้ มีความอัปยศแก่คนทั้งปวงเป็น อันมาก ครั้งนี้ข้าพเจ้า จะขอกินน้ำสบถอยู่ทำการด้วยท่านกว่าจะ สำเร็จ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงจัดแจง เครื่องอุปโภค และเครื่องบริโภคให้เป็นอันมาก ทำนุบำรุงเล่าปี่ ไว้ในเมืองกิจิ๋ว ฝ่าย โจโฉในเวลากลางคืนนั้น คุมทหารเข้าตีเอาเมืองเสียวพ่ายได้ แลยก กองทัพไปตีเมืองชีจิ๋ว และบิตก บิฮอง กันหยง ซึ่งเล่าปี่ ให้รักษา เมืองจึงคิดกันว่า ทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นเราจะ ต้านทานมิได้ ก็พากันหนีออกจากเมือง แต่ต้นเต๋งเห็นจวนตัว จึง เปิดประตูเมืองออกไปรับโจโฉให้เป็น ความชอบไว้โจโฉเห็นดังนั้น ก็มีความยินดียกทหารเข้าไป จึงกำชับทหารมิให้ทำอันตรายแก่ชาว เมือง แล้วปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า
๑๑ เนื้อเรื่อง เราจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองแห้ฝือ ท่านทั้งปวงจะเห็นเป็นประการ ใด ซุนฮกจึงว่า ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ ให้กวนอูรักษาครอบครัว อยู่เมืองแห้ฝือ ซึ่งท่านจะ ยกกองทัพไปตีนั้นควรนัก ถ้าละไว้อ้วน เสี้ยวก็จะยกมาพาเอาครอบครัวเล่าปี่ ไป โจโฉจึงตอบว่า อันกวนอู นั้นมีฝีมือกล้าหาญชำนาญในการสงคราม เราจะใคร่ได้ตัวมาเลี้ยง เป็นทหาร เราจะแต่งคนให้ไป เกลี้ยกล่อมกวนอูจึงจะได้ กุยแกจึงว่า อันน้ำใจกวนอูนั้นซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่ นัก ซึ่งจะให้คนไปเกลี้ยกล่อม เห็นกวนอูจะมีลงใจด้วย แลผู้ใดซึ่งจะไปเกลี้ยกล่อมนั้นกวนอูก็คงจะ ฆ่าเสีย เตียวเลี้ยวจึงว่า ข้าพเจ้ากับกวนอูได้รู้จักกันมา ครั้งนี้ข้าพเจ้า จะขออาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอู ให้ได้ เทียหยกจึงว่า ซึ่งเตียวเลี้ยวจะ รับอาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูนั้น เห็นกวนอูจะไม่มา ข้าพเจ้า จะขอ อาสาล่อลวงให้กวนอูออกจากเมืองแห้ฝือแล้ว ถ้าเห็นกวนอูสิ้นความ คิดลงเมื่อใด จึงให้เตียวเลี้ยว ไปเกลี้ยกล่อมเห็นจะได้โดยง่าย โจโฉ จึงถามเทียหยกว่า ท่านจะคิดล่อลวงประการใด เทียหยกจึงว่า ท่าน จับทหารเล่าปี่ ไว้ได้ เป็นอันมาก จงให้บำเหน็จรางวัลให้ถึงขนาด แล้วสั่งให้ทำตามคำเรา จึงปล่อยเข้าไปในเมืองให้บอกว่า หนีกลับ มาได้ ถ้าเราจะทำการก็ให้เป็นไส้ศึกอยู่ในเมือง แล้วให้แต่งทหารไป รบล่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมา นอกเมืองแล้วจึงให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่ทั้งสอง ข้างล้อมไว้ จึงแต่งให้ผู้มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูเห็นจะ ได้ โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เอาทหารเล่าปี่ ซึ่งจับไว้ได้ ประมาณสี่สิบคน แล้วให้บำเหน็จรางวัล
๑๒ เนื้อเรื่อง เป็นอันมาก จึงสั่งเนื้อความตามคำเทียหยกว่าทุกประการ ทหารทั้ง ปวงก็เข้าไปหากวนอูในเมืองแท้มือ แล้วบอกว่าข้าพเจ้าหนีโจโฉมา ได้ กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มิได้มีความสงสัย จึงเอาไว้ใช้สอยอยู่ ครั้น เวลาสามยาม โจโฉจึงให้แฮหัวตุ้นคุมทหารห้าพันเป็นกองทุ่ม แล้ว สั่งซิหลงกับเคาทูว่า ถ้ากวนอูไล่แฮหัวตุ้นออกมาก็ให้ยกทหารตั้ง สกัดไว้คอยรบป้องกันอย่าให้กวนอูเป็นอันตราย นายทหาร ทั้งสาม คนก็ยกไปเมืองแห้ฝือ โจโฉก็คุมทหารยกตามไปตั้งอยู่แต่ไกล แฮ หัวตุ้นคุมทหารมาตั้งอยู่ใกล้ เชิงกำแพงเมืองแห้ฝือ ฝ่ายกวนอูเห็น กองทัพมาตั้งประชิดอยู่ดังนั้นก็มิได้ยกออกรบพุ่ง ให้ทหารขึ้นรักษา หน้าที่ไว้มั่นคง แฮหัวตุ้นมิได้เห็นกวนอูยกออกมารบ จึงให้ทหารเลว ร้องต่อล้อด่ากวนอูเป็นข้อหยาบช้า กวนอูได้ยิน ดังนั้นก็โกรธจึงคุม ทหารสามพันเปิดประตูเมืองออกมารบแฮหัวตุ้นได้สิบเพลง แฮหัว ตุ้นแกล้งชักม้าหนี กวนอูมิได้รู้กลอุบายก็ขับมาไล่ไปทางไกลเมือง ประมาณสองร้อยเส้น กวนอูได้คิดขึ้นมากลัวว่าทหารโจโฉ จะยกเข้า ทำร้ายเมืองแห้ฝือจึงพาทหารกลับมา พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแล เห็นเคาทูกับซิหลงคุมทหารออกรบสกัดไว้ทั้งซ้ายขวา กวนอู ก็ขับ ม้าเข้ารบพุ่งเป็นสามารถ ซิหลง เคาทูก็รับรองป้องกันอยู่ กวนอูจะ กลับเข้าไปในเมือง พอพบ แฮหัวตุ้นคุมทหารมารบอ้อมสกัดทางไว้ ซิหลงกับเคาทูก็รบตีกระหนาบเข้ามา กวนอูนั้นป้องกันลูกเกาทัณฑ์ ไว้เป็นสามารถ จะกลับเข้าเมืองก็ไม่ได้ จะหลีกไปข้างทางซ้ายขวา ทหารก็หนุนหนาเข้ามา แต่รบป้องกัน อยู่นั้นจนใกล้พลบค่ำ กวนอู อิดโรยกำลังลงจึงคุมทหารหนีไปถึงเนินเขาแห่งหนึ่งก็ขึ้นหยุดพัก อยู่บนเขานั้น แฮหัวตุ้น หลง เคาทูเห็นดังนั้นก็คุมทหารเข้าล้อมเชิง เขาไว้ ฝ่ายทหารเล่าปี่ ซึ่งเข้าไปหากวนอูนั้น ครั้นเวลาพลบค่ำมิได้ เห็นกวนอูกลับเข้าเมือง ก็ชวนกัน เปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังนั้นก็เอาเนื้อความมาบอกแก่โจโฉ
๑๓ เนื้อเรื่อง เป็นอันมาก จึงสั่งเนื้อความตามคำเทียหยกว่าทุกประการ ทหารทั้ง ปวงก็เข้าไปหากวนอูในเมืองแท้มือ แล้วบอกว่าข้าพเจ้าหนีโจโฉมา ได้ กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มิได้มีความสงสัย จึงเอาไว้ใช้สอยอยู่ ครั้น เวลาสามยาม โจโฉจึงให้แฮหัวตุ้นคุมทหารห้าพันเป็นกองทุ่ม แล้ว สั่งซิหลงกับเคาทูว่า ถ้ากวนอูไล่แฮหัวตุ้นออกมาก็ให้ยกทหารตั้ง สกัดไว้คอยรบป้องกันอย่าให้กวนอูเป็นอันตราย นายทหาร ทั้งสาม คนก็ยกไปเมืองแห้ฝือ โจโฉก็คุมทหารยกตามไปตั้งอยู่แต่ไกล แฮ หัวตุ้นคุมทหารมาตั้งอยู่ใกล้ เชิงกำแพงเมืองแห้ฝือ ฝ่ายกวนอูเห็น กองทัพมาตั้งประชิดอยู่ดังนั้นก็มิได้ยกออกรบพุ่ง ให้ทหารขึ้นรักษา หน้าที่ไว้มั่นคง แฮหัวตุ้นมิได้เห็นกวนอูยกออกมารบ จึงให้ทหารเลว ร้องต่อล้อด่ากวนอูเป็นข้อหยาบช้า กวนอูได้ยิน ดังนั้นก็โกรธจึงคุม ทหารสามพันเปิดประตูเมืองออกมารบแฮหัวตุ้นได้สิบเพลง แฮหัว ตุ้นแกล้งชักม้าหนี กวนอูมิได้รู้กลอุบายก็ขับมาไล่ไปทางไกลเมือง ประมาณสองร้อยเส้น กวนอูได้คิดขึ้นมากลัวว่าทหารโจโฉ จะยกเข้า ทำร้ายเมืองแห้ฝือจึงพาทหารกลับมา พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแล เห็นเคาทูกับซิหลงคุมทหารออกรบสกัดไว้ทั้งซ้ายขวา กวนอู ก็ขับ ม้าเข้ารบพุ่งเป็นสามารถ ซิหลง เคาทูก็รับรองป้องกันอยู่ กวนอูจะ กลับเข้าไปในเมือง พอพบ แฮหัวตุ้นคุมทหารมารบอ้อมสกัดทางไว้ ซิหลงกับเคาทูก็รบตีกระหนาบเข้ามา กวนอูนั้นป้องกันลูกเกาทัณฑ์ ไว้เป็นสามารถ จะกลับเข้าเมืองก็ไม่ได้ จะหลีกไปข้างทางซ้ายขวา ทหารก็หนุนหนาเข้ามา แต่รบป้องกัน อยู่นั้นจนใกล้พลบค่ำ กวนอู อิดโรยกำลังลงจึงคุมทหารหนีไปถึงเนินเขาแห่งหนึ่งก็ขึ้นหยุดพัก อยู่บนเขานั้น แฮหัวตุ้น หลง เคาทูเห็นดังนั้นก็คุมทหารเข้าล้อมเชิง เขาไว้ ฝ่ายทหารเล่าปี่ ซึ่งเข้าไปหากวนอูนั้น ครั้นเวลาพลบค่ำมิได้ เห็นกวนอูกลับเข้าเมือง ก็ชวนกัน เปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังนั้นก็เอาเนื้อความมาบอกแก่โจโฉ
๑๔ เนื้อเรื่อง โจโฉมีความยินดีก็ คุมทหารเข้าเมืองแห้ฝือ แล้วให้เอาเพลิงเผา เมืองขึ้น หวังจะให้กวนอูเสียน้ำใจ จึงสั่งให้ทหารรักษาครอบครัว เล่า ปี่ ไว้จงดี แล้วโจโฉก็กลับมาเกณฑ์ทหารหนุนเข้าล้อมกวนอูไว้ กวนอู เห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้นก็ ตกใจ คิดถึงครอบครัวเล่าปี่ จึงคุม ทหารลงมาถึงเชิงเขา ทหารโจโฉรบสกัดไว้ลงมามิได้ แล้วซื้อกลับ ขึ้นเขา เป็นหลายครั้ง จนรุ่งขึ้นกวนอูจึงขี่ม้าพาทหารลงไปใกล้จะถึง เชิงเขา พอเห็นเตียวเลี้ยวขี่ม้าถือง้าวขึ้นมา กวนอูจึงถามว่า ท่านจะ มารบกับเราหรือ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ข้าพเจ้าจะมารบกับท่าน หามิได้ ซึ่งข้าพเจ้า ขึ้นมานี้หวังจะแทนคุณท่าน แล้วเตียวเลี้ยวก็ลง จากม้าเอาข้าวนั้นวางไว้ เข้าไปคำนับกวนอู กวนอูเห็น ดังนั้นก็ลง จากม้ารับคำนับเตียวเลี้ยว แล้วถามเตียวเลี้ยวว่า โจโฉใช้มาเกลี้ย กล่อมเราหรือ เตียวเลี้ยว จึงตอบว่า ท่านได้มีคุณช่วยชีวิตข้าพเจ้า ไว้ บัดนี้ท่านมีความทุกข์ใหญ่หลวง ข้าพเจ้าจึงอุตส่าห์ขึ้นมา หวังจะ แทนคุณท่าน กวนอูจึงถามว่า ท่านคิดถึงคุณเรานั้นจะขึ้นมาช่วย เป็นกำลังเราหรือ เตียวเลี้ยวก็ว่าหามิได้ กวนอูจึงว่า ท่านจะมาเกลี้ย กล่อมแลช่วยเราก็หามิได้ ซึ่งท่านขึ้นมานี้ด้วยเหตุสิ่งใดเล่า เตียว เลี้ยวจึงตอบ ว่า ท่านกับเล่าปี่ เตียวหุยมีความรักกันเป็นอันมาก บัดนี้เล่าปี่ กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ยังไม่รู้เหตุว่า เป็นแลตาย เวลา คืนนี้มหาอุปราชยกกองทัพเข้าตีเมืองแห้ฝือได้ แล้วสั่งแก่ทหารทั้ง ปวงมิให้ทำอันตราย
๑๕ เนื้อเรื่อง แก่อาณาประชาราษฎร อันครอบครั วของเล่าปี่ นั้น ก็แต่งให้ทหารไป พิทักษ์รักษามิให้ผู้ใดทำอันตรายได้ ข้าพเจ้าเห็นว่ามหาอุปราชมีใจ เมตตาผูกความรักท่านถึงเพียงนี้ จึงเอาเนื้อความมาแจ้งแก่ท่าน กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า เดิมเราถามตัวว่าจะ เกลี้ยกล่อมหรือ ตัวว่าหามิได้ แลตัวมาว่ากล่าวดังนี้ จะว่าไม่เกลี้ย กล่อมนั้นตัวจะประสงค์สิ่งใดเล่า แล้วว่าเราอยู่ในที่นี้ก็เป็นที่คับขัน อยู่ ซึ่งเราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจากเล่าปี่ นั้นอย่าสงสัยเลย ตัวเราก็ มิได้รักชีวิต อันความตายอุปมาเหมือน นอนหลับ ท่านเร่งกลับไป บอกแก่โจโฉ ให้ตระเตรียมทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกลงไปรบ เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งนี้โทษมีอยู่ กับตัวท่านถึงสามประการ คนทั้งปวงจะล่วงครหานินทาท่านได้ กวนอูจึงว่า ตัวเราถือความสัตย์มั่นคงอยู่ว่า ถึงตัวจะตายก็มิได้เข้า กับผู้ใด ซึ่งท่านว่ามีโทษสามประการนั้นด้วยเหตุสิ่งใดบ้าง เตียว เลี้ยวจึงตอบว่า เดิมท่านกับเล่าปี่ เตียวหุยได้สาบานไว้ต่อกันว่า เป็น พี่น้องร่วมสุขแลทุกข์เป็นชีวิตอันเดียวกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วย ครั้งนี้เล่าปี่ กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แลบัดนี้ ทหารก็น้อยนัก ซึ่งจะยกลงไปรบนั้น ถ้าท่านเป็นอันตรายถึงสิ้นชีวิต ฝ่ายเล่าปี่ เตียวหุยยังมีชีวิตอยู่จะเที่ยวตามหาท่าน หวังจะช่วยกัน คิด การต่อไปเมื่อท่านตายเสียแล้ว เล่าปี่ เตียวหุยก็จะตายด้วย ซึ่ง ท่านสาบานไว้ต่อหน้ากันก็จะมีเสีย ความสัตย์ไปหรือ คนทั้งปวงก็จะ ล่วงนินทาว่าความคิดท่านน้อย ประการหนึ่ง เล่าปี่ ก็มอบครอบครัว ไว้ให้ท่านรักษา ถ้าท่านตายเสีย ภรรยาเล่าปี่ ทั้งสองนั้นจะพึ่ง ผู้ใด เล่า อันตรายก็จะมีต่าง ๆ การซึ่งเล่าปี่ ปลงใจไว้แก่ท่านนั้นก็จะไม่ เสียไปหรือ ข้าพเจ้าเห็นไม่ชอบ เป็นสองประการ อีกประการหนึ่ง นั้น ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมา เป็นอันมาก
๑๖ เนื้อเรื่อง เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทำนุ บำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความลำบากก็ อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้าง ใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไปภายหน้า ว่าเป็นชาติทหารมี ใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน ซึ่งท่านจะมานะ ลงไปรบพุ่งกับโจโฉ ถ้าชีวิตท่านตายเสียครั้งนี้ก็จะไม่มีชื่อปรากฏไป ข้าพเจ้าเห็นโทษ สามประการฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงว่า กวนอูได้ฟังดังนั้น ก็นิ่งตรึกตรองอยู่ เป็นช้านาน ครั้นเห็นชอบด้วยจึงว่า ท่านว่าดังนี้ก็ควรแล้ว แลโทษ ซึ่งมีสามประการนั้นจะให้เราทำประการใด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหา อุปราชให้ทหารล้อมท่านไว้เป็น อันมาก ถ้าท่านมิสมัครเข้าด้วยเห็น ชีวิตท่านจะถึงแก่ความตายหาประโยชน์มิได้ ขอให้ท่านอยู่กับ มหา อุปราชก่อนเถิด จะได้มีประโยชน์สามประการ ประการหนึ่ง ซึ่งท่าน สาบานไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดิน ความ สัตย์ซ้อนี้ จะได้คงอยู่ ประการหนึ่ง ท่านจะได้อยู่ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ ทั้งสองมิให้เป็นอันตรายสิ่งใดได้ เป็นสองประการ อีกประการหนึ่ง นั้น ตัวท่านก็มีฝีมือกล้าหาญมีสติปัญญา จะได้คิดการทำนุบำรุง พระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้ครองราชสมบัติสืบไป ข้าพเจ้าเห็นมีประโยชน์ สามประการฉะนี้ จึงเตือนสติท่านให้ดำริดูจงควร
๑๗ เนื้อเรื่อง เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทำนุ บำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความลำบากก็ อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้าง ใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไปภายหน้า ว่าเป็นชาติทหารมี ใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน ซึ่งท่านจะมานะ ลงไปรบพุ่งกับโจโฉ ถ้าชีวิตท่านตายเสียครั้งนี้ก็จะไม่มีชื่อปรากฏไป ข้าพเจ้าเห็นโทษ สามประการฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงว่า กวนอูได้ฟังดังนั้น ก็นิ่งตรึกตรองอยู่ เป็นช้านาน ครั้นเห็นชอบด้วยจึงว่า ท่านว่าดังนี้ก็ควรแล้ว แลโทษ ซึ่งมีสามประการนั้นจะให้เราทำประการใด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหา อุปราชให้ทหารล้อมท่านไว้เป็น อันมาก ถ้าท่านมิสมัครเข้าด้วยเห็น ชีวิตท่านจะถึงแก่ความตายหาประโยชน์มิได้ ขอให้ท่านอยู่กับ มหา อุปราชก่อนเถิด จะได้มีประโยชน์สามประการ ประการหนึ่ง ซึ่งท่าน สาบานไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดิน ความ สัตย์ซ้อนี้ จะได้คงอยู่ ประการหนึ่ง ท่านจะได้อยู่ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ ทั้งสองมิให้เป็นอันตรายสิ่งใดได้ เป็นสองประการ อีกประการหนึ่ง นั้น ตัวท่านก็มีฝีมือกล้าหาญมีสติปัญญา จะได้คิดการทำนุบำรุง พระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้ครองราชสมบัติสืบไป ข้าพเจ้าเห็นมีประโยชน์ สามประการฉะนี้ จึงเตือนสติท่านให้ดำริดูจงควร
๑๘ เนื้อเรื่อง กวนอูจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่ามีประโยชน์แก่เราสามประการนั้นก็จริง อยู่ แต่เราจะขอสัญญาไว้ สามประการบ้าง ถ้ามหาอุปราชยอม เราจึง จะถอดเกราะออกเสีย แล้วจะลงไปหามหาอุปราช แม้ความ ประการ ใดขาดแต่ข้อหนึ่ง เราก็จะสู้ตายเสีย ถึงมาตรว่าคนทั้งปวงจะครหา นินทาเราก็ตามเถิด เตียวเลี้ยว จึงว่ามหาอุปราชนั้นน้ำใจกว้างขวาง อารีนัก มักสมาคมด้วยผู้มีสติปัญญา ถ้าท่านจะว่าประการใด มหา อุปราชก็คงจะยอม ซึ่งท่านจะขอสัญญาสามประการนั้น คือข้อใด บ้าง กวนอูจึงว่า เดิมเราได้สาบานกันไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วย กันทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ แลอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็น เป็นสุข ซึ่งเราจะสมัครเข้าด้วยนั้น เราจะขอเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ประการหนึ่ง เราจะขอปฏิบัติพี่สะใภ้เราทั้งสอง แลอย่าให้ผู้ใดเข้า ออกกล้ำกรายเข้าถึงประตูที่อยู่ได้ จะขอเอาเบี้ยหวัดของเล่าปี่ ซึ่ง เคยได้รับพระราชทานนั้น มาให้แก่พี่สะใภ้เราทั้งสองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ถ้าเรารู้ว่าเล่าปี่ อยู่แห่งใดตำบลใด ถึงมาตรว่าเรา มิได้ลามหาอุปราช เราก็จะไปหาเล่าปี่ แม้มหาอุปราชจะห้ามเราก็ไม่ ฟัง แลเนื้อความสามประการนี้ ท่านจงเอาไปบอกแก่มหาอุปราชเถิด ถ้ายอมตามคำเราเราจะลงไปหา เตียวเลี้ยวก็ลากวนอูแล้วขึ้นมาก ลับมาแจ้งเนื้อความแก่โจโฉทุกประการ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ซึ่งกวนอูไม่ยอมด้วยเรานั้น เราเป็นถึง มหา อุปราช กวนอูจะยอมเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เหมือนเป็นบ่าวเรา ถ้า เราบังคับบัญชาราชการ ประการใดกวนอูก็จะไม่ขัดได้ กับซึ่งกวนอู ว่าจะปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองมิให้ผู้ใดแปลกปลอมเข้าไป ถึง ประตูที่อยู่นั้นเราก็จะยอม
๑๙ เนื้อเรื่อง ทุกวันนี้อย่าว่าแต่ภรรยาเล่าปี่ เลย ถึงภรรยาผู้น้อยลงไปเราก็มิได้ ให้ทำหยาบช้า ซึ่งกวนอูจะขอเอาเบี้ยหวัดเล่าปี่ ให้แก่พี่สะใภ้นั้น เรา จะให้ทวีขึ้นอีก แต่ข้อซึ่งกวนอูรู้ว่า เล่าปี่ อยู่แห่งใด มิได้ลาเราก่อนจะ ไปหากันนั้น โจโฉสั่นศีรษะไม่ยอม แล้วว่าเมื่อกวนอูเอาสัญญาฉะนี้ เราจะเอามาเลี้ยงไว้ให้มีกำลังจะได้ประโยชน์สิ่งใดเล่า เตียวเลี้ยวจึง ว่า มหาอุปราชไม่แจ้งหรือ ในนิทานอิเยี่ยงซึ่งมีมาแต่ก่อนว่าเดิมอิ เยี่ยงอยู่กับตั้งหาง ซึ่งเป็นเจ้าเมือง ตั้งหางเลี้ยงอิเยี่ยงเป็นทนาย ใช้สอย ครั้นอยู่มายังมีคิเป๊กเจ้าเมืองหนึ่งนั้นยกกองทัพมารบ ฆ่าตั้ง หางตาย คิเป๊กได้อิเยียงไปไว้ จึงตั้งอิเยี่ยงเป็นขุนนางที่ปรึกษา อิ เยี่ยงมีความสุขมาเป็นช้านาน แล้วเซียงจูเจ้าเมืองนั้นถูกยกทัพมา รบฆ่าคิเป๊กตาย อิเยี่ยงนั้นมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก จึงไปยังเมือง นั้นก๊กแล้วเข้าซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะลอบทำร้ายเซียงจูให้ถึงแก่ ความตาย เซียงจูจับได้ถึงสองครั้ง มิได้ เอาโทษ ให้ปล่อยอิเยี่ยงเสีย ครั้นอยู่มาอิเยี่ยงลอบเข้าไปซ่อนอยู่ถึงที่ข้างใน หมายจะฆ่าเซียงจู เสีย เซียงจูก็จับได้อีกจึงถามอิเยียงว่า ตัวจะทำอันตรายเรา เราจับได้ ถึงสองครั้งแล้วก็มิได้เอาโทษ เราให้ ปล่อยตัวเสียตัวก็มิได้หลาบจำ ซื้อจะมาทำร้ายเราอีกเราก็จับตัวได้ แลตัวผูกใจแค้นเราด้วยเหตุสิ่ง ใด อิเยี่ยงจึงบอกว่า เดิมข้าพเจ้าอยู่กับตั้งหาง ตั้งหางเลี้ยงข้าพเจ้า เป็นทนายใช้สอย ครั้นที่เป๊กยกไปฆ่า ตั้งหางเสีย เอาตัวข้าพเจ้าไป ตั้งให้เป็นขุนนางที่ปรึกษา ได้ความสุขเป็นอันมาก ครั้งนี้ท่านยกไป ฆ่าเป๊ก ซึ่งเป็นนายมีคุณแก่ข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้ามีใจเจ็บแค้นอยู่ คิดอ่านมาหวังจะทำอันตรายท่านหวังจะแทนคุณ เป๊ก ซึ่งท่านจับ ข้าพเจ้าได้ถึงสองครั้งแล้วปล่อยเสียนั้น ข้าพเจ้ายังไม่หายแค้น จึง ลอบเข้ามาจะทำร้าย ท่านอีกท่านก็จับได้ แลโทษข้าพเจ้านี้ก็ถึงตาย ตามท่านจะโปรดเถิด เชียงจูจึงว่า เราจะปล่อยเสียตัวจะคิด
๒๐ เนื้อเรื่อง ทำร้ายเราอีกหรือไม่ อิเยียงจึงว่า ท่านปล่อยข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าก็ยัง คิดร้ายแก่ท่านกว่าจะทำสำเร็จ ข้าพเจ้าจึงจะหายแค้น ถ้าท่านเอ็นดู ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอเสื้อซึ่งท่านใส่ แม้ท่านโปรดให้ ข้าพเจ้า จะได้ สิ้นความพยาบาทท่าน เซียงจูได้ฟังดังนั้นก็คิดว่าอิเยี่ยงนี้มีน้ำใจ กตัญญู จะใคร่ได้อิเยียงไว้ จึงถอดเสื้อให้อิเยี่ยง อิเยี่ยงก็คำนับรับ เอาเสื้อมา จึงถอดกระบี่ออกฟันเสื้อเสียสามที แล้วว่าแก่เชียงจูว่า ข้าพเจ้าได้แทนคุณเป๊กแล้ว อิเยี่ยงก็เอากระบี่เชือดคอตาย อัน น้ำใจกวนอูนั้น ถ้าผู้ใดมีคุณแล้วเห็นจะเป็นเหมือนอิเยี่ยง อันเล่าปี่ กับกวนอูนั้นมิได้ เป็นพี่น้องกัน ซึ่งมีความรักกันนั้น เพราะได้ สาบานต่อกัน เล่าปี่ เป็นแต่ผู้น้อย เลี้ยงกวนอูไม่ถึงขนาด กวนอูยังมี น้ำใจกตัญญูต่อเล่าปี่ จึงคิดจะติดตามมิได้ทิ้งเสีย อันมหาอุปราชมี วาสนากว่าเล่าปี่ เป็นอันมาก ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้ทำนุบำรุงให้ถึง ขนาด เห็นกวนอูจะมีกตัญญูต่อท่านยิ่งนัก โจโฉจึงว่าแก่เตียวเลี้ยว ว่า ท่านว่ากล่าวทั้งนี้ก็ชอบนัก จงเร่งขึ้นไปบอกแก่กวนอูว่า ซึ่ง สัญญา สามประการนั้นเรายอมแล้ว ท่านจงเร่งพากวนอูลงมาเถิด เตียวเลี้ยวจึงลาโจโฉขึ้นไปบอกแก่กวนอู กวนอูจึงว่า ถ้ามหาอุปราช ยอมดังนั้นแล้ว ท่านจงลงไปบอกให้กองทัพซึ่งล้อมเราไว้นั้นเลิกไป เสีย เราจะเข้าไปแจ้งเนื้อความแก่พี่สะใภ้ทั้งสองคนก่อน ถ้าไม่เป็น อันตรายแล้ว จึงจะไปหามหาอุปราช เตียวเลี้ยวก็ลงไปบอกแก่โจโฉ ตามคำกวนอูว่า โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ให้ม้าใช้ไปสั่งทหารซึ่งล้อม กวนอูไว้นั้น ให้เลิกทัพถอยมา ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งกวนอูยอม แก่ท่านครั้งนี้เกลือกจะเป็นกลอุบาย โจโฉ จึงตอบว่า กวนอูเป็นคนมี ความสัตย์เห็นจะไม่คิดอ่านล่อลวงเรา ฝ่ายกวนอูครั้นเห็นทหารโจ โฉถอยไป ก็พาทหารเข้าไปในเมืองแห้ฝือ เห็นราษฎรทั้งปวงปกติ อยู่
๒๑ เนื้อเรื่อง จึงเข้าไปคำนับพี่สะใภ้ทั้งสองแล้วว่า ข้าพเจ้าเสียทีทำให้พี่ตกใจ ได้ ความเดือดร้อนนั้นโทษข้าพเจ้าผิดนัก พี่สะใภ้ทั้งสองจึงถามว่า เจ้า ยังแจ้งว่าเล่าปี่ นั้นพลัดไปอยู่แห่งใด กวนอูจึงบอกว่ายังไม่แจ้ง พี่ สะใภ้จึงว่า โจโฉก็ได้เมืองแห้ฝือแล้ว เจ้าจะคิดอ่านประการใด กวนอู จึงบอกเนื้อความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้ ข้าพเจ้าเข้ามา ปรึกษาด้วย พี่ทั้งสองจะเห็นประการใด นางกำฮูหยินจึงว่า เวลาคืนนี้ โจโฉเข้าในเมืองได้ พี่นี้เกรงอยู่ว่าจะเป็นอันตรายต่าง ๆ เป็นเดชะ บุญของเรา โจโฉกำชับทหารมิให้แปลกปลอมเข้ามา ถึงประตูได้ ครั้งนี้เจ้ากับพี่ก็อยู่ในเงื้อมมือโจโฉแลเจ้าจะยอมเข้าอยู่ด้วยเขานั้น ด้วยความจำเป็นก็ตามเถิด แต่พี่เกรงอยู่ข้อหนึ่งว่า ถ้ารู้ว่าเล่าปี่ อยู่ แห่งใดเราก็จะพากันไปหา เกลือกโจโฉจะมิให้ไป กวนอูจึงตอบว่า ข้อนี้พี่ทั้งสองอย่าวิตกเลย แม้รู้ว่าเล่าปี่ อยู่แห่งใดเราจะพากันไปหา ถึงมาตรว่า โจโฉจะขัดขวางไว้ ข้าพเจ้าจะคิดอ่านแก้ไขไปให้จงได้ แล้วกวนอูก็ลาพี่สะใภ้ทั้งสอง พาทหารประมาณ สามสิบคนออกไป ถึงหน้าค่ายโจโฉ โจโฉเห็นกวนอูมาก็มีความยินดี จึงออกไปรับ กวนอูเข้ามา กวนอู จึงคำนับโจโฉแล้วว่า ตัวข้าพเจ้าเป็นเชลย ท่าน มิได้ฆ่าเสีย แล้วออกไปรับข้าพเจ้าถึงนอกค่ายนั้น คุณหาที่สุดมิได้ - โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่กวนอูว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าท่านมีความสัตย์ แลกตัญญู บัดนี้เรากับท่าน ได้พบกันเราก็มีความยินดี กวนอูจึง ตอบว่าเตียวเลี้ยวไปบอกข้าพเจ้าว่า มหาอุปราชรับปฏิญาณ ทั้งสาม ประการแล้วข้าพเจ้าก็มีความยินดี เห็นว่าถึงนานไปเมื่อหน้ามหา อุปราชก็จะไม่คืนคำ โจโฉจึงว่า
๒๒ เนื้อเรื่อง ซึ่งปฏิญาณของท่านนั้น เราได้ออกปากรับแล้ว ถึงจะเป็นประการใด เราก็มีให้เสียวาจา กวนอูได้ฟังดังนั้น ก็มีความยินดีจึงว่า แม้ข้าพเจ้า รู้ว่าเล่าปี่ อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าเป็นทางกันดารจะต้องข้ามพระ มหาสมุทร แลลุยเพลิงก็ดี ข้าพเจ้าจะไปหาเล่าปี่ ให้จงได้ แม้ข้าพเจ้า ยังมิทันถามหาอุปราชก็ดี ขอท่านให้อภัย แก่ข้าพเจ้า อย่าเคืองด้วย เนื้อความข้อนี้เลย โจโฉจึงว่า ซึ่งท่านรู้ข่าวเล่าปี่ แล้วจะไปหาก็ตาม เถิด แต่ ให้ท่านตรึกตรองดูให้เห็นควรก่อน แล้วโจโฉก็ให้กวนอูกิน โต๊ะ แล้วว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะยกกลับไปเมืองฮูโต๋ กวนอูเข้าไปบอกพี่ สะใภ้แล้ว ก็จัดแจงสิ่งของทั้งปวงแล้วออกมา ครั้นเวลาเช้าโจโฉก็ยก ทหารไป กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นขี่รถตามกองทัพโจโฉไป เวลา ค่ำถึงที่ประทับตำบลใด โจโฉจึงให้กวนอูกับ ภรรยาเล่าปี่ ทั้งสองคน นั้นอยู่เรือนเดียวกัน หวังจะให้กวนอูคิดทำร้ายพี่สะใภ้ น้ำใจจะได้ แตกออกจาก เล่าปี่ จะได้เป็นสิทธิ์แก่ตัว ฝ่ายกวนอูให้พี่สะใภ้ทั้งสอง นอนห้องข้างใน ตัวนั้นก็นั่งจุดเทียนดูหนังสือ รักษา พี่สะใภ้อยู่นอก ประตูยันรุ่ง มิได้ประมาทสักเวลาหนึ่งจนถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉรู้ดังนั้นก็ เกรงใจกวนอู ว่ามีความสัตย์แลกตัญญูต่อเล่าปี่ โจโฉจึงให้กวนอูกับ ภรรยาเล่าปี่ ไปอยู่ ณ ตึกสองหลังมีชานกลาง กวนอู จึงให้พี่สะใภ้ทั้ง สองคนนั้นอยู่ตึกหนึ่ง แล้วให้ทหารที่แก่ชราอยู่รักษาประมาณสิบ คน ตัวนั้นอยู่ตึกหนึ่ง ระวังรักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉจึงพากวนอูเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วทูลว่า กวนอูคนนี้มี ฝีมือ พอจะเป็นทหารได้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็มีความยินดีจึงตั้งกวนอู เป็นนายทหาร โจโฉกับกวนอูก็ลากลับมาบ้าน โจโฉจึงให้เชิญกวนอู กินโต๊ะ จัดแจงให้กวนอูนั่งที่สูงกว่าขุนนางทั้งปวง แล้วให้เครื่องเงิน เครื่องทอง และแพรอย่างดีแก่กวนอูเป็นอันมาก
๒๓ เนื้อเรื่อง กวนอูรับเอาสิ่งของนั้นแล้วก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่ จึงบอกเนื้อความ ทั้งปวงแก่พี่สะใภ้แล้วเอาสิ่งของนั้นให้ ฝ่ายโจโฉทำนุบำรุงกวนอูมิ ให้อนาทร สามวันแต่งโต๊ะไปให้ครั้งหนึ่ง ห้าวันครั้งหนึ่ง แล้วจัด หญิง สาวที่รูปงามสิบคนให้ไปอยู่ปฏิบัติกวนอูหวังจะผูกน้ำใจไว้ให้ กวนอูหลง กวนอูให้หญิงสิบคนไปอยู่ที่พี่สะใภ้ ใช้สอย ครั้นถึงสาม วันกวนอูจึงไปเยือนพี่สะใภ้ครั้งหนึ่ง นั่งอยู่แต่นอกประตูแล้วถามว่า พี่อยู่ปกติอยู่หรือ หรือป่วยไข้ประการใด พี่สะใภ้จึงตอบว่า ปกติอยู่ มิได้ป่วยไข้ประการใด เจ้ารู้ข่าวเล่าปี่ บ้างหรือไม่ กวนอูว่าไม่แจ้ง แล้วคำนับพี่สะใภ้ลากลับมา โจโฉรู้กิตติศัพท์ว่ากวนอูปฏิบัติพี่สะใภ้ โดยสุจริตดังนั้น ก็สรรเสริญกวนอูว่ามีความสัตย์หาผู้เสมอมิได้ ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉให้เชิญกวนอูมากินโต๊ะ เห็นกวนอูห่มเสื้อ ขาด โจโฉจึงเอาเสื้ออย่างดีให้ กวนอู กวนอูรับเอาเสื้อแล้ว จึงเอาเสื้อ ใหม่นั้นใส่ชั้นใน เอาเสื้อเก่านั้นใส่ชั้นนอก โจโฉเห็นดังนั้นก็หัวเราะ แล้วถามว่า เอาเสื้อใหม่ใส่ชั้นในนั้นกลัวจะเก่าไปหรือ กวนอูจึงว่าเสื้อ เก่านี้ของเล่าปี่ ให้ บัดนี้เล่าปี่ จะไปอยู่ ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอา เสื้อผืนนี้ใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้นจะเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ ชั้นนอก คนทั้งปวงจะครหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า โจโฉได้ยิน ดังนั้นก็สรรเสริญกวนอูว่ามีกตัญญูนัก แต่คิดเสียใจอยู่ กวนอูก็ลา โจโฉกลับมาที่อยู่ ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง หญิงคนใช้มาบอกแก่กวนอูว่า บัดนี้พี่สะใภ้ทั้งสองร้องไห้รักกันอยู่ ด้วยเหตุ สิ่งใดมิได้แจ้ง กวนอู ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงเข้าไปถึงริมประตูแล้วถามว่า พี่ทั้งสองร้องไห้ ด้วยเหตุสิ่งใด
๒๔ เนื้อเรื่อง นางกำฮูหยินจึงตอบว่า คืนนี้พี่ฝันเห็นเล่าปี่ ตกหลุมลง ครั้นตื่นขึ้น มาก็ตกใจจึงแก้ฝันนางบีฮูหยิน เห็นพร้อมกันว่าเล่าปี่ ตายแล้วพี่จึง ร้องไห้รัก กวนอูได้ฟังดังนั้น พิเคราะห์ดูเห็นฝันผิดประหลาด สำคัญว่าเล่าปี่ เป็นอันตรายก็ร้องไห้ด้วย แล้วกวนอูจึงคิดกลอุบาย ว่าแก่พี่สะใภ้ทั้งสองหวังจะ ให้คลายความทุกข์ จึงว่าฝันนั้นจะสำคัญ เอาเป็นแน่มิได้ ด้วยพี่ทั้งสองมีน้ำใจคิดถึงเล่าปี่ อยู่ จึงเผอิญ ให้ฝัน ทั้งนี้ ใช่เล่าปี่ จะเป็นอันตรายอย่างนั้นหามิได้ พี่ทั้งสองอย่าเศร้าโศก เลย พอคนใช้โจโฉมาบอก กวนอูว่า มหาอุปราชให้เชิญไป กวนอูก็ ลาพี่สะใภ้ไปหาโจโฉ โจโฉเห็นหน้ากวนอูเศร้าหมองจึงถามว่า วันนี้ เราเห็นท่านไม่สบาย มีทุกข์สิ่งใดหรือ กวนอูบอกว่า พี่สะใภ้ข้าพเจ้า ทั้งสองคิดถึงเล่าปี่ ด้วยมิรู้ว่าเป็นหรือ ตายแล้วชวนกันร้องไห้ ข้าพเจ้าก็กลั้นน้ำตามได้ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ปลอบโยนกวนอู แล้วก็ ชวนกินโต๊ะ หวังจะให้คลายความทุกข์ กวนอูเสพสุราเมามิได้ เกรงใจโจโฉ เอามือจับหนวดของตัวเข้าแล้วจึงว่า เกิดมาเป็นชายไม่ ได้ทำนุบำรุงแผ่นดินทั้งเล่าปี่ ผู้พี่นั้นก็มีคุณมา ถ้าเราจะเอาใจออก หากบัดนี้ ก็หาผู้ใดจะ นับถือว่าเป็นชายไม่ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า กวนอูยังมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่ อยู่ โจโฉทำเป็นไม่ได้ยินจึง แกล้งถาม กวนอูว่า หนวดของท่านประมาณสักกี่เส้น กวนอูจึงตอบว่าหนวด ของข้าพเจ้าประมาณ หลายร้อยเส้น ครั้นถึงเทศกาลหนาวก็หล่นไป บ้าง ข้าพเจ้าจึงทำถุงใส่ไว้ โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงเอาแพรขาว อย่างดี ทำถุงให้กวนอูสำหรับใส่หนวด กวนอูรับเอาถุงนั้นแล้วก็ลากลับมาที่ อยู่ ครั้นเวลาเช้ากวนอูเข้าไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตร เห็นกวนอูใส่ถุงหนวดดังนั้น จึงตรัสถามว่า ถุงใส่สิ่งใดแขวนอยู่ที่คอ นั้น กวนอูจึงทูลว่า ถุงนี้มหาอุปราชให้ข้าพเจ้าสำหรับใส่หนวดไว้ แล้วกวนอูก็ถอดถวายให้ทอดพระเนตร พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นหนวด กวนอูยาวถึงอกเส้นละเอียดงาม เสมอกัน
๒๕ เนื้อเรื่อง แล้วตรัสสรรเสริญว่ากวนอูนี้หนวดงาม จึงพระราชทานชื่อว่า บี เยี่ยงก๋ง แปลภาษาไทยว่า เจ้าหนวดงาม แล้วก็เสด็จขึ้น โจโฉกับ ขุนนางทั้งปวงแลกวนอูก็ออกจากที่เฝ้า มาถึงประตูวังกวนอูก็ขึ้นมา ตามโจโฉไป ครั้นถึงหน้าบ้านกวนอูก็ลาโจโฉจะมาที่อยู่ โจโฉเห็น ม้ากวนอูผอม จึงถามว่าเหตุใดมาจึงผอมไม่สมตัวท่าน กวนอูจึงตอบ ว่า ม้าตัวนี้ มีกำลังน้อย ทานกำลังข้าพเจ้ามิได้จึงผอม โจโฉได้ฟังดัง นั้นจึงให้ทหารไปเอาม้าเซ็กเธาว์มา แล้วถามกวนอู ว่าม้าตัวนี้เป็น ของผู้ใดท่านรู้จักหรือไม่ กวนอูจึงว่าม้าตัวนี้ของลิโป้ข้าพเจ้ารู้จักอยู่ โจโฉก็ให้จัดแจง เครื่องม้าพร้อมแล้วก็ให้กวนอู กวนอูมีความยินดี ลงจากม้าคุกเข่าลงคำนับแล้วว่า ซึ่งมหาอุปราชให้ม้า ตัวนี้แก่ ข้าพเจ้านั้นคุณหาที่สุดมิได้ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดกริ่งใจจึงถามว่า เราให้เงินทองสิ่งของแก่ท่านมาเป็นอันมากก็ไม่ยินดี ท่านไม่ว่า ชอบใจแลมีความยินดีเหมือนเราให้ม้าตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึงรักม้า อันเป็นสัตว์เดียรัจฉานมากกว่า ทรัพย์สิ่งสินอีกเล่า กวนอูจึงตอบว่า ข้าพเจ้าแจ้งว่าม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้มีกำลังมาก เดินทางได้วันละหมื่น เส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่าเล่าปี่ อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาได้ โดยเร็ว เหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจึงมีความยินดี ขอบคุณมหาอุปราช มากกว่าให้สิ่งของทั้งปวง โจโฉได้ฟังดังนั้นยิ่งมีความน้อยใจ แล้ว คิดว่าเราเสียทีที่ทำนุบำรุงกวนอูด้วยยศศักดิ์ศฤงคารบริวาร กวนอูก็ คิดรักเล่าปี่ อยู่มิได้ขาด กวนอูก็ลาโจโฉไปที่อยู่ โจโฉจึงถามเตียว เลี้ยวว่า เราเลี้ยงกวนอู
๒๖ เนื้อเรื่อง ก็ถึงขนาดฉะนี้แล้ว กวนอูยังมีน้ำใจผูกพันรักเล่าปี่ อยู่ เราจะคิดอ่าน ประการใดกวนอูจึงจะเอาใจออกหาก เล่าปี่ เตียวเลี้ยวจึงว่า ขอให้งด อยู่สักเวลาหนึ่งก่อน ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวลองความคิดกวนอูดูว่าจะ มีใจ สัตย์ซื่อต่อเล่าปี่ เที่ยงแท้หรือ หรือจะคิดอ่านยักย้ายประการใด บ้าง ครั้นเวลารุ่งเช้าเตียวเลี้ยวจึงไปหากวนอูถ้อยทีถ้อยคำนับกัน เตียวเลี้ยวจึงว่าแก่กวนอูว่า ตั้งแต่ มหาอุปราชได้ท่านมาไว้ก็มีความ ยินดีทำนุบำรุงท่านเป็นอันมากเพราะมีความเมตตาท่าน กวนอูจึงว่า ทุกวันนี้มหาอุปราชชุบเลี้ยงเราจึงได้มีความสุข คุณนั้นก็มีเป็นอัน มาก แต่จะได้วายคิดถึงเล่าปี่ นั้นหามิได้ เดี๋ยวเลี้ยวจึงตอบว่า ธรรมดาเกิดมาเป็นชายให้รู้จักที่หนักที่เบา ถ้าผู้ใดมิได้รู้จักที่หนักที่ เบา คนทั้งปวง ก็จะล่วงติเตียนว่า ผู้นั้นหาสติปัญญาไม่ อันมหา อุปราชนี้มีน้ำใจเมตตาท่าน ทำนุบำรุงท่านยิ่งกว่า เล่าปี่ อีก เหตุใด ท่านจึงมีใจคิดถึงเล่าปี่ อยู่ กวนอูจึงว่า ซึ่งมหาอุปราชมีคุณแก่เราก็ จริงอยู่ แต่จะเปรียบเล่าปี่ นั้นยังมิได้ ด้วยเล่าปี่ นั้น มีคุณแก่เราก่อน ประการหนึ่งก็ได้สาบานไว้ต่อกันว่าเป็นพี่น้อง เราจึงได้ตั้งใจรักษา สัตย์อยู่ ทุกวันนี้ เราก็คิดถึงคุณมหาอุปราชอยู่มิได้ขาด ถึงมาตรว่า เราจะไปจากก็จะขอแทนคุณเสียก่อนให้มีชื่อปรากฏ ไว้เราจึงจะไป เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นจึงถามกวนอูว่า ถ้าเล่าปี่ ถึงแก่ความตายแล้ว ท่านจะอยู่กับ มหาอุปราชหรือ หรือจะคิดประการใด กวนอูจึงตอบว่า ตัวเราเกิดมาเป็นชายรักษาสัตย์มิให้เสียวาจา ถึงมาตรว่าเล่าปี่ จะ ถึงแก่ความตาย เราก็จะตายไปตามความที่ได้สาบานไว้ เตียวเลี้ยว เห็นกวนอูนั้นมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่ อยู่เป็นมั่นคง ก็ลากลับมา จึงเอา เนื้อความทั้งปวงบอก แก่โจโฉทุกประการ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ทอด ใจใหญ่
๒๗ เนื้อเรื่อง มีความวิตก ซึ่งจะเอากวนอูไว้ให้ขาดจากเล่าปี่ ก็ไม่สมคิด แล้ว สรรเสริญกวนอูว่ามีความสัตย์ซื่อมั่นคงนัก ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า อันความคิดกวนอูนั้น จะแทนคุณมหาอุปราชเสียก่อน แล้วจึงจะไป จาก ถ้ามีศึกมาก็อย่าให้กวนอูออกอาสา แม้กวนอูยังไม่มี ความชอบ ก็จะอยู่ด้วยมหาอุปราช โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย
๒๘ เนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องย่อสามก๊ก พระเจ้าเลนเต้ครองแผ่นดินจีนในปลายสมัยราชวงศ์ฮั่น บ้านเมืองเริ่ม เสื่อมอำนาจ เพราะพวกขันต (ที่กษัตริย์หลงเชื่อ) ร่วมมือกันกำจัด ขุนนางผู้ใหญ่และฉ้อราษฎร์บังหลวง ประชาชนเดือดร้อน ต่อมาเกิดมี โจรโพกผ้าเหลืองเป็นกบฏ ไม่มีผู้ใดปราบได้ มีชาวเมือง ๓ คน คือ เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย สาบานเป็นพี่น้องกันอาสาปราบโจรโพกผ้าเหลืองได้ พระเจ้าเลนเต้จึงให้เล่าปี่ ไปครองเมือง โดยมีเตียวหุย และกวนอูเป็น ขุนนางเอก ส่วนพระเจ้าเลนเต้มีขุนพลหนุ่มชื่อโจโฉ สามารถปราบโจร โพกผ้าเหลือง แตกพ่ายไปได้เช่นเดียวกัน กาม และคิด เรื่องต่อ สัญญา ว่าถ้า และชุนกวน ส หลังจากพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ ตั๋งโต๊ะ ได้ปราบ ขันทีแล้วถอดโอรสซึ่งทรงพระเยาว์ ของพระเจ้าเลนเต้ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง พระอนุชาต่างพระมารดาของพระองค์เป็นกษัตริย์ ทรง พระนามว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั้งโต๊ะเป็น มหาอุปราช มีลิโป้เป็นทหารเอก ตั้งโต๊ะทำให้ ประชาชนเดือดร้อน จึงมีผู้คิดอุบายให้ลิโป้กับตั๋งโต๊ะ ผิดใจ กันและฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย โจโฉเข้ามากุมอำนาจ โจโฉ เราก็ฆ่าเสีย ไปอยู่เมือง ขอให้ท่าน กับพวกเพี รูปปั้ นขงเบ้ง กวนอู เล่าปี่ อ้นเล่าปี่ นั้นตั้งรอกัน ยก ทัพไปปราบหัวเมืองต่าง ๆ และได้เป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว ซึ่งสู้รบกับเล่าปี่ มา ตลอด เล่าปี่ แพ้โจโฉมาตลอดจนเมื่อได้ขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษากลศึก ขงเบ้งแนะให้เป็นมิตรกับ ซุนกวน ขงเบ้งคิดกลศึกกับจิวยี่ขุนพลของซุน กวนจนสามารถตีทัพโจโฉแตกพ่ายไป ถ้าท่านยก ได้นั้นชัด ครั้นต่อมา เล่าปี่ กับซุนกวนเกิดแตกคอกันทำให้ต้องสู้รบกับศึกทั้ง ๓ ด้าน เมื่อโจโฉ ตาย โจผีบุตรโจโฉบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้สละราชสมบัติ สถาปนา ตนเองเป็นกษัตริย์ราชวงศ์วัย เมื่อสิ้นพระเจ้าเหี้ยนเต้ จีนแบ่งเป็น ๓ ก๊ก คือ กักวุ่ยทายาทโจโฉ ก๊กชั่น (ก๊กจ๊ก) ของเล่าปี่ และ ก๊กง่อของซุนกวน สามก๊กนี้รบกันเป็นเวลาถึง ๖๐ ปี จึงรวมกันอยู่ใต้การปกครองของ กษัตริย์องค์เดียวกัน
๒๙ เนื้อเรื่องย่อ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ สมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉเป็นมหาอุปราชสำเร็จราชการแผ่น ดิน โจโฉคิดกำจัดเล่าปี่ ขณะนั้น ครองเมืองชีจิ๋ว เล่าปี่ ลี้ภัยไปอยู่ เมืองกิจิ๋ว โจโฉเข้ายึดเมืองชีจิ๋วของเล่าปี่ และไปตีเมืองแห้ฝือ ของกวนอู และ ล้อมจับกวนอูไว้ เตียวเลี้ยวเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ ไปอยู่กับโจโฉ กวนอูขอสัญญา ๓ ข้อจากโจโฉว่า ขอให้ได้ เป็น ข้ารับใช้พระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอปรนนิบัติคุ้มครองพี่สะใภ้ และหากรู้ ว่าเล่าปี่ อยู่แห่งใดจะไปหาเล่าปี่ ทันที แต่แรกโจโฉไม่ยอมรับข้อ สุดท้ายต่อเมื่อเตียวเลี้ยวยกนิทานเรื่อง อิเยี่ยงผู้มีความกตัญญู มากหากโจโฉ ผูกใจกวนอูได้ กวนอูก็จะมีความกตัญญูต่อโจโฉ โจโฉจึงยอมรับเงื่อนไขทั้ง ๓ ข้อ โจโฉพากวนอูไปถวายตัวกับ พระเจ้าเหี้ยนเต้ และทำนุบำรุงเอาใจกวนอูทุกประการ เป็นต้นว่า เลี้ยงโต๊ะ มอบเงินทอง นำม้าเซ็กเธาว์ของลิโป้มาให้ใช้ ทั้งดูแลพี่ สะใภ้ทั้งสองเป็นอย่างดี แต่กวนอูก็ยังคิดจะไปหาเล่าปี่ และ ซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่ จนโจโฉน้อยใจ แต่อย่างไรก็ตาม โจโฉยกย่อง ในความซื่อสัตย์ของ กวนอูและคิดว่ากวนอูจะไม่จากตนไปไหน หากยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ เรื่องต่อจากตอนที่เรียนกล่าวถึง กวนอูรู้ข่าวเล่าปี่ อยู่ที่เมืองกิจิ๋ว กวนอูลาโจโฉไปหาเล่าปี่ และให้ คำมั่น สัญญาว่าถ้ามีโอกาสจะมาตอบแทนบุญคุณ ครั้นโจโฉถูก จิวยี่เผาทัพเรือพินาศในการสู้รบกับเล่าปี่ และซุนกวน กวนอูยอม ปล่อยโจโฉให้หนีไปเพราะคิดถึงบุญคุณของโจโฉ
๓๐ เนื้อเรื่องย่อ ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ สมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉเป็นมหาอุปราชสำเร็จราชการแผ่น ดิน โจโฉคิดกำจัดเล่าปี่ ขณะนั้น ครองเมืองชีจิ๋ว เล่าปี่ ลี้ภัยไปอยู่ เมืองกิจิ๋ว โจโฉเข้ายึดเมืองชีจิ๋วของเล่าปี่ และไปตีเมืองแห้ฝือ ของกวนอู และ ล้อมจับกวนอูไว้ เตียวเลี้ยวเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ ไปอยู่กับโจโฉ กวนอูขอสัญญา ๓ ข้อจากโจโฉว่า ขอให้ได้ เป็น ข้ารับใช้พระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอปรนนิบัติคุ้มครองพี่สะใภ้ และหากรู้ ว่าเล่าปี่ อยู่แห่งใดจะไปหาเล่าปี่ ทันที แต่แรกโจโฉไม่ยอมรับข้อ สุดท้ายต่อเมื่อเตียวเลี้ยวยกนิทานเรื่อง อิเยี่ยงผู้มีความกตัญญู มากหากโจโฉ ผูกใจกวนอูได้ กวนอูก็จะมีความกตัญญูต่อโจโฉ โจโฉจึงยอมรับเงื่อนไขทั้ง ๓ ข้อ โจโฉพากวนอูไปถวายตัวกับ พระเจ้าเหี้ยนเต้ และทำนุบำรุงเอาใจกวนอูทุกประการ เป็นต้นว่า เลี้ยงโต๊ะ มอบเงินทอง นำม้าเซ็กเธาว์ของลิโป้มาให้ใช้ ทั้งดูแลพี่ สะใภ้ทั้งสองเป็นอย่างดี แต่กวนอูก็ยังคิดจะไปหาเล่าปี่ และ ซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่ จนโจโฉน้อยใจ แต่อย่างไรก็ตาม โจโฉยกย่อง ในความซื่อสัตย์ของ กวนอูและคิดว่ากวนอูจะไม่จากตนไปไหน หากยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ เรื่องต่อจากตอนที่เรียนกล่าวถึง กวนอูรู้ข่าวเล่าปี่ อยู่ที่เมืองกิจิ๋ว กวนอูลาโจโฉไปหาเล่าปี่ และให้ คำมั่น สัญญาว่าถ้ามีโอกาสจะมาตอบแทนบุญคุณ ครั้นโจโฉถูก จิวยี่เผาทัพเรือพินาศในการสู้รบกับเล่าปี่ และซุนกวน กวนอูยอม ปล่อยโจโฉให้หนีไปเพราะคิดถึงบุญคุณของโจโฉ
๓๑ ข้อคิดและคุณค่าจากเรื่อง คุณค่าด้านเนื้อหา เนื้อเรื่อง สามก๊กได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอด ความเรียงเรื่องนิทานประเภทร้อยแก้ว ดีทั้งด้าน เนื้อเรื่องและ สำนวนภาษา สามก๊กมีเนื้อหาการชิงอำนาจ กลอุบายการศึก และการปกครอง บ้านเมือง จึงเป็น เรื่องที่นิยมอ่านกันมาก โดยเฉพาะผู้ปกครองบ้านเมืองและผู้ใต้ปกครอง เนื้อหาเกี่ยว กับ กลยุทธ์ทางทหารและ การใช้ไหวพริบ ตลอดจนเรื่องการ รู้จักใช้คน จะเห็นได้จากตอนกวนอูไปรับราชการ กับโจโฉ โจ โฉเป็นมหา อุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นขุนพลผู้มีความ สามารถดำรงตำแหน่งขุนนาง ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปจน ตลอด อายุขัยของตน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จึงตั้งฉายาให้ โจโฉเป็น “โจโฉ” นายกตลอดกาล” แม้ว่า โจโฉจะมี พฤติกรรมทั้งด้านดีและด้านเสีย แต่ยาขอบก็ตั้งฉายาให้โจ โฉว่า “โจโฉผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ\" โจโฉจะทรยศ ผู้อื่นก่อนที่ จะถูกผู้อื่นทรยศ นี่คือพฤติกรรมด้านเสียของ โจโฉ โจโฉเป็น ผู้มีฝีมือ ทระนงองอาจ กล้าหาญ ฉลาด รอบคอบ คิดการณ์ ไกล เมื่อไปรบกับเล่าปี่ ก็คิดว่า “เล่านั้นเป็นคนมีสติปัญญาถ้า ละไว้ช้าก็จะมีกำลังมากขึ้น” แม้โจโฉจะมีความคิดอ่านดี แต่ก็ ปรึกษาขุนนาง ด้วย ในยามที่กวนอูอยู่ในวงล้อมข้าศึก กวนอู ขอสัญญา ๓ ข้อ
๓๒ ซึ่งโจโฉไม่เห็นด้วยกับข้อสุดท้าย ที่ว่าหากกวนอูรู้ว่าเล่าปี่ อยู่ที่ ใดจะไปหาทันที เตียวเลี้ยวทัดทานและยก อุทาหรณ์เรื่องอิเยี่ยงโจโฉก็ยอมรับ สัญญาข้อที่สามของกวนอู ทำให้เห็นว่า โจโฉตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผล ครั้นเมื่อได้กวนอูมารับราชการกับโจโฉ โจโฉได้แสดงให้เห็นว่า ยกย่องคนที่มีสติปัญญา มีคุณธรรมความซื่อสัตย์ และความกตัญญู จะเห็นได้จากโจโฉสรรเสริญกวนอูอยู่เสมอว่า “เราก็แจ้งอยู่ว่า ท่านมีความสัตย์แลกตัญญู บัดนี้เราพบกับท่านเราก็มีความยินดี” หรือที่โจโฉกล่าวว่า “ซึ่ง ปฏิญาณ ของท่านนั้นเราได้ออกปากรับแล้ว ถึง จะเป็นประการใด เราก็มีให้เสียวาจา” หรืออีกตอนหนึ่งว่า “โจโฉ รู้กิตติศัพท์ว่า ก็สรรเสริญ กวนอูว่ามีความ สัตย์หาผู้เสมอมิได้\" ในขณะที่กวนอูอยู่กับโจโฉ โจโฉพยายาม รักษาน้ำใจกวนอูอยู่เสมอเพราะโจโฉเคยกล่าวไว้ ว่า “อันกวนอูนั้นมีฝีมือกล้าหาญชานาญในการสงคราม เราจะ ใคร่ได้ตัวมาเลี้ยงเป็นทหาร” ฉะนั้น โจโฉ พยายามที่จะยกย่องกวนอูอยู่เสมอ โดย “จัดแจงให้กวนอู นั่งที่ สูงกว่าขุนนางทั้งปวง” “ให้เครื่องเงินเครื่องทอง แลแพรอย่างดีแก่กวนอูเป็นอันมาก” “เอาเสื้ออย่างดีให้กวนอู” “จัดมาเซ็กเธาว์ให้กวนอู” “สามวันแต่งโต๊ะ ไปให้ครั้งหนึ่ง ห้าวันครั้งหนึ่ง แล้วจัดหญิงสาว ที่รูปงามสิบคน ให้ไปอยู่ปฏิบัติกวนอูหวังจะผูกน้ำใจไว้” แต่ก็ไม่ วายที่คิดจะลองใจกวนอูโดย “โจโฉจึงให้กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ ทั้ง สองคนนั้นอยู่เรือนเดียวกัน” หวังจะให้กวนอู คิดทำร้ายพี่สะใภ้ แต่กวนอู ไม่หลงกลโจโฉ
๓๓ แต่กลับทำให้โจโฉออกปากสรรเสริญกวนอูว่าเป็นคนซื่อสัตย์ โดยแท้แม้ในตอนท้าย กวนอูรู้ข่าวเล่าปี่ แล้วมาลาโจโฉ โจโฉก มิได้ยับยั้ง ทำตามสัญญาที่ให้ไว้เพื่อรักษาวาจา ซึ่งก็ เป็นสิ่งที่ดี ของโจโฉ ส่วนกวนอูเป็นทหารเอกร่วมสาบานเป็นพี่ น้องกันของเล่าปี่ ยาขอบตั้งฉายาให้กวนอูว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อ” สัญลักษณ์ของกวนอู คือ มีหน้า แดง จึงมีคำกล่าวว่า “หน้าแดงเหมือนกวนอู กวน อูนั้นมีฝีมือกล้าหาญในการรบและยึดมั่นในความซื่อสัตย์ จงรัก ภักดีต่อนายเก่าของตน คือ เล่าปี อย่างไม่เปลี่ยนแปลงแม้นใคร จะทำดีด้วยสักเท่าใดก็ยังคิดถึงนายเก่าของตนดังคำกล่าวตอน ได้เสื้อใหม่ กวนอูกล่าวว่า “เสื้อเก่านี้ของเล่าปี่ ให้บัดนี้เล่าปี่ จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้า จึงเอาเสื้อผืนนี้ใส่ชั้นนอกหวัง จะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้นจะเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นนอก คนทั้งปวงจะครหานินทาว่าได้ ใหม่แล้วลืมเก่า หรือตอนโจโฉให้กวนอูอยู่เรือน เดียวกันกับภรรยาเล่าปี่ กวนอูก็ให้พี่สะใภ้นอนห้องข้างในตนอยู่ ข้างนอก ประตูกันคำครหานินทา แต่กระนั้นก็ ตามกวนอูก็รู้บุญคุณโจโฉ และตอบแทนคุณโจโฉ ในคราวที่โจ โจ แตกพ่ายเพราะถูกจิวยี่เผาทัพเรือ กวนอูก็ยอม ปล่อยโจโฉให้หนีไปได้เพราะสำนึกถึงบุญคุณของโจโจ นับว่า กวนอูมีคุณธรรมในด้านความซื่อสัตย์และความ กตัญญูสมควรแก่การยกย่องและเคารพบูชา
๓๔ ตัวละคร ตัวละครในเรื่องสามก๊กมีจำนวนมาก ซึ่งตัวละครที่มีบทบาท สำคัญในตอนนี้จะขอกล่าว ๓ ตัว คือ ๑) โจโฉ เป็นนักปกครองที่ฉลาด มีความคิดกว้างไกลและ รอบคอบ รู้จักใช้คนได้ เหมาะสมกับงาน ชื่นชมคนดีและมี ความสามารถ เห็นได้จากคำพูดของโจโฉที่กล่าวถึงกวนอูว่า “...อันกวนอูนั้นมีฝีมือกล้าหาญชำนาญในการสงครามเราจะ ใคร่ได้ตัวมาเลี้ยง เป็นทหาร...\" แม้โจโฉจะเป็นถึงมหาอุปราช มีตำแหน่งสูง แต่ก็เอาใจใส่ ดูแลลูกน้องเป็นอย่างดี เห็นได้จากที่ให้เสื้อใหม่แก่กวนอู เพราะเห็นเสื้อของเขาขาด ดังข้อความว่า “...ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉให้เชิญกวนอูมากินโต๊ะ เห็นกวนอู ห่มเสื้อขาด โจโฉ จึงเอาเสื้ออย่างดีให้กวนอู... นอกจากนี้ โจโฉยังเป็นผู้นำท ี่มีคุณธรรม ไม่ทำร้ายผู้หญิง เห็นได้จากเมื่อเข้ายึด เมืองแห้ฝือได้นั้น โจโฉก็มิได้ทำ อันตรายผู้หญิง ดังคำกล่าวที่ว่า \"...ทุกวันนี้อย่าว่าแต่ภรรยาเล่าปี่ เลย ถึงภรรยาผู้น้อยลงไป เราก็มิได้ ให้ทําหยาบช้า...”
๓๕ ตัวละคร ๒) กวนอู ได้รับยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ความ ซื่อสัตย์ของกวนอู แสดงออกมาอย่างเด่นชัด ซึ่งปรากฏให้เห็น จากเนื้อเรื่องหลายตอน เช่น ตอนที่โจโฉกำลังพากวนอูเดิน ทาง กลับเมืองฮูโต๋ แกล้งให้กวนอูพักอยู่เรือนเดียวกับภรรยา ทั้งสองคนของเล่าปี่ แต่กวนอูก็ปฏิบัติดังนี้ “...ฝ่ายกวนอูให้พี่สะใภ้ทั้งสองนอนห้องข้างใน ตัวนั้นก็นั่งจุด เทียนดูหนังสือ รักษาพี่สะใภ้อยู่นอกประตูยันรุ่ง....” ตอนที่โจโฉให้เสื้อใหม่แก่กวนอู กวนอูก็สวมเสื้อใหม่นั้นไว้ข้าง ใน แล้วสวมเสื้อเก่าไว้ ข้างนอกดังเดิมด้วยเหตุผลที่ว่า “...เสื้อเก่านี้ของเล่าปี่ ให้ บัดนี้เล่าปี่ จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอาเสื้อผืนนี้ ใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้น จะเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นนอก คนทั้งปวงจะครหานินทาว่า ได้ ใหม่แล้วลืมเก่า...\" และเมื่อครั้งที่เตียวเลี้ยวถามก วนอูว่าถ้าเล่าปี่ ตายแล้ว กวนอู จะทำอย่างไร ก วนอูก็ตอบว่า “...ตัวเราเกิดมาเป็นชายรักษาสัตย์มิให้เสียวาจา ถึงมาตรว่า เล่าปี่ จะถึงแก่ความตาย เราก็จะตายไปตามความที่ได้สาบาน ไว้...”
๓๖ ตัวละคร ๓) เตียวเลี้ยว เป็นผู้มีปัญญาใจเย็นและมีวาทศิลป์ สามารถ เกลี้ยกล่อมกวนอูให้ยอมมาอยู่ กับโจโฉได้ และสามารถโน้ม น้าวโจโฉให้ยอมตกลงทำตามสัญญาทั้ง ๓ ประการของกวนอู ฉาก เหตุการณ์สำคัญของตอนนี้เกิดขึ้นที่เมืองแท้มือที่กวนอูเป็นผู้ รักษาเมืองแทนเล่าปี่ และเมืองฮูโต๋ที่โจโฉเป็นผู้ปกครองซึ่งไม่ ได้บรรยายรายละเอียดของสถานที่ แต่เน้นบรรยายเหตุการณ์ ต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวละคร แก่นเรื่อง แก่นเรื่องของสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉนี้ กล่าวถึงการมีความซื่อตรงและ รักษาสัตย์เป็นคุณสมบัติของ นักรบ นอกจากนี้ถ้าผู้ใดเป็นนักรบแล้วและให้ความสำคัญกับ ทหารหรือนักรบ ด้วยกัน แล้วถือว่ามีคุณสมบัติที่ดียิ่งรวมทั้ง การมีความเสียสละให้กับกองทัพด้วย
๓๗ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ลักษณะการประพันธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ สามก๊กไว้ว่า “สำนวนหนังสือสาม ก๊กดีกว่าเรื่องอื่นด้วยใช้ถ้อยคำและเรียงความเรียบร้อย สม่ำเสมอ อ่านเข้าใจง่าย” ส่วนศาสตราจารย์พระยา อนุมานราชธน แสดงทรรศนะเกี่ยวกับสามก๊กว่า “แต่งดี เพราะแต่งกะทัดรัด ใช้คำพูดไม่กี่คำก็ได้ความบริบูรณ์และ เป็นสำนวนอย่างไทย อ่านแล้วเข้าใจดี” ดังนั้น ลีลาการแต่ง สามก๊กจึงมีอิทธิพลต่อการแปลวรรณกรรมจีนในสมัยหลัง ศิลปะการประพันธ์ ศิลปะในการแต่งสามก๊กนี้อยู่ที่การดำเนินเรื่องที่มีความฉับไว สร้างความตื่นเต้นให้กับ ผู้อ่านอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการบรรยาย พฤติกรรมของตัวละครที่มีความกระชับ มีการใช้ภาษาที่เข้าใจ ง่าย มีการแฝงคติธรรม ในสามก๊กนี้มีศิลปะการประพันธ์ที่น่า สนใจและกล่าวได้ว่าเด่นมากในกลวิธี การประพันธ์ นั่นก็คือ อุปมาโวหาร ตัวอย่างอุปมาโวหารนี้มักพบในสามก๊กเป็นส่วน ใหญ่ เช่น ตอนที่ เตียวเลี้ยวกล่าวแก่กวนอูว่า “...อีกประการหนึ่งนั้น ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจใน ขนบธรรมเนียมโบราณมา เป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงไม่รักษา ชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิด การทำนุบำรุงแผ่นดิน ให้ อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความลำบากก็อุปมาเหมือน หนึ่งลุยเพลิงอันลุกแลข้าม พระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่...”
๓๘ คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง จากเรื่องสามก๊กจะเห็นว่าสภาพบ้านเมืองในสมัยนั้นผู้คนมี การแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ๆ เกิดศึกสงครามไปทั่ว เพื่อขยาย อำนาจของกลุ่มตน การสื่อสาร การสื่อสารใช้การส่งจดหมายถึงกันซึ่งเรียกว่า หนังสือ โดยให้ คนเดินทางนำไปส่ง ยังที่หมาย เห็นได้จากข้อความว่า “...เล่าปี่ ก็แต่งหนังสือไปให้อ้วนเสี้ยว ซุนเขียนก็รับเอาหนังสือ ไป ถึงเมืองกิจิ๋ว...” การเดินทาง ในสมัยของสามก๊กนี้นิยมใช้ม้าเป็นพาหนะในการเดินทางและใน การรบ ดังจะเห็นได้ จากเนื้อเรื่องตอนหนึ่งที่กวนอูดีใจเมื่อได้รับ ม้าเซ็กเธาว์ “...ข้าพเจ้าแจ้งว่าม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้มีกำลังมาก เดินทางได้วันละ หมื่นเส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่าเล่าปี่ อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไป หาได้โดยเร็ว...” นอกจากใช้ม้าเป็นพาหนะในการเดินทาง ก็ยังปรกฎว่ามีการใช้ รถด้วยแต่สันนิษฐานว่าไม่แพร่หลายนัก น่าจะมีใช้เฉพาะผู้ที่มี ฐานะและชนชั้นสูงเท่านั้น ดังเนื้อเรื่องว่า “...กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นขี่รถตามกองทัพโจโฉไป....”
๓๙ การแสดงความเคารพ คนจีนแสดงความเคารพต่อกันด้วยการคำนับ เห็นได้จากเนื้อ เรื่องว่า “...แล้วเตียวเลี้ยวก็ลงจากม้าเอาข้าวนั้นวางไว้ เข้าไปคำนับ กวนอู กวนอู เห็นดังนั้นก็ลงจากม้ารับคำนับเตียวเลี้ยว...”
๔๐ ความรู้จากวรรณคดี ๑. ได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ๒. ได้ความรู้เกี่ยวกับสังคมจีนในสมัยนั้นที่แทรกอยู่ในวรรณคดี เรื่อง ให้รางวัล การตั้งโต๊ะเลี้ยง การจุดเทียนอ่านหนังสือ การจุด ประทัด “ท่านจับทหารเล่าปี่ ไว้ได้เป็นอันมาก จงให้บำเหน็จรางวัลให้ถึง ขนาด “ฝ่ายกวนอูให้พี่สะใภ้ทั้งสองนอนห้องข้างใน ตัวนั้นก็นั่งจุดเทียน ดูหนังสือ” “ฝ่ายโจโฉทำนุบำรุงกวนอูมิให้อนาทร สามวันแต่งโต๊ะไปให้ครั้ง หนึ่ง ห้าวันครั้งหนึ่ง” “พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแลเห็นเคาทูกับซิหลงคุมทหารออก รบสกัดไว้ทั้งซ้ายขวา” ๓. ได้ความรู้เกี่ยวกับการเดินทางของจีนสมัยนั้น ใช้พาหนะ คือ ม้าและเกวียน วัดระยะทางเป็น \"เส้น\" (๑ เส้น = ๔๐ เมตร) ๔. ได้ความรู้เกี่ยวกับชื่อคน ชื่อสถานที่ต่างๆ ที่เป็นภาษาจีน ซึ่งมี ประโยชน์ในการอ่านออกเสียงให้ ถูกต้องตามตัวสะกดและรูป วรรณยุกต์ เช่น อ้วนเสี้ยว เตียนห้อง เตียวหุย ซุนฮก เคาทู อิกิ๋ม ลิ เตียน ซิหลง งักจิ้น แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน อ้วนถำ ๕. ได้ความรู้เกี่ยวกับการรู้จักใช้คนการผูกน้ำใจ และการยกย่อง ผู้มีคุณธรรมและมีความสามารถ ในการรบ ดังเช่น โจโฉยกย่อง กวนอู ดังนี้ “อันกวนอูนั้น มีฝีมือกล้าหาญชำนาญในการสงครามเราจะใคร่ได้ ตัวมาเลี้ยงเป็นทหาร” “โจโฉได้ยินดังนั้นก็สรรเสริญกวนอูว่ามีกตัญญูนัก” “โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่...แล้วสรรเสริญกวนอูว่ามีความ สัตย์ซื่อมั่นคงนัก
๔๑ ข้อคิดนำชีวิต ๑. ควรเป็นคนที่มีคุณธรรม เช่น มีความซื่อสัตย์และความ กตัญญู อย่างเช่น กวนอู ๒. ควรยกย่องคนที่มีความสามารถ กล้าหาญ ดังเช่น โจโฉ ยกย่องกวนอู ๓. ไม่ควรแตกสามัคคีกัน เพราะบ้านเมืองจะไม่สงบสุข ดูเช่น สามก๊ก แตกแยกออกเป็นสามพวก และทำสงครามกันยาวนา นกว่าจะพบกับความสงบสุข ดังคำที่ว่า “เดิมแผ่นดินเมืองจีนทั้งปวงนั้น เป็นสุขมาช้านานแล้วก็เป็น ศึก ครั้นศึกสงบแล้วก็เป็นสุข” ๔. ควรเป็นคนรักษาสัจจะวาจา พูดอย่างไร ก็เป็นไปตามที่พูด นั้น ดังเช่น โจโฉ หรือ กวนอู เมื่อพูดสิ่งใดแล้วก็ไม่ให้เสียคำ พูด เช่น “โจโฉ จึงว่า ซึ่งปฏิญาณของท่านนั้น เราได้ออกปากรับแล้วถึง จะเป็นประการใด เราก็ มิให้เสียวาจา\" “กวนอูจึงตอบว่าตัวเรา เกิดมาเป็นชายรักษาสัตย์มิเสียวาจา”
บรรณานุกรม จิตต์นิภา ศรีไสย์ และคณะ.(๒๕๕๕). สามก๊ก ตอน กวนอู ไปรับราชการกับ โจโฉ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖. กรุ งเทพฯ : พัฒนาคุณภาพ วิชา (พว.) ยุพร แสงทักษิณ. เจ้าพระยาพระคลัง (หน). [เว็บบล็อก]. สืบค้นจาก https://www.sac.or.th/databa ses/thailitdir/cre_det.php/ สามก๊ก. สืบค้นวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕ , จากวิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/ สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน)
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: