๔๕ การจัดการข้อมูลผู้เรียนการจัดการข้อมูลวิชาและกิจกรรม สาหรับผู้ดูแลระบบ การจัดภาระหน้าท่ี ผู้ใช้และการสมัครเข้าใช้งานแบบกลุ่ม และทีมโค้ชให้ข้อสังเกตเก่ียวกับการบันทึกข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่ง จะส่งผลให้การทางานของระบบติดขัด ในการนี้ ฝ่ายบริหารจัดการโครงการจะได้พิจารณาร่วมกับทีมงาน พัฒนาระบบ เพื่อการฝึกอบรมและพัฒนาทีมโค้ชคุณภาพ ผู้บริหาร บุคลากรและครูผู้รับผิดชอบระบบ แลว้ แตก่ รณีต่อไป กลยุทธ์ ๑. สรา้ งความร้คู วามเขา้ ใจ สนบั สนุน ประสานงานใหผ้ บู้ รหิ ารและครเู กดิ ความรคู้ วามเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมสารสนเทศ ตระหนัก รับรู้ ให้ความสาคัญ จนเกิดการใช้อย่างต่อเน่ือง และดาเนินการใหเ้ ป็นปัจจบุ ัน ๒. หมั่นใหค้ วามใกล้ชดิ ให้ความสาคญั กบั การใช้โปรแกรม info โดยทีมงานพฒั นาระบบ สารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่มีคุณภาพและทีมโค้ชสนับสนุนข้อมูลเก่ียวกับการใช้งานและการแก้ไขปัญหา ทเ่ี กดิ จากการใชง้ านโปรแกรมอย่างใกล้ชดิ ๓. ตดิ ตามอยา่ งต่อเน่อื ง ทมี งานโคช้ ใหก้ ารดูแลติดตามการใช้งานโปรแกรม info ของครู และผู้บรหิ ารอย่างสม่าเสมอ ใหค้ าช่นื ชมการดาเนินงานกรอกขอ้ มูลเข้าโปรแกรมที่เป็นปจั จุบันและมีความ ถูกตอ้ งสูง และเมือ่ มปี ญั หาของระบบ ทมี โค้ชสามารถใหข้ ้อมูลและประสานงานกับทีมพัฒนาระบบได้อย่าง มีประสทิ ธิภาพ ๔. ปรบั ปรุงพัฒนาอย่างตอ่ เน่ือง ใหค้ วามสาคัญกบั การปรับปรงุ พฒั นาขอ้ มูลให้ทนั สมยั ของ โรงเรียนให้ทันกาลและเป็นปัจจุบัน ดังนั้น การประสานงานกับหน่วยพัฒนาระบบ ผู้บริหารและครู ผ้รู ับผดิ ชอบ เพ่ือรบั ทราบปัญหาและพัฒนาการดาเนนิ งานเปน็ เรอ่ื งสาคัญที่ต้องทาอยา่ งตอ่ เนื่อง ปัญหาและข้อจากัดท่ีคาดว่าจะเกดิ ข้นึ และแนวทางแกไ้ ข ๑. ข้อมูลจากโปรแกรมท่ยี ังไม่เปน็ ปจั จบุ นั และไมส่ ามารถประมวลผลไดท้ ันที (real time) เนื่องจากสัญญาณ internet และ Wifi ของโรงเรียนที่อยู่ในพ้ืนที่ห่างไกล กันดาร ทาให้ไม่สามารถป้อน ข้อมูลได้ ดังนั้น ควรได้มีการประสานงานเพื่อพัฒนาโครงการข่ายอินเทอรเน็ต การพัฒนาครูให้มีความรู้ ความสามารถในการใสข่ ้อมลู และการใชโ้ ปรแกรมไดอ้ ย่างเป็นปจั จุบนั เป็นตน้ ๒. การขาดความรู้ความเขา้ ใจและทกั ษะของครใู นการใชโ้ ปรแกรมและเทคโนโลยี ควรได้มกี าร แลกเปล่ยี นเรียนรู้ระหว่างโค้ชคุณภาพกับโรงเรียน ระหว่างโรงเรียนกับโรงเรียน และระหว่างครูเก่ากับครู ใหม่ในเครือข่าย การจับคู่ครูท่มี ีความรู้ความเข้าใจเป็นผู้แนะนา เป็นโค้ชในการดาเนินงานให้กับเพื่อนครูท่ี ไม่เข้าใจโปรแกรมใหส้ ามารถใช้โปรแกรมได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๓. การไมใ่ หค้ วามสาคัญกับระบบสารสนเทศที่พฒั นาขน้ึ ของผู้บริหารและครู ควรแนะนาและ 45แนวทางการเปน็ โคช้ ท่ีมคี ณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรยี นเพื่อยกระดับคณุ ภาพการศึกษาอย่างต่อเนอ่ื ง
๔๖ สนับสนุนให้ผู้บริหารและครูเกิดแรงจูงใจ ให้ครูตระหนักและรับรู้ถึงประโยชน์ของระบบสารสนเทศเพ่ือ การพัฒนาทม่ี ีคุณภาพ และเกิดการใช้โปรแกรมเปน็ ปกตวิ สิ ัย โดยการนเิ ทศ ตดิ ตามอยา่ งต่อเน่ืองสม่าเสมอ กระต้นุ ให้กาลงั ใจ ท้งั ทเ่ี ป็นทางการและไม่เป็นทางการ ๔. โรงเรยี นมีโปรแกรมทใ่ี ช้งานในโรงเรยี นเป็นจานวนมาก การกาหนดมาตรการระบบ สารสนเทศเพ่ือการพัฒนาท่ีมีคุณภาพ เพิ่มเติมเป็นภาระของครูและมีความซ้าซ้อนโปรแกรมท่ีโรงเรียน ดาเนนิ การ (โปรแกรม School MIS) ทส่ี านักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน (สพฐ.) กาหนดให้ใช้ จึงควรส่งเสรมิ ใหม้ กี ารบูรณาการขอ้ มลู ทีเ่ กีย่ วข้อง หรือเลอื กใช้งานตามความเหมาะสม ๕. บคุ ลากร ผู้รบั ผดิ ชอบและผู้ดูแลระบบย้ายไปโรงเรยี นอืน่ สง่ ผลให้การทางานของระบบ ขาดความต่อเนื่อง ดังนั้น ควรสนับสนุนให้ผู้บริหารได้มีการฝึกและพัฒนาผู้ดูแลระบบและครูผู้รับผิดชอบ คนอน่ื รองรับกรณีผู้รบั ผิดชอบ ผูด้ ูแลระบบยา้ ยไปปฏิบตั ิที่โรงเรยี นอ่ืน เหลา่ นีเ้ ปน็ ตน้ เง่อื นไขความสาเร็จ ๑. ผู้บริหาร ครทู กุ คน และผู้รับผิดชอบระบบท้ังโรงเรียน ไดร้ ับการพฒั นาองคค์ วามรู้ เกิดการ ปฏิบัติจรงิ และมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาและใชส้ ารสนเทศอยา่ งจรงิ จงั ทั้งโรงเรียน ๒. มีการปรบั ปรุงและพฒั นาข้อมูลทางการศึกษาของโรงเรียนใหท้ นั สมัยเชอ่ื มโยงกบั ฝ่ายพฒั นา ระบบได้อย่างต่อเน่ือง และเป็นปจั จุบนั ๓. ฝา่ ยพัฒนาระบบ มีการจดั ผู้ดแู ลระบบสามารถรับการสอ่ื สาร ประสานงาน ทาความเขา้ ใจ ตอบข้อซักถาม แก้ไขปญั หาของผู้ใช้ระบบของโรงเรยี นได้ทนั ท่วงที และพฒั นาระบบอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 46 แนวทางการเปน็ โค้ชทีม่ คี ุณภาพ ในโครงการพัฒนาครูและโรงเรยี นเพอ่ื ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาอย่างตอ่ เนอื่ ง
๖ ๖ การพัฒนกาารกพาัฒรนเรากียานรเกรยี านรกสารอสอนนใในนรระะดดบั ชับนั้ ชเรั้นยี นเร(ียClนass(rCoolmas) sroom) แนวทางการเป็นโค้ช (coach) ที่มีคุณภาพเพ่ือการพัฒนาท้ังโรงเรียน นอกจากจะประกอบไปด้วย มาตรการการกาหนดเป้าหมายของโรงเรียน (goal) การจัดระบบสารสนเทศเพื่อการพัฒนาท่ีมีคุณภาพ (info) การพัฒนาครูและผู้บริหารด้วยกระบวนการชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ (PLC) และการสร้างเครือข่ายการทางาน ร่วมกัน (Network) ดังที่ได้กล่าวในตอนก่อนหน้านี้แล้วน้ัน การท่ีโครงการจะสามารถดาเนินการให้บรรลุ วัตถปุ ระสงคท์ ส่ี าคญั คือ การพัฒนาและยกระดับคณุ ภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องให้เกิดข้ึนได้จริง จาเป็นอย่างย่ิง ทีจ่ ะตอ้ งเกิดการพฒั นาการเรียนการสอนในระดับช้ันเรียน (classroom) จึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่มีความสาคัญ ทโ่ี ค้ชจะตอ้ งสนบั สนนุ และส่งเสริมครูเพือ่ ทาใหว้ ตั ถุประสงค์ของโครงการประสบผลสาเรจ็ ได้ แนวคดิ การเรียนการสอนในระดับช้ันเรียน เป็นหัวใจของการจัดการศึกษาที่มุ่งให้ผู้เรียนมีคุณภาพสูงสุด หรือ พฒั นาที่ตวั ผเู้ รยี น การปฏริ ปู การศกึ ษาจะสาเรจ็ ได้คอื การปฏิรูปในหอ้ งเรียน ดังน้ัน การพัฒนาการเรียนการสอน ในระดับชั้นเรียน จึงเป็นมาตรการสาคัญในโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่าง ตอ่ เน่อื ง เพ่อื พฒั นาใหค้ รูใชก้ ระบวนการจดั การเรยี นการสอนเชงิ รกุ (active learning) สง่ ผลให้ผู้เรยี นเป็นผู้เรียน มีคุณภาพ เช่น มีทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ซ่ึงเป็นทักษะสาคัญในศตวรรษท่ี ๒๑ มี คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ มคี วามสามารถในการแข่งขัน เปน็ พลเมอื งและพลโลกท่ีดี ดารงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมี ความสุข หลักการ การสนับสนุนการพัฒนาการเรยี นการสอนในระดบั ชนั้ เรียนของครู ยึดหลัก ตอ่ ไปน้ี ๑. หลักความรู้ความสามารถ ครูเป็นบุคคลสาคัญทจี่ ะทาให้นักเรียนมีความรู้ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษณะท่ดี ี ตามเปา้ หมายของการจัดการเรยี นรู้ ดงั น้นั จึงตอ้ งพัฒนาครใู ห้มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนรู้เต็มตาม ศักยภาพ เพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีคุณภาพ ท้ังด้านองค์ความรู้ใหม่ เทคนิคและวิธีการจัดการ เรยี นการสอน และการประเมนิ ผล ๒. หลักการพัฒนาอยา่ งต่อเนื่อง ในการจัดการเรยี นการสอนและประสานงานอานวยความสะดวก ใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรียนรเู้ ตม็ ตามศักยภาพ ครูจงึ ต้องได้รับการพฒั นาให้เกิดทกั ษะ และแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อยา่ งตอ่ เนอื่ ง สอดคล้องกบั ความเคล่อื นไหวทางการศกึ ษาและนวัตกรรมการเรียนรู้ที่เปล่ียนแปลง ท้ังด้านการจัด 47แนวทางการเปน็ โค้ชที่มีคณุ ภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพอื่ ยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนือ่ ง
๔๘ และพฒั นาหลักสูตร การจัดทาสือ่ เทคนคิ วธิ สี อน การใช้เทคโนโลยปี ระกอบการเรยี นการสอน และการประเมินผล เหล่าน้เี ปน็ ตน้ ด้านการสอน ครูควรจัดกระบวนการจัดการเรียนการสอนเชิงรุกท้ังในด้านการออกแบบแผน การเรยี นการสอน และคลงั กิจกรรมการเรียนการสอน (pedagogical activities) รวมถึงกระบวนการประเมินเพื่อ การพฒั นา (formative assessment) ซงึ่ เป็นผลใหน้ ักเรียนมคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ และทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ อ่ืนๆ เพิ่มข้ึน โดยมีเป้าหมายโรงเรียน กระบวนการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ (PLC) และระบบสารสนเทศเพอ่ื การพัฒนาท่ีมคี ณุ ภาพ (Info) เปน็ เครื่องมือสาคัญในการพัฒนาการเรียนการสอน ในระดบั ชน้ั เรียน (classroom) (รายละเอียดไดก้ ลา่ วถงึ ในตอนท่ี ๓ และ ๔ ตามลาดบั ) ๓. หลักคุณธรรม จรยิ ธรรม สิง่ สาคญั อีกประการท่ีครคู วรยดื ถือและให้ความสาคัญกับการพัฒนา ผู้เรยี นในศตวรรษที่ ๒๑ คอื หลกั คณุ ธรรม จริยธรรม ครูต้องยืดหลักคุณธรรม จริยธรรม เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้เป็น พลเมืองไทย พลเมืองอาเซียน และพลโลกท่ีมีคุณภาพ ดารงชีวิตอย่างมีความสุขด้วยความมีคุณธรรม จริยธรรม เปน็ บคุ คลผ้มู คี ณุ ธรรม (ethical person) ด้วยกระบวนการเรยี นรูค้ ู่คณุ ธรรม ๔. หลกั การวิจัยในชน้ั เรียน (Action Research in Class) นอกจากวธิ กี ารสอนแลว้ ครยู งั ตอ้ งยดื หลักการวจิ ยั ชั้นเรียน การวิจัยชน้ั เรียนเป็นวธิ กี ารสาคญั ท่ีจะทาให้ครูเกิดการพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจนักเรียน มากทส่ี ุด สามารถแก้ปัญหาและพฒั นานกั เรยี นไดอ้ ยา่ งตรงประเดน็ ด้วยกระบวนการตระหนักและรับรู้ปัญหาของ นกั เรียนเปน็ รายบคุ คลและกลมุ่ หาแนวทางแกไ้ ข และปรบั ปรุงพัฒนาการเรียนการสอน และเม่ือมีปัญหาเกิดข้ึน ใหม่ ก็ดาเนินการแกไ้ ขอย่างเปน็ วงจร อย่างตอ่ เนื่อง จนปญั หาหมดไปในทสี่ ุด ๕. หลกั การจดั การเรียนรู้ทเ่ี น้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ (child - centered) ในการจัดการศกึ ษา หรือ การจัดการเรยี นการสอน บคุ คลสาคัญท่ีสุดคือ ผเู้ รยี นหรือนักเรยี นท่ีต้องไดร้ ับการพัฒนาให้เต็มตามศักยภาพ ตาม เป้าหมายของการศึกษาและจุดมุ่งหมายของหลักสูตรเป็นสาคัญท่ีครูต้องอานวยความสะดวก และประสานการ เรยี นรู้ให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ใหม้ ากท่ีสุด ตามความแตกตา่ ง ความต้องการและศกั ยภาพของแตล่ ะบคุ คล ๖. หลักการพฒั นาทีห่ อ้ งเรยี น การพฒั นาใดๆ ของครู เกิดทหี่ อ้ งเรียน และหรอื โรงเรยี น ทผ่ี า่ นการ จัดกิจกรรมชั้นเรียนจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ นวัตกรรม และวิธีการเรียนการสอน ที่สามารถพัฒนาการเรียนรู้ ของนักเรียน ได้ตรงประเด็นท่ีสุด ดังน้ัน การพัฒนาครูท่ีห้องเรียนจะส่งผลให้ครูมีความรู้ ทักษะในการเรียนการ สอนมากท่ีสุด ๗. หลกั ความเสมอภาคและคุณภาพของผเู้ รยี น กลา่ วคอื ผู้เรียนตอ้ งได้รบั โอกาสการเรียนรู้ที่ เปน็ ไปอยา่ งมีคุณภาพด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทั้งผู้เรียนปกติ และผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ ภายใต้ กระบวนการของโครงการ ๔ กระบวนการคือ ๑) การจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น ๒) การดูแลผู้เรียนอย่างทั่วถึงและ เท่าเทียม ๓) การพัฒนาครใู ห้ใฝ่รู้ใฝเ่ รยี น และ ๔) การมสี ่วนรว่ มสรา้ งศรัทธาต่อชุมชน 48 แนวทางการเปน็ โค้ชที่มคี ณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรยี นเพ่ือยกระดับคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่อื ง
๔๙ วัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาครูใหม้ ีความรคู้ วามสามารถ และทกั ษะในการจัดการเรียนการ สอนเพ่ือพฒั นาการเรียนรูข้ องนกั เรียนได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายทวี่ างไวอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิผล ๒. เพื่อยกระดับคุณภาพการศกึ ษาของโรงเรียนอยา่ งต่อเนือ่ ง ครสู ามารถจัดกระบวนการเรียนรใู้ นระดับ ชัน้ เรยี นทเ่ี ป็นการเรียนการสอนเชงิ รุก เพือ่ พัฒนาผูเ้ รียนให้มีทักษะการเรยี นรทู้ ส่ี อดคล้องกับศตวรรษที่ ๒๑ เปา้ หมายผลผลิตและผลลพั ธ์ เป้าหมายผลผลิตและผลลพั ธข์ องการพัฒนาการเรียนการสอนในระดับช้นั เรยี น คอื ผ้เู รียนมีคุณภาพสูงสุด มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เป็นพลเมือง พลโลกท่ีดี มีความสุขอย่างย่ังยืนและต่อเนื่อง และการที่ผู้เรียนจะมี คุณลักษณะดังกล่าวได้ จาเป็นต้องมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ โดยการมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในทน่ี ้ี จะขึ้นอย่กู บั บริบทของผู้เรียนเปน็ สาคัญ กลา่ วคือ หากผู้เรียนอยู่ในพื้นที่เขตเมือง ทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีสาคัญที่จะนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียน เพื่อการศึกษาต่อในอนาคตในระดับช้ันที่สูงขึ้นอาจหมายถึงทักษะการคิดวิเคราะห์และทักษะการคิดสร้างสรรค์ อย่างมีวจิ ารณญาณ แต่หากผู้เรียนอยู่นอกเขตเมืองหรือพื้นที่ชายขอบ ทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ ที่สาคัญที่จะนาไปใช้ให้เกิด ประโยชนก์ บั ผู้เรยี นในอนาคตนอกเหนอื จากทักษะการคิดวิเคราะห์และทักษะการคิดสร้างสรรค์เพื่อการศึกษาต่อ ในระดับท่ีสงู ขึ้นแล้ว ยังอาจหมายรวมถึงทกั ษะวิชาชีพทจ่ี าเปน็ ตอ่ การประกอบอาชพี ในอนาคตด้วย ทง้ั นี้ เปา้ หมายข้างต้นจะเกิดขึ้นได้มากน้อยเพียงใด โค้ชต้องคานึงถึงเป้าหมายของโรงเรียน (goal) เป็น สาคญั ว่าโรงเรยี นทโ่ี ค้ชทาการโค้ชใหค้ วามสาคัญกับเป้าหมายในเรื่องใด ท่ีโค้ชต้องสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาการ เรียนการสอนในระดับชัน้ เรยี นตามเปา้ หมายของโรงเรยี นท่ีกาหนดไว้ ข้ันตอนการดาเนินงาน ในการสนับสนนุ ใหเ้ กิดการพัฒนาการเรียนการสอนในระดับชัน้ เรียน โคช้ ควรต้องดาเนินการดังนี้ ข้นั ก่อนการดาเนินงาน ๑. ศึกษาขอ้ มลู ของโรงเรียน โดยเฉพาะบรบิ ทท่เี ก่ยี วขอ้ งกับดา้ นการจัดการเรยี นการสอนและ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรยี นจากคะแนน PISA (Programme for International Student Assessment) ๒. ศกึ ษาเอกสารและทบทวนวรรณกรรมท่เี กี่ยวข้องกบั การจัดการเรียนการสอนแบบเชิงรกุ รวมถงึ ทักษะของผูเ้ รยี นในศตวรรษที่ ๒๑ ๑. สนับสนุนให้ผ้บู ริหารกาหนดบทบาทหนา้ ทข่ี องครูแกนนา และครใู นการพฒั นาการเรยี นการสอน 49แนวทางการเปน็ โคช้ ทม่ี ีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครแู ละโรงเรยี นเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนือ่ ง
๕๐ ในระดับชั้นเรียน ผ่านกระบวนการพัฒนาครูและผู้บริหารด้วยกระบวนการชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ (PLC) กระบวนการ lesson learned (LS) โดยใช้การจัดระบบสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่มีคุณภาพ เป็นเครื่องมือที่ สาคญั ที่จะพัฒนาการเรียนการสอนในระดับช้ันเรียนใหส้ อดคลอ้ งกับเป้าหมายของโรงเรียน ๒. สนบั สนุนโรงเรียนในการให้ผบู้ ริหาร ครูแกนนา และครรู ่วมกนั กาหนดตัวชีว้ ัดความสาเร็จในการ พัฒนาการเรยี นการสอนในช้ันเรียนเพ่อื วัดความสาเร็จ หรือหากไม่สาเร็จ ก็จะเป็นเครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ว่าท่ี ไม่สาเรจ็ นัน้ ด้วยเหตใุ ด ควรตอ้ งมกี ารแก้ไข และเพมิ่ ความพยายามด้านใด อย่างไร ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่อง น้ันๆ เพือ่ พฒั นาไปส่คู วามสาเรจ็ ตามเปา้ หมายเหล่าน้ี เป็นตน้ ๓. นอกจากน้ี ระบบสารสนเทศเพอ่ื การพฒั นาท่ีมีคุณภาพ ยังเป็นระบบทโี่ ค้ชควรสนบั สนุนและส่งเสรมิ ให้ครแู ละผู้มีส่วนเก่ียวขอ้ งไดใ้ ชป้ ระโยชน์เพอ่ื การดูแลและช่วยเหลือนักเรียนให้นักเรียนทุกคนได้สาเร็จการศึกษา เป็นผูเ้ รียนทมี่ ีทกั ษะในศตวรรษที่ ๒๑ และพรอ้ มเข้าส่กู ารประกอบอาชีพในอนาคตตอ่ ไป ๔. ประสานการดาเนินงานกบั หนว่ ยงานและบุคคลที่เกี่ยวขอ้ ง เช่น ผ้บู รหิ ารโรงเรียน ครแู กนนา ครู และวิทยากรหรือผูเ้ ชย่ี วชาญ ข้นั ดาเนนิ งาน ในขัน้ ตอนนี้ เป็นข้ันตอนทโ่ี คช้ จะทาหน้าท่หี นนุ เสริมใหค้ รูแกนนา และครูสามารถจัดการเรียน การสอนเชิงรุก ไดโ้ ดยผา่ นกระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้แบบกลมุ่ ๕. ประสานผู้บริหารจัดประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การอบรม โดยวทิ ยากรหรอื ผู้เชยี่ วชาญทเี่ กย่ี วขอ้ งกับ การจัดการเรยี นการสอนแบบเชงิ รุก และทกั ษะของผเู้ รยี นในศตวรรษที่ ๒๑ เพ่ือเพิ่มเติมองค์ความรู้ให้กับครูแกน นา และครูที่เกยี่ วขอ้ ง ๖. สนบั สนุนใหผ้ บู้ รหิ าร ครแู กนนา และครรู ่วมกันกาหนดเป้าหมาย หัวเรอื่ งหรอื วธิ ีการพฒั นาการ จัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับหลักสูตร โดยมุ่งเน้นเป้าหมายในด้านผลการเรียนรู้และทักษะที่เกิดข้ึนของ ผเู้ รยี นมากกวา่ ความสนใจหรอื ความตอ้ งการของครู ๗. สนับสนุนใหค้ รแู กนนา และครูรว่ มกันเลือกบทเรียนทส่ี อดคลอ้ งกบั เปา้ หมายมาวางแผนการสอน รว่ มกนั เขียนแผนการจัดการเรียนการสอน และจดั เตรียมส่อื การเรียนการสอน ๘. กระตนุ้ และสนบั สนนุ ให้ครแู กนนา และครูรว่ มกันนาแผนการสอนและสื่อการเรยี นการสอนที่ จัดเตรยี มไว้ไปใช้จริงในช้ันเรียน โดยมีเพื่อนครูร่วมสังเกตการสอนในช้ันเรียน บันทึกและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ผ้เู รียนและวิธีการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการต่างๆ ตามแผนที่ได้วางไว้โดยวิธีการต่างๆ เช่น บันทึกวีดีทัศน์ บนั ทกึ เทปเสยี ง เกบ็ รวบรวมผลงานผู้เรียน สัมภาษณ์ผู้เรียนหลังการสอน เป็นต้น ทั้งน้ีจะเน้นการสังเกตและเก็บ รวบรวมข้อมลู เก่ยี วกับพฤติกรรมทีแ่ สดงถงึ การคิดและการเรยี นรู้ของผ้เู รยี น รวมถึงปัญหาที่เกิดข้ึนในระหว่างการ 50 แนวทางการเป็นโคช้ ทีม่ คี ณุ ภาพ ในโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพอ่ื ยกระดบั คุณภาพการศึกษาอยา่ งต่อเน่อื ง
๕๑ จัดการเรียนการสอน เช่น ผู้เรียนไม่เข้าชั้นเรียน เพ่ือนาข้อมูลมาใช้ในการอภิปรายสะท้อนความคิดหลังการสอน ผ่านกระบวนการพฒั นาครแู ละผ้บู ริหารด้วยกระบวนการชมุ ชนการเรยี นรูว้ ิชาชพี (PLC) ตอ่ ไป ข้นั หลงั ดาเนนิ งาน ภายหลงั ครแู กนนา และครูรว่ มกนั สังเกตการสอนและแลกเปล่ยี นเรียนรู้ในชัน้ เรียน โดยมโี คช้ เป็นผสู้ นับสนนุ ส่งเสริม และใหก้ าลังใจแล้ว ในการนี้ โค้ชควรสนับสนุนให้ครูแกนนา และครูร่วมดาเนินการ โดย โค้ชดาเนินการต่อเน่อื ง ดังน้ี ๙. รว่ มกับโรงเรยี นผา่ นวง PLC ของครแู กนนา และครทู ี่เกีย่ วข้องร่วมกนั ตดิ ตาม ยอ้ นทวน (recall) ไตรต่ รองสะท้อนคดิ (reflect) ตรวจสอบ ปรับปรงุ แก้ไข (revise) และสอนซา้ (re-teach) รวมถงึ การถอดบทเรียน เก่ียวรูปแบบและเทคนิคการจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ และการจัดการ เรียนการสอนแบบเชงิ รกุ (active learning) ผ่านกระบวนการ PLC ๑๐.เสนอแนะโรงเรียน (ผู้บริหารและครู) จัดทาแผนปฏบิ ัตกิ าร (action plan) เพอ่ื การพัฒนาการ เรียนการสอนในชั้นเรียน และดาเนินการตามแผน รวมท้ัง สนับสนุนและส่งเสริมให้ครูได้รับการอบรมเชิง ปฏิบัติการเกีย่ วกบั เทคนิคการจดั การเรียนการสอน และการจดั การเรียนการสอนเชงิ รกุ (active learning) ทั้งจาก วทิ ยากรหรือผู้เช่ียวชาญ และการแลกเปลีย่ นเรียนรรู้ ะหว่างเพอ่ื นครู และครแู กนนาจากการสังเกตการสอน ๑๑.สนบั สนุนผ้บู รหิ าร ครแู กนนา ครู รว่ มกับทีมวทิ ยากร ร่วมกันติดตาม และประเมินผลการ พฒั นาการเรยี นการสอนในช้นั เรยี นซ่งึ กนั และกันอย่างต่อเน่ือง โดยมีโค้ชเป็นเพียงผู้สนับสนุน ส่งเสริม ท้ังในส่วน ของครูแกนนา และครู โดยใช้ตัวช้ีวัดความสาเร็จเป็นกรอบในการติดตาม ประเมินผล ท้ังน้ีในส่วนของโรงเรียน ควรได้มีการจัดทาเครื่องมือเพื่อการติดตาม ประเมินผลตามเป้าหมาย หรือใช้เครื่องมือที่โรงเรียนมีอยู่แล้ว ประยุกตใ์ ชแ้ ล้วแต่กรณี ๑๒. สนบั สนุนผบู้ ริหาร ครแู กนนา และครูในโรงเรียนปรับปรุงและพฒั นาเปา้ หมายการพฒั นาการ เรียนการสอนในช้ันเรียนผ่านวง PLC ของครูที่เกี่ยวข้อง เมื่อพบว่า เป้าหมายนั้นจาเป็นต้องได้รับการปรับปรุง พฒั นาใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์และความจาเป็นทีไ่ มอ่ าจหลีกเล่ียงได้ โดยเปา้ หมายทีก่ าหนดควรมีความยืดหยุ่น และสามารถปรบั ปรุงพัฒนาได้ กลยทุ ธ์ ๑. จริงจงั และจรงิ ใจ ทาให้ครูและผู้บรหิ ารเหน็ และตระหนักถงึ ความจริงจงั และจรงิ ใจของโคช้ คุณภาพในการพัฒนาครูเพ่ือพัฒนาการเรียนการสอนในระดับช้ันเรียน ไม่ย่อท้อหากเกิดอุปสรรค คานึงถึง เปา้ หมายเป็นสาคัญ และพรอ้ มท่ีจะรว่ มมือกนั พฒั นาการเรียนการสอนระดับช้ันเรยี นให้สาเรจ็ ๒. ให้คาช่นื ชม เม่ือพบวา่ ครูประสบผลสาเรจ็ มีการพัฒนาการเรยี นการสอนแบบเชงิ รกุ (active 51แนวทางการเปน็ โค้ชท่ีมีคุณภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพื่อยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนื่อง
๕๒ learning) อย่างชัดเจน การยกย่องช่ืนชมอย่างจริงใจเป็นส่ิงสาคัญท่ีโค้ชคุณภาพควรนามาใช้ แม้ว่าจะเป็นเรื่อง เล็กน้อยแต่ก็เป็นส่ิงท่ีทาให้ผู้ได้รับคาชมเกิดความภาคภูมิใจ และเกิดการแรงจูงใจที่จะร่วมดาเนินการให้สาเร็จ อยา่ งต่อเนือ่ ง คาชื่นชมดงั กล่าวควรแสดงตอ่ สาธารณะ และหากมีส่ิงใดท่ีพบว่า ครูมีบางสิ่งบางอย่างต้องปรับปรุง ควรใชว้ ิธกี ารเสนอแนะทางบวก โดยไมค่ วรตาหนใิ ดๆ ท้ังสนิ้ ทีถ่ ือเปน็ กฎเหลก็ อยา่ งไรก็ตาม “คาชน่ื ชม” ต่างจาก “คาเยินยอ” แต่มคี วามใกลเ้ คยี งกันในพฤตกิ รรมการแสดงออก ดังนั้น โค้ชควรทาความเข้าใจในคาชื่นชมท่ีควรให้ แต่พองามและเหมาะสมกับเร่ืองท่ีสมควรช่ืนชม โดยไม่ทาให้ผู้รับคาชมหรือบุคคลอื่น มองว่าเป็น การเยินยอ อัน จะทาให้ลดหย่อนหรอื ด้อยคุณค่าและความสาคญั ลง ๓. ระดมความเห็น ในการพัฒนาการเรยี นการสอนในระดับชัน้ เรียน การระดมความเห็น และการ แลกเปลย่ี นเรียนรู้ประสบการณ์เป็นเรื่องสาคัญ ท่ีก่อให้เกิดการต่อยอด ขยายผลและเกิดความเจริญงอกงามทาง ปัญญา รวมถึงการเกิดองค์ความรู้ แนวทางแก้ปัญหาและการพัฒนาการเรียนรู้ใหม่ๆ โค้ชจึงควรสนับสนุนให้ นามาใช้จนเกดิ เป็นความเคยชินของการพฒั นาการเรียนการสอนในชั้นเรียน ๔. เน้นการพูดคุย (dialogue) การพดู คุยหรือการสนทนาระหวา่ งเพ่ือนครู การรู้จักฟงั ผ้อู ืน่ อยา่ ง ต้ังใจ เห็นคุณค่าของผู้พูด ก้าวข้ามความหวาดระแวง ท้ิงอัตตาความเป็นตัวตน เป็นส่ิงสาคัญที่จะทาให้เกิดการ แลกเปลย่ี นเรียนรู้ การแกป้ ญั หา การทาความเข้าใจในเรอื่ งใดเร่ืองหนึ่งที่มิอาจหาทางออกได้ และเกิดการต่อยอด การเรยี นรู้ทางอ้อมท่จี ะสง่ ผลตอ่ ความสาเร็จของตน ค่สู นทนาและกลมุ่ ที่โค้ชควรสนับสนุนให้เกิดขึ้นให้มาก อันจะ เปน็ ฐานของการพฒั นาการเรียนการสอนในระดบั ชนั้ เรยี น และเรื่องอน่ื ๆต่อไป ความรู้ทเี่ กีย่ วขอ้ งในการพฒั นาการเรียนการสอนในระดบั ชั้นเรยี น ความรู้ในท่ีน้ี หมายถึง เน้ือหาสาระที่เก่ียวกับหลักการ และการดาเนินงานของโครงการพัฒนาครูและ โรงเรียนเพ่อื การยกระดับคณุ ภาพการศึกษาอย่างต่อเน่อื ง ท่ีโคช้ จาเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเพ่ือถ่ายทอดสู่ ครแู กนนาในการพฒั นาการเรยี นการสอนในระดับชน้ั เรยี น ซึ่งมที ้งั หมด ๕ ประเดน็ คอื ๑. มาตรการหลกั ของโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพ่ือการยกระดับคุณภาพการศึกษาอยา่ ง ต่อเนื่อง มาตรการประกอบไปด้วย ๑) การกาหนดเป้าหมายโรงเรียน โดยการมีส่วนร่วมของครู ผู้ปกครอง นักเรียน และชุมชน ๒) การพัฒนาครูและผู้บริหารด้วยกระบวนการชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ ๓) การจัดระบบ สารสนเทศท่มี ีประสิทธภิ าพ การบริหารจดั การข้อมลู แบบ real time ๔) การพัฒนาการเรียนการสอนในระดับช้ัน เรียน ๕) การสร้างเครือข่ายการทางานร่วมกัน เครือข่ายแลกเปล่ียนเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ดัง ปรากฏในเอกสารแนวทางการเป็นโค้ชท่ีมีคุณภาพเล่มน้ี ที่โค้ชจาเป็นต้องศึกษา ทาความเข้าใจแล ะสนับสนุน โรงเรยี นให้ดาเนินการอยา่ งบรู ณาการสอดคลอ้ งกันท้ังระบบ โดยยึดเปา้ หมายของโรงเรียนทกี่ าหนดข้นึ เป็นสาคญั 52 แนวทางการเป็นโค้ชทม่ี คี ุณภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพ่อื ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเนื่อง
๕๓ ๒. กระบวนการหลัก (๔Ps) ของโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพ่ือการยกระดับคุณภาพการศึกษา อยา่ งต่อเน่ือง ประกอบด้วย ๑) หลักสูตรมีความยืดหยุ่น ๒) ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิภาพ (No child left behind) ๓) การพฒั นาครูอย่างต่อเนอ่ื ง และ ๔) การมีส่วนร่วมของชมุ ชน ๓. การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อการยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ด้วยวงจร DALI ประกอบไปด้วย Design (การกาหนดแนวทางการทางาน) Action (การดาเนินงานตาม แผนงาน) Learning (การถอดบทเรียนและจัดการความรู้ให้เป็นระบบ) และ Improve (นาความรู้ท่ีได้มาพัฒนา และยกระดับ) ๔. การสร้างห้องเรยี นส่งเสริม Growth mindset โดยการ ๔.๑ เรมิ่ ต้นด้วยการต้ังเป้าหมายในการเรยี นร้ทู ีต่ รงกนั ทัง้ ครแู ละนักเรียน ๔.๒ สร้างความเชอ่ื มน่ั ว่านักเรียนจะไปถึงเปา้ หมายได้ ถ้าพยายาม (I can) ๔.๓ ใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลับ (feedback) ชแี้ นะแนวทางการพฒั นาที่ถกู ตอ้ ง ๔.๔ การช่ืนชมความพยายามแทนการชนื่ ชมความฉลาด (precise praise) ๔.๕ ใช้ความผิดพลาดเปน็ โอกาสในการเรยี นรขู้ องเด็ก ๕. ความสอดคล้องในการดาเนินงานการประกันคุณภาพและโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อการ ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างตอ่ เนื่อง โค้ชตอ้ งทราบข้อมลู เก่ยี วกบั การประกันคณุ ภาพภายในของสถานศึกษา เพ่ือชี้แจงถงึ การบรู ณาการงานของโครงการและการประกันคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา สาหรบั ตัวอยา่ งองค์ความรทู้ เ่ี กยี่ วกับการพัฒนาการเรียนการสอนในระดับชน้ั เรียน (classroom) โดยสรุป ท่โี ค้ชควรทาความเขา้ ใจเพื่อการสนับสนุนครู มดี ังน้ี ตวั อยา่ งการจดั การเรยี นการสอนแบบเชงิ รกุ (Active learning) ความหมาย การเรียนการสอนเชิงรุก (active learning) เป็นวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียนท่ีครูจัดให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วย กิจกรรม เป็นแนวการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง นาไปสู่การสร้างให้เป็นผู้เรียนเชิงรุก (active learner) (พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข, ๒๕๖๑) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฟัง พูด อ่าน เขียน และแสดงความคิดเห็นขณะลงมือทากิจกรรมและในขณะเดียวกันผู้เรียนต้องใช้กระบวนการคิดโดยเฉพาะ กระบวนการคิดขั้นสูง คือ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า จึงทาให้การเรียนรู้เชิงรุก เป็น กระบวนการเรยี นรทู้ ีผ่ เู้ รียนมีบทบาทในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมีชีวติ ชวี าและอยา่ งตน่ื ตัว (สานักงานราชบัณฑิตย สภา, ๒๕๕๑) 53แนวทางการเปน็ โค้ชทม่ี ีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครแู ละโรงเรียนเพื่อยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาอย่างตอ่ เนือ่ ง
๕๔ ลักษณะสาคญั ลักษณะสาคัญและคุณค่าของการเรียนการสอนเชิงรุก มีดังนี้ (พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข, ๒๕๖๑) ๑. ผเู้ รียนมีส่วนร่วมในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม เชน่ การอ่าน การสืบค้น การอภปิ ราย การสรา้ งองค์ ความรู้ เป็นตน้ โดยผเู้ รยี นเปน็ ผู้นาเสนอมากกว่าเป็นผรู้ ับฟงั ความรู้จากครูเพยี งผ้เู ดียว ๒. ผู้เรยี นไดร้ บั การพัฒนาทกั ษะการแก้ปญั หา การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ การประเมนิ คา่ ซ่งึ มุง่ ลดกระบวนการถ่ายทอดสารสนเทศใหก้ บั ผู้เรยี น ๓. ผู้เรียนได้รบั การบ่มเพาะพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม เจตคติ และคณุ ค่าทม่ี ีอยู่ในตวั ผูเ้ รียน รวมทั้งบม่ เพาะด้านสนุ ทรยี ภาพ ๔. ผ้เู รยี นมีสว่ นรว่ ม เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ๕. ผูเ้ รียน เรยี นรแู้ บบรวมพลัง คอื ทกุ คนคดิ ทุกคนทางานเด่ียวและทุกคนรว่ มทางานกลุ่ม และ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนที่มีความสามารถหรือมีความถนัดม ากกว่าช่วยเหลือผู้เรียนที่มีความสามารถและความถนัด น้อย ทัง้ น้ี การจดั การเรียนรู้เชิงรุกจะเรม่ิ ตน้ ตามลาดับขนั้ ตอน คือ ๑. การวเิ คราะห์รายวิชาและหนว่ ยการเรียนรูพ้ รอ้ มกบั เนอ้ื หาทจ่ี ะสอน ๒. ออกแบบการสอนและการเขยี นแผนฯ ๓. ใชก้ ารประเมนิ หลากหลายวิธี ๔. การเตรยี มเรื่องการจดั การชั้นเรยี นเพ่อื สรา้ งวนิ ยั เชิงบวก ตัวอย่างกระบวนการและวิธีการจดั การเรยี นรู้เชิงรกุ ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (active learning) มีวิธีการที่หลากหลาย ในที่น้ี นาเสนอโดยสรุปเพื่อความ เขา้ ใจเบอื้ งตน้ ดงั น้ี (พมิ พันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสขุ , ๒๕๖๑) ๑. การใช้กระบวนการเรียนรู้แบบรวมพลัง ๕ ข้ันตอน (๕STEPs Collaborative Learning Process) มขี ้ันตอนดังนี้ ๑.๑ เสนอสง่ิ เร้าและระบคุ าถามอย่างรวมพลงั ๑.๒ แสวงหาสารสนเทศและวเิ คราะหอ์ ยา่ งรวมพลัง ๑.๓ รวมพลงั อภปิ รายและสร้างความรู้ ๑.๔ สื่อสารและสะท้อนคดิ อย่างรวมพลัง ๑.๕ รวมพลงั ตอบแทนสังคม 54 แนวทางการเป็นโค้ชทม่ี คี ณุ ภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรียนเพือ่ ยกระดับคุณภาพการศึกษาอยา่ งต่อเน่อื ง
๕๕ ๒. การเรียนรโู้ ดยใชว้ ธิ สี ืบสอบเปน็ ฐาน (Inquiry-Based Learning - IBL) การจัดการเรยี นรู้น้ีอาจใชว้ ิธกี ารสอนตา่ งๆ เชน่ การบรรยาย การสาธิต และใช้เทคนิคการสอนต่างๆ เช่น การเรียนรู้แบบร่วมมือ การทางานกลุ่ม ตลอดจนเทคนิคการใช้คาถาม โดยเน้นการแสวงหาความรู้หรือ คาตอบของคาถามด้วยวิธีสืบสอบ ซึ่งใช้วิธกี ารทางวิทยาศาสตรใ์ นการหาคาตอบด้วยการสร้างความรู้หรือสรุปผล หรอื สร้างคาอธิบายด้วยตัวผู้เรียนเอง ตวั อย่างการเรียนร้โู ดยใชว้ ิธีสืบสอบเป็นฐาน เช่น การจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบวงจร การเรยี นรู้ ๕ ขน้ั ตอน (๕ E learning cycle model) ประกอบดว้ ยข้ันตอน ๕ ขน้ั ตอน ดังนี้ ๑) E๑ – Engagement ขน้ั สร้างความสนใจให้กบั ผ้เู รียน เชน่ การตั้งคาถามที่สาคญั ๒) E๒ – Exploration ขั้นสารวจและค้นหา ผู้เรียนจะวางแผน รวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ ข้อมลู ๓) E๓ – Explanation ข้นั สร้างคาอธิบาย ผู้เรียนจะสรา้ งคาอธิบายด้วยตนเอง ๔) E๔ – Elaboration ขั้นขยายความรู้ เป็นการนาความรู้ไปใช้หรือประยุกต์ความรู้ไปใช้ใน สถานการณ์ใหม่ ๕) E๕ – Evaluation การประเมินขอ้ ดี ข้อบกพรอ่ ง สิง่ ทส่ี งสยั ในข้ันตอนท่ีผา่ นมา ๓. การเรยี นรโู้ ดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project - based Learning) เปน็ วธิ สี อนที่มขี ัน้ ตอนเฉพาะเพ่ือสอนผ้เู รียนทาโครงงาน เปน็ แนวทางทเี่ นน้ ให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ใน การทาโครงงานด้วยการใช้วิธีการสอนแบบโครงงานเป็นหลัก ขณะเดียวกันสามารถใช้วิธีสอนอื่นๆ ร่วมด้วยตาม ความเหมาะสมของผู้เรยี นและบรบิ ทของโครงงานนน้ั โดยผเู้ รยี นจะพบปัญหาได้ตลอดเวลา การเรยี นรู้จึงเป็นวงจร เรยี นรู้ไปอย่างต่อเนื่องไม่มสี ้ินสุด ๔. การจดั การเรียนรโู้ ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem–based Learning) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน โดยปัญหาน้ันเป็นเร่ืองที่ใกล้ตัวและเก่ียวข้องสัมพันธ์กับ ผู้เรียน อาจเป็นเร่ืองที่ผู้เรียนสนใจหรือมีความหมายกับผู้เรียนท่ีสามารถนามาสร้างกระบวนการเรียนรู้ได้ โดย ปัญหาแบง่ เป็น ๒ ลักษณะ คือ ๔.๑ ปัญหาไมซ่ ับซอ้ นสามารถคน้ คว้าและคดิ หาคาตอบในระยะส้ัน กระบวนการเรียนรู้ด้วย PBL ก็จะ สามารถหาคาตอบของปัญหาหรือประเดน็ ท่สี นใจไดเ้ ร็ว ๔.๒ ปัญหาทซี่ ับซ้อน ต้องศึกษาค้นคว้า พัฒนา ตรวจสอบ โดยใช้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่า อาจต้อง สร้างช้ินงานเพื่อนาไปใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหา ลักษณะนี้มกั จะใช้ Project-based Learning เขา้ มาชว่ ย การเรียนรู้ด้วย PBL มุ่งสร้างประสบการณ์ตรง จึงเน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ และตรวจสอบกากับการเรียนรู้ และนอกจากน้ี PBL ยังช่วยสร้าง 55แนวทางการเปน็ โค้ชที่มคี ุณภาพ ในโครงการพฒั นาครแู ละโรงเรยี นเพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาอย่างต่อเนอื่ ง
๕๖ แรงจูงใจในการเรียนให้กับผู้เรียนได้อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่า “ภาระงานที่ท้าท้าย ช่วยสร้างทักษะการคิดและ แก้ปญั หาไดด้ ี”ดงั นนั้ การเรียนรู้ดว้ ย PBL จึงเปน็ “การใช้ปัญหา ทาให้เกิดปัญญา” คุณสมบัตเิ ด่นของ PBL การเรียนรู้ด้วย PBL มีคุณสมบัติท่ีโดดเด่นสาหรับการนามาใช้จัดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรียน ดังน้ี ๑) เปน็ การเรียนรู้ทเี่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคญั ๒) เปน็ การเรยี นรู้ที่ใช้ปญั หาเป็นตัวกระตุน้ ให้เกิดการเรียนรู้ ๓) เป็นการเรียนรทู้ ีเ่ น้นใหผ้ เู้ รียนพัฒนาทักษะการคิด ๔) เปน็ การเรยี นรทู้ เ่ี น้นการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ๕) เป็นการเรียนรู้เน้นการแสวงหาความรู้ ๖) เปน็ การเรยี นรู้ทเ่ี นน้ การบูรณาการความรู้ ๗) เปน็ การเรียนรู้ทเ่ี น้นใหผ้ ู้เรียนควบคุมและประเมนิ กระบวนการเรยี นรู้ (Metacognition) ๘) เป็นการเรยี นรู้ทส่ี ง่ เสริมใหผ้ ู้เรียนกากบั ตนเองในการเรยี นรู้ (Self-Directed Learning) ๕. การเรียนรู้โดยใชก้ ิจกรรมเปน็ ฐาน (Activity-Based Learning) การจัดการเรียนการสอนโดยเน้นการใช้กจิ กรรม มีหลักการสอนดังนี้ ๑) ให้ผ้เู รียนมโี อกาสรว่ มในกจิ กรรมการเรยี นการสอนให้มากท่ีสุดเพ่ือให้ผู้เรียนได้เรียนอย่างมี ชีวิตชวี า ๒) ให้ผเู้ รียนได้แลกเปลีย่ นความรแู้ ละประสบการณก์ นั เพื่อให้เกดิ การเรียนรอู้ ยา่ งกวา้ งขวาง ๓) ให้ผู้เรียนได้พบความรู้ด้วยตนเองเพื่อใหก้ ารเรียนร้มู ีความหมายแกผ่ ู้เรียน ๔) ใหผ้ ู้เรยี นได้วเิ คราะห์ อภปิ รายในเรอื่ งท่เี รียนเพอ่ื ชว่ ยใหเ้ กดิ การเรยี นร้ทู ี่ชดั เจน ๕) มกี ารเชื่อมโยงส่งิ ที่เรยี นจากกิจกรรมไปสูก่ ารนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันเพ่อื ชว่ ยใหก้ ารเรียนรู้ เกดิ ประโยชน์ โดยกิจกรรมการเรียนการสอนดงั กล่าว อาจใช้วธิ สี อนตา่ งๆ ดงั นี้ ๑) เกม (game) ๒) กรณีตัวอยา่ ง (case study) ๓) สถานการณ์จาลอง (simulation) ๔) บทบาทสมมติ (role play) ๕) ละคร (drama) ๖) กลมุ่ ย่อย (small group) ฯลฯ 56 แนวทางการเปน็ โคช้ ทมี่ คี ุณภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรียนเพ่ือยกระดับคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
๕๗ ๖. IPA Based Learning เป็นการจัดการเรียนรู้เชิงรุกบนฐานวิธีการทางวิทยาศาสตร์แล้วนาความรู้ที่ได้ไปใช้หรือไป ประยุกต์ในสถานการณใ์ หม่ ซึ่งประกอบไปดว้ ยวิธกี ารดงั กล่าวขา้ งต้นผสมผสานกัน คือ ๖.๑ I-Based learning หรือ Inquiry-Based Learning เป็นการเรียนรู้ท่ีเน้นให้ผู้เรียนสืบสอบ ความรู้ เรียกวา่ เป็นความรแู้ สวงหาหรอื ความรูส้ ืบสอบ เปน็ ความร้แู บบ unknown by some ๖.๒ P-Based learning หรือ Project-Based Learning เป็นการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนทา โครงงานให้ไดอ้ งคค์ วามรู้ท่ที ัง้ ครแู ละผเู้ รียนไม่รู้ (unknown by all) ความรทู้ ่ไี ด้ประเภทนี้เรียกว่า ความรู้เกิดจาก นวัตกรรม ๖.๓ A-Based learning หรือ Activity-Based Learning เป็นการเรียนรู้ท่ีเน้นให้ผู้เรียนทา กจิ กรรม เชน่ ทากจิ กรรมผา่ นกรณีตัวอยา่ ง เกม บทบาทสมมติ ทาใหผ้ เู้ รยี นได้ความรู้ สรา้ งองค์ความรู้ เป็นความรู้ ประเภท unknown by some ปัญหาและขอ้ จากัดทีอ่ าจเกิดขน้ึ และแนวทางแก้ไข การพัฒนาการเรียนการสอนในระดับช้ันเรียนจาเป็นต้องมีการเปิดช้ันเรียนเพื่อให้มีการสังเกตการสอน อยา่ งไรก็ตาม ถงึ แมว้ า่ จะมีการเตรียมการอยา่ งดใี นทกุ ขน้ั ตอน แตก่ อ็ าจมีปญั หาและข้อจากดั ท่เี กิดข้ึน ที่สมควรหา แนวทางแกไ้ ข หรือป้องกัน กล่าวคือ ๑. ความไม่เขา้ ใจของครูแกนนาและครูเกีย่ วกับการสงั เกตการสอน ความไมเ่ ขา้ ใจของครแู กนนาและครู เกย่ี วกบั การสังเกตการสอน ท้งั น้ี อาจเกิดขึ้นได้ ดว้ ยสาเหตุมาจากวฒั นธรรมด้ังเดมิ ของครูที่ไม่ชอบให้ผู้ใดมาดูการ สอน ความไม่พร้อม หรือความไมม่ ั่นใจในตนเอง เหล่าน้ีเป็นอุปสรรคสาคัญในการเปิดช้ันเรียนในรูปแบบดังกล่าว ในข้ันตอนนี้ โค้ชจาเป็นต้องทาความเข้าใจท่ีตรงกันกับครูแกนนา และครูผู้สอนเพ่ือให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของ การร่วมสังเกตการสอนว่าไม่ใช่การจับผิดหรือประเมินเพื่อนครู การให้ความช่วยเหลือหรือแทรกแซงกิจกรรม ขณะที่เพ่ือนครูกาลังจัดการเรียนการสอน ท้ังน้ีเพื่อให้เกิดการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน และเพ่ือให้ครูได้ ความรู้ มมุ มอง แนวคดิ เทคนิคและวิธีการในการจัดการเรียนการสอนท่ีสอดคลอ้ งกบั เปา้ หมายการพัฒนามากขนึ้ ดังนั้น โค้ชควรสนับสนุนให้ครูผู้สอน และครูผู้ร่วมการเปิดชั้นเรียน คานึงถึงหลักการสังเกตการสอน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในช้ันเรียนที่สาคัญ ที่เป็นไป ๑) เพ่ือส่งเสริม และสร้างสรรค์ไม่ใช่แทรกแซง จับผิด และประเมนิ ๒) ตงั้ อยู่บนหลกั การและเหตผุ ล บนรากฐานของการพัฒนาวชิ าชีพมากกว่าจะเป็นความสัมพันธ์ส่วน บุคคล ๓) มจี ุดมุ่งหมายที่แนน่ อน และสามารถประเมนิ ผลได้ ๔) คานงึ ถึงความถนัดของแต่ละบุคคล ๕) เป็นการ สง่ เสริมและปรับปรุงสมรรถวสิ ยั ทศั นคติ และขอ้ คิดเห็นของเพอื่ นครูใหถ้ ูกต้อง ๖) หลีกเลี่ยงการสังเกตการสอนที่ มีความเปน็ พธิ กี ารมาก ๆ ๗) ใชเ้ ครือ่ งมือ และกลวิธี ง่าย ๆ และโดยเฉพาะ ๘) การสงั เกตการสอนโดยเพื่อนครู ทมี่ ีความหลากหลายช่วยให้เกดิ มุมมองในการพัฒนาการเรียนการสอนมากข้ึน 57แนวทางการเป็นโคช้ ท่มี ีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรยี นเพือ่ ยกระดบั คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนือ่ ง
๕๘ ๒. การกาหนดบคุ คลและระยะเวลาเพือ่ สงั เกตการณ์สอนไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน ด้วยภารกิจประจา ของครูและที่ไดร้ ับมอบหมายมีจานวนมากโดยเฉพาะโรงเรียนขนาดกลางในโครงการฯ ขณะท่ีผู้สังเกตการสอนมี เวลาจากดั จึงอาจทาใหก้ ารกาหนดบคุ คลผู้สงั เกตและระยะเวลาไม่ตรงหรอื สอดคล้องกัน จึงควรกาหนดบุคคลและ ระยะเวลาสังเกตการสอน จากการร่วมประชุม หรือการตกลงร่วมกันระหว่างผู้บริหาร ครูแกนนา และครู ทั้งน้ี เพ่อื ใหเ้ ปน็ ท่ยี อมรับ และ ได้รบั ความยนิ ยอมในการเปิดชนั้ เรยี น เพ่อื ให้การสงั เกตการสอนไปไดด้ ว้ ยดี เง่ือนไขความสาเร็จ ๑. โค้ชได้รับการพัฒนา ศึกษา ทาความเข้าใจวิธีการสอนแนะทางวิชาการ กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก และองค์ความรู้เก่ยี วกับการเรยี นการสอนในชน้ั เรยี น ทั้งทสี่ านักงานกองทนุ เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและ ฝ่ายบริหารจดั การโครงกาหนด และความเคล่อื นไหวทางการเรียนรทู้ ี่เกยี่ วข้องเพ่อื การสอนแนะไดต้ รงประเด็นและ ตรงตามความตอ้ งการ นเิ ทศ แนะนา ให้คาปรกึ ษาการพฒั นาการเรียนการสอนของครู อย่างตอ่ เน่ือง ๒. ผู้บริหาร ได้รับการพัฒนาด้านการบริหารจัดการเพ่ือการอานวยความสะดวก ประสานงานและ ตดิ ตามประเมินผลการพัฒนาการเรียนการสอนของครู ในโครงการไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ๓. ครูแกนนา และครู ได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจในสาระและเป้าหมายของโครงการและ การพฒั นาการเรียนการสอนในช้ันเรียนเชิงรุก โดยเฉพาะอย่างยิง่ การเป็นโค้ชภายในโรงเรียน ๔. ผู้เรียนร่วมมือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู เพ่ือนาไปสู่การได้รับความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ และเกิดการเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ เป็นผเู้ รยี นทีม่ คี ุณภาพ จากผลการพัฒนาการเรียนการสอน ของครู 58 แนวทางการเปน็ โค้ชท่ีมีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรยี นเพอื่ ยกระดบั คุณภาพการศึกษาอยา่ งตอ่ เนือ่ ง
๗ การสร้างเครือข่ายการท๗ำ�งานรว่ มกนั (Network) การสรา้ งเครือขา่ ยการทางานร่วมกนั (Network) ปัจจุบัน โรงเรียนมีอิสระในการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ในระดับหนึ่ง ท้ังด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคลและการบริหารทั่วไปให้บรรลุผลสาเร็จตามเปูาหมาย การได้รับอิสระ ดังกล่าว เป็นความจาเป็นที่จะต้องเรียนรู้ท้ังด้านนวัตกรรมการบริหารจัดการ และการจัดการเรียนรู้อย่าง ต่อเน่ือง นอกจากจะแสวงหาและดาเนินการด้วยตนเองแล้ว ความร่วมมือจากหน่วยงานสถานศึกษา หรือ โรงเรียนอื่นเพื่อการผนึกกาลังกันทางานให้ประสบผลสาเร็จจึงเป็นความจาเป็นมากข้ึน โดยเฉพาะเม่ือ วิวัฒนาการทางการศึกษาเปล่ียนแปลงไปทั้งด้านองค์ความรู้และนวัตกรรม หลักสูตร การเรียนการสอน และ ตัวนักเรียนท่ีมีความต้องการท่ีแตกต่างไปจากเดิม ด้วยอิทธิพลท่ีส่งผลกระทบมาจากเศรษฐกิจ สังคมและ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการส่ือสาร กระบวนการมี ส่วนร่วมและการทางานเป็นเครือข่ายเป็นกระบวนการสาคัทที่จะทาให้โรงเรียนไม่โดดเด่ียว ดังนั้น การสร้าง เครือข่ายการทางานร่วมกัน (Network) จึงเป็นมาตรการหนึ่งในโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับ คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเน่ือง ที่ทีมโค้ชต้องมีบทบาทการสนับสนุนให้เกิดข้ึนอย่างเป็นรูปธรรม เป็นระบบ และต่อเน่ือง แนวคดิ เครือข่ายการทางานร่วมกันของโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง เป็นการรวมตัว กนั ของบุคคล กลุ่มบุคคล หรือหน่วยงานภายในและนอกโรงเรียน ทั้งเครือข่ายท่ีเป็นโรงเรียน และเครือข่ายท่ี เป็นบุคคล ภูมิปัททา ครอบครัว ชุมชน สถานประกอบการ สถาบันสังคม หน่วยงานของรัฐ เอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สนับสนุนการศึกษา ท่ีสามารถติดต่อส่ือสารและการคมนาคมสะดวก โดยความ สมัครใจ ท้ังท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการเพื่อการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ประสบการณ์ และทากิจกรรมการ เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้การดาเนินงานตามภารกิจและกิจกรรมในโครงการบรรลุเปูาหมายร่วมกัน ด้วย กระบวนการมีสว่ นรว่ มและการแลกเปล่ียนเรียนรู้ บนพ้ืนฐานของความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ทั้งด้านการ ปฏิบัติตน รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และรับผลประโยชน์จากการดาเนินงานของเครือข่ายร่วมกัน ทั้งที่เป็นเครือข่าย ภายใน เครอื ขา่ ยนอกโรงเรียน โรงเรียนในโครงการดว้ ยกัน และเครือข่ายบุคคลและองค์กรอื่นๆ 59แนวทางการเปน็ โคช้ ท่ีมคี ณุ ภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง
๖๐ โรงเรียน โรงเรยี น โรงเรยี น โรงเรยี น ประธาน เครอื ข่าย โรงเรียน โรงเรยี น ภาพท่ี ๗ เครือขา่ ยโรงเรยี นในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพือ่ ยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาอยา่ งตอ่ เน่ือง ที่มา : พฒั นาโดย พิณสดุ า สิรธิ รงั ศรี และวาสนา วิสฤตาภา (๒๕๖๒). สถาบันอุดมศึกษา โรงเรยี น ต้นสงั กัด โรงเรยี น โรงเรียน โรงเรียน ประธาน เครอื ขา่ ย โรงเรยี น โรงเรยี น องค์กรตา่ งๆ ครอบครัว ชมุ ชน ภาพท่ี ๘ เครอื ข่ายสนับสนนุ โครงการพัฒนาครแู ละโรงเรียนเพื่อยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาอยา่ ง ตอ่ เนอื่ ง ท่ีมา : พัฒนาโดย พิณสดุ า สริ ธิ รังศรี และวาสนา วสิ ฤตาภา (๒๕๖๒). คณุ ลกั ษณะของเครือข่าย ๑. มเี อกภาพและเปูาหมายความสาเรจ็ ของเครือข่ายรว่ มกัน ความเป็นเอกภาพและเปูาหมาย เป็นทิศทางการทางานรว่ มกัน อยา่ งสอดคล้องและไม่ขัดแย้งกัน นาไปสคู่ วามสาเร็จและมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒. มีการกาหนดหนา้ ที่ กจิ กรรม และการปฏบิ ตั ิหรอื ความเคลื่อนไหวของงานอยา่ งต่อเนื่อง 60 แนวทางการเป็นโคช้ ท่ีมีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรยี นเพื่อยกระดับคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเนอ่ื ง
๖๑ ในโครงการโรงเรยี นพัฒนาคณุ ภาพต่อเน่ือง มีการกาหนดภารกิจหรืองานให้เกิดการรวมตัวเป็นเครือข่ายและมี กิจกรรมปฏบิ ัติงาน ท้งั นี้เป็นไปตามท่ฝี าุ ยบรหิ ารจัดการโครงการกาหนด และหรือภารกิจของเครือข่ายกาหนด ข้ึนร่วมกนั แล้วแตก่ รณี จงึ ตอ้ งมีการกาหนดหน้าท่ี ของแต่ละฝุาย หรือโรงเรียน และมีความเคลื่อนไหวของงาน และกจิ กรรมทท่ี าอย่างตอ่ เนอื่ ง ท่ีสะทอ้ นถงึ ความคงอยูข่ องเครือข่าย ๓. มีผู้นา ผ้นู าในท่นี ้คี อื ประธานเครือข่ายท่ไี ดร้ ับการคัดเลอื กกันเองตามคณุ สมบัติทีก่ าหนด เปน็ ผนู้ าการบริหารจดั การเครือขา่ ย และผนู้ าครูหรือครแู กนนา ที่จะทาหน้าท่ีประสานงานและนาทางวิชาการ รว่ มกันภายในเครือข่าย ๔. มีการประสานงานทด่ี ี การประสานงานที่ดเี ปน็ กลไกสาคทั ให้เกิดการทางานร่วมกันอยา่ งต่อเน่ือง ท้ังที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น การประชุม การปรึกษาหารือ การบอกกล่าว ให้ครูและผู้บริหาร ทเ่ี ปน็ ตัวแทนของแต่ละโรงเรียนในเครือข่าย ไดร้ ับรแู้ ละเกิดการปฏิบตั งิ านร่วมกนั ใหเ้ ป็นไปอยา่ งราบรน่ื ๕. มีการสอ่ื สารท่ชี ัดเจนและตรงประเด็น มกี ารสอ่ื สารทาความเข้าใจในงานทช่ี ัดเจน ตรงประเดน็ และต่อเนื่อง ทง้ั การส่ือสารปกติและเมื่อมีข้อมูลใหม่เพ่ือการปฏิบัติงานและการเรียนรู้ของเครือข่ายที่ต้องรับรู้ รว่ มกัน ไมส่ บั สน ไมข่ าดการรบั รู้ ๖. มกี ารชว่ ยเหลอื เกือ้ กูลกันและกนั ในการทางานร่วมกันเปน็ เครอื ข่าย เม่ือมกี ิจกรรมท่ีตอ้ งทา รว่ มกัน การชว่ ยเหลอื กนั และกนั โดยไมป่ ลอ่ ยให้เป็นภาระผู้ใดผู้หนึ่งเป็นคุณลักษณะสาคัทท่ีแสดงถึงความเป็น กัลยาณมิตร น้าใจ พ่งึ พากนั และกันของเครอื ข่าย เกิดเจตคติที่ดีร่วมกัน อันจะนาไปสู่ความสาเร็จของงานตาม เปาู หมาย ๗. เกดิ การเรยี นรู้จากการปฏบิ ัติทุกขน้ั ตอนร่วมกนั ครแู ละผบู้ รหิ าร ผรู้ ่วมงานหรอื ผู้เก่ยี วข้องภายใน เครือข่ายเกิดการเรียนรู้ร่วมกันทุกขั้นตอน ทั้งการเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ เรียนรู้การกาหนดเปูาหมายร่วมกัน เรียนรู้กระบวนการทางานร่วมกัน เรียนรู้การเป็นผู้นาและผู้ตาม เรียนรู้การแก้ปัทหา เรียนรู้การเป็นผู้ให้และ ผู้รับ ตลอดจนวิถีการทางานแบบเครือข่าย เหล่านี้เป็นต้น ที่นาไปสู่การพัฒนาตนเองและพัฒนางานให้ บรรลผุ ลสาเร็จ หลักการ การสร้างเครือขา่ ยการทางานร่วมกนั คานึงถงึ หลกั การ ดงั นี้ ๑. หลกั การมสี ว่ นร่วม การทางานรว่ มกนั ทางการศกึ ษาอยบู่ นพนื้ ฐานการมสี ว่ นร่วม ทง้ั การร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมวางแผน ร่วมดาเนินการ ร่วมแก้ปัทหา ร่วมติดตามประเมินผล และร่วมช่ืนชมผลสาเร็จ ที่ ทกุ คนท้ังครู ผบู้ ริหาร นกั เรียน และผ้มู ีส่วนได้ส่วนเสีย มีส่วนในการนาไปสู่ความสาเร็จ น้าหนักของการมีส่วน รว่ มตามขน้ั ตอนต่างๆดงั กล่าวเปน็ ไปตามบรบิ ทและสภาพแวดล้อมของโรงเรยี น ที่จะเลือกใช้ใหเ้ หมาะสม ๒. หลกั ความเสมอภาคและเทา่ เทยี ม เปน็ ความเสมอภาคและเท่าเทยี มกันของครูและผู้บรหิ ารหรือ 61แนวทางการเป็นโคช้ ทม่ี คี ณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรียนเพือ่ ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเนื่อง
๖๒ ผูม้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสียต่างโรงเรียนในการยอมรับกันและกัน การดาเนินงาน การแสดงความเห็น บทบาทและการ ปฏิบัติตนในเครือข่าย และความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพของนักเรียนในโครงการ ที่ต้อง ไดร้ บั ๓. หลักความเชอ่ื ถือและไวว้ างใจกนั และกนั การทางานรว่ มกันเป็นเครือข่ายโดยความสมคั รใจ เป็นการรวมตัวแบบหลวมๆ ไม่เป็นทางการ และมคี วามยืดหยุ่นสูง ดังน้ัน ความเชื่อถือและไว้วางใจกันและกัน ซึ่งหมายรวมถึง การเคารพสิทธิ การให้เกียรติ ยกย่องกันและกัน เป็นเรื่องสาคัทท่ีจะร้อยรัดเครือข่ายเข้า ด้วยกัน ๔. หลกั การแบง่ งานกนั ทา การแบง่ งานกนั ทาภายในเครือข่ายมีความสาคัททจ่ี ะกาหนดหน้าท่ีของ แต่ละคน/โรงเรียน เพื่อดาเนินกิจกรรมในโครงการร่วมกันให้บรรลุผลสาเร็จตามเปูาหมาย การแบ่งงานหรือ การกาหนดหน้าที่ที่ชัดเจน จะทาให้เกิดการปฏิบัติชัดเจน ไม่สับสนหรือทับซ้อน แต่เป็นกลไกการทางานของ แต่ละบุคล กลุ่ม หรือโรงเรียน และระหว่างโรงเรียน ที่มาร่วมกันปฏิบัติตามหน้าที่ของตน ดุจฟันเฟืองของล้อ รถทห่ี มนุ เคลอื่ นไปยังเปาู หมายปลายทาง ๕. หลกั การส่ือสารและทาความเขา้ ใจ การทางานเปน็ เครือข่ายมคี วามจาเปน็ ในการสื่อสารและทา ความเข้าใจทต่ี รงกัน เพราะครูและผู้บริหารต่างคนต่างมีพื้นฐาน ความเช่ือ ค่านิยม หรือวัฒนธรรมการทางาน ของโรงเรียนท่ีแตกต่างกัน หากได้มีการสื่อสารทาความเข้าใจให้ตรงกันอย่างต่อเน่ืองในข่าวสาร และภารกิจ ภายในโครงการ ก็จะทาเกดิ ความเข้าใจในงาน ชัดเจน และปฏบิ ัตไิ ด้ตรงตามที่ต้องการ วัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือสนับสนุนให้เกดิ การสรา้ งเครือขา่ ยการทางานร่วมกนั ของครู ผบู้ ริหารและผูม้ สี ่วนได้สว่ นเสีย ท่ีเกี่ยวข้องทางการศึกษา เช่น พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน ในการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างมี ประสทิ ธิภาพและประสิทธิผล ๒. เพื่อสนบั สนุนใหเ้ กดิ การจัดกิจกรรมการจดั การเรยี นการสอนร่วมกันภายในเครือขา่ ย และการ ขยายผล ขัน้ ตอนและวิธีการดาเนินงาน ในกรณีนี้ พิจารณาถึงการสร้างเครือข่ายการทางานร่วมกันของโรงเรียนในโครงการพัฒนาครูและ โรงเรยี นเพอ่ื ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เปน็ สาคัท โดยมขี ัน้ ตอนและวิธีการดาเนินงาน ดงั นี้ ข้นั ก่อนการดาเนินงาน ๑. ศกึ ษา ทาความเขา้ ใจโครงการโรงเรยี นพฒั นาคุณภาพตอ่ เนื่อง แนวคดิ หลักการ และองคค์ วามรู้ เกี่ยวกับการสร้างเครือข่าย เปูาหมายของโรงเรียน ตลอดจนแผนและกิจกรรมท่ีโรงเรียนกาหนดข้ึนใน โครงการฯ 62 แนวทางการเป็นโค้ชท่มี ีคณุ ภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรียนเพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษาอยา่ งตอ่ เน่อื ง
๖๓ กรณดี ังกล่าว อาจดาเนินการควบคกู่ บั กระบวนการชุมชนการเรยี นร้วู ิชาชีพ แตกตา่ งกันทีก่ าร สร้างเครือข่ายเน้นการทางานร่วมกัน ขณะที่ชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ เน้นการเรียนรู้ร่วมกัน เพ่ือให้เกิดการ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน อย่างไรก็ตาม ท้ังการสร้างเครือข่ายการทางานร่วมกัน และการพัฒนาครูและ ผู้บรหิ ารดว้ ยกระบวนการเรียนรูช้ ุมชนวชิ าชพี ต่างมีเปาู หมายเดยี วกัน และกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็น ตัวเช่อื ม ๒. ศกึ ษาบริบทและพืน้ ฐานของโรงเรียน และเครือขา่ ยของโรงเรียนในโครงการพฒั นาครูและ โรงเรียนเพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเน่ือง ท่ีมีภารกิจร่วมกัน เช่น บริบทสังคมและวัฒนธรรม คณุ วุฒิครู จานวนครู จานวนนักเรยี น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น กจิ กรรมการพัฒนาของโรงเรียน เป็นต้น ๓. จดั ให้มกี ารรวมตัวของเครอื ข่ายและการเลอื กประธานเครอื ข่าย โดยประสานงานให้โรงเรียนมี การรวมตัวกันด้วยความสมัครใจ เครือข่ายละประมาณ ๕ โรง โดยพิจารณาจากพ้ืนที่ใกล้เคียงกัน เคยทางาน ร่วมกัน เป็นเครือข่ายการทางานในโครงการเฉพาะกิจเดียวกัน หรือเครือข่ายที่ต้นสังกัดกาหนดให้ทางาน ร่วมกนั มากอ่ น และตกลงเลือกประธานกันเอง ในการเลอื กประธานเครือข่าย เลือกตามคณุ สมบตั ดิ ังน้ี ๑) เป็นผ้มู ีภาวะผู้นา มวี ิสยั ทศั น์ ความรู้ความสามารถทางการบริหารจัดการ การ ประสานงาน เสียสละ หรือเป็นผู้มีอาวุโสด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิ เป็นท่ียอมรับและศรัทธาของโรงเรียนภายใน เครือขา่ ย ๒) เปน็ ผู้บรหิ ารโรงเรยี นท่ีมีความพรอ้ ม เป็นศนู ยก์ ลางการคมนาคมของโรงเรียนใน เครือข่าย มีทรัพยากรท่ีเอื้อต่อการสนับสนุนการดาเนินงานของโรงเรียนเครือข่าย กรณีจาเป็น เช่น มีห้อง ประชุม โสตทศั นปู กรณ์เหมาะสม มีครูแกนนาท่ีมศี กั ยภาพโดดเดน่ ในการประสานงานชัดเจน เปน็ ตน้ ๔. การสนบั สนุนการรวมตวั กันของครแู กนนาในเครือขา่ ย ใหค้ รูศึกษาและดาเนนิ การตามคู่มือครู แกนนาในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพื่อยกระดับคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่ือง ที่สานักงานกองทุนเพ่ือ ความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และ สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดทาขึ้น ทั้งด้าน เนอ้ื หาสาระ วธิ กี ารและการขยายผล ๕. ประชมุ และวางแผนรว่ มกนั ระหวา่ งทีมโคช้ และผ้บู ริหารของโรงเรยี น และครูแกนนาที่มี ความพร้อมในการรวมตัวกันเปน็ เครอื ข่าย ข้นั การดาเนินงาน ๖. สง่ เสริมใหเ้ กิดการดาเนินการตามแผนที่วางไว้ บางกิจกรรมอาจเปน็ การดาเนินงานร่วมกันตาม กระบวนการชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพระหว่างโรงเรียนในเครือข่าย ท่ีควรดาเนินการไปพร้อมกัน เช่น การ ประชุมช้ีแจง ทาความเข้าใจ เพื่อเกิดการรับรู้ร่วมกันท้ังภายในโรงเรียนและเครือข่าย ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ ของทีมโค้ชและบรบิ ทของโรงเรียนและเครอื ขา่ ย ๗. สนบั สนนุ ให้โรงเรยี นผลัดกนั เป็นผู้นาและผู้ตาม แม้วา่ จะมปี ระธานเครอื ขา่ ยแล้วก็ตาม แตใ่ นทาง 63แนวทางการเป็นโคช้ ทม่ี คี ุณภาพ ในโครงการพฒั นาครแู ละโรงเรียนเพ่อื ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่อื ง
๖๔ ปฏิบัติ โรงเรียนที่มีความถนัดในเรื่องใดเรื่องหน่ึง ควรมีการแบ่งงานกันทา ให้มีโอกาสเป็นผู้นากิจกรรมใน โครงการ เช่น กิจกรรมการจัดทาส่ือการสอนภาษาอังกฤษ และมีโรงเรียนอ่ืนๆที่ร่วมกิจกรรมเป็นผู้ตาม ขณะเดียวกันเม่ือโรงเรียนท่ีเป็นผู้ตามรับผิดชอบการจัดกิจกรรมจัดทาแผนการเรียนรู้ โรงเรียนที่เป็นผู้นาใน กจิ กรรมจัดทาส่อื การสอนภาษาองั กฤษกก็ ลายเปน็ ผู้ตามในกจิ กรรมการจัดทาแผนการเรียนรู้ เหล่านี้เป็นต้น ท่ี สะทอ้ นถึงความเสมอภาคในโอกาสเป็นผู้นา และรู้จักการเปน็ ผู้ตามบนพนื้ ฐานการทางานร่วมกัน ๘. สนบั สนุนให้มีการสร้างวิธีการติดตอ่ ส่ือสารของเครือขา่ ยดว้ ยกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อลด ข้ันตอนการเดินทางของครูและผู้บริหารภายในเครือข่าย เช่น การสร้างกลุ่มแอพพลิเคช่ันไลน์ ท้ังกลุ่มของ เครือข่าย กลุ่มครู และกลุ่มผู้บริหาร แล้วแต่กรณีเพื่อการแลกเปล่ียนเรียนรู้ รับรู้ความเคลื่อนไหวของกันและ กนั ประชาสมั พนั ธผ์ ลงาน ตลอดจนการขับเคลอื่ นการพฒั นางานรว่ มกนั ๙. ใหค้ าแนะนา ปรกึ ษา และกระตนุ้ ใหเ้ กดิ แรงจูงใจในการทางานรว่ มกนั อยา่ งต่อเน่ือง ยอมรบั ใน ความคดิ เห็นของผอู้ ื่น โดยเฉพาะการเปน็ ผฟู้ งั และผพู้ ูดทด่ี ี มีความรับผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา ๑๐. เมอ่ื มีปัทหาอปุ สรรคระหวา่ งการดาเนนิ งานของเครือข่าย ควรได้มกี ารเสนอแนะ ช้ที างออกให้ เกิดการผ่อนคลายปทั หา จนกระทง่ั หมดไปในที่สุด ในการน้ี ทีมโค้ชจาเป็นต้องสร้างความใกล้ชิด ไว้วางใจ ให้ ความจริงใจ รับฟังปัทหา และพจิ ารณาใครค่ รวทเพื่อชที้ างออกดงั กล่าวข้างต้น ดังน้ัน หลักและกระบวนการมี สว่ นร่วมและแก้ปทั หาร่วมกนั อยา่ งใกลช้ ดิ ควรนามาใช้อย่างตอ่ เน่ืองทงั้ ท่เี ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ ข้ันหลงั ดาเนินงาน ๑๑.นิเทศ เยี่ยมเยียน และประเมินผล การดาเนินงานท้งั ทเ่ี ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ แล้วแต่ กรณี ในการนี้ กระบวนการเทคโนโลยีและการสื่อสารควรนามาใช้ เช่น ทางออนไลน์ อินเทอร์เน็ต อีเมล์ เป็นตน้ เพือ่ ใหเ้ ข้าถึงข้อมลู ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ๑๒.สรปุ และรายงานผลการดาเนินงาน รายงานผลในทีน่ ี้ เปน็ การบูรณาการเขา้ กบั การรายงานปกติ ทง้ั ทเี่ ป็นทางการ หรือไมเ่ ปน็ ทางการตามความเหมาะสม แล้วแตก่ รณี กลยทุ ธ์ กลยทุ ธก์ ารดาเนนิ งาน ใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ที่ทมี โคช้ ควรสนบั สนุนการดาเนินงานของเครอื ข่าย ดงั น้ี ๑. เคารพความคิดเหน็ เปน็ ผูฟ้ งั และผู้พูดทีด่ ี โดยการแนะให้ครูและผบู้ ริหารสมาชกิ ของเครือข่าย เป็นผู้ฟังและผู้พูดท่ีดี ผู้ฟัง ต้ังใจฟัง ตอบสนองและตั้งคาถามอย่างมีกลวิธี ไม่ทะลุกลางปล้อง ในเรื่องที่ผู้พูด ตอ้ งการส่อื สาร เคารพในความคิดเห็นของผู้พูด ในขณะที่เมื่อเปล่ียนมาเป็นผู้พูด ต้องเป็นผู้พูดในเรื่องที่มีสาระ ท่สี อดคลอ้ งกบั เรือ่ งท่ตี อ้ งการพูด ไม่พูดนอกเร่ือง สร้างบุคลิกท่ีดี เปิดโอกาสให้มีการซักถามเป็นระยะ อธิบาย ดว้ ยความกระจ่างชัดเจน ๒. สรา้ งความสมั พันธ์ที่ดี ความสมั พันธ์ที่ดขี องครแู ละผู้บริหารระหวา่ งโรงเรียน เป็นเรือ่ งท่มี ี 64 แนวทางการเปน็ โคช้ ทมี่ คี ุณภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรียนเพอื่ ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
๖๕ ความสาคัทท่ีจาต้องสร้างและสานสัมพันธ์ไว้อย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้เกิดความเช่ือถือและไว้วางใจกันและกัน นาไปสู่ความสามคั คีและร่วมมือกันดาเนินงานให้ประสบผลสาเร็จ ๓. มีการปรับตัวอยา่ งต่อเน่ือง ดว้ ยคุณลักษณะของการรวมตวั เป็นเครอื ข่าย ทตี่ า่ งคนต่างมาจาก วัฒนธรรมการการทางานของแต่ละโรงเรียนต่างกัน วิธีคิดต่างกัน พื้นฐานและประสบการณ์ต่างกัน สังคมหมู่ พวกที่แตกต่างกัน และความคาดหวังท่ีต่างกัน การปรับตัวเข้าหากันจึงเป็นกลยุทธ์สาคัทท่ีต้องนามาใช้ ยอมรบั ในความแตกตา่ ง โดยยดึ เปูาหมายเป็นสาคทั ๔. เปน็ ผนู้ าและผู้ตาม แต่ละโรงเรียนมีสถานะทางกฎหมายเทา่ เทยี มกัน เสมอกัน ครูและผ้บู รหิ าร ต่างเข้าสู่ตาแหน่งด้วยกระบวนการเดียวกัน ภายใต้กฎระเบียบเดียวกัน แต่อาจมีความแตกต่างกันโดยบริบท จานวนนักเรียนและครู ภาพลักษณ์ และการพัฒนาที่แตกต่างกัน แต่เมื่อต้องรวมตัวกันเป็นเครือข่ายเพ่ือการ ทางานในโครงการฯเดียวกัน เปน็ การฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตาม ยอมรับในความรู้ความสามารถของกันและกัน เพื่อร่วมมือกนั ทางานจนบรรลุผลสาเร็จ ๕. ก้าวขา้ มอัตตา การรวมกันเป็นเครือข่ายของโรงเรียน กค็ อื การรวมตัวกันของครแู ละผบู้ ริหารทีม่ ี พื้นฐานต่างกันตามที่กล่าวมา โดยเฉพาะ “อัตตา หรือความเป็นตัวตน” ท่ียึดตนเองเป็นสาคัท อันเป็น อุปสรรคสาคัทของการทางานร่วมกันให้สาเร็จ แม้ว่า โรงเรียนจะรวมตัวกันด้วยความสมัครใจก็ตาม กลยุทธ์ การสนับสนุนให้ครูและผู้บริหารก้าวข้ามอัตตา ละความเป็นตัวตน หรือเอาความเห็นของตนเป็นใหท่ จึงเป็น เร่ืองจาเป็นอย่างย่ิง ด้วยกิจกรรมคิดร่วมกันและทาร่วมกันบ่อยๆ โดยเฉพาะกิจกรรมผ่อนคลายอย่างไม่เป็น ทางการ เช่น กิจกรรมสังสรรค์ กิจกรรมกีฬา และเม่ือเกิดการยอมรับร่วมกัน จึงปรับเป็นกิจกรรมอย่างเป็น ทางการตามภารกจิ ของโครงการ เป็นต้น ๖. ปฏบิ ตั ิงานใหค้ รบจนจบกระบวนการ เป็นการดาเนนิ งานให้ครบและครอบคลุมตามแผนงาน กจิ กรรม ตามการแบ่งงานหรือตามท่ีได้รับมอบหมาย โดยไม่ปล่อยให้เป็นภาระของผู้ใดผู้หน่ึง หรือโรงเรียนใด โรงเรียนหนึ่ง แต่เป็นภารกิจท่ีตน (ครูและผู้บริหาร) ต้องปฏิบัติให้สาเร็จ ครบถ้วนตั้งแต่ต้นน้า กลางน้า และ ปลายนา้ ในแต่ละแผนงานหรือกจิ กรรม ขอ้ พิจารณา การสร้างเครือข่ายการทางานร่วมกัน เป็นกระบวนการทางานทางวัฒนธรรมที่เปล่ียนท้ังวิธีคิดและ วิธีการทางานโดยยึดเป้าหมายเป็นสาคัญ จากการทางานคนเดียว โรงเรียนเดียวเป็นการทางานกลุ่ม หลาย โรงเรียน ตัวบุคคลผู้ปฏิบัติทั้งครู และผู้บริหาร ต่างมีวัฒนธรรมการทางานที่แตกต่างกัน พื้นฐานและ ประสบการณต์ า่ งกนั เจตคตแิ ละค่านิยมทต่ี า่ งกัน สังคมหมู่พวกท่ีแตกต่างกัน และความคาดหวังที่ต่างกัน แต่ มาร่วมกันด้วยความสมัครใจ ภายใต้ข้อกาหนดให้มีการสร้างเครือข่ายการทางานร่วมกันในโครงการฯ และ แม้วา่ จะสังกดั เดียวกันกต็ าม ในชว่ งแรกอาจมีความคับข้องใจบ้างในบุคคลบางคน เช่น การประสานงาน การ คิดต่าง ความเช่ือต่าง กฎเกณฑ์ของโรงเรียนต่างกัน ท่ีต่างจากความเคยชิน ดังน้ัน หลักการ และกลยุทธ์ จาเปน็ ตอ้ งนามาใชใ้ นการดาเนนิ โครงการครงั้ นี้ 65แนวทางการเป็นโค้ชที่มีคณุ ภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรียนเพ่ือยกระดบั คุณภาพการศึกษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง
๖๖ ปัญหาและอปุ สรรคท่อี าจเกดิ ข้ึนและแนวทางแก้ไข ๑. ภาระงานประจา ภาระงานประจาของครแู ละผ้บู รหิ ารมปี ริมาณมาก ท้งั ภาระการสอนและภาระ อื่นที่ได้รับมอบหมาย ท่ีอาจส่งผลให้ผู้บริหาร หรือครูบางส่วนไม่เข้าร่วมกิจกรรมหรือละเลยกระบวนการ ทางานร่วมกันเป็นเครือข่ายที่กาหนดไว้ข้างต้น ท่ีส่งผลต่อการพัฒนานักเรียนตามโครงการโรงเรียนพัฒนาคุณ ภาพต่อเนื่องในที่สุด ดังน้ัน ทีมโค้ชควรได้ทาความเข้าใจกับผู้บริหารและครู บูรณาการงานประจากับงานใน โครงการฯ เข้าด้วยกัน ติดตาม ใหก้ าลังใจ และสร้างแรงจูงใจผ่านผู้บริหาร และดาเนินการกับครูโดยตรง ทั้งท่ี เปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ ๒. เจตคตแิ ละความไม่พร้อมของครู ดว้ ยวัฒนธรรมการทางานที่แตกต่างกนั ของครูแตล่ ะโรงเรียนท่ี แตกต่างกันส่งผลให้ขาดความพร้อม เป็นอุปสรรคในการทางานร่วมกันของเครือข่าย ในการนี้ ทีมโค้ชควรได้ สอนแนะ ทาความเข้าใจ สร้างความคุ้นเคยร่วมกัน และให้ทากิจกรรมกลุ่มร่วมกัน โดยเฉพาะ การสร้าง วสิ ัยทศั นร์ ่วม (Shared vision) การจัดการความรู้ (Knowledge Management: KM) การทางานเป็นทีม ให้ เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน เช่น กิจกรรมการเรียนรู้วิชาชีพ กิจกรรมการจัดทาสื่อร่วมกัน หรือกิจกรรมอื่นที่ เครอื ขา่ ยกาหนดร่วมกัน เพื่อใหเ้ กิดการเรียนรแู้ ละความเคยชิน จนกลายเป็นวัฒนธรรมการทางานร่วมกัน ที่มี ตัวแปรของความรคู้ วามเขา้ ใจ ความไวว้ างใจกนั และกนั เป็นแรงหนุน ๓. การคมนาคมหา่ งไกล บางพื้นทแ่ี มจ้ ะเลือกการรวมตัวกันของโรงเรยี นที่อยใู่ กลก้ ันแลว้ กต็ าม แต่บางเครือข่ายอาจมีปัทหาการคมนาคมที่ไม่สะดวก บางพ้ืนที่เป็นภูเขา เส้นทางคมนาคมลาบาก หรือมี อุบัติภัย เช่น ฝนตกหนัก น้าท่วม หรือ เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางร่วมกิจกรรม ดังน้ัน การวางแผนจัดการ เดนิ ทางรว่ มกัน การปรบั แผน หรอื การสือ่ สารออนไลน์ ควรนามาใชใ้ นการแกป้ ทั หา แล้วแตก่ รณี เงอ่ื นไขความสาเร็จ ๑. ผบู้ รหิ ารและครโู รงเรียนภายในเครอื ขา่ ยยอมรับ ตระหนกั ถึงความสาคทั ให้เกียรตกิ ันและกัน และเกิดการทางานร่วมกันอย่างต่อเน่ือง ๒. ต้นสังกดั สนับสนนุ และอานวยความสะดวกการทางานร่วมกนั เป็นเครอื ข่ายของโรงเรียน มี กจิ กรรมสนับสนุนการดาเนินงานเชอ่ื มโยงกับโครงการโรงเรียนคุณภาพอย่างต่อเน่ือง ๓. พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ชมุ ชนและผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสยี ทุกภาคสว่ นใหค้ วามรว่ มมือสนับสนนุ กจิ กรรม การดาเนนิ งานของเครือขา่ ยอยา่ งเปน็ รูปธรรม สรุป 66 แนวทางการเป็นโค้ชทม่ี คี ุณภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรยี นเพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษาอยา่ งตอ่ เน่อื ง
กจิ กรรมสนบั สนนุ การดาเนินงานเชอื่ มโยงกับโครงการโรงเรยี นคณุ ภาพอย่างต่อเนื่อง ๓. พอ่ แม่ ผู้ปกครอง ชมุ ชนและผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสยี ทกุ ภาคส่วนใหค้ วามร่วมมอื สนบั สนุนกิจกรรม การดาเนินงานของเครือขา่ ยอยา่ งเป็นรปู ธรรม สรปุ ๖๗ การเป็นโค้ชท่ีมีคุณภาพในโครงการพัฒนาครูและผู้บริหารเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาต่อเน่ือง เป็นผทู้ ี่มบี ทบาทสาคัทในการสนับสนุนครูและผู้บริหารให้สามารถพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ แก่ผู้เรียน ท่ีต้องทาความเข้าใจโครงการอย่างละเอียดโดยเฉพาะมาตรการสนับสนุนโครงการเก่ียวกับการ กาหนดเปูาหมายของโรงเรียน (school goal) การพัฒนาครูและผู้บริหารด้วยกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ วิชาชีพ (PLC) การจัดระบบสารสนเทศที่มีคุณภาพ (Info) การพัฒนาการเรียนการสอนในช้ันเรียน (classroom) และการสร้างเครือข่ายการทางานรว่ มกัน (network) ดว้ ย ๔ กระบวนการ ได้แก่ ๑) การจัดการ เรียนรู้ที่ยืดหยุ่น ๒) การดูแลผู้เรียนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ๓) การพัฒนาครูให้ใฝุรู้ใฝุเรียน และ ๔) การมี ส่วนร่วมสร้างศรัทธาต่อชุมชน ดังน้ัน โค้ชและทีมโค้ชจึงต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติท้ังด้านความรู้ ทักษะและ ความสามารถ เจตคติ พฤติกรรมที่ดี และมีประสบการณ์ในการแนะนา ให้คาปรึกษา นิเทศและติดตามการ ทางาน ตลอดจนการช่วยเสนอแนวทางการแก้ไขปัทหาอันเกิดจากการดาเนินโครงการให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธิผล แนวทางการเป็นโค้ชที่มีคุณภาพ จึงให้ความรู้และประสบการณ์จากการถอดบทเรีย นจากการ ปฏิบัติงานของโค้ชในโครงการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา เกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนใน เรื่องดังกล่าวข้างต้น ผสมผสานกับแนวทางการดาเนินงานในอนาคตที่คาดว่า โค้ชในโครงการพัฒนาครูและ โรงเรียนเพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เม่ือได้ศึกษาและทาความเข้าใจอย่างละเอียดแล้วจะ สามารถปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะผู้สนับสนุนครูและผู้บริหารให้สามารถพัฒนาการเรียนการสอนท่ีมีคุณภาพตาม เปูาหมายได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 67แนวทางการเปน็ โคช้ ทมี่ ีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครแู ละโรงเรยี นเพ่ือยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาอย่างตอ่ เน่อื ง
รายการอ้างองิ รายการอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๕๗). ข้อมลู สารสนเทศการศกึ ษา. สบื ค้น ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒, จาก http://tiny.cc/jdx5az ครภู าษาไทย: ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้. (๒๕๖๐). 12 แอปพลเิ คชันชว่ ยสอนสาหรบั คุณครู เพ่ือสร้าง บรรยากาศในการเรยี นให้สนกุ ยิ่งขึ้น. สืบค้น ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒, จาก http://tiny.cc/dxy5az. จิตติมา เทียมบุญประเสรฐิ . (๒๕๔๔). ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ /Management information systems. (พิมพค์ ร้ังท่ี ๒) กรงุ เทพฯ : ว.ี เจ.พร้ินติ้ง ชูชัย รัตนภิญโญพงษ์. (๒๕๕๐). การพัฒนาและการนานวัตกรรมทางการศกึ ษา จากหอ้ งปฏิบัตกิ าร คณะครุศาสตร์/ศกึ ษาศาสตร์ สโู่ รงเรียนเครือข่าย. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั , : ม.ป.ท. เซนตฟ์ รงั ซีสซาเวยี รค์ อนแวนต,์ โรงเรยี น. (๒๕๖๐). คมู่ ือ padlet.com. สืบค้น ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒, จาก shorturl.at/vwyA5. ทรูปลกู ปญั ญา. (๒๕๖๑). รวมแอพพลิเคช่ัน ช่วยเร่ืองการเรียนการสอน สาหรับหอ้ งเรยี น 4.0. สืบคน้ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒, จาก shorturl.at/yLS59. นคร ตงั คะพภิ พ. (๒๕๖๒). รายงานฉบบั สมบูรณ์ ระยะท่ี ๓ โครงการบรหิ ารจดั การโรงเรียนพฒั นาคุณ ภาพต่อเน่ืองโดยโค้ชคุณภาพ ระดบั ศนู ย์ประสานงานกลาง ระยะที่ ๓. (เอกสารอัดสาเนา) นาชยั ววิ รรธน์และธดิ า จงนิรามัยสถิต. (๒๕๖๒). (ผู้แปล). ๒๑ บทเรียนสาหรบั ศตวรรษท่ี ๒๑. กรุงเทพฯ: บรษิ ัท วชิ น่ั พรเี พรส จากัด. พรเทพ รูแ้ ผน. (๒๕๖๒). รายงานการสงั เคราะหผ์ ลการจัดการกาเรยี นรแู้ บบเครือข่ายการมสี ่วนร่วมของ ชุมชนเพอ่ื สขุ ภาวะเดก็ และเยาวชนในจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยาและอา่ งทอง. กรงุ เทพฯ: สานักงาน กองทุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ. พงษศ์ กั ดิ์ ผกามาศ. (๒๕๕๓). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. พมิ พ์ครัง้ ที่ ๑. กรงุ เทพมหานคร: โอ เอส พริ้นตง้ิ เฮาส์. พรรณี สวนเพลง. (๒๕๕๕). ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ.์ พิมพ์คร้งั ที่ ๑. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ซีเอ็ดยูเคช่นั จากัด (มหาชน). พาขวญั ทพิ ย์มณี. (๒๕๕๙). การจดั ระบบสารสนเทศเพอ่ื การบริหารจดั การฺ. สืบค้น 12 สิงหาคม 2562, จาก http://tiny.cc/7sa5az. พณิ สุดา สิรธิ รงั ศรี. (๒๕๕๗). รายงานการวิจยั เรอ่ื ง รูปแบบการบริหารจัดการสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน. กรุงเทพฯ: สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. ............. (๒๕๕๙). การจดั การกาเรียนรูแ้ บบเครอื ข่ายการมีส่วนรว่ มของชุมชนเพื่อสขุ ภาวะเด็ก เยาวชนและ ครอบครัว. กรุงเทพฯ: สานักงานกองทนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ. ............ (๒๕๖๒). รายงานฉบบั สมบูรณ์ โครงการขยายการจัดการการเรยี นรู้แบบเครอื ขา่ ยการมสี ่วนรว่ มของ ชุมชนเพอ่ื สขุ ภาวะเดก็ และเยาวชน. กรงุ เทพฯ: สานกั งานกแงทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสรมิ สุขภาพ 68 แนวทางการเป็นโคช้ ทีม่ ีคุณภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพ่ือยกระดับคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่อื ง
พณิ สดุ า สิริธรังศร.ี (๒๕๕๗). รายงานการวิจยั เรอื่ ง รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน. กรงุ เทพฯ: สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. ............. (๒๕๕๙). การจดั การกาเรียนร้แู บบเครือขา่ ยการมีส่วนร่วมของชุมชนเพอ่ื สขุ ภาวะเดก็ เยาวชนและ ครอบครวั . กรงุ เทพฯ: สานกั งานกองทนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ. ............ (๒๕๖๒). รายงานฉบบั สมบรู ณ์ โครงการขยายการจัดการการเรียนร้แู บบเครอื ข่ายการมีส่วนร่วมของ๖๙ ชุมชนเพื่อสุขภาวะเดก็ และเยาวชน. กรงุ เทพฯ: สานกั งานกแงทนุ สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (๒๕๖๑). ทักษะ ๗ C ของครู ๔.๐ (พิมพ์ครั้งที่ ๔). กรุงเทพฯ: โรง พิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ไพฑรู ย์ สินลารัตนแ์ ละคณะ. (๒๕๕๑). การเปล่ียนผ่านการศึกษาเขา้ สยู่ ุคเศรษฐกจิ ฐานความรู้. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เรวณี ชยั เชาวรตั น์. (๒๕๕๘). ชุมชนการเรียนรู้ทางวชิ าชพี . ในบังอร เสรรี ัตน์ ชาริณี ตรีวรญั ญู และเรวณี ชัยเชาวรตั น์. บรรณาธกิ าร. วิถสี ร้างครสู ู่ศิษย์ หนา้ ๑ – ๘. รงุ่ รศั มี บุญดาว. (๒๕๕๙). ระบบสารสนเทศเพ่อื การจัดการธุรกิจในยุคดจิ ทิ ัล. พมิ พ์คร้ังที่ 1. นนทบุรี : สานักพิมพ์ลัคกีบ้ ุ๊คส์. วรลักษณ์ คงเด่นฟา้ . Q-Info Quality learning Information System. (เอกสารอดั สาเนา) สมหมาย ปาริจฉตั ต์. Q-Info-รอยยมิ้ ก่อนเร่ิมบทเรยี น. มติชนสดุ สัปดาห์ ฉบบั วนั ที่ ๑-๗ มิถนุ ายน ๒๕๖๑. สมคิด จาตุศรพี ิทกั ษแ์ ละคณะ. (๒๕๔๐). พลกิ กลยทุ ธพ์ ิชติ การแขง่ ขนั . กรุงเทพฯ : นาอักษรการพมิ พ์. สินอาจ ลาพูนพงศ์. (๒๕๖๒). ถอดบทเรียนเครือข่ายโรงเรียนร่วมพฒั นา Node 1 (เชยี งใหม่ – แมฮ่ อ่ งสอน). โครงการวจิ ยั ปฏิบัติการโรงเรียนคณุ ภาพต่อเนื่อง ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑). ม.ป.ป. สาลี ทองธวิ . (๒๕๔๕). การเผยแพร่นวัตกรรมทางการศึกษาสาหรบั ผู้บริหารและครยู คุ ปฏริ ูปการศึกษา. กรงุ เทพฯ : ศูนย์ตาราและเอกสารทางวิชาการ คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน. (๒๕๖๑). โครงการพฒั นาทักษะความเขา้ ใจและใชเ้ ทคโนโลยี ดิจิทัลของขา้ ราชการและบคุ ลากรภาครฐั (Digital Literacy Project). สืบคน้ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒, จาก http://www.ocsc.go.th/DLProject/mean-dlp. สานักงานบรหิ ารและพฒั นาองค์ความรู.้ (๒๕๖๐). ๑๐ เทรนดร์ ปู แบบการเรียนรใู้ นยคุ ดจิ ทิ ัล. เดอะโนวเลจ ๑ (๖), ๑๖-๑๗. สานกั งานกองทนุ เพ่ือความเสมอภาคทางการศึกษา. (๒๕๖๒). คมู่ ือครแู กนนา. กรงุ เทพฯ: สานักงานกองทนุ เพ่ือความเสมอภาคทางการศกึ ษาและสานักงานกองทุนสนับสนุนการวจิ ยั . สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน. (๒๕๖๐). ค่มู อื ประกอบการอบรม การขับเคลือ่ นกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” สู่สถานศึกษา. กรงุ เทพฯ: สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน. สานักงานราชบัณฑติ ยสภา. (๒๕๕๘). พจนานกุ รมศพั ทศ์ กึ ษาศาสตรร์ ว่ มสมัยฉบับราชบณั ฑติ ยสภา. กรุงเทพฯ: สานักงานราชบัณฑติ ยสภา. สวทช, (๒๕๖๒). การทบทวนหลังการทางานหรือหลังปฏบิ ัติ หรือหลงั กิจกรรม. สบื คน้ เมื่อ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒. จาก https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/144-km-knowledge/3282- after-action-review. ศรไี พร ศักดริ์ ุง่ พงศากลุ . (๒๕๔๘). เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ และสารสนเทศ. กรุงเทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชั่น. 69แนวทางการเป็นโค้ชที่มีคุณภาพ ในโครงการพัฒนาครแู ละโรงเรยี นเพอ่ื ยกระดับคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เน่ือง
๗๐ อโนทยั แทนสวสั ดิ์. (๒๕๕๓). การพัฒนายุทธศาสตรการบริหารจัดการเพ่ือความเปนเลิศของคณะครุศาสตร/ ศกึ ษาศาสตร์. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. Berkeley, UC. (2019). Active Learning Strategies. Retrieved 4 July, 2019. From https://teaching.berkeley.edu/active-learning-strategies DuFour, R. & Eaker, R. (1998). Professional Learning Communities at work: Best Practices for Enhancing Student Achievement. Retrieved June 27, 2019. From http://www.scirp.org/(Si43dyn45teexjx455qlt3d2q))/reference/ReferencesPapers.aspx? ReferenceID=1214428 DuFour, R. & Eaker, R. (1998). Professional Learning Communities at Work: Best Practices for Enhancing Student Achievement. Bloomington, IN: National Educational Service. Half, R. Networking Skills. Retrieved June 30, 2019. From https://www.roberthalf.com.sg/career-advice/career-development/networking-skills Houston, E. (2019). What is Goal Setting and How to Do It Well. Retrieved June 26, 2019. From https: www.mindtools.com/page/goalsetting.html Locke, E, A. & Latham, G, P. (1990). A Theory of Goal Setting & Task Performance. Englewood Cliffs, NJ, US: Prentice-Hall, Inc. Mind Tools Content Team. (2019). Personal Goal Setting – How to Set SMART Goals. Retrieved June 26, 2019. From https: www.mindtools.com/page6.html -------. (2019). Golden Rules of Goal Setting. Retrieved June 26, 2019. From https: www.mindtools.com/page2article2newHTE-90.html Passmore, J. (Editor) (2015). Leadership Coaching. (2 edition). London: KoganPage Rogers (1995). Diffusion of Innovation. (4th ed.) New York: Free Press. Rouillard, L, A. (1998). Goals and Setting. CA: Crisp Publications Senge, P. (2012). Schools That Learn. London: The March. …………… (2008). The Idea of A School That Learns. Retrieved July 1, 2019. From https://schoolsthatlearn.com/wp-content/uploads/2012/06/2-idea-of-school.pdf Siridhrungsri, P. (2018). Participatory Education and Learning Management: Concepts, Researches and Practices, Thailand Experiences. Norderstedt/Germany: Lambert Academic Publishing. Teaching for Active Learning Menu. (2019). Active Learning Strategies. Retrieved 4 July, 2019. From http://www.queensu.ca/teachingandlearning/modules/students /22_active_learningstrategies.html The Glossary of Education Reform. (2018). Professional Learning Community. Retrieved June 70 แนวทางการเป็นโคช้ ทมี่ ีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนอ่ื ง
Academic Publishing. Teaching for Active Learning Menu. (2019). Active Learning Strategies. Retrieved 4 July, 2019. From http://www.queensu.ca/teachingandlearning/modules/students /22_active_learningstrategies.html ๗๑ The Glossary of Education Reform. (2018). Professional Learning Community. Retrieved June 27, 2019. From https: www.eduglossary.org/professional-learning-community/. Williamson, R.& Blackburn, Barbara R. (2016). The Principalship. (Second edition). New York: Routledge Taylor&Francis Group. Wolfe, L. (2018). The Two Most Valuable Skills You Can Develop to Network Successfully. Retrieved June 30, 2019. From https://www.thebalancecareers.com/valuable-networking-skills-3515560 WYK (2003). Educational Transformation: Re-imagining Higher Education. South African Journal of Higher Education, 17(3): 152-157. 71แนวทางการเปน็ โคช้ ทมี่ ีคุณภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรียนเพือ่ ยกระดบั คุณภาพการศึกษาอยา่ งตอ่ เน่ือง
ภาคผนวก 72 แนวทางการเป็นโค้ชทม่ี ีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครแู ละโรงเรยี นเพื่อยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง
๗๓ ภาคผนวก ก รายชอ่ื ผเู้ ขา้ ประชุมหารอื เพื่อกาหนดแนวทางการจดั ทาแนวทางการเปน็ โคช้ ท่มี คี ุณภาพ วนั ที่ ๑๔ มนี าคม ๒๕๖๒ ณ หอ้ งประชมุ ๑ อาคาร ๖ ช้นั ๑๖ ......................................... ๑. นางเพ็ญพรรณ จติ ตะเสนยี ์ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ๒. ดร.อุดม วงษส์ งิ ห์ ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ/ กสศ. ๓. นางสาวชนกพรรณ วรดิลก ผูร้ บั ผิดชอบโครงการ / กสศ. ๔. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พิณสุดา สิรธิ รงั ศรี นกั วจิ ัย ๕. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พัชราภา ตันติชูเวช นกั วจิ ัย ๖. อาจารย์ ดร.วาสนา วสิ ฤตาภา นักวิจัย ภาคผนวก ข รายชื่อผ้เู ข้าประชมุ กาหนดประเด็นและผใู้ ห้ขอ้ มลู สาคัญเพื่อการจดั ทาแนวทางการเปน็ โค้ชท่มี ีคุณภาพ วันที่ ๒๖ มนี าคม ๒๕๖๒ ณ ห้องประชมุ อาคารวายภุ กั ษ์ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักส่ี กทม. ............................................................. ๑. นายนคร ตังคะพภิ พ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ ๒. นางเพญ็ พรรณ จิตตะเสนยี ์ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ ๓. ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ/ กสศ. ๔. ดร.ศาลนิ า บุญเกือ้ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นางสาวชนกพรรณ วรดลิ ก ผ้รู ับผิดชอบโครงการ / กสศ. ๖. นางสาววกมลวรรณ พลบั จนี ผ้รู บั ผิดชอบโครงการ / กสศ. ๗. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พิณสดุ า สิริธรงั ศรี นกั วิจยั ๘. ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พัชราภา ตนั ติชูเวช นักวิจยั ๙. อาจารย์ ดร.วาสนา วสิ ฤตาภา นกั วิจัย 73แนวทางการเป็นโคช้ ท่ีมคี ณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรียนเพ่อื ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่อื ง
๗๔ ภาคผนวก ค รายชื่อผเู้ ข้าประชุมสนทนากลุม่ เพือ่ ให้ข้อมูลการจัดทาแนวทางการเป็นโค้ชทมี่ ีคุณภาพ วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ หอ้ งประชมุ IVY 5 ชัน้ ๒ อาคาร TK.3 โรงแรมทเี ค พาเลส แอนดค์ อนเวนชัน่ แจง้ วัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ................................................................ ๑. นายนิพนธ์ เสอื กอ้ น ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ ๒. นายธรี ะพนั ธุ์ ธรี านันท์ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ ผ้ทู รงคุณวุฒิ ๓. นายทรงวทิ ย์ นิลเทียน ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ๔. นายไพศาล ประทมุ ชาติ ผทู้ รงคณุ วุฒิ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายประเสรฐิ กันธะวัง ผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางประภาศรี อุยยามฐติ ิ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ๗. นายเรืองฤทธ์ิ อภวิ งค์ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ๘. นายสินอาจ ลาพนู พงศ์ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ ๙. นายเสรี พิมพม์ าศ ผทู้ รงคณุ วุฒิ ผูท้ รงคณุ วุฒิ ๑๐. นายธรี ะวัฒน์ สังข์สาลี ผูร้ บั ผิดชอบโครงการ/ กสศ. ๑๑. นายวนิ ัย ธรรมเกือ้ กูล นักวิจัย นกั วิจัย ๑๒. นายนคร ตงั คะพภิ พ นกั วจิ ัย ๑๓. นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนยี ์ ๑๔. นายอดุ ม วงษส์ งิ ห์ ๑๕. ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พิณสุดา สริ ิธรังศรี ๑๖. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัชราภา ตันติชูเวช ๑๗. อาจารย์ ดร.วาสนา วสิ ฤตาภา 74 แนวทางการเปน็ โค้ชทีม่ ีคณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครแู ละโรงเรยี นเพือ่ ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
๗๕ ภาคผนวก ง รายชอ่ื ผูท้ รงคุณวฒุ ิเขา้ ประชุมสนทนากลุ่มเพอื่ การศกึ ษาความเป็นไปได้ ของแนวทางการเป็นโค้ชท่มี คี ณุ ภาพ วันท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ โรงแรมฮอลิเดยอ์ ินน์ อาเภอเมอื งเชียงใหม่ จังหวดั เชยี งใหม่ ........................................................... ๑. นายสนิ อาจ ลาพูนพงศ์ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ ๒. นายประเสรฐิ กันธะวัง ผ้ทู รงคุณวุฒิ ๓. นายเรอื งฤทธิ์ อภวิ งค์ ผู้ทรงคณุ วุฒิ ๔. นายจานงค์ อภิญดา ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ๕. นางนติ ยา บญุ เป็ง ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ ๖. นางเบญจวรรณ ไกรวุฒนิ นั ท์ ผู้ทรงคณุ วุฒิ ๗. นายรงั สทิ ธ์ิ ชัยแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พิณสดุ า สิรธิ รงั ศรี นกั วิจยั ๙. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พชั ราภา ตนั ติชูเวช นักวจิ ัย 75แนวทางการเปน็ โค้ชทีม่ คี ณุ ภาพ ในโครงการพฒั นาครูและโรงเรยี นเพ่อื ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนอื่ ง
๗๖ ภาคผนวก จ รายชือ่ ผทู้ รงคุณวุฒิเขา้ ประชุมสนทนากลุม่ เพอื่ การตรวจสอบความเหมาะสมของ แนวทางการเปน็ โคช้ ทีม่ ีคณุ ภาพ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ สานักงานกองทนุ เพอื่ ความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ...................................................... ๑. ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.เลขา ปยิ ะอจั ฉรยิ ะ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ๒. ดร. เจือจนั ทร์ จงสถติ อยู่ ผทู้ รงคุณวุฒิ ๓. นายนคร ตงั คะพภิ พ ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ ๔. นางเก้อื กลู ชงั่ ใจ ผ้ทู รงคุณวุฒิ ๕. นางเพ็ญพรรณ จติ ตะเสนยี ์ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ ๖. นายอุดม วงษ์สิงห์ ผู้รับผดิ ชอบโครงการ/ กสศ. ๗. นางสาวชนกพรรณ วรดลิ ก ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ/ กสศ. ๘. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พณิ สดุ า สริ ธิ รงั ศรี นักวิจัย ๙. ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พชั ราภา ตันตชิ ูเวช นักวจิ ยั ๑๐.อาจารย์ ดร.วาสนา วิสฤตาภา นกั วิจยั ผตู้ รวจพิจารณาเนื้อหา ๑. ศาสตราจารย์ ดร. ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ๒. ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. เลขา ปยิ ะอัจฉริยะ ๓. ดร. เจือจนั ทร์ จงสถิตอยู่ 76 แนวทางการเปน็ โค้ชท่มี คี ุณภาพ ในโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพือ่ ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างตอ่ เนื่อง
Search