โ ค ร ง ก า ร เ ส ริ ม ส ร้ า ง ก า ร เ รี ย น รู้ ต า ม ร อ ย พ่ อ ห ล ว ง ป ร ะ จา ปี ง บ ป ร ะ ม า ณ พ . ศ . 2 5 6 4 ก อ ง ก า ร เ จ้ า ห น้ า ท่ี เ ท ศ บ า ล ตา บ ล ทั บ ม า อา เ ภ อ เ มื อ ง ร ะ ย อ ง จั ง ห วั ด ร ะ ย อ ง
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระนามเดิมว่า “ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ” ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลา นครินทร์ (ต่อมาได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระ มหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราช ชนก) และหม่อมสังวาล (ต่อมาได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธย เป็นสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาลเมานท์ออเบอร์น ( MOUNT AUBURN) รัฐเมสสาชูเขตต์ ( MASSACHUSETTS) ประเทศ สหรัฐอเมริกา เมื่อพระชนมายุได้ 5 พรรษา ทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอี กรุงเทพมหานคร ต่อจากนั้นทรงเสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนเมียร์มองต์ (MERRIMENT) เมืองโลซานน์ (LASAGNA) ในปี พ.ศ. 2478 ได้ทรงเข้าศึกษาต่อที่ CEDE NOUBELLE DE LA SUES ROMANCE CHILLY ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่รับนักเรียนนานาชาติ ในระดับอุดมศึกษาทรงเข้า ศึกษาในแผนกวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมืองโลชานน์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2481 ได้เสด็จนิวัตกลับประเทศ ไทยพร้อมด้วยพระบรมเชษฐาธิราช พระบรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ ค ร อ ง ร า ช ย์ ขณะที่พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พระชนมพรรษา 18 พรรษา รัฐบาลได้กราบบังคมทูล อัญเชิญขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนนั้น ทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และรัฐบาลได้แต่งตั้งผู้สาเร็จราชการ บริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์ เนื่องจากยังทรงพระเยาว์ และต้องทรงศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2489 ได้เสด็จพระราชดาเนินกลับไปทรงศึกษาต่อ ณ กรุงโลซ านน์ แม้พระองค์จะ ทรงโปรดวิชาวิศวกรรมศาสตร์ แต่เพื่อประโยชน์ในการปกครองประเทศได้ทรงเปลี่ยนมาศึกษาวิชาการ ปกครองแทน เช่น วิชากฎหมาย อักษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ ภูมิศาสตร์ นอกจากนี้ ทรง ศึกษา และฝึกฝน ก าร ดน ตรีด้ว ย พ ร ะ อ งค์เ อ ง ด้ว ย ใน พ. ศ. 2491 ระหว่างทร ง ศึก ษา อ ยู่ ณ ปร ะ เ ท ศ ส วิต เ ซ อ ร์แ ล น ด์นั้น ส ม เ ด็จ พ ร ะ เ จ้า อ ยู่หัว ภูมิพ ล อ ดุล ย เ ด ช ไ ด้ท ร ง ขับ ร ถ ย น ต์ไ ป ท ร ง ร่ว ม ง า น ที่ส ถ า น เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ได้ทรงพบและมีพระราชหฤทัยสนิทเสน่หาในหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยา กร ธิดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยป ระจากรุงปารีส
ในปีเดียวกันนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง ทรงบาดเจ็บที่พระพักตร์ พระเนตรขวา และพระเศียร ทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมอร์เซส์ โปรดฯ ให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์มา เฝ้าฯ ถวายการดูแลอย่างใกล้ชิดพระสัมพันธภาพจึงแน่นแ ฟ้นขึ้น และต่อมาได้ทรงหมั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เมื่อวันท่ี 12 สิงหาคม 2492 โดยได้พระราชทานพระธามรงค์วงท่ีสมเด็จพระบรมราชชนกหมั้นสมเด็จพระ ราชชนนี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงได้รับการอภิบาลอย่างดียิ่งจากสมเด็จพระราชชนนี จึงมีพระปรีชา ส า ม า ร ถ ป ร า ด เ ป รื่อ ง แ ล ะ มีพ ร ะ จ ริย วัต ร เ ปี่ย ม ด้ว ย คุณ ธ ร ร ม ทุก ป ร ะ ก า ร ซึ่ง น้อ ม นา ใ ห้พ ร ะ อ ง ค์เ ป็น พระมหากษัตริย์ผู้ทรงดารงสิริราชสมบัติเพียบพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตรธรรม และราชสังคห วัตถุ ทรงเจริญด้วยพระเกียรติคุณบุญญาธิการเจิดจารัส ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งปวงเพื่อประโย ชน์สุข ของปวงชน เป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญทุกทิศานุทิศในเวลาต่อมาตราบจนปัจจุบัน พ ร ะ ร า ช พิ ธี ร า ช า ภิ เ ษ ก ส ม ร ส เม่ือวันท่ี 27 กุมภาพันธ์ 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดาเนินกลับประเทศไทย โปรดเกล้าฯให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็ จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2493 และเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกสมรส กับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ที่วังสระปทุม โดยสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวสา อัยยิกาเจ้า พระราชทานหลั่งน้าพระมหาสังข์ ทรงจด ทะเบียนสมรสตามกฎหมายเช่นเดียวกับประชาชน และ ได้ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ข้ึนเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
หลังจากนั้น ได้เสด็จไปประทับพักผ่อน ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน และที่นี่เป็นแหล่งเกิดโครงการอัน เนื่องมาจากพ ระราช ดาริโ ครงการแรกคือ พระราช ทาน “ถนนสายห้วยม งคล ” ให้แก่ “ลุงรวย ” และ ชาวบ้านที่มาช่วยกันเข็นรถพระที่นั่งขึ้นจากหล่มดิน ทั้งนี้เพราะแม้ “ห้วยมงคล” จะอยู่ห่างอาเภอหัวหิน เพียง 20 กิโลเมตร แต่ไม่มีถนนหนทาง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในการดารงชีวิตมาก ถนนสายห้วย มงคลนี้จึงเป็นถนนสายสาคัญที่นาไปสู่โครงการในพระราชดาริ เพื่อบาบัดทุกข์ บารุงสุขแก่พสกนิกรอีกจานวน มากกว่า 2,000 โครงการในปัจจุบัน
พ ร ะ บ ร ม ร า ช า ภิ เ ษ ก วันที่ 5 พฤษภาคม 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามโบราณขัตติยราชประเพณี ณ พระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ในพระมหาราชวัง เฉลิมพระปรมาภิไธยตามจารึก ในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิ บดี จัก รีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” และได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพ่ือประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม ” ในการนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ พระอัครมเหสีเป็น สมเด็ จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระ บรมราชินี วันที่ 5 มิถุนายน 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี ไปยังสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้งเพื่อทรงรักษาพระสุขภาพ และเสด็จพระราชดาเนินนิวัติพระ นคร เม่ือ 2 ธันวาคม 2494 ประทับ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน และพระที่นั่งอัมพรสถาน ท้ังสองพระองค์มีพระราชธิดา และพระราชโอรส 4 พระองค์ดังนี้ 1. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติเมื่อ 5 เมษายน 2494 ณ โรงพยาบาลมองซัวนี่ โลซานน์ 2. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลง กรณ์ฯ ประสูติเมื่อ 28 กรกฎาคม 2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ต่อมา ทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เม่ือ 28 กรกฎาคม 2515 3. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลนโสภาคย์ ประสูติเมื่อ 2 เมษายน 2498 ณ พระที่น่ังอัมพรสถาน ภายหลังทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันท่ี 5 ธันวาคม 2520 4. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเม่ือ 4 กรกฎาคม 2500 ณ พระที่ น่ังอัมพรสถาน
ทรงพระผนวช เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจาพรรษา ณ พระตาหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศวิหาร ปฏิบัติพระศาสนกิจ เป็นเวลา 15 วัน ระหว่างนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ต่อมาจึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลนี้ได้ทรงพระกรุณ า สถาปนาพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมชนกนาถขึ้นเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิ กรม พระบรม ราชชนก ทรงสถาปนา สมเด็จพระราชชนนี เป็น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสถาปนาสมเด็จ พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง นราธิวาสราชนครินทร์ และทรงประกอบพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพร ะบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลใหม่ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2539 เพื่อให้สมพระเกียรติตาม โบราณขัตติยราชประเพณี ทั้งนี้ด้วยพระจริยวัตรอันเปี่ยมด้วยพระกตัญญูกตเวทิตาธรรมอันเป็นที่แซ่ซ้อง สรรเสริญพระปรมาภิไธยใหม่ท่ีทรงสถาปนาคือ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จุฬาลงกรณราชปรียวรนัดดา มหิตลานเรศวรางกูร ไอศูรยสันตติวงศวิสุทธ์ วรุตมขัตติยศักตอรรคอุดม จักรีบรมราชวงศนิวิฐ ทศพิธราชธรรมอุกฤษฎนิบุณ อดุลยกฤษฎาภินิหารรังสฤษฏ์ สุสาธิตบูรพาธิการ ไพศาลเกียรติคุณอดุลพิ เศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ ธัญอรรคลักษณวิจิตร โสภาคย์สรรพางค์ มหาชโนตมงคประณตบาทบงกชยุคล อเนก นิกรชนสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปฏลเศวตฉัตราดิฉัตร สรรพรัฐทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวไศรย พุทธา ทิไตร รัตนสรณารักษ์ วิศิษฏศักตอัครนเรศราธิบดี เมตตากรุณา สีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหา รัษฎาธิบดี พระอัฐมรามาธิบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ”
พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ ตั้งแต่พุทธศักราช 2502 เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราช ดาเนินไปทรงกร ะชับสัมพันธ ไม ตรีกับ ประเ ทศต่าง ๆ ทั้งในยุโ ร ป อเมริกา ออสเตรเลีย และ เอเชีย และได้เสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทุกภาค ทรงประจักษ์ในปัญหาของราษฎรในชนบทที่ดารงชีวิตด้ วยความยากจน ลาเค็ญและด้อยโอกาส ได้ทรงพระ วิริยะอุตสาหะหาทางแก้ปัญหาตลอดมาตราบจนปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า ทุกหนทุกแห่งบนผืนแผ่นดินไทยที่ รอยพระบาทได้ประทับลง ได้ทรงขจัดทุกข์ยากนาความผาสุกและทรงยกฐานะความเป็นอยู่ของราษฎร ให้ดี ขึ้นด้วยพระบุญญาธิการและพระปรีชาสาม ารถปราดเปรื่อง พร้อมด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงอุทิศ พระองค์เพื่อประโยชน์สุขของราษฎร และเพื่อความเจริญพัฒนาของประเทศชาติตลอดระยะเวลาโดยมิได้ ทรงคานึงประโยชน์สุขส่วนพระองค์เลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโครงการนานัปการมากกว่า 2,000 โครงการ ทั้งการแพทย์ สาธารณสุข การเกษตร การชลประทาน การพัฒนาที่ดิน การศึกษา การพระศาสนา การสังคมวัฒนธรรม การคมนาคม ตลอดจนการเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรในชนบท ทั้งยังทรงขจัดปัญหาทุกข์ยาก ของประชาชนในชุมชนเมือง เช่น ทรงแก้ปัญหาการจราจรอุทกภัยและปัญหาน้าเน่าเสียในปัจจุ บัน ได้ทรง ริเร่ิมโครงการการช่วยสงเคราะห์ และอนุรักษ์ช้างของไทยอีกด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรากตราพระวรกายทรงงานอย่างมิทรงเหน็ดเหนื่อย แม้ในยามทรงพระ ประชวร ก็มิได้ทรงหยุดยั้งพระราชดาริเพื่อขจัดความทุกข์ผดุงสุขแก่พสกนิกร กลางแดดแผดกล้าพระเสโท หลั่งชุ่มพระพักตร์ และพระวรกายหยาดตกต้องผืนปฐพีประดุจน้าทิพย์มนต์ชโลมแผ่นดินแล้งร้าง ให้กลับคืน ความอุดมสมบูรณ์นับแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชตราบจนปัจจุบัน แม้ในยามประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา ก็ได้พระราชทานแนวทางดาร ง ชีพแบบ “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “ทฤษฎีใหม่” ให้ราษฎรได้พึ่งตนเอง ใช้ผืนแผ่นดินให้เกิดประโยชน์ สูงสุดประกอบอาชีพอยู่กินตามอัตภาพซึ่งราษฎรได้ยึดถือปฏิบัติเป็นผลดีอยู่ในปัจจุบัน พ ร ะ อั จ ฉ ริ ย ภ า พ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานความรักอันยิ่งใหญ่แก่อาณาประชา ราษฎร์ พระราชภารกิจอัน หนักเพ่ือประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ ปรากฏเป็นที่ประจักษ์เทิดทูนพระเกียรติคุณทั้งในหมู่ชาวไทย และชาวโลก จึงทรงได้รับการสดุดีและการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักดิ์เป็นจานวนมากทุกสาขาวิชา การ ทั้งยังมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีอย่างสูงส่ง ท รงพระราชนิพนธ์เพลงอันไพเราะนับแต่พระเยาว์จนถึง ปัจจุบันรวม 47 เพลง ซึ่งนักดนตรีทั้งไทย และต่างประเทศนาไปบรรเลงอย่างแพร่หลาย เป็นที่ประจักษ์ใน พระอัจฉริยภ าพจนสถาบันดนตรีในออสเตรเลียได้ทูลเกล้าฯ ถว ายสมาชิกภ าพกิตติมศักดิ์แด่พระอ ง ค์ น อ ก จ า ก นั้ น ยั ง ท ร ง เ ป็ น นั ก กี ฬ า ช น ะ เ ลิ ศ ร า ง วั ล เ ห รี ย ญ ท อ ง ใ น ก า ร แ ข่ ง ขั น กี ฬ า ซี เ ก ม ส์ ท ร ง ไ ด้ รั บ ย ก ย่ อ ง เ ป็ น “อัครศิลปิน” ของชาตินอกจากทรงพระปรีชาสามารถด้านดนตรีแล้วยังทรงสร้างสรรค์งานจิตรกรรมและ วรรณกรรมอันทรงคุณค่าไว้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของชาติ เช่น ทรงพระราชนิพนธ์ แปลเรื่ อง ติโตนาย อินทร์ผู้ปิดทองหลังพระและพระราชนิพนธ์เรื่องชาดกพระมหาชนก พระราชทานคติธรรมในการดารงชีวิต ด้ ว ย ค ว า ม วิ ริ ย ะ อุ ต ส า ห ะ อ ด ท น จ น พ บ ค ว า ม สา เ ร็ จ แ ก่ พ ส ก นิ ก ร ทั้ ง ป ว ง
ปวงชนชาวไทยต่างมีความจงรักภักดีเป็นที่ยิ่งดังปรากฏว่าในวาระสาคัญ เช่น ศุภวาระเถลิงถวัลยราชครบ 25 ปี พระราชพิธีรัชดาภิเษก 9 มิถุนายน 2514 พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกทรงดารงสิริราชสมบัติยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ทุก พระองค์ 2 กรกฎาคม 2531 มหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี 9 มิถุนายน 2539 และใน โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 รัฐบาลและประชาชนชาว ไทยได้พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลด้วยความกตัญญูกตเวที สานึกในพระ ม ห า ก รุ ณ า ธิ คุ ณ ล้ น เ ก ล้ า ล้ น ก ร ะ ห ม่ อ ม อ ย่ า ง ส ม พ ร ะ เ กี ย ร ติ ทุ ก ว า ร ะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: