Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Power Management

Power Management

Published by teenipat210539, 2021-05-02 12:50:59

Description: Power Management

Search

Read the Text Version

การจดั การพลงั งาน จดั ทาโดย : นายนิภทั ร ์เวชสุวรรณ์

การจดั การพลงั งาน พลงั งาน พลงั งาน คือ ความสามารถท่ีจะทางานได้ ความสามารถดงั กลา่ วนเ้ี ป็น ความสามารถของวตั ถใุ ดมีพลงั งานวัตถุนนั้ กส็ ามารถทางานได้และคาว่างานใน ที่นี้เป็นผลของการกระทาของแรง ซึง่ ทาใหว้ ัตถเุ คลื่อนที่ไปในแนวของแรงส่ิงใดก็ ตามทีส่ ามารถทาใหว้ ตั ถเุ ปลยี่ นตาแหนง่ หรอื เคลอ่ื นทไ่ี ปจากที่เดมิ ไดส้ ่งิ น้นั ย่อมมี พลงั งานอยภู่ ายใน พลงั งาน คือ ความสามารถทจ่ี ะทางานได้โดยอาศัยแรงงานท่มี ีอยแู่ ลว้ ตาม ธรรมชาตโิ ดยตรง และทมี่ นษุ ย์ใชค้ วามรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยดี ัดแปลงใช้ จากพลงั งานตามธรรมชาติ ตามคานยิ ามของนกั วิทยาศาสตร์ พลงั งาน คือ ความสามารถในการทางาน โดยการทางานนอี้ าจจะอยใู่ นรปู ของการเคล่อื นท่ี หรอื เปล่ียนรปู ของวัตถุกไ็ ด้ พลังงาน คอื ความสามารถของส่ิงใดสิ่งหนึง่ ท่ีจะทางานได้ ซ่งึ งานเปน็ ผล จากการกระทาของแรงเป็นเหตใุ หส้ ิ่งน้ันเคลอื่ นทีซ่ งึ่ คณุ สมบตั ิโดยทัว่ ไปของ พลงั งานมอี ยู่ 2 ประการ คอื ทางานไดแ้ ละเปล่ียนรูปได้ ประเภทของพลงั งาน จาแนกตามแหลง่ ทไี่ ดม้ า แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1. พลงั งานตน้ กาเนดิ หมายถึง แหล่งพลงั งานท่ีเกดิ ข้ึนหรือมอี ยแู่ ลว้ ตามธรรมชาติ สามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ด้โดยตรง ไดแ้ ก่ น้า แสงแดด ลม เชอื้ เพลิงตาม ธรรมชาติ เชน่ น้ามันดิบ ถา่ นหิน ก๊าซธรรมชาติ พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ แร่ นิวเคลียร์ ไม้ฟนื แกลบ ชานออ้ ย เป็นตน้ 2. พลังงานแปรรปู (Secondary energy) หมายถึง สภาวะของพลงั งานซึ่งไดม้ าโดย การนาพลังงานตน้ กาเนิดดงั กลา่ วแลว้ ขา้ งตน้ มาแปรรปู ปรบั ปรุง ปรงุ แต่ง ให้อยู่ ในรูปท่ีสามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นลักษณะตา่ ง ๆ กนั ไดต้ ามความตอ้ งการ เช่น พลังงานไฟฟ้า ผลติ ภณั ฑ์ปิโตรเลียม ถ่านไม้ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว เปน็ ต้น จาแนกตามแหลง่ ทน่ี ามาใชป้ ระโยชน์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. พลงั งานหมนุ เวยี น (Renewable energy resources) เรียกอกี อยา่ งหนึ่งว่า พลังงานทดแทน เปน็ แหลง่ พลังงานท่ีใชแ้ ลว้ หมนุ เวยี นมาให้ใชเ้ ป็นประจา เชน่

นา้ แสงแดด ลม เป็นตน้ ซง่ึ ในปจั จุบนั ไดม้ คี วามพยายามนาพลงั งานชนิดนมี้ าใช้ ทดแทนพลังงานจาก น้ามนั ถ่านหิน และกา๊ ซธรรมชาติ ทเ่ี ปน็ พลงั งานจากแหล่ง ฟอสซิลที่ใกลจ้ ะหมด จึงเรียกพลังงานหมนุ เวียนวา่ พลงั งานทดแทนอีกอย่างหนึ่ง น่ันเอง 2. พลังงานท่ใี ช้หมดเปลือง (Non - renewable energy resources) ไดแ้ ก่ น้ามนั กา๊ ซธรรมชาติ ถา่ นหิน เปน็ ต้น จาแนกตามลกั ษณะผลติ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. พลังงานตามแบบ (Conventional energy) เปน็ พลงั งานท่ีใช้กันอยู่ทว่ั ไป มี ลกั ษณะการผลติ เป็นระบบศนู ย์กลางขนาดใหญ่ใช้เทคโนโลยีท่ีพฒั นามาจนเกือบ อิม่ ตวั แลว้ เช่น พลงั งานน้าขนาดใหญ่ น้ามนั ปโิ ตรเลียม ก๊าซธรรมชาตแิ ละถา่ น หิน เปน็ ต้น 2. พลังงานนอกแบบ (Non - conventional energy) ไดแ้ ก่ พลังงานท่ยี ังมีลกั ษณะ การผลติ ทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยีใหม่ทกี่ าลงั อย่ใู นระหวา่ งการทาวจิ ยั และพัฒนา ซง่ึ มี หลายชนดิ ท่ีมคี วามเหมาะสมทางเทคนคิ แลว้ แตย่ งั ต้องปรบั ปรงุ ความเหมาะสม ทางเศรษฐกิจ เช่น พลงั น้าขนาดเล็ก กา๊ ซชีวภาพ กา๊ ซจากชวี มวล หนิ น้ามัน พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ิภพ พลงั งานแสงอาทิตย์และพลงั งานลม เป็นต้น จาแนกตามลกั ษณะทางการคา้ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1. พลงั งานทางพาณชิ ย์ (Commercial energy) เปน็ พลังงานท่ีมกี ารซ้ือขายกันใน วงกวา้ งและดาเนนิ การผลิตในลักษณะอุตสาหกรรม เช่น นา้ มนั ปโิ ตรเลยี ม ก๊าซ ธรรมชาติ ถา่ นหิน แรน่ วิ เคลียร์ ไฟฟ้า เป็นตน้ 2. พลังงานนอกพาณชิ ย์ (Non - commercial energy) เป็นพลังงานทม่ี ีการซ้อื ขาย กันในวงแคบและดาเนินการผลติ ในลกั ษณะกิจกรรมในครวั เรือนใช้กนั มากใน ชนบท เช่น ฟืน แกลบ ชานอ้อย และมูลสตั ว์ เปน็ ต้น

พลงั งานหมนุ เวยี นและประเภทของพลงั งานหมนุ เวยี น พลงั งานหมนุ เวยี น (Renewable Energy) คอื พลงั งานท่นี ามาใชเ้ พือ่ ทดแทน นา้ มนั เชอ้ื เพลงิ หรือพลงั งานรูปแบบดัง้ เดิมจากเชอื้ เพลิงฟอสซิล (Fossil Fuel) ซงึ่ เปน็ แหล่งพลงั งานท่สี ร้างมลพิษตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มและก่อใหเ้ กิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อสภาพภมู ิอากาศและระบบนิเวศของโลก อีกทง้ั ยงั เป็นแหลง่ พลงั งานทีก่ าลงั จะ หมดไปในอนาคตข้างหน้าน้ี ขณะท่ีพลงั งานหมุนเวียนเปน็ พลงั งานสะอาดจาก ธรรมชาตทิ ส่ี ามารถหมุนเวียนและนากลบั มาใชใ้ หมไ่ ด้อกี โดยไมม่ ีจากดั พลงั งานแสงอาทติ ย์ (Solar Energy) มนุษย์นาพลังงานจากดวงอาทิตย์มาใชใ้ นการผลติ กระแสไฟฟา้ ผ่าน สิ่งประดษิ ฐท์ างอิเลก็ ทรอนิกส์ที่เรยี กว่า “เซลล์สุรยิ ะ” (Solar Cell) ซงึ่ สามารถผลติ กระแสไฟฟ้าและพลงั งานความรอ้ นสาหรับบ้านเรอื น รวมไปถึงภาคอตุ สาหกรรม ต่างๆ ขอ้ ด:ี เป็นแหลง่ พลังงานขนาดใหญ่ทใ่ี ช้ไดไ้ ม่จากัด เปน็ มิตรตอ่ สง่ิ แวดล้อม ไมม่ คี ่าใชจ้ า่ ยในการซอ้ื เช้ือเพลิง ใช้ประโยชน์และดแู ลรกั ษาง่าย อกี ท้งั ยงั สามารถใชง้ านได้ในพื้นท่หี า่ งไกล ขอ้ จากดั : ความเข้มของแสงอาทิตยไ์ ม่คงทแี่ ละอยู่นอกเหนือการควบคมุ ของมนษุ ย์ มีค่าใชจ้ า่ ยสูงในการตดิ ต้งั และอุปกรณบ์ างสว่ นมีอายกุ ารใชง้ านตา่ เช่น แบตเตอรท่ี ใี่ ชเ้ กบ็ พลังงานจากแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม (Wind Energy) กระแสลมเป็นหนงึ่ ในแหล่งพลังงานทเ่ี กา่ แก่ทส่ี ดุ ซึ่งมนษุ ยน์ ามาใช้ ประโยชน์ต้ังแต่เมื่อกวา่ 5,000 ปกี ่อน เปน็ พลังงานธรรมชาตทิ นี่ าใช้เพอ่ื การ ออกแบบและสร้างเรอื ใบ หรือแมแ้ ตก่ ารประดษิ ฐ์กังหันลมเพอ่ื ทดนา้ หรือบดธัญพืช ขณะทใ่ี นปจั จบุ ัน เรานาพลังงานลมมาใชผ้ ลติ กระแสไฟฟา้ ผ่านการทางานของ กังหันลมขนาดใหญ่ท่ตี ิดตัง้ ตามแนวชายฝั่งหรือตามหบุ เขาสงู พลงั งานลมเป็น แหล่งพลงั งานทกี่ าลังได้รบั ความนยิ มเปน็ อยา่ งมากในหลายประเทศทว่ั โลกในช่วง 10 ปีทผ่ี ่านมา ขอ้ ด:ี ไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ยในการซอ้ื เช้ือเพลงิ ไมก่ อ่ ให้เกดิ การปลอ่ ยสารพิษหรอื มลพษิ ในสงิ่ แวดล้อม ขอ้ จากดั : ความไม่สมา่ เสมอของความเร็วลมทแี่ ปรผันตามธรรมชาติสง่ ผล ใหพ้ ลังงานลมเหมาะสมในพน้ื ท่ีเฉพาะท่ีมกี ระแสลมแรงต่อเน่ือง เชน่ พน้ื ทช่ี ายฝงั่

ทะเลหรอื ตามเชงิ เขาสงู นอกจากนี้ กังหนั ลมและใบพดั อาจก่อใหเ้ กิดอนั ตรายต่อ สตั วป์ ีกบางชนิดได้ พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ (Geothermal Energy) แหล่งพลังงานธรรมชาติซึ่งถูกกักเกบ็ อย่ใู ตพ้ ้นื ผิวโลก จากความรอ้ น ภายในแกนกลางของโลกท่มี อี ุณหภมู สิ งู ถงึ 5,000 องศาเซลเซยี ส ส่งผลให้ความ ร้อนดา้ นบนสุดของพน้ื ผิวโลกทคี่ วามลกึ ราว 3 เมตร มีอณุ หภูมปิ ระมาณ 10 – 26 องศาเซลเซยี สอย่างสม่าเสมอ มนุษย์จึงนาพลงั งานความร้อนใตพ้ ภิ พน้มี าใช้เป็น แหล่งพลงั งานความรอ้ นสาหรับอาคารบา้ นเรอื น ท้องถนน และพน้ื ทสี่ าธารณะ รวมไปถึงนามาใชส้ ร้างไอนา้ ในการผลติ กระแสไฟฟ้าอีกดว้ ย ขอ้ ด:ี ไม่ก่อให้เกิดมลพษิ ในอากาศ ขอ้ จากดั : ต้องการนา้ สะอาดปริมาณมากเพอื่ สรา้ งไอนา้ ในการผลติ กระแสไฟฟา้ พลงั งานมวลชวี ภาพ (Biomass Energy) การนาเศษไม้ แกลบ กากอ้อย หรือวัสดเุ หลอื ใชจ้ ากการทาเกษตรกรรม รวมไปถงึ ขยะในชุมชน มาใช้เป็นเชอ้ื เพลิงเผาไหม้ เพ่ือผลิตกระแสไฟฟา้ และเปน็ แหล่งพลังงานความรอ้ น พชื จากการเกษตรบางชนดิ สามารถนามาใชเ้ ป็น เชอื้ เพลิงในยานพาหนะไดอ้ ีกด้วย ขอ้ ด:ี สรา้ งมลู คา่ เพ่มิ ทางการเกษตร มีแหลง่ ผลติ จานวนมากในประเทศ เกษตรกรรม สามารถสารองไว้ใช้ในยามจาเปน็ ขอ้ จากดั : การผลติ ขน้ึ อยูก่ บั ผลผลติ ทางการเกษตรและฤดกู าล ซ่งึ รวมไปถึง ความต้องการพืน้ ทเ่ี พาะปลกู ขนาดใหญ่ หากตอ้ งการใชเ้ ป็นเชอ้ื เพลงิ ในเชงิ พาณิชย์ อกี ท้ังการปลกู พืชเชงิ เดย่ี วในพื้นทบี่ รเิ วณกวา้ ง อาจนาไปสูก่ ารใช้ สารเคมหี รอื ยาฆ่าแมลงทีเ่ ปน็ พิษตอ่ ระบบนิเวศและสง่ิ แวดล้อม พลงั งานนา้ (Hydroelectric Energy) มนษุ ยไ์ ด้นาพลังงานจากกระแสน้ามาใช้เป็นเวลาหลายศตวรรษแลว้ ผา่ น การควบคมุ เข่ือนขนาดใหญ่ ซึ่งขวางกัน้ การไหลของแม่น้าธรรมชาติและสร้าง อา่ งเกบ็ นา้ ข้ึน โดยกระแสน้าจะถกู ควบคุมใหไ้ หลผ่านกงั หันขนาดใหญภ่ ายใน เขือ่ นเพอื่ ผลิตกระแสไฟฟา้ ขอ้ ด:ี เปน็ แหล่งพลังงานทม่ี ีเสถยี รภาพ

ขอ้ จากดั : สง่ ผลกระทบโดยตรงตอ่ ระบบนิเวศของแม่น้าและชมุ ชนโดยรอบ อีกท้งั ภายในเข่ือนยงั กอ่ ใหเ้ กดิ การปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจก โดยเฉพาะมีเทน (Methane) ในปริมาณมหาศาลจากการยอ่ ยสลายของสารอนิ ทรยี ์ในนา้

การอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน การอนรุ กั ษ์พลงั งาน หมายถงึ การผลิตและการใชพ้ ลังงานอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพและประหยดั หรือการใช้ ทรพั ยากรพลังงานให้คมุ้ คา่ ท่สี ุด ใหห้ มด ไปอย่างชา้ ทสี่ ดุ รวมทงั้ พยายามหาพลงั งานทดแทนพลงั งานสน้ิ เปลอื ง ในขณะใช้ ทรพั ยากรพลงั งาน การใชพ้ ลงั งานของโลก เรมิ่ ตน้ จากการนาพลังงานจากแหลง่ ทรัพยากรธรรมชาติมาใชต้ ัง้ แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษ ที่ 18 จนถึงปจั จุบนั ซ่งึ เปน็ การนา พลังงานมาใชอ้ ย่างฟมุ่ เฟือย ดังรปู ท่ี 8.23 โดยพลังงานส่วนใหญ่ทีถ่ กู นามาใช้ นั้นเปน็ พลงั งานทีใ่ ช้แลว้ หมดไปหรอื พลังงานสนิ้ เปลอื งทง้ั สนิ้ เช่น น้ามนั ถา่ นหิน และก๊าซธรรมชาติ เปน็ ต้น ถา้ หมดไปแลว้ จะไม่สามารถสรา้ งขึน้ มาใหมไ่ ด้ใน ระยะเวลาส้ัน จากสถานการณด์ ังกล่าวจึงมกี ารคาดการณ์วา่ อาจจะเกิดสภาวะ วกิ ฤตทางพลงั งานขน้ึ ในอนาคตอนั ใกล้ สภาวะวกิ ฤตดังกลา่ วสามารถสังเกตได้ จากการท่ี ราคาของพลังงานไดเ้ พิ่มสูงขึ้นกว่าอดตี มาก วธิ กี ารเบอ้ื งตน้ ในการดาเนนิ การอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน แนวทางการดาเนนิ การอนุรกั ษพ์ ลงั งานใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ เกิดผลยง่ั ยนื และ ต่อเน่ืองตามคาแนะนา ของกระทรวงพลงั งานในองคก์ รหรอื หน่วยงานตา่ ง ๆ มี ขนั้ ตอนเบอื้ งต้นดังนี้ 1. การกาหนดนโยบายและเป้าหมาย เปน็ แนวทางสาคญั ในการอนุรักษ์ โดยทุก คนในองค์กรถอื วา่ เปน็ ภาระหน้าทีท่ ี่ตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลจุ ุดประสงค์และเปา้ หมาย พร้อมกับให้ทกุ คนมีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ เช่น ในวาระครบรอบ 20 ปี กระทรวง พลงั งานได้มกี ารรณรงค์ใหห้ นว่ ยราชการลดใชพ้ ลังงานให้ได้ 10% 2. การจดั ต้ังองคก์ รดา้ นการอนรุ กั ษ์ พลังงานและกาหนดหน้าทคี่ วามรับผดิ ชอบ จะทาให้การดาเนนิ งานด้านการอนรุ ักษ์พลงั งานเป็นไปอยา่ ง มปี ระสทิ ธิภาพและ ต่อเน่ือง คณะทางานดา้ นการ อนรุ กั ษ์พลังงานควรแต่งตง้ั จากตวั แทนของแตล่ ะ หน่วยงานในองค์กรใหไ้ ด้มากที่สุด เพ่ือระดมความคดิ และลดปัญหาอุปสรรคท่ี เกิดขึ้น โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การสอ่ื สารภายในองค์กร 3. การวิเคราะหก์ ารใช้พลงั งานเพอ่ื หา ศกั ยภาพในการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน คณะทางานดา้ น การอนุรักษพ์ ลังงานทีจ่ ดั ตงั้ ขึน้ จะตอ้ งมขี ้อมลู การใช้ พลังงาน และคา่ ใช้จา่ ยดา้ นพลงั งาน เพอ่ื เปรียบเทยี บ ในเชิงวเิ คราะหแ์ ละคานวณหาต้นทุน การใชพ้ ลังงานทเ่ี กิดขึน้ จัดทาสถติ กิ ารใชพ้ ลังงานและคา่ ใช้จา่ ยดา้ นพลังงานใน แตล่ ะเดือนตลอดปี เชน่ การเปรยี บเทยี บ การใชพ้ ลังงานไฟฟา้ ทใ่ี ช้ในแตล่ ะเดอื น

กบั ปีท่ผี า่ น และการเปรยี บเทียบการใช้พลงั งานไฟฟ้าในเดอื นน้ี เทียบกับเดอื นที่ ผา่ นมา เปน็ ตน้ การใช้ขอ้ มลู ด้านสถติ ิดงั กล่าวจะเป็นประโยชนต์ อ่ การหาศกั ยภาพ ในการอนรุ กั ษ์ พลังงานและการตดิ ตามผลการอนุรกั ษพ์ ลงั งานไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ 4. การหามาตรการการอนุรกั ษพ์ ลังงาน สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 3 วธิ ี ดงั ตอ่ ไปน้ี 4.1 วธิ กี ารใช้งานและการบารงุ รกั ษาอยา่ งถกู ต้อง เช่น การปิดไฟเมือ่ ไมใ่ ช้ งาน การตงั้ อณุ หภมู ิ ของเคร่อื งปรบั อากาศไวท้ อ่ี ุณหภมู ิ 25 องศาเซลเซยี ส เปน็ ต้น ซ่ึงจัดเปน็ การดาเนนิ งานดา้ นการอนรุ ักษ์ พลงั งานในระยะเรม่ิ ต้น และสามารถ ทาไดต้ ลอดเวลา เปลยี่ นพฤตกิ รรมการใช้ ไม่มคี ่าใชจ้ า่ ยและเห็นผลการ อนรุ กั ษ์ พลังงานได้เรว็ 4.2 วิธีการปรบั ปรงุ ประสิทธิภาพอุปกรณ์ เปน็ การลดการสูญเสยี โดยการ เปลีย่ นอปุ กรณ์ใหม่ แทนปกรณเ์ ดิมทมี่ ีประสทิ ธิภาพตา่ เช่น การใชห้ ลอดคอม แพกต์ฟลอู อเรสเซนตแ์ ทนหลอดไส้ การเปลยี่ น และเลอื กชนิดโคมไฟให้เหมาะสม กบั การใช้งานและการเปลย่ี นเครื่องปรบั อากาศเป็นเบอร์ 5 เป็นตน้ จดั เป็น วธิ กี าร ที่จะตอ้ งวเิ คราะห์และเปรยี บเทียบผลตอบแทนการลงทุน เน่ืองจากจะมีเงนิ ลงทนุ ผลการประหยดั พลังงานและอายุการใช้งานเขา้ มาเก่ยี วข้อง โดยทั่วไปวิธกี าร สงั เกตต่านน้มี กั จัดเปน็ แผนดาเนนิ งานและ กาหนดผรู้ บั ผดิ ชอบ เพอื่ ดาเนินงาน และติดตามผล 4.3 วิธปี รบั ปรงุ หรือเปลีย่ นแปลงระบบ เพื่อให้เกดิ การอนรุ กั พอจดงั งาน เช่น การเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม้ ีขนาดทาความเยน็ เหมาะสมกบั พนื้ ทีใ่ ชส้ อย เป็น ตน้ คณะทางานดา้ นการอนุรักษ์นพลงั งานจะตอ้ งทาการศึกษาระบบเทคนคิ และ หาความ เหมาะสมของแต่ละมาตรการตามวธิ ีการ เพอ่ื ให้บรรลุวตั ถุประสงค์ตาม เป้าหมาย 5. การตดิ ตามผลตามแผนดาเนินงานยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เป็นอกี ข้ันตอนหน่ึงที่จะทาให้ การดาเนินงาน ด้านการอนุรกั ษพ์ ลงั งานมีความต่อเน่อื งและยั่งยืน คณะทางาน ด้านการอนรุ กั ษ์พลังงานจะตอ้ งจัดให้มกี าร ประชมุ เพอื่ หารือ ติดตามผล แกไ้ ข ปญั หาทีผ่ ดิ พลาดและอปุ สรรค (ถา้ ม)ี และปรับปรุงหรือหาวธิ ีการเพือ่ ใหผ้ ลการ ดาเนินงานเป็นไปตามเปา้ หมาย 6. การปรบั ปรุงอาคารเพ่ือการอนรุ กั ษ์พลงั งาน พลงั งานทีใ่ ชใ้ นอาคารพกั อาศัยสว่ นใหญ่ทส่ี ูญเสยี ไปจะเป็นส่งิ งานท่ใี ช้ สาหรบั เคร่ืองปรบั อากาศ รองลงมา ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ และไฟฟ้าส่อง

สว่าง ซ่ึงในการปรับปรุงการเพือ่ ลดปริมาณการใช้ พลังงานสาหรบั บ้านพกั อาศัย โดยทว่ั ไป และอาคารพาณิชย์ ควรปฏบิ ัตดิ ังนี้ 6.1 การเพิม่ คณุ สมบตั ใิ นการกนั ความรอ้ นและควานขน้ึ ให้แกผ่ นังอาคาร โดยกรตดิ ตงั้ ฉนวนที่เหมาะสมเพ่อื ปอ้ งกันความร้อนและความช้นื จากภายนอก อาคาร เนอื่ งจากผนงั ท่เี หมาะสมกบั อาคารทมี่ ีการ ปรบั อากาศควรเปน็ ผนงั ท่มี คี ่า ความเป็นฉนวนสงู ไมส่ ะสมความร้อนและชนื้ มีมวลสารน้อย คณุ สมบตั ิ ดงั กล่าว จะช่วยให้เคร่อื งปรบั อากาศสามารถลดอณุ หภมู ิได้เรว็ ขึน้ ชว่ ยใหป้ ระหยัด พลังงาน 6.2 การปอ้ งกนั ความรอ้ นจากหลงั คา หลังคาเปน็ สว่ นทต่ี อ้ งสัมผสั ความร้อน จากแสงแดดตลอด ชว่ งเวลากลางวัน ทาใหม้ กี ารถ่ายเทความรอ้ นผา่ นหลงั คาเขา้ ส่ใู นอาคารเปน็ ปริมาณท่สี งู มาก อาคารพักอาศัย ส่วนโหมโดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชยไ์ มม่ ีการติดตั้งฉนวนกันความร้อนใตห้ ลงั คา ทาใหค้ วามรอ้ น สามารคถา่ ยเทเขา้ มาในอาคารได้มาก เครอื่ งปรบั อากาศต้องทางานหนกั ขึน้ เปน็ การสน้ิ เปลอื งพลงั งานโดยเปลา่ ประโยชน์ ควรตดิ ตงั้ ฉนวนกันความรอ้ นอยา่ ง ถกู ตอ้ งเหมาะสม จะทาใหเ้ กดิ การประหยดั พลังงานอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 6.3 การตรวจสอบและป้องกนั การรว่ั ซมึ ของอากาศ ตามแนวประตหู นา้ ตา่ ง และชอ่ งเปิดต่าง ๆ เพราะความรอ้ นและความขึน้ จากภายนอกอาคารจะเข้ามาสใู่ น อาคารผา่ นรอยร่วั ต่าง ๆ นนั้ เม่ือมรี ะบบปรบั อากาศจะทาใหเ้ ครอ่ื งปรับอากาศตอ้ ง ทางานมากกขน้ึ เพอ่ื นาความรอ้ นและความชืน้ ดังกล่าวไปปล่อยทงิ้ ภายนอกอาคาร จึงทาให้เกดิ การสนิ้ เปลืองพลงั งานมากขน้ึ หอ้ งท่มี ีการปรับอากาศควรหลกี เลยี่ ง การติดตง้ั หนา้ ตา่ งเหรียญประตูบานเกลด็ เนื่องจากหน้าตา่ งและประตบู านเกลด็ นั้นจะมีการรว่ั ซมึ ของอากาศภายนอก เขา้ มาในอาคารได้มากกว่าหนา้ ตา่ งหรือ ประตชู นิดอื่น ๆ 6.4 การนาแสงธรรมชาตมิ าใช้ในอาคาร การออกแบบอาหารควรกาหนด ตาแหนง่ ของชอ่ งเปดิ ที่ เหมาะสมและเลือกกระจกทม่ี คี ณุ สมบตั ทิ ด่ี ี คือ ยอมให้แสง ธรรมชาตเิ ขา้ มากแตค่ วามร้อนสามารถเขา้ มาได้นอ้ ยเพ่ือท่ีจะสามารถใช้ ประโยชน์จากแสงธรรมชาติให้เกิดประโยชนส์ ูงสุด ขอ้ ดขี องการนาแสงธรรมชาติ มาใช้ ช่วยลดจานวนดวงโคมทตี่ อ้ งติดต้งั เปน็ การประหยัดพลงั งานจากการใช้ งานหลอดไฟ และชว่ ยประหยดั งบประมานสาหรบั ติดตงั้ ดวงโคมอกี ด้วย เนื่องจาก แสงธรรมชาตมิ ปี ระสทิ ธภิ าพ 140 ลูเมนตอ่ วัตต์ ในขณะท่หี ลอดคอมแพกต์ ฟลอู นรสเซนต์มปี ระสทิ ธภิ าพเพียง 40-50 ลเู มนตอ่ วตั ต์ 6.5 การเลอื กใช้หลอดไฟและอุปกรณท์ ่ีมปี ระสิทธภิ าพสูง ควรเลอื กชนิด ของหลอดไฟใหเ้ หมาะสม กับการใชง้ าน รวมถึงการนาอปุ กรณ์ประหยดั พลังงาน

มาใช้ เชน่ 40-50 ลูเมนต่อวัตต์ มาใชแ้ ทนหลอด อนิ แคนเดสเซนตท์ ี่มี ประสิทธภิ าพเพยี ง 8-20 ลเู มนตอ่ วตั ต์ แสดงว่า การสูญเสยี พลงั งานไฟฟ้า 1 วตั ต์ สาหรับ หลอดอนิ แคนเดสเซนต์จะไดพ้ ลงั งานแสงสวา่ ง 8-20 ลเู มน แตถ่ ้าเปน็ หลอดคอมแพกต์ฟลอู อเรสเซนต์จะได้ พลงั งานแสงสวา่ งถงึ 40-50 ลเู มน นนั่ หมายความว่า หากต้องการแสงสว่างเท่ากนั จะตอ้ งใชห้ ลอด อนิ แคนเดสเซนต์ เป็นจานวนมากกว่าหลอดคอมแพกตฟ์ ลูออเรสเซนต์ จึงเป็นการสนิ้ เปลอื งท้งั ใน ด้านการ ลงทุนคา่ ตดิ ต้งั และค่าไฟฟ้าทีส่ ูงขน้ึ ดงั น้ัน การเลือกใชห้ ลอดไฟและดวง โคมประสทิ ธิภาพสงู จะช่วยประหยดั พลังงานได้ โดยสามารถเปรยี บเทียบ ประสทิ ธภิ าพของหลอดไฟชนดิ ต่างๆ 6.6 แยกเคร่ืองใช้ไฟฟา้ ทไ่ี มจ่ าเป็นออกจากหอ้ งทป่ี รับอากาศ เคร่อื งใช้ ไฟฟา้ เชน่ ตเู้ ย็น เตาอบ หม้อหุงข้าว หากนามาใช้งานในหอ้ งท่มี กี ารปรับอากาศก็ จะทาใหเ้ คร่อื งปรับอากาศทางานหนักข้ึน เน่ืองจาก การใชง้ านเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ จะ ทาใหเ้ กิดความร้อนขน้ึ กลายเปน็ ภาระทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ของระบบปรบั อากาศจึงเปน็ การ สิ้นเปลืองพลงั งานโดยไม่จาเปน็ 6.7 เลอื กใชเ้ ฟอรน์ เิ จอร์และวัสดตุ กแตง่ ภายในที่ไม่สะสมความรอ้ นและ ความชนื้ เฟอรน์ ิเจอร์ หรือวัสดุตกแตง่ ในอาคารควรมคี ณุ สมบตั ทิ ไี่ ม่เปน็ แหล่ง สะสมความร้อนและความช้ืนหรือเปน็ วสั ดทุ ม่ี มี วลสารนอ้ ย เชน่ ไม้ปารเ์ ก้ กระเบอ้ื ง เคลอื บ และใชเ้ ฉพาะสว่ นทจ่ี าเป็นกจ็ ะช่วยลดพลังงานในช่วงเรมิ่ เปิดเคร่ือง ปรับ อากาศทาใหไ้ ม่สิ้นเปลอื งพลงั งานในการปรบั อากาศมากเกินความจาเป็นได้ 6.8 การเปลย่ี นมาใชเ้ ครื่องปรับอากาศท่ีมีประสทิ ธภิ าพสูง เครอ่ื งปรบั อากาศที่มปี ระสทิ ธภิ าพสูง จะใช้พลงั งานน้อยกว่าเคร่ืองปรับอากาศท่มี ี ประสทิ ธภิ าพตา่ จะเปน็ การช่วยประหยดั พลงั งานได้มากยง่ิ ข้นึ ซึง่ สามารถ พจิ ารณาประสทิ ธภิ าพของเครือ่ งปรับอากาศไดจ้ ากฉลากแสดงระดบั ประสิทธภิ าพ ของ เคร่อื งปรับอากาศ หรอื ฉลากประหยดั ไฟ และควรเลอื กเครื่องปรบั อากาศทม่ี ี ฉลากเบอร์ 5 6.9 ปรับปรุงสภาพแวดล้อม การใชต้ ้นไม้ ดนิ พชื คลมดิน และนา้ รวมถงึ การใชร้ วั้ ทโ่ี ปรง่ เพ่ือให้ กระแสลมสามารถพดั พาความร้อนและความช้ืนทีส่ ะสม อยู่บรเิ วณโดยรอบอาคารออกไป ชว่ ยลดภาระการ ทาความเย็นของ เคร่ืองปรับอากาศ เปน็ การใช้ประโยชนจ์ ากธรรมชาติเพอ่ื ประหยดั พลงั งานและ เป็นการสร้าง ทัศนยี ภาพทีส่ วยงามโดยรอบอาคารด้วย แนวทางการอนรุ กั ษ์พลังงาน โดยมีสว่ นทีเ่ กยี่ วข้องกบั การปรบั ปรงุ พฤตกิ รรมการบริโภคพลงั งาน และการปรับปรงุ อาคารให้เหมาะสมจะชว่ ยให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพในการอนุรักษ์พลังงาน แตใ่ นอนาคตการ บริโภคพลังงานจะต้องมี การเปลยี่ นแปลงทั้งแหลง่ ทีม่ าของพลงั งาน รวมถึงพฤติกรรมการบรโิ ภคพลงั งาน

เนื่องจากแหล่งกาเนิดพลงั งานกาลงั จะหมดไป จงึ จาเป็นอย่างยง่ิ ในการจัดหา แหลง่ พลังงานที่สามารถ ทดแทนได้ (Renewable Energy) หรือเป็นพลังงานท่ี สะอาด (Clean Energy) ซง่ึ ไมก่ อ่ ให้เกดิ ผลกระทบต่อ สภาพแวดลอ้ ม ตวั อย่างเชน่ พลงั งานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลงั งานความรอ้ นใต้พิภพ เป็นตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook