Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore computer

computer

Published by Toey983900, 2017-07-11 23:34:32

Description: computer

Search

Read the Text Version

11/7/2560 บทท่ี 1 ความรู้พ้ืนฐาน เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ 2560 กาญจนา สงั ฆ์ทิพย์ วิทยาลยั อาชีวศกึ ษานครราชสีมา

1 บทท่ี 1ความรู้พนื้ ฐานเก่ยี วกับคอมพวิ เตอร์

2 สารบญั หน้าบทท่ี 1 ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ ....................................................................................................................... 01.1 คอมพิวเตอร์ หมายถึง.................................................................................................................................................. 3 1.2 คุณสมบตั ิของคอมพิวเตอร์....................................................................................................................................3 1.2.1 ความเป็นอตั โนมตั ิ (Self Acting)..................................................................................................................3 1.2.2 ความเร็ว (Speed)...........................................................................................................................................3 1.2.3 ความเชื่อถือ (Reliable)..................................................................................................................................3 1.2.4 ความถูกตอ้ งแมน่ ยา (Accurate).....................................................................................................................3 1.2.5 เก็บขอ้ มูลจานวนมาก ๆ ได้ (Store massive amounts of information) ..........................................................3 1.2.6 ยา้ ยขอ้ มูลจากที่หน่ึงไปยงั อีกทีหน่ึงไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว (Move information) .....................................................3 1.2.7 ทางานซ้าๆได้ (Repeatability) .......................................................................................................................4 1.3 ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์..............................................................................................................................4 1.3.1 อุปกรณ์นาขอ้ มลู เขา้ (Input Device)..............................................................................................................4 1.3.2 อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device)......................................................................................................5 1.3.3 หน่วยเก็บขอ้ มูลสารอง (Secondary Storage Device)....................................................................................6 1.3.4 อุปกรณ์แสดงผล (Output Device)................................................................................................................7 1.4 ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ ....................................................................................................................................7 1.4.1 งานธุรกิจ .......................................................................................................................................................8 1.4.2 งานวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข..........................................................................................8 1.4.3 งานคมนาคมและสื่อสาร ...............................................................................................................................8 1.4.4 งานวศิ วกรรมและสถาปัตยกรรม ..................................................................................................................8 1.4.5 งานราชการ....................................................................................................................................................8 1.4.6 การศึกษา .......................................................................................................................................................8 1.5 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ ......................................................................................................................................8 1.5.1 ตามลกั ษณะการใชง้ าน..................................................................................................................................9 1.5.2 ตามขนาดและความสามารถ..........................................................................................................................9 1.6 องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์ .............................................................................................................................10 1.6.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ..................................................................................................................................11 1.6.2 ซอฟตแ์ วร์ (Software)..................................................................................................................................11 1.6.3 บุคลากร (People ware) ...............................................................................................................................12 1.6.4 ขอ้ มลู /สารสนเทศ (Data/Information) ........................................................................................................12

3บทท่ี 1 ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์1.1 คอมพวิ เตอร์ หมายถึง คอมพิวเตอร์ คอื อปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ที่ทางานตามชดุ คาสงั่ อยา่ งอตั โนมตั ิ โดยจะทาการคานวณเปรียบเทียบทางตรรกกบั ข้อมลู และให้ผลลพั ธ์ออกมาตามต้องการ โดยมนษุ ย์ไมต่ ้องเข้าไปเก่ียวข้องในการประมวลผล1.2 คุณสมบัตขิ องคอมพวิ เตอร์ ปัจจบุ นั นีค้ นส่วนใหญ่นิยมนาคอมพิวเตอร์มาใช้งานตา่ ง ๆ มากมาย ซึง่ ผ้ใู ช้ส่วนใหญ่มกั จะคิดวา่ คอมพิวเตอร์เป็ นเคร่ืองมือท่ีสามารถทางานได้สารพัด แต่ผู้ท่ีมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์จะทราบว่า งานท่ีเหมาะกับการนาคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างย่ิงคือการสร้ าง สารสนเทศ ซึ่งสารสนเทศเหล่านนั้ สามารถนามาพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์สง่ ผา่ นเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ หรือจดั เก็บไว้ใช้ในอนาคตก็ได้ เน่ืองจากคอมพวิ เตอร์จะมีคณุ สมบตั ติ า่ ง ๆ คอื 1.2.1 ความเป็ นอัตโนมัติ (Self Acting) การทางานของคอมพวิ เตอร์จะทางานแบบอตั โนมตั ภิ ายใต้คาสง่ั ที่ได้ถกู กาหนดไว้ ทางานดงั กลา่ วจะเร่ิมตงั้ แตก่ ารนาข้อมลู เข้าสรู่ ะบบ การประมวลผลและแปลงผลลพั ธ์ออกมาให้อย่ใู นรูปแบบท่ีมนษุ ย์เข้าใจได้ 1.2.2 ความเร็ว (Speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจบุ นั นีส้ ามารถทางานได้ถึงร้อยล้านคาสง่ั ในหนงึ่ วินาที 1.2.3 ความเชื่อถือ (Reliable) คอมพิวเตอร์ทกุ วนั นีจ้ ะทางานได้ทงั้ กลางวนั และกลางคืนอย่างไม่มีข้อผิดพลาดและไมร่ ู้จกั เหน็ดเหนื่อย 1.2.4 ความถูกต้องแม่นยา (Accurate) วงจรคอมพิวเตอร์นนั้ จะให้ผลของการคานวณที่ถกู ต้องเสมอหากผลของการคานวณผดิ จากที่ควรจะเป็น มกั เกิดจากความผดิ พลาดของโปรแกรมหรือข้อมลู ที่เข้าสโู่ ปรแกรม 1.2.5 เก็บข้อมูลจานวนมาก ๆ ได้ (Store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนัจะมีที่เก็บข้อมลู สารองท่ีมีความสงู มากกว่าหน่งึ พนั ล้านตวั อกั ษร และสาหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บข้อมลู ได้มากกวา่ หนงึ่ ล้าน ๆ ตวั อกั ษร 1.2.6 ย้ายข้อมูลจากทหี่ นึ่งไปยงั อีกทีหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว (Move information) โดยใช้การติดตอ่ สื่อสารผา่ นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซงึ่ สามารถสง่ พจนานกุ รมหนง่ึ เลม่ ในรูปของข้อมลู อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ไปยงั เครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยไู่ กลคนซีกโลกได้ในเวลาเพียงไมถ่ ึงหนงึ่ วินาที ทาให้มีการเรียกเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ที่เชื่อมกนั ทวั่ โลกในปัจจบุ นั วา่ทางดว่ นสารสนเทศ (Information Superhighway)

4 1.2.7 ทางานซ้าๆได้ (Repeatability) ช่วยลดปั ญหาเรื่องความอ่อนล้ าจากการทางานของแรงงานคนนอกจากนีย้ ังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วย ข้อมูลที่ประมวลผลแม้จะยุ่งยากหรือซับซ้อนเพียงใดก็ตาม จะสามารถคานวณและหาผลลพั ธ์ได้อยา่ งรวดเร็ว1.3 ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์ จาแนกหน้าที่ของฮาร์ดแวร์ต่างๆ สามารถแบ่งเป็ นส่วนสาคญั 4 ประเภท คือ อุปกรณ์นาข้อมูลเข้า (InputDevice) อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage Device) อุปกรณ์แสดงผล (Output Device) รูปท่ี 1 แสดงวงจรการทางานของคอมพวิ เตอร์ 1.3.1 อุปกรณ์นาข้อมูลเข้า (Input Device) รูปท่ี 2 อปุ กรณ์นาเข้าแบบตา่ งๆ ที่พบเหน็ ในปัจจบุ นั

5 เป็นอปุ กรณ์ที่เกี่ยวข้องกบั การนาเข้าข้อมลู หรือชดุ คาสง่ั เข้ามายงั ระบบเพ่ือให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลตอ่ ไปได้ซงึ่ อาจจะเป็น ตวั เลข ตวั อกั ษร ภาพนิง่ ภาพเคลื่อนไหว เสียง เป็นต้น 1.3.2 อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device)อปุ กรณ์ประมวลผลหลกั ๆ มีดงั นี ้ 1.3.2.1 ซีพียู (CPU-Central Processing Unit) หนว่ ยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกช่ือหนง่ึ วา่โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (Chip) นบั เป็นอปุ กรณ์ที่มีความสาคญั มากที่สดุ ของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหน้าท่ีในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้ อนเข้ามาทางอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลตามชุดคาสั่งหรือโปรแกรมท่ีผ้ใู ช้ต้องการใช้งาน หน่วยประมวลผลกลาง 1.3.2.2 หน่ วยความจาหลัก (Main Memory) หรือเรียกว่า หน่วยความจาภายใน (InternalMemory) สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ - รอม (Read Only Memory - ROM) เป็ นหน่วยความจาท่ีมีโปรแกรมหรือข้อมูลอยู่แล้วสามารถเรียกออกมาใช้งานได้แตจ่ ะไมส่ ามารถเขียนเพม่ิ เตมิ ได้ และแม้วา่ จะไมม่ ีกระแสไฟฟ้ าไปเลีย้ งให้แกร่ ะบบข้อมลูก็ไมส่ ญู หายไป - แรม (Random Access Memory) เป็ นหน่วยความจาที่สามารถเก็บข้ อมูลได้ เม่ือมีกระแสไฟฟ้ าหลอ่ เลีย้ งเทา่ นนั้ เมื่อใดไมม่ ีกระแสไฟฟ้ ามาเลีย้ งข้อมลู ที่อยใู่ นหนว่ ยความจาชนิดนีจ้ ะหายไปทนั ที 1.3.2.3 เมนบอร์ ด (Main board) เป็ นแผงวงจรต่อเชื่อมอุปกรณ์ท่ีเก่ียวข้องกับการทางานของคอมพิวเตอร์ทงั้ หมด ถือได้ว่าเป็ นหวั ใจหลกั ของ พีซีทกุ เครื่อง เพราะจะบอกความสามารถของเครื่องวา่ จะใช้ซีพียอู ะไรได้บ้าง มีประสทิ ธิภาพเพียงใด สามารถรองรับกบั อปุ กรณ์ใหมไ่ ด้หรือไม่ รูปท่ี 3 เมนบอร์ด หรือแผงวงจรหลกั

6 1.3.2.4 ซิปเซ็ต (Chip Set) ซิปเซ็ตเป็ นชิปจานวนหน่ึงหรือหลายตวั ท่ีบรรจวุ งจรสาคญั ๆ ที่ช่วยการ ทางานของซีพียู และติดตงั้ ตายตวั บนเมนบอร์ดถอดเปลี่ยนไม่ได้ ทาหน้าที่เป็ นตวั กลางประสานงานและควบคมุ การ ทางานของหน่วยความจารวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงตา่ งทงั้ แบบภายในหรือภายนอกทุกชนิดตามคาสงั่ ของซีพียู เชน่ SiS, Intel, VIA, AMD เป็นต้น 1.3.3 หน่วยเกบ็ ข้อมูลสารอง (Secondary Storage Device) เน่ืองจากหน่วยความจาหลกั มีพืน้ ที่ไม่เพียงพอในการเก็บข้อมูลจานวนมากๆ อีกทงั้ ข้อมูลจะหายไปเม่ือปิ ด เคร่ือง ดงั นนั้ จาเป็นต้องหาอปุ กรณ์เก็บข้อมลู ท่ีมีขนาดใหญ่ขนึ ้ เชน่ 1.3.3.1 ฮาร์ ดดิสก์ (Hard Disk) เป็ นฮาร์ดแวร์ที่ทาหน้ าที่เก็บข้อมูลในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ทัง้โปรแกรมใช้งานต่างๆ ไฟล์เอกสาร รวมทัง้ เป็ นท่ีเก็บระบบปฏิบัติการที่เป็ นโปรแกรมควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย 1.3.3.2 ฟล็อบปี้ดิสก์ (Floppy Disk) เป็ นอปุ กรณ์บนั ทึกข้อมลู ที่มีขนาด 3.5 นิว้ มีลกั ษณะเป็ นแผ่น กลมบางทาจากไมลาร์ (Mylar) สามารถบรรจขุ ้อมลู ได้เพียง 1.44 เมกะไบต์ เทา่ นนั้ ีี 1.3.3.3 ซีดี (Compact Disk - CD) เป็นอปุ กรณ์บนั ทกึ ข้อมลู แบบดจิ ิทลั เป็นสื่อท่ีมีขนาดความจสุ งู เหมาะสาหรับบนั ทกึ ข้อมลู แบบมลั ตมิ ีเดีย ซีดีรอมทามาจากแผน่ พลาสตกิ กลมบางที่เคลือบด้วยสารโพลีคาร์บอเนต (Poly Carbonate) ทาให้ผวิ หน้าเป็นมนั สะท้อนแสง โดยมีการบนั ทึกข้อมลู เป็นสายเดียว (Single Track) มีขนาด เส้นผา่ ศนู ย์กลางประมาณ 120 มลิ ลิเมตร ปัจจบุ นั มีซีดีอยหู่ ลายประเภท ได้แก่ ซีดเี พลง (Audio CD) วีซีดี (Video CD - VCD) ซีด-ี อาร์ (CD Recordable - CD-R) ซีด-ี อาร์ดบั บลิว (CD-Rewritable - CD-RW) และ ดีวีดี (Digital Video Disk - DVD) ส่ือเกบ็ ข้อมูลอ่ืนๆ 1) รีมูฟเอเบิลไดร์ฟ (Removable Drive) เป็นอปุ กรณ์เก็บข้อมลู ท่ีไมต่ ้องมีตวั ขบั เคลื่อน (Drive) สามารถ พกพาไปไหนได้โดยตอ่ เข้ากบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ด้วย Port USB ปัจจบุ นั ความจขุ องรีมฟู เอเบลิ ไดร์ฟ มีตงั้ แต่ 8 , 16 , 32 , 64 , 128 จนถงึ 1024 เมกะไบต์ ทงั้ นีย้ งั มีไดร์ฟลกั ษณะเดียวกนั เรียกในชื่ออ่ืนๆ ได้แก่ Pen Drive , Thump Drive , Flash Drive 2) ซบิ ไดร์ฟ (Zip Drive) เป็นสื่อบนั ทกึ ข้อมลู ที่จะมาแทนแผน่ ฟล็อปปี ด้ สิ ก์ มีขนาดความจุ 100 เมกะไบต์ ซงึ่ การใช้งานซิปไดร์ฟจะต้องใช้งานกบั ซิปดสิ ก์ (Zip Disk) ความสามารถในการเก็บข้อมลู ของซิปดสิ ก์จะเก็บข้อมลู ได้ มากกวา่ ฟล็อปปี ด้ สิ ก์ 3) Magnetic optical Disk Drive เ ป็ น ส่ื อ เ ก็ บ ข้ อ มู ล ข น า ด 3.5 นิ ้ ว ซึ่ ง มี ข น า ด พ อ ๆ กั บ ฟล็อบปี ด้ ิสก์ แต่ขนาดความจมุ ากกว่า เพราะว่า MO Disk drive 1 แผ่นสามารถบนั ทึกข้อมลู ได้ตงั้ แต่ 128 เมกะไบต์ จนถึงระดบั 5.2 กิกะไบต์

7 4) เทปแบ็คอัพ (Tape Backup) เป็นอปุ กรณ์สาหรับการสารองข้อมลู ซงึ่ เหมาะกบั การสารองข้อมลู ขนาดใหญ่มากๆ ขนาดระดบั 10-100 กิกะไบต์ 5) การ์ดเมมโมรี (Memory Card) เป็ นอปุ กรณ์บนั ทกึ ข้อมลู ท่ีมีขนาดเล็ก พฒั นาขนึ ้ เพ่ือนาไปใช้กบั อปุ กรณ์เทคโนโลยีแบบตา่ งๆ เชน่ กล้องดจิ ิทลั คอมพวิ เตอร์มือถือ (Personal Data Assistant - PDA) โทรศพั ท์มือถือ 1.3.4 อุปกรณ์แสดงผล (Output Device) คืออปุ กรณ์สาหรับแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ และเป็ นอุปกรณ์ส่งออก (Outputdevice) ทาหน้าท่ีแสดงผลลพั ธ์เม่ือซีพียทู าการประมวลผล รูปท่ี 4 แสดงอปุ กรณ์แสดงผลข้อมลู แบบตา่ งๆ 1.3.4.1 จอภาพ (Monitor) เป็นอปุ กรณ์แสดงผลลพั ธ์ที่เป็นภาพ ปัจจบุ นั แบง่ ออกเป็ น 2 ชนิด คือ จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube) และ จอภาพแบบ LCD (Liquid Crystal Display) 1.3.4.2 เคร่ืองพมิ พ์ (Printer) เป็นอปุ กรณ์ที่ทาหน้าท่ีแสดงผลลพั ธ์ในรูปของอกั ขระหรือรูปภาพท่ีจะไปปรากฏอยบู่ นกระดาษ แบง่ ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ เคร่ืองพิมพ์ดอตเมตริกซ์ (Dot Matrix Printer) เคร่ืองพมิ พ์แบบพน่ หมกึ (Ink-Jet Printer) เคร่ืองพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser Printer) และพล็อตสเตอร์ (Plotter) 1.3.4.3 ลาโพง (Speaker) เป็ นอุปกรณ์ แสดงผลลัพธ์ท่ีอยู่ในรูปของเสียง สามารถเช่ือมต่อกับคอมพิวเตอร์ผา่ นแผงวงจรเก่ียวกบั เสียง (Sound card) ซง่ึ มีหน้าที่แปลงข้อมลู ดจิ ติ อลไปเป็นเสียง1.4 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ จากการที่คอมพิวเตอร์มีลกั ษณะเดน่ หลายประการ ทาให้ถกู นามาใช้ประโยชน์ตอ่ การดาเนินชีวิตประจาวนั ในสงั คมเป็ นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยท่ีสดุ ก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารตา่ งๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซ่ึงเรียกว่างานประมวลผล (Word processing) นอกจากนีย้ งั มีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน ดงั ตอ่ ไปนี ้

8 1.4.1 งานธุรกจิ เชน่ บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสนิ ค้า ตลอดจนโรงงานตา่ งๆ ใช้คอมพวิ เตอร์ในการทาบญั ชีงานประมวลคา และตดิ ตอ่ กบั หนว่ ยงานภายนอกผา่ นระบบโทรคมนาคม นอกจากนีง้ านอตุ สาหกรรม สว่ นใหญ่ก็ใช้คอมพวิ เตอร์มาช่วยในการควบคมุ การผลิต และการประกอบชนิ ้ สว่ นของอปุ กรณ์ตา่ งๆ เชน่ โรงงานประกอบรถยนต์ซงึ่ ทาให้การผลิตมีคณุ ภาพดีขนึ ้ บริษัทยงั สามารถรับ หรืองานธนาคาร ที่ให้บริการถอนเงินผา่ นต้ฝู ากถอนเงินอตั โนมตั ิ(ATM) และใช้คอมพิวเตอร์คิดดอกเบีย้ ให้กบั ผ้ฝู ากเงิน และการโอนเงินระหวา่ งบญั ชี เชื่อมโยงกนั เป็นระบบเครือขา่ ย 1.4.2 งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในนามาใช้ในสว่ นของการคานวณที่คอ่ นข้างซบั ซ้อน เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปส่อู วกาศ หรืองานทะเบียน การเงิน สถิติ และเป็ นอุปกรณ์สาหรับการตรวจรักษาโรคได้ ซึ่งจะให้ผลที่แม่นยากว่าการตรวจด้วยวิธีเคมีแบบเดมิ และให้การรักษาได้รวดเร็วขนึ ้ 1.4.3 งานคมนาคมและส่ือสาร ในส่วนที่เกี่ยวกบั การเดนิ ทาง จะใช้คอมพวิ เตอร์ในการจองวนั เวลา ที่นง่ั ซง่ึ มีการเช่ือมโยงไปยงั ทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้ ทาให้สะดวกต่อผู้เดินทางที่ไม่ต้องเสียเวลารอ อีกทัง้ ยังใช้ในการควบคมุ ระบบการจราจร เช่น ไฟสญั ญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรือในการส่ือสารก็ใช้ควบคมุ วงโคจรของดาวเทียมเพ่ือให้อยใู่ นวงโคจร ซง่ึ จะชว่ ยสง่ ผลตอ่ การสง่ สญั ญาณให้ระบบการส่ือสารมีความชดั เจน 1.4.4 งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรือจาลองสภาวการณ์ ตา่ งๆ เช่น การรับแรงสนั่ สะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง รวมทงั้ การใช้ควบคมุ และติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เช่นคนงาน เครื่องมือ ผลการทางาน 1.4.5 งานราชการ เป็นหนว่ ยงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากท่ีสดุ โดยมีการใช้หลายรูปแบบ ทงั้ นีข้ นึ ้ อยกู่ บับทบาทและหน้าที่ของหนว่ ยงานนนั้ ๆ เชน่ กระทรวงศกึ ษาธิการ มีการใช้ระบบประชมุ ทางไกลผา่ นคอมพิวเตอร์ ,กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จดั ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพ่ือเช่ือมโยงไปยงั สถาบนั ตา่ งๆ, กรมสรรพากรใช้จดั ในการจดั เก็บภาษี บนั ทกึ การเสียภาษี เป็ นต้น 1.4.6 การศึกษา ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการเรียนการสอน ซง่ึ มีการนาคอมพิวเตอร์มาชว่ ยการสอนในลกั ษณะบทเรียน CAI หรืองานด้านทะเบียน ซ่ึงทาให้สะดวกตอ่ การค้นหาข้อมลู นกั เรียน การเก็บข้อมูลยืมและการสง่ คืนหนงั สือห้องสมดุ1.5 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ แบง่ ออกเป็นหลายประเภท ขนึ ้ อยกู่ บั เกณฑ์ที่ใช้ในการแบง่

9 เกณฑ์ท่ใี ช้จาแนก ประเภทคอมพวิ เตอร์ตามลกั ษณะการใช้งาน - แบบใช้งานทว่ั ไป (General purpose computer) - แบบใช้งานเฉพาะ (Special purpose computer)ตามขนาดและความสามารถ - ซเู ปอร์คอมพวิ เตอร์ (Supercomputer) - เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe computer) - มนิ คิ อมพิวเตอร์ (Minicomputer) - ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) - คอมพิวเตอร์มือถือ (Handheld computer) 1.5.1 ตามลักษณะการใช้งาน 1.5.1.1 แบบใช้งานท่วั ไป (General Purpose Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมลู ที่มีความยืดหยนุ่ ในการทางาน (Flexible) โดยได้รับการออกแบบให้สามารถประยกุ ต์ใช้ในงานประเภทต่างๆ ได้โดยสะดวก โดยระบบจะทางานตามคาสงั่ ในโปรแกรมท่ีเขียนขึน้ มา และเม่ือผ้ใู ช้ต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานอะไร ก็เพียงแตอ่ อกคาสงั่ เรียกโปรแกรมที่เหมาะสมเข้ามาใช้งาน โดยเราสามารถเก็บโปรแกรมไว้หลายโปรแกรมในเคร่ืองเดียวกนั ได้ เช่น ในขณะหนงึ่ เราอาจใช้เคร่ืองนีใ้ นงานประมวลผลเก่ียวกบั ระบบบญั ชี และในขณะหนงึ่ ก็สามารถใช้ในการออกเชค็ เงินเดอื นได้ เป็นต้น 1.5.1.2 แบบใช้งานเฉพาะด้าน (Special Purpose Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมลู ที่ถกู ออกแบบตวั เครื่องและโปรแกรมควบคมุ ให้ทางานอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เป็นการเฉพาะ (Inflexible) โดยทวั่ ไปมกั ใช้ในงานควบคมุ หรืองานอตุ สาหกรรมท่ีเน้นการประมวลผลแบบรวดเร็ว เชน่เครื่องคอมพิวเตอร์ควบคมุ สญั ญาณไฟจราจร คอมพิวเตอร์ควบคมุ ลิฟต์ หรือคอมพิวเตอร์ควบคมุ ระบบอตั โนมตั ใิ นรถยนต์ เป็นต้น 1.5.2 ตามขนาดและความสามารถ เป็นการจาแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ที่พบเห็นได้มากที่สดุ ในปัจจบุ นั ซงึ่ สามารถแบง่ ออกได้ดงั นี ้ 1.5.2.1 ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ (Super Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมลู ท่ีมีความสามารถในการประมวลผลสงู ที่สดุ โดยทวั่ ไปสร้างขนึ ้ เป็นการเฉพาะเพื่องานด้านวิทยาศาสตร์ที่ต้องการการประมวลผลซับซ้อน และต้องการความเร็วสูง เช่น งานวิจัยขีปนาวุธ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานส่ือสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นต้น 1.5.2.2 เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe computer)

10 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทางานร่วมกบั อปุ กรณ์หลายๆ อยา่ งด้วยความเร็วสงูใช้ในงานธุรกิจขนาดใหญ่ มหาวิทยาลยั ธนาคารและโรงพยาบาลเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ สามารถเก็บข้อมลู ท่ีมีปริมาณมาก ๆ เชน่ ในการสงั่ จองที่นง่ั ของสายการบนิ ที่บริษัททวั ร์รับจองในแตล่ ะวนั นอกจากนีย้ งั สามารถเชื่อมโยงใช้งานกบัเคร่ืองเทอร์มนิ ลั (Terminal) หลาย ๆ เคร่ือง ในระยะทางไกลกนั ได้ เชน่ ระบบเอท่ีเอม็ (ATM) การประมวลผลข้อมลู ของระบบเมนเฟรมนีม้ ีผ้ใู ช้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกนั (Multi-user) สามารถประมวลผลโดยแบง่ เวลาการใช้ซีพียู (CPU)โดยผา่ นเคร่ืองเทอร์มินลั การประมวลผลแบบแบง่ เวลานีเ้รียกวา่ Time sharing 1.5.2.3 มนิ ิคอมพวิ เตอร์ (Mini Computer) ธุรกิจและหน่วยงานท่ีมี ขนาดเล็กไม่จาเป็ นต้ องใช้ คอมพิวเตอร์ ขนาดเมนเฟ รมซึ่งมี ราคาแพ งผ้ผู ลิตคอมพิวเตอร์จงึ พฒั นาคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กและมีราคาถกู ลง เรียกวา่ เคร่ืองมินคิ อมพวิ เตอร์ โดยมีลกั ษณะพิเศษในการทางานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบข้างท่ีมีความเร็วสงู ได้ มีการใช้แผ่นจานแม่เหล็กความจุสงู ชนิดแข็ง(Harddisk) ในการเก็บรักษาข้อมูล สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานและบริษัทท่ีใช้คอมพิวเตอร์ขนาดนี ้ได้แก่ กรม กอง มหาวิทยาลยั ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอตุ สาหกรรมตา่ งๆ 1.5.2.4 ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Microcomputer) เป็ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กท่ีสุด ราคาถูกท่ีสุด ใช้งานง่าย และนิยมมากที่สุดราคาของเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์จะอย่ใู นช่วงประมาณหม่ืนกวา่ ถึง แสนกว่าบาท ในวงการธุรกิจใช้ไมโครคอมพิวเตอร์กบั งานทุก ๆอย่าง ไมโครคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กพอที่จะตงั้ บนโต๊ะ (Desktop) หรือ ใส่ลงในกระเป๋ าเอกสาร เช่น คอมพิวเตอร์วางบนตกั (Lap top) หรือโน้ตบุ๊ก (Note book) ไมโครคอมพิวเตอร์สามารถทางานในลกั ษณะประมวลผลได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องเชื่อมโยงกบั คอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืนเรียกวา่ ระบบแสตนอโลน (Standalone system)มีไว้สาหรับใช้งานสว่ นตวัจงึ เรียกเครื่องไมโครคอมพวิ เตอร์ได้อีกชื่อหนง่ึ วา่ คอมพวิ เตอร์สว่ นบคุ คลหรือเครื่องพีซี (PC:Personal Computer) และสามารถนาเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เคร่ืองอื่น ๆ หรือเชื่อมต่อกับเคร่ืองเมนเฟรม เพื่อขยายประสทิ ธิภาพเพ่มิ ขนึ ้ ทาให้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เป็นท่ีนยิ มใช้กนั แพร่หลายอยา่ งรวดเร็ว 1.5.2.5 คอมพวิ เตอร์มือถอื (Handheld Computer) เป็ นคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดเล็กที่สดุ เม่ือเทียบกบั คอมพิวเตอร์ประเภทอ่ืนๆ อีกทงั้ สามารถพกพาไปยงั ที่ตา่ งๆ ได้ง่ายกว่า เหมาะกับการจดั การข้อมลู ประจาวนั การสร้างปฏิทินนดั หมาย การดหู นงั ฟังเพลงรวมถึงการรับสง่ อีเมล์ บางรุ่นอาจมีความสามารถเทียบเคียงได้กบั ไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น ปาล์ม พ็อกเก็ตพีซี เป็ นต้น นอกจากนีโ้ ทรศพั ท์มือถือบางรุ่นก็มีความสามารถใกล้เคียงกบั คอมพิวเตอร์มือถือในกลมุ่ นีใ้ นแง่ของการรันโปรแกรมจดั การกบั ข้อมลู ทวั่ ไปโดยใช้ระบบปฏิบตั กิ าร Symbian หรือไมก่ ็ Linux1.6 องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราเห็นๆ กันอยู่นีเ้ ป็ นเพียงองค์ประกอบส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์เท่านัน้ แต่ถ้าต้องการให้เคร่ืองคอมพวิ เตอร์แตล่ ะเครื่องสามารถทางานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพตามที่เราต้องการนนั้ จาเป็นต้องอาศยั

11องค์ประกอบพืน้ ฐาน 4 ประการมาทางานร่วมกัน ซ่ึงองค์ประกอบพืน้ ฐานของระบบคอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) บคุ ลากร (People ware) ข้อมลู / สารสนเทศ (Data/Information) 1.6.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึน้ เป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลกั ษณะเป็ นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เคร่ืองพิมพ์ เมาส์ เป็ นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็ นส่วนต่างๆ ตามลกั ษณะการทางาน ได้ 4 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit:CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยเก็บข้อมลู สารอง (Secondary Storage) โดยอปุ กรณ์แตล่ ะหน่วยมีหน้าที่การทางานแตกตา่ งกนั 1.6.2 ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง สว่ นท่ีมนษุ ย์สมั ผสั ไมไ่ ด้โดยตรง (นามธรรม) เป็ นโปรแกรมหรือชดุ คาสงั่ ท่ีถกู เขียนขนึ ้ เพื่อสง่ั ให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางาน ซอฟต์แวร์จึงเป็ นเหมือนตวั เช่ือมระหว่างผ้ใู ช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟตแ์ วร์เราก็ไมส่ ามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทาอะไรได้เลย ซอฟต์แวร์สาหรับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์สามารถแบง่ ได้ ดงั นี ้ 1.6.2.1 ซอฟต์แวร์สาหรับระบบ (System Software) คือ ชดุ ของคาสง่ั ท่ีเขียนไว้เป็ นคาสงั่ สาเร็จรูปซงึ่ จะทางานใกล้ชิดกบั คอมพิวเตอร์มากท่ีสดุ เพ่ือคอยควบคมุ การทางานของฮาร์ดแวร์ทกุ อยา่ ง และอานวยความสะดวกให้กบั ผ้ใู ช้ในการใช้งาน ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมระบบท่ีรู้จกั กนั ดกี ็คอื DOS, Windows, UNIX, Linux รวมทงั้โปรแกรมแปลคาสงั่ ท่ีเขียนในภาษาระดบั สงู เชน่ ภาษา Basic, FORTRAN, Pascal, COBOL, C เป็นต้น นอกจากนี ้โปรแกรมท่ีใช้ในการตรวจสอบระบบเชน่ Norton’s Utilities ก็นบั เป็ นโปรแกรมสาหรับระบบด้วยเชน่ กนั 1.6.2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมท่ีสง่ั คอมพวิ เตอร์ทางานตา่ งๆ ตามที่ผ้ใู ช้ต้องการ ไมว่ า่ จะด้านเอกสาร บญั ชี การจดั เก็บข้อมลู เป็นต้น ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตส์ ามารถจาแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ - ซอฟต์แวร์สาหรับงานเฉพาะด้าน คือ โปรแกรมซงึ่ เขียนขนึ ้ เพื่อการทางานเฉพาะอยา่ งท่ีเราต้องการบางท่ีเรียกวา่ User’s Program เชน่ โปรแกรมการทาบญั ชีจา่ ยเงินเดอื น โปรแกรมระบบเชา่ ซือ้ โปรแกรมการทาสินค้าคงคลงั เป็ นต้น ซง่ึ แตล่ ะโปรแกรมก็มกั จะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกตา่ งกนั ออกไปตามความต้องการ หรือกฎเกณฑ์ของแตล่ ะหน่วยงานท่ีใช้ ซงึ่ สามารถดดั แปลงแก้ไขเพม่ิ เตมิ (Modifications) ในบางสว่ นของโปรแกรมได้ เพ่ือให้ตรงกบัความต้องการของผ้ใู ช้ และซอฟต์แวร์ประยกุ ตท์ ่ีเขียนขนึ ้ นีโ้ ดยสว่ นใหญ่มกั ใช้ภาษาระดบั สงู เป็นตวั พฒั นา - ซอฟตแ์ วร์สาหรับงานทว่ั ไป เป็นโปรแกรมประยกุ ตท์ ี่มีผ้จู ดั ทาไว้ เพ่ือใช้ในการทางานประเภทตา่ งๆทว่ั ไป โดยผ้ใู ช้คนอ่ืนๆ สามารถนาโปรแกรมนีไ้ ปประยกุ ต์ใช้กบั ข้อมลู ของตนได้ แตจ่ ะไมส่ ามารถทาการดดั แปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผ้ใู ช้ไมจ่ าเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง ซง่ึ เป็นการประหยดั เวลา แรงงาน และคา่ ใช้จา่ ยในการเขียนโปรแกรม นอกจากนี ้ยงั ไมต่ ้องใช้เวลามากในการฝึ กและปฏิบตั ิ ซง่ึ โปรแกรมสาเร็จรูปนี ้มกั จะมีการใช้งานในหนว่ ยงาน

12ที่ขาดบคุ ลากรท่ีมีความชานาญเป็นพเิ ศษในการเขียนโปรแกรม ดงั นนั้ การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจงึ เป็นสิง่ ท่ีอานวยความสะดวกและเป็ นประโยชน์อยา่ งย่งิ ตวั อยา่ งโปรแกรมสาเร็จรูปท่ีนิยมใช้ได้แก่ MS-Office, Lotus, AdobePhotoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมส์ตา่ งๆ เป็นต้น 1.6.3 บุคลากร (People ware) หมายถึง บคุ ลากรในงานด้านคอมพวิ เตอร์ ซง่ึ มีความรู้เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สง่ั งานเพ่ือให้คอมพิวเตอร์ทางานตามท่ีต้องการ แบง่ ออกได้ 4 ระดบั ดงั นี ้ 1.6.3.1 ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผ้วู างนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้ าหมายของหนว่ ยงาน 1.6.3.2 นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผ้ทู ่ีศกึ ษาระบบงานเดมิ หรืองานใหมแ่ ละทาการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กบั ระบบงาน เพ่ือให้โปรแกรมเมอร์เป็นผ้เู ขียนโปรแกรมให้กบั ระบบงาน 1.6.3.3 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คอื ผ้เู ขียนโปรแกรมสง่ั งานเครื่องคอมพวิ เตอร์เพื่อให้ทางานตามความต้องการของผ้ใู ช้ โดยเขียนตามแผนผงั ท่ีนกั วเิ คราะห์ระบบได้เขียนไว้ 1.6.3.4 ผู้ใช้ (User) คือ ผ้ใู ช้งานคอมพิวเตอร์ทวั่ ไป ซงึ่ ต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวธิ ีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมท่ีมีอยสู่ ามารถทางานได้ตามที่ต้องการเนื่องจากเป็ นผ้กู าหนดโปรแกรมและใช้งานเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ มนษุ ย์จงึ เป็นตวั แปรสาคญั ในอนั ที่จะทาให้ผลลพั ธ์มีความนา่ เชื่อถือ เน่ืองจากคาสง่ั และข้อมลู ที่ใช้ในการประมวลผลได้รับจากการกาหนดของมนษุ ย์ (People ware) ทงั้ สนิ ้ 1.6.4 ข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information) ข้อมูล (Data) เป็นองค์ประกอบที่สาคญั อยา่ งหนงึ่ การทางานของคอมพวิ เตอร์จะเก่ียวข้องกบั ข้อมลู ตงั้ แตก่ ารนาข้อมูลเข้าจนกลายเป็ นข้อมลู ที่สามารถใช้ประโยชน์ตอ่ ได้หรือที่เรียกว่า สารสนเทศ (Information) ซึ่งข้อมลู เหล่านี ้อาจจะเป็นได้ทงั้ ตวั เลข ตวั อกั ษร และข้อมลู ในรูปแบบอื่นๆ เชน่ ภาพ เสียง เป็นต้น ข้อมลู ท่ีจะนามาใช้กบั คอมพิวเตอร์ได้นนั้ โดยปกติจะต้องมีการแปลงรูปแบบหรือสถานะให้คอมพิวเตอร์เข้าใจก่อน จึงจะสามารถเอามาใช้งานในการประมวลผลต่างๆ ได้เราเรียกสถานะนีว้ ่า สถานะแบบดิจิตอล ซ่ึงมี 2 สถานะเทา่ นนั้ คือ เปิ ด(1) และ ปิ ด(0) ………………………………………………………………………………………………………………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook