ภมู ิภาคของโลก กบั พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์
ดนิ แดนในภมู ิภาคต่างๆ ของโลกมีประวตั คิ วามเปน็ มาและพฒั นาการที่แตกต่างกันไป ทั้งน้ี ขน้ึ อยู่กบั เง่อื นไขทาง ภูมิศาสตร์ ตลอดจนพฒั นาการด้านต่างๆ ท้ังด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และศิลปวฒั นธรรมในแต่ละแหง่ การเรยี นรู้ภมู หิ ลงั และพฒั นาการด้านตา่ งๆ ในแต่ละภูมภิ าคของโลก จะทาให้เกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจในความสืบเนอ่ื งของ อารยธรรมจากอดีตถงึ ปัจจบุ นั ได้กระจา่ งชัดมากย่งิ ขึ้น
ส่ิงทต่ี ้องเรียนรู้
พฒั นาการของทวปี ยโุ รป
แผนทท่ี วปี ยโุ รป
ทตี่ ง้ั และสภาพภูมิอากาศทม่ี ผี ลตอ่ พัฒนาการของทวปี ทวีปยุโรป ประกอบด้วยที่ราบล่มุ ทรี่ าบสงู เทือกเขา และคาบสมทุ รจานวนมาก ทาใหป้ ระเทศส่วนใหญ่มีผนื ดิน ตดิ ต่อทะเลและมชี ายฝงั่ ทะเลยาวมาก บางประเทศเปน็ เกาะ ซง่ึ เหมาะแก่การทาประมงและการเดนิ เรือ ส่วนประเทศท่ีเป็น ผืนดนิ และมที รี่ าบ กวา้ งใหญ่ และมีแม่น้าสาคญั ๆ ไหลผ่านหลายสาย เหมาะแก่การเพาะปลกู นอกจากน้ี ยงั มีอากาศอบอ่นุ และหนาวเยน็ ทาใหม้ ีผ้คู นเข้ามาตงั้ หลักแหล่งและสรา้ งอารยธรรมตา่ งๆ มาต้ังแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจบุ นั
ภมู หิ ลังทางประวัตศิ าตรท์ วปี ยโุ รป
ยโุ รปสมัยโบราณ
ยโุ รปสมัยโบราณ ความเจริญของยโุ รปเร่ิมข้ึนเป็นแห่งแรกท่บี รเิ วณตอนใตข้ องทวปี แถบชายฝง่ั ทะเลเมดิ เตอรเ์ รเนยี น โดยมกี รีกและโรมนั เป็นศนู ย์กลางความเจรญิ ในสมยั โบราณ ซึ่งเรยี กความเจริญ สมัยกรกี และโรมนั นี้วา่ อารยธรรมสมัยคลาสสคิ
ผลงานของชาวกรีก เป็นสง่ิ กอ่ สร้างสถาปตั ยกรรมกรกี โบราณท่มี ี ชอ่ื เสียงทสี่ ดุ แสดงให้เหน็ ถึงความเฉลยี วฉลาดของ สถาปนิกในสมยั นน้ั และถือไดว้ ่าเป็นหนง่ึ ในสงิ่ ก่อสรา้ งท่ี ยิ่งใหญท่ สี่ ดุ ในโลก
ผลงานของชาวโรมนั เป็นสนามแขง่ ขนั กฬี าต่างๆ ท้งั เกลดเิ อเตอร์สู้ กันเอง โดยมีชีวิตเปน็ เดมิ พนั หรอื ส้กู บั สัตวป์ า่ อาทิ สงิ โต เสือ และช้าง เป็นตน้ โดยมชี ีวติ เป็นเดิมพนั เชน่ กัน และ บางทีอาจจะมีแสดงการตอ่ สูร้ ะหว่างสตั วป์ า่ ด้วยกันเอง เชน่ เสือส้กู ับสิงโต กระทิงสกู้ ับหมี ฯลฯ
ยโุ รปสมยั กลาง
ยุโรปสมัยกลาง เมือ่ อาณาจักรของชาวโรมนั เสอ่ื มอานาจลงใน ค.ศ 476 อนั เนื่องมาจากการ แผ่อานาจของชนกลมุ่ ต่างๆ ทีเ่ รียกว่า อนารยชนเยอรมัน กถ็ อื ว่าอารยธรรมสมัย คลาสสิคของยุโรปสน้ิ สุดลง และ เปน็ การเรม่ิ ตน้ ประวัติศาสตร์ ของยุโรปสมัยกลาง ซ่งึ มีระยะเวลายาวนานประมาณ 1000 ปี ในสมัยกลางน้เี ป็นช่วงเวลาที่ความเจรญิ ต่างๆ ของยโุ รปชะลอตวั เน่ืองจากความว่นุ วายทางการเมอื งและการสงคราม มกี าร แบง่ ดนิ แดนออกเปน็ แวน่ แคว้นต่างๆ มากมาย และมกี ารแก่งแย่งชิงอานาจกัน นอกจากนีย้ ังเปน็ ชว่ งระยะเวลาทีค่ รสิ ตศ์ าสนามีอทิ ธิพลมากตอ่ การดาเนินชีวิตของ ผู้คน
ยโุ รปสมยั
การสารวจและการต้งั ถน่ิ ฐานในทวปี ตา่ งๆ ชาวยโุ รปไดเ้ ดินทาง ไปสารวจ ดนิ แดนในทวปี ตา่ ง ๆ คือ แอฟรกิ า เอเชยี อเมรกิ าเหนอื อเมรกิ าใตแ้ ละออสเตรเลยี ชาวยโุ รปกไ็ ด้รับผลประโยชนท์ างการคา้ และการสรา้ งอาณานิคมขน้ึ ในดินแดนตา่ งๆ เหลา่ น้นั เป็นผลใหอ้ ทิ ธิพล ของชาวยโุ รปทางดา้ นเศรษฐกจิ การเมือง และวัฒนธรรมแผ่ขยาย ออกไป กวา้ งขวางทั่วโลก
การปฏิวัติอุตสาหกรรม ซ่ึงเป็นการเปลยี่ นแปลงวธิ กี ารผลิตจาก เดิมทีเ่ คย ใชแ้ รงงานคน และสตั ว์มาใช้เคร่อื งจักรแทนเกดิ ขึน้ ในตอนตน้ ของพทุ ธศตวรรษที่ 24 โดยเรมิ่ ขึ้นในประเทศอังกฤษก่อน แลว้ ขยายตวั ไปสปู่ ระเทศอนื่ ๆ ในเวลาตอ่ มาการปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรม มผี ลใหท้ วีปยุโรปนาหน้าทวปี อืน่ ๆ ในด้านเศรษฐกิจ และความ เจรญิ กา้ วหน้าทางเทคโนโลยี เปน็ เวลานานตดิ ตอ่ กนั กวา่ สองศตวรรษ จนถงึ สงครามโลกครั้งที่ 2
ภมู หิ ลังทางประวตั ศิ าสตร์ทวปี ยโุ รป 1.ยโุ รปสมัยโบราณ อารยธรรมสาคญั คือ สมยั กรีกและโรมนั 2. ยุโรปสมยั กลาง คริสตศ์ าสนามอี ทิ ธิพลต่อการดาเนินชีวติ ของผคู้ น 3. ยุโรปสมยั ใหม่ การปฏวิ ัตอิ ตุ สาหกรรมสง่ ผลใหท้ วปี ยโุ รปมคี วาม เจรญิ รุ่งเรืองกว่าทวีปอนื่ ๆ
พัฒนาการด้านการเมือง การปกครองทวีปยโุ รป
การเมืองการปกครองสมัยกลาง
การเมืองการปกครองสมยั กลาง ภาพรปู ป้ันจกั รพรรดอิ ิมแปราตอร์ ไกซาร์ดีวี ฟีลอิ สุ เอากุสตุส ในอดตี ดินแดนสว่ นใหญ่ของทวีปยุโรป มกี ษตั ริยเ์ ปน็ ประมุขสูงสดุ ตั้งแต่ในสมัยกรกี เรือง อานาจเมอ่ื กวา่ 500 ปี จกั รพรรดิพระองคแ์ รกของชาวโรมนั ก่อนครสิ ตศ์ ักราช จนถึง ในสมยั จักรวรรดิโรมัน 27 ปีกอ่ น คริสตศ์ ักราช (ค.ศ.476) พระประมุขสงู สดุ ของชาวโรมัน เรียกว่า ซซี าร์หรือจกั รพรรดิ ยุโรปได้เข้าสูส่ มัยกลาง เมอื่ จกั รวรรดิโรมัน ล่มสลาย ใน ค.ศ. 476 จากการรกุ รานของพวกชนเผา่ กอทหรอื ชนเผา่ เยอรมัน มอี าณาจักรใหม่ๆ เกิดขึน้ หลายอาณาจกั ร มีกษตั ริย์ เปน็ ประมขุ แต่มิได้มอี านาจในการปกครองอย่างแท้จรงิ การ ปกครองสมัยกลางใชร้ ะบอบฟวิ ดลั (Feudalism) หรอื ระบบ ศกั ดินาสวามภิ ักด์ิ
ภาพอธบิ ายโครงสรา้ งระบบฟิวดลั ลักษณะการปกครองแบบกระจาย อานาจไม่รวมศูนย์อานาจไว้ท่ีส่วนกลาง เหมอื นกบั สมยั จักรวรรดิโรมัน โดยกษตั รยิ ์จะ ทรงแจกจา่ ยทดี่ ินให้แก่ขนุ นางผ้ปู กครอง แคว้นตา่ งๆ ให้ใชป้ ระโยชน์จากท่ีดนิ น้ัน
การเมืองการปกครองสมัยใหม่
ระบอบกษตั ริยภ์ ายใต้รัฐธรรมนญู เกิดข้นึ ครง้ั แรกที่ อังกฤษ เม่อื ขุนนางรวมตัวกนั ต่อต้านการใช้อานาจการปกครอง ทีก่ ดขข่ี องพระเจา้ จอหน์ ท่ี 5 โดยบบี บงั คับใหพ้ ระองค์ทรง ลงนามและ ยอมปฏิบตั ิตามกฎบตั รแมกนา คาร์ตา (Magna Carta) ในปี ค.ศ. 1215 ผลทต่ี ามมา คือ เป็นการจากัดพระราชอานาจสทิ ธ์ขิ าด และการกระทาโดยมชิ อบของพระองคแ์ ละทาให้ฐานะของ กษัตรยิ ์องั กฤษไมท่ รงอยู่เหนอื กฎหมายอีกต่อไป
นอกจากนก้ี ฎบตั ร แมกนา คารต์ า ยงั เป็นรากฐานของ “รฐั ธรรมนูญ” และ “รฐั สภา” ขององั กฤษในสมัยตอ่ มาอีกดว้ ย ในสมัยตอ่ มากษตั ริย์องั กฤษในยคุ สมยั หลงั ๆหลายพระองคไ์ ม่ปฏบิ ัติ ตามกฎบตั รแมกนา คาร์ตา จงึ เกิดการต่อตา้ นจากประชาชน ดังเหตกุ ารณ์ ในปี ค.ศ. 1688 ทเ่ี รียกวา่ “การปฏิวตั ิอันรงุ่ โรจน์”
การเมอื งการปกครองสมยั ปัจจบุ นั
ภายหลังสงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ส้ินสดุ ลง ประเทศในยโุ รปมรี ะบอบการปกครอง 2 ระบอบ คือ.........
ระบอบประชาธิปไตย การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีตน้ กาเนดิ มาตงั้ แตส่ มยั กรกี โบราณ เปน็ ระบอบทเ่ี น้นความเป็นปจั เจกบุคคลนิยม เหตุผลนยิ มและเสรภี าพ หลกั การสาคัญของแนวความคิดประชาธปิ ไตย คือ สิทธิ เสรภี าพของประชาชน การปกครองระบอบประชาธิปไตยเปน็ การปกครองที่ประชาชนมีอานาจสูงสดุ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 3 รูปแบบ คือ แบบรฐั สภาแบบประธานาธิบดีและ แบบผสม ( กึ่งรฐั สภาและกึ่งประธานาธิบดี )
ระบอบคอมมวิ นิสต์ เปน็ ระบอบการปกครองทีย่ ดึ ถอื ตามทฤษฎสี งั คมนิยมของคารล์ มาร์ก (Carl Marx) สงั คมทีป่ ราศจากชนช้นั และมคี วามเสมอภาคกนั ในดา้ นต่างๆ โดยชนช้ันแรงงานเป็น ผ้ปู กครอง พรรคการเมืองเพยี งพรรคเดียว ผนู้ าพรรคคอมมิวนิสตแ์ ละ ผูน้ ารฐั เป็นคนเดียวกนั สหภาพโซเวียตเปน็ ประเทศแรก ที่การปกครองในระบอบเผด็จการคอมมิวนสิ ต์ หลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 มปี ระเทศท่ีปกครองในระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นสิ ต์อีก 16 ประเทศ เมือ่ สหภาพโซเวียตล่มสลายลงใน ค.ศ. 1991 ยงั มีประเทศที่ปกครองในระบอบเผด็จการ คอมมิวนิสต์ คือ จนี คิวบา เกาหลีเหนอื
สรปุ การปกครอง
พฒั นาการดา้ นเศรษฐกจิ ของทวปี ยโุ รป
เศรษฐกจิ สมยั กลาง “เศรษฐกจิ แบบแมเนอร์” เป็นระบบการผลิต เพือ่ เลีย้ งตัวเองในแตล่ ะแม เนอร์ มีขนุ นางเปน็ ผู้ปกครอง โดยจัดแบ่งทด่ี นิ ใหร้ าษฎรเช่า ทาการเกษตรส่วนหน่ึงและของขุนนางเองอกี ส่วนหนึ่ง มกี ารนาผลผลติ ไปขายท้งั ภายในแมเนอรแ์ ละนอกแมเนอร์ เศรษฐกจิ แบบแมเนอร์ ทาใหก้ ารค้าท่ีเคยรุ่งเรือง ในสมยั จกั รวรรดโิ รมนั ต้องหยุดชะงกั กว่า 500 ปี
การฟื้นตัวของเศรษฐกจิ และสงั คมของยุโรป สว่ นหน่ึงเปน็ ผลจากสงครามครูเสด ท่ชี าวครสิ ต์รบ กบั ชาวมสุ ลมิ ในดนิ แดนตะวันออกกลาง และมีโอกาสนาเอา ความรู้ ความเจรญิ และ ศิลปะวิทยาการ ของโลกตะวนั ออก กลบั มาเผยแพรใ่ ห้แก่โลกตะวันตกส่วนสินคา้ ท่ีโลกตะวนั ตก ตอ้ งการ ไดแ้ ก่ เครอื่ งเทศ นา้ ตาล ขา้ ว สม้ มะนาว พรกิ ไทย ผ้าไหม และพรม โดยมพี อ่ ค้าชาวอิตาลีเปน็ คนกลาง พ่อค้า อติ าลีซ่งึ เปน็ ที่รู้จักกนั ดีได้แก่ มาร์โก โปโล (Marco Polo) ชาวเวนิส ได้เดินทางไปค้าขาย จนถงึ เมอื งจีน
เศรษฐกจิ สมยั ใหม่ ในครสิ ต์ศตวรรษที่ 16 เม่อื ยุโรปเข้าสู่สมัยใหม่ การค้าขายทางทะเลในดินแดนไกลโพ้น มคี วาม เจรญิ รุง่ เรืองมาก มีการสารวจทางทะเลเพ่ือแสวงหาเสน้ ทางเดนิ เรือและคน้ พบดนิ แดนใหมๆ่ ทั้งในทวปี อเมรกิ า เอเชยี และแอฟรกิ า ทาใหช้ าตใิ นยโุ รปเกดิ พัฒนาการทางดา้ นเศรษฐกจิ ในรปู แบบ ตา่ งๆ
ระบบเศรษฐกจิ แบบพาณชิ ยนยิ ม รฐั บาลของกษตั รยิ จ์ ะเข้าไปควบคมุ การ ผลติ สินค้าและการค้าขายทัง้ ภายในประเทศและ กับต่างประเทศ เพ่ือนารายได้เข้าสู่ทอ้ งพระคลงั ให้มากทสี่ ุด เนน้ การสง่ ออกและกดี กันการนาเข้า สนิ ค้าจากต่างประเทศ ส่งเสรมิ การแสวงหาอาณา นคิ มเพือ่ เปน็ แหล่งวตั ถุดิบและตลาดระบายสินค้า ทงั้ น้ี เกดิ จากความเช่ือว่าจะทาให้รฐั เข้มแข็ง และ มน่ั คง
ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยม ในตอนปลายคริสตศ์ ตวรรษท่ี 18 เกดิ แนวความคิด การคา้ แบบเสรี (Free Trade) โดยสนับสนนุ ใหเ้ อกชน เปน็ ผู้ ประกอบธรุ กจิ การคา้ ทัง้ ในดา้ นอุตสาหกรรมและการเงนิ โดย รัฐไม่เขา้ ไปแทรกแซง แตค่ วรปลอ่ ยใหน้ ายทุนแขง่ ขันกนั อยา่ ง เสรี ซ่ึงจะนาความมง่ั คัง่ มาสรู่ ัฐได้เชน่ กัน
ระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม มีการยกเลิกกรรมสิทธิ์ทรพั ยส์ นิ ส่วนบุคคล เชน่ ท่ดี ิน โรงงาน ฯลฯ แตร่ ัฐจะเขา้ ควบคมุ และดาเนินการในระบบ เศรษฐกจิ เองทง้ั หมด โดยใหม้ ีการบรหิ ารการผลติ โดยชนชน้ั แรงงาน ทงั้ น้เี พอื่ สร้างระบบเศรษฐกิจทม่ี ี ความเสมอภาคและ เกิดความเป็นธรรมในสงั คม
พฒั นาการด้านเศรษฐกิจทวปี ยุโรป สมัยกลาง • เศรษฐกจิ แบบแมเนอร์ สง่ ผลให้การค้าหยุดชะงักเปน็ เวลานาน • สงครามครเู สด สง่ ผลใหเ้ ศรษฐกจิ ยโุ รปฟื้นตัวอีกครงั้ สมัยใหม่ • เศรษฐกจิ แบบพาณิชยนยิ ม รัฐเปน็ เจา้ ของกิจการท้งั หมด • เศรษฐกจิ แบบทุนนิยม สง่ เสริมเอกชนให้เป็นเจ้าของกจิ การ • เศรษฐกิจแบบสังคมนิยม สรา้ งความเสมอภาคและความเปน็ ธรรม
พฒั นาการด้านสงั คมและ ศลิ ปวฒั นธรรมทวีปยุโรป
สงั คมของยโุ รปในสมัยกลาง ยโุ รปยคุ กลาง เป็นการปกครองในระบบขนุ นาง หรอื ที่เรยี กว่า ระบบ ฟิวดลั หรอื อาจเรยี กอีกชอ่ื วา่ ระบบศักดินาสวามภิ กั ด์ิ หมายถงึ ความสมั พันธ์ ระหว่างเจ้านาย lord กับ ข้า ในเรือ่ งเก่ียวกับ การหาผลประโยชน์ของท่ีดนิ เรม่ิ จากกษัตริย์มอบที่ดนิ ใหข้ นุ นาง เพ่ือตอบแทนความดีความชอบ ขนุ นางทา หนา้ ที่ปกครองผูค้ นทอี่ าศัยอยู่ในท่ีดิน และมีพนั ธะตอ่ กษัตรยิ ์โดยสง่ คนไปช่วยรบ
ผ้คู นในสังคมประกอบดว้ ย 3 ชนช้ัน ฐานันดรที่ 1 ฐานันดรที่ 2 ฐานันดรที่ 3 คอื พระราชวงศแ์ ละขนุ นาง คอื พระหรอื บาทหลวงใน คอื ราษฎรสามัญชน ชาวนา คริสตศ์ าสนา เสรี และทาสตดิ ทีด่ นิ
กาเนดิ ชนชั้นกลาง คริสต์ศตวรรษที่ 11 มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการ เตบิ โตของเมอื ง ทาใหเ้ กดิ ชนชนั้ ใหมข่ ึ้นเรียกว่า “ชนช้ันกลาง” หรอื ชน ช้นั กระฎุมพี - ชนช้ันกลางประกอบดว้ ยพ่อคา้ นายทนุ ช่างฝมี ือ นักปราชญ์ แพทย์ - ชนชั้นกลางเหล่านไี้ ดร้ ว่ มกันวางรากฐานความเจริญให้แก่สังคมยโุ รป และปลกู ฝงั อดุ มการณ์ และวธิ ีการปฏบิ ัติในการอยู่ร่วมกนั - ชนชนั้ กลางใหค้ วามสาคญั แก่สิทธิ เสรภี าพ และความเสมอภาค ปัจเจกบคุ คล ซึง่ เป็นพื้นฐานสาคญั ทท่ี าใหส้ ังคมยุโรป สามารถ พฒั นาการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย
สงั คมยุโรปในปัจจุบันเปน็ สงั คมเมือง เปน็ ผลมาจากการปฏิวตั ิอตุ สาหกรรมทาให้มีผู้คนจากชนบท อพยพเขา้ มาทางานในเมือง ซึง่ ปรากฏเดน่ ชัดตัง้ แต่ตอนกลาง ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19 เป็นต้นมา ประชากรขององั กฤษและประเทศทม่ี ีความกา้ วหน้าทาง อุตสาหกรรมมากกวา่ คร่ึงหนง่ึ ของประชากรทั้งประเทศอาศัยอยูใ่ น เขตเมอื งและสว่ นใหญ่เปน็ ชนชนั้ กลาง
ศลิ ปวฒั นธรรม สิ่งท่มี ีอิทธพิ ลตอ่ การสร้างสรรค์ผลงานดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมของชน ชาติยโุ รปที่สาคญั มี 2 ประการ คอื อารยธรรมกรีก-โรมันกับครสิ ตศ์ าสนา ซง่ึ เป็นรากฐานของวัฒนธรรมตะวนั ตกใน ศิลปยุคกรกี ศลิ ปยุคโรมัน
อารยธรรมกรีก ความเช่ือทางศาสนา ชาวกรกี งานสถาปตั ยกรรม ไดแ้ ก่ งานวรรณกรรม ได้แก่ อเี ลยี ด นบั ถือเทพเจ้าหลายองค์ วิหารพารเ์ ธนอน หวั เสาแบบด และโอเดสซี ของกวีโฮเมอร์ โดยใหค้ วามสาคญั กับธรรมชาติ อรกิ ไอออนิก,คอรินเธียน และยกย่องให้เป็นเทพเจา้ รูปป้ันจาลองกวีโฮเมอร์ วหิ ารพาร์เธนอน รปู ป้ันจาลองทพเจ้าซุส
อารยธรรมโรมัน งานสถาปตั ยกรรม ลกั ษณะเด่น คอื อาคาร งานวรรณกรรม ผลงานท่มี ีช่ือเสยี ง สิ่งก่อสรา้ งมีขนาดใหญ่ เพอ่ื รองรบั คนจานวนมาก ไดแ้ ก่ “อเี นยี ด”ของกวีช่ือ เวอร์จิล หลงั คาเป็นแบบโค้งครึ่งวงกลมหรือโดม และรู้จกั เป็นมหากาพยส์ ดุดคี วามยง่ิ ใหญ่ของชนชาติ ใชค้ อนกรีต เชน่ สนามกฬี าคอลอสเซียม โรมันและความ เปน็ มาของกรงุ โรม
ศิลปะยคุ แห่งศรทั ธา เกิดจากอทิ ธิพลของคริสตศ์ าสนาซ่ึงพลังทแ่ี ตง่ เตมิ ใหศ้ ิลปวัฒนธรรมของยโุ รปบรรลุความงาม และความสมบูรณ์แบบ ทัง้ มกี ารสรา้ งมหาวหิ ารดว้ ยศิลปะแบบกอทกิ ในระหวา่ ง ค.ศ. 1100 - 1300 มีจานวนมากกว่า 500 แห่ง ผลงานของศิลปะกอทกิ จะปรากฏในงาน สถาปตั ยกรรม ส่วนใหญ่เปน็ วิหารในครสิ ต์ศาสนา มีลกั ษณะสงู เพรยี ว โปร่ง หลังคา ทรงสงู กอ่ สร้าง เป็นโคง้ แหลม ประตูมลี ักษณะโคง้ หน้าต่างใช้ กระจก สีประดิษฐ์ ลวดลายสวยงาม เช่น วิหาร โนตรดาม (Notre Dame) กรุงปารีส ประเทศ ฝร่ังเศส และวิหาร ออร์เวยี ตโต (Orvieto) เมืองเตร์นี (Terni) ประเทศอิตาลี เป็นต้น
ศลิ ปะยคุ ฟ้นื ฟศู ลิ ปวิทยาการ ศลิ ปะยุคฟ้นื ฟศู ิลปวทิ ยาการ(Renaissances)เรมิ่ ตน้ ในอติ าลี ในกลางคริสตศ์ ตวรรษที่ 14 ยโุ รปสามารถฟน้ื ฟูการศึกษาและผลงานสร้างสรรค์ ทางด้าน วจิ ิตรศลิ ปข์ องกรกี -โรมันขึน้ มาใหม่
ดา้ นสถาปตั ยกรรม ได้แก่ วิหารเซนต์ ปีเตอร์ ณ นครวาติกนั กรุงโรม ประเทศอิตาลี มรี ูปแบบอาคารของกรกี และโรมัน เชน่ ใชเ้ สาขนาดใหญ่ หลังคาโคง้ หรือหลงั คารปู โดม
ด้านประตมิ ากรรม ไดแ้ ก่ รูปสลกั หนิ อ่อนเดวิด (David) ของศลิ ปินท่ชี ื่อ ไมเคลิ แอนเจโล (Michelangelo) แสดงสัดสว่ นสรรี ะรา่ งกาย ของมนุษยเ์ หมือนอย่างกรีก-โรมัน
ด้านจิตตกรรม นิยมเขยี นภาพวาดเหมือนจริง เน้นอริ ยิ าบถ การเคลอ่ื นไหวและสะทอ้ นอารมณ์และความรู้สกึ ของมนษุ ย์ ตามความเปน็ จรงิ มีการใชส้ ี และเงาให้เกิดแสงสว่าง เกดิ ความตน้ื ลกึ ของภาพท่ีเรียกว่า “เปอรส์ เปคตฟี ” (Perspective) ผลงานที่มีชอื่ เสยี ง คือ ภาพโมนาลซิ า (Mona Lisa) ของศลิ ปนิ ชอ่ื ลิโอนารโ์ ด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) ชาวอิตาลี เป็นต้น
Search