สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน ประกอบรายวิชา ว32101 เทคโนโลยี 2 ครูผู้สอน ครู รัชชนก วงศ์เขียว
คานา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทาข้ึนเพื่อใช้ ประกอบการเรียนวิชา ว32101 เทคโนโลยี 2 ซ่ึง เนอ้ื หาประกอบดว้ ย ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ และดอกไม้ ในโรงเรยี น ผู้จัดทาหวังว่าเน้ือหาในหนังสือเล่มนี้จะเป็น ประโยชน์ใหก้ บั ผู้ศกึ ษาไดเ้ ป็นอยา่ งดี น.ส. ณัฐณชิ า เสยี งดงั น.ส. อมลรดา ลาภโต ผ้จู ัดทา
ดอกปีบ ปีบ หรอื กาสะลอง ในภาษาไทยถน่ิ เหนอื ชือ่ พืน้ เมอื งอืน่ คือ เต็กตองโพ่ (กะเหรี่ยง กาญจนบรุ )ี ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงใหญ่ ลาต้นตรง ทรงพุ่มโปร่ง สวย ใบประกอบแบบขนนก 2-3 ชั้น เรียงตรงข้าม ใบยอ่ ยรปู ไข่แกม ใบหอก ขอบใบหยักห่าง ๆ มีเปลือกหนาสีเทาเข้มแตกเป็นร่องลึก ไม่ เป็นระเบียบ และมีเน้ือหยุ่นคล้ายจุกไม้ก๊อก มีช่องอากาศ เน้ือไม้ใช้ทา เคร่ืองเรือน รากเกิดเป็นหน่อ เจริญเป็นต้นใหม่ได้ ทนแล้ง ไม่ทนน้า ทว่ มขงั
ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ปีบ ประโยชน์ นามาเป็นชาไว้ ชงด่ืมเหมือนชาหรือชาเขียวก็ได้ โดยนาดอกปีบมาตากแห้งแล้ว นามาชงใส่น้าร้อนด่ืมเป็นชา เปลือกของต้นปีบ สามารถ นามาใช้แทนไม้ก๊อกสาหรับทา จุกขวดได้ สรรพคุณทางยาของปีบ ช่วยขยาย หลอดลม รักษาหืด บารุงโลหิต เพ่ิมการหลั่งน้าดี สูบแก้ริดสีดวง จมกู ไซนสั อกั เสบ ดอกใส่ปนกับยา ไ ท ย ม้ ว น สู บ ท า ใ ห้ ป า ก หอม ราก รสเฝื่อน บารุงปอด แก้ วัณโรคและโรคปอดพิการ แก้ไอ แก้เหนื่อยหอบ เปลือก แก้ไอ ขับ เสมหะ ใบ ใช้มวนบุหร่ีสูบแทน ฝ่ิน ขยายหลอดลม ใช้รักษาอาการ หอบ
ดอกดาหลา ชอ่ื สมนุ ไพร ดาหลา ชอ่ื อืน่ ๆ กาหลา , กะลา , กาลา , จนิ ตะหลา , ข่าน้า , หนอ่ กะลา (ทว่ั ไป) , ปดุ , ปุดกะลา(ภาคใต้) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ดาหลาเป็นพืชทีม่ ลี ักษณะคลา้ ยข่า มีลาตน้ ใต้ดนิ เรียกว่าเหงา้ (rhizome) เหง่านจ้ี ะเป็นบรเิ วณทเี่ กดิ ของหนอ่ ดอกและหนอ่ ต้น ดา หลา 1 ตน้ สามารถใหห้ น่อใหมไ่ ด้ประมาณ 7 หนอ่ ในเวลา 1 ปี สว่ นลาตน้ เหนอื ดนิ เป็นกาบใบทีโ่ อบซ้อนกันแน่น เชน่ เดียวกับพวก กล้วย มีสีเขยี วเขม้
ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ดาหลา ประโยชน์ หนอ่ อ่อนและดอกตูม จะมรี สเผด็ เลก็ น้อย นามาต้มรับประทานกบั น้าพริก หรอื ใชท้ าแกงเผ็ด แกง กะทิ ยาตา่ งๆ นากลบี ดอกดาหลามาตม้ แลว้ ชงเป็นเครือ่ งดืม่ ปลูก เป็นไม้ดอกไม้ประดบั ตามอาคารสถานท่ี บา้ นเรือน สรรพคณุ ทางยา ดอก แกโ้ รคผวิ หนัง แก้เลอื ดออก ตามไรฟัน หัว , เหงา้ ใชต้ ม้ กินอาบ แกโ้ รคประดง ผน่ื คนั ตาม ผวิ หนัง ตน้ , หนอ่ ออ่ น มีรสเผด็ ซ่า ช่วยบารงุ เตโชธาตุ แก้ เสมหะในลาคอ
ดอกโมก ช่อื ท้องถิน่ อืน่ ๆว่า หลกั ป่า (ระยอง), โมกซ้อน โมกลา โมก บ้าน (ภาคกลาง), โมก โมกบา้ น โมกดอกหอม โมกกอ (ไทย), ปดิ จงวา (เขมร-สุรินทร์) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พมุ่ มีนา้ ยางสขี าวข่นุ ใบเด่ยี วสเี ขยี ว การเรยี งใบ บนกิ่งเปน็ แบบตรงขา้ ม ดอกช่อกระจุกแยกแขนง กลีบดอกโคน เช่อื มติดกนั เป็นรปู ดอกเข็ม เป็นหลอดเรียวยาวสมี ีกลน่ิ หอม ผล ออ่ นสีเขียวเขม้ ผลแก่สีน้าตาล รปู ร่างเรียวยาวปลายแหลมโคง้ เขา้ หารปู รา่ งเมล็ดคลา้ ยเมลด็ ถั่ว
ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ โมก ประโยชน์ของโมกบา้ น ใชป้ ลกู เป็นไมป้ ระดบั ทวั่ ไป ดอก หอม นิยมปลูกไวป้ ระดับสวน ปลูกลงในกระถางเปน็ ไม้แคระ หรอื บอนไซ หรอื ปลกู เปน็ แถว ๆ เพอื่ บังสายตา ทนร่มไดด้ ี และ สามารถตดั แต่งใหเ้ ป็นรปู ทรงท่ี สวยงาม สรรพคณุ ของโมกบา้ นเปลือกเป็น ยาช่วยทาให้เจรญิ อาหาร ยางจาก ตน้ ใช้เปน็ ยาแก้โรคบดิ ทมี่ อี าการ เลือดออก ดอกเปน็ ยาระบาย เปลือกช่วยรกั ษาโรคไต ใบใชข้ ับ น้าเหลอื ง ยางใช้เป็นยาแก้พษิ งู และแมลงกดั ต่อย รากใช้ปรงุ เป็นยารกั ษาโรคผิวหนงั จาพวก โรคเรื้อนและคุดทะราด
ดอกพวงชมพู ชอ่ื อน่ื ๆ: ชมพูพวง พวงนาค (กลาง) หงอนนาค (ปตั ตาน)ี ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไม้เลื้อยดอกสีชมพหู รอื ขาวมถี ิน่ กาเนิดในประเทศ เมก็ ซโิ ก จดั เปน็ พืชรกุ รานในฟลอรดิ า ใบเป็นรูปหวั ใจหรือ สามเหลีย่ ม ดอกเปน็ ดอกช่อ สรา้ งหวั ใต้ดนิ และมไี หลขนาดใหญ่ ขยายพนั ธ์ุดว้ ยเมล็ด เมล็ดลอยน้าได้ แพรก่ ระจายไปกบั สตั ว์ทีก่ นิ เปน็ อาหาร เชน่ หมู แรคคนู และนก
ประโยชนแ์ ละสรรพคุณของพวงชมพู ประโยชน์ของพวงชมพู ยอดออ่ นและช่อดอกอ่อน นามา ลวกให้สุกเพ่ือใช้รับประทานเป็นผักจิ้มหรือชุบแป้งทอด เหมาะ แก่การนามาปลูกลงในกระถางต้ังที่มีหลักสาหรับเกาะยึดเลื้อยขึ้น ไป ปลูกลงในกระถางแขวนให้ห้อยลง หรือใช้ปลูกคลุมซุ้มท่ีน่ัง เพ่อื ใหร้ ่มเงา สรรพคุณ : เป็นยากล่อมประสาท ทาใหน้ อนหลับ วิธี และปรมิ าณท่ใี ช้ : ใช้เถา 1 กามอื หรือราก 1/2 กามือ ต้มกับ นา้ 4 ถ้วยแก้ว ตม้ ให้เหลือ 2 ถ้วยแก้ว รบั ประทานครั้งละ 3 ชอ้ นแกง ก่อนนอน
ดอกลลี าวดี ช่ือพ้นื เมอื ง รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันในชอื่ ลลี าวดี โดย บางแหลง่ งดใชช้ ื่อ ล่นั ทม ตามความเชอ่ื บางแหล่งรูจ้ ักกนั ในชอื่ จาปา หรือรูจ้ กั ในชื่อ จาปาลาว และจาปาขอม ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ สกลุ Plumeria มีมากกวา่ 21 ชนิด เทา่ ที่ตรวจพบ สายพันธP์ุ lumeria หลายสายพนั ธุจ์ ะมยี าง คลา้ ยกบั สายพันธ์ุ อ่ืนๆ ในวงศ์ตนี เปด็ Apocynaceae ซึ่งประกอบไปดว้ ยสารพษิ และทาให้ระคายเคอื งต่อตาและผวิ หนงั ในหลายสายพนั ธุ์มีลกั ษณะ ของใบและการเรยี งตวั ของเนอ้ื เยื่อใบทแ่ี ตกต่างกัน ซ่ึงมีต้นกาเนิดจาก อเมรกิ ากลาง
ประโยชนแ์ ละสรรพคุณลลี าวดี ประโยชน์จากลีลาวดี ใช้ในการจัดสวน ตกแตง่ ภมู ิทศั น์ พนั ธท์ุ คี่ รองความนยิ มอยคู่ อื “พันธ์ุขาวพวง” ที่เปน็ พนั ธุด์ ้ังเดมิ ที่สง่ กลิ่นหอมเฉพาะตวั ท้ังยังสามารถออกดอกตลอดปี สรรพคณุ ตน้ ใช้ปรงุ เปน็ ยารกั ษาโรคลาไส้พิการของม้า ใบแหง้ ชงด่ืมรักษาโรคหอบหืด เปลอื กราก เป็นยารักษาโรคหนองใน ยาถา่ ย แกโ้ รคไขข้ออกั เสบ เปลอื กต้น ต้มเปน็ ยาถา่ ย ขับระดู แก้ไข้ ดอก ใช้ทาธูป ใช้ผสมกับพลูเป็นยาแกไ้ ข้
ดอกชบา ชื่ออื่นๆ/ช่ือท้องถ่ิน ดอกผ้า (ไทใหญ่) - ดอกใหม่, ใหม่แดง, ใหม่ (เหนือ), ชมุ บา, ชบาขาว,ชุมมา (ปตั ตาน)ี , บา, ชะมา (ใต)้ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้พุ่มขนาดย่อม อยู่ในจาพวกพู่ระหง เป็นพรรณ ไม้เนอื้ ออ่ น เปน็ ใบเดีย่ วสีเขียวรูปใบมนปลายใบแหลม ริมใบจะเป็น จักใหญ่ ดอกเด่ียวอยู่ระหว่างใบ และมีกลีบอยู่ 5กลีบ ดอกมีอยู่ หลายสีคือ แดง ขาว และเหลือง ตรงปลายดอกจะมนและกลมก้าน เกสรยาว และจะยืน่ ออกมาพน้ จากกลางดอก
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ ช่วยฟอกโลหิต บารงุ จติ ใจให้แช่มชืน่ บารงุ ผิวพรรณ ชว่ ยรักษาและบรรเทาโรคเกีย่ วกับไต และโดยเฉพาะโรคเกย่ี วกับ ระบบสืบพนั ธ์ขุ องผหู้ ญงิ เชน่ เสยี เลือดประจาเดอื นมากเกนิ ไป ประจาเดือนมาไมส่ มา่ เสมอ รวมทงั้ ปญั หาเร่อื งระดูขาว เปลือกต้น ชบาใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกดิ จากเช้อื รา ใบชบาใช้แกแ้ ผลไฟไหม้น้า รอ้ นลวก บารุงผม
ผู้จดั ทา น.ส.ณัฐณชิ า เสียงดัง เลขที่ 15 ชั้น ม.5/2 E – mail :[email protected] น.ส.อมลรดา ลาภโต เลขท่ี 24 ชนั้ ม.5/2 E – mail :[email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: