คำนำ นวัตกรรม ค่าว ซอ เสริมความรู้สุขภาวะ จัดทาขึ้นเพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ค่าว จ๊อย ซอ พ้ืนเมือง สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ซ่ึงค่าว จ๊อย ซอ เป็น ศิลปวัฒนธรรมล้านนาท่ีสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ อีกท้ังในนวัตกรรมนี้ ส่งเสริมให้ นักเรียนได้ฝึกทักษะในด้านการอ่านและทักษะการเขียน มีทักษะในด้านการใช้ถ้อยคา ภาษา ในการแต่งคาประพันธ์ สอดคล้องตามหลักสูตรแกนกลางสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ในแบบฝึกทักษะแต่ละแบบฝึกผู้ศึกษาได้จัดทาให้เหมาะสมกับระดับความรู้ วัย ของผู้เรียน เป็นการฝึกทักษะจากระดับท่ีง่าย ไปสู่ระดับที่ยากขึ้นเพ่ือให้นักเรียนมี พัฒนาการในการเรียนรู้ท่ีดีข้ึน และสามารถเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างง่าย ประกอบกับ รูปภาพท่ีสวยงาม สามารถดึงดูดให้นักเรียนเกิดการเรยี นรู้ ซึ่งในนวัตกรรมนี้ประกอบไป ด้วยเนอื้ หาท่เี ก่ียวขอ้ งกับ ค่าว ซอ พ้นื เมืองและเน้อื หาบทอา่ นเสริมความรู้เรื่องสุขภาวะ ตามโครงการพัฒนานวัตกรรมส่งเสริมความรอบรู้เรื่องสุขภาวะผ่านการพัฒนาการอ่าน ออกเขียนได้ โดยรับสนับสนุนงบประมาณจากสานักงานกองทุนสนับสนนุ การสร้างเสริม สขุ ภาพ โดยจดั ทาทัง้ หมด ๑ ชดุ ประกอบไปดว้ ย ๓ เล่ม ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่านวัตกรรมชุดน้ีจะให้ความรู้กับนักเรียนและ ผู้สนใจการเรียนรู้ ค่าว ซอ พื้นเมืองเบื้องต้น และบทอ่านเสริมสุขภาวะ สามารถนาไป ประยุกต์ใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนได้ คณะผูจ้ ัดทา
สำรบัญ หนำ้ เร่อื ง ๑ คานา ๑๐ สารบญั ๒๒ เรยี นรู้กจิ กรรมที่ ๑ จ๊อย ซอ ภูมผิ ญำ๋ ทท่ี รงคณุ คำ่ แห่งลำ้ นนำ ๓๓ ๔๒ * บทอา่ น จอ๊ ยภมู ปิ ญั ญาทท่ี รงคณุ คา่ ๔๓ เรียนรู้กิจกรรมที่ ๒ วงป่จี ุม วงดนตรีคูก่ ำรจอ๊ ยซอ * บทอา่ น ชา่ งซอมอื ใหม่ เรียนรู้กจิ กรรมท่ี ๓ ประวตั คิ วำมเปน็ มำ จอ๊ ย คำ่ ว ซอ * บทอ่าน เจย้ี ก้อมล้านนา เรยี นรูก้ ิจกรรมท่ี ๔ คำศพั ทน์ ำ่ รูเ้ กีย่ วกับซอ * บทอ่าน ดบั รอ้ นดว้ ยใบเตย บรรณานุกรม คณะผู้จัดทา
เรียนรู้กิจกรรมท่ี ๑ จ๊อย ซอ ภมู ิผญ๋ำท่ที รงคณุ คำ่ แห่งล้ำนนำ คำ่ ว จอ๊ ย ซอ คอื อะไร ค่าว จ๊อย ซอ เกิดจากการคิดค้น ความคิด สติปัญญาของผู้คนในอดีตที่อาศัยอยู่ ตามชนบทสิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันนิยมเรียกกันว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือในภาษาถิ่นตรง กับคาว่า “ภูมิผญ๋า” ภูมิปัญญาเป็นเร่ืองที่สั่งสมมาแต่อดีต เป็นเรื่องของการจัด ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติส่ิงแวดล้อม คนกับสิ่งเหนือธรรมชาติ โดยผ่านกระบวนการทางจารีตประเพณี วิถีชีวิต การทามาหากินและพิธีกรรมต่าง ๆ ภูมิผญ๋า หรือ ประหยา เป็นความรู้ท่ีได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ มักแสดงออกเป็นคาพูดโต้ตอบกันเช่น การแอ่วสาว การถ้องซอ(การโต้ตอบกันระหว่าง ชา่ งซอชาย หญงิ ) ค่าว จอ๊ ย หรือเปน็ คาสอนทป่ี ฏบิ ตั ิตามกนั มาตง้ั แต่บรรพบรุ ษุ อ้างอิงจาก http://ich.culture.go.th คำ่ ว จ๊อย ซอ แตกต่ำงกันอย่ำงไร ค่ำว เป็นคาประพันธ์ท่ีมีแบบแผนของชาวล้านนามีฉันทลักษณ์ท่ีระบุ จานวนคาในวรรค และสัมผัสระหว่างวรรค สรุปเป็นคากล่าวสั้นๆ “สามตัวเหลียว เจ็ด ตวั เตยี ว บาทหลัง บาทหน้า” จ๊อย เป็นวิธีขับลานาโดยใช้คา่ ว เป็นเน้ือหาหลักบางทเี รยี กว่า จ๊อยค่าว วิธี ขับจอ๊ ยมักจะดาเนนิ ทว่ งทานองไปอยา่ งช้าๆ มีการเอ้ือน อาจมเี ครื่องดนตรี บรรเลงคลอ ประกอบหรือไม่ก็ได้ ลีลาและทานองจ๊อยท่ีนิยมใช้ ได้แก่ โก่งเฮียวบ่ง ม้าย่าไฟ และ ทานองวิงวอน ซอ เป็นเพลงพ้ืนบ้านที่ใช้ค่าวเป็นเนื้อหาหลักแต่ฉันทลักษณ์ของค่าวจะ เปล่ียนแปลงไปตามทานองอาจสั้นลงหรือยาวขึ้นและมีการบังคับวรรณยุกต์แตกต่างกัน ไป
บทอ่ำนเสรมิ ควำมรสู้ ุขภำวะ จ๊อย ภมู ปิ ญั ญำทท่ี รงคุณค่ำ “ส้มป่อย ต่ืนไดแ้ ล้วลกู สายละ วนั น้ลี กู จะไปเข้าค่าย สบื สานภูมิปัญญาลา้ นนา ท่ใี นเชยี งใหมไ่ มใ่ ชห่ รอเดียวไม่ทนั นะ” แม่สม้ ปอ่ ยตะโกนเรยี ก “ครับแม่”พอได้ยินเสียงแม่ส้มป่อยก็รีบไปอาบน้าแต่งตัว แล้วมารับประทาน อาหารเช้ากับแม่ส่วนพ่อของส้มป่อยน้ันไปทางานต้งั แตเ่ ชา้ ตร่แู ล้ว ส้มป่อยเป็นเด็กกะเหรี่ยง ที่ขยัน และเป็นคนช่างสังเกตอยากรู้อยากเห็นในทุก เร่ือง และมีสิ่งท่ีส้มป่อยชอบเป็นพิเศษคือ ทุกสิ่งทุกอย่างท่ีแสดงถึงวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ของคนเหนือ ส้มป่อยจะตั้งใจที่จะเรียนรู้เป็นพิเศษ เพราะเขาได้รับการซึมซับสิ่งพวกนี้ จากครอบครัวมาตั้งแตเ่ ดก็ ส้มป่อยต่ืนเต้นมากรีบทานข้าวแล้วรีบไปโรงเรียนทันที ส้มป่อยเป็นตัวแทน นักเรียนไปเข้าค่ายนี้ ซ่ึงค่ายน้ีจะจัดขึ้นให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละโรงเรียนได้มาเข้าค่าย เพือ่ รับความรใู้ นดา้ นภมู ิปญั ญาล้านนา พอมาถึงโรงเรียน ครูอานนท์ก็รอส้มป่อยอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเพราะถึงเวลาท่ี จะตอ้ งเดินทางไปในเมืองเชยี งใหม่ “ส้มป่อย รีบขนึ้ รถไดแ้ ล้วสายแลว้ เดยี วไม่ทนั ” คุณครอู านนท์เรียก “ครบั คุณครู”สม้ ป่อยตอบแล้วเดินไปข้นึ รถท่ีจอดรออยู่ ตลอดการเดินทางส้มป่อยได้เห็นป่าไม้ท่อี ุดมสมบูรณต์ ลอดทาง พร้อมเห็นวิถชี วี ิต ของคนแต่ละอาเภอ ไมว่ า่ จะเป็น การปลูกขา้ ว การประกอบอาชพี ต่างๆจนครูอานนท์ได้ ขบั รถมาถึงงานในเวลา ๐๘.๑๕ น. พอดี
“ประกาศค่ะ ขอให้ครูแต่ละโรงเรยี นให้พานกั เรียนมารายงานตัวที่จุดลงทะเบียน ดว้ ยนะคะ เพราะใกลจ้ ะถึงเวลาที่จะต้องเข้าร่วมกจิ กรรมแลว้ ค่ะ” พิธีกรในงานประกาศ เ มื่อได้ยินเสียงน้ันครูอานนท์จึงพาส้มป่อยไปรายงานตัวเพ่ือเข้าร่วมกิจกรรม ส้มป่อยตื่นเต้นมากในงานมีนิทรรศการต่างๆ เพื่อเผยแพร่ศิลปะ ภูมิปัญญาและ วัฒนธรรมของล้านนา ส้มป่อยก็เข้าไปในงานคนเดียวเพราะเจ้าหน้าที่ให้ครูไปอบรมท่ี ห้องประชุมอีกห้องหนึ่ง บนเวทีได้จัดกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างหลากหลาย ส้มป่อยรู้สึก สนใจเป็นอย่างมากจึงม่งุ ตรงไปท่ี หนา้ เวที เพราะใกล้จะถงึ พธิ เี ปดิ งานแลว้ “ต่อไปทุกท่านจะได้พบกับ การแสดงสาธิตจ๊อยพระคุณแม่ โดย แม่บัวซอน ถนอมบุญ ขอเสียงปรบมือหน่อยค่ะ”ส้มป่อย ก็มองไปท่ีบนเวทีทันที เพราะส้มป่อยเป็น คนชอบการจ๊อยของแม่ บัวซอนมาก ทันใดนั้นเสียงจ๊อยของแม่บัวซอนก็ดังข้ึน ส้มป่อย นั่งฟังจ๊อยพระคุณแม่ของบัวซอนจนจบอย่างต้ังใจ แม่บัวซอนเป็นศิลปินแห่งชาติในดา้ น ศิลปะการแสดงพ้ืนบ้านล้านนา สาขาการขับร้องจ๊อย ซอ ซึ่งพิธีกรได้พูดประวัติและ ผลงานให้ทกุ คนในงานฟังดว้ ย เมื่อแมบ่ ัวซอนลงจากเวทีส้มป่อยก็รบี ว่ิงไปหาแม่บัวซอน ทันทีเพราะอยากจะเรยี นร้เู ก่ียวกบั การจอ๊ ยของคนเชยี งใหม่ “แม่บัวซอนสวสั ดีครับ ผมชื่อส้มป่อยครับ”สม้ ป่อยกล่าวทักทายแม่บัวซอนพรอ้ ม ยกมอื ไหว้ “ไหว้พระเถอะหลาน มอี ะไรหรือจ๊ะ” แมบ่ วั ซอนถามแลว้ ยมิ้ ให้ “ผมอยากจะรูว้ ่าการจ๊อยฝกึ กนั ยากไหมครบั ”สม้ ป่อยถามแมบ่ วั ซอน “อ๋อ การจอ๊ ยฝึกกไ็ มย่ ากไม่ง่าย ของแบบน้มี นั ตอ้ งใช้ใจด้วย ถา้ ใจไมร่ กั ไม่ชอบฝึก ยงั ไงมันกไ็ มไ่ ดห้ รอกจะ่ ” แมบ่ ัวซอนตอบส้มปอ่ ย
“แล้วการจอ๊ ยน่ีคอื อะไรหรอครับผมยงั งงอยู่” สม้ ป่อยถามต่อดว้ ยความอยากรู้ “การจ๊อยเป็นวิธีขับลานาที่ดาเนินท่วงทานองไปอย่างช้าๆ มีการเอื้อน อาจมี เคร่ืองดนตรี บรรเลงคลอประกอบหรือไม่ก็ได้ ลีลาและทานองจ๊อยที่นิยมใช้ ได้แก่ โก่ง เฮียวบ่ง ม้าย่าไฟ และทานองวิงวอนจ่ะ และการจ๊อยยังได้ส่ือถึงนิสัยใจคอของคนเหนือ ดว้ ยนะจะ๊ ว่าเป็นคนใจเยน็ จ่ะ”แมบ่ วั ซอนอธิบาย “ผมเข้าใจแล้วครับ แล้วจ๊อยปัจจุบันนี้มีคนนาไปร้องหรือแสดงเยอะไหมครับ” ส้มป่อยถาม “ไม่ค่อยมีแล้วลูก เพราะปัจจุบันนี้การจ๊อยขาดการสืบทอดจากคนรุ่นหลัง วัยรุ่น ก็หันไปชอบร้องเพลงสตริงกัน ถ้ามีก็มีส่วนน้อยจ่ะ อีกอย่างการจ๊อยมันยาก ต้องใช้ อารมณ์และน้าเสียงนุ่มนวลในการถ่ายทอดและต้องมีใจรักจริงๆถึงจะฝึกได้ แล้วหนูมา ถามแมน่ ่หี นูสนใจหรอลกู ” แม่บัวซอนถาม “ครับ ผมสนใจมากครับ แม่บัวซอนช่วยสอนผมจ๊อยสักบทได้ไหมครับ” ส้มป่อย ตอบดว้ ยความมนั่ ใจ “ อ๋อ ไดจ้ ่ะลูกเดีย๋ วแม่จะสอนสักบทฝึกรอ้ งตามแม่นะ”แม่บัวซอนพดู ส้มป่อยก็ฝึกจ๊อยกับแม่บัวซอนอย่างสนุกสนาน ส้มป่อยคิดในใจว่าถึงแม้เยาวชน สมัยใหม่จะหันไปชอบเพลงสตริงหรือเพลงฝรั่งแต่ยังมีส้มป่อยหนึ่งคนที่ยังชอบในการ จอ๊ ยของคนเชียงใหม่ ยังรกั ถงึ ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ตลอดไป
อธิบำยเพ่มิ เตมิ ควำมรู้ ประวตั แิ ม่ครบู วั ซอน ถนอมบญุ ทีม่ า www.buason.com แมบ่ ัวซอน ถนอมบุญ ศลิ ปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง(การแสดงพน้ื บ้าน- การขับซอ) ซ่งึ ได้รับพระราชทานโลแ่ ละเขม็ เชดิ ชูเกียรติจากสมเดจ็ พระเทพ- รัตนราชสดุ าฯ เมอื่ วันท่ี ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๖ แม่บวั ซอน ถนอมบญุ เป็นชา่ งซอหญิงทไ่ี มเ่ ลอื กคซู่ อชาย มผี ลงานบันทกึ แผ่นเสยี งครัง้ แรก เพลงน้าตาเมยี หลวง เมอ่ื อายุ ๑๘ ปี เป็นการขับซอแบบดน้ สดไมม่ บี ท นอกจากนี้ยงั มีผลงานประพนั ธบ์ ทซอทมี่ เี นอ้ื หาสาระเป็นแก่นสารให้คณุ ประโยชน์แก่ สงั คม รปู แบบรอ้ ยกรองพื้นบา้ นท่งี ดงามดว้ ยถอ้ ยคาสานวนไพเราะกนิ ใจ พรอ้ มทั้งให้ ขอ้ คิดคตธิ รรมแกผ่ ู้ชมตลอด ทง้ั ยังเป็นผูม้ ีบทบาทสาคญั ในการสง่ เสรมิ การขับซอ และจ๊อยแบบดัง้ เดิม และได้คดิ คน้ วธิ กี ารขับซอตลอดจนทานองซอรปู แบบใหม่ให้คนรุ่น ใหม่ได้รจู้ ักวิธกี ารฟงั ซอได้อยา่ งเขา้ ใจฟงั งา่ ย เนน้ คาซอท่ีมสี าระให้ขอ้ คดิ คตธิ รรมคาสอน และสอดแทรกความบนั เทิงสนกุ สนาน
คำศัพท์ คำศพั ท์น่ำร้ใู นกิจกรรม กิจกรรม ควำมหมำย ถา่ ยทอด การท่ีผู้เรียนปฏบิ ัตอิ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เพอ่ื การเรยี นรู้ นทิ รรศการ นาเร่อื งไปเล่าตอ่ นุม่ นวล การจดั แสดงผลงานใหค้ นดู บรรเลง อ่อนหวาน, อ่อนโยน ประกาศ ทาเพลงด้วยเครอ่ื งดนตรีให้นา่ ฟัง พิธกี ร แจ้งให้ทราบ ภมู ิปญั ญา ผดู้ าเนนิ รายการ เยาวชน พืน้ ความรคู้ วามสามารถ ลานา คนรนุ่ หนมุ่ สาว วัฒนธรรม บทเพลง, บทกลอน วงิ วอน วิถชี วี ติ ของหมูค่ ณะนั้นๆ วิถีชีวติ ขอร้อง ศิลปนิ ทางดาเนินชีวิต สาขา ผู้มศี ลิ ปะในการแสดง สาธติ สว่ นยอ่ ย แสดงเป็นตัวอยา่ ง อำ่ นประโยค - ครนู า้ หวานสำธติ การทาขนมใหน้ กั เรยี นดู - ผู้คนในชนบทมีวิถีชวี ิตที่เรียบง่าย - โรงเรยี นจัดนิทรรศกำรแสดงผลงานนักเรยี น - ผูใ้ หญ่บา้ นประกำศใหล้ ูกบา้ นไปประชุม
แบบฝกึ หดั เสรมิ ทักษะ ภำษำไทย คำชแี้ จง จงโยงคำทมี่ ีควำมหมำยตรงกบั คำทก่ี ำหนดให้(๑๐คะแนน) (๑๐ คะแนน) ตวั อยำ่ ง สำธติ ผดู้ ำเนนิ รำยกำร แสดงเป็นตัวอยำ่ ง ๑. ขอรอ้ ง บทเพลง, บทกลอน พิธกี ร ๒. ลำนำ ๓. วิงวอน
๔. เยำวชน นำเรื่องไปเล่ำตอ่ ,บอกตอ่ ผมู้ ศี ิลปะในกำรแสดง ๕. ส่วนยอ่ ย ทำเพลงดว้ ยเครื่องดนตรใี หน้ ำ่ ฟัง ประกำศ คนรุ่นหนมุ่ สำว อ่อนหวำน, ออ่ นโยน ๖. แจ้งให้ทรำบ,แจ้งใหร้ ู้ ศิลปิน ๗. นมุ่ นวล ๘. บรรเลง ๙. ถ่ำยทอด ๑๐ . สำขำ
เรียนรกู้ จิ กรรมที่ ๒ วงป่จี ุม วงดนตรคี ่กู ำรจอ๊ ยซอ ป่ีจุมเป็นวงดนตรีท้องถ่ินล้านนาที่มีป่ีซึ่งเป็นเครื่องลมไม้ประเภทล้ินอิสระเป็น เครื่องดนตรีหลัก โดยปกติป่ีจุมสารับหนึ่งๆ จะทาจากไม้รวกลาเดียว และทาเป็นปี่ท่ีมี ขนาดและระดับเสียงต่างๆ กันส่ีเล่ม สี่ขนาด มีล้ินทาด้วยสาริดผนึกติดที่ปลายด้านหน่ึง ซ่ึงมีข้อตันมีรูน้ิวเจ็ดรูเรียงไปตามความยาวของลาป่ี ปี่มีขนาดต่างๆเรียงตามลาดับจาก ใหญ่ไปเล็ก ดังน้ี ป่ีแม่ มีความยาวระหว่าง ๗๐ - ๘๐ เซนติเมตร ปี่กลาง มีความยาว ประมาณ ๖๐ - ๖๕ เซนติเมตร ป่ีก้อย มีความยาวระหว่าง ๔๕ - ๕๕ เซนติเมตร และป่ี ตัด (บางคนเรียกป่ีเล็ก) มีความยาว ๓๕ - ๔๐ เซนติเมตร วงดนตรีที่ใช้ปี่ท้ังส่ีเล่มมีชื่อ เรียกว่า ป่ีจุมส่ี ถ้าใช้เพียงสามเล่ม เรียกว่า ปี่จุมสาม บางวงใช้ปี่สามเล่มและมีซึงขนาด ใหญ่รว่ มวงด้วย ๑ คนั ก็ยงั คงเรยี กชือ่ วงว่า ปีจ่ มุ สี่ ถ้าเรยี กโดยไม่ตอ้ งการระบจุ านวนนัก ดนตรจี ะเรยี กสนั้ ๆ ว่าปจี่ ุม สว่ นนักดนตรที ่ีเล่นปจ่ี ุม เรยี กว่า ช่างปี่ กำรใช้ปี่จมุ การใช้ปี่ขนาดต่างกันบรรเลงร่วมกันสี่เล่ม ทาให้เสียงของปี่จุมสี่ครอบคลุมพิสัย ของเสียงมากกว่าสองทบของคู่แปด โดยเสียงของปี่ก้อยจะสูงกว่าปี่แม่เป็นคู่แปด ส่วนป่ี กลางจะมีระดับเสียงคาบเกี่ยวระหว่างคร่ึงบนของป่ีแม่กับครึ่งล่างของป่ีก้อย และป่ีตัด จะมีเสียงสูงเป็นคู่แปดของป่ีกลาง ระบบเสียงเช่นนี้ ทาให้การบรรเลงป่ีจุมส่ีมีเสียงซ้อน กันเป็นคู่แปดตลอดเวลา และบางช่วงมีเสียงเดียวกันเพิ่มเข้ามาอีกแนวหนึ่งด้วย เสียง เหลา่ นี้ เป็นลกั ษณะของดนตรีท่แี พร่หลายในเอเชียรวมทั้งในประเทศไทยด้วย
บทบำทของปจ่ี ุม บทบาทหลักที่มีมาแต่ด้ังเดิมของปี่จุม คือ บรรเลงร่วมกับการขับซอซ่ึงเป็นเพลง พื้นบา้ นลา้ นนาท่ีเก่าแก่กวา่ ๕ ศตวรรษ โดยการขบั ซอที่ใช้ปี่จมุ บรรเลงร่วมดว้ ยนัน้ เปน็ แบบแผนของเชยี งใหม่และจังหวดั ใกล้เคยี งซง่ึ อยู่ค่อนไปทางตะวนั ตกของดินแดนลา้ นนา ชดุ ทานองทส่ี าคัญท่ีสดุ ของซอตามแบบแผนนม้ี ชี อื่ ว่า ซอต้งั เชียงใหม่ แหล่งท่ีมกี ารขบั ซอ ตามแบบแผนเชียงใหม่ คือแหล่งที่มีช่างปี่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงมีช่างปี่ต้ังแต่รุ่นอาวุโสอายุเกินหกสิบปี จนถึงเยาวชนในสถานศึกษา นอกจากนี้มีใน จังหวัดลาพูน จังหวัดเชียงราย จังหวัดลาปางและจังหวัดแพร่ ส่วนทางตะวันออกซึ่งมี จังหวัดน่านเป็นเมืองสาคัญน้ันมีการขับซอเช่นกัน แต่ชุดของทานองซอกับการใช้เคร่ือง ดนตรีนั้นแตกต่างกับทางเชียงใหม่ คือ ชุดทานองซอเมืองน่านมีช่ือว่า ล่องน่าน และซอ นา่ นไมใ่ ชป้ ี่จุม
บทอำ่ นเสรมิ ควำมรู้สขุ ภำวะ ช่ำงซอมอื ใหม่ “ประกาศ นี่เป็นเสียงประชาสัมพันธ์จากผู้ใหญ่บ้าน วันน้ีตอนเย็นเวลา ๖ โมงเย็นขอให้ลูกบ้านทุกคนมาประชุมพร้อมกันท่ีศาลาวัดเอนกประสงค์ด้วยทาง ผู้ใหญ่มเี รอ่ื งหลายอย่างจะประชาสัมพนั ธ์” เสียงประกาศตามสายที่ได้ยินจากผู้ใหญ่บ้าน ดงั ขึน้ ขณะทชี่ าวบา้ นทุกคนพึ่งตน่ื “แม่ครับวันนี้ผู้ใหญ่จะมีอะไรแจ้งให้ลกู บ้านทราบครับ สงสยั ตอ้ งเป็นเร่อื งใหญแ่ น่ ผู้ใหญ่ประกาศแตเ่ ช้าเลย”ส้มปอ่ ยถามแม่เม่ือได้ยนิ เสียงประกาศจากผใู้ หญ่บา้ น “แม่จะรู้ได้ไงล่ะลูกแมก่ ็อย่กู ับลูกนิจะ๊ อยากรตู้ อนเย็นเรากต็ อ้ งไปประชุมกัน”แม่ พดู กับส้มปอ่ ย “ครับแม่ผมจะไปประชุมกับแม่ด้วยเผื่อจะมีเร่ืองที่น่าสนใจ”ส้มป่อยบอกกับแม่ ด้วยความอยากรู้เหมือนเคย เมื่อถึงเวลา๖โมงเย็นชาวบ้านทุกคนต่างไปรอประชุมพร้อมเพรียงกันที่ศาลาวัด เอนกประสงค์ “หวังว่าพ่อแม่พ่ีน้องทุกคนจะมาครบละนะ ง้ันผมขอเปิดการประชุม สวัสดี ลูกบ้านทกุ คน วันนผ้ี มมีเรอื่ งสาคัญจะมาแจ้ง”ผใู้ หญบ่ ้านพดู
ทันใดน้ันก็มีเสียงชาวบ้านคนหน่ึงพูดแทรกว่า “เรื่องอะไรล่ะครับผู้ใหญ่” “ใจเย็นๆก่อนเดี๋ยวได้รู้แน่ว่าเป็นเร่ืองอะไร ” ผู้ใหญ่บอกกับลูกบ้าน “จากท่ีผู้ใหญ่ได้ไปฟังการประชุมท่ีอาเภอมา นายอาเภอบอกในเดือนหน้าอาเภอ จะจัดนิทรรศการเผยแพร่ข้อมูลของอาเภอ ในงานก็จะมีการจัดสินค้าของแต่ละหมู่บ้าน จัดประกวดของดีแต่ละหมู่บ้านและท่ีสาคัญนะปีนี้มีกิจกรรมการประกวด วงสะล้อซอ ซงึ และซอพ้ืนเมือง ชงิ เงนิ รางวัล ๑๐,๐๐๐ บาทจากนายอาเภอ”ผ้ใู หญบ่ า้ นพดู ขึ้น “ โห! เงินรางวัลเยอะจังผ้ใู หญ่ หมู่บ้านเราก็มีสทิ ธแิ์ ขง่ ขันล่ะสิเพราะหมบู่ ้านเรามี วงสะล้อ ซอซึง ช่างซอครบครับ งานน้ีหมู่บ้านเราชนะแน่”ชาวบ้านคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น “แต่เดี๋ยวก่อนการประกวดเงินรางวัลเยอะกติกาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาบอกว่า ต้องให้เด็กเป็นช่างซอประมาณเด็กประถมอ่ะ ถ้าเอาผู้ใหญ่มาประกวดมันจะตัดสินยาก อกี อย่างจะเป็นการเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ๆได้แสดงความสามารถดว้ ย”ผู้ใหญ่อธิบายเสริม “แล้วเราจะหาทีไ่ หนทันละ่ เด็กสมยั น้ีไม่ชอบหรอกซอพ้ืนเมอื งอ่ะเหน็ แตร่ ้องเพลง สตริงเพลงฝร่ังกนั หมด”แม่ของส้มป่อยถาม “ใช่ละสิ ส้มป่อยลองดูไหมลูก ลองไปฝึกซอกับแม่ครู แสงเอ้ยดูกับหนูจันทร์ เพ็ญอ่ะ เห็นหนูจันทร์เพ็ญร้องเพลงเพราะอีกอย่างก็เป็นนักร้องลูกทุ่งของโรงเรียนด้วย ฝึกคงไม่ยากหรอก คิดซะว่าทาเพอ่ื หมู่บ้านเรานะส้มป่อยจันทร์เพ็ญ”ผใู้ หญพ่ ูดพร้อมกบั มองหน้าไปทางส้มปอ่ ยและก็หนูจนั ทร์เพญ็ “มันจะดีหรอครับ จันทร์เพ็ญน่าจะฝกึ ได้ง่ายอยู่แต่ผมน่ีสิครบั คงจะยาก”ส้มป่อยถามต่อ
“ไมห่ รอกลูก ถ้าหนมู ใี จรักในการซอพืน้ เมืองมันกฝ็ ึกไม่อยากหรอก หนูก็มีพน้ื ฐานอยูบ่ า้ ง ล่ะนิส้มป่อย เร่ืองฝึกน่ีไม่มีปัญหาหรอก”แม่ครูแสงเอย้ พดู กับส้มป่อย แม่ครูแสงเอ้ยเป็น ช่างซอท่ีมีความสามารถคนหนึ่งก็ว่าได้เขามีปฏิภาณไหวพริบในกรซอและแม่ครูซอ พนื้ เมอื งไดไ้ พเราะมีน้าเสียงชวนฟงั มาก
“แม่ครูแสงเอ้ยคะหนูก็งงๆอยู่ดีว่าทาไมช่างซอถึงซอได้ทุกครั้งทุกโอกาสทุกเวลาล่ะคะ หนูเห็นเขาไม่ได้ทอ่ งเหมือนเพลงนคิ ะ”จันทร์เพญ็ ถามด้วยความสงสยั เมอื่ ได้ยนิ จนั ทร์เพ็ญถามแมค่ รแู สงเอย้ ก็อธิบายว่า “ออ๋ การเปน็ ชา่ งซอต้องมไี หวพริบปฎภิ าณในการรอ้ งโต้ตอบ ต้องรอ้ งให้ตรงตาม ทานองจ่ะ มนั ก็มหี ลายทานองนะในเชียงใหม่เราแต่ท่ีนิยมทสี่ ุดกเ็ ป็นทานองตง้ั เชียงใหม่ น่ันแหละเพราะร้องแล้วจะเกิดความไพเราะ อีกอย่างเขาก็จะนิยมร้องในงานบุญต่างๆ เชน่ งานปอยหลวง สรงนา้ ,ขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ จ่ะ” “หนูเข้าใจล่ะค่ะ ส้มป่อยงั้นเราลองฝึกซอกันนะ คิดซะว่าทาเพ่ือหมู่บ้านเราละ กัน” จันทรเ์ พ็ญพูด “ลองดูก็ได้”ส้มป่อยพดู ใจจริงแล้วส้มป่อยอยากจะเป็นช่างซออยูแ่ ลว้ เพราะเขา ชอบฟังซออยบู่ ่อยๆแต่ไม่มโี อกาสได้ไปฝึก “งั้นตกลงตามนลี้ ะกันนะ ให้ส้มป่อยละจันทรเ์ พญ็ ไปฝึกซอกบั แมค่ รแู สงเอ้ยกับวง สะล้อ ซอ ซึง หมู้บ้านเราจะส่งสองคนน้ีเป็นช่างซอเข้าประกวด เม่ือไม่มอี ะไรแลว้ ผูใ้ หญ่ ขอปิดการประชุมแค่นี้นะ ขอให้ทุกคนไปเตรียมความพร้อม เตรียมสินค้าของหมู่บ้านไป นาเสนอด้วย ขอขอบใจทุกคนท่ีมาประชุมนะ ขอปิดการประชุม” ผู้ใหญ่พูดกับลูกบ้าน เมื่อผใู้ หญ่พดู จบลกู บ้านทุกคนกป็ รบมอื แลว้ แยกย้ายกนั กลับบ้าน ทุกๆวันก่อนการแข่งขัน ส้มป่อยและจันทร์เพญ็ ก็ไปฝึกซอกับแม่ครูแสงเอย้ ทกุ วัน จนเริ่มชานาญและขับร้องซอได้หลายทานอง แม่ครแู สงเอย้ จงึ จับให้สองคนเป็นคูถ่ ้องกนั ในการซอนั้นคู่ถ้องจะเป็นฝ่ายชายและหญิงซึ่งจะขับร้องเป็นคู่ตอบโต้กันแสดงไหวพริบ ปฏิภาณว่าใครดีกว่ากันนน่ั เอง และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันนี้เป็นวันจัดนิทรรศการข้อมูลและแสดง สินค้าของอาเภอ สม้ ป่อยและ จันทร์เพญ็ ตนื่ เตน้ มากทจี่ ะได้ไปประกวดซอพื้นเมอื งเป็น ครง้ั แรก “พรอ้ มแสดงนะส้มป่อย” จันทรเ์ พญ็ ถามสม้ ปอ่ ย “พร้อมแล้วล่ะ” ส้มป่อยและจันทร์เพ็ญกับวงสะล้อ ซอ ซึงของหมู่บ้านก้าวขึ้น เวทีประกวดอยา่ งม่นั ใจ เสียงวงสะลอ้ ซอ ซงึ ก็บรรเลงขนึ้ ส้มป่อยกบั จนั ทร์เพญ็ ก็ขับรอ้ ง ซอโตต้ อบกันไปมา ผูช้ มทุกคนชืน่ ชมเปน็ อยา่ งมาก มีการใหร้ างวัลยน่ื เงนิ ให้ทัง้ สองคนไม่ขาดสาย จนท้ังสอง คนขับร้องซอจนจบ และเสยี งปรบมือกด็ ังล่นั เตม็ หน้าเวที
สุดท้ายผลการตัดสินทีมหมู่บ้านของส้มป่อยเป็นผู้ชนะและได้รับเงินรางวัลสร้าง ชื่อเสียงใหแ้ กห่ มบู่ า้ นเปน็ อย่างมาก สม้ ป่อยกพ็ ดู กบั จนั ทร์เพ็ญเมื่อลงจากเวที ทไี่ ปรบั รางวลั ชนะเลิศเสรจ็ วา่ “จันทร์เพ็ญถ้ารู้ว่าเป็นช่างซอแล้วสนุก และได้เงินเยอะขนาดนี้ ฉันก็จะเป็นนาน ละ่ อกี อยา่ งเป็นการอนุรักษภ์ ูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ของเราไม่ให้สูญหายไป” “ใช่จ่ะ ฉันรู้สึกภูมิใจในตนเองมากท่ีเป็นส่วนหน่ึงในการเผยแพร่ศิลปะการแสดง และภมู ิปัญญานใี้ หค้ นอืน่ ได้ทราบ ฉัน ดใี จมากส้มป่อย” จันทรเ์ พ็ญพูด ทั้งสองคนต่างภาคภูมิใจในตัวเองมากและพร้อมท่ีจะไปฝึกซอพัฒนาการขับร้อง ซอใหด้ ีมากขน้ึ และสม้ ป่อยสัญญากับตนเองวา่ “สกั วันฉันจะเปน็ ชา่ งซอมอื อาชีพให้ได”้
อธิบำยเพิ่มเตมิ ควำมรู้ วงสะล้อ ซอ ซงึ วงสะล้อ ซอ ซึง หมายถึง วงดนตรี ท่ีนาเอาเคร่ืองดนตรี ประเภทเครื่องสายของ ภาคเหนือ คือ ซึงสะล้อ และเคร่ืองประกอบจังหวะมาบรรเลงรวมกันเป็นวง ซึ่งเป็นที่ นิยมกันมากในภาคเหนือ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีอยู่เฉพาะในภาคเหนือตอนบน เท่าน้ันถือว่าเป็นวงดนตรีพื้นบ้านของท้องถ่ิน ล้านนาชื่อเรียกของวงดนตรี บางครั้งเรียก วงสะ ล้อ ซอซึง บ้างก็เรียก วง ซึง สะล้อ คงจะเป็น เพราะวงสะล้อ ซอซึง ไม่มีรูปแบบท่ีชัดเจน ใน การบรรเลง มีการนาเอาขล่ยุ พื้นเมือง( ขลุ่ยตาด ) หรอื ปีจ่ ุ่มมาบรรเลงร่วมดว้ ย ทม่ี า www.sankhongstreet.com บางครั้งมีการขับร้องเพลง ( ซอ ) ประกอบโดยใช้ทานองเพลงพ้ืนเมืองขอแยก ความหมายเพื่อให้ชดั เจน ดงั นี้ สะล้อ เปน็ เครอื่ งดนตรี ประเภทเครอื่ งสาย ทใ่ี ชว้ ิธีการเล่นโดยการสี ซอ เป็นภาษาพืน้ บ้านลา้ นนา หมายถงึ การขับรอ้ งเพลง ซึง เปน็ เครือ่ งดนตรี ประเภทเครือ่ งสาย ทีใ่ ช้วิธกี ารเล่นโดยการดีด ท่มี า www.lannacorner.net
คำศัพท์น่ำร้ใู นกิจกรรม คำศพั ท์ ควำมหมำย กตกิ ำ กฎเกณฑ์ แข่งขัน แขง่ ส้เู อาชนะกัน ชำนำญ เชย่ี วชาญ ซอ การขบั รอ้ งอยา่ งหน่ึงของภาคเหนือทีใ่ ชไ้ หวพรบิ ในการร้อง นทิ รรศกำร การแสดงผลงาน นิยม ชมชอบ ปฏภิ ำณ เชาว์ไวในการโต้ตอบและแกป้ ัญหา ประกวด แข่งขนั เพือ่ เลอื กสง่ิ ทดี่ โี ดยมี การตดั สนิ ประชำสัมพันธ์ ตดิ ต่อสอ่ื สาร ประชุม มารวมกนั เพ่อื ปรึกษาหารอื พฒั นำ ทาใหเ้ จริญ อนุรักษ์ รักษาให้คงเดิม เอนกประสงค์ ใชป้ ระโยชนไ์ ด้หลายอยา่ ง โอกำส เวลาทเี่ หมาะสม อ่ำนประโยค - พอ่ ไปดูการแขง่ ขนั ฟุตบอลทส่ี นามกฬี าเทศบาล - โรงเรยี นจัดประกวดการเขยี นเรยี งความวนั แม่ - ปา้ บวั ซอนมคี วามชำนำญในเรอ่ื งศลิ ปะพื้นบา้ น - ลาไยเป็นผลไม้ที่นยิ มปลูกกันมากในภาคเหนือของไทย
แบบฝึกหดั เสรมิ ทักษะภำษำไทย คำช้แี จง จงเลอื กคำทมี่ คี วำมหมำยต่ำงจำกพวกใหถ้ กู ต้อง (๑๐ คะแนน) ตวั อยำ่ ง มะมว่ ง มะนำว แมค่ ำ้ ลำไย แมค่ ้ำ ๑. อง่นุ ตะหลวิ กระทะ ทพั พี ๒. จมกู เสน้ ผม กระจก ศรี ษะ
๓. พัดลม โคมไฟ ตู้เย็น กระโปรง ๔. หมอนข้ำง ผ้ำหม่ เตียงนอน ใบหู ๕. กระโปรง มงั คุด รองเทำ้ กำงเกง ๖. ผกั กำด ต้นหอม หนำ้ ต่ำง คะน้ำ
๗. สีแดง สเี ขยี ว ของเล่น สฟี ำ้ ๘. ตู้เยน็ สงิ โต สุนขั กระต่ำย ๙. หนังสือ ทวี ี ปำกกำ สมุด ๑๐. บะหมี่ วนุ้ เส้น เสน้ เล็ก ลกู ชนิ้
เรียนรู้กิจกรรมที่ ๓ ประวัติความเป็นมาของ จ๊อย คา่ ว ซอ ประวตั คิ วามเปน็ มาของซอทงั้ ท่เี ปน็ เรอื่ งเลา่ ตานาน ทปี่ รากฏในวรรณกรรม ต่างๆ ซงึ่ ถอื เปน็ หลักฐานทีเ่ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร มีดังน้ี ๑ ประวัติซอจากการเลี้ยงผี พ่อครูไชยลังกา เครือแสน ช่างซอจังหวัดน่าน ศิลปินแห่งชาติสาขา ศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) ประจาปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้กล่าวถึงประวัติของซอว่า ซอ มีความเป็นมาที่เกิดจากพิธีกรรมการเล้ียงผีต่างๆ เช่น ผีบ้าน ผีเมือง ผีเรือน ผีครู ผีปู่ ผี ย่า ผีทุ่งนา ผีป่า เป็นต้น การเล้ียงผีเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับความเป็นของชาวเหนือ ที่ อัญเชิญผีมารับเคร่ืองสังเวย เพื่อให้เกิดความสุขสมบูรณ์ อยู่เย็นเป็นสุข มีการกล่าวคา โองการซึ่งมีเนื้อหาราพัน เพ่ือเชิญผีมารับเคร่ืองสังเวยแล้วเส่ียงทายว่าผีมาหรือไม่ โดย การนับเม็ดข้าวหรือวาไม้ หรือแกว่งก้อนข้าวเหนียวอย่างใดอย่างหน่ึง ถ้าผียังไม่มาก็ กลา่ วคาโองการ สรรหาถ้อยคาสานวนลีลาท่องทานองทไ่ี พเราะเพราะพริง้ มเี สียงสูงเสียง ต่าคล้องจองกันนอกจากน้ันผู้ร่วมพิธีอื่นๆ ก็ให้จังหวะการปรบมือ เคาะไม้ เคาะหิน แล้วแต่จะหาจนมีผีมารับเคร่ืองสังเวย ด้วยความซาบซึ้งประทับใจในถ้อยคาที่ไพเราะ คล้องจองในการกล่าวเชิญผี จึงมีผู้คนจดจานาไปร้องเผยแพร่และพัฒนาแปลงเป็นบท ร้องทานองต่างๆ กันไปจนกลายเป็นซอจนถึงทุกวันน้ี ปัจจุบันลงผีปู่ย่า และผีอ่ืนๆ ก็ยัง นยิ มขับซอเชญิ ผลี งหรือผมี าเขา้ ร่างทรงอกี ดว้ ย ๒ ประวตั ซิ อจากความรัก ประวัติความเป็นมาของการซอท่ีมาจากความรัก เป็นตานานเล่าต่อๆ กัน มาวา่ ท่ลี าห้วยแหง่ หน่งึ ชายหนมุ่ คนหนงึ่ ได้ยนิ เสยี งจากอีกฟากของลาหว้ ย เป็นเสียงของ หญิงสาวคนหนึ่งร้องร่าพรรณนาถึงชีวิตและความรู้สึกของตน ด้วยเสียงเจ้ียวแจ้วคล้อง จองไพเราะจับใจยิ่งนัก ทาให้ชายหนุ่มหลงใหลจึงได้คิดผูกถ้อยคาร้องโต้ตอบ ทักทาย เก้ียวพาราสี และปลอบใจหญิงสาว เม่ือร้องโต้ตอบเก้ียวพาราสีกันไปมาก็เกิดความรัก ท้ังสองก็ได้ครองรักกันอยใู่ นป่าแห่งนั้น ต่อมาโจรป่าก็จับเอาผู้หญิงผู้เป็นภรรยาของชาย ผู้น้ันไป โจรป่าให้สามีนางนาทรัพย์สินไปไถ่ตัว ด้วยความยากจนไม่มีเงินทอง สามีของ นางจึงเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ เพื่อหาเงินทองทรัพย์สินมาไถ่ตัวภรรยา
ได้รับความทุกข์ยากลาบากย่ิง อีกท้ังก็เป็นห่วงภรรยาสุดท่ีรักปานใจจะขาด จึงได้ร้อง เพลงตามท่วงทานองที่เคยเกี้ยวพาราสีโต้ตอบกัน ณ ลาห้วยที่พบกันครั้งแรก ผู้คนท่ีได้ ฟังก็ประทับใจเห็นว่าเป็นบทเพลงที่ไพเราะยิ่ง จึงได้แบ่งปันข้าวของเงินทองทรัพย์สินให้ บ้างก็จ้างให้ร้องอีก ต่อมามีผู้จดจัดแปลงเพิ่มเติม ร้องเผยแพร่ต่อๆ กันมาจนกลายเป็น การขบั ซอมาจนถึงทกุ วนั น้ี ๓ ประวตั ซิ อจากพระพุทธศาสนา มีเรื่องเล่าว่า พระอรหันต์รูปหนึ่งเห็นว่าพุทธศาสนิกชนท่ีอยู่ในวัยหนุ่มสาว ซึ่ง เป็นวัยทางาน ต้องไปทามาหากิน ทาไร่ทานา ไม่มีโอกาสเข้าวัดฟังธรรมเหมือนผู้เฒ่าผู้ แก่ท้ังหลาย เกรงว่าทาให้ไม่ได้รับฟังคาสอนข้อธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์รูปนั้นจึงคิดหาวิธีท่ีจะให้พุทธศาสนิกชนทุกวัยใส่ใจในธรรมะ จึงได้นาข้อ ธรรมะต่างๆ มาเขียนเป็นคาสอนด้วยถ้อยคาท่ีไพเราะคล้องจองกันด้วยคาเมือง (ภาษา ถิ่นเหนือ) เป็นเรื่องราวต่างๆ เวลาอ่านมีเสียงสูง ต่าท่วงทานองไพเราะ สนุกสนาน ทา ให้ไม่เบ่ือหน่าย น่าติดตาม จึงมีผู้จดจานาไปร้องต่อและพัฒนาแปลงเป็นท่วงทานอง ตา่ งๆ จนกลายมาเปน็ การขับซอจนถงึ ทกุ ปจั จุบันนี้ ๔ ประวตั ิซอลอ่ งน่าน ซอล่องน่านเป็นตานานของการขับซอสายเมืองน่าน ซึ่งพ่อครูคาผาย นุปิง ช่าง ซออาวุโส ชาวจังหวัดน่านว่า ซอล่องน่านเป็นซอเก่ียวกับประวัติความเป็นมาของการ สรา้ งเมืองนา่ น โดยมเี ร่ืองเลา่ วา่ พญาปคู่ า ผสู้ ร้างเมอื งวรนครหรอื เมอื งปวั ตอ่ มาไม่นาน เมืองปัวเกิดภัยแห้งแล้งพญาปู่คาจึงปรึกษากับราชบุตร คือ พญาการเมือง ขุนนุ่น และ ขุนพ่อง ซ่ึงต่างเห็นพ้องต้องกันวา่ ให้พญาการเมืองเป็นผู้นาย้ายผคู้ นชาวเมอื งปัวไปสร้าง เมืองใหม่ที่ภูเพียง (ที่ต้ังพระธาตุแช่แห้งในปัจจุบัน) โดยให้ทาแพล่องตามลาน้าน่าน จานวน ๗ แพ หรอื ๗ ขบวน คอื
ขบวนท่ี ๑ เป็นขบวนประทับของพญาการเมืองและข้าราชบริพารพร้อม กับได้เอิญเชิญพระบรมธาตเุ จา้ เพื่อมาบรรจใุ นองค์พระธาตแุ ช่แห้ง ขบวนท่ี ๒ เปน็ ขบวนของเสนาอามาตย์ ข้าราชบริพารนอ้ ยใหญ่ ขบวนที่ ๓ เปน็ ขบวนของคณะพระสงฆ์ สมณะ ชี พราหมณ์ ขบวนที่ ๔ เป็นขบวนของขนุ นาง ผใู้ หญ่บ้าน กานนั ท่านทา้ วหัวเมอื ง ขบวนที่ ๕ เปน็ ขบวนของดนตรี มกี ารประโคมมโหรีต่างๆ ขบวนท่ี ๖ เปน็ ขบวนของไพรฟ่ า้ ประชาชนพลเมือง ขบวนที่ ๗ เป็นขบวนของฆ้อง กลอง ผู้คนร้องราทาเพลงกัน ในแพขบวน ที่ ๗ มีชายช่ือ ปู่คาม้า และ หญิงช่ือ ย่าคามี เป็นผู้ท่ีมีปัญญา มีไหวพริบปฏิภาณในการ ขับร้องเป็นอย่างมาก ได้ร้องขับซอขณะที่แพล่องตามลาน้าน่าน ได้พรรณนาบรรยาย ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ท่ีได้จากญาติพีน้อง บ้านเกิดเมืองนอน เพื่ออพยพไปอยู่ที่พานัก ใหม่ ตลอดจนบรรยายถึงธรรมชาติที่งดงามท่ีได้พบเห็นสองฝ่ังลาน้าน่านอย่างไพเราะ เพราะพริ้ง มีช่างสะล้อ ช่างปิน (ซึง) ฆ้อง กลอง ดีดสีตีเป่าเข้าจังหวะด้วยความ สนุกสนานประทับใจย่ิง การซอล่องตามลาน้าน่านมาจึงเรียกกันว่า ซอล่องน่านมาจนถึง ทกุ วนั น้ี ๕ ประวตั ิซอจากหลักฐานลายลกั ษณ์อกั ษร จากหลักฐานที่ปรากฏในวรรณกรรมต่างๆ เป็นหลักฐานทางลายลักษณ์อักษร ชี้ให้เห็นว่า “ซอ” เป็นการขับร้องประจาถิ่นล้านนา โดยเริ่มจากการขับร้องประจาเผ่า ไทยลาว ไทยเมอื ง ไทยยวน ไทยลื้อ ซ่ึงมีการขบั ลอ้ื มาแตเ่ ดิม โดยได้ประดษิ ฐ์ทานองร้อง เข้ากับท้องถ่ินของตน จึงมีทานองซอที่มีชื่อของบ้านเมืองอยู่ด้วย เช่น ซอเชียงใหม่ ซอ เง้ียว ซอล่องน่าน ซอเชียงแสน เป็นต้น และในพงศาวดารโยนกได้กล่าวถึงการนาซอมา แสดงขับกล่อมในงานฉลองเมืองเชียงแสน
บทอ่านเสรมิ ความรู้สขุ ภาวะ เจี้ยกอ้ มล้านนา วันนีเ้ ป็นวนั พระส้มปอ่ ยตนื่ แต่เช้าเพราะไมไ่ ด้ไปโรงเรียนสม้ ป่อยรสู้ กึ ดีใจมากท่ีจะ ได้ไปทาบญุ กบั แม่เขาจงึ ช่วยแมเ่ ตรียมอาหารแตเ่ ช้าเพื่อจะไดน้ าไปถวายพระ “ส้มป่อย เร็วๆลูกรีบๆเตรียมอาหารใส่ในตะกรา้ ไดแ้ ล้ว สายแลว้ ลูก”แม่พดู “ครบั แม”่ ส้มป่อยบอกกับแมแ่ ลว้ ก็รีบเตรยี มอาหารใส่ตะกรา้ เมอื่ เตรยี มอาหารเสร็จแมแ่ ละส้มป่อยกเ็ ดินไปวัดเพอ่ื จะไปทาบุญ ในวัดมชี าวบา้ น มาทาบุญในวันพระเป็นจานวนมากทุกคนก็ต่างหิ้วอาหาร ขนม ท่ีทาเองจากบ้านมาเพื่อ ถวายพระอย่างมีความสุข หลังจากท่ีทุกคนทาบุญเสร็จแล้วก็มานั่งพร้อมกันท่ีศาลา เพอื่ ทจ่ี ะได้รบั พรจากหลวงลุง “วันนี้วันพระ หลวงลุงจะมีนิทานมาเล่าให้ญาติโยมฟังนะลูกๆหลานๆ”หลวงลุง พูดขึ้น หลวงลุงเป็นเจ้าอาวาสวัดท่านเป็นคนใจดีและชอบเล่าเรื่อง นิทานต่างๆให้ ชาวบ้านฟงั เสมอ “นิทานที่หลวงลุงจะมาเล่านี่มนั เป็นอย่างไรครับ มันคล้ายๆกับนิทานกระต่ายกับ เตา่ ไหม”เดก็ คนหนงึ่ ทน่ี ง่ั รอแมถ่ าม “ฮ่าๆๆๆ ไม่ใชห่ รอกหลานเอ๊ย เร่อื งกระต่ายกบั เต่าใครก็เคยฟงั แล้ว วนั นีห้ ลวงลุง จะมาเล่านทิ านคาเมือง หรอื ท่เี รียกวา่ เจีย้ ก้อม”หลวงลุงอธิบายพร้อมกบั หัวเราะไปดว้ ย “หลวงลุงครับ เจ้ียก้อมน่ีมันคืออะไรครับผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”ส้มป่อยถามด้วย ความอยากรู้เหมือนเคย
“เดี๋ยวคนนั้นก็ถามคนนี้ก็ถามเด๋ียวไม่ได้เลา่ กันพอดี อยากรู้มากใช่ไหมเด๋ียวหลวง ลุงจะบอกก็ไดว้ า่ เจย้ี ก้อมมนั คืออะไร” หลวงลงุ พูดพร้อมกบั อธบิ ายวา่ “เจี้ยก้อม มันเป็นเรื่องเล่าของคนเหนือ แต่ละที่ก็จะเร่ืองเล่าที่แตกต่างกัน ใน เชียงใหม่ก็มีเหมือนกันนะ อีกอย่างเร่ืองมันก็จะตลกสนุก และสอดแทรกคติสอนใจใน เน้ือเรือ่ งด้วย เร่อื งก็สนั้ ๆ นะหลานๆเอย้ ”หลวงลุงอธบิ ายให้เดก็ ๆฟัง “งั้นหลวงลุงกเ็ ลา่ เจย้ี กอ้ มให้ฟังสักเร่อื งไดไ้ หมจ๊ะ”หญงิ คนหนึ่งพูดขึน้ “อืม ได้เด๋ียวหลวงลุงจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งละกัน เรื่องนี้มีช่ือว่า ผัวหนุ่มเมียสาว ต้ังใจฟงั ดีๆนะ”หลวงลงุ พูดเสรมิ เพือ่ ให้ชาวบา้ นเงยี บ แลว้ หลวงลงุ กเ็ ลา่ ว่า เมื่อฟังเร่ืองของหลวงลุงเล่าเสร็จทุกคนก็หัวเราะกันเต็มศาลา เด็กๆก็ชอบใจมาก ปรบมือกันยกใหญ่ บา้ งกต็ ะโกนบอกหลวงลงุ ว่า “เลา่ อกี เลา่ อกี ” บ้านหน่ึงเป็นบ้านของผัวเมียหนุ่มเมียสาวท่ีแต่งงานกันใหม่ๆ ทั้งคู่มักจะร่วมกัน เสมอไม่เว้นทั้งกลางวันกลางคืน หรือ ฝนตกแดดออก และเป็นท่ีวิพากษ์วิจารณ์ของ ชาวบ้านถ่นิ นั้นเป็นอันมาก วันหนึ่งหนานโอ๊ะ ซ่ึงเป็นคนในหมู่บ้านนั้นเหมือนกันท่ีอยากจะไปพูดกระทบผัว เมียคู่นี้ จึงจัดแจงอาบน้า แต่งตัว ใส่ เสื้อขาว กางเกงดา ทาทีเดินผ่านไปทางหน้าต่าง บ้านของผัวเมียคู่น้ัน พอไปถึงก็แกล้งทาเสียงไอให้ผัวเมียคู่น้ันรู้ ฝ่ายผัวจึงย่ืนหน้าออก จากหน้าตา่ งมาถามว่า \"หนานโอ๊ะ จะไปไหนกา\" \"จะไปบ้านศพ บ้านเหนอื พนุ้ \" \"ไผต๋าย\" (ใครตาย) ฝา่ ยเมียกย็ น่ื หนา้ ออกมาช่วยถาม
\"ไอ่สีมันต๋ายฟ้าผ่า มันนอนกับเมียเมื่อวัน\"(ฟ้าผ่าเพราะนอนกับเมียตอนกลางวนั ) นางเมยี เลยหันไปคอ้ นผัวทหี นึง่ แล้วพูดว่า \"ฮึ คนบา้ นนกี้ ็เหมอื นกัน จะตา๋ ยฟ้าผ่าสักวัน\" “พอแล้วญาตโิ ยม เล่าพอหอมปากหอมคอก็พอแลว้ ” หลวงลุงพดู ส้มป่อยอยากรวู้ ่าเจี้ยก้อม หรือเร่ืองเลา่ ของชาวลา้ นนามีวธิ กี ารสืบทอดอย่างไรถึง ยงั อยู่ได้จนถงึ ทกุ วันนี้เขาเลยตดั สินใจถามหลวงลุงอกี ครั้ง หลวงลงุ ก็ตอบไปวา่ “เจ้ียก้อมของคนเหนือนี้มีเยอะมาก ส่วนมากจะเป็นการเล่าปากต่อปาก นาเร่ือง เดิมท่มี อี ยูแ่ ลว้ มาเสริมแต่งบ้าง เพราะใช้เล่าเพ่ือคลายเครียดเหนด็ เหน่ือยจากการทางาน ด้วย ญาติโยมเอ้ย การสืบทอดมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก คนที่สนใจชอบในการเล่าเรื่อง เขาก็จะฟงั จากท่อี ่นื แลว้ มาเลา่ ตอ่ อย่ทู ี่วา่ ใครชอบเล่ามากกวา่ ”หลวงลุงพูด “หลวงลุงครับ ว่างๆช่วยสอนพวกผมเล่าเจ้ียก้อมหน่อยนะครับผมจะได้ไปเล่าให้ เพือ่ นๆในโรงเรียนฟัง”เดก็ คนหน่ึงพูดแทรก “ได้ๆ ว่างๆก็มาที่วัดละกันเด๋ียวหลวงลุงจะช่วยสอน มีเร่ืองเยอะมาก เอ้อ! ลืมไป ตอนนี้ก็สายแล้ว หลวงลุงอยากจะให้ ญาติโยมช่วยกันพัฒนาวัดสักหน่อยรู้สึกว่าหญา้ ขึ้นเยอะ ใบไม้หล่นเต็มไปหมดเลย ลาพังหลวงลุงกับพระในวัดก็ทาไม่ไหวหรอก ขอแรง หนอ่ ยนะ”หลวงลุงพดู เชิญชวน หลังจากชาวบ้านทุกคนได้ฟังหลวงลุงบอกทุกคนก็ช่วยกันพัฒนาวัด ทาความ สะอาดวัดดว้ ยความเปน็ น้าหนึง่ ใจเดยี วกนั บา้ งกเ็ ก็บขยะ กวาดลานวดั จนวัดสะอาด และ ทุกคนก็แยกยา้ ยกนั กลับบ้านพรอ้ มกับใบหนา้ ท่ียม้ิ แยม้ แจม่ ใส อ่ิมบญุ กนั ถว้ นหน้า
อธบิ ายเพมิ่ เตมิ ความรู้ เจยี้ ก้อม คอื อะไร? เจ้ียก้อมล้านนาน้ีคือ วรรณกรรมมุขปาฐะ คือเรื่องที่เล่ากันจากปากสู่ปากโดย มุ่งให้ตอบสนองความพึงพอใจของคนท้ังผู้เล่าและผู้ฟังแต่จากวิธีการของเจ้ียก้อม ดังกล่าวนี้ ทาให้เจ้ียก้อมได้กลายมาเป็นขบวนการสร้างเสริมสังคมอีกโสดหน่ึง ทั้งน้ี อาจกล่าวให้ส้ันที่สุดได้ว่าเจ้ียก้อมคือกระบวนการเพื่อความรื่นรมย์ และสร้างสังคม ในปจั จบุ ันให้มีความสามัคคไี ปพร้อมกนั ท่มี า www.lanna.com
คาศพั ท์ คาศัพท์น่ารใู้ นกจิ กรรม คติ จดั แจง ความหมาย เจ้ยี ก้อม เจา้ อาวาส แนวทาง, แบบอยา่ ง เตรยี มการ เชิญชวน นิทานเรอ่ื งเลา่ ของชาวลา้ นนา ญาตโิ ยม พระภิกษุที่ดารงตาแหนง่ นทิ าน ผู้ปกครองวัด พร ขอใหท้ าตาม, จูงใจ คาทพี่ ระภิกษใุ ชเ้ รียกบคุ คลทั่วไป พฒั นา เรอื่ งเลา่ วพิ ากษว์ ิจารณ์ศาลา คาแสดงความปรารถนาให้ประสบแตส่ ่งิ ท่เี ปน็ สริ ิ สอดแทรก มงคล สืบทอด ทาให้เจริญ หอมปากหอมคอ ตชิ ม เหน็ดเหนอ่ื ย เข้าไปเสรมิ ตอ่ เนอ่ื งมา เป็นสานวนหมายถึง พอประมาณ ออ่ นเพลยี อา่ นประโยค - แมเ่ ล่านิทานใหน้ ดิ ฟังทกุ คืนกอ่ นนอน - สม้ ปอ่ ยมีพฒั นาการทางสมองดขี นึ้ จากแตก่ ่อนมาก - ผใู้ หญ่บา้ นประชมุ ลูกบา้ นที่ศาลา - คุณยา่ ใหพ้ รหลานๆในวนั ข้นึ ปใี หม่
แบบฝึกหดั เสริมทักษะภำษำไทย คำชแ้ี จง จงเขียนคำใหม่โดยใชค้ ำข้ึนต้นท่กี ำหนดใหถ้ กู ต้องจำนวน ๒ คำ (๑๐ คะแนน) ตัวอย่ำง แม่นำ้ แม่บำ้ น แม่ ๑. ประ ๒. ไฟ
๓. น้ำ ๔. ควำม ๕. กำร ๖. มะ ๗. ตะ ๘. โรง
๙. กระ ๑๐. ผู้
เรียนรกู้ ิจกรรมที่ ๔ คาศพั ท์น่ารเู้ ก่ียวกับซอ ช่าง หมายถงึ ทาได้ ทาเป็น ช่างซอ หมายถึง ผู้ขับร้องเพลงซอได้ ซอเป็น หรือเป็นพ่อเพลงซอ ช่างซอมีท้ังช่างซอชายและช่างซอหญิง ร้องโต้ตอบกันหรือร้องเสริมกัน แก้ความกัน บางครั้งซอเดี่ยวในเรื่องใดเร่ืองหน่ึง ช่างซอคณะหน่ึงๆมีหัวหน้าคณะ 1 คน มีคู่ถ้อง 1 คน มีนักดนตรี 2-3 คน มีลูกคู่ประกอบอีก 1-3 คน ส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ทตี่ ิดตามเพอ่ื เรียนรู้การขับซอ ทาหน้าที่ซอประกอบบ้าง ฟ้อนประกอบบ้างให้บรรยากาศคร้ืนเครง บ้าง นบั ว่าเป็นการเรียนรู้การขับซอด้วยการปฏิบัตจิ ริง ซ่ึงศิษย์เหล่านี้เมอ่ื เรยี นรจู้ นเก่งก็ สามารถแยกไปตั้งคณะซอดว้ ยตนเองต่อไป คู่ถ้อง หมายถึง เป็นคาภาษาถิ่นเหนือใช้เรียกช่างซอท่ีซอคู่กันว่า “คู่ ถ้อง”(ถอ้ ง-การโต้ตอบกัน ผลดั กันคนละที)เปน็ ชา่ งซอชายกับหญิง หรอื ชายกบั ชาย หรอื หญงิ กบั หญิง ก็ได้ ช่างซึง หมายถึง เป็นคาที่ใช้เรียกนักดนตรี ที่ทาหน้าที่ดีดซึง บรรเลง ประกอบการขับซอเป็นผู้ชายล้วน มีจานวนประมาณ 1-2 คน ทางจังหวัดน่าน เรียกว่า ชา่ งพิณ (จา่ งปณิ ) ช่างปี่ เป็นคาท่ีใช้เรียกนักดนตรี ที่ทาหน้าทเ่ี ป่าป่ีจุม บรรเลงประกอบการ ขบั ซอ เท่าที่พบเป็นผู้ชายลว้ น มีจานวนเทา่ ปีจ่ ุมท่ีนามาเป่า เซ้ย เป็นคาอุทาน ท่ีผู้ฟังเปล่งออกมารับการขับซอบทซอในบทท่ีตนพึ่ง พอใจ ประทับใจ แล้วอุทานว่า “เซ้ย” พร้อมกับลากเสียงยาวๆ เป็นการการขานรับบท ซอน้นั ๆ ไปในตวั ด้วย การอทุ านเปล่งเสยี งลกั ษณะน้ชี ว่ ยสร้างบรรยากาศในการขบั ซอได้ อย่างครื้นเครง มีผู้กล่าวว่าถ้ามีการเซ้ยแสงดว่าผู้ฟัง ผู้ชม เกิดอารมณ์ร่วม หรืออารมณ์ สะเทอื นใจเปน้ อย่างมาก ถงึ ขน้ั ให้เงินเปน็ รางวัลแก่ช่างซออีกดว้ ย
ผาม เป็นปะราเล็กๆ ที่สร้างขึ้นชั่วคราว เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้ช่างซอได้ต้ัง วงซอ โดยทาเป็นยกพ้นื ขึน้ สูงประมาณ 1 เมตร มุงหลังคาแบบง่ายๆ ด้วยคาหรือตองตึง ถ้าอาศัยร่มเงาไม้จากต้นไม้ หรืออื่นๆก็ไม่ต้องมีหลังคา ผามมีความแข็งแรงพอท่ีจะรับ น้าหนักของคนได้ประมาณ 10 คน บนผามปูด้วยเสื่อ มีเคร่ืองอานวยความสะดวก เช่น คนโทน้า เชี่ยนหมาก จานใส่ของว่าง เช่น ลูกอม เม่ียง เป็นต้น แต่ถ้าสถานที่มีพอท่ีจะ จัดเปน็ สัดส่วนให้ชา่ งซอไดแ้ สดงแล้วไมต่ อ้ งสร้างผามกไ็ ด้
บทอา่ นเสรมิ ทกั ษะสุขภาวะ ดับรอ้ นดว้ ยใบเตย “ร้อนจริงๆ ทาไมอากาศมันร้อนอย่างน้ีนะ อยากกินอะไรให้คลายร้อนจริงๆ” เสียงพ่อบ่นทาใหบ้ ัวตองท่ีกาลังเข้ามาบ้าน ไดย้ นิ แลว้ ตอ้ งยิ้มออกมา “อ้าวบัวตองกลับมาแล้วหรอ ไปเท่ียวบ้านเพ่ือนมาสนุกไหม แล้วนั่นถืออะไรมา ด้วย” พอ่ ร้องถามเม่อื เหน็ บัวตองเดินเข้ามาในบ้าน “ใบเตยค่ะพอ่ แม่เพ่อื นใหม้ า” บัวตองบอกพ่อ “ดีเลย ง้ันพ่อจะเอาจะใบเตยพวกน้ีไปต้มทาน้าใบเตยดีกว่า”พ่อบอกแล้วก็นา ใบเตยไปทาความสะอาดจากน้ันกห็ ั่นเป็นท่อนๆ แลว้ ใสใ่ นหมอ้ ตม้ “ทาไมพ่อถงึ ทาน้าใบเตยละค่ะ” บัวตองถามด้วยความสงสัย “ช่วงน้ีหน้าร้อน น้าใบเตยจะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดีเลยละ เพราะใบเตยมีกล่ินหอมเย็นทานแล้วจงึ รู้สึก สดชน่ื ”พ่อตอบพรอ้ มกบั ดูหมอ้ ตม้ พอน้าเดือดพ่อก็ลดไฟลง เค่ียวไปเร่ือยๆจนมองเห็นสีของใบเตยสีเขียวอ่อนเจือ จาง แล้วพ่อกต็ กั ใบเตยออกใหเ้ หลือแตน่ ้าใบเตย
“น้าใบเตยน่ีกินได้แล้วใช่ไหมค่ะพ่อ บัวตองอยากกินแล้ว กล่ินมันช่างหอมน่ากิน จริงๆ” บวั ตองทมี่ องดพู อ่ ทาน้าใบเตยอยนู่ านถามข้นึ “ยังจ๊ะ ต้องเอาเกลือป่นใส่คร่ึงช้อนชาแล้วก็ตามด้วยน้าเช่ือมจากน้ันก็ปล่อยให้ เดือดต่อไปอีก ๕ นาที เท่าน้ีก็ได้ น้าใบเตยแล้วจ๊ะ”พ่อตอบ บัวตองจึงมองดูพ่อทา นา้ ใบเตยตอ่ ไป จนผา่ นไปได้สักพัก “บัวตองน้าใบเตยเสร็จแล้ว เรามากินกันเถอะ”พ่อบอก บัวตองพร้อมกับตักน้า ใบเตยใส่แก้วที่มนี า้ แขง็ “น้าใบเตยอร่อยจังเลย กินแล้วรู้สึกสดช่ืน”บัวตองบอกพ่อหลังจากที่ได้กินน้า ใบเตย “บัวตองรู้ไหมว่าใบเตยเห็นต้นเล็กนิดเดียวแต่ประโยชน์น้ันมีเยอะเลยนะ ”พ่อ บอกบวั ตอง “บัวตองเห็นแม่เพ่ือนเอาใบเตยไปใส่ไว้ในห้องน้าค่ะ บอกว่าใบเตยช่วยดับกลิ่นท่ี ไมพ่ งึ ประสงค์ไดด้ ว้ ย”บัวตองพดู “ใช่แล้วจ๊ะ ใบเตยน่ีเป็นพืชท่ีคนไทยคุ้นเคย นามาใช้ประโยชน์กันมากมายหลาย วิธีตั้งแต่โบราณมาแล้ว ใช้ในการ ปรุงแต่งขนมไทยให้มีกลิน่ หอม หรือใช้สีจากน้าใบเตย มาทาขนมจะทาให้ได้สีเขียว นอกจากนั้นใบเตยยังมีสรรพคุณทางยาอีกนะบัวตอง”พ่อ พูด
“แลว้ ใบเตยน่ีใช้ประโยชนไ์ ดท้ ั้งต้นไหมคะ”บวั ตองถาม “ใช้ได้ท้ังต้นเลยจ๊ะ อย่างใบนี่ก็ทานา้ ใบเตยนอกจากจะช่วยดับร้อนแล้วยงั ใช้เปน็ ยาบารุงหัวใจได้ด้วย ยังไม่หมดนะ ยังช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ วิธีก็แค่นาใบเตยมาตา แลว้ มาพอกบนผิว” พอ่ ตอบ “แล้วใชส้ ่วนไหนได้อกี คะ”บวั ตองถามต่ออย่างสนใจ “ส่วนรากและลาต้นจ๊ะ ส่วนน้ีจะใช้รักษาโรคเบาหวาน วิธีก็คือใช้ราก ๑ กามือ นาไปต้มเป็นน้าด่ืม ทุกเช้า-เย็น มีอีกอย่างใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้อีกด้วยนะ วิธีทาก็ เหมือนกบั ของโรคเบาหวานเลยจะ๊ ”พอ่ ตอบบัวตอง “ประโยชนข์ องใบเตยช่างมากมายเสยี จรงิ ”บวั ตองบอก “ใช่แล้วลูก ใบเตยเห็นมีสรรพคุณมากมายขนาดนี้แล้วต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา จริงๆสาหรับเจ้าพืชสีเขยี วใบเรยี วชนิดนี้” พอ่ พดู พร้อมกับหัวเราะ “บวั ตองก็เหน็ ด้วยกับพอ่ ค่ะ”บวั ตองพูดพร้อมกบั หัวเราะตามพอ่ ไปด้วย
อธบิ ายเพม่ิ เตมิ ความรู้ ใบเตย ใบเตย หรือจะเรยี กว่าเป็นอกี หน่ึง”สมุนไพร”ท่ีคนไทยรู้จักกันเป็นอยา่ งดีเลยก็วา่ ได้และนามาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันกันมาก เนื่องจากหาง่ายในประเทศไทย ราคา ถูก เป็นพืชท่ีให้กลิ่นรส ไม่เป็นพิษภัยในการนามาประกอบอาหารและทาขนม ใบเตยมี สารต่างๆ อยู่หลายชนิดและมีสารหอมท่ีให้กลิ่นด้วย จึงมีผู้สนใจที่จะนาใบเตยมาใช้ ประโยชน์กันมาก โดยทั่วไปจะนยิ มเรียกวา่ เตย แตใ่ นบางทอ้ งถิน่ เรียกวา่ หวานข้าวไหม้ (ภาคกลาง) ปาแนะวองงิ (มาเลเซยี -นราธิวาส) ลักษณะทั่วไปของใบเตยเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวลักษณะ แตกกอเป็นพุ่มขนาดเล็ก ลาต้นเป็นขอ้ ใบออกเปน็ พุ่มบรเิ วณปลายยอด เมื่อโตจะมรี ากค้าจุนชว่ ยพยุงลาตน้ ไว้ ใบ เป็นใบเด่ียวออกเป็นกระจุกเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ลักษณะใบยาว เรียวคลา้ ยใบหอก ปลายใบแหลม บริเวณกลางใบเป็นรอ่ ง ขอบใบเรียบตรง ผิวใบเป็นมนั ด้านท้องใบจะเห็นเป็นรูปคล้ายกระดูกงูเรือใบ มีกลิ่นหอม สารสาคัญที่พบในใบเตย ประกอบไปด้วยน้ามันหอมระเหย และมีสีเขียวของคลอโรฟิลล์ ใบเตยให้รสหวาน เย็น หอมและมีสรรพคณุ ทางยา
คาศัพท์ คาศพั ทน์ า่ รใู้ นกจิ กรรม กล่นิ ความหมาย เกลือ ส่งิ ทีร่ ู้ไดด้ ้วยจมูก คอื เหม็น หอม และอ่นื ๆ คุ้นเคย เป็นแร่ธาตทุ างโภชนาการชนดิ หนงึ่ สามารถผลติ ได้ จากน้าทะเลหรอื เค่ียว ดนิ เคม็ รจู้ ักชอบพอสนิทสนมเปน็ กนั เอง เจือจาง เคยเหน็ เคยทาบ่อย ๆ จนชนิ ตม้ ใหเ้ ดอื ดนาน ๆ เพอ่ื ใหข้ น้ หรือเปื่อย เปน็ ตน้ ชอ้ นชา น้าแข็ง ไมเ่ ขม้ ข้น, เขม้ ข้นน้อยลงเพราะเตมิ ตวั ทาละลาย เช่นนา้ เพิ่มลงไป นา้ เชอื่ ม 1 ชอ้ นชา มาตรฐาน เทา่ กับ 5 ซซี ี นา้ ท่ีถูกความเย็นจดั จนแข็งตัว ปรงุ เป็นก้อน. ปัสสาวะ นา้ ตาลทรายผสมน้าต้ังไฟจนละลาย ใชใ้ สข่ นม ไม่พึงประสงค์ สรรพคณุ ประสมหรอื ประกอบให้เหมาะสว่ น เย่ียว สง่ิ ที่ไมต่ อ้ งการ ไมอ่ ยากได้ คุณสมบัติของสิ่งที่เป็นยา อ่านประโยค - ใบเตยเปน็ พชื ที่มกี ลน่ิ หอม - ใบเตยมีสรรพคณุ ทางยาหลายอยา่ ง เช่น ช่วยดบั รอ้ น - พ่อเอาน้าแขง็ ใสใ่ นน้าใบเตย
แบบฝึกหัด เสรมิ ทักษะภำษำไทย คำช้แี จง จงโยงคำศพั ท์ ๓ พยำงคจ์ ำกภำพท่ีกำหนดใหถ้ ูกตอ้ ง (๑๐ คะแนน) ตวั อย่ำง โทรทศั น์ ๑. กล่องขนม ๒. มะละกอ ๓. สับปะรด
๔. หลอดไฟฟ้ำ ๕. ไมบ้ รรทดั ๖. ดอกดำวเรือง ๗. วิตำมนิ ๘. แปรงสีฟนั ๙. ผลอง่นุ ๑๐. กระดำนดำ
บรรณำนกุ รม ค่ำว จอ๊ ย ซอ (ออนไลน)์ . สบื ค้นจาก : http://ich.culture.go.th (วันทคี่ น้ ขอ้ มลู : ๘ เมษายน ๒๕๖๒ ) ทำนองซอ (ออนไลน์). สืบคน้ จากhttp://historyofthailand.blogspot.com (วนั ท่ีค้นขอ้ มลู : ๘ เมษายน ๒๕๖๒ ) ตวั อย่ำงเพลงซอ (ออนไลน์). สืบค้นจาก http://sor-cmskp.weebly.com (วนั ที่คน้ ขอ้ มลู : ๘ เมษายน ๒๕๖๒ ) ประวัติซอ (ออนไลน)์ . สบื คน้ จาก http://sorlanna.com/article/history (วนั ทคี่ ้นขอ้ มลู : ๘ เมษายน ๒๕๖๒ ) วรรณกรรมคำ่ วซอ (ออนไลน)์ . สืบคน้ จาก https://sites.google.com/site/sakunrat84/wrrnkrrm-khaw-sx (วันที่คน้ ขอ้ มลู : ๘ เมษายน ๒๕๖๒ )
คณะผูจ้ ัดทำ เรอ่ื ง นายอนันต์ เตชะระ นางสาวณัฎฐรนิ ทร์ อภวิ งค์งาม นางทศั ทรวง ชนิ พันธ์ นางศรพี ร พลั วัน ภำพประกอบ นางราชาวดี คงเอยี ด นางนา้ ทพิ ย์ ตนั สขุ นายศรราม บุญเรอื น ออกแบบ/รปู แบบ นายวรกิจ บญุ สาร นางสาวพมิ วไิ ล จีนทมิ นางสาววราภรณ์ อ่ินแก้ว ขอ้ มลู ประกอบ นางสาวชนิสรา หนแู ก้ว วา่ ทีร่ อ้ ยตรหี ญิงโสภา บญุ นา นางพมิ พิไล วงคษ์ ายะ ควบคุมกำรจดั ทำนวตั กรรม นางสาววันเพญ็ อินตะ๊ ขตั ิย์ ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นดง สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาลาพนู เขต ๒
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: