Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 4 3-2562

บทที่ 4 3-2562

Published by surachat.s, 2020-05-13 03:42:24

Description: บทที่ 4 3-2562

Search

Read the Text Version

ระดับและแนวทางการปอ้ งกันโรค การป้องกนั ในระดับตติยภมู ิ (tertiary prevention) เป็นการป้องกันในระยะหลัง ภายหลงั จากทีไ่ ด้รับตวั ก่อโรคเขา้ ไป และเกิดอาการของโรคขึน้ แล้ว - ดาเนินการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายตอ่ ผ้ปู ่วย จนถึงพิการใน ทีส่ ดุ เช่น ผ้ปู ระสบอบุ ตั ิเหตรุ ถยนต์ มีการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง การดูแลในระยะหมดสติ จนผู้ป่วยเกิดความพิการ เมื่อฟื้นรู้สึกตวั ภายหลัง ถือว่าเป็นการป้องกันในระยะตติยภูมิ

ระดบั และแนวทางการป้องกนั โรค Primary prevention Secondary prevention Tertiary prevention - ป้องกนั ในระยะที่ยงั ไมม่ โี รค - ป้องกนั เมือ่ โรคเกิดข้ึนแล้ว - ป้องกนั เมื่อพิการหรือป่วย เพือ่ ไม่ให้โรค โดยอาศยั หลัก เพื่อลดความรนุ แรงและการ มากเพื่อลดภาวะแทรกซอ้ นของ 1. เปลีย่ นความไวต่อการเกดิ แพร่กระจายของโรค จะต้องทา โรค ลดความพกิ ารของโรค โรค (susceptibility) กอ่ นการมอี าการ และขณะมี ตลอดจนผลเสยี ต่างๆ ที่จะ 2. ลดโอกาสผู้ที่มีความไวในการ อาการของโรคเกิดขึ้น ตามมาภายหลงั จากเกิดโรค เกิดโรค (individual การป้องกนั ได้แก่ การวินิจฉยั - เป็นการป้องกนั ในขณะทีโ่ รค susceptibility) ในระยะแรกเริ่ม และให้การ เป็นมากแล้ว นบั ว่าเสี่ยงต่อ 3. กาจัดหรือลดสาเหตุ รกั ษาทนั ที อันตรายและได้ผลนอ้ ย ทาได้โดย ทาได้โดย ทาได้โดย 1.ส่งเสริมสุขภาพ 1. ค้นหาผู้ป่วยในระยะทีย่ ังไมม่ ี 1. กาจดั ความพกิ ารของโรค (Health Promotion) อาการ (Disability limitation) 2.คุ้มกนั เฉพาะ 2. วินจิ ฉยั ผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว 2. ฟื้นฟูสขุ ภาพ (Rehabilitation) (Specific Protection) เมือ่ พบมอี าการ

ระดบั และแนวทางการปอ้ งกันโรค การควบคมุ โรค - การปอ้ งกนั ในระยะหลัง หลงั จากได้รับตัวก่อโรคเข้าไป และเกิด อาการของโรคข้ึนแล้ว เพื่อ สกัดกั้นการเพิ่มจานวนการเกิดโรค และ ไมใ่ ห้โรคนน้ั ขยายวงกวา้ งออกไปในชุมชน จนถงึ ข้ันทีไ่ มส่ ามารถควบคุมได้ - การป้องกนั โรคสว่ นใหญจ่ ะต้องดาเนินการกอ่ นพบตัวก่อโรค/กอ่ นมี อาการปว่ ย แต่การควบคุมโรคจะดาเนนิ การหลงั ทม่ี ีโรคเกดิ ขึ้นแล้ว การปอ้ งกันและควบคุมโรคมจี ดุ มุ่งหมายเดียวกนั คือ การยับยง้ั ไม่ให้เกิด อนั ตรายกับบุคคลและชุมชนจากการเกดิ โรค โดยเน้นการควบคุมไม่ให้ตวั กอ่ โรคออกจาก แหล่งโรคไปยังบคุ คลอื่น

ระดบั และแนวทางการปอ้ งกนั โรค ขน้ั ตอนในการควบคุมโรค เมื่อพบผทู้ ไ่ี ด้รับตัวก่อโรคเข้าไปในรา่ งกาย จนมีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพ ของร่างกาย แสดงอาการและอาการแสดงให้เหน็ ได้ในทส่ี ุด ดาเนินการ ดังนี้ 1. ลดผลดา้ นการเจ็บป่วยในกลุ่มผปู้ ว่ ย - เตรียมการด้านการวินจิ ฉัยโรคและด้านการรักษาโรค เพือ่ ลดผลด้าน การเจบ็ ปว่ ยในกลุ่มผู้ป่วย กลุ่มทม่ี ีตัวกอ่ โรคอยู่ในร่างกาย ทพ่ี รอ้ มจะถา่ ยทอดไปยงั ผู้ทีม่ ภี ูมิไวรบั หรือผู้ท่อี ่อนแอ

ระดับและแนวทางการป้องกันโรค ข้นั ตอนในการควบคมุ โรค 2. ปอ้ งกนั การถ่ายทอดโรคที่จะขยายตัวออกไป ได้แก่ 2.1 การกาจัดแหลง่ รังโรค กรณเี ปน็ สัตว์/แมลงนาโรค เช่น ยุงลาย ภาชนะ บรรจุน้า เช่น ขวดแตก ยางรถยนต์ อาจอยใู่ นสวน/ในท่ที ร่ี กรงุ รัง ไม่ได้มกี ารทาความ สะอาดเป็นประจา การทาลายแหล่ง การปรบั ปรงุ สุขาภบิ าลสิง่ แวดล้อม คว่าภาชนะทีม่ นี ้าขงั ควร มีฝาปิดน้า หากไม่มฝี าปดิ เช่น อาจใส่ทรายอะเบท ท่มี ีคณุ สมบัติในการฆา่ ลกู นา้ ของ ยุงลาย หรือใส่ปลาหางนกยูงเพื่อให้กินลกู นา้ ยุงลาย เปน็ ต้น

ระดับและแนวทางการปอ้ งกนั โรค ขน้ั ตอนในการควบคมุ โรค 2. ป้องกนั การถ่ายทอดโรคทีจ่ ะขยายตวั ออกไป 2.2 การลดความสามารถในการแพรต่ ิดต่อของโรค เป็นการ ดาเนินการทาให้ตวั ก่อโรคมีระยะในการแพร่ตดิ ต่อส้ันลง เช่น - การให้วคั ซนี โปลิโอชนิดกนิ ในพื้นท่ที ่พี บผู้ป่วยโปลิโอเป็นประจา มีผลทา ให้เชื้อโปลโิ อทห่ี ลบซ่อนอยใู่ นตวั คน ถกู ทาลาย ซึง่ มีผลทาให้โอกาสในการแพร่ตดิ ต่อ ลดส้ันลงด้วย ซ่งึ การดาเนินการในลักษณะน้ตี อ้ งมีการดาเนินการตดิ ต่อกันหลายปี จน สามารถกวาดล้างโรคได้

ระดบั และแนวทางการป้องกนั โรค ข้นั ตอนในการควบคมุ โรค 2. ปอ้ งกนั การถา่ ยทอดโรคที่จะขยายตวั ออกไป 2.3 การแยกแหลง่ รังโรคออกจากผู้ที่มภี มู ิไวรบั /ผู้ท่มี ีร่างกายออ่ นแอ พรอ้ มท่จี ะรบั เชื้อโรค เพือ่ ลดการถา่ ยทอดเชื้อทเ่ี ป็นตวั ก่อโรคให้มโี อกาสสมั ผัสกบั ผู้ท่ี มีภมู ิไวรับนอ้ ยลง เช่น การรับผู้ปว่ ยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพือ่ แยกผู้ป่วยให้ ออกจากคนปกต/ิ ผู้ทีม่ ภี มู ิไวรับ 2.4 การแยกกกั โรค (Isolation) เป็นมาตรการทใ่ี ชก้ บั ผปู้ ว่ ย เพื่อแยก ไม่ให้แพรต่ ิดต่อไปยังผู้อืน่ ซึ่งต้องมีมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อโรคจะไม่แพรไ่ ปสู่ผอู้ ืน่

ระดบั และแนวทางการปอ้ งกนั โรค ขน้ั ตอนในการควบคมุ โรค 2.5 การสขุ าภิบาลสิง่ แวดล้อม ได้แก่ ควบคมุ สัตว์นาโรค กาจัดขยะสิง่ ปฏิกูล จัดหาน้าดื่ม/น้าใช้ สุขาภิบาลอาหาร 3. เพิม่ ภูมิต้านทานให้กับประชากรเสีย่ ง ให้สามารถต้านทานการ ติดโรคได้ ได้แก่ การสร้างเสริมภมู ิค้มุ กนั โรค วคั ซีนทีส่ าคญั เช่น คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก หัดเยอรมัน

ระดบั และแนวทางการปอ้ งกนั โรค สรปุ ข้ันตอนในการควบคุมโรค 1. พยายามลดผลด้านการเจบ็ ป่วยในกลุ่มผู้ป่วย 2. ป้องกนั การถา่ ยทอดโรคที่จะขยายตวั ออกไป 2.1 การกาจัดแหล่งรังโรค 2.2 การลดความสามารถในการแพรต่ ิดตอ่ ของโรค 2.3 การแยกแหล่งรงั โรคออกจากผู้ท่มี ีภมู ิไวรับ 2.4 การแยกกักโรค (Isolation) 2.5 การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม 3. เพิม่ ภูมิตา้ นทานให้กบั ประชากรเสีย่ ง

7. การป้องกันโรคทีพ่ บบ่อยในชีวิตประจาวัน และการดูแลเบื้องตน้ โรคที่พบบ่อย ส่วนใหญ่เป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ - โรคไขห้ วัด ไข้หวดั ใหญ่ โรคติดต่อทางอาหารและน้า - โรคอจุ จาระร่วง - อาหารเปน็ พิษ โรคติดต่อทีน่ าโดยแมลง - โรคไขเ้ ลือดออก

การป้องกันโรคที่เป็นปญั หาในการดาเนินชีวติ ไขห้ วดั (Cold) การติดเชื้อของจมูกและคอ บางครงั้ เรียก upper respiratory tract infection เกิดจากเชื้อไวรสั เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย จะทาให้เยื่อจมกู บวม แดง มีการหลัง่ ของ เมือกออกมา นา้ มูกไหล ไข้ไมส่ งู มาก หายได้เองใน 1 สัปดาห์ - ปกตใิ นผู้ใหญ่จะเป็นประมาณ เฉลีย่ 2-4 ครง้ั ต่อปี - ไข้หวดั แตกต่างจาก ไข้หวัดใหญ่ (ไข้สงู ประมาณ 3-4 วนั ปวดศีรษะมาก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวซึง่ พบไดบ้ อ่ ย)

การป้องกนั โรคที่เปน็ ปญั หาในการดาเนินชีวติ ไข้หวดั (Cold) การติดต่อ ติดต่อง่าย ทางเดินหายใจ ไอ/จาม เชื้อโรคจะเข้าทางเยือ่ บตุ า และปาก สัมผสั เชื้อโรคในผ้ปู ่วยทางแก้วน้า เสื้อผ้า การจบู และ สมั ผสั ทาง มือทีป่ นเปือ้ นกับเชื้อโรค การป้องกัน ล้างมือบ่อย ๆ ไม่เอามือเข้าปาก ไม่ขยี้ตา ไม่ใช้ของ ส่วนตัวร่วมกบั ผ้อู ืน่ หลีกเลีย่ งการสัมผสั ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เมือ่ มีอาการป่วยควรหยดุ พักที่บ้าน เวลา ไอ หรือ จาม ควรใช้ผ้าปิดปาก และ จมูก ทุกคร้งั

การป้องกนั โรคที่เปน็ ปัญหาในการดาเนินชีวติ การป้องกัน ฉีดวัคซีน ฉีดปีละ 1 ครั้ง แต่การฉีดต้องเลือกผ้ปู ่วย ดงั ต่อไปนี้ 1. ผู้ทีม่ อี ายุ มากกวา่ 50 ปี (65 ปี กระทรวงสาธารณสุข) 2. ผู้ทม่ี ีโรคเรื้อรังประจาตวั เชน่ โรคไต หัวใจ ตบั เบาหวาน เอดส์ 3. หญิงต้ังครรภ์ > 3 เดือน ขึน้ ไป และมีการระบาดของไข้หวดั ใหญ่ 4. ผู้ทีอ่ าศัยในสถานเลี้ยงคนชรา 5. เจ้าหนา้ ทีส่ าธารณสุขที่ดแู ลผู้ปว่ ยเรื้อรัง 6. นักเรยี นท่อี ยู่รวมกัน 7. ผู้ทีจ่ ะเดินทางไปยงั พื้นท่ี ท่มี ีการระบาดของไข้หวัดใหญ่

การป้องกันโรคทีเ่ ป็นปญั หาในการดาเนินชีวติ http://www.thaitrave lclinic.com/th/cost- th.html

การป้องกนั โรคทีเ่ ปน็ ปัญหาในการดาเนินชีวติ โรคติดตอ่ ทางอาหารและน้า โรคที่พบบอ่ ย ไดแ้ ก่ โรคอจุ จาระร่วง และ โรคอาหารเปน็ พิษ โรคอุจจาระร่วง ภาวะทีม่ กี ารถา่ ยอจุ จาระเหลว 3 คร้ังต่อกนั /มากกวา่ / ถา่ ยเปน็ น้า > 1 ครั้งใน 1 วัน/ ถา่ ยเป็นมูกหรือปนเลือดอย่างน้อย 1 คร้ัง สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อในลาไส้จากเชื้อ แบคทีเรยี ไวรัส โปรโตซวั ปรสิตและหนอนพยาธิ

การปอ้ งกันโรคที่เปน็ ปญั หาในการดาเนินชีวติ โรคติดตอ่ ทางอาหารและนา้ การติดต่อของโรค - รับประทานอาหาร/ดืม่ น้าปนเปือ้ นเชื้อทีอ่ อกมากบั อุจจาระของผ้ปู ่วย ระยะฟกั ตัวของโรค - อาจส้นั 10-12 ช่วั โมง/ 24-72 ชัว่ โมง ขึ้นกับชนิดของเชื้อก่อโรค อาการและอาการแสดง - อาการอจุ จาระร่วงเป็นนา้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน

การปอ้ งกนั โรคที่เปน็ ปญั หาในการดาเนินชีวติ การปอ้ งกนั โรคติดต่อทางอาหารและน้า 1. เลือกอาหารที่ผ่านการผลิตอย่างปลอดภยั เช่น นมพาสเจอร์ไรซ์ 2. ปรุงอาหารให้สกุ ท่ัวถึงก่อนรบั ประทาน 3. รับประทานอาหารทีป่ รงุ สกุ ใหมๆ่ 4. หากจาเป็นต้องเกบ็ อาหารสกุ ไว้ 4-5 ชวั่ โมง ควรเก็บไว้ในต้เู ย็นและความ อ่นุ ให้ร้อนก่อนกิน 5. ไมน่ าอาหารทีป่ รงุ สุก มาปนกับอาหารดิบ อาจปนเปื้อนเชื้อโรคได้

การปอ้ งกันโรคทีเ่ ปน็ ปัญหาในการดาเนินชีวติ การปอ้ งกันโรคติดตอ่ ทางอาหารและน้า 6. ล้างมือให้สะอาด ก่อนการปรงุ อาหาร ก่อนรับประทาน และโดยเฉพาะหลงั การเข้าห้องน้า 7. ดูแลความสะอาดของพื้นที่สาหรับเตรียมอาหาร ล้างทาความสะอาดหลงั การใช้ทุกคร้ัง 8. เกบ็ อาหารให้ปลอดภยั จากแมลง หนู หรือสตั ว์อื่นๆ 9. ใช้น้าสะอาดในการปรุงอาหาร และควรระวงั เป็นพิเศษใช้น้าเพื่อเตรียม อาหารเด็กทารก

การป้องกันโรคที่เปน็ ปญั หาในการดาเนินชีวติ การปฏิบตั ิตวั เมื่อมีอาการอจุ จาระรว่ งควรปฏิบัติ 1. ให้สารเกลือแร่ ORS/ ให้สารน้ามากกว่าปกติ เพือ่ ป้องกนั การขาดน้า 2. ใหอ้ าหารออ่ นยอ่ ยงา่ ย เชน่ ข้าวต้ม โจ๊ก หรือนา้ ขา้ วหรือแกงจืด ไม่งดอาหาร เพือ่ ป้องกนั การขาดสารอาหาร 3. เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบเจ้าหน้าทีส่ าธารณสขุ หรือแพทย์ ได้แก่ ถ่ายเป็นน้ามากขึ้น อาเจียนบ่อย กินอาหารไม่ได้ กระหายน้ากว่าปกติ ไข้สูง ถ่าย เปน็ มกู หรือปนเลือด

การปอ้ งกันโรคทีเ่ ปน็ ปญั หาในการดาเนินชีวติ โรคติดต่อทีน่ าโดยแมลง ทีพ่ บบ่อย โรคไข้เลือดออก ไข้เลือดออก สาเหตุ ยงุ ลายตัวเมียเปน็ พาหะ เชื้อไวรสั จะเพิม่ จานวนในตวั ยุงประมาณ 8-10 วัน เมื่อยงุ กดั คนก็จะแพรเ่ ชื้อสู่คน เชื้อจะอยู่ในคนประมาณ 2-7 วนั ในช่วงทีม่ ไี ข้ หากยุงกัด คนในชว่ งนี้กจ็ ะรับเชื้อมาแพรใ่ ห้กบั คนอื่นได้ ส่วนใหญ่พบในเดก็ ระบาดในฤดฝู น ยุงลาย ชอบออกหากินในเวลากลางวนั ตามบา้ นเรือน และโรงเรียน ชอบวางไข่ตาม ภาชนะท่มี ีนา้ ขัง เช่น ยางรถยนต์ กะลา กระปอ๋ ง จานรองขาตู้กบั ข้าว แต่ไม่ชอบวางไข่ในท่อ ระบายน้า ห้วย หนอง คลอง บงึ

การป้ องกนั โรคทเี่ ป็ นปัญหาในการดาเนินชวี ติ ไขเ้ ลือดออก อาการ ไม่จาเพาะ มีได้หลายอย่าง - เด็กอาจจะมีเพียงอาการไข้และผื่น - ผู้ใหญอ่ าจจะมไี ข้สูง ปวดศรี ษะ ปวดตามตวั ปวดกระบอกตา ปวดกลา้ มเนื้อ หากรักษาชา้ ผู้ปว่ ยอาจจะเสียชวี ิต ลกั ษณะสาคญั ไข้สงู เฉยี บพลันประมาณ 2-7 วัน เบือ่ อาหาร หน้าแดง ปวดศรี ษะ คลื่นไส้อาเจยี น อาจมปี วดท้องร่วมด้วย บางรายมีจดุ เลือดสีแดงขึ้นตามลาตัว แขน ขา อาจมีเลือดกาเดาออก/เลือดออกตามไรฟนั และถ่ายอุจาระดา และอาจทาให้ ช็อกได้ รายท่ชี ็อกจะสงั เกตได้จากการท่ไี ข้ลดแต่ผู้ป่วยซมึ ลง ตวั เย็น หมดสติและ เสียชวี ิตได้

การปอ้ งกนั โรคทีเ่ ปน็ ปญั หาในการดาเนินชีวติ ไข้เลือดออก การป้องกนั – กาจัดแหล่งเพาะพันธ์ุยุง เช่น กะลา ยาง กระป๋อง – หาฝาปิดภาชนะบรรจุนา้ เช่น โอง่ ถงั น้า – ใส่ทรายอะเบท เพื่อกาจดั ลูกน้ายุงลาย – ในแหล่งน้าสาธารณะอาจจะเลี้ยงปลาเพือ่ กินลกู น้า – ปรบั ปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม เพื่อกาจดั แหล่งเพาะพันธุ์ยุง

การปอ้ งกัน การปอ้ งกันโรคทีเ่ ป็นปัญหาในการดาเนินชีวติ ไขเ้ ลือดออก

บทสรปุ

บทสรปุ

บทสรปุ

บทสรปุ

เรียนครงั้ ต่อไป บทที่ 5 เรียนวนั ที่ ......................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook