Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 3

บทที่ 3

Published by surachat.s, 2020-04-21 05:37:15

Description: บทที่ 3

Search

Read the Text Version

28 บทท่ี 3 การสร้างเสรมิ สขุ ภาพและการดูแลสุขภาพบคุ คล ครอบครัวและชุมชน เนอ้ื หา 1. ความหมายของการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ 2. การดาเนินการสรา้ งเสริมสุขภาพ 3. หลกั ในการสร้างเสริมสขุ ภาพ 4. การสร้างเสริมสุขภาพเฉพาะพฤตกิ รรม 5. กจิ กรรมการสรา้ งเสริมสุขภาพและการดูแลสุขภาพ 5.1 ระดบั บุคคล 5.2 กิจกรรมสร้างเสรมิ สขุ ภาพระดบั ครอบครัว 5.3 กิจกรรมการสรา้ งเสรมิ สุขภาพระดับชุมชน วัตถุประสงค์ 1. นิสิตสามารถอธิบายความหมายของการสรา้ งเสริมสขุ ภาพได้ถกู ต้อง 2. นสิ ิตสามารถบอกการดาเนนิ การและหลกั ในการสรา้ งเสริมสุขภาพได้ถกู ต้อง 3. นิสติ สามารถบอกกิจกรรมในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพและการดแู ลสขุ ภาพระดับบคุ ค ครอบครวั และ ชมุ ชนได้ถกู ต้อง บทนา ในชีวิตประจาวนั เรารับรูถ้ ึงพลวัตท่เี กดิ ขึน้ กับโลกมากมาย พรอ้ มกับเง่ือนไขปัจจยั ข้อจากัดใหม่ๆ มากมายเกิดข้นึ ดว้ ยเช่นกัน การเผชิญกับการเปล่ยี นแปลง ความเสยี่ ง ภยั คุกคาม ความไม่ม่ันคงทีส่ ะท้อนให้ เหน็ ถงึ ความไม่พรอ้ มของการรบั มือปัญหาใหม่ กว่าจะแก้ไขใหอ้ ยูใ่ นสภาพทสี่ มดลุ ได้ กใ็ ช้เวลาและมีความ สญู เสยี เกดิ ขึน้ โจทย์ใหม่ๆท่ยี ากข้นึ ทาใหเ้ กดิ คาถามวา่ จะทาอย่างไรกับผลพวงของการเปล่ียนแปลงเหลา่ น้นั ในดา้ นสุขภาพกม็ กี ารเปลยี่ นแปลงเกิดขนึ้ อย่างรวดเรว็ การแพร่กระจายของเชอ้ื โรคผา่ นการระบาดในพนื้ ทีท่ ่ี พร่องภมู ิคุม้ กัน และพร้อมทีจ่ ะกระจายตวั อยา่ งรวดเร็ว แมว้ ่าเทคโนโลยที างการแพทย์จะถกู พฒั นาให้ดีขน้ึ มา จากอดตี มากขนึ้ ขนาดไหน ก็ยังไม่พอที่จะรองรับโรคอุบตั ิใหม่และโรคเรือ้ รังท่ีได้คร่าชีวิตมนุษยม์ ากมาย ในอีก มุมหนึ่งการสรา้ งเสริมสขุ ภาพเป็นทางเลือกของการเตรยี มพร้อมรองรบั ส่ิงทจี่ ะเกิดขนึ้ กบั ระบบสุขภาพ เป็น ทางออกทใี่ ช้และเก่ยี วข้องในการสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ทีต่ อ่ เนื่อง และรองรบั ความเส่ียงใหม้ นษุ ยใ์ ช้ศักยภาพ ของตนเพื่อให้สขุ ภาพดใี หน้ านท่สี ุด วงการสุขภาพท่ัวโลก มกี ารปฏิบตั งิ านด้านการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพมาเปน็ เวลานาน แต่ดว้ ยเหตุผลขา้ งตน้ ถงึ การเปล่ยี นแปลงที่รวดเรว็ ท้ังสภาพเศรษฐกจิ สังคม ในช่วงปลายศตวรรษ นี้ ตวั กาหนด (Determinants) ของสุขภาพได้แปรเปล่ยี น มคี วามซับซ้อนมากข้นึ จงึ มนี ักวชิ าการดา้ นการ สร้างเสรมิ สขุ ภาพได้ศึกษาค้นควา้ กระบวนการ วิธีการ รวมไปถงึ รปู แบบ นวตั กรรมใหม่ๆ มาจดั การกับ ตัวกาหนดต่างๆ ท่ีมผี ลต่อสุขภาพของมนุษย์ การสร้างเสริมสุขภาพคืออะไร มีการดาเนินการ หลักการและ กิจกรรมการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพเป็นอยา่ งไร รายละเอียดมีดังต่อไปนี้

29 1. ความหมายของการสร้างเสริมสขุ ภาพ จากกฎบัตรออตตาวา พ.ศ. 2529 (World Health Organization, 1986) การสง่ เสริมสุขภาพหรือ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ หมายถงึ กระบวนการทจ่ี ะเอื้ออานวยใหป้ ระชาชนสามารถเพิ่มความสามารถในการ ควบคุมและปรบั ปรงุ สขุ ภาพของตนเอง การจะเขา้ ถึงสภาวะท่ีสมบรู ณ์ทง้ั กายจิตและสังคมนนั้ บุคคลหรือกลุม่ บุคคลต้องสามารถระบถุ ึงสงิ่ ที่ต้องการบรรลุและบรรลุในสิ่งท่ตี อ้ งการได้ รวมถึงสามารถปรบั เปล่ยี น ส่งิ แวดลอ้ มหรอื สามารถปรับตัวให้เขา้ กับสิง่ แวดล้อมท่ีเปล่ียนแปลงไปได้ สขุ ภาพจึงมใิ ช่เปา้ หมายแหง่ การ ดารงชวี ิตอยู่อีกตอ่ ไป หากแต่เปน็ แหลง่ ประโยชนข์ องทุกวันท่เี ราดาเนนิ ชวี ิต สขุ ภาพเป็นแนวคดิ ดา้ นบวกท่ี มุง่ เน้นแหลง่ ประโยชน์ทางสังคมและแหลง่ ประโยชนส์ ว่ นบคุ คล รวมถงึ ศักยภาพทางกายของบุคคล ดงั นนั้ การ สรา้ งเสรมิ สุขภาพ จงึ ไมเ่ ป็นเพยี งความรับผดิ ชอบของภาคสว่ นทดี่ แู ลสขุ ภาพเทา่ น้ัน แต่ยงั มุ่งไปท่รี ูปแบบการ ดาเนินชวี ติ ที่ส่งผลดีตอ่ สขุ ภาพซง่ึ จะนาไปสู่การมีสขุ ภาวะในที่สุด (สนิ ศกั ดิ์ชนม์ อุน่ พรมมี, 2556) หลายประเทศทว่ั โลกไดใ้ หค้ วามสาคญั และพฒั นาการสร้างเสริมสขุ ภาพแนวใหม่ มีทงั้ ภาพของ ความสาเรจ็ ความลม้ เหลว ทาให้นักสรา้ งเสรมิ สุขภาพตา่ งกไ็ ด้วิเคราะหก์ นั วา่ หากจะดาเนนิ การส่งเสริม สุขภาพให้สาเร็จได้นั้นตอ้ งแสวงหาผ้สู ร้างเสรมิ สขุ ภาพใหม่ ท่มี ีการเปล่ยี นแปลงและการนาพาการสรา้ งเสริม สุขภาพเข้าสู่ศตวรรษใหมท่ ี่ใกล้จะมาถึงนี้ และประเดน็ ทีส่ าคัญอีกประเดน็ หน่งึ ก็คือ \"ตัวกาหนด\" (Determinants) ของสขุ ภาพ ไดเ้ พม่ิ มากขน้ึ มคี วามซบั ซ้อนหลากหลายมากขึ้นตามสภาพสง่ิ แวดลอ้ ม และ ปจั จัยจากระบบเศรษฐกจิ สังคม และระบบนเิ วศ ผูส้ ร้างเสริมสุขภาพใหมจ่ ึงเปน็ แนวทางในการพัฒนาระบบ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ เพราะความสาเร็จของการพฒั นาไม่ได้มาจากแนวทางการทางานเดิมๆ โดยผู้มสี ว่ น รบั ผดิ ชอบเดมิ แต่ดูแลท้ังสังคม ผ้สู ร้างเสรมิ สุขภาพใหม่จึงประกอบดว้ ยผูค้ นหลากหลายสถานะ อาชีพ ท่ีต่าง ก็มสี ว่ นไดส้ ่วนเสีย เปน็ เจา้ ของสขุ ภาพมสี ิทธิอันชอบธรรมท่ีจะมาชว่ ยกนั คดิ นวตั กรรมการสร้างเสรมิ สุขภาพ แนวทางใหม่ ความเช่ือเรอ่ื งการสร้างเสริมสุขภาพตามกระบวนทศั น์ใหม่ ให้แนวทางการทางานด้านการสร้างเสรมิ สขุ ภาพโดยเปล่ียนจาก การมุ่งไปท่ีการปรับเปลยี่ นวถิ ชี วี ติ หรือพฤตกิ รรมสุขภาพเปน็ หลกั อย่างเดยี ว มาเปน็ การต้องช่วยสร้างพลงั อานาจ เพ่ิมความสามารถในการควบคมุ ตนใหค้ น (Empowerment) จึงจะทาให้ ประชาชนสุขภาพดีข้ึน ในความเชอ่ื นี้ ผู้ทมี่ ีพลงั อานาจอย่างแทจ้ ริง จะสามารถควบคุมหรือปรบั วิถีชวี ติ สุขภาพ (Life style) และปรับเปล่ียนภาวะความเปน็ อยู่ (Living condition) ของตนได้ (วรรณภา ศรธี ญั รัตน์ และ คณะ, 2555) การศกึ ษาขององค์การอนามยั โลกไดส้ รุปวา่ ผูส้ ร้างเสริมสุขภาพใหม่ ประกอบด้วย องค์กรของรัฐที่มี สถานะเปน็ \"หุ้นสว่ น\" ซึ่งจากเดมิ รฐั เปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบงานสร้างเสรมิ สขุ ภาพเปน็ สว่ นใหญ่ บทบาททเี่ ปลีย่ นไป จะเปน็ ผปู้ ระสานหรือผู้ทีบ่ ทบาทรเิ ร่มิ ในนโยบายสาธารณะเพอ่ื สขุ ภาพ บทบาทท่สี าคญั ในการประสานงานกบั องค์กรของรัฐในภาคอ่นื และมบี ทบาทสง่ เสริมเก้ือหนุนให้องค์กรทไ่ี ม่ใชร่ ฐั จดั สรรทรพั ยากร เปดิ พื้นที่ให้ หุ้นส่วนตา่ งๆใหม้ ีบทบาทที่สงู ขน้ึ และในชว่ งทา้ ยศตวรรษท่ี 20 บทบาทและสถานะของภาครัฐจะเปลย่ี นแปลง ไปมากข้ึน การเคล่ือนย้ายของอานาจในการตดั สนิ ใจ รวมไปถึงทรัพยากรไปเปน็ ภาคเอกชน (Privatization) มากขึน้ สว่ นองคก์ รทีไ่ ม่ใช่รัฐ (Non - government organization) หรือที่เราเรยี กวา่ NGOs ถอื วา่ เปน็ สว่ น หนึง่ ของผสู้ ร้างเสริมสุขภาพใหมท่ ีม่ คี วามสาคัญและนบั วนั จะเพิ่มความสาคัญมากข้นึ องค์กรเหล่าน้ีเรยี กรวมๆ ได้ว่าเป็น เครอื ขา่ ยประชาสงั คม (Civil society) ถอื ว่าเปน็ ตวั กลางในการชแ้ี นะให้กับสาธารณะ รวมไปถึงการ ผลกั ดันเชงิ นโยบาย การดาเนินงานทไ่ี ม่มกี รอบระเบียบที่แขง็ เหมือนภาครฐั ทาใหเ้ กดิ ความคล่องตัวในการ ดาเนนิ งานเปน็ อย่างมาก และผ้สู ร้างเสริมสขุ ภาพใหม่ทน่ี า่ จับตามองอีกภาคส่วนหนึ่งก็คือ ภาคเอกชน ทีเ่ ป็น กลมุ่ ท่ีมีพลงั เข้มแข็งมากในแง่ของทรัพยากร อานาจใหม่จากการปรับเปล่ยี นแนวคิดการพฒั นาแนวใหม่ท่ใี ห้

30 โอกาสภาคเอกชนมากข้ึน ภารกิจของรฐั บาลในหลายเร่ือง กาลังถูกแปรสภาพเปน็ เอกชนมากข้นึ ผู้สรา้ งเสริม สขุ ภาพใหม่ที่ถกู จับตามองถึงการเติบโตขน้ึ คือ ชมุ ชนวชิ าการ (Academic community) กลมุ่ นเี้ ปน็ ผู้สร้าง เสรมิ สขุ ภาพใหม่ทใ่ี ช้ความรู้เปน็ ตน้ ทนุ ในการขบั เคลื่อน แสวงหาความรใู้ นหลากหลายวิธเี พอ่ื นามาประยุกต์ และปฏิบัติการตา่ งๆของงานสร้างเสริมสขุ ภาพ จงึ เปน็ กลุ่มทมี่ พี ลังอยา่ งมากในแง่ของการขบั เคลอื่ นทม่ี ี เป้าหมายชัดเจน ในประเทศไทยมีผ้สู ร้างเสรมิ สุขภาพใหมอ่ ีกกลมุ่ ท่สี าคญั คือ กลมุ่ องคก์ รสว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื อปท. กลุม่ นีเ้ ป็นผลผลติ จากการกระจายอานาจของรัฐ ใหช้ มุ ชนมอี านาจในการจัดการตนเองได้ ผา่ นคน ทอ้ งถิน่ ทร่ี ู้จกั ตวั ตนของตนเองดี ความคาดหวังในการส่งเสรมิ สขุ ภาพจึงถูกพุ่งเป้าลงท่ีท้องถ่ินค่อนข้างมาก ใน ปจั จุบนั งานสรา้ งเสริมสขุ ภาพแนวใหม่ จงึ มคี วามสาคัญอย่างมากกบั ประเทศไทย ทเี่ ป็นองค์ประกอบของ สังคมโลกทมี่ ปี จั จยั ต่างๆตามทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ เหตุการณห์ น่งึ ๆทีเ่ กดิ ขน้ึ ณ มุมโลก จากนน้ั ไมน่ านก็สง่ ผา่ นดว้ ย ความเรว็ ไปทว่ั โลกในทนั ที การเปล่ียนแปลงท่มี คี วามรุนแรงในศตวรรษนีแ้ ละจะรุนแรงมากขนึ้ ในศตวรรษหนา้ การดาเนนิ งานสร้างเสรมิ สุขภาพจึงต้องให้ความสาคัญกบั ผสู้ ร้างเสรมิ สขุ ภาพใหม่ เรยี นรู้กนั ผา่ นบรบิ ทแบบ ไทยๆวา่ ผ้สู รา้ งเสรมิ สุขภาพใหมจ่ ะเขา้ มาเปน็ หุ้นสว่ นในการสง่ เสริมสขุ ภาพได้อยา่ งไร จะร่วมมอื กนั อยา่ งไร เพอ่ื พลงั ความเข้มแข็งในการขบั เคลอ่ื นงานส่งเสริมสขุ ภาพอยา่ งไร ดังน้ันแม้ภาครัฐมบี ทบาทสาคัญต่อสุขภาพ แต่สุขภาพกไ็ ดร้ ับอิทธพิ ลอยา่ งสูงจากภาคเอกชน กล่มุ ธรุ กจิ องค์กรพัฒนาเอกชน และองคก์ รชมุ ชนต่างๆ ศักยภาพของแตล่ ะภาคส่วนในการดูแลและสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของประชาชนควรไดร้ ับการส่งเสรมิ องค์กรทางการคา้ การพานิชย์ ภาคอุตสาหกรรม สมาคมวิชาการ และผ้นู าศาสนามีโอกาสอยา่ งมากในการดาเนินการเพ่ือผลประโยชนท์ างสขุ ภาพของชมุ ชน เราจึงควรสรา้ ง เครอื ข่ายพนั ธมติ รใหมๆ่ เพื่อใหเ้ กดิ กจิ กรรมด้านสขุ ภาพอย่างฉับพลัน (สินศักดิช์ นม์ อนุ่ พรมมี, 2556) 2. การดาเนินการสรา้ งเสริมสุขภาพ สร้างเสริมสขุ ภาพต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายใน (Inside out) เปน็ การปฏิบัติตัวเพ่ือ เปลี่ยนแปลงตัวเองในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ แต่การเปล่ยี นแปลงโดยการพึ่งพาหรือไดร้ ับความชว่ ยเหลอื จาก ภายนอกหรอื จากบุคคลอ่นื จะเป็นการเปล่ียนแปลงภายนอก (Out-side in) การสรา้ งเสริมสขุ ภาพจะเปน็ ไป ไดแ้ ละมีความยง่ั ยืนตอ้ งมกี ารเปลีย่ นแปลงจากภายใน ซงึ่ มีแนวทางในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ ดงั นี้ 1) การสร้างนโยบายสาธารณะเพ่ือสุขภาพ การสง่ เสริมสุขภาพ มใิ ชเ่ ป็นความรบั ผดิ ชอบของ หน่วยงานทางการแพทย์และสาธารณสขุ เทา่ นนั้ ดังนน้ั การมนี โยบายในระดบั กระทรวงสาธารณสุขจึงไม่ เพยี งพอ จาเป็นจะตอ้ งมนี โยบายสาธารณะท่ีทกุ หนว่ ยงานท้ังภาครัฐ และเอกชน จะต้องขานรบั และมกี าร ปฏบิ ตั ิอยา่ งเป็นจริง นโยบายสาธารณะเพ่ือสขุ ภาพ จะเกยี่ วข้องกับ กฎหมาย มาตรการทางเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การเก็บภาษี รวมทง้ั การจัดตง้ั องค์กรที่แน่ชัดเพ่อื รับผดิ ชอบ ซงึ่ กลวิธนี ี้มจี ุดมุง่ หมายเพ่ือกระตุน้ ทุกคน ใหม้ สี ่วนเกีย่ วข้องในการดูแลสุขภาพ ใหม้ ่นั ใจวา่ สขุ ภาพเป็นส่วนหนึ่งท่รี วมอยใู่ นการตัดสินในดา้ นสาธารณะ เพราะการสรา้ งเสริมสขุ ภาพเปน็ มากกวา่ การดแู ลสขุ ภาพ (อาภาพร เผ่าวัฒนาและคณะ, 2555) 2) การสร้างสง่ิ แวดล้อมทเ่ี อ้ือตอ่ สุขภาพ การสร้างส่งิ แวดลอ้ มท่เี อื้อต่อสุขภาพ คอื การอนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมท่ีมอี ย่ใู นระดับชมุ ชน ระดับประเทศ และระดับโลก ทง้ั น้เี น่อื งจากสมดลุ ของธรรมชาตยิ ่อมมีผลโดยตรงตอ่ การมีสุขภาพดขี องมวลมนุษย์ นอกจากนี้ยงั รวมถึงการจัดสิ่งแวดลอ้ มให้ สอดคลอ้ งกับการเปลย่ี นแปลงของการดาเนินชวี ติ การทางาน และการใช้เวลาวา่ ง โดยการสร้างสงั คมท่ีมี สุขภาพดี (Healthy society), การสร้างเมืองทม่ี ีสุขภาพดี (Healthy city), การจัดท่ีทางานทเ่ี อ้ือต่อสุขภาพ (Healthy workplace) และการทาใหเ้ ป็นโรงเรยี นเพ่ือสุขภาพ (Healthy school)

31 3) การเพมิ่ ความสามารถของชุมชนหรือศกั ยภาพของชมุ ชน หวั ใจสาคญั ของกระบวนการเพิ่ม ความสามารถของชุมชน คอื การสร้างพลงั อานาจให้กบั ชุมชน ซงึ่ เปน็ กระบวนการทางสังคม ที่สง่ ผลใหส้ มาชิก ในชมุ ชนมคี วามรสู้ ึกเปน็ “เจ้าของชวี ติ และชุมชนของตนเอง” ให้ชุมชนสามารถควบคุมการปฏิบตั งิ านและ เป้าหมายของชุมชนเองได้ ซง่ึ ชมุ ชนจะตอ้ งได้รับข้อมลู ข่าวสาร โอกาสในการเรียนรู้เกยี่ วกบั สขุ ภาพ และการ สนับสนุนทางดา้ นการเงนิ อย่างเพยี งพอและต่อเน่อื ง การสร้างเสรมิ สขุ ภาพจะตอ้ งเป็นกจิ รรมต่อเน่ืองทชี่ มุ ชน ดาเนินการด้วยตัวเอง ในบางกรณอี าจจะอาศัยความชว่ ยเหลือทางการเงนิ ทรพั ยากรและทางเทคนคิ จาก ภายนอก แตใ่ นระยะยาวชมุ ชนนั้นตอ้ งดาเนนิ กจิ กรรมนี้ด้วยตวั เอง หรือดยี ่งิ ไปกว่านัน้ เมอ่ื ประสบความสาเรจ็ กถ็ า่ ยทอดประสบการณ์ความสาเร็จและเทคนิคการดาเนนิ งาน ให้กับชมุ ชนอนื่ ๆ ไปปฏิบัตติ าม (สนิ ศักดิ์ชนม์ อุ่นพรมมี, 2556) 4) การพฒั นาทกั ษะส่วนบคุ คล การสร้างเสริมสุขภาพควรช่วยใหบ้ ุคคลและสงั คมเกดิ การพัฒนา มี ความรแู้ ละทักษะในการดารงชีวิต (life skills) ซึง่ เปน็ ทางเลอื กหนง่ึ สาหรับประชาชนที่จะควบคุมสุขภาพของ ตนเองและควบคุมส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงสง่ ผลตอ่ สุขภาพ เชน่ พัฒนาศกั ยภาพการออกกาลงั กายและการเลิกบหุ ร่ี ให้ บุคคลเหน็ ความสาคญั และตระหนักวา่ เปน็ เร่ืองท่ีต้องลงมือปฏบิ ตั เิ อง แพทย์และบคุ ลากรทางการแพทย์ไม่ สามารถออกกาลงั กายและเลิกบหุ รีแ่ ทนได้ คนจานวนมากทราบถึงพิษภยั ของการสูบบหุ ร่ีแต่ไม่สามารถเลิก บหุ รไี่ ด้ อาจเปน็ เพราะยังไมม่ ีความคดิ ในเชงิ บวกวา่ ตัวเองสามารถกาหนดทางเลือกให้ตัวเองไดว้ ่าจะสูบบุหร่ี หรือไม่ แลว้ มีความเขา้ ใจที่จะเลอื กทางเลอื กทีด่ ีต่อสุขภาพคอื การเลกิ บหุ รี่ การปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมสุขภาพ ในระดับบคุ คล มักสง่ ผลให้เกิดการเปล่ยี นแปลงในพฤติกรรมระดับบุคค องค์กร ชมุ ชน และประเทศตามมา เพราะบุคคลเปน็ สมาชิกของกลมุ่ บคุ คล บคุ คลเป็นผู้มีบทบาทในการบริหารองค์กร มีบทบาทในการเลือกตั้ง หรือเสนอผู้นาหรอื ผแู้ ทนของตน และมีบทบาทในการสนบั สนุนการออกกฏหมายแต่ละฉบับ ซึง่ จะส่งผลต่อ ความสาเร็จในการปรับเปล่ียนนโยบาย หรือแม้แต่การเปล่ียนแปลงภายในองค์กร ดังนัน้ การสรา้ งเสริมสุขภาพ โดยการพฒั นาทักษะสว่ นบคุ คล จงึ มคี วามสาคัญและเป็นพ้ืนฐานการเปล่ียนแปลงหรือพัฒนาในระดบั ท่ีใหญ่ กว่า (สนิ ศกั ดิช์ นม์ อุ่นพรมมี, 2556) 5) การปรับระบบบริการสาธารณสขุ ตอ้ งมกี ารปรับเปลีย่ นระบบบริการสุขภาพจากเชงิ รับเป็นเชิงรุก หรอื จากการซ่อมสขุ ภาพเป็นการสรา้ งสขุ ภาพ โดยใหม้ ีกจิ กรรมการสง่ เสริมสุขภาพให้มากข้นึ มกี ารสอื่ สารกับ หนว่ ยงานภายนอกให้กวา้ งขวางยง่ิ ขนึ้ เช่น หนว่ ยงานด้านสง่ิ แวดลอ้ ม ดา้ นสงั คม ด้านการเมือง และเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการใหบ้ รกิ ารด้านการรกั ษาพยาบาลเทา่ นน้ั นอกจากนัน้ ยงั ต้องให้ความสนใจเก่ียวกับการวจิ ยั เพ่อื ปรับเปล่ียนระบบและการฝึกอบรมเจ้าหน้าทใี่ ห้มีแนวคดิ เกีย่ วกบั การสง่ เสริมสขุ ภาพ การปรบั ระบบ บริการสาธารณสขุ คนสว่ นใหญ่อาจจะเขา้ ใจว่าเปน็ การเปลี่ยนแปลงเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ และ สาธารณสขุ เทา่ น้นั ท่จี ะต้องเปลี่ยนวิธคี ดิ วธิ ีทางานจากการเปน็ ผู้ให้บริการสุขภาพมาเป็นผู้ใหก้ ารสนบั สนุน ประชาชนใหม้ คี วามสามารถในการควบคุมและพฒั นาสุขภาพของประชาชนเอง แตท่ ี่สาคัญไม่ยิ่งหยอ่ นไปกว่า กัน คือทัศนคติและวธิ ีคิดของประชาชนเองว่าจะต้องสรา้ งเสริมสุขภาพและไปพง่ึ พาระบบบรกิ ารสุขภาพต้ังแต่ ในข้นั ตอนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ ไม่ใชร่ อให้ปว่ ยแลว้ จึงไปใชบ้ ริการระบบสุขภาพเพื่อการรักษาพยาบาลเทา่ นน้ั (สินศกั ด์ชิ นม์ อุน่ พรมมี, 2556)

32 3. หลักในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ 1) เนน้ กจิ กรรมหลายลักษณะทีม่ งุ สร้างสมรรถนะของการสร้างสขุ ภาพดี ลดหรือควบคุมปจั จยั เสย่ี ง และพฤตกิ รรมเสย่ี ง และเปน็ กระบวนการที่มงุ่ ดาเนนิ การกันทงั้ บคุ คลและสังคม 2) เน้นกระบวนการส่งเสริมใหป้ ระชาชนเพ่มิ สมรรถนะในการควบคุมดแู ลและพฒั นาสุขภาพของ ตนเอง 4. การสรา้ งเสริมสุขภาพเฉพาะพฤตกิ รรม การสร้างเสรมิ สุขภาพเป็นกระบวนการในการพัฒนาศกั ยภาพของบคุ คลและชมุ ชนในการดแู ลตนเอง พฤติกรรมการดูแลสุขภาพจงึ ครอบคลุมโภชนการ การออกกาลงั กาย การจัดการความเครียดและการป้องกัน พฤติกรรมเสี่ยงตา่ งๆ เชน่ พฤติกรรมเสย่ี งทางเพศ บุหร่ี และสรุ า ในการสร้างเสริมสุขภาพเฉพาะพฤติกรรม เหลา่ น้ีจงึ ยดึ ถอื กลยทุ ธใ์ นการชแ้ี นะสาธารณะ การประสานงาน และการพัฒนาศักยภาพส่วนบคุ คล โดยใช้ กลวิธขี องการสรา้ งนโยบายสาธารณะ การสร้างส่ิงแวดลอ้ มท่เี หมาะสมกบั การดแู ลสุขภาพการสรา้ งความ เข้มแข็งของชุมชน การพัฒนาทกั ษะส่วนบคุ คล และการปรับเปลยี่ นรปู แบบบริการสขุ ภาพ ในการดาเนินการ ซึ่งมีความเฉพาะของแต่ละพฤติกรรมเป็นเน้ือหาสาระหลกั และใช้แนวคิดของการสร้างการมสี ว่ นร่วมเพื่อใหเ้ กิด การสรา้ งเสริมสขุ ภาพชมุ ชนที่ย่งั ยืน (อาภาพร เผ่าวัฒนา และคณะ, 2555) การสร้างเสริมสขุ ภาพจะ ประกอบดว้ ยกิจกรรมตา่ งๆกันออกไป กจิ กรรมการสรา้ งเสรมิ สุขภาพแตล่ ะระดับอาจจะมีความแตกตา่ งกนั บ้างหรอื บางคร้ังอาจจะมีความเกย่ี วโยงสัมพนั ธก์ นั 5. กิจกรรมการสร้างเสริมสขุ ภาพ 5.1 กิจกรรมการสรา้ งเสริมสุขภาพระดับบุคคล 1) รับประทานอาหารทมี่ ีคุณค่าทางโภชนาการ ในปจั จบุ ันประชากรโลกเริ่มตระหนกั ถึงพิษ ภยั ของการรบั ประทานอาหารทีไ่ ม่ถกู ต้องตามหลักโภชนาการ หันมาให้ความสาคัญกบั การควบคมุ และเลอื ก รบั ประทานอาหารที่มีประโยชน์ตอ่ สขุ ภาพมากขน้ึ เชน่ ลดการรบั ประทานเน้ือสตั ว์ นม เนย ให้เพ่มิ การ รับประทาน พืช ผกั และธัญพืช ซ่งึ อดุ มด้วยเส้นใยจากธรรมชาติ และวิตามิน ในวัยเดก็ เนื้อสตั ว์และนมยังเปน็ ส่งิ จาเป็น เนอื่ งจากร่างกายมีการเจรญิ เติบโต ในวัยผู้ใหญร่ ่างกายต้องการโปรตีนลดลง การรับประทาน เนอื้ สตั วแ์ ละนมมากเกินไปยังทาให้รา่ งกายไดร้ ับไขมนั เพ่ิม เนื่องจากในเน้อื สัตว์และนมจะมปี ริมาณไขมัน ค่อนข้างสงู นอกจากนนั้ ยังพบวา่ ผทู้ ีร่ ับประทานเนื้อสัตว์มากๆ มีโอกาสเกิดมะเรง็ ลาไส้ใหญไ่ ดส้ งู ควร เปลี่ยนแปลงมารับประทานโปรตนี จากพชื พวกถวั่ แทน อาหารอกี กลมุ่ ซ่ึงไมค่ วรรบั ประทานมากเกินไป คือ นา้ ตาล พบว่าน้าตาลทาให้หลอดเลอื ดมีความเส่ือมเรว็ ขึ้น ในผู้ป่วยเบาหวานท่ีมนี า้ ตาลสูงจะพบว่าหลอดเลอื ด แก่ก่อนวัย ไขมนั กเ็ ป็นอกี กลุ่มหน่งึ ท่คี วรจากัด และใช้นา้ มันจากพืชแทนน้ามนั จากสตั ว์ ยกเวน้ นา้ มันมะพรา้ ว และน้ามันปาล์มควรหลกี เลีย่ งเนอ่ื งจากมี โคเรสเตอรอลสูง อาหารทค่ี วรรับประทานคือ ผัก ผลไม้ ธญั พชื เช่น ขา้ วซอ้ มมือ ถวั่ เพราะอดุ มไปด้วย กากใยธรรมชาติ วติ ามนิ และเกลือแร่ 2) ออกกาลังกายสม่าเสมอ การออกกาลังกายเปน็ การเพ่ิมหรือคงไวซ้ ึง่ ความทนทานของ ระบบไหลเวยี นโลหิตและปอด โดยมีขบวนการใช้ออกซิเจน ในขบวนการเผาผลาญ เพอื่ ใหเ้ กิดพลังงานสาหรับ การออกกาลงั กายอยา่ งตอ่ เนื่อง ประโยชนข์ องการออกกาลงั กาย 1) ระบบการไหลเวียนโลหิตดี ทาให้กล้ามเน้ือหัวใจแข็งแรงมากข้นึ สามารถสบู ฉีดโลหิตได้ ปริมาณมากข้นึ เพมิ่ หลอดโลหติ ฝอยมาเล้ียงกลา้ มเน้อื หัวใจ ลดอตั ราการเตน้ ของหัวใจ ทั้งในขณะพักและออก

33 กาลงั กาย ทาให้ไมเ่ หนอ่ื ยง่าย นอกจากนยี้ ังช่วยลดแรงต้านทานส่วนปลายของหลอดโลหิตฝอยทาให้ความดัน โลหติ ลดลงทงั้ ขณะพกั และออกกาลงั กายลดความเสยี่ งต่อการเกดิ โรคความดนั โลหติ สงู 2) ระบบการหายใจ ทาให้ความจปุ อดเพิ่มขนึ้ ทาให้การแลกเปล่ยี นออกซิเจนมากขึ้น เพ่ิม ปริมาณโลหติ ไปสปู่ อด ทาให้การไหลเวยี นของปอดดขี ึน้ เพ่มิ ประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซทปี่ อด ทาให้ ประสทิ ธิภาพการหายใจดขี น้ึ 3) ระบบชีวเคมีในเลือด ชว่ ยลดปรมิ าณคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) จึงลดอตั ราเส่ียงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคหลอดเลือดสมองอดุ ตัน ช่วยเพ่มิ HDL Cholesterol ซ่ึงช่วยลดการเปน็ โรคหลอดเลอื ดหวั ใจอดุ ตัน ลดนา้ ตาลสว่ นเกนิ ในเลอื ด เปน็ การช่วยปอ้ งกัน โรคเบาหวาน 4) ระบบประสาทและจติ ใจ ลดความวิตกกังวลและคลายความเครียด ทาให้มคี วามสุขและ รู้สึกสบายใจจากสาร Endorphin ท่หี ลัง่ ออกมาจากสมองขณะออกกาลังกาย ข้ันตอนและหลกั ในการปฏิบัติออกกาลังกาย ถ้ามอี ายมุ ากกว่า 35 ปี ควรตรวจสขุ ภาพ ว่ามโี รคหวั ใจหรือไม่ก่อนการออกกาลงั กายชนิดน้ี ควรรวู้ ิธเี หยยี ดและยืดกล้ามเน้ือ รวมทัง้ อุน่ เคร่ือง (Warm up) และเบาเคร่ือง (Cool down) หลักในการ ปฏบิ ัติ เปน็ การใช้กล้ามเน้ือมัดใหญอ่ ย่างน้อย 1 ใน 6 สว่ นของร่างกาย ออกกาลงั อย่างสม่าเสมอ ซงึ่ รปู แบบ การออกกาลงั กายมหี ลากหลายชนดิ เช่น วิง่ เหยาะ, เดนิ เรว็ , ขีจ่ ักรยาน, ว่ายนา้ , เต้นแอโรบคิ , ฟตุ บอล, บาส เกต็ บอล, เทนนสิ , แบดมนิ ตนั , ตระกร้อข้ามตาข่าย, วอลเลยบ์ อล เปน็ ต้น 3) การจัดการความเครียดหรอื สรา้ งสขุ ภาพจิตให้แข็งแรง โดยการสรา้ งปจั จัยปอ้ งกนั และ ลดปัจจยั เสย่ี งของสาเหตปุ ัญหาสขุ ภาพจติ ด้านตา่ งๆ ดงั น้ี 1) การส่งเสริมสขุ ภาพรา่ งกาย การรักษาร่างกายให้แข็งแรง ปราศจากโรค การออกกาลงั กายอยา่ งสมา่ เสมอ 2) การสง่ เสรมิ ทางจติ ใจ โดยการฝกึ สู้ปัญหาใหเ้ กดิ ความเคยชนิ ไมห่ ลบเล่ยี งปัญหา พัฒนา ตนเองให้ปรับตวั ได้มากข้ึนเม่ือพบปัญหา มองหาทางแก้อย่างท้าทาย พิจารณาหาสาเหตุของปัญหาและแก้ไขท่ี สาเหตุ เปลีย่ นแปลงตนเองให้คุน้ เคย ยอมรับส่ิงท่เี ปล่ยี นแปลงไม่ได้ ทาใจใหย้ อมรบั สนกุ กบั การเปลย่ี นแปลง รู้จักสร้างวิธีคดิ ทด่ี ี มีทักษะคดิ เป็น คิดดี คิดถูกทาง เบนความคดิ มองโลกในแง่ดี มองโลก หลายมุมมอง ควบคมุ ความคิด หยุดคดิ ได้ อารมณ์ขนั ทักษะการแก้ปญั หาอยา่ งถูกทาง มีสติเตือนตนเอง ร้จู ักตนเอง พิจารณา ตนเองว่ามีความคิด อารมณ์ความรู้สึกอย่างไร รตู้ ัวเมอื่ มีความกงั วล ความเครียด ความกลัว สขุ ภาพจติ ดหี รอื ไม่ มสี าเหตจุ ากอะไร มที ักษะในการจดั การอารมณต์ นเอง ลดความเครียดลดอารมณ์เศรา้ ได้ ด้วยตนเอง ปลุกปลอบใจให้กาลังใจตนเองได้ สร้างแรงจงู ใจในการกระทาสิง่ ต่างๆ สรา้ งความรู้สกึ ดีต่อ ตนเอง ให้อภยั ตนเองได้ มีกิจกรรมสรา้ งความสุขและความสงบ มคี วามเขา้ ใจตนเอง รูจ้ ุดดีจดุ อ่อนของตน มี ความภาคภูมใิ จในตนเอง ยอมรบั ตวั เอง สรา้ งแรงจูงใจจากภายใน ให้มคี วามชอบ ความสาเร็จ สนุกกบั งาน ไม่ ท้อแท้ผดิ หวงั กบั ความล้มเหลว มองความผดิ พลาดเป็นครู หรอื บทเรยี นทจ่ี ะพัฒนาตนเอง แก้ไขปรับปรุงตัวเอง ให้ดขี ้นึ ได้ทางออกทางแก้ไขปัญหาใหม่ๆท่ีดกี วา่ เดมิ มคี วามสขุ จากการใหผ้ ู้อื่น มีเมตตา เห็นแกป่ ระโยชน์ สว่ นรวมและสง่ิ แวดลอ้ ม มีกจิ กรรมผอ่ นคลาย ฝึกการผ่อนคลายตนเอง ออกกาลังกาย กีฬา งานอดิเรก ศิลปะ ดนตรี กจิ กรรมเหลา่ น้ีจะชว่ ยคลายเครยี ด มีมุมสงบ พักผ่อนจติ ใจ ธรรมชาติ ต้นไม้ 3) การปรกึ ษาผอู้ ืน่ ทสี่ ามารถพง่ึ พาได้ ไดแ้ ก่ พอ่ แม่ พ่ีนอ้ ง ครู อาจารย์ เพือ่ น ผ้บู งั คบั บัญชา หน่วยงานที่เก่ยี วข้อง เพื่อแสวงหาข้อมลู ทางเลอื ก ทางแก้ปัญหาในมมุ มองอ่ืน

34 4) มนุษยสัมพนั ธ์ดี มที กั ษะในการสือ่ สารใหค้ นอืน่ เข้าใจ ทางานรว่ มกับผู้อน่ื อยา่ งมีความสุข กล้าพูดกล้าบอก ชนื่ ชมผ้อู ่นื บอกความคิด ความรู้สกึ และต้องการของตนเอง สอบถามผู้อ่ืนเมื่อไมเ่ ขา้ ใจ มวี ิธี พูด บอกกันดๆี ด้วยเจตนาที่เป็นมิตร มวี ิธเี ตือนผู้อน่ื อยา่ งนุ่มนวล ชกั ชวนใหค้ นทางานดว้ ยดี 5) ทกั ษะในการเผชญิ ความเครยี ด มกี ิจกรรมผ่อนคลายสลับ เชน่ พักสายตา มองไปไกลๆ ขยับรา่ งกาย กายบรหิ าร ฟังเพลง รอ้ งเพลง ฝกึ การผอ่ นคลายตนเอง ด้วยเทคนคิ ตา่ งๆ 6) เมื่อมปี ญั หาสามารถระบายความไม่สบายใจ กบั คนทีใ่ กลช้ ดิ ไวใ้ จได้ รับฟงั และใช้ คาแนะนาจากผู้อน่ื แก้ปัญหาได้ 7) การใชย้ ารักษาอาการทางอารมณ์ ยาคลายเครียด ยาต้านโรคซมึ เศร้า หรอื รักษาอาการท่ี เกิดข้ึนทางร่างกาย เปน็ การรักษาตามพยาธิสภาพทเ่ี กิดข้ึนทางรา่ งกาย 8) การเปลย่ี นแปลงสิ่งแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง บรรยากาศสงบ เสียงไมด่ งั ไมร่ ้อน มากเกนิ ไป สี แสง บรรยากาศผอ่ นคลาย การมธี รรมชาติ ตน้ ไม้ ภาพวาด ภาพผนังห้อง การหางานท่ชี อบและ ถนัด สร้างความสามัคคใี นทีมงาน มีการประสานงานกันดี บรรยากาศการทางานเอ้ือเฟ้ือช่วยเหลอื มนี า้ ใจตอ่ กัน จดั แบ่งเวลาทางาน แบง่ งานเป็นชว่ งๆ มีเวลาพกั ผอ่ นหย่อนใจ เวลาทางาน 8 ชวั่ โมง เวลาพกั ผอ่ นหย่อนใจ และออกกาลังกาย 8 ชัว่ โมง และนอนหลบั 8 ชว่ั โมง 4) การปอ้ งกันพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ คือ การละเว้นสารเสพติดทกุ ชนิดท่ีจะบัน่ ทอนสขุ ภาพ พษิ ภยั หรอื โทษของสารเสพตดิ ซึ่งเป็นโทษทีม่ องไมเ่ ห็นชดั เปรยี บเสมือนเปน็ ฆาตกรเงยี บ ท่ที าลายชวี ิตบุคคล เหลา่ น้ันลงไปทุก ก่อปัญหาอาชญากรรม ปญั หาสขุ ภาพ ก่อความเส่ือมโทรมให้แก่สงั คมและบ้านเมืองอย่าง ร้ายแรง เพราะสารเสพยต์ ดิ ทุกประเภทท่ีมีฤทธ์ิเป็นอันตรายตอ่ ร่างกายในระบบประสาท สมอง ซึง่ เปรียบเสมอื นศูนยบ์ ัญชาการของรา่ งกายและชีวติ มนษุ ย์ การติดสารเสพติดเหลา่ น้นั จงึ ไมม่ ปี ระโยชน์อะไร เกดิ ข้ึนแก่รา่ งกายเลย แต่กลับจะเกิดโรคและพษิ ร้ายต่างๆ จนอาจทาใหเ้ สยี ชีวิตหรอื เกิดโทษและอันตรายต่อ ครอบครวั เพอื่ นบ้าน สังคม และชุมชนต่างๆ ต่อไปไดอ้ ีกมาก นอกจากการสร้างเสริมสุขภาพเฉพาะพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว การตรวจสขุ ภาพประจาปี ก็เปน็ การ ดแู ลและส่งเสริมสุขภาพทดี่ มี าก ช่วยทาใหท้ ราบภาวะสุขภาพของคุณว่าสมบูรณเ์ พียงใด มสี ิง่ ผิดปกตหิ รอื ไม่ เพือ่ จะไดร้ บี แก้ไข และป้องกันความรนุ แรงที่อาจจะเกิดขน้ึ หรอื การตรวจสุขภาพประจาปเี ปน็ การตรวจแกผ่ ทู้ ี่ ยังไมม่ ีอาการผดิ ปกติใดๆหรอื อาจมีอาการผดิ ปกติเพยี งเลก็ นอ้ ยไมช่ ัดเจน การตรวจสุขภาพประจาปีถือว่าเปน็ การตรวจเพอ่ื ค้นหาโรคหรอื ความผดิ ปกตติ ้ังแต่ระยะเร่ิมแรก จะทาใหส้ ามารถป้องกนั ภาวะแทรกซ้อน ลด ความรุนแรงของโรคหรือความพกิ ารทอ่ี าจเกิดขน้ึ ในบางโรคได้ ตา่ งๆทจ่ี ะเกดิ ข้ึนจากโรคนน้ั ตลอดจนสามารถ ทาให้สามารถรักษา ไดต้ ้งั แต่อาการยังไม่มาก ตัวอยา่ งโรคที่สามารถตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพประจาปี ไดแ้ ก่ โรคโลหิตจาง ความดนั โลหติ สูง โรคเบาหวาน โรคไขมนั ในเลอื ดสูง โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ โรคพยาธิ โรคระบบทางเดินปัสสาวะ วณั โรค และมะเร็งชนิดต่างๆ เป็นต้น อยา่ งไรกต็ ามการตรวจนไ้ี มไ่ ด้เป็นการ รับประกนั ว่าจะไมเ่ ปน็ โรคดงั กลา่ วในอนาคต ดงั นั้นสง่ิ ท่ดี ีที่สดุ คือการดูแลสขุ ภาพใหด้ ี รับประทานอาหารครบ หมู่ ออกกาลงั กายสมา่ เสมอ พกั ผอ่ นเพยี งพอ หลกี เลีย่ งจากปัจจยั เสีย่ งของโรคตา่ งๆ เช่น งดการสูบบหุ รี่และ ดม่ื เหลา้ เปน็ ตน้ ซ่งึ จะนามาสู่สขุ ภาพที่ดตี ่อไป 5) การดูแลสขุ ภาพบุคคล การดสู ขุ ภาพบุคคลต้องเรม่ิ ต้นต้งั แต่ปฏิสนธิซึง่ ตอ้ งมกี ารวางแผนเพื่อให้ ทารกไดเ้ จรญิ เตบิ โตจากในครรภ์ดว้ ยการตั้งครรภ์คณุ ภาพ ทารกเกิดรอดปลอดภยั ไดร้ ับการดูแลให้ เจรญิ เติบโตมีพัฒนาการทีด่ ีภายใต้บรบิ ทของครอบครัวและสังคม ได้รบั การอบรมส่งั สอนให้มที ักษะชวี ติ ทักษะอาชีพ เมื่อเปน็ ผู้ใหญ่ก็สามารถประกอบอาชีพหาเล้ียงตนเองและครอบครัว ดูแลตนเองให้มสี ุขภาพดี ดแู ลตนเองเพอ่ื ปอ้ งกันโรค หากเจบ็ ปว่ ยก็สามารถแสวงหาแนวทางปฏิบตั ิเพื่อให้ตนหายจากโรคได้ หากบุคคล

35 ทกุ ช่วงวัยสามารถดแู ลสุขภาพของตนได้ดีท้ังในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วยแล้วกจ็ ะช่วยทาใหท้ ุกคนดารงชีวิต ได้อยา่ งเป็นสขุ แนวทางการดูแลสุขภาพบุคคลตงั้ แตช่ ว่ งวัยรนุ่ เยาวชน วัยผใู้ หญ่ มีดงั นี้ 1) การดูแลสขุ ภาพเด็กวัยรุ่นอายุ 13 – 18 ปี สิ่งสาคัญทีเ่ กีย่ วข้องกบั การดูแลสุขภาพวยั รนุ่ เพื่อใหจ้ าไดง้ ่ายใช้หลัก HEADS (อมั พร เบญจพลพิทักษ์ ลดั ดา ดาริการเลิศ, 2553 หน้า 48) ซ่ึงเก่ียวข้องกับ สง่ิ ต่อไปนี้ 1) บ้าน (Home) คนในบา้ นหรอื ในครอบครัวมีบทบาทสาคญั ในการดูแลวัยรนุ่ ดว้ ยความรักความ อบอ่นุ และห่วงใย 2) วัยรุน่ ควรไดร้ บั การสง่ เสริมการศึกษาและพฒั นาทักษะท่ีเด็กวยั รนุ่ ให้ความสนใจ (Education) 3) วัยรนุ่ ควรได้รับการสรา้ งเสรมิ ลักษณะนิสยั ในการบริโภคอาหารท่มี ีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย (Eating) 4) วยั ร่นุ ควรได้รับการส่งเสริมการออกกาลังกายอย่างเหมาะสม (Exercise) 5) วยั รุน่ ควรได้รับการ สง่ เสริมความคาดหวังในอนาคต (Ambition) 6) ควรส่งเสริมวยั รนุ่ ให้ทากจิ กรรมทางสังคมและการพักผ่อน หยอ่ นใจทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อตนเองครอบครัวและสงั คม (Activities) 7) ควรป้องกนั พฤติกรรมเส่ยี งของวัยรุ่น เก่ยี วกับการใชย้ าสุราบหุ รี่หรอื ส่ิงเสพตดิ (Drug use) 8) ควรปอ้ งกันพฤติกรรมเสี่ยงของวัยรุ่นจากกจิ กรรมทาง เพศ (Sexuality) 9) ควรป้องกนั พฤตกิ รรมเสีย่ งของวยั รุ่นจากการเกิดความเครียดจนคิดการฆา่ ตัวตาย (Suicide) จดุ เน้นท่สี าคัญคือ “วยั ร่นุ ควรรูจ้ กั รกั และห่วงใยตนเอง” วยั ร่นุ จึงควรพัฒนาตนเองเรือ่ งตอ่ ไปน้ี - รักตนเองห่วงใยตนเองป้องกนั พฤติกรรมเสีย่ ง เด็กวัยรุ่นควรรู้จักรักห่วงใยตนเอง ควรหันมา ใส่ใจในกิจกรรมสร้างสรรค์ มีความพร้อมสาหรบั การเปน็ ผนู้ า ใหค้ วามสาคญั กบั หน้าทแี่ ละการเป็นพลเมืองดี ป้องกนั ตนเองจากพฤติกรรมเสีย่ ง ไดแ้ ก่ การยงุ่ เกย่ี วกับอบายมขุ และส่ิงเสพตดิ การมีพฤตกิ รรมรุนแรงตบตที ะ เลาววิ าท เป็นต้น - พฒั นาทักษะพ้นื ฐาน เด็กวยั รุ่นควรได้รับการพฒั นาทักษะพื้นฐานที่สาคัญ คือ การอา่ นออก เขยี นได้อยา่ งเข้าใจ คิดเลขได้ วา่ ยนา้ เปน็ ใช้คอมพิวเตอรส์ ัมผสั ไทยอังกฤษได้ รอ้ งเพลง เลน่ ดนตรี เลน่ กีฬาได้ อย่างน้อย 1 ชนดิ ใชภ้ าษาต่างประเทศได้อยา่ งน้อย 1 ภาษา ไดร้ ับการเตรยี มให้สามารถประกอบอาชีพไดห้ ลงั จบการศึกษา สนใจส่งิ แวดล้อม (คณะกรรมการส่งเสรมิ พัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ, 2554 หน้า 35) - เข้าใจเพศศกึ ษา เดก็ วัยรนุ่ ควรได้เรียนรู้เกย่ี วกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของตนเอง โดยเฉพาะการเปลย่ี นแปลงทางเพศ เรยี นรเู้ กย่ี วกบั อนามยั เจรญิ พันธ์ุ เดก็ ควรไดร้ ับบรกิ ารการใหค้ าปรึกษา เรื่องเพศอย่างเหมาะสม มีการปอ้ งกันการเข้าถึงข้อมลู เรื่องเพศท่ีไมเ่ หมาะสม 2) การดูแลสขุ ภาพเยาวชนอายุ 18 - 25 ปี มีจดุ เน้นทสี่ าคญั คือ “การพัฒนาใหเ้ ยาวชนมี จิตสานึกสาธารณะเพื่อพัฒนาสงั คม” ดงั นี้ - จิตสานึกสาธารณะ เยาวชนควรไดร้ บั การพฒั นาใหม้ จี ิตสาธารณะซง่ึ แบง่ ได้เป็นระดบั ครอบครัว คือ มีความขยัน รู้จกั หน้าทร่ี ับผิดชอบ ซื่อสตั ย์สุจรติ สามารถดาเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย รัก สิง่ แวดล้อม มจี ติ อาสา มคี ุณธรรมจริยธรรม ยดึ มั่นในหลักธรรมคาสอนทางศาสนา มีความผกู พันกับครอบครวั รู้เทา่ ทนั และเลอื กรบั เทคโนโลยมี าใช้อย่างสรา้ งสรรค์ ส่วนจิตสาธารณะระดับหมู่บ้าน คือ ร้จู กั การบาเพญ็ ประโยชนเ์ พ่ือครอบครัวและชุมชน มจี ิตสานกึ รกั บา้ นเกดิ มีความภูมิใจในความเป็นไทย มีสานกึ ความเป็น พลเมืองดี ช่วยเหลือเก้ือกลู ผู้อ่นื แบง่ ปนั และจิตสาธารณะระดบั สังคม คือ มีวิถปี ระชาธิปไตย เคารพสทิ ธขิ อง ผู้อ่นื มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติ (ดวงกมล ทองอยู่, 2555 หน้า 13) - วางแผนชวี ติ เยาวชนควรมคี วามรู้ทัศนคติท่ีถูกต้องเก่ยี วกบั เร่ืองเพศ ความเป็นหญิงชาย อนามยั เจรญิ พันธ์ุ เพื่อการเตรยี มพรอ้ มสาหรบั การมีครอบครัวเม่ือเข้าสู่วยั ผู้ใหญ่ ร้จู กั การวางแผนการออมเพ่อื อนาคต มีความพร้อมสเู่ ส้นทางการประกอบอาชีพดว้ ยระบบการศึกษาทห่ี ลากหลายสอดคล้องกับความ ต้องการทางสงั คม

36 3) การดแู ลสขุ ภาพวัยทางาน อายุ 25–60 ปี จุดเนน้ ทีส่ าคัญ คือ “ควบคุมปอ้ งกนั โรคที่ไม่ ติดตอ่ ลดพฤตกิ รรมเสีย่ ง” ประชากรวยั ทางานจดั เปน็ กาลังอันสาคัญในการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมของ ชาติจงึ ควรไดร้ บั การดูแลให้มีสุขภาพดดี ว้ ยการมวี ิถีชีวติ ที่เหมาะสมท้ังในบา้ น ท่ีทางาน สถานที่สาธารณะต่าง ๆ เพ่ือลดการเจบ็ ป่วยจากโรคไม่ติดต่อ เชน่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหติ สูง โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด สมอง โรคปอดอดุ กน้ั เรอื้ รัง ลดการเกิดโรคท่อี าจเกิดขึน้ จากการประกอบอาชีพ ลดอุบตั ิเหตุทางท้องถนน ซ่ึง สามารถทาไดโ้ ดยการปรบั พฤตกิ รรมสร้างเสริมสุขภาพดังนี้ - อาหารจากดั เกลอื น้าตาล และไขมนั อาหารทีม่ ีน้าตาลและไขมันมากจะทาใหเ้ กดิ โรคอ้วน นา้ ตาลและไขมันในเลือดสูง ความดันโลหติ สงู ควรรบั ประทานผักผลไมเ้ พมิ่ ข้ึน รับประทานไข่แดง กงุ้ หอย ปลาหมกึ ใหน้ ้อยลงเพ่ือลดปริมาณโคเลสเตอรอล รับประทานปลาให้ย่อยงา่ ยขึ้น ปรบั วิธีการปรงุ อาหารจาก ทอดมาเป็นปิ้งนง่ึ ย่างแทน เพิ่มอาหารที่มีแคลเซยี มสูงเพอื่ ป้องกันภาวะกระดูกพรุน กระดูกเปราะบางแตกหกั ง่ายโดยเฉพาะในวัยหมดประจาเดือน - งดสบู บหุ รี่งดดืม่ สรุ า สร้างสิ่งแวดล้อมปลอดบหุ รีท่ ้ังในทส่ี าธารณะและทที่ างาน - ออกกาลังกายใหพ้ อเหมาะ ลดพงุ ลดโรค จัดส่ิงแวดลอ้ มให้เออ้ื ต่อการออกกาลงั กาย การ ออกกาลังกายจะชว่ ยทาให้ร่างกายแข็งแรงกระฉับกระเฉงและปอ้ งกนั การเกิดโรค โดยปฏบิ ัติตอ่ เนื่องสมา่ เสมอ สัปดาหล์ ะอย่างน้อย 3 - 5 วัน วันละอย่างน้อย 30 นาที เชน่ เตน้ แอโรบกิ เดินเร็ว วา่ ยนา้ เป็นตน้ ควรมกี าร อบอนุ่ ร่างกายก่อนออกกาลงั กายอยา่ งตอ่ เนื่องและผอ่ นคลายกลา้ มเนื้อเม่ือสิน้ สดุ การออกกาลงั กาย (กองสุข ศกึ ษา กรมสนับสนนุ บรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข, 2555) - สถานทท่ี างานปลอดโรคปลอดภัยกายใจเป็นสุข (สานกั โรคไมต่ ิดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ , 2556 หนา้ 2) - สง่ เสริมการตรวจสุขภาพประจาปี เพ่ือคดั กรองโรค ไดแ้ ก่ การช่งั น้าหนกั วัดรอบเอว ประเมนิ ดัชนมี วลกาย ตรวจน้าตาลและไขมนั ในเลอื ด ตรวจมะเรง็ ปากมดลูก มะเร็งเตา้ นม มะเร็งปอด ตรวจ สขุ ภาพชอ่ งปากและฟนั - ส่งเสรมิ การรับวัคซนี ป้องกนั โรคท่จี าเปน็ เช่น บาดทะยัก คอตบี หดั เยอรมัน ไขห้ วดั ใหญ่ ตับอกั เสบบี เป็นตน้ 5.2 กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ สุขภาพระดับครอบครวั การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพในครอบครัวเปน็ สิง่ ท่ีสาคญั เพราะครอบครัวเปน็ หนว่ ยของสังคมทใี่ กล้ชดิ กบั บคุ คล ต้งั แต่เกดิ จนตาย ครอบครัวทาหนา้ ที่ถ่ายทอดค่านยิ ม ความเชือ่ วฒั นธรรมจากคนรนุ่ หน่ึงไปยังคนอีก ร่นุ หน่งึ ดังนั้นการมีสุขนสิ ยั ที่ดใี นครอบครวั จงึ มีอิทธพิ ลต่อสมาชกิ ในครอบครัวมาก ซง่ึ เปน็ สิง่ ที่จะช่วยให้ สมาชกิ ในครอบครวั มีสขุ ภาพดีได้ (ศิริพร ขมั ภลขิ ิต และคณะ, 2555) การสรา้ งเสริมสุขภาพระดบั ครอบครัวจะแบ่งออกตามระยะพัฒนาการของครอบครวั ดงั น้ี 1. ระยะก่อนแต่งงาน ควรมีการตรวจสุขภาพรา่ งกาย การเตรยี มความพรอ้ มสาหรับการมบี ุตรและ ทกั ษะการใช้ชีวติ คู่ 2) ระยะแตง่ งานใหม่ ควรมีการใหค้ าปรกึ ษาชวี ติ คู่ และให้คาปรึกษาอนามยั เจริญพนั ธ์ทั้งผู้ทีพ่ รอ้ มจะ มีบุตรและยังไม่พรอ้ มจะมีบตุ ร 3) ระยะก่อนคลอดบุตร ควรมีการส่งเสรมิ ให้พอ่ แมท่ ากิจกรรมร่วมกนั และมีการประเมินสมั พันธภาพ ระหวา่ งพ่อแม่

37 4) ระยะมบี ตุ รแรกเกดิ – 5 ขวบ ควรมีการจดั กจิ กรรมสาหรบั พ่อ แม่ ลกู กระตนุ้ พฒั นาการของลกู ใน ทุกๆด้าน การใหค้ วามรู้เรื่องพัฒนาการของลกู และการกระตุน้ พฒั นาการของเด็ก และการฝึกทกั ษะการ สงั เกตความผิดปกตขิ องลูก การพูดกับลูก 5) ระยะมีบุตร 6-12 ปี ควรเนน้ กจิ กรรมการสง่ เสริมภายในครอบครวั มากขึ้น มีการจัดกจิ กรรมการให้ คาปรึกษาวัยรนุ่ ร่วมกบั พ่อ แม่ และจดั กจิ กรรมครอบครัว ให้สมาชกิ มีโอกาสทากิจกรรมร่วมกัน ในสว่ นของการดแู ลสขุ ภาพครอบครวั น้นั นอกจากจะต้องดูแลใหท้ กุ คนมโี ภชนาการท่ดี ี ไดร้ บั การ สง่ เสริมสขุ ภาพปอ้ งกนั โรค เม่ือเจ็บปว่ ยก็มีการดแู ลรกั ษาให้หายได้อย่างเหมาะสมแล้วยงั ต้องดูแลด้าน สง่ิ แวดล้อมของครอบครวั และการทาหน้าท่ขี องครอบครัว ดังนี้ การดูแลสิง่ แวดลอ้ มของครอบครวั - บรบิ ทชุมชุนทอ่ี ยอู่ าศัย ครอบครัวควรมที อ่ี ยู่อาศยั เป็นหลักแหล่ง ครอบครองท่ีอยู่อาศยั ในบรบิ ท ของชุมชนท่ีดี ต้งั อยใู่ นแหล่งชุมชนท่ีปราศจากส่งิ รบกวนอนั เปน็ มลพิษ มีความสะดวกสบายด้านสาธารณปู โภค มีถนน นา้ ประปา ไฟฟา้ มีสถานท่ีออกกาลังกายและสถานทพ่ี กั ผ่อนหย่อนใจ สามารถเดินทางเขา้ ถงึ ระบบ บรกิ ารสุขภาพได้ง่าย เช่น คลินิก โรงพยาบาล สถานีอนามัย การเดินทางกลบั เขา้ บา้ นมีความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ิน ชุมชนบรเิ วณละแวกบ้านปราศจากแหลง่ มว่ั สุมอบายมุข - ลักษณะบ้าน บ้านทีอ่ ยู่อาศัยควรมีความมัน่ คงแขง็ แรง มีสง่ิ อานวยความสะดวกท่เี พยี งพอต่อการ ดารงชวี ติ ของคนในครอบครวั - สุขาภิบาลท่อี ยูอ่ าศยั สง่ิ แวดลอ้ มท้งั ภายในและภายนอกบ้านควรมีความปลอดภยั และถูก สุขลักษณะตามหลักสุขาภบิ าล มีเพอื่ นบ้านท่ีเปน็ มิตรและใหค้ วามช่วยเหลือได้ การดแู ลดา้ นการทาหนา้ ที่ของครอบครัว ครอบครวั ที่มสี ขุ ภาพดีจะต้องมกี ารทาหน้าทขี่ องครอบครวั ท่ดี ีเป็น “ครอบครัวอบอุน่ ” ซึ่งสมาชกิ ใน ครอบครัวควรมลี ักษณะเกี่ยวข้องกับส่ิงตอ่ ไปนี้ (มนัส วณิชชานนท, 2550 หนา้ 28 - 29) สมั พันธภาพของคนในครอบครัว จะทาให้คนในครอบครัวอยูด่ ว้ ยความรกั ความเออื้ อาทรต่อกนั โดย ปฏิบัตดิ งั นี้ - มปี ฏิสมั พนั ธ์ สมาชกิ ในครอบครัวใชเ้ วลารว่ มกนั มีความสุขเมอื่ ไดท้ ากิจกรรมร่วมกัน และมี เครอื ข่ายทางสงั คมทด่ี ี พอ่ แม่เปน็ แบบอยา่ งทดี่ ขี องลูก เลย้ี งดูลกู แบบใชเ้ หตุผล ลูกไดร้ ับการดแู ลเอาใจใส่ อบรมสง่ั สอน พัฒนาทักษะชีวติ พ่อแมเ่ ปดิ โอกาสใหล้ กู ไดพ้ ัฒนาไปสคู่ วามเป็นผูใ้ หญ่ ลกู ประพฤติตนเปน็ คนดี เคารพเชือ่ ฟังพอ่ แม่ กตญั ญูกตเวที ตงั้ ใจศึกษาเล่าเรยี น รักษาชอื่ เสียงวงศ์ตระกูล สามใี หเ้ กียรติภรรยามคี วาม ซอื่ สตั ย์ ภรรยายกย่อให้เกยี รตสิ ามแี ละซ่ือสตั ย์ - มีความผูกพนั ทางอารมณ์ทีเ่ หมาะสม ไมห่ า่ งเหินกนั เกินไปหรอื ใกลช้ ดิ กันเกินไปจนขาด ความเปน็ ตัวของตวั เอง สมาชิกในครอบครวั ใส่ใจดา้ นอารมณแ์ ละความรสู้ ึก ห่วงใยเอ้ืออาทรซ่งึ กันและกนั มี ความรักใคร่ปรองดอง มีความสามัคคี ยอมรับและช่นื ชมยนิ ดตี อ่ กัน ทุกคนมีอิสระที่แตกต่างกันและมคี วาม เป็นตัวของตัวเองแตย่ อมรบั ข้อตกลงและปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน - มกี ารสอื่ สารทม่ี ีประสิทธภิ าพ สมาชิกในครอบครัวมีทักษะการส่ือสารทางบวกเพ่ือสร้าง ความสมั พนั ธท์ ดี่ ีของคนในครอบครัว บทบาทหน้าที่ของคนในครอบครวั เดก็ ได้รบั การดูแลอบรมส่งั สอนพัฒนาหลักคดิ และแนวทาง ดาเนินชวี ติ ซึง่ ต้องดาเนนิ การดงั นี้

38 - มีบทบาทหน้าท่ีชดั เจน ทุกคนในครอบครัวตระหนกั รู้ถึงบทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบของตนเอง ช่วยเหลอื กันทางานบ้าน การปฏบิ ัติหนา้ ทข่ี องสมาชกิ มีความยืดหยุ่นและเหมาะสม การจัดระบบภายใน ครอบครวั มปี ระสทิ ธิภาพ กาหนดรูปแบบการดาเนนิ ชวี ติ ของสมาชิกในครอบครวั ได้อยา่ งเหมาะสม มกี าร จดั ลาดบั อานาจและความเป็นผ้นู าทีช่ ัดเจน ผูน้ าครอบครวั มคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตย สมาชิกในครอบครวั ละ เวน้ อบายมขุ ไม่มีความผดิ ทางกฎหมาย รู้จักการวางแผนการใชเ้ งินและการออม - แกไ้ ขความขัดแย้งที่มปี ระสิทธภิ าพ เมื่อมีปญั หาความเครียด ความขัดแย้ง หรอื เผชิญวกิ ฤตก็ สามารถพูดคยุ และจดั การปญั หาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ไมม่ คี วามรนุ แรงในครอบครวั 5.3 กิจกรรมการสรา้ งเสรมิ สุขภาพระดบั ชุมชน การสรา้ งเสริมสุขภาพในระดับชุมชนเมือ่ พจิ ารณาดบู รบิ ทของชุมชน ซึ่งกว้างขวางครอบคลมุ คน มากกวา่ คนหนง่ึ คน มากกวา่ หนึ่งครอบครัว มากกวา่ หน่ึงกล่มุ คน ดังนัน้ การสร้างเสรมิ สุขภาพชมุ ชนย่อม ตอ้ งการสมรรถนะทหี่ ลากหลายและต้องหลากหลายวชิ าชพี ดว้ ย น่ันคือทม่ี าของหลกั การสาคัญขอ้ แรกใรการ สรา้ งเสรมิ สุขภาพชุมชน คือ การสรา้ งการประสานความร่วมมอื ระหวา่ งภาคสว่ นต่างๆและภาคส่วนหรอื ดรมี ทีมทท่ี ุกคนต้องการ คือ ภาคประชาสงั คม ภาครฐั และภาควิชาการ (วรรณภา ศรธี ญั รตั น์ และคณะ, 2555) ปัจจุบันสงั คมไทยมีการตื่นตวั และสนใจการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึน้ จะเห็นไดจ้ ากมีการจดั ตงั้ องค์กรด้านสุขภาพ เกดิ ข้ึนมากมาย (การค้มุ ครองผ้บู ริโภค การแพทยท์ างเลือก) และมีการรวมตัวกันของกล่มุ คนทส่ี นใจดา้ น สุขภาพ (ชมรมตา่ งๆ) กระบวนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพระดับชุมชน การสร้างเสริมสขุ ภาพระดับชุมชนในแนวคิดสังคมเชงิ ระบบนเิ วศน์ ทมี่ กี ารวิเคราะหป์ จั จัยดว้ นบุคคล และสง่ิ แวดลอ้ มหลายระดับ ตลอดจนช่วงชีวติ การสร้างเสริมสุขภาพระดับชุมชนท่ใี ห้ความสาคัญกบั ความ เข้าใจสังคม การสรา้ งการมีส่วนร่วม การสร้างความรว่ มมือในการพัฒนาความสามารถของชมุ ชน มีการ ประสานงานทั้งในแนวดง่ิ และแนวราบ คอื การประสานระดับหนว่ ยงานและ การประสานระหวา่ งกลุม่ เพอื่ แลกเปลย่ี นประสบการณ์ ทรัพยากรและกลวิธใี นการแก้ปัญหา นอกจากนก้ี ารส่งเสรมิ สุขภาพระดับชุมชนจะ ใหค้ วามสาคัญกบั การทาประชาคมเพื่อนาไปสกู่ ารทากจิ กรรมสง่ เสรมิ สุขภาพ เป้าหมายคอื สุขภาวะท่ดี รี ะดับ ชุมชน (อาภาพร เผ่าวฒั นาและคณะ, 2555) แนวทางการสร้างเสรมิ สุขภาพระดับชุมชน กลวิธีในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพในยคุ ปจั จุบนั ให้ความสาคัญกบั สภาพแวดลอ้ มท่ีเอื้อต่อการสร้างเสรมิ สุขภาพและกลวิธที ี่บูรณาการในการแกไ้ ขปญั หาซ่ึงมปี จั จยั ทห่ี ลากหลาย (อาภาพร เผา่ วฒั นาและคณะ, 2555) การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพระดบั ชุมชน จงึ เป็นกระบวนการเรยี นรขู้ องชมุ ชน ควรมกี ารสนับสนนุ ใหม้ ีนโยบาย สาธารณะ สนบั สนุนการใช้ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน การกระต้นุ ระบบสอ่ื มวลชน และการส่งเสรมิ ระบบสวัสดกิ าร ชมุ ชน กองทุน สวัสดกิ ารชมุ ชน การสรา้ งเสรมิ สุขภาพระดับชุมชนตอ้ งอาศัยความรว่ มมือจากทกุ ภาคส่วนและสอดคล้องกับนโยบาย สุขภาพของประเทศดว้ ย นโยบายสขุ ภาพของประเทศมดี ังน้ี นโยบายสุขภาพของไทย 1) ส่งเสรมิ ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม โดยการกาหนดนโยบาย คอื 1.1) หลีกเล่ยี งการกระทาที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพบุคคล (มาตรการขับขป่ี ลอดภยั ) 1.2) ดูแลและสรา้ งส่งิ แวดล้อมให้ดีขน้ึ เช่น กาหนดให้มีสวนสุขภาพ สวนสาธารณะ 1.3) การจากดั การผลิตและการจาหน่ายบหุ รี่ สุรา

39 1.4) การคุ้มครองด้านสขุ ภาพผู้บรโิ ภค 1.5) การติดตามประเมนิ ผลกระทบด้านสขุ ภาพจากโครงการทัง้ ของรฐั และเอกชน 2) การเพมิ่ การลงทนุ เพื่อพฒั นาสขุ ภาพ 2.1) สนบั สนนุ ด้านการวจิ ัยและพฒั นาดา้ นสุขภาพ 2.2) สนับสนนุ เพอ่ื การวจิ ัยสมุนไพร และการแพทย์แผนไทย 2.3) เพมิ่ การกระจายอานาจส่ทู ้องถน่ิ 2.4) สนบั สนุนการส่งเสรมิ สุขภาพระดบั สังคมโดยประชาชนสามารถขอทุนได้ 3) การสรา้ งและขยายภาคีเครือขา่ ย 3.1) เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากความตระหนักและกาหนดระบบการจัดการด้วยประชาชนเอง 3.2) เกดิ จากการสง่ เสรมิ โดยรัฐ 3.3) โดยการสนบั สนุนขององคก์ รพัฒนาเอกชน (NGO) 4) การเพ่ิมความสามรถของชุมชนและอานาจของปจั เจกบุคคล โดยการส่งเสรมิ การศึกษาภาคปฏิบัติ อบรมผู้นาชมุ ชน การเข้าถงึ ทรัพยากรและแหล่งประโยชน์ 5) การจัดโครงสรา้ งพืน้ ฐานเพ่อื การสง่ เสรมิ สุขภาพ 5.1) ชมุ ชนสขุ ภาพ เมืองสุขภาพ 5.2) โรงเรียนสุขภาพ เนน้ การจัดสง่ิ แวดล้อม การจัดกิจกรรมเพ่ือสุขภาพ 5.3) ทีท่ างานสุขภาพ สง่ เสรมิ พฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม การดแู ลสขุ ภาพชุมชน ชุมชนท่ดี จี ะมีองค์ประกอบคุณภาพทม่ี ีลักษณะเปน็ ชุมชนแห่งการเรยี นรู้ ชุมชนแห่งการรว่ มมือ ชมุ ชนรรู้ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม ชมุ ชนท่ีมคี วามสมานฉันทแ์ ละเอื้ออาทร ชมุ ชนแห่งสนั ติสขุ จงึ จะทาให้คนในชุมชนมี สขุ ภาพดี รายงานวจิ ัยพบว่าการพัฒนาระบบการดแู ลสุขภาพของชุมชนใหย้ ัง่ ยนื นนั้ จาเป็นตอ้ งเกิดจากต้นทุน คนในพน่ื ท่ซี ง่ึ ต้องมจี ติ อาสาในการทางาน รูปแบบการทางานนัน้ ตอบสนองความต้องการของชมุ ชน มรี ะบบ สนับสนุนทีเ่ อ้ือต่อการทางานในพ้นื ที่ (เพ็ญจันทร์ สิทธิปรีชาชาญ, ปนดั ดา ปริยฑฤฆ, 2557 หน้า 1 – 15) องคป์ ระกอบทสี่ ง่ ผลต่อความสาเรจ็ ในการดแู ลสุขภาพของชุมชนประกอบด้วย คนในชมุ ชนตอ้ งไดร้ ับการ พัฒนาอบรมใหค้ วามรู้และสร้างเครือข่ายในการดแู ลสขุ ภาพ มีความตระหนักในการพฒั นา มีส่วนรว่ มในการ พฒั นาจดั ทาแผนงานโครงการเพือ่ การดูแลสขุ ภาพ พัฒนารูปแบบวิธกี ารดูแลสขุ ภาพของชุมชน มสี งิ่ แวดล้อม ในชุมชนที่จะทาให้เกดิ การกาหนดระเบียบกติการว่ มกนั ในการพัฒนาการดูแลสุขภาพชุมชน เพอ่ื ให้มีแนว ปฏิบัติทช่ี ัดเจน มวี ัสดอุ ุปกรณท์ ่ีเกย่ี วข้องกบั การพฒั นาการดแู ลสุขภาพ มีกลวิธีการพฒั นาและ กระบวนการพัฒนา ซ่ึงคนในชุมชนต้องมีทักษะในการคิดวิเคราะห์ วางแผนแกไ้ ขปัญหา หาวธิ ดี าเนินการ เพ่อื ให้บรรลุเป้าหมายของการดแู ลสขุ ภาพชุมชน มกี ารบริหารจดั การที่มปี ระสิทธภิ าพจะชว่ ยให้บรรลุ เป้าหมายของการพฒั นาสขุ ภาพ มกี ารสนับสนุนช่วยเหลอื ทัง้ หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชนเพือ่ ให้เกดิ การ จดั การดูแลสขุ ภาพชมุ ชนอย่างยัง่ ยืน (สุเทพ พลอยพลายแก้ว และคณะ, 2556) ชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ (Social society) การเรยี นรู้มิไดจ้ ากดั อยูเ่ พียงแคเ่ ดก็ วัยเรยี นเทา่ น้นั แตท่ ุกคนควรไดร้ บั การดูแลดา้ นการเรยี นร้ใู ห้ เหมาะสม โดยระดับปฐมวัยจาเปน็ ต้องไดร้ บั การดูแลเพ่ือให้มพี ัฒนาการของร่างกายและสมองอย่างสมบรู ณ์ แข็งแรง พอ่ แม่ให้มีส่วนสาคัญในการดูแลและสร้างการเรียนรู้ใหเ้ กดิ ขึ้นต้ังแตร่ ะยะทารกในครรภ์ ช่วยส่งเสริม พัฒนาการของเดก็ ให้เหมาะสมทงั้ ทางดา้ นการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก การใช้กลา้ มเน้ือมดั ใหญ่ ส่งเสริมพฒั นาการ

40 ทางดา้ นภาษา พฒั นาการทางด้านสติปัญญา พฒั นาการทางด้านสังคม อารมณ์และจติ ใจ เดก็ วยั เรยี นและ วยั ร่นุ ควรได้รับการดูแลให้มีความสุขกบั การเรยี นรู้ พัฒนาลักษณะนิสยั ใหเ้ ป็นผ้ใู ฝเ่ รียนรไู้ ปตลอดชีวติ สามารถ คน้ หาความถนัดของตนเอง มีทกั ษะการคิด มีภูมิคุ้มกนั มีทักษะการใช้ชีวิตท่ดี งี าม เมอื่ เติบโตข้นึ กร็ จู้ ักการคดิ วเิ คราะห์ใช้เหตผุ ล สามารถนาความรแู้ ละทักษะต่าง ๆ ท่ีได้เรียนรมู้ าประยุกตใ์ ช้ในการทางาน สามารถพัฒนา ขดี ความสามารถของตนเองในการทางานอยา่ งต่อเนื่องและไมห่ ยุดยั้ง เมอ่ื อยรู่ ว่ มกันในชมุ ชนกต็ ้องพัฒนา ชมุ นแหง่ การมีสว่ นรว่ ม ความรว่ มมอื ของคนในชมุ ชนจะเกดิ ข้นึ ไดเ้ มอ่ื คนในชุมชนรู้จักบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเอง ไม่เห็นแกต่ วั และบาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชนต์ ่อชุมชน รว่ มมือรว่ มใจสร้างสรรคแ์ ละพัฒนาชุมชนโดยไม่เหน็ แก่พวกพ้อง การมีสว่ นรว่ มของกลุ่มประชาชนในชุมชนจะทาให้เกิดการตัดสินใจและดาเนนิ กจิ กรรมรว่ มกนั อย่างต่อเน่อื งทา ให้เกดิ การพฒั นาชมุ ชนอย่างย่ังยนื ชมุ ชนแห่งความสมานฉันทแ์ ละเอือ้ อาทร ความสมานฉนั ท์และเออ้ื อาทรของคนในชุมชนเกดิ จากความมไี มตรจี ิตท่ดี ีต่อกัน มองโลกในแงด่ ี มี ความรักความหว่ งใย ช่วยเหลอื เกื้อกูลกันดว้ ยความเตม็ ใจ ชมุ ชนรูร้ กั ษ์ส่งิ แวดล้อม ภเู ขา แม่นา้ ลาคลอง ปา่ ไม้ ท้องนา ธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มมีความสาคัญตอ่ ชีวติ มนษุ ยส์ ง่ ผลตอ่ วถิ ี ชีวิตของคนในชมุ ชน ชมุ ชนจะอย่ดู ีมีสขุ ไดห้ ากไม่ได้รับผลกระทบจากธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มทเี่ ป็นมลพิษ คนในชมุ ชนจึงต้องร่วมมือกันอนรุ ักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม เพือ่ ให้คนในชมุ ชนไดอ้ าศัยอยู่ในสง่ิ แวดลอ้ มท่ปี ราศจาก มลพษิ ทางอากาศ มีอาหารน้าดืม่ น้าใชท้ สี่ ะอาดปลอดภยั และเพยี งพอ ปราศจากพาหะนาโรคและสิง่ ราคาญ รบกวนความเปน็ อยู่ของคนในชมุ ชน มกี ารกาจดั ขยะและสง่ิ ปฏิกลู ท่ถี กู หลักสุขาภิบาล ชมุ ชนแห่งสนั ติสุข สนั ติสขุ จะเกิดข้นึ ได้เม่ือคนรูจ้ ักใช้ปญั ญารวมพลังรว่ มแรงร่วมใจสานประโยชน์เพื่อสงั คม เชอื่ มโยง ความรกั ความเข้าใจเพ่ือใหเ้ กิดมิตรภาพอยา่ งถาวร สรปุ ทา้ ยบท จากการเปล่ยี นแปลงของส่ิงแวดล้อมและสังคมทเี่ กิดข้นึ ในปจั จบุ นั สง่ ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของ ประชาชนเปน็ อย่างมาก ในชีวิตประจาวันต้องการเผชิญกับการเปลีย่ นแปลง ความเสีย่ ง ภยั คุกคาม ความไม่ มน่ั คงที่สะท้อนให้เหน็ ถงึ ความไม่พรอ้ มของการรบั มอื ปัญหาใหม่ กว่าจะแก้ไขให้อยูใ่ นสภาพที่สมดุลได้ ก็ใช้ เวลาและมคี วามสญู เสียเกดิ ขึ้น การสรา้ งเสริมสุขภาพเปน็ ทางเลือกของการเตรยี มพร้อมรองรบั สงิ่ ทีจ่ ะเกิด ขน้ึ กบั ระบบสุขภาพ เป็นทางออกทใ่ี ช้และเกยี่ วข้องในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ทีต่ อ่ เน่ือง และรองรบั ความ เส่ยี งใหม้ นุษย์ใช้ศักยภาพของตนเพอ่ื ใหส้ ขุ ภาพดีให้นานท่ีสุด กจิ กรรมในการสร้างเสรมิ สุขภาพมีท้ังระดับบุคคล ครอบครัวและชมุ ชน ซ่ึงมคี วามหลากหลายและ แตกต่างกนั ออกไป ต้องเลือกให้เหมาะสมกบั บคุ คล เชน่ อายุ เพศ หรอื ภาวะสุขภาพ ส่วนกจิ กรรมการสรา้ ง เสรมิ สขุ ภาพระดับครอบครวั และชมุ ชนตอ้ งอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจงึ จะประสบความสาเรจ็ ได้

41 เอกสารอ้างอิง ธนดิ า ผาตเิ สนะ. (2550). พฤติกรรมสุขภาพและสุขศกึ ษา. นครราชสมี า: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสีมา. นิตย์ ทัศนยิ ม และสมพนธ์ ทศั นยิ ม. (2555). การสร้างเสรมิ สขุ ภาพและการสรา้ งพลงั อานาจ. ขอแกน่ : ห้างหุ้นสว่ นจากดั โรงพิมพค์ ลงั นานาวิทยา. รจุ ินาถ อรรถสษิ ฐ์, เสาวนยี ์ กุลสมบรู ณ,์ อรอนงค์ ดิเรากบุษราคม, กมลาภรณ์ คงสขุ ววิ ัฒน์,วชิ ัย จันทร์กิตวิ ฒั น,์ อรจิรา ทองสกุ มาก และคณะ. (2548). สู่เส้นทางการสรา้ งสขุ ภาพชุมชน. สานักงาน โครงการสร้างเสรมิ ศกั ยภาพชุมชนและการสรา้ งสรรค์ชมุ ชนน่าอยู่ กลุม่ งานแพทยพ์ ื้นบ้าน กรมพฒั นา การแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสขุ . นนทบรุ ี: อุษาการพิมพ์. วรรณภา ศรีธญั ญรัตน,์ ผอ่ งพรรณ อรณุ แสง, พมิ ภา สุตรา และเพ็ญจันทร์ เลิศรตั น.์ (2555). สรา้ งเสรมิ สุขภาพองค์รวม สูส่ ขุ ภาวะสังคม. แผนงานพัฒนาเครอื ขา่ ยพยาบาลศาสตร์เพ่อื การสร้างเสรมิ สุขภาพ (พย.สสส.) ระยะที่ 2 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ขอนแกน่ : ห้างหุ้นสว่ นจากัด โรงพิมพค์ ลงั นานา. ศิริพร ขัมภลขิ ิต, จฬุ าลกั ษณ์ บารมี (บรรณาธิการ). (2555). คู่มอื การสอนการสรา้ งเสรมิ สุขภพในหลักสตู ร พยาบาลศาสตรบณั ฑติ . ขอนแก่น: แผนงานพัฒนาเครือขา่ ยพยาบาลศาสตรเ์ พื่อการสรา้ งเสริมสุขภาพ (พย.สสส.) ระยะท่ี 2 คณะพยาบาลศาสตร์ มห าวิทยาลัยขอนแกน่ . สนิ ศักด์ิชนม์ อนุ่ พรมมี (ผู้แปลและเรียบเรยี ง). (2556). พัฒนาการสาคัญของการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ: รายงาน การประชุมระดับโลกเรื่องการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ. นนทบรุ :ี โครงการสวสั ดกิ ารวชิ าการ สถาบันพระ บรมราชนก สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ . อมั พล จนิ ดาวัฒนะ, สุรเกยี รติ อาชานานุภาพ, และสรุ ณี พิพฒั นโ์ รจนกมล. (2550). การสรา้ งเสริมสุขภาพ: แนวคิด หลักการ และบทเรียนของไทย. กรงุ เทพมหานคร: สานักพิมพห์ มอชาวบา้ น. อาภาพร เ ผา่ วัฒนา, สรุ ินธร กลมั พากร, สุนีย์ ละกาปัน่ และขวญั ใจ อานาจสัตยซ์ ือ่ . (2555). การสรา้ งเสริม สขุ ภาพและการป้องกันโรคในชุมชน: การประยุกต์แนวคิดและทฤษฏสี กู่ ารปฏบิ ตั ิ (พมิ พ์ครงั้ ที่ 2). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพค์ ลังนานาวทิ ยา. Barbara K. Rimer, Karen Glanz. สินศกั ดช์ิ นม์ อ่นุ พรมม,ี ศรเี สาวลกั ษณ์ อุน่ พรมมี (ผู้แปล). (2556). Theory at a Glance: A Guide for Health Promotion Practice. ทฤษฎีการสร้างเสรมิ สุขภาพ ฉบบั สรปุ สาระสาคญั . นนทบุร:ี โครงการสวัสดกิ ารวชิ าการ สถาบนั พระบรมราชนก สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ . อมั พร เบญจพลพทิ ักษ์ ลัดดา ดารกิ ารเลศิ . (2553). การจดั การความรแู้ ละสงั เคราะห์แนวทางปฏิบัตขิ องโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตาบล: แนวทางการดูแลสขุ ภาพวยั ร่นุ . นนทบุร:ี สถาบนั วิจยั สาธารณสขุ . คณะกรรมการส่งเสรมิ พฒั นาเดก็ และเยาวชนแห่งชาติ (2554). แผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ส. 2555 – 2559. กรงุ เทพฯ: สานักงานสง่ เสรมิ สวสั ดภิ าพและพทิ ักษเ์ ด็กเยาวชนผู้ด้อยโอกาสและผู้สงู อาย.ุ ดวงกมล ทองอย่.ู (2555). การประยุกต์ทฤษฎีทางจติ วิทยาเพอื่ พัฒนาจติ สาธารณะให้เด็ก และเยาวชนไทย.วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ ปีที่2 ฉบับท่1ี มกราคม-มิถุนายน หน้า 11 – 22. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ . (2555). คูม่ อื สุขภาพสาหรับประชาชนปรับพฤติกรรม เปลย่ี นสุขภาพคนไทย. กรงุ เทพฯซ สามเจริญพานิช. สานกั โรคไมต่ ิดต่อ กรมควบคมุ โรคกระทรวงสาธารณสขุ . (2556). แนวทางการดาเนินงานวสิ าหกจิ ชมุ ชน ปลอดโรค ปลอดภยั กายใจเป็นสุข. นนทบุร:ี ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. มนัส วณิชชานนท์ (2550). การสร้างองคค์ วามร้แู ละตัวชี้วดั ความอบอุ่นของครอบครวั ไทยความสุขทยี่ ง่ั ยืน. วารสารเศรษฐกจิ และสังคม ปีที่ 44 ฉบบั ที่ 1 เดือน มกราคม – มีนาคม หน้า 26 – 33. เพ็ญจันทร์ สทิ ธปิ รชี าชาญ, ปนดั ดา ปริยฑฤฆ. (2557). กระบวนการพัฒนาระบบการดูแลสขุ ภาพชุมชน: 14 กรณศี ึกษาชมุ ชน ในพน้ื ที่ภาคกลาง. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 มกราคม – เมษายน หน้า 1 – 15 สเุ ทพ พลอยพลายแก้ว นิษฐา หรนุ่ เกษม อรนุช ภาชืน่ ศักดชิ์ าย เพช็ รตรา. (2556). การพัฒนารปู แบบการดแู ล สขุ ภาพตนเองของชุมชนจังหวัดลพบรุ ี.วารสารพยาบาลทหารบก ปที ่ี 14 ฉบบั ท่ี 1 (ม.ค. - เม.ย.) หน้า 61 – 70.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook