1 บทท่ี 1 ความหมายและความสำคญั ของสขุ ภาพ ความรอบร้ดู ้านสุขภาพและการจัดการสขุ ภาพ วัตถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรม เมือ่ นสิ ติ ได้รับฟังการบรรยาย และรว่ มแลกเปล่ยี นประสบการณใ์ นบทเรียนนีแ้ ล้ว ผูเ้ รียนสามารถ 1. อธิบายถงึ ความหมายและความสำคญั ของสขุ ภาพ ความรอบร้ดู ้านสุขภาพและการจดั การสขุ ภาพได้ 2. อธบิ ายถึงองคป์ ระกอบสำคัญของความรอบรูด้ า้ นสุขภาพได้ 3. อธิบายถึงความสำคัญของปัจจัยกำหนดสุขภาพทางสังคม (Social Determinants of Health) ต่อการ ดูแลสขุ ภาพของประชาชนได้ 4. อธิบายถึงองคป์ ระกอบของระบบสุขภาพตามกรอบแนวคิดขององคก์ ารอนามัยได้ วิธีการสอน/กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. โดยการบรรยาย ถามตอบ การซกั ถาม และอภิปรายสถานการณ์ที่เก่ยี วข้อง 2. การสอนแบบยกตวั อย่าง สาธติ การถาม-ตอบ 3. มอบหมายงานใหน้ สิ ิตวเิ คราะหอ์ งค์ความรใู้ นทา้ ยชั่วโมงเรียนเป็นรายบุคคล การประเมินผลลัพธ์การเรยี นรู้ 1. การทดสอบในชัว่ โมงเรยี น (quiz) และการสอบประจำภาค 2. ประเมนิ ผลจากการเตรียมความพร้อม ความสนใจ ความกระตอื รือร้นในการเรยี นรู้ 3. ประเมินผลจากการตอบคำถามในชนั้ เรยี น 4. ประเมินผลจากผลงานทีน่ ำเสนอ การส่งงานตรงต่อเวลา การทำแบบฝึกหดั
2 บทนำ ประเทศไทยนั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้นำที่เข้มแข็งที่สุดประเทศหนึ่งในการพัฒน าทางสังคมเพ่ือ บรรลุจุดหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าในปี 2543 ทั้งนี้เริ่มตั้งแต่การประชมุ ระดบั ชาติในปี 2520 และต่อมาในปี 2523 ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันใน “กฎบัตรเพื่อพัฒนาการทางสุขภาพ (Charter for Health Development)” อันเป็นการตอกยำ้ เจตนารมณ์ของประเทศที่จะทำให้ “ทุกคนในประเทศไทย เกิดมาและเติบโตไปจนแก่ และตาย อยา่ งมีศักดศ์ิ รีของความเปน็ มนษุ ย์ อีกทัง้ ในระหว่างทยี่ ังมีชีวิตอยู่น้นั จะต้องมีสุขภาพดีพอท่จี ะเปน็ ประโยชน์และมี ส่วนรว่ มสรา้ งเสรมิ เศรษฐกิจ ตลอดจนสงั คมที่ทกุ คนเปน็ สมาชิกอยูไ่ ดอ้ ย่างเต็มท่ี” ดังนั้น จึงได้มีการดำเนินงานพัฒนาสาธารณสุขทั้งด้านบริการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสภาพ ซึ่งไดก้ ่อให้เกดิ ผลดีตอ่ สุขภาพอนามัย ที่สำคัญและชัดเจนก็คือประชาชนมอี ายยุ ืน ยาวขึ้น นั่นเป็นผลจากการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพตั้งแต่ขั้นพื้นฐานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ครอบคลุม และทั่วถึง ประชาชนมกี ารดูแลสขุ ภาพของตนเองมากข้นึ โดยอาศยั กลไกของการสาธารณสุขมลู ฐานนัน่ เอง อนึ่ง ในปัจจุบันนี้ได้มีการกล่าวถึงการรู้เท่าทันทางสุขภาพซึ่งเป็นความสามารถของบุคคลในการ เข้าถึงข้อมลู ทางสุขภาพ เข้าใจ และมคี วามรู้ในเรื่องน้ัน ๆ ตลอดจนสามารถประยุกตข์ อ้ มลู ขา่ วสารที่ได้รับไปสู่การ ตัดสินใจเพื่อปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค และส่งเสริมสุขภาพตนเองเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมปี จั จยั ทม่ี ผี ลต่อการรเู้ ท่าทันทางสขุ ภาพ เช่น อายุ ระดบั การศกึ ษา ภาวะสุขภาพ ซ่ึงผ้ทู ีม่ กี ารรู้เท่าทันสุขภาพ ต่ำอาจเป็นปัจจัยเส่ียงที่สำคัญในการทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้น แนวทางในการป้องกันและควบคุมโรคน้นั ต้องมคี วามร้เู กีย่ วกบั โรค การระบาดของโรค การปอ้ งกันโรคอ่ืน ๆ ตลอดจนการปฏบิ ตั ิตวั เมื่อเกดิ โรค ทั้งนี้ จึงต้องเรียนรู้ถึงปัจจัยกำหนดสุขภาพทางสังคม (Social Determinants of Health) ท่ี เกย่ี วขอ้ งกับการดูแลสุขภาพที่จะทำให้เกิดความตระหนกั ถงึ ความเสี่ยงต่อสขุ ภาพ เพราะการเปล่ียนแปลงทางด้าน ส่ิงแวดล้อมกายภาพ ทางเศรษฐกิจ และสังคม จะสง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพของมนษุ ย์อย่างหลีกเลี่ยงไมไ่ ด้ เนือ่ งจาก สุขภาพมิไดถ้ กู กำหนดโดยระบบบริการสุขภาพและวถิ ีชีวิตเท่านน้ั เนอื้ หา 1.1 ความหมาย ความสำคญั ของสขุ ภาพ ปัจจยั ทีก่ ำหนดสุขภาพในศตวรรษท่ี 21 1.2 ปจั จัยทม่ี ีผลกระทบต่อสุขภาพ 1.3 แนวคิดของความรอบรู้ดา้ นสุขภาพ องค์ประกอบและคณุ ลกั ษณะสำคญั ของความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ 1.4 แบบวดั ความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ 1.1 ความหมายและความสำคญั ของสขุ ภาพ ความรอบรูด้ ้านสุขภาพและการจดั การสุขภาพ 1.1 ความหมายและความสำคัญของสุขภาพ มีความหลากหลายที่ได้ใหค้ ำจำกดั ความของ “สุขภาพ” ไวด้ ังนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็นพระพุทธภาษิตว่า “อโรคยา ปรมา ลาภา” ซึ่งแปลว่า “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ซึ่งพระพุทธภาษิตข้อนี้แม้แต่ชาวอารยประเทศทางตะวันตกก็ยังยอมรบั นบั ถือกันและเหน็ พ้องต้องกันว่า สุขภาพคือพรอันประเสริฐสุด นอกจากนีย้ งั มสี ภุ าษติ ของชาวอาหรับโบราณกล่าวไว้ ว่า “คนที่มีสุขภาพดีคือคนที่มีความหวังและคนที่มีความหวังคือคนที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง” ซึ่งนั่นก็หมายความว่า สุขภาพคือวิถีแห่งชีวิต โดยสุขภาพจะเป็นเสมือนหนึ่งวิถีทางหรือหนทางซึ่งจะนำบุคคลไปสู่ความสุขและ ความสำเรจ็ ตา่ ง ๆ นานาได้ หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ “สุขภาพชวี ิต” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ได้ให้ความหมายของ “สุขภาพ” ไว้ว่า “ความสุขปราศจากโรค ความสบาย” ก่อน พ.ศ. 2500 เราใช้คำสุขภาพกันน้อยมาก เพราะขณะนั้นเราใช้คำว่า “อนามัย” (อน + อามัย) ซึ่งหมายถึง “ความไม่มีโรค” ซึ่งเมื่อเปรียบกันแล้วจะเห็นว่า คำว่า “สุขภาพ” มี
3 ความหมายกว้าง และสมบูรณ์กว่า “อนามัย” เพราะสุขภาพเน้นสุขภาวะคือ ภาวะที่ทำให้เกิดความสุขปราศจาก โรคซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายๆ ปัจจัย และมีความหมายในเชิงบวก ส่วนอนามัยนั้นเน้นที่โรคซึ่งเป็นความทุกข์มี ความหมายในเชงิ ลบ นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้ให้คำนิยามของ “สุขภาพ” คือ “สุขภาวะที่สมบูรณ์ ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสงั คม และทางปัญญา สุขภาวะทงั้ 4 ดา้ น เชอื่ มโยงกันเป็นบรู ณาการเชือ่ มโยงถงึ กนั และอย่ใู นกนั และ กัน ปัญญาเป็นศูนย์กลาง ถ้าปราศจากปัญญา สุขภาวะทางกาย ทางจิต และทางสังคมก็เป็นไปไม่ได้ การพัฒนา ปัญญาตอ้ งนำไปสู่การพัฒนา กาย จิต และสังคม การพัฒนากาย จิต และสังคม ต้องนำไปสู่การพัฒนาปัญญา ท้งั 4 รว่ มกันจึงเกิดสขุ ภาวะทส่ี มบรู ณ์” สำหรับองค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization) ได้ให้ความหมายของ “สุขภาพ” ไว้ในธรรมนูญขององค์การอนามัยโลกเมื่อปี ค.ศ.1948 ไว้ดังนี้ “สุขภาพ หมายถึง สภาวะแห่งความ สมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ รวมถึงการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข และมิได้หมายความเฉพาะ เพียงแต่การปราศจากโรคและทุพพลภาพเท่านั้น” ต่อมาในที่ประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก เมื่อเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ได้มีมติให้เพิ่มคำว่า “Spiritual well-being” หรือสุขภาวะทางจิตวิญญาณเข้าไป ในคำ จำกดั ความของสุขภาพเพ่ิมเตมิ ดงั นัน้ เมือ่ กลา่ วถงึ สขุ ภาพในยคุ นัน้ จะต้องครอบคลมุ สิง่ ทส่ี ำคญั 4 ประการคือ 1. ภาวะทวั่ ไปของรา่ งกายและจิตใจจะต้องแข็งแรงสมบูรณ์ 2. มีสขุ ภาวะทางจติ วญิ ญาณ 3. จะตอ้ งปราศจากโรคหรอื ความทพุ พลภาพ 4. จะตอ้ งเปน็ ผูท้ ่ีสามารถดำรงตนและปฏิบตั ิภารกิจตา่ งๆ ในสงั คมได้เป็นปกติสุข สุขภาวะทางจติ วิญญาณจงึ หมายถงึ มิติทางคุณคา่ ท่สี งู สุดเหนอื ไปจากโลกหรือภาพภูมิทางวัตถุ การมีศรัทธาและมีการเข้าถึงคุณค่าที่สูงส่ง ทำให้เกิดความสุขอันประณีตลึกล้ำ และตามความหมายใน พระราชบญั ญตั ิสขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 นน้ั ใหใ้ ช้คำว่า “ปัญญา” แทน “จิตวิญญาณ” ดังนั้น ความหมายของคำวา่ “สขุ ภาพ (Health)” หลงั จากนนั้ จึงรวมความหมายถงึ สขุ ภาวะทส่ี มบูรณ์ท้ังทางกาย ทางจติ ทางสงั คม และปญั ญา หรอื สุขภาวะท่ีสมบรู ณท์ กุ ๆ ทางเช่อื มโยงกนั เปน็ องค์ รวมอย่างสมดุล ทำให้สะท้อนถงึ ความเป็นองคร์ วมอย่างแทจ้ ริงของสุขภาพท่ีเกอ้ื หนนุ และเช่ือมโยงกนั ทงั้ 4 มิติ (ตามนิยามของมาตรา 3 พระราชบัญญัตสิ ุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550) ซึง่ ความหมายในแตล่ ะดา้ น คอื 1. สุขภาวะทางกาย หมายถึง การที่มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีเศรษฐกิจพอเพียง มี สง่ิ แวดลอ้ มดี ไม่มีอบุ ตั ภิ ัย เปน็ ต้น 2. สุขภาวะทางจิต หมายถึง การที่มีจิตใจท่ีเป็นสุข ผ่อนคลาย ไม่เครียด คล่องแคลว่ มีความ เมตตา กรุณา มีสติ มีสมาธิ เป็นต้น 3. สุขภาวะทางสังคม หมายถึง การอยู่ร่วมกันด้วยดี ในครอบครัว ในชุมชน ในที่ทำงาน ใน สังคม ในโลก ซง่ึ รวมถึงการมีบริการทางสังคมที่ดี และมีสันติภาพ เป็นตน้ 4. สุขภาวะทางปัญญา หมายถึง ความรู้ทัว่ ไป ความรู้เทา่ ทัน และความเข้าใจอย่างแยกได้ใน เหตุผลแห่งความดี ความช่วั ความมปี ระโยชน์และความมีโทษ ซงึ่ นำไปส่คู วามมีจติ อันดีงามและเอ้ือเฟื้อเผอ่ื แผ่ ดังนั้น จะเห็นว่าความหมายของสุขภาวะท้ัง 4 ด้าน คือ สุขภาวะทางกายและสุขภาวะทางจติ เป็นสุขภาพที่ทำความเข้าใจได้ง่าย เป็นการเปล่ียนแปลงที่สังเกตเห็นได้ตลอดเวลา สุขภาวะทางสังคมเป็นการสด งออกรวมกันของสังคม ซง่ึ ตอ้ งทำความเขา้ ใจและยอมรบั รวมกนั ของทั้งสงั คม และสุขภาวะทางปัญญาเป็นสุขภาพ ท่ีทำความเขา้ ใจไดย้ ากและเป็นขั้นสูงสดุ ของสุขภาพองค์รวม ซึ่งก่อนหน้านี้ใน ค.ศ. 1986 การประชุมนานาชาติที่กรุงออตาวา เมืองหลวงของแคนาดา ใน เรื่องสุขภาพนั้นได้ให้ความสำคัญในเรื่องการสง่ เสริมสุขภาพ (Health Promotion) เป็นครั้งแรกซ่ึงเกิดขึ้นโดย ได้ ถูกบันทึกไว้ว่า “ความสมบูรณ์ทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ปัจเจกบุคคลหรือลักษณะเฉพาะของกลุ่มและความ
4 ปรารถนาทีเ่ กดิ ขึ้นจริง ความต้องการการเปลยี่ นแปลง หรือการจดั การกับสภาพแวดล้อม” ในโลกหน้า สุขภาพไม่มี จดุ ส้นิ สดุ แต่สามารถประยกุ ตแ์ นวคดิ ได้ในแตล่ ะบคุ คล กลุม่ ชุมชน หรือประชาชน สำหรับหน้าที่ในการส่งเสริมสุขภาพนี้เป็นแนวคิดที่เน้นการปฏิบัติใหม่ขึ้นมาทั้งหมด โดยยึด เปน็ หลักการพ้ืนฐานสำคญั ของการทำงานดา้ นส่งเสริมสุขภาพ โดยกฎบตั รออตตาวา (Ottawa Charter) และส่ิงท่ี เพิ่มเข้ามาในโครงสร้างของคุณภาพชีวิต มี 5 ประเด็น ที่ผ่านมาคือ ระดับทกั ษะของแต่ละคน ผ่านการกระทำทาง ชมุ ชนและการใหบ้ ริการสาธารณสขุ ครอบคลมุ ถงึ สภาพแวดล้อม นโยบาย และเกีย่ วขอ้ งกบั ระบบนเิ วศน์ เป็นต้น ธรรมชาติของสังคมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ ทั้งจากธรรมชาติและจากผลิตผลของ มนุษย์ การเปลี่ยนแปลงของสังคมนั้นอาจมลี กั ษณะก้าวหน้าหรือถอยหลัง รุนแรงหรือไม่รุนแรง แต่ทุกครั้งท่มี ีการ เปลี่ยนแปลงก็อาจเกิดแรงต่อต้านได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านแนวความคิดซึ่งโดย ปกติแล้วสังคมไทยมักจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุหรือเทคโนโลยีจากสังคมที่เจริญแล้วได้อย่างเต็มท่ี แต่มักยอมรับการเปลย่ี นแปลงดา้ นแนวความคดิ และค่านยิ มทเี่ กดิ จากพน้ื ฐานความรไู้ ดร้ บั การสั่งสมเวลานานไม่ได้ เต็มที่ การจัดการระบบสุขภาพของประเทศไทยกม็ ีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาจากอดีต ซึ่งบางคร้ังการเปลีย่ นแปลง นั้นอาจคอ่ ยเปน็ ค่อยไป แต่บางครั้งก็รวดเร็วและรุนแรง ทั้งนี้ ส่วนหนึง่ กข็ ึ้นอยูก่ ับสิ่งที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพของแต่ ละคนด้วย องคป์ ระกอบสำคญั ทมี่ ีอทิ ธิพลต่อสขุ ภาพ สิ่งที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพของคนเรานั้นมีมากมายหลายสาเหตุ แต่ในที่นี้จะแบ่งออกเป็น 3 องคป์ ระกอบทส่ี ำคัญ ๆ ดังน้ี 1. องค์ประกอบดา้ นตวั บุคคล 1.1 ลักษณะทางพนั ธกุ รรม (Genetic makeup) 1.2 เชอ้ื ชาติ (Race) 1.3 เพศ (Sex) 1.4 อายุและระดบั พฒั นาการ (Age and development level) 1.5 ปัจจยั ทางสรีรวทิ ยา (Physiological factors) 1.6 ปจั จัยทางด้านจติ ใจ (Psychological Factors) 1.7 ความรู้ ความเชือ่ คา่ นยิ ม และทัศนคติ 1.8 พฤตกิ รรมอนามยั (Health behavior) หรือสขุ ปฏบิ ัติ (Health Practice) 2. องค์ประกอบด้านสิง่ แวดล้อม (Environment Factors) สิ่งแวดล้อมอาจแบ่งออกได้เป็น 4 ดา้ นใหญ่ คอื 2.1 สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ (Physical environment) 2.2 สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ (Biological environment) 2.3 สิ่งแวดลอ้ มทางเคมี (Chemical environment) 2.4 สงิ่ แวดลอ้ มทางเศรษฐกจิ และสังคม (Social-economic environment) 3. องคป์ ระกอบทางด้านระบบการจดั การสาธารณสุขและการบริการสุขภาพ (Health Service System Factors) หมายถึง การบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ของรัฐในการที่จะสนองตอบต่อ การส่งเสริมให้บุคคลที่อาศัยอยู่ในชุมชนน้ัน ๆ หรือประเทศน้ัน ๆ มีสุขภาพท่ีดีและเท่าเทยี มกัน รวมถึงสง่ เสริมให้ ทกุ คนมสี ทิ ธิเทา่ เทยี มกันในการเข้าถงึ ระบบการบริการทางการแพทย์และสาธารณสขุ ท่ีมมี าตรฐานอกี ดว้ ย ผลกระทบทางสุขภาพ ลักษณะของผลกระทบทางสุขภาพ แบ่งได้ 3 ประเภท คือ (1) ผลกระทบโดยตรง (Direct Impact) ซึ่งเป็นผลกระทบทางสุขภาพอันเนื่องมาจากการ ดำเนนิ นโยบาย แผนงาน หรอื โครงการโดยตรง โดยมปี จั จยั อนื่ ๆ มาเก่ียวข้องน้อยมาก เช่น ผลกระทบทางสุขภาพ
5 อันเนือ่ งมาจากโครงการเหมอื งแร่ในเขตป่า หรอื ผลกระทบทางสขุ ภาพจิตอันเนื่องมาจากความวติ กกงั วลในอบุ ัติภยั ทอ่ี าจเกดิ ข้นึ จากนิคมอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ เปน็ ตน้ (2) ผลกระทบโดยอ้อม (Indirect Impact) ซึ่งเป็นผลกระทบที่มิได้เกิดขึ้นกับสุขภาพ โดยตรง แต่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพหลายตัวร่วมกัน จนมีผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางด้านสุขภาพในที่สุด เช่น ผลกระทบต่อสุขภาพกายที่แยล่ ง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการ ดำรงชีวิต ภายหลังจากทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมลงจากการดำเนินโครงการ หรือผลกระทบทางสุขภาพจิตที่ดีขึ้น อันเนื่องการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และความภูมิใจในความสามารถในการพึ่งตนเอง ซึ่งเป็นผลสืบ เนื่องมาจากการ ดำเนินโครงการ (3) ผลกระทบสะสม (Cumulative Impact) หมายถงึ ผลกระทบท่เี กิดจากโครงการท่ีกำลัง พิจารณาและโครงการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่างเวลา ต่างสถานที่ ทั้งในอดีตอันใกล้ ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้ ผลกระทบสะสมเป็นผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ที่สะสมจากการดำเนินนโยบาย แผนงาน และโครงการ ต่าง ๆ ในพื้นที่เดียวกนั หรือในกลุ่มประชากรเดียวกัน ซึ่งบางครัง้ ทำให้ผลกระทบทางสขุ ภาพรุนแรงขึ้นเกนิ กว่าที่ คาดการณ์ไว้ในการประเมนิ ผลกระทบทางสุขภาพ ระดับผลกระทบทางสขุ ภาพ ระดับของผลกระทบทางสขุ ภาพทจี่ ะทำการประเมินเป็นคำถามที่สำคญั อีกประการหน่ึงในการ ประเมินผลกระทบทางสุขภาพ เพราะการเลือกระดับในการประเมินผลกระทบทางสุขภาพที่แตกต่างกันย่อมมีผล ใหผ้ ลลพั ธข์ องการประเมินแตกตา่ งกนั ไปดว้ ย ระดับในการประเมินผลกระทบทางสขุ ภาพ แบ่งออกได้เปน็ 4 ระดับ ไดแ้ ก่ (1) ผลกระทบในระดับปัจเจกบุคคล เช่น ผลกระทบที่มีต่อความเจ็บป่วย หรือสถานะทาง สุขภาพของแต่ละบุคคล การประเมินผลกระทบ ในระดับนี้มักง่ายต่อการเก็บรวบรวมข้อมูล และทำให้เข้าใจถึง ผลกระทบทแ่ี ตกต่างกนั ในหมสู่ มาชกิ ของแต่ละครวั เรอื น เชน่ เดก็ หรือผ้สู งู อายอุ าจได้รับผลกระทบมากกวา่ ผู้อื่น (2) ผลกระทบในระดับครอบครัว เช่น ผลกระทบที่มตี ่อความสัมพันธภ์ ายในครัวเรือน ซึ่งจะ ทำให้ผู้ประเมินเห็นถึงขีดความสามารถในการรับมือกับปัญหาในระดับครอบครัว (ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเนื่องจากการ ระดมทรัพยากรและการหาทางออกร่วมกันของสมาชิกในครัวเรือน) หรือในมุมกลับกัน ผู้ประเมินก็อาจจะเห็นถงึ ปัญหาอันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการรับมือกับปญั หาดังกล่าว จนเกิดเป็นปัญหาภายในครอบครัวหรือขยาย ปญั หาในระดบั ชุมชน การประเมนิ ผลกระทบในระดบั น้จี ึงเปน็ การศึกษาในระดับทเี่ ปน็ จดุ เช่ือมตอ่ สำคญั กับสถาบนั ทางสังคมท่ีใหญ่ข้ึนกว่านนั้ เชน่ ชุมชน หรอื องคก์ รของรฐั ทัง้ ในระยะส้นั และในระยะยาว (3) ผลกระทบในระดับชมุ ชน เช่น ผลกระทบท่ีมตี ่อความสามารถในการจดั การการคุ้มครอง และการสร้างเสริมสุขภาพของชุมชน การประเมินในระดับนี้จะทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของความร่วมมือ (หรือผลกระทบที่มีต่อความร่วมมือ หรือเกิดจากความเปลี่ยนแปลงในความร่วมมือ) ของชุมชนในการสร้างเสริม และคุ้มครองสขุ ภาพของสมาชิกในชมุ ชนจากการดำเนินนโยบายหรอื โครงการ (4) ผลกระทบในระดับสาธารณะ เช่น ปัญหาที่คุกคามสุขภาพของสาธารณะในวงกว้าง ไม่ สามารถจำกัดเฉพาะกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบโดยตรง (เช่น การก่อวินาศกรรม การเกิดอุบัติเหตุจากการ ขนส่ง) หรือผลกระทบที่มีต่อทัศนะของสาธารณะในแง่ของความสำคัญของสุขภาพ (หรือการให้คุณค่าต่อสุขภาพ และมิติทางสุขภาพในแต่ละด้าน) เช่น การมองเห็นทางเลือกหรอื โอกาสในการสร้างเสริมสุขภาพที่แตกต่างไปจาก เดิม รวมถึงทัศนะที่มตี ่อความเส่ียง (Risk perception) ของแต่ละกล่มุ ประชากร และภาพรวมทีเ่ ปลย่ี นแปลงไปอนั เนื่องมาจากการดำเนิน (หรือผลของการดำเนิน) นโยบาย แผนงาน หรือโครงการนั้น การประเมินผลกระทบใน ระดับสาธารณะแม้ว่าจะยากในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมิน แต่ก็มีความสำคัญในการขับเคลือ่ น เชงิ นโยบายและการเรียนรรู้ ่วมกนั ของสงั คม
6 ดังนั้น การให้คำนิยามเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการกำหนดขอบเขตเพื่อการ ประเมินผลกระทบทางสุขภาพ เนื่องจากถ้ามองสุขภาพในความหมายแคบ การกำหนดขอบเขตการประเมินผล กระทบทางสุขภาพก็ไม่ครอบคลุม ในทางกลับกันถ้ามองสุขภาพในมุมมองที่กว้างก็ทำให้การกำหนดของเขตการ ประเมินผลกระทบทางสุขภาพกว้างและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาสุขภาพที่มี ความซับซอ้ นมากในปจั จุบัน และเกิดความเชือ่ มโยงกันระหว่างปจั จัยต่าง ๆ ที่มากำหนดสุขภาพ ที่เราเรียกกันวา่ “ปัจจัยกำหนดสุขภาพทางสังคม (Social Determinants of Health)” หรือ “ปัจจัยกำหนดสุขภาพ (Health Determinants)” ปัจจยั ทม่ี ีผลกระทบต่อสขุ ภาพ (http://www.healthcarethai.com) สุขภาพมกี ารเปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอดเวลา การเปลยี่ นแปลงของสุขภาพขึ้นอย่กู บั ปจั จยั หลายอยา่ ง ทง้ั ปัจจัยภายในและภายนอก ปัจจยั เหล่านี้อาจทำให้สขุ ภาพดีขนึ้ หรือแย่ลงก็ได้ ปัจจยั ดงั กลา่ วมดี งั ต่อไปน้ี ปัจจยั ภายใน ปจั จัยภายในหมายถงึ ปจั จัยที่เกย่ี วกบั บคุ คลโดยตรงซงึ่ บางปัจจัยไมส่ ามารถเปลี่ยนแปลงได้ ปัจจัยภายใน ประกอบด้วย องค์ประกอบ 3 อย่างคือ องค์ประกอบทางกาย องค์ประกอบทางจิต และองค์ประกอบทาง พฤตกิ รรมหรือแบบแผนการดำเนินชวี ิต ดงั นี้ 1. องค์ประกอบทางกาย ไดแ้ ก่ องค์ประกอบทเี่ ปน็ มาตั้งแตเ่ กิด และจะเปน็ อยเู่ ชน่ นี้ ตลอดไปโดยไมอ่ าจ เปล่ียนแปลงได้ ได้แก่ 1.1 พันธกุ รรม 1.2 เช้ือชาติ 1.3 เพศ 1.4 อายุและระดบั พัฒนาการ 2. องค์ประกอบทางจติ ร่างกายและจิตใจมคี วามสมั พันธ์กนั สภาพอะไรกต็ ามท่กี ระทบกระเทือนทางดา้ น ร่างกายก็จะกระทบกระเทือนต่อจติ ใจด้วย และสภาพอะไรก็ตามที่กระทบ กระเทือนต่อจิตใจก็จะมีผลให้ร่างกาย เจบ็ ป่วยได้ นอกจากนี้องคป์ ระกอบทางจติ ยงั เปน็ ตัวกำหนดพฤติกรรมตา่ งๆ อีกดว้ ย องค์ประกอบเหล่านี้ ได้แก่ 2.1 อัตมโนทัศน์ (self-concept) เป็นผลรวมของความรู้สึกนึกคิดและการรับรู้ที่ลึกซึ้งและ ซับซ้อนที่บุคคลมีต่อตนเอง และมีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดพฤติกรรม คือการที่บุคคลจะแสดงพฤติกรรม อยา่ งไรน้ันข้นึ อยู่กบั วา่ บคุ คลนน้ั รบั รู้เกี่ยวกบั ตนเองอย่างไร 2.2 การรับรู้ (perception) การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมเช่นใดนั้น ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของตนต่อ ส่งิ ต่างๆ การรับรูเ้ ก่ียวกบั สขุ ภาพคอื รบั รวู้ า่ ตนเองมสี ุขภาพเช่นไรก็จะมีอทิ ธิพลต่อพฤติกรรมทคี่ นๆ นั้นจะกระทำ คนแตล่ ะคนมกี ารรบั รู้เกยี่ วกบั สขุ ภาพแตกตา่ งกัน 2.3 ความเชื่อ ปกติคนเรามักไดค้ วามเชอ่ื มาจาก พ่อ แม่ ปู ยา่ ตา ยาย หรือผทู้ ี่เราเคารพเชื่อถือ จะยอมรับฟังโดยไม่ต้องพิสูจน์ ความเชื่อเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต ความเชื่อเมื่อเกิดขึ้นแล้วมักจะ เปลี่ยนแปลงยาก ความเชื่อด้านสุขภาพ (health belief) คือความเชื่อเกีย่ วกบั สุขภาพที่คนแต่ละคนยึดถือว่าเปน็ ความจริง ความเช่อื ดังกลา่ วอาจจะจริงหรือไมจ่ ริงกไ็ ด้ บุคคลจะปฏิบตั ติ ามความเชอ่ื เหลา่ น้ีอยา่ งเครง่ ครัด ไม่ว่าจะ อยู่ในสถานการณ์เซ่นใดก็ตาม และจะรู้สึกไม่พอใจถ้าใครไปบอกว่าสิ่งที่เขาเชื่อน้ันเป็นสิ่งท่ีไมถ่ ูกต้อง หรือแนะนำ ให้เขาเลิกปฏิบัติตามความเชื่อหรือให้ปฏิบัติในสิง่ ท่ีตรงข้ามกับความเชื่อ ความเชื่อเกี่ยวกับสุขภาพในสงั คมไทยมี มากมาย การปฏิบัติตามความเชื่อจะทำให้บุคคลมีความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัย ถ้าต้องฝืนปฏิบัติในสิ่งที่ขัดกับ ความเชื่อจะรู้สึกไม่ปลอดภัย เกรงว่าจะเป็นอันตราย ความเชื่อที่พบได้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับสุขภาพได้แก่ เชื่อว่าถ้า รบั ประทานไข่ขณะทเ่ี ป็นแผล จะทำให้แผลนนั้ เป็นแผลเปน็ ทน่ี า่ เกลียดเมื่อหาย ถา้ รับประทานข้าวเหนียวจะทำให้ แผลกลายเป็นแผลเปื่อย หญิงตั้งครรภ์ ถ้ารับประทานเนือ้ สตั ว์ชนิดใด จะทำให้ลูกมีพฤติกรรมเหมือนสัตวช์ นิดนน้ั เชื่อว่าการดื่มเบียร์วันละ 12 แก้วจะช่วยป้องกันการติดเชื้อของลำไส้ เชื่อว่าถ้าดื่มน้ำมะพร้าวขณะมีประจำเดือน
7 จะทำให้เลอื ดประจำเดือนหยุดไหลเป็นต้น ความเชอ่ื เหลา่ นบี้ างอย่างมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก แต่บางอย่างไม่มี ผลเสียหายตอ่ สขุ ภาพ 2.4 เจตคติ เจตคติเป็นความรู้สึกของบุคคลต่อสิ่งต่างๆ อาจเป็นบุคคล สิ่งของหรือ นามธรรม ใดๆ ก็ได้ การเกดิ เจตคตอิ าจเกิดจากประสบการณ์ หรือเรียนรูจ้ ากบุคคลใกล้ตัวก็ได้ เจตคติมผี ลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการประพฤติปฏิบัติต่างๆ เช่น ถ้าประชาชนมีเจตคติ ที่ไม่ดีต่อสถานบริการ สาธารณสุข ก็อาจจะไม่ไปใช้บริการจากสถานที่นั้น หรือเจตคติต่อการรักษาแผนปัจจุบันไม่ดีก็จะไม่ยอมรับการ รักษาเมือ่ ป่วย เปน็ ตัน หรอื เมื่อมเี จตคตไิ มด่ ตี ่อเจา้ หนา้ ท่ี เมื่อเจ้าหนา้ ทแี่ นะนำการปฏิบัติตนเพอ่ื สุขภาพ บคุ คลน้ัน อาจจะไม่ ยอมรบั ฟังหรอื ปฏบิ ัติตาม ซ่งึ ทำใหม้ ีผลตอ่ สขุ ภาพได้ 2.5 คา่ นิยม คอื การให้คุณค่าตอ่ สง่ิ ใดสิง่ หนงึ่ ค่านิยมของบคุ คลไดร้ ับอทิ ธิพลมาจากสังคม บคุ คล พยายามแสดงออกถงึ คา่ นิยมของตนทุกคร้งั ที่มีโอกาส คา่ นยิ มของสังคมใดสงั คมหนึง่ จะมีอทิ ธิพลต่อการประพฤติ ปฏิบัติของบุคคลในสังคมนั้นๆ อย่างมาก ค่านิยมที่มีผล กระทบต่อสุขภาพ เช่น ค่านิยมของการดื่มเหล้า สูบบุหร่ี ซึ่งแสดงถึงความมีฐานะทางสังคมสูง ค่านิยมของการเที่ยวโสเภณีว่าแสดงถึงความเป็นชายชาตรี ค่านิยมที่ช่วย ส่งเสริมสขุ ภาพ คือ ค่านยิ มของความมสี ุขภาพดี 2.6 ความเครียด (stress) ภาวะเครียดมีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางด้านบวกและลบทางด้าน บวก ในครั้งแรกซึ่งเตม็ ไปด้วยความเครยี ดนั้นจะทำให้แต่ละคนได้พัฒนาความสามารถ เกิดความมั่นใจ ความกลัว ลดลง ทำใหช้ ีวติ เต็มไปดว้ ยคุณภาพ ซ่ึงเป็นการยนื ยนั วา่ ความเครยี ดมผี ลกระทบตอ่ สขุ ภาพทางดา้ นบวก ในทำนอง เดียวกนั ความเครยี ดก็กอ่ ให้เกิดผลทางด้านลบต่อสขุ ภาพได้ดว้ ยเชน่ กัน ถา้ ความเครยี ดนั้นมีมากเกินความสามารถ ของบุคคลจะเผชิญได้ หรอื ความสามารถในการเผชญิ ความเครยี ดของบุคคลไม่เหมาะสม 3. องค์ประกอบทางพฤติกรรม หรือแบบแผนการดำเนินชีวิต (lifestyle) พฤติกรรมหรือ แบบแผนการ ดำเนินชีวิตประจำวันนั้นเป็นองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะเป็นองค์ประกอบที่สามารถ เปลีย่ นแปลงได้ แบบแผนการดำเนนิ ชวี ิตได้แก่ 3.1 พฤติกรรมเกี่ยวกับอนามัยส่วนบุคคล เป็นพฤติกรรมที่ปฏิบัติเพื่อการมีอนามัยที่ดี ได้แก่ การแปรงฟัน การอาบน้ำ ความสะอาดของเสื้อผ้า การสระผม การดูแลสุขภาพของผิวหนัง การดูแลความสะอาด ของอวัยวะสบื พนั ธุ์ สิง่ เหลา่ น้ีเปน็ กจิ วตั รประจำวนั ท่บี ุคคลปฏบิ ัติ ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมเหล่านน้ั มที ั้งปฏิบัติถูกต้อง และไม่ถูกต้อง การปฏิบัติถูกหรือไม่ถูกขึ้นอยู่กับความเชื่อ และการรับรู้เกี่ยวกับปฏิบัติของแต่ ละคน และการ ตดั สินใจว่าถกู ต้องของประชาชนทัว่ ไปกบั บุคคลากรทางแพทย์อาจจะแตกต่างกัน พฤตกิ รรมเก่ยี วกับการแปรงฟัน ถ้าแปรงไม่ถูกวิธอี าจทำให้เหงือกร่น และถา้ ใช้ยาสีฟนั ทมี่ ีสารขดั ฟนั คมเกินไป อาจทำให้ฟนั สึก และเคลือบฟันบาง ลง การอาบน้ำในหน้าหนาวถ้าถูสบู่บ่อยๆ หรืออาบด้วยน้ำอุ่นอาจจะให้ผิว แห้งและคันได้ การทำความสะอาด อวัยวะสบื พนั ธ์หุ รือการดแู ลขณะมปี ระจำเดือน ถา้ ไม่สะอาดพออาจเป็นเหตใุ ห้มกี ารติดเชื้อของมดลูกได้ สิ่งเหล่าน้ี มผี ลตอ่ สขุ ภาพท้งั สิ้น 3.2 พฤตกิ รรมการรับประทานอาหาร นสิ ยั การรับประทานอาหารเป็นการถ่ายทอดทาง วัฒนธรรม ซ่งึ แตกตา่ งกนั ไปตามลกั ษณะทอ้ งถิน่ และความชอบของแต่ละคน พฤติกรรมการรบั ประทานมี ผลกระทบต่อสุขภาพมาก บางคนรบั ประทานอาหารจบุ จบิ ชอบรบั ประทานอาหารประเภทขบเค้ยี ว บางคนไม่ ชอบรับประทานอาหารประเภทผักและผลไม้ทำให้มกี ากอาหารนอ้ ยทำให้เสีย่ งต่อการป่วยเปน็ มะเรง็ ลำไส้ อาหาร จงึ เป็นองค์ประกอบทสี่ ำคญั ต่อสขุ ภาพ 3.3 พฤติกรรมการขบั ถ่ายอจุ จาระและปสั สาวะ ผทู้ ่ีถ่ายอจุ จาระไมเ่ ป็นเวลา ถ่ายลำบาก อุจจาระมีลกั ษณะแขง็ ตอ้ งเบง่ ถ่ายอจุ จาระ มโี อกาสเสีย่ งตอ่ การป่วยเป็นโรครดิ สดี วงทวารสงู กวา่ คนท่มี ีการขับถา่ ย เปน็ เวลาและถา่ ยสะดวก พฤติกรรมการกลนั้ ปสั สาวะทำใหเ้ กดิ เป็นโรคติดเชอ้ื ของกระเพาะปสั สาวะได้งา่ ย 3.4 การพักผ่อนและการนอนหลบั เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าร่างกายต้องการการพักผ่อนและการ พักผอ่ นทด่ี ีท่สี ุดคือ การนอนหลบั ผู้ทพี่ ักผอ่ นหรือนอนหลบั ไมเ่ พยี งพอจะมผี ลเสียต่อสุขภาพ ผู้ที่ได้รับการพักผ่อน ไม่เพียงพอหรือนอนหลับไม่ เพียงพอไม่สามารถควบคุมตนเองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ ถ้าต้องทำงานที่
8 ต้องระมัดระวังอันตราย เชน่ งานในโรงงานอตุ สาหกรรม จะมผี ลใหร้ ่างกายได้รบั อบุ ัตเิ หตุ เชน่ เครอ่ื งจกั รตดั นิ้วมือ หรืออุบตั เิ หตอุ น่ื ๆ ได้ 3.5 พฤตกิ รรมทางเพศ การตอบสนองความต้องการทางเพศเป็นความตอ้ งการพน้ื ฐานของ มนุษยท์ ีม่ ีผลกระทบต่อสุขภาพไดถ้ า้ บุคคลนน้ั มพี ฤติกรรมทางเพศทไ่ี ม่ถกู ต้อง เชน่ สำส่อนทางเพศ พฤตกิ รรมรัก รว่ มเพศ หรือมีพฤติกรรมทางเพศแบบวิตถาร ซ่ึงมผี ลกระทบตอ่ สุขภาพทั้งจากโรคตดิ เชื้อ เชน่ กามโรค โรคเอดส์ หรอื รา่ งกายได้รับบาดเจ็บจากการร่วมเพศ แบบวติ ถารหรอื รนุ แรงถงึ ขนาดสูญเสยี ชวี ิตจากการฆาตกรรม เพราะ ความรักและความหงึ หวงได้ 3.6 พฤตกิ รรมอ่ืนๆ ได้แก่พฤติกรรมทไี่ มใ่ ช่เป็นการปฏิบัตใิ นกจิ วัตรประจำวนั ของบุคคลทว่ั ๆ ไป แตอ่ าจเป็นพฤติกรรมท่ีปฏิบัติเป็นประจำในคนบางคน พฤตกิ รรมเหลา่ น้ีอาจแบ่งเปน็ 2 ประเภทคือ 3.6.1 พฤติกรรมสุขภาพ ได้แก่ พฤติกรรมที่คนทำแลว้ เชื่อว่าทำให้ตนมีสุขภาพดีพฤตกิ รรมท่ี เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรเพือ่ ดูแลสุขภาพและพฤตกิ รรมส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับระบบชุมชน และการดูแล สุขภาพสว่ นรวม ดังน้คี อื 1. พฤติกรรมที่เชื่อว่าทำให้ตนสุขภาพดีเป็นพฤติกรรมที่บุคคลปฏิบัติ เพื่อส่งเสริม สุขภาพ และป้องกันโรค เช่น การออกกำลังกาย การชั่งนํ้าหนัก การตรวจเต้านมด้วยตนเอง พฤติกรรมที่กระทำ เพ่อื สุขภาพดีน้นั ยังตอ้ งการการคน้ พบและแสวงหาอกี ตอ่ ไป 2. พฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรเพื่อดูแลสุขภาพ เป็นพฤติกรรมที่บุคคลไปรับ บริการจากสถานบริการสาธารณสุข หรือบริการทางการแพทย์แผนโบราณ การเลือกใช้บริการแบบใดขึ้นอยู่กับ ความเช่ือ ค่านยิ ม เจตคติและการรับรูข้ องบุคคลน้นั เปน็ ต้น 3. พฤติกรรมส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับระบบชุมชนและการดูแลสุขภาพส่วนรวม ทั้งหมด ได้แก่ พฤติกรรมที่เป็นการอุทิศตนเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของชุมชนเป็นอาสาสมัครใน โครงการสขุ ภาพ การสนับสนนุ ทางด้านการเงนิ เพ่อื องคก์ รสขุ ภาพ 3.6.2 พฤติกรรมเสี่ยง คือ พฤติกรรมที่ปฏิบัติแล้วทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพหรือ เสี่ยงต่อการ เกดิ อันตรายแก่ร่างกาย เชน่ การสูบบุหรี่ การดม่ื เหลา้ การกินยาบ้า การขบั รถเร็ว เปน็ ต้น ปัจจัยภายนอก ปัจจัยทีม่ ีผลกระทบต่อสุขภาพที่สำคัญ นอกจากปัจจัยภายในซึ่งเป็นเรื่องของบุคคลแต่ละคนแล้ว ปัจจยั ภายนอกนบั ว่ามคี วามสำคัญไมน่ ้อยในแงข่ องผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ ปัจจัยภายนอกอาจแบง่ ออกได้ ดงั ต่อไปนี้ 1. องคป์ ระกอบทางสงั คม แต่ละสังคมประกอบด้วยระบบยอ่ ยหรือสถาบันสงั คมท่สี ำคัญ 6 ระบบ สขุ ภาพ ของบุคคลในสงั คมจะไดร้ ับอิทธพิ ลจากระบบตา่ งๆ เหล่านี้ แตล่ ะระบบจะกระทบต่อสุขภาพมากหรือนอ้ ยขน้ึ อยกู่ บั ปทัสถาน (norm) ของสังคมนนั้ ๆ ระบบยอ่ ยท้ัง 6 ไดแ้ ก่ 1.1 ระบบครอบครัวและเครอื ญาติ สังคมไทยเป็นสังคมแบบระบบเครือญาติ คือ เครือข่ายทาง สังคมมักจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในหมู่ญาติ ญาติผู้ใหญ่เป็นผู้ที่มีอิทธพิ ลต่อความเชื่อ และพฤติกรรมของบุคคลใน ครอบครัว ระบบเครือญาตินี้ถือว่าการเจ็บป่วยของบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัวของผู้นั้น หากแต่เป็น เร่อื งของครอบครวั ญาติพี่น้อง และสงั คมทจี่ ะมสี ่วนชว่ ยเหลือและรบั ผดิ ชอบ ให้กำลังใจในการรกั ษาและหายป่วย เร็วข้นึ แต่ถา้ พฤติกรรมทีต่ อ้ งปฏบิ ัตนิ ั้นเป็นการขดั ต่อสขุ ภาพก็จะทำให้เกิดผลเสียข้นึ 1.2 ระบบการศึกษา ระบบการศึกษาที่จัดให้แก่บุคคลในสังคมจะมีผลต่อสุขภาพของบุคคลใน สังคมเช่นเดียวกัน การศึกษาที่ให้ความสำคัญของการดูแลสุขภาพจะช่วยให้เยาวชนมีพฤติกรรมเกี่ยวกับสุขภาพ ตา่ งๆ อย่างถูกต้อง เช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลงั กาย การป้องกนั อบุ ัติเหตุ พฤติกรรมเหลา่ นจ้ี ะติดตัว เป็นลักษณะนิสัยที่ก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพเมื่อเข้าสูว่ ัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุต่อไป นอกจากนี้ ระดับการศึกษาของ แตล่ ะคนยงั เปน็ ตัวกำหนดมาตรฐานการดำรงชวี ติ อีกดว้ ย
9 1.3 ระบบสาธารณสขุ ระบบการสาธารณสุขไทยมที ้ังระบบบริการโดยรัฐและบริการโดยเอกชน ปัจจุบันรัฐได้พยายามกระจายบริการสาธารณสุขให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศ โดยคัดเลือกผู้สื่อข่าว สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสขุ เข้ามาชว่ ยปฏบิ ัติงานในชุมชนของตนเอง เปน็ รปู แบบท่ีพยายามสนับสนุน และช่วยให้ประชาชนช่วยเหลอื ตนเองและเพื่อนบา้ นเกี่ยวกับการดูแลรักษาโรคหรือการเจบ็ ป่วยที่จำเป็น การรู้จกั ระวังป้องกันโรคติดตอ่ ที่สำคัญ โดยเชื่อว่าระบบดังกล่าวจะช่วยให้สุขภาพอนามยั ของประชาชนดีขึ้นกว่านโยบาย แบบเดมิ ทีร่ ฐั ให้บริการโดยให้ความสำคัญกับการรกั ษาเม่ือเจ็บป่วยมากกว่าการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกนั โรค 1.4 ระบบเศรษฐกิจและการประกอบอาชีพ ระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นแบบทุนนิยมและกำลงั เปลี่ยนแปลงจากระบบเกษตรกรรมเป็นระบบอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลกระทบต่อสุขภาพอัน เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงลักษณะประชากร คือการย้ายถิ่น และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ได้แก่ การประกอบ อาชพี สภาพความเปน็ อยู่ และวถิ ีชวี ติ กอ่ ให้เกิดอนั ตรายแกส่ ขุ ภาพทง้ั ทางกายและทางจิต โดยเฉพาะระบบงานกะ และงานลว่ งเวลา ทำให้ต้องปรับตวั อย่างมาก 1.4.1 สภาพความเปน็ อยู่ อาจจะอย่ใู นสงิ่ แวดลอ้ มท่ีไมเ่ หมาะสมกับสขุ ภาพ เชน่ อาศัยอยู่ใน ชุมชนแออัด หรือไมม่ ีทอ่ี ยู่อาศยั ทแ่ี น่นอน ภาวะแวดล้อมในสงั คมอุตสาหกรรม จะมสี ิง่ แวดลอ้ มท่ีเป็นพิษมากขึน้ 1.4.2 วถิ ชี ีวิตต้องเปลีย่ นแปลงไปมีการใช้เทคโนโลยีตา่ งๆ เพ่อื อำนวยความสะดวกและเป็น การประหยัดเวลามากขึ้น สิ่งเหล่าน้ีดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่จริงๆ แล้วกลับทำให้ร่างกายมีสมรรถภาพ ในการทำงานลดลง เพราะเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้ร่างกายมีการใช้กำลังงานลดลงทำให้หัวใจ ปอด หลอดเลอื ด กระดกู และกล้ามเน้อื ไม่มคี วามแขง็ แรงพอ สง่ิ เหล่าน้ที ำให้ภาวะสุขภาพเปลีย่ นแปลงไป 1.5 ระบบการเมืองและการปกครอง เปน็ ระบบท่ีใหอ้ สิ ระแกป่ ระชาชนทจ่ี ะกำหนดภาวะสขุ ภาพ ของตนเอง โดยรัฐให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือทางด้านต่างๆ เพื่อความมีสุขภาพดี แต่เนื่องจากปัญหา สุขภาพเป็นสิ่งที่ประชาชนจะต้องปฏิบัติด้วยตนเองจึงจะแก้ปัญหาได้ ปัจจุบันรัฐจึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการ เปลี่ยนพฤตกิ รรมของประชาชนให้เป็นไปในทางท่ถี ูกต้อง เพ่อื ให้ประชาชนเปน็ ทรัพยากรบคุ คลที่มสี ขุ ภาพแข็งแรง พร้อมที่จะปฏบิ ัติภารกิจต่างๆ ได้ ในทางตรงข้ามถา้ ระบบการเมืองและการปกครองมุ่งแสวงหาอำนาจ หรือมุ่งจะ พัฒนาทางด้านเศรษฐกิจอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของประชาชนย่อมจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของ ประชาชนอยา่ งแนน่ อน ระบบการเมอื งและการปกครองจงึ มผี ลกระทบตอ่ สขุ ภาพ 1.6 ระบบความเชื่อหรือสถาบันศาสนา ระบบความเชื่อเป็นวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดผ่านระบบ ครอบครัว และสังคม การปฏบิ ัติตามความเช่อื และค่านยิ ม ทำใหค้ นรู้สึกปลอดภัยในการดำรงชวี ิต ความเชื่อจึงเป็น สิ่งทเี่ ปลี่ยนแปลงค่อนขา้ งยาก ระบบความเชือ่ มีอทิ ธพิ ลต่อสุขภาพของประชาซนในสงั คมนน้ั เปน็ อย่างมากเพราะ ความเช่อื เปน็ ตวั กำหนดพฤติกรรมของบุคคล กิจกรรมทางศาสนาบางอย่าง อาจมีผลกระทบตอ่ สขุ ภาพได้ เชน่ การ รับประทานอาหารมือ้ เดียว การงดอาหารบางประเภท การนั่งท่าเดียวเป็นเวลานานๆ สถาบันศาสนามีอิทธพิ ลตอ่ สุขภาพจิตของคนไทยมากโดยเฉพาะผ้สู ูงอายุ เปน็ สว่ นหนึ่งที่ทำให้ผสู้ งู อายุไทยมสี ุขภาพจติ ทดี่ ี และปรับตัวเข้ากับ วัยสูงอายไุ ดด้ ี โดยมสี ถาบนั ศาสนาเป็นท่ียึดเหน่ียวทางใจ 2. องค์ประกอบทางสิ่งแวดล้อม ปัจจัยอะไรก็ตามที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป จะกระทบต่อชีวิต และความเปน็ อยขู่ องมนษุ ย์ด้วยองคป์ ระกอบท่สี ำคัญของสง่ิ แวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ 2.1 สภาพทางภูมิศาสตร์ ลักษณะภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดฤดูกาลแตกต่างกันและ อุณหภูมิของแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน ซ่ึงมีผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคลโดยตรง สภาพภูมิศาสตร์บางแห่ง เอื้ออำนวยให้สิ่งมีชีวิตบางอย่างเจริญเติบโตได้ดี เช่น ประเทศไทย ซึ่งอยู่บริเวณแถบศูนย์สูตร มีโรค เวชศาสตรเ์ ขตร้อนนานาชนดิ เกิดขึน้ กบั ประชาชน โรคเหลา่ นี้ ได้แก่ โรคพยาธติ ่างๆ ไขม้ าลาเรีย ซ่ึงประเทศในเขต หนาวจะไม่ประสบกับปัญหาสุขภาพเหล่านี้ นอกจากนี้สภาพภูมิศาสตร์ ยังก่อให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ เช่น นํ้า ท่วม แผน่ ดินไหว พายุ ทำใหเ้ กดิ บาดเจบ็ และตายเปน็ จำนวนมาก
10 2.2 สภาพทอ่ี ยูอ่ าศยั เปน็ สิง่ แวดล้อมท่อี ยู่ใกล้ตัวคนมากท่สี ุด ลกั ษณะบา้ นทช่ี ่วยส่งเสรมิ สขุ ภาพ คือมีการระบายอากาศได้ดี อยู่ห่างไกลจากแหล่งอุตสาหกรรม ไม่มีเสียงรบกวน มีการกำจัดขยะที่ถูกวิธี มีท่อ ระบายนํ้าและมีการระบายนํ้า ไม่มีน้ำท่วมขัง มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะ มีนํ้าดื่มนํ้าใช้ที่สะอาด มีความปลอดภัยจาก โจรผู้ร้ายและอาชญากรรม ใช้วัสดุก่อสร้างที่มีความคงทนถาวร ภายในบ้านได้รับการจัดวางส่ิงของเครื่องใช้ตา่ งๆ อย่างเป็นระเบียบปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุ ได้รับการดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี มีสถานที่สำหรับ อำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ และมีความเป็นส่วนตัว สภาพบ้านที่ไม่ถูกสุขลักษณะจะก่อให้เกิด ปญั หาสุขภาพแกผ่ ู้อยู่อาศยั ท้ังในด้านการเจ็บป่วยด้วยโรคตดิ เช้ือต่างๆ และอุบตั เิ หตทุ ่เี กดิ ข้นึ ได้จากความประมาท เช่นไฟไหม้ น้ำร้อนลวก การพลดั ตก หกล้ม เปน็ ตน้ 2.3 สภาพสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ผลกระทบต่อสุขภาพอันเกิดจากมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ทั้งทางน้ํา ทางเสียง ทางอากาศ และทางดิน ทำให้เกิดโรคหรืออันตรายแก่ชีวิตได้ เช่น น้ำที่ถูกปนเป้ือนด้วยเชื้อโรคหรือ สารพิษจะทำให้ผู้บริโภคเปน็ โรคของระบบทางเดินอาหาร เช่น บิด ไทฟอยด์ หรือได้รับสารพิษโดยตรง การได้ยนิ เสียงทีด่ งั มากๆ นานๆ ทำให้ประสาทหูเสื่อม ความสามารถในการไดย้ ินลดลง เปน็ ตน้ กรอบแนวคิดเรื่องปัจจยั กำหนดสขุ ภาพทางสงั คม (Social Determinants of Health) สุขภาพของมนุษย์มีความสัมพันธ์เชิงพลวัตกับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย การเปลี่ยนแปลงทางด้าน สง่ิ แวดลอ้ มกายภาพ ทางเศรษฐกิจ และสังคม ท่เี กดิ จากการพฒั นาและการดำเนนิ โครงการพัฒนาจงึ สง่ ผลกระทบ ต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสุขภาพมิได้ถูกกำหนดโดยระบบบริการสุขภาพและวิถีชีวิต เท่านั้น แต่เงื่อนไขทางสังคม เศรษฐกิจ และปัจจัยด้านอื่น ๆ นอกเหนือด้านสุขภาพที่ประชาชนอาศัยอยู่ เช่น ระบบการขนส่ง การจา้ งงาน การอยอู่ าศยั ฯลฯ ยอ่ มมีผลต่อสขุ ภาพเชน่ กนั ดงั นัน้ ปัจจยั กำหนดสุขภาพทางสงั คม (Social Determinants of Health) หมายถึง ขอบเขตปัจจัยด้านบุคคล สังคมเศรษฐกิจ ประชากร และ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นตัวกำหนดสถานะทางสุขภาพของบุคคลหรือประชากรทั่วไป ซึ่งในเอกสารฉบับนี้จะใช้คำว่า “ปัจจัยกำหนดสุขภาพ (Health Determinants)” ในความหมายเดียวกับ “ปัจจัยกำหนดสุขภาพทางสังคม (Social Determinants of Health)” การมสี ุขภาพหรอื สุขภาวะท่ดี ลี ้วนมอี ทิ ธพิ ลจากปัจจยั กำหนดสขุ ภาพตา่ ง ๆ ที่ส่งผลทั้งทางบวกและทางลบต่อการมีสุขภาพดี ปัจจัยกำหนดสุขภาพเป็นการพยายามระบุสาเหตุของปัจจัยหรือ ความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าเมื่อมีเหตุการณ์หรือ กจิ กรรมหน่ึงกจิ กรรมใดทที่ ำใหป้ ัจจยั เหล่าน้ันเปลีย่ นแปลงไปย่อมส่งผลตอ่ สขุ ภาพของคนกลมุ่ นั้นดว้ ย อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุข ได้ศึกษาปัจจัยกำหนดสขุ ภาพ (Health Determinants) ของประชาชน พบว่า ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดสุขภาพ มีทั้งลักษณะที่ใกล้ตัวบุคคล ได้แก่ ปัจจัยทางปัจเจกบุคคล ปัจจัยด้าน สิ่งแวดล้อมท่ีอยู่รอบตัว และปัจจัยท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ระบบบริการสุขภาพ และปัจจัยที่อยู่ไกลออกไปท่ีจะเป็นผลลพั ธ์ หรือเป็นตัวกำหนดปัจจัยกำหนดสุขภาพที่ใกล้ตัวอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ปัจจัยกำหนดสุขภาพยังรวมไปถึงมิติทาง เศรษฐกิจ สงั คม เชน่ ประเดน็ ความยากจน การจ้างงาน การกีดกันทางสงั คม โลกาภวิ ัฒน์ ภยั ธรรมชาติ หรือภาวะ โรคภัยต่าง ๆ ด้วย โดยปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนทั่วทั้งโลก แม้จะไม่ได้เป็นประเทศที่ เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อให้เกิดปัญหาก็ตาม นอกจากนี้ยังพบว่า “ระบบบริการสุขภาพ” ถือเป็นปัจจัยกำหนด สุขภาพทีส่ ำคัญ หากมีการพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ทำใหเ้ กิดความเท่าเทยี ม ประชาชนสามารถเข้าถงึ ได้อยา่ ง เป็นมาตรฐานเดียวกนั จะทำให้เกิดการดแู ลสุขภาพท่มี คี วามยงั่ ยนื และมีประสทิ ธิภาพในระยะยาวตอ่ ไป (ทั้งนี้ จะได้ กล่าวถึงรายละเอียดที่สำคัญในบทที่ 3 ในเรื่องที่เกี่ยวกับปัจจัยกำหนดสุขภาพ ความไม่เท่าเทียมด้าน พฤตกิ รรม สังคม เศรษฐกจิ และระบบการสาธารณสุข)
11 รปู ท่ี 1.1 แสดงความเชือ่ มโยงระหวา่ งสขุ ภาพและปัจจยั กำหนดสุขภาพ 1.3 ความรอบรดู้ ้านสุขภาพ การเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพนั้น เป็นการสร้างและพัฒนาขีด ความสามารถระดับบุคคลในการดูแลรักษาสุขภาพตนเองอย่างยั่งยืน อาทิ มีการชี้นำระบบสุขภาพที่สอดคล้อง กับปัญหาและความต้องการของประชาชน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพของตนเองร่วมกับผู้ให้บริการ และสามารถคาดการณ์ความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งกำหนดเป้าประสงค์ในการดูแลสุขภาพ ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการโรคเรื้อรังที่กำลังเป็นปัญหาระดับโลก เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ดงั นั้น หากคนสว่ นใหญ่ของประเทศมีระดบั ความรอบรู้ด้านสุขภาพต่ำยอ่ มจะสง่ ผลตอ่ สภาวะสุขภาพ ในภาพรวม เช่น ประชาชนขาดความสามารถในการดูแลสุขภาพของตนเอง จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังจะเพิ่มขนึ้ ทำให้คา่ ใช้จ่ายในการรกั ษาพยาบาลเพิม่ สูงขึน้ ต้องพึง่ พาบรกิ ารทางการแพทย์และยารกั ษาโรคท่มี รี าคาแพง สถาน บริการสุขภาพจะต้องมีภาระหนักในด้านการรักษาพยาบาล จนทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำงานส่งเสริมสุขภาพ และไมอ่ าจสร้างความเทา่ เทียมในการเข้าถึงบรกิ ารอยา่ งสมบูรณไ์ ด้ ความหมายความรอบรดู้ ้านสุขภาพ ในปัจจุบันมีการใช้คำว่า “ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy)” ที่หลากหลาย เชน่ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ใช้คำว่า “ความแตกฉานด้านสุขภาพ” สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส) ใช้คำว่า “การรู้เท่าทันด้านสุขภาพ” สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ใช้คำว่า “ความฉลาดทางสุขภาวะ” ส่วนกองสุขศึกษา กรม สนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ใช้คำว่า “ความรอบรู้ด้านสุขภาพ” ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดมี ความหมาย คือ ความสามารถและทักษะในการเขา้ ถึงข้อมูล ความรู้ ความเขา้ ใจ เพื่อวิเคราะห์ ประเมินการปฏิบัติ และการจดั การตนเอง รวมทั้งสามารถชแ้ี นะเร่อื งสุขภาพส่วนบุคคล ครอบครัว และชุมชน เพ่อื สขุ ภาพทีด่ ี องคป์ ระกอบของความรอบรดู้ ้านสุขภาพ คุณลักษณะสำคัญท่จี ำเปน็ เพ่อื เพ่มิ ความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ดงั นี้
12 1) การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการสุขภาพ (Access Skill) หมายถึง การใช้ ความสามารถในเลอื กแหล่งขอ้ มูล รู้วธิ ีการในการคน้ หาข้อมลู เกีย่ วกบั การปฏิบัตติ น และตรวจสอบข้อมูลจากหลาย แหลง่ จนขอ้ มลู มคี วามนา่ เชื่อถือ 2) ความรู้ ความเข้าใจ (Cognitive Skill) หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ แนวทางการปฏิบตั ิ 3) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) หมายถึง ความสามารถในการสื่อสารโดย การพูดอา่ น เขียน รวมท้ังสามารถสอ่ื สารและโนม้ นา้ วให้บคุ คลอืน่ เข้าใจและยอมรบั ข้อมูลเกย่ี วกับการปฏิบตั ิตน 4) ทักษะการจัดการตนเอง (Self-management Skill) หมายถึง ความสามารถในการ กำหนดเป้าหมาย วางแผน และปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติพร้อมทั้งมีการทบทวนวิธีการปฏิบัติตามเป้าหมายเพ่ือ นำมาปรบั เปล่ียนวธิ ปี ฏบิ ัติตนให้ถูกต้อง 5) ทักษะการตัดสินใจ (Decision Skill) หมายถงึ ความสามารถในการกำหนดทางเลือกและ ปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงหรือเลือกวิธีการปฏิบัติ โดยมีการใช้เหตุผลหรือวิเคราะห์ผลดี-ผลเสียเพื่อการปฏิเสธหรือ หลีกเลย่ี งพร้อมแสดงทางเลือกปฏิบตั ทิ ถี่ ูกต้อง 6) การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy Skill) หมายถึง ความสามารถในการตรวจสอบความ ถูกต้องความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู ท่สี ื่อนำเสนอ และสามารถเปรียบเทียบวธิ ีการเลอื กรับสื่อเพื่อหลีกเลี่ยงความเส่ียง ที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพของตนเองและผู้อื่น รวมทั้งมีการประเมินข้อความสื่อเพื่อชี้แนะแนวทางให้กับชุมชนและ สังคม โดยจำแนกคุณลักษณะที่สำคัญของแต่ละองค์ประกอบของความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ดังน้ี องค์ประกอบ คุณลกั ษณะที่สำคญั 1. การเข้าถึงขอ้ มูล 1. เลอื กแหล่งขอ้ มูลดา้ นสขุ ภาพ และบริการสขุ ภาพ รูว้ ธิ ีการคน้ หาและการใช้ สุขภาพและ อุปกรณ์ในการคน้ หา บริการสขุ ภาพ 2. ค้นหาขอ้ มูลสขุ ภาพและบริการสขุ ภาพท่ีถูกต้อง 3. สามารถตรวจสอบข้อมลู จากหลายแหล่งได้ เพอื่ ยืนยนั ความเข้าใจของตนเอง และไดข้ อ้ มูลท่นี า่ เชอื่ ถือ สำหรบั นำไปใช้ในการดูแลสขุ ภาพดว้ ยตนเอง 2. ความรคู้ วามเขา้ ใจ 1. มคี วามรแู้ ละจำในเนอื้ หาสาระสำคญั ดา้ นสุขภาพ 2. สามารถอธบิ ายถึงความเข้าใจในประเดน็ เนอ้ื หาสาระดา้ นสุขภาพในการที่จะ นำไปปฏิบัติ 3. สามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบเนื้อหา/แนวทางการปฏิบัติด้านสุขภาพได้อย่างมี เหตุผล 3. ทกั ษะการสอ่ื สาร 1. สามารถส่อื สารข้อมลู ความรดู้ ้านสุขภาพด้วยวิธกี ารพดู อ่าน เขยี น ใหบ้ คุ คลอ่ืน เข้าใจ 2. สามารถโน้มนา้ วใหบ้ คุ คลอน่ื ยอมรบั ข้อมูลด้านสุขภาพ 4. ทักษะการจดั การ 1. สามารถกำหนดเปา้ หมายและวางแผนการปฏิบัติ ตนเอง 2. สามารถปฏิบตั ติ ามแผนท่ีกำหนดได้ 3. มีการทบทวนและปรับเปล่ยี นวธิ ีการปฏบิ ัติตน เพอ่ื ใหม้ พี ฤตกิ รรมสุขภาพทีถ่ กู ตอ้ ง 5. ทักษะการตดั สินใจ 1. กำหนดทางเลือกและปฏเิ สธหรอื หลกี เล่ียงหรอื เลอื กวิธกี ารปฏบิ ตั ิเพื่อให้มสี ุขภาพดี 2. ใช้เหตุผลหรือวิเคราะห์ผลดี-ผลเสียเพื่อการปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงหรือเลือกวิธีการ ปฏบิ ตั ิ 3. สามารถแสดงทางเลือกท่เี กิดผลกระทบน้อยตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน
13 องค์ประกอบ คณุ ลกั ษณะท่ีสำคญั 6. การรู้เท่าทนั ส่อื 1. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความน่าเช่ือถอื ของข้อมลู สขุ ภาพที่สือ่ นำเสนอ 2. เปรยี บเทียบวธิ ีการเลอื กรับส่อื เพือ่ หลกี เล่ยี งความเสย่ี งที่จะเกิดข้นึ กับตนเอง และผอู้ น่ื 3. ประเมินข้อความสื่อเพอื่ ช้ีแนะแนวทางใหก้ ับชมุ ชนหรือสงั คม ตาราง 2 แนวทางจำแนกระดบั การพฒั นาความรอบรู้ทางสขุ ภาพ ระดบั ของความรอบรู้ด้านสุขภาพ คณุ ลกั ษณะสำคญั ระดับพ้นื ฐาน ระดับปฏิสมั พนั ธ์ ระดับวิจารณญาณ 1. การเข้าถงึ ข้อมูล มีความสามารถในการ มกี ารเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ มกี ารเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ สขุ ภาพและบริการ เลอื กแหล่งขอ้ มลู สุขภาพ และบริการสขุ ภาพ และบรกิ ารสุขภาพระดบั ฏิ สุขภาพ รู้วธิ กี ารในการคน้ หาและ ระดับพน้ื ฐานและมี สมั พันธ์ และมคี วามสามารถ การใช้อปุ กรณ์สืบค้น ความสามารถในการคน้ หา ในการตรวจสอบข้อมูลจาก 2. ความรู้ความ อาทิ ขอ้ มลู สขุ ภาพท่ถี ูกตอ้ งและ หลายแหลง่ จนขอ้ มูลมีความา เขา้ ใจ คอมพวิ เตอร์ ระบบ ทันสมัย เพื่อการรบั เปลีย่ น เช่ือถือสำหรับการนำมาใช้ หอ้ งสมดุ ฯลฯ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ มคี วามรู้ ความเข้าใจระดบั การรู้และการจำประเดน็ มีความรู้ ความเข้าใจ ปฏิสมั พนั ธ์และสามารถ สำคัญในการปฏิบตั ติ ัว ระดบั พ้ืนฐานและสามารถ วเิ คราะหห์ รอื เปรยี บเทยี บ เพ่ือ อธิบายถงึ ความเขา้ ใจในการ อยา่ งมเี หตผุ ลเกย่ี วกบั แนว ใหม้ ีสุขภาพดี จะนำ ไปปฏบิ ัตติ ัวไดอ้ ยา่ ง ทางการมีพฤตกิ รรมที่ถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ตาราง 2 แนวทางจำแนกระดบั การพัฒนาความรอบรทู้ างสุขภาพ (ต่อ) ระดบั ของความรอบรู้ด้านสุขภาพ คณุ ลกั ษณะสำคญั ระดับพน้ื ฐาน ระดับปฏิสมั พันธ์ ระดับวิจารณญาณ 3. ทักษะการ มคี วามสามารถในการ มีทักษะการสือ่ สารระดบั มีทกั ษะการสอ่ื สารระดบั สอ่ื สาร ส่ือสารโดยการพูด อา่ น พนื้ ฐานและสามารถสือ่ สาร ปฏสิ มั พันธ์และสามารถโน้ม เขียนข้อมลู เก่ียวกบั การ ให้ นา้ วให้ผอู้ ื่นยอมรบั แนวทาง ปฏิบัตติ วั ให้มสี ขุ ภาพดี บคุ คลอื่นเข้าใจเก่ียวกับ การมีพฤติกรรมทถี่ กู ต้อง วธิ ีการปฏบิ ัตติ วั เพ่อื ใหม้ ี สขุ ภาพดี 4. ทกั ษะการ มีความสามารถในการ มีทกั ษะการตดั สนิ ใจระดบั มีทกั ษะการตดั สนิ ใจระดบั ตัดสินใจ กำหนดทางเลือกและ พน้ื ฐาน และมคี วามสามารถ ปฏิสมั พนั ธ์ และสามารถ ปฏิเสธ/หลกี เล่ียงหรือ ในการใชเ้ หตผุ ลหรือ แสดงทางเลอื กท่เี กดิ ผล เลือกวิธกี ารปฏิบัติเพอ่ื ให้ วเิ คราะห์ผลดผี ลเสยี เพอ่ื การ กระทบนอ้ ยต่อตนเองและ มสี ุขภาพดี ปฏเิ สธ/ ผู้อน่ื หรอื แสดงขอ้ มลู ที่ หกั ล้างความเขา้ ใจ ผิดได้อย่างเหมาะสม
14 ระดบั ของความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาพ คณุ ลกั ษณะสำคัญ ระดบั พ้ืนฐาน ระดับปฏสิ ัมพนั ธ์ ระดบั วิจารณญาณ หลีกเลย่ี ง/เลือกวิธปี ฏิบัตซิ ง่ึ เปน็ ทางเลอื กท่ีเหมาะสม เพอื่ ให้มสี ขุ ภาพดี 5. การรูเ้ ท่าทันสอื่ มีความสามารถในการ มกี ารรูเ้ ท่าทันส่ือ มกี ารร้เู ท่าทันสือ่ ระดบั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ระดับพื้นฐานและสามารถ ปฏสิ ัมพันธ์และมี ความน่าเชื่อถอื ของ เปรยี บเทียบวธิ ี ความสามารถ ข้อมลู ทส่ี ือ่ นำเสนอเพ่ือ การเลอื กรับสอ่ื เพ่อื ในการประเมินขอ้ ความสอื่ นำ มาใช้ หลกี เลีย่ งความเสย่ี งทอี่ าจ เพื่อ ในการดแู ลสขุ ภาพตนเอง เกิดขนึ้ กบั สขุ ภาพของตนเอง ช้ีแนะแนวทางใหก้ ับชมุ ชน และผูอ้ ่นื หรือสงั คม 6. การจัดการ มคี วามสามารถในการกำ มกี ารจัดการตนเองระดบั มีการจัดการตนเองระดับ ตนเอง หนดเปา้ หมายและ พื้นฐานและสามารถทำ ตาม ปฏิสัมพันธแ์ ละมี วางแผนในการปฏบิ ัตติ น แผนที่กำหนด โดยมี ความสามารถ เพือ่ ใหม้ ีพฤติกรรม เปา้ หมายเพือ่ ให้มีพฤติกรรม ในการทบทวนวิธกี ารปฏบิ ตั ิ สุขภาพที่ถูกตอ้ ง สุขภาพท่ี ตนตามเปา้ หมาย เพ่อื นำมา ถูกตอ้ ง ปรบั เปลย่ี นวิธปี ฏบิ ัตติ นใหม้ ี พฤติกรรมสุขภาพท่ีถูกตอ้ ง ทม่ี า: วัชราพร เชยสุวรรณ (2560) ดงั น้นั เมอื่ ประชาชนมีความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพนอ้ ย และพฤติกรรมสุขภาพไมถ่ กู ตอ้ ง ก็จะสง่ ผล ให้ขาดความรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพไม่ดี ไม่รู้จักดูแลตนเองเพ่ือป้องกันโรค ไม่ไปตรวจร่างกาย รวมไปถงึ การไม่ปฏบิ ตั ติ ามการรกั ษาของบุคลากรทางดา้ นการแพทย์และสาธารณสขุ โดยปัจจัยเหลา่ นีท้ ำใหล้ า่ ชา้ ในการดแู ล ตนเองที่เหมาสม ทำให้สุขภาพทรุดโทรม และทำให้เพิ่มอัตราการใช้บริการในสถานพยาบาล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง ความเส่ยี งตอ่ การเกิดโรค ดงั น้ัน การเสริมสร้างให้บคุ คลมคี วามรอบรู้ด้านสขุ ภาพจะส่งผลให้การปฏิบัติตัวและการ จัดการทางสุขภาพ มกี ารควบคุมสขุ ภาพ และปรบั เปลย่ี นปจั จัยท่สี ่งผลใหป้ ระชาชนมสี ุขภาพดีขึน้ ทำให้ชมุ ชนและ สังคมมสี ขุ ภาพดีขึน้ ตอ่ ไปเชน่ กัน ความรอบรู้ด้านสุขภาพ คือ หัวใจของปัจจัยกําหนดสุขภาพ ดังนั้น ความรอบรู้ด้านสุขภาพจึง เปน็ ตัวทำนายสถานะสุขภาพทด่ี กี วา่ รายได้ การมีงานทำ ระบบการศึกษา และเช้ือชาติ ดงั น้ี 1. การอา่ นออกเขียนได้ของประชาชนสง่ ผลดีตอ่ สังคม ผู้ที่อ่านออกเขยี นไดจ้ ะมีรายได้สูงกว่า มีโอกาสไดง้ านทาํ มากกวา่ และมีสว่ นรว่ มต่อกจิ กรรมของสังคม และมคี วามเปน็ อยู่ท่ีดกี วา่ 2. กลุ่มทีค่ วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพตาํ่ โดยวัดจากการอา่ นออกเขียนได้ จะสัมพนั ธ์กับการมีส่วน ร่วมในการส่งเสริมสุขภาพตนเองและกิจกรรมการค้นหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรค มีพฤติกรรมเส่ียงสูงกว่า เกิด อุบัติเหตุจากการทํางานสูงกว่าในกรณีที่เป็นโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง จะดูแลตนเองและ ประเมินสถานะสุขภาพด้วยตนเอง (self assessed health status) ได้ดีน้อยกว่ากลุ่มรอบรู้ด้านสุขภาพ ต้องเข้า รับการรักษาในโรงพยาบาล และอัตราการเขา้ รักษาซ้ำท่สี งู กวา่ 3. ความรอบรู้ด้านสุขภาพตํ่าจะส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำทางสังคม และในสังคมที่ความไม่ เสมอภาคทางสังคมสูงจะยิ่งขยายช่องว่างความเหลื่อมล้ำให้มากขึ้น โดยกลุ่มที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพต่ำ ได้แก่ คนที่มีการศึกษาตํ่า ผู้สูงอายุ เพราะขอ้ จาํ กัดดา้ นการอา่ นออกเขยี นได้เปน็ ตวั ที่ส่งผลตอ่ สขุ ภาพ
15 4. การสร้างทักษะและความสามารถให้เกิดความรอบรู้ด้านสุขภาพ เป็นกระบวนการสะสมที่ จะตอ้ งพัฒนาสมรรถนะตลอดชว่ งชวี ติ การศึกษาเกี่ยวกับความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ผ่านมา มักเน้นไปทีค่ วามสามารถของผู้รบั บริการ มากกวา่ บทบาทบุคลากรดา้ นสขุ ภาพ ประชาชนทั่วไปสามารถมีความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพได้โดยการใช้ทักษะทจี่ ำเปน็ ในการแสวงหา ทำความเขา้ ใจ ประเมนิ ส่ือสาร และใชส้ ารสนเทศดา้ นสุขภาพ ในขณะเดียวกนั ผใู้ ห้บริการสุขภาพ สามารถสง่ เสรมิ ความรอบรทู้ างสขุ ภาพไดโ้ ดยการนำเสนอข้อมูลและส่ือสารในแนวทางทท่ี ำใหผ้ รู้ ับบรกิ ารเกดิ ความ เข้าใจ และสามารถปฏิบัติตนตามข้อมูลที่ได้รับดีขึ้น ซึ่งการสื่อสารที่ดียังสามารถเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วย ด้วย (Patient safety) บุคลากรทางดา้ นการแพทย์และสาธารณสขุ ควรให้ความสำคัญและส่งเสริมความรอบร้ขู อง ประชาชนทั่วไปโดยผ่านกระบวนการด้านการติดต่อสื่อสาร และการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคลด้านการ ส่งเสริมสุขภาพ ด้านการสนใจในผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชีวิตของผู้รับบริการ และให้ความสนใจตระหนักถึงความ รอบรู้ด้านสุขภาพของผู้รับบริการเสมอ เพื่อให้ทราบแนวทางการหาขอ้ มูลสุขภาพท่ีผู้รับบริการสามารถเข้าใจและ นำไปใชเ้ มอ่ื กลับบา้ นได้ แนวทางการประยกุ ตค์ วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพสกู่ ารดแู ลสขุ ภาพ มดี งั น้ี 1. การสื่อสารทางวาจา ควรใช้การสื่อสารแบบสองทาง โดยใชค้ ำพูดท่ีเรียบง่าย หลีกเลี่ยงการ ใช้ศพั ทเ์ ทคนิคและศัพทท์ างการแพทย์ หากจำเปน็ ต้องใช้ควรอธิบายให้เกิดความเขา้ ใจอยา่ งชดั เจนพดู อยา่ งชัดเจน ใชจ้ ังหวะความเร็วปานกลาง จำกดั จำนวนของขอ้ มูลในแตล่ ะคร้งั ของการสนทนาแค่ 2-3 ประเดน็ ท่สี ำคญั และเนน้ ข้อมูลที่ปฏิบัติจริง รวมทั้งมีการตรวจสอบความเข้าใจของผู้รับบริการโดยใช้เทคนิคการสอนกลับ (Teach-back) โดยให้ผู้รับบริการอธิบายสิ่งที่ได้รับคำแนะนำด้วยคำพูดของผู้รับบริการตั้งคำถามเป็นปลายเปิด เช่น “กรุณา อธิบายวา่ ทา่ นเขา้ ใจในเร่อื งน้อี ย่างไร” 2. การส่อื สารด้วยการเขียน โดยใช้ประโยคสั้น ๆ และเขยี นด้วยรปู ประโยคอยา่ งงา่ ย หลีกเลีย่ ง การใช้คำศัพท์เฉพาะ (Jargons) แบ่งข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ และกำหนดหัวเรื่องให้ชัดเจน เสนอเนื้อหาตามลำดบั โดยการใช้ตวั เลขหรอื เครอื่ งหมายตา่ ง ๆ วางหน้าขอ้ ความเพือ่ ให้เหน็ ชดั เจนขนึ้ ขดี เส้นหรือวงกลมขอ้ ความที่สำคัญ และในแบบฟอร์มควรใชแ้ บบตรวจสอบรายการ (Check boxes) มากกวา่ ทจี่ ะใหผ้ รู้ ับบริการเขียนรายละเอยี ดหรือ คำตอบ มีตัวเลือก “ไม่ทราบ” และใชต้ วั หนาสำหรับขอ้ ความสำคัญ 3. การใช้สื่อช่วยสอน โดยการใช้รูปภาพ โมเดล วีดิทัศน์ การ์ตูน สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และสื่อ อิเล็กทรอนกิ ส์ หลีกเลี่ยงรายละเอียดทีไ่ ม่จำเป็น ไม่ใช้สือ่ ส่ิงพมิ พ์แทนการใหค้ ำแนะนำโดยบุคคล แต่ควรใช้ข้อมูล จากส่ือชว่ ยสอนเพ่ือเป็นสือ่ ในการอธิบายด้วยวาจา ทบทวน และเนน้ ประเดน็ สำคัญ 4. การเสริมสร้างพลงั อำนาจและการจัดการตนเองของผู้รับบริการ โดยการส่งเสริมการมีส่วน ร่วมของผู้รับบริการ ยกตัวอย่างเรื่องของคำถาม ควรใช้คำถามปลายเปิด “ท่านมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรบ้าง” มากกว่าจะถามผู้รับบริการว่า “ท่านมีคำถามหรือไม่” บุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขควรให้ ผ้รู ับบรกิ ารทบทวนการรับรแู้ ละการปฏิบัตติ ัว โดยใชเ้ ทคนคิ “Ask Me 3” ได้แก่ 1) ปัญหาสุขภาพของฉันคืออะไร 2) ฉันต้องทำอะไรบ้าง และ 3) สิ่งที่ต้องทำนั้นสำคัญอย่างไร เช่น การประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาของ ผู้รับบริการโดยใช้เทคนิคการทวนซ้ำวิธีการใช้ยา “ท่านบอกได้ไหมว่า จะรับประทานยานี้อย่างไร” และการให้ ผรู้ ับบรกิ ารนำยาทีเ่ หลอื มาดว้ ย เมื่อมาพบแพทย์ตามนดั 5. ระบบสนับสนุนและการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เอ้ือต่อความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาพ บุคลากรทางด้าน การแพทย์และสาธารณสุขเปน็ บคุ ลากรทางสุขภาพมบี ทบาทในการสร้างความรอบรู้ มิใชผ่ ู้มหี นา้ ท่ีสั่งสอน ตัดสนิ ใจ แทนผู้อื่น ทักษะที่สำคญั ในการสร้างความรอบรู้ คือ ทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง เพราะด้วยการฟังที่ลึกซ้ึงจะช่วยให้ บุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขรับรู้ได้ว่าส่วนใดที่ผู้รับบริการยังขาดความรู้หรือขาดความเข้าใจท่ี ถูกต้อง รวมทั้งการปรับกลวิธีการสอนสุขศึกษาที่มุ่งเน้นการให้สถานการณ์และแนะแนวในการตัดสินใจ เช่น การ สอนการดแู ลตนเองในผ้รู บั บริการเบาหวาน มิใชเ่ พยี งการร้วู ่าอาหารท่ีควรรับประทานในผู้รับบริการเบาหวานเป็น อย่างไร แต่ควรเป็นการตัดสินใจเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับโรคเบาหวานของตนมากกว่า มีการจัด สิ่งแวดล้อมให้ดูผ่อนคลายโดยการเลือกใช้สี และการจัดวางสิ่งของที่ไม่มีบรรยากาศของความน่ากลัว สร้าง
16 บรรยากาศทผ่ี รู้ บั บรกิ ารรู้สึกเปน็ มิตรและอยากจะซักถาม การมปี ้ายแนะนำตามจดุ ต่าง ๆ ปา้ ยบอกทางท่ีเปน็ สากล และจัดใหม้ ีแหลง่ เรียนรู้ด้านสุขภาพ สรุปได้ว่าการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำหนดให้มีการ พัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนอยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติและแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ความรอบรู้ด้านสุขภาพส่งผลต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพ เมื่อบุคคลมีความ รอบรู้ด้านสุขภาพจะมีศักยภาพในการดูแลตนเองได้ รวมทั้งยังจะช่วยแนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้กับบุคคลใกล้ชิด ครอบครัวชุมชน และสังคมได้ด้วย ความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะ สภาวะโรคภัยไข้เจ็บมีการเปลี่ยนแปลงไปกับกาลสมัย ดังนั้นพยาบาลควรส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพของ ประชาชน เพ่อื ใหส้ ามารถเข้าถึง เขา้ ใจ และใช้ข้อมูลดา้ นสุขภาพในชวี ิตประจำวนั ได้อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม 1.4 ความสำคญั ของการจดั การสขุ ภาพ “ระบบสุขภาพ (Health System)” หมายความว่า ระบบความสัมพันธ์ทั้งมวลที่เกี่ยวข้อง กับสุขภาพ (ตามนิยามในมาตรา 3 พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550) มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เกิดสุข ภาวะของคนท้ังมวล (Health For All) ทงั้ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพใหค้ นไทยมีสุขภาพดี มคี วามสขุ กายสุขใจ อยู่ รว่ มกนั ด้วยสันติ และอยู่อยา่ งไดด้ ุลยภาพกับสิ่งแวดล้อม มกี ารปอ้ งกนั และควบคมุ โรคอย่างได้ผล มีระบบบริการ สุขภาพที่มีความเป็นธรรม คุณภาพดี และมีประสิทธิภาพ ทั้งน้ี โดยการมสี ่วนร่วมของทกุ ภาคสว่ นในสังคม (All For Health) ด้วยการประสานจัดการที่ดี ซึ่งโครงสรา้ งของระบบสุขภาพนั้นสามารถต่อเติมองค์ประกอบของแต่ ละส่วน และมองเห็นอนรุ ะบบตา่ ง ๆ ได้โดยงา่ ย ดังน้ัน การตั้งโครงสรา้ งของระบบน้ันมีไดห้ ลายวิธี ดงั นี้ 1. คนทงั้ มวล ประกอบด้วยปจั เจกบคุ คลและคนในกลุ่มและองค์กรตา่ ง ๆ เชน่ ครอบครัว เด็ก เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน คนในองค์กรต่าง ๆ คนพิการ ผู้สูงอายุ คนชายขอบ เป็นต้น ดังนั้น ควรสำรวจให้ทราบ ประเภทและชนิดของคนกลุ่มต่าง ๆ จำนวน สภาวะสุขภาพ และทำรายการระบบสุขภาพของคนกลุ่มต่าง ๆ เชน่ ระบบสุขภาพครอบครัว เด็ก เยาวชน ระบบสุขภาพผู้ใช้แรงงาน ระบบสุขภาพคนพิการ ระบบสุขภาพผู้สูงอ ายุ ระบบสุขภาพแรงงานอพยพ เป็นต้น เพือ่ ความครบถ้วนของการคำนงึ ถงึ สุขภาพของคนทง้ั มวล 2. ปจั จัยสขุ ภาพ ท่ีมีหลากหลาย เชน่ ยนี หรือกรรมพันธ์ุ ทีท่ ำใหเ้ กิดโรคบางชนดิ อาชพี การมี สัมมาชีพทั่วทุกคนเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาวะ ความมั่นคงด้านอาหาร และการมีอาหารที่ สะอาดปลอด สารพิษ น้ำสะอาด สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพ ความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น ความ ยุติธรรม ความปลอดภัยและสนั ตภิ าพ การมีจติ ใจทีด่ ี การเรยี นร้ทู ีด่ ี และระบบบริการทีด่ ี เป็นต้น 3. ระบบบรกิ ารสขุ ภาพ มอี งคป์ ระกอบมากหลาย เช่น ระบบสร้างเสรมิ สุขภาพ ระบบป้องกนั และควบคมุ โรค ระบบสุขภาพชมุ ชน ระบบการแพทยฉ์ ุกเฉนิ ระบบบรรเทาสาธารณภยั และระบบโรงพยาบาล ซึ่ง ในแตล่ ะระบบตอ้ งคำนงึ ถงึ โครงสรา้ ง กำลังคน เทคโนโลยีทใ่ี ช้ ตลอดจนการเงินของระบบ เปน็ ต้น 4. ระบบสนับสนุน มีหลายองค์ประกอบ เช่น การเงินการคลังเพื่อสุขภาพที่สนับสนุนจาก หน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสรมิ สุขภาพ (สสส.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นต้น ระบบข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารเพื่อสุขภาพ (Information and Communication for Health) ระบบวชิ าการ และระบบนโยบาย เปน็ ตน้ 5. องค์กรนโยบาย ประกอบด้วยกระทรวงต่าง ๆ องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพ แห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และรัฐสภา ซึ่งงานทีส่ ำคัญนัน้ จะอยู่ท่ีการประสานองค์กรนโยบายทั้งหมดให้ไปสนบั สนุนการ ทำใหเ้ กิดสุขภาพของคนทั้งมวลต่อไป ดังนั้น องค์ประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่ในการกำหนดทิศทางและกำกับดูแลให้ระบบสุขภาพ เคลือ่ นตวั ไปตามทศิ ทางทกี่ ำหนดระบบสุขภาพ (Health System) ในพระราชบญั ญัตสิ ุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 จึงมีความหมายครอบคลุมตั้งแต่ สุขภาพเฉพาะบุคคล สุขภาพที่ดำเนินนอกตัวบุคคล กิจกรรมต่าง ๆ ที่มี
17 วัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพ และกิจกรรมใดก็ตามที่ส่งผลต่อสุขภาพ กล่าวได้ว่าระบบสุขภาพอาจนิยามจากบทบาท หน้าที่หรือองค์ประกอบ รวมไปถึงการมีกลไก กระบวนการ และความเช่ือมโยงขององค์ประกอบต่าง ๆ กับระบบ สาธารณสุข (Public Health System) (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ) จึงหมายถึงการจัดการที่เกี่ยวข้องกับ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ และการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งนี้ จึงต้องมีระบบบริการ สาธารณสุข มีความหมายว่าการบริการตา่ ง ๆ อนั เก่ยี วกบั การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ การปอ้ งกันควบคมุ โรคและปัจจัย ทีค่ กุ คามสขุ ภาพ การตรวจวนิ จิ ฉยั และบำบดั สภาวะ ความเจ็บปว่ ย และการฟื้นฟสู มรรถภาพของบุคคล ครอบครัว และชมุ ชนตอ่ ไป กรอบแนวคิดระบบสขุ ภาพ (Health System Framework) ระบบสุขภาพ (Health System) นั้นมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาสุขภาพประชาชน ซ่ึง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้วางกรอบแนวคิดระบบสุขภาพเพื่อช่วยให้ประเทศต่าง ๆ นำไปปรับปรุงระบบ สุขภาพให้เข้มแข็ง กรอบแนวคิดระบบสุขภาพ (Health System Framework) นี้ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ หรือเราเรียกว่า “The Six Building Blocks” ไดแ้ ก่ 1) ระบบบรกิ าร (service delivery) 2) กำลงั คนดา้ นสขุ ภาพ (health workforce) 3) ระบบข้อมลู ขา่ วสารดา้ นสุขภาพ (health information system) 4) เทคโนโลยีทางการแพทย์ (access to essential medicines) 5) คา่ ใช้จา่ ยดา้ นสุขภาพ (health financing) 6) ภาวะผู้นำและธรรมาภบิ าล (leadership governance) รูปที่ 1.2 แสดงกรอบแนวคิดระบบสุขภาพ (Health System Framework) “The Six Building Blocks” โดยระบบสุขภาพนั้นจะมุ่งผลลัพธ์ให้สุขภาพประชาชนดีขึ้น สนองตอบปัญหาสุขภาพ มี คุณภาพ ปลอดภัย มีประสทิ ธิภาพ และปกปอ้ งประชาชนจากการลม้ ละลายทางการเงิน ประเทศจะบรรลุเป้าหมาย พัฒนาสุขภาพได้ ระบบสุขภาพต้องเขม้ แข็งและมีประสทิ ธภิ าพ ดงั น้ัน กรอบแนวคิดระบบสุขภาพน้ีจะช่วยให้เห็น ความชัดเจนของ 6 องค์ประกอบหลักที่ทำงานสัมพันธ์กันและพึ่งพากัน เพื่อนำทรัพยากรมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ สูงสุดดังนี้
18 1. การให้บริการสุขภาพทีด่ ี คือ การให้บริการมีประสิทธิผล ปลอดภัย และมีคุณภาพ สูญเสยี ทรพั ยากรทีไ่ มเ่ กิดประโยชน์น้อยมาก 2. บุคลากรสุขภาพมีผลการดำเนินงานดี คือ การปฏิบัติงานตอบสนอง ยุติธรรม และมี ประสิทธิภาพเพ่อื บรรลผุ ลลัพธ์สขุ ภาพได้ดีทสี่ ดุ 3. ระบบสารสนเทศสุขภาพ คือ ระบบมีผลิตภาพ การวิเคราะห์ การกระจายข้อมูลสุขภาพ ถกู ตอ้ ง เชื่อถอื ได้ ส่งผลการดำเนนิ การไปยังผใู้ ชไ้ ดท้ นั เวลา 4. ระบบสขุ ภาพที่ดีต้องสรา้ งความม่ันใจ 5. ระบบการเงินการคลังที่ดีช่วยให้มีทุนเพียงพอสำหรับการดำเนินงานด้านสุขภาพ โดยมี หลักประกันสุขภาพใหก้ ับประชาชน และประชาชนสามารถเขา้ ไปใช้บริการได้เมื่อจำเป็น 6. ภาวะผู้นำและธรรมาภิบาล นำกรอบแนวคิดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ ร่วมกับการกำกับที่มี ประสิทธผิ ล การสรา้ งพันธมติ ร กฎ ระเบียบ โดยใหค้ วามสนใจการออกแบบระบบงาน และความรบั ผิดรับชอบต่อ ผลการดำเนินงาน (accountability) ปัจจุบนั นี้กระทรวงสาธารณสขุ ไทยได้นำกรอบแนวคดิ ระบบสุขภาพขององค์การอนามัยโลกมา พัฒนาระบบสุขภาพไทย เพื่อให้ระบบตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงสภาพแวดล้อม ดา้ นการเมือง เศรษฐกจิ และ สงั คมของประเทศ ทมี่ ีการเปลย่ี นแปลงมาโดยตลอด อนึ่ง ในการที่จะบรรลุเป้าหมายในการปัญหาสุขภาพในอนาคตได้นั้น ระบบสุขภาพจะมีบทบาท ร่วมกับระบบย่อยอื่นในสังคมโดยจะต้องประสานสอดคล้องกัน ทั้งนี้ ระบบบริการสุขภาพในอนาคตจะมี ความสำคัญตอ่ การดูแลสขุ ภาพของประชากรโลก ดงั นี้ 1. จัดให้มีบริการสุขภาพที่มีคุณภาพแก่ประชาชนตามความจำเป็นทางด้านสุขภาพโดยมี การใชจ้ า่ ยทรัพยากรอยา่ งประหยดั 2. สนับสนุนให้ประชาชนมีความสามารถดูแลสุขภาพตนเอง มีพฤติกรรมสุขภาพท่ี เหมาะสม โดยประชาชนเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพที่จำเป็นและทั่วถึง สนับสนุนวัฒนธรรมใหม่ด้านสุขภาพ ที่เน้น การสง่ เสริมสุขภาพและป้องกันโรคมากกว่าการรักษาพยาบาล 3. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ และ ดำเนินการรว่ มกันเพือ่ พัฒนาส่ิงแวดล้อมเพือ่ สขุ ภาพ 4. สนับสนุนใหก้ ลุ่มประชาสงั คมและชุมชนมีความเขม้ แขง็ มสี ่วนร่วมในการบรหิ ารจัดการ บริการสาธารณสุข และสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรในชมุ ชนเพ่ือให้ประชาชนมคี ณุ ภาพชีวิตทดี่ ี ดังนั้น สรุปได้ว่าหากจะให้ประชากรสามารถบรรลุเป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าได้เป็นผลสำเร็จน้ัน จะต้องมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องในระบบสุขภาพที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยและองค์ปร ะกอบทั้งภายในและภายนอกอย่าง รอบคอบ ปัจจัยทีส่ ำคญั อย่างมากในปัจจบุ ัน ได้แก่ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจัดการในเรื่องการเงิน ดา้ นสุขภาพ การจดั การทางดา้ นการเงนิ การคลงั สขุ ภาพจะเป็นปจั จยั ทส่ี ำคญั ตอ่ ระบบสขุ ภาพ โดยมปี ระเดน็ สำคญั ที่จะต้องพิจารณา 2 ประการ คือ 1) หลักการด้านความเป็นธรรมในแง่โอกาส และความสามารถเข้าถึงบริการ สาธารณสุข และ 2) ความเป็นธรรมในการแบกรับค่าใช้จ่ายของบริการทางสุขภาพ ซึ่งหลักการเหล่านี้ปรากฏเปน็ รูปธรรมในประเทศไทย คือ หลักประกันและการคุ้มครองด้านสุขภาพอนามัยของประชากรไทย ที่ครอบคลุมถึง ปัจจยั ความเส่ียงด้านสขุ ภาพของประชากร ปัจจัยกำหนดสขุ ภาพ ความไม่เทา่ เทยี มดา้ นพฤตกิ รรม สังคม เศรษฐกจิ และระบบการสาธารณสุข ผลกระทบของภาวะที่มีทรัพยากรของโลกจำกัดต่อสุขภาพ โรคติดต่อและการป้องกัน โรค โลกไร้พรมแดนกับการระบาดของโรคจากระดับประเทศสูน่ านาชาติ โรคที่เกิดจากการใช้ชีวติ ประจำวนั ในยุค ดิจิทัล รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการป้องกัน การเสริมสร้างสุขภาพ โดยบูรณาการสหวิชาชีพด้าน สาธารณสขุ การแพทย์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ และด้านวศิ วกรรม เพือ่ ประชากรโลกตามบรบิ ทของสังคม
19 อน่ึง นอกจากทีน่ สิ ติ ได้ศกึ ษาแนวคิด ความหมายและความสำคัญของความรอบรู้ทางดา้ นสุขภาพใน การจัดการสุขภาพ ในบทเรียนนี้แล้ว นิสิตจะได้เรียนรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพศศึกษา การปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้น การดูแลตนเองเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่และ ยาสูบ การรับรู้ขอ้ มูลขา่ วสารเก่ยี วกับสุขภาพ วจิ ารณญาณในการตดั สินใจด้านสุขภาพและการแพทย์ทางเลือก ใน บทเรยี นต่อไป
20 เอกสารอ้างองิ กระทรวงสาธารณสขุ . (2552). แนวทางการประเมนิ ผลกระทบทางสุขภาพระดบั โครงการ. กรงุ เทพมหานคร. กระทรวงสาธารณสขุ . (2561). การเสรมิ สรา้ งและประเมินความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพและพฤตกิ รรมสขุ ภาพ. กองสขุ ศกึ ษา กรม สนับสนนุ บริการสุขภาพ. นนทบุร.ี กองสขุ ศกึ ษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ. (2553). ผลการสำรวจ Health Literacy ในกลุ่มเยาวชนอายุ 12-15 ปี. นนทบุร.ี กรมสนบั สนนุ บริการสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสขุ . ฉัตรไชย รตั นไชย. (2553). การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม. พิมพ์ครง้ั ที่ 2. สำนกั พิมพจ์ ุฬาลงกรณแ์ หง่ มหาวิทยาลัย. กรงุ เทพมหานคร เดชรตั สุขกำเนิด. (2544). นโยบายสาธารณะเพือ่ สุขภาพ: การวเิ คราะห์ระบบการประเมินผลกระทบทางสขุ ภาพ. สถาบนั วจิ ัยระบบสาธารณสขุ . นนทบุร.ี เดชรัต สุขกำเนดิ วชิ ยั เอกพลากร และปัตพงษ์ เกษสมบรู ณ.์ (2545). การประเมนิ ผลกระทบทางสุขภาพ เพื่อสรา้ งนโยบาย สาธารณะหรือสขุ ภาพ: แนวคดิ แนวทาง และการปฏบิ ัติ. พิมพค์ รั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: ดไี ซด์ จำกดั . เดชรตั สุขกำเนิด วชิ ยั เอกพลากร และปตั พงษ์ เกษสมบรู ณ.์ (2545). เอกสารชุด: การประเมินผลกระทบทางสขุ ภาพ เลม่ ที่ 2 เรื่อง “แนวคิดการประเมินผลกระทบทางสขุ ภาพ” เพื่อปฏริ ปู ระบบสขุ ภาพ. นนทบรุ :ี สถาบนั วจิ ัยระบบ สาธารณสุข. ประเวศ วะส.ี (2550). สขุ ภาวะทางจติ วิญญาณ. (ออนไลน)์ http://www.nationalhealth.or.th/blog. วัชราพร เชยสุวรรณ. ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ : แนวคดิ และการประยุกต์สกู่ ารปฏบิ ัตกิ ารพยาบาล Health Literacy: Concept and Application for Nursing Practice. วารสารแพทยน์ าวี ปีที่ 44 ฉบับที่ 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2560. วรพจน์ พรหมสัตยพรต. (2550). การบรหิ ารงานสาธารณสขุ ทอ้ งถนิ่ . พมิ พค์ ร้ังท่ี 1. กรุงเทพมหานคร: บรษิ ัท ธนาเพรส จำกัด. วรพจน์ พรหมสตั ยพรต. (2561). เศรษฐศาสตรส์ าธารณสุข. พมิ พ์คร้งั ที่ 14. มหาสารคาม: สารคามการพมิ พ์ - สารคามเป เปอร์. วรพจน์ พรหมสตั ยพรต. (2561). ระบบประกนั สขุ ภาพ. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 10. มหาสารคาม: สารคามการพมิ พ์ - สารคามเปเปอร์. วรพจน์ พรหมสตั ยพรต. (2562). การบริหารงานสาธารณสขุ . พมิ พค์ รัง้ ที่ 2. มหาสารคาม: สารคามการพมิ พ์ - สารคามเป เปอร์. วรพจน์ พรหมสัตยพรต. (2562). หมออนามยั กับการประกอบวิชาชพี การสาธารณสุขชมุ ชน. วารสารหมออนามยั ปที ่ี 26 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถนุ ายน). หน้า 15 – 18. วชั ราพร เชยสุวรรณ. (2560).ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพ : แนวคิดและการประยกุ ตส์ ู่การปฏิบัติการพยาบาล. วารสารแพทย์นาวี. วารสารราย 4 เดอื น ปที ี่ 44 ฉบบั ท่ี 3 กนั ยายน-ธันวาคม. หน้า 183 - 197. Doyle C, Metcalfe O, and Devlin J. (2003). Health Impact assessment; a practice guidance manual. Duvlin & Belfast: Institute of Public Health in Ireland. Promasatayaprot V., Pongpanich S., Hughes D., and Glangkarn, S. (2009). The Adjustment of the Universal Health Insurance by the Health Policy Strategic Planning and Health Economics in Thailand. Journal of Health Education, January - April 2009; Vol. 32 No. 111 pp. 71-87. Promasatayaprot V., Pongpanich S., Hughes D., and Srithamrongsawat S. (2012). Universal coverage health care reforms of Thailand: researching the role of the local fund health security in local government purchasers in the north-eastern region of Thailand. Journal of Medicine and Medical Sciences, January 2012; Vol. 3(1) pp. 049-059. WHO. (2005). Health Impact Assessment Toolkit for Cities Document 1 Vision to Action. WHO European.
21 ใบงาน/ใบกจิ กรรม/แบบทดสอบทา้ ยบท ชอื่ -สกลุ ............................................................................. รหัสประจำตัวนิสิต........................................................... ชื่อรายวชิ า ความตระหนักร้เู ร่อื งสขุ ภาพ (Health Awareness) รหัสวิชา 0042002 กลุม่ ท่ีเรยี น .................. ใบงานที่ ............................. วนั ท่ี ...................................................................................... อาจารยผ์ ู้สอน รศ.ดร.วรพจน์ พรหมสตั ยพรต คำสง่ั : ให้นสิ ิตตอบคำถามดังต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง 1) จงอธบิ ายถงึ ความหมายและความสำคัญของสุขภาพมาพอสงั เขป พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบของสุขภาพ ตามพระราชบัญญัตสิ ุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2) จงอธิบายถงึ องค์ประกอบสำคญั ของความรอบรู้ด้านสขุ ภาพมาพอสงั เขป พร้อมยกตวั อย่างประกอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3) จงอธิบายถึงความสำคญั ของปัจจยั กำหนดสุขภาพทางสงั คม (Social Determinants of Health) ตอ่ การดแู ลสุขภาพของประชาชนมาพอสงั เขป พร้อมยกตวั อย่างประกอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4) จงอธบิ ายถึงองคป์ ระกอบของระบบสุขภาพตามกรอบแนวคดิ ขององค์การอนามยั มาพอสงั เขป พร้อม ยกตัวอยา่ งประกอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: