Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Guideline covid update 17_4_64

Guideline covid update 17_4_64

Published by surachat.s, 2021-04-17 15:47:01

Description: Guideline covid update 17_4_64

Search

Read the Text Version

ฉบบั ปรบั ปรงุ วันท่ี 17 เมษายน พ.ศ. 2564 สําหรบั แพทยแ์ ละบุคลากรสาธารณสุข แนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวนิ จิ ฉัย ดแู ลรกั ษา และปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล กรณโี รคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 1. ผปู้ ว่ ยทม่ี ีอาการอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ดังตอ่ ไปน้ี มปี ระวตั ิไข้หรอื วัดอณุ หภมู ไิ ดต้ ้งั แต่ 37.5°C ขน้ึ ไป ไอ มนี ้ํามกู เจบ็ คอ ไม่ไดก้ ลิน่ ล้นิ ไมร่ ับรส หายใจเรว็ หายใจเหนอื่ ย หรือหาย ใจลาํ บาก ตาแดง ผ่นื ถ่ายเหลว และมปี ระวตั ิเส่ียง ในชว่ ง 14 วัน ก่อนวันเร่ิมป่วย   แผนกเวชระเบียน/จุดคดั กรอง อยา่ งใดอย่างหนึง่ ดังนี้ - ค  ัดกรองประวัตผิ ู้ป่วย - OPD หรือ ER a) เดนิ ทางไปยงั มาจาก หรืออยูอ่ าศยั ในประเทศทีม่ ีรายงานผปู้ ่วยในช่วง 1 เดือน ย้อนหลังนับจากวนั ที่ออกจากพ้ืนท่นี น้ั   b) สมั ผสั กับผ้ปู ว่ ยยืนยนั COVID-19 เฝ ้าระวงั ในโรงพยาบาล c) ไปในสถานทชี่ ุมนุมชนหรือสถานทที่ ี่มีการรวมกลมุ่ คน เชน่ สถานบันเทงิ ตลาดนัด หา้ งสรรพสนิ คา้ สถานพยาบาล หรอื   ขนสง่ สาธารณะที่มรี ายงานผ้ปู ่วยยืนยนั COVID-19 ในชว่ ง 1 เดือน ยอ้ นหลงั นบั จากวันทอี่ อกจากพน้ื ทน่ี ั้น Fever & ARI clinic d) ปฏิบัตงิ านในสถานกกั กนั โรค   2. ผ้ปู ว่ ยโรคปอดอักเสบท่ีแพทย์ผตู้ รวจรักษาสงสยั ว่าเปน็ COVID-19   3. เป็นบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ทัง้ ในโรงพยาบาล คลนิ กิ รพ.สต. สถานที่ตรวจห้องปฏบิ ัติการ ร้านขายยา ทีมสอบสวนโรค หรือปฏบิ ตั ิงานในสถานกักกนั โรค ท่มี อี าการอย่างใดอย่างหน่งึ ดังต่อไปน้ี ไอ มนี าํ้ มูก เจบ็ คอ ไมไ่ ด้กล่ิน ลนิ้ ไม่รับรส หายใจเร็ว หายใจ เหนอื่ ย หรอื หายใจลําบาก ตาแดง ผื่น ถา่ ยเหลว และ/หรอื มีประวตั ิไขห้ รอื วดั อณุ หภูมิไดต้ งั้ แต่ 37.5°C ขึน้ ไป ทีแ่ พทยผ์ ูต้ รวจรักษา สงสัยวา่ เปน็ COVID-19 4. พบผมู้ ีอาการตดิ เชอื้ ระบบทางเดินหายใจเปน็ กลุ่มกอ้ น ตั้งแต่ 5 รายขนึ้ ไป ในสถานทเี่ ดียวกัน ในช่วงสปั ดาห์เดียวกนั โดยมคี วาม เชอื่ มโยงกันทางระบาดวทิ ยา (เช่น ในโรงเรียนที่อยูห่ อ้ งเรยี นเดยี วกนั ) 5. ผู้สมั ผสั เสย่ี งสงู ทั้งทมี่ ีอาการและไมม่ อี าการ (ตามนิยามของกรมควบคมุ โรค) ผปู้ ่วยเขา้ เกณฑ์  1) ใหผ้ ปู้ ่วยใส่หนา้ กากอนามัย พกั รอ ณ บรเิ วณทจ่ี ดั ไว้ หรือให้รอฟังผลทบี่ า้ นโดยใหค้ าํ แนะนาํ การปฏบิ ัติตวั หากมีขอ้ บง่ ชี้ในการรับไวเ้ ปน็ ผปู้ ว่ ยใน ให้อยู่ในหอ้ งแยก โรคเดยี่ ว (single room หรอื isolation room) โดยไมจ่ ําเป็นตอ้ งเป็น AIIR 2) บุคลากรสวม PPE ตามความเหมาะสม กรณที ั่วไปให้ใช้ droplet รว่ มกับ contact precautions [กาวน์ ถงุ มอื หน้ากากอนามยั และกระจงั กนั หนา้ (face shield)] หากมกี ารทาํ aerosol generating procedure เช่น การเก็บตวั อยา่ ง nasopharyngeal swab ให้บุคลากรสวมชดุ ปอ้ งกนั แบบ airborne รว่ มกับ contact precautions [กาวนช์ นิดกนั นาํ้ ถุงมือ หน้ากากชนดิ N95 กระจงั กนั หนา้ หรอื แว่นปอ้ งกันตา (goggles) และหมวกคลมุ ผม]# 3) พจิ ารณาตรวจทางห้องปฏิบตั กิ ารพื้นฐาน ตามความเหมาะสม (ไมจ่ ําเป็นต้องใช้ designated receiving area ในการตรวจสง่ิ ส่งตรวจทไี่ ม่ไดม้ าจากทางเดนิ หายใจ ให้ปฏบิ ัติ ตามมาตรฐานของห้องปฏิบัตกิ าร) 4) การเกบ็ ตัวอยา่ งสง่ ตรวจหาเชอ้ื SARS-CoV-2 ก) กรณผี ูป้ ่วยไมม่ ีอาการปอดอกั เสบ เก็บ nasopharyngeal swab ในหลอด UTM หรอื VTM (อยา่ งน้อย 2 มล.) จาํ นวน 1 หลอด ข) กรณผี ปู้ ว่ ยมีอาการปอดอักเสบและไมใ่ สท่ อ่ ช่วยหายใจ o เก็บเสมหะใส่ใน sterile container ท่มี ี VTM หรอื UTM o เด็กอายุ <5 ปี หรอื ผูท้ ไี่ ม่สามารถเก็บเสมหะได้ ใหเ้ กบ็ nasopharyngeal swab หรอื suction ใส่ในหลอด UTM หรอื VTM จาํ นวน 1 หลอด ค) กรณผี ้ปู ่วยมีอาการปอดอักเสบ และใสท่ อ่ ช่วยหายใจ เก็บเสมหะโดยวิธี tracheal suction หรือตัดปลายสายใส่ในหลอด UTM หรือ VTM จาํ นวน 1 หลอด 5) ไมแ่ นะนําให้ใช้การตรวจ antigen ในการวินิจฉยั ผปู้ ่วย แตอ่ าจใชก้ ารตรวจ antibody ในการวนิ จิ ฉยั ผ้ปู ่วยบางรายตามแนวทางของกรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ ผลการตรวจหา SARS-CoV-2 #ในกรณที ่ีทํา swab ต่อเน่ือง ใหเ้ ปล่ยี นถุงมอื ทกุ ครง้ั หลัง swab ผปู้ ่วยแต่ละราย ให้พิจารณาเปล่ียนกระจงั หน้าถ้าเปื้อน ไมพ่ บเช้อื SARS-CoV-2 ตรวจพบเชอื้ SARS-CoV-2 1) พจิ ารณาดแู ลรักษาตามความเหมาะสม 1) รบั ไว้ในโรงพยาบาล ในห้องแยกเด่ียว 2) สามารถรกั ษาแบบผปู้ ว่ ยนอกได้ สําหรบั ผ้ปู ่วยกลุ่มความเสีย่ งสงู ให้ home-quarantine ตอ่ จนครบตามเกณฑ์ (single isolation room) หรือ หอผู้ปว่ ย (cohort ward) หรอื หอผ้ปู ่วยเฉพาะกจิ ทกี่ าํ หนดโดยกรมควบคุมโรค (ณ วันทแ่ี นวทางนปี้ ระกาศใช้ คือ 14 วัน หลงั การสมั ผัสโรค) ส่วนผู้ปว่ ยความ (Hospitel) หรือ โรงพยาบาลสนาม เสีย่ งต่ํา อาจไม่ตอ้ งแยกตวั แต่ตอ้ งปฏบิ ตั ิตามมาตรการปอ้ งกนั โรค คอื สวมหนา้ กาก ลา้ งมือ รักษาระยะหา่ ง ถา้ เปน็ หอผู้ป่วยรวมต้องมรี ะยะหา่ งระหวา่ ง และไมใ่ ช้ส่งิ ของรว่ มกัน เตยี ง อยา่ งน้อย 1 เมตร 3) ถา้ มีอาการรุนแรง ให้พิจารณารบั ไว้ในโรงพยาบาลเพ่อื การตรวจวนิ ิจฉัย และรกั ษาตามความเหมาะสม ให้ใช้ droplet precautions ระหวา่ งรอผลการวินิจฉัยสุดทา้ ย 2) กรณอี าการรุนแรง หรอื ต้องทาํ aerosol 4) กรณีอาการไม่ดีข้ึนภายใน 48 ช่ัวโมง พิจารณาส่งตรวจหา SARS-CoV-2 ซาํ้ รวมท้ังสาเหตอุ ่นื ตามความ generating procedure ให้เขา้ AIIR เหมาะสม 5) กรณผี ้สู มั ผสั เส่ยี งสงู ทีไ่ ม่มีอาการ ให้ตรวจหา SARS-CoV-2 ซํา้ ครงั้ ท่สี อง 7 วัน หลงั ตรวจครัง้ แรก หรอื 3) ใหก้ ารรกั ษาตามแนวทางการดแู ลรักษา 13 วัน หลงั จากวันสัมผัสผ้ปู ่วยยืนยันครั้งสุดทา้ ยแล้วแต่ว่าวันใดถงึ กอ่ น ตามแนวทางการตดิ ตามผู้สมั ผสั ใกล้ชิด ฉบบั วันท่ี 13 เมษายน 2564 ของกรมควบคุมโรคกําหนด แนวทางเวชปฏิบตั ิ การวินิจฉยั ดแู ลรกั ษา และปอ้ งกันการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล กรณผี ู้ป่วยตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) สาํ หรบั แพทยแ์ ละบคุ ลากรสาธารณสุข โดย คณะทํางานดา้ นการรักษาพยาบาลและการปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับ คณาจารย์ผู้เช่ยี วชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ (คณะกรรมการกํากบั ดแู ลรักษาโควดิ -19) ฉบับปรบั ปรุง วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564

ฉบบั ปรบั ปรงุ วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564 สาํ หรบั แพทยแ์ ละบุคลากรสาธารณสุข แนวทางเวชปฏบิ ัติ การวนิ จิ ฉยั ดแู ลรกั ษา และป้องกนั การติดเช้ือในโรงพยาบาล กรณีโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) การรักษา COVID-19 แบง่ กลุ่มตามอาการได้เป็น 4 กรณี ดังน้ี 1. ผูต้ ิดเช้ือ COVID-19 ไม่มีอาการ (Confirmed case: asymptomatic COVID-19) o แนะนําให้นอนโรงพยาบาล หรือในสถานทร่ี ัฐจัดให้ อยา่ งน้อย 14 วนั นบั จากวันทีต่ รวจพบเช้ือ และใหจ้ าํ หน่ายจากโรงพยาบาลได้ หากมีอาการปรากฏขน้ึ มาให้ตรวจวนิ ิจฉัยและรักษาตามสาเหตุ o ให้ดแู ลรักษาตามดุลยพินจิ ของแพทย์ ไมใ่ หย้ าต้านไวรสั เนื่องจากส่วนมากหายได้เองและอาจได้รับผลข้างเคียงจากยา 2. ผ้ปู ่วยทม่ี อี าการไมร่ นุ แรง ไม่มปี อดอกั เสบ ไม่มีปัจจยั เสีย่ งต่อการเป็นโรครนุ แรง/โรครว่ มสาํ คัญ ภาพถ่ายรงั สีปอดปกติ (Symptomatic COVID-19 without pneumonia and no risk factors for severe disease) o ใหด้ แู ลรักษาตามอาการ ส่วนมากหายไดเ้ อง o แนะนาํ ให้นอนโรงพยาบาล หรือในสถานท่รี ฐั จัดให้ อยา่ งน้อย 14 วัน นับจากวันทเี่ ริม่ มอี าการ หรอื จนกวา่ อาการจะดขี ึ้น ไมม่ ีไข้ หรือไม่มอี าการอืน่ ๆ ของโรคแลว้ อย่างนอ้ ย 24-48 ชวั่ โมง พิจารณาจําหนา่ ยผู้ปว่ ยได้ o พจิ ารณาให้ favipiravir (ตามดุลยพินจิ ของแพทย)์ 3. ผปู้ ว่ ยทมี่ ีอาการไมร่ นุ แรงแต่มปี ัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรอื มโี รครว่ มสาํ คญั หรอื ผู้ป่วยทมี่ ปี อดบวม (pneumonia) เล็กน้อยซงึ่ ไม่เข้าเกณฑ์ข้อ 4 (Symptomatic COVID-19 with risk factors for severe disease or having co-morbidity or mild pneumonia) ปจั จยั เส่ยี งได้แก่ข้อใดข้อหนึง่ ตอ่ ไปนี้ ได้แก่ อายุ >60 ปี โรคปอดอุดกั้นเรือ้ รัง (COPD) รวมโรคปอดเร้อื รงั อ่นื ๆ โรคไตเรื้อรงั (CKD) โรคหัวใจและหลอดเลอื ด รวมโรคหัวใจแต่กาํ เนิด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานทค่ี วบคมุ ไมไ่ ด้ ภาวะอ้วน (นํ้าหนกั มากกวา่ 90 กก.) ตับแขง็ ภาวะภมู ิคมุ้ กันตาํ่ และ lymphocyte น้อยกวา่ 1,000 เซลล/์ ลบ.มม. o แนะนําให้นอนโรงพยาบาล อยา่ งน้อย 14 วนั หรือจนกว่าอาการจะดขี ึ้น o แนะนาํ ให้ favipiravir ระยะเวลา 5 ถึง 10 วัน ข้นึ กับอาการทางคลินกิ ตามความเหมาะสม หรือปรกึ ษาผู้เช่ียวชาญ o กรณที ี่มีผ้ปู ่วยมีอาการและภาพถ่ายรงั สปี อดทีแ่ ยล่ ง คือ มี progression of infiltrates หรือคา่ room air SpO2 ≤96% หรือพบวา่ มี SpO2 ขณะออกแรงลดลงมากกว่า 3% ของคา่ ทวี่ ัดได้คร้ังแรก (exercise-induced hypoxia) อาจพจิ ารณาให้ corticosteroid รว่ มกับ favipiravir 4. ผู้ปว่ ยยนื ยนั ท่ีมีปอดบวมทมี่ ี hypoxia (resting O2 saturation <96 %) หรือมีภาวะลดลงของออกซิเจน SpO2 ≥3% ของค่าท่วี ัดได้ ครัง้ แรกขณะออกแรง (exercise-induced hypoxemia) หรือภาพรงั สีทรวงอกมี progression ของ pulmonary infiltrates o แนะนาํ ให้ favipiravir เป็นเวลา 5-10 วัน ขน้ึ กบั อาการทางคลนิ กิ o อาจพิจารณาให้ lopinavir/ritonavir 5-10 วนั ร่วมด้วย (ตามดลุ ยพนิ จิ ของแพทย์) o แนะนาํ ให้ corticosteroid ดังตารางท่ี 1 การรกั ษา COVID-19 ในผู้ปว่ ยเดก็ อายุอายุ <15 ปี 1. ผู้ติดเชอื้ COVID-19 ไม่มอี าการ (Confirmed case: asymptomatic COVID-19) o แนะนาํ ให้ดูแลรกั ษาตามดุลยพินิจของแพทย์ 2. ผปู้ ่วยท่มี ีอาการไม่รนุ แรง ไมม่ ปี อดบวม ไม่มีปัจจยั เสีย่ ง (Symptomatic COVID-19 without pneumonia and no risk factors) o แนะนําใหด้ ูแลรกั ษาตามอาการ พจิ ารณาให้ favipiravir เป็นเวลา 5 วนั 3. ผูป้ ว่ ยทีม่ ีอาการไม่รนุ แรง แตม่ ีปัจจัยเส่ยี ง หรือมีอาการปอดบวม (pneumonia) เล็กนอ้ ยไม่เข้าเกณฑ์ข้อ 4 (Symptomatic COVID-19 without pneumonia but with risk factors) o ปัจจยั เส่ยี ง/โรคร่วมสาํ คญั ไดแ้ ก่ อายุน้อยกว่า 1 ปี และภาวะเสีย่ งอนื่ ๆ เหมือนเกณฑ์ในผใู้ หญ่ o แนะนาํ ให้ favipiravir เป็นเวลา 5-10 วัน ข้ึนกบั อาการทางคลินิกโดยแพทย์พิจารณาตามความเหมาะสม 4. ผ้ปู ่วยยนื ยันท่ีมีอาการปอดบวม หายใจเร็วกว่าอตั ราการหายใจตามกําหนดอายุ (60 ครง้ั ต่อนาที ในเด็กอายุ <2 เดือน, 50 ครัง้ /นาที ในเดก็ อายุ 2-12 เดือน, 40 ครัง้ /นาที ในเดก็ อายุ 1-5 ป,ี 30 ครงั้ /นาที ในเดก็ อายุ >5 ปี) o แนะนาํ ให้ favipiravir เป็นเวลา 5-10 วนั (อาจพิจารณาให้ร่วมกับ lopinavir/ritonavir เปน็ เวลา 5-10 วัน) o แนะนําให้ corticosteroid ดังตารางที่ 1 แนวทางเวชปฏิบตั ิ การวินจิ ฉยั ดูแลรักษา และป้องกนั การติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณผี ปู้ ่วยตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) สาํ หรับแพทยแ์ ละบุคลากรสาธารณสขุ โดย คณะทาํ งานดา้ นการรกั ษาพยาบาลและการป้องกันการตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกบั คณาจารยผ์ ้เู ช่ียวชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ตา่ ง ๆ (คณะกรรมการกํากับดแู ลรักษาโควดิ -19) ฉบับปรับปรงุ วันท่ี 17 เมษายน พ.ศ. 2564

ฉบบั ปรบั ปรงุ วนั ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564 สาํ หรบั แพทยแ์ ละบุคลากรสาธารณสุข แนวทางเวชปฏบิ ัติ การวนิ ิจฉัย ดแู ลรกั ษา และป้องกนั การติดเช้ือในโรงพยาบาล กรณโี รคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) คําแนะนําอน่ื ๆ 1. จากการวเิ คราะหข์ ้อมูลยอ้ นหลงั ของผูป้ ว่ ย 744 รายในประเทศไทย พบว่าปัจจยั สาํ คญั ทีล่ ดความเสี่ยงของภาวะรนุ แรง ไดแ้ ก่ การใช้ high flow oxygenation การใส่ทอ่ ช่วยหายใจ การเข้าหอผู้ปว่ ยวกิ ฤต หรอื เสียชีวิต คือ การได้รบั การรักษาดว้ ย favipiravir เร็ว ภายใน 4 วัน ตั้งแตเ่ ร่ิมมี อาการ นอกจากน้ี การศึกษาหลายรายงานพบว่า favipiravir ชว่ ยลดปรมิ าณไวรัสไดด้ ี ดงั นน้ั ควรให้ยาเร็วกอ่ นท่ผี ปู้ ว่ ยจะมีอาการหนกั และ พจิ ารณาใหผ้ ู้ปว่ ยท่มี อี าการมาก หรอื มีไขท้ กุ คน แม้จะไม่มีปจั จยั เสย่ี งอน่ื ๆ 2. Exercise-induced hypoxia ทําโดยการใหผ้ ปู้ ่วยปนั่ จกั รยานอากาศ (นอนหงายแลว้ ปน่ั ขาแบบปนั่ จกั รยาน) นาน 3 นาที หรอื อาจให้เดนิ ข้าง เตียงไปมา 3 นาทขี น้ึ ไป แล้ววัดคา่ SpO2 เทยี บกนั ระหว่างกอ่ นทาํ และหลังทํา หากมี SpO2 drop ≥3% ข้ึนไปถือว่า “ผลเปน็ บวก” 3. การใช้ favipiravir ในหญงิ ตั้งครรภ์ มีโอกาสเกิด teratogenic effect ดังนน้ั ในกรณที ผ่ี ปู้ ว่ ยเปน็ หญงิ วัยเจริญพันธุ์ ควรพจิ ารณาตรวจ การตั้งครรภ์กอ่ นเร่ิมยาน้ี และควรให้ผปู้ ว่ ยและญาตริ ว่ มตดั สนิ ใจ  หญงิ ตง้ั ครรภต์ ัง้ แต่ไตรมาสท่ี 1 ทอ่ี าการไม่รุนแรง ไมม่ ปี อดอักเสบ ใหร้ ักษาตามอาการ  หญิงตงั้ ครรภ์ต้ังแต่ไตรมาสท่ี 2 ข้ึนไป ถา้ แพทยพ์ จิ ารณาแล้วว่าจะได้ประโยชน์จาก favipiravir มากกวา่ ความเสยี่ ง อาจจะพจิ ารณาใช้ favipiravir โดยมกี ารตดั สินใจรว่ มกบั ผ้ปู ่วยและญาติ  หญงิ ตง้ั ครรภท์ ุกไตรมาสทม่ี ปี อดอกั เสบ อาจพิจารณาใช้ remdesivir เน่ืองจากมีขอ้ มูลความปลอดภัยของการใช้ remdesivir ในหญงิ ตง้ั ครรภจ์ าํ นวนหนึ่ง และไมม่ รี ายงานผลรา้ ยในทารก ทงั้ นี้ เพือ่ ใหส้ อดคล้องกบั ขอ้ บ่งชีท้ ่วี า่ remdesivir จะใหป้ ระโยชน์เฉพาะในผู้ทมี่ ีปอด อกั เสบและต้องใชอ้ อกซิเจนรกั ษาเทา่ น้นั  การตดิ เช้อื จากแมส่ ่ลู ูกแบบ vertical transmission นนั้ พบนอ้ ยประมาณร้อยละ 2-5 และสว่ นใหญข่ องทารกไมเ่ กดิ อาการรนุ แรง และ หญงิ มีครรภ์ทีต่ ิดเชื้อมีโอกาสทจี่ ะเกดิ อาการรนุ แรงได้ ดงั น้ันการรกั ษาจงึ เนน้ การรกั ษาแมเ่ ปน็ หลกั 4. อาจพจิ ารณาให้ remdesivir ในกรณีดงั ตอ่ ไปน้ี o ผปู้ ่วยมอี าการปอดบวมอยา่ งรนุ แรง (SpO2 ท่ี room air ≤94%) หรอื กรณที ี่ตอ้ งใหอ้ อกซิเจนแบบ non-invasive หรือ invasive ventilation รวมทงั้ extracorporeal membrane oxygenation (ECMO) ตามแนวทางของ IDSA และ US-NIH o มขี อ้ ห้ามบริหารยาทางปากหรอื มปี ญั หาการดดู ซึม o ไมต่ อบสนองตอ่ การยาอ่นื ในระยะเวลาหลังใหย้ า 72 ชัว่ โมง o ทัง้ น้ี การศกึ ษาขององคก์ ารอนามัยโลก พบวา่ remdesivir ไมช่ ว่ ยลดอัตราตาย องคก์ ารอนามัยโลกจึงไมแ่ นะนาํ ใหใ้ ช้ remdesivir นอกเหนือจากในงานวจิ ยั แต่การศกึ ษาในประเทศสหรัฐอเมรกิ า ยังชี้วา่ ยานอ้ี าจจะมปี ระโยชน์ จึงมคี ําแนะนาํ เรอื่ งการใช้ขา้ งต้น o ให้เลือกใช้ favipiravir หรอื remdesivir อย่างใดอยา่ งหน่งึ ไมใ่ ชร้ ว่ มกนั เนอื่ งจากยาออกฤทธทิ์ ต่ี าํ แหน่งเดียวกัน แตใ่ นประเทศไทยมี ขอ้ มลู การศกึ ษาวิจัย favipiravir มากกวา่ remdesivir 5. ไมแ่ นะนาํ ใหใ้ ช้ chloroquine, hydroxychloroquine และ azithromycin ในการรักษา COVID-19 6. ขอ้ มลู การศึกษา boosted lopinavir/ritonavir (LPV/r) ส่วนใหญท่ ี่ทาํ ในตา่ งประเทศ มีผูป้ ว่ ยในการศกึ ษาจํานวนมาก ใหผ้ ลตรงกนั ว่ายาน้มี ี ประโยชนไ์ ม่ชดั เจนในการลดอัตราการตาย แต่ชว่ ยลดระยะเวลาท่ีอยูใ่ นหอผู้ป่วยวกิ ฤตได้ และไม่มขี อ้ มลู เกี่ยวกบั darunavir/ritonavir มากพอ 7. ไม่แนะนาํ ให้ corticosteroid ในรายทมี่ ีอาการไม่รุนแรง (ไม่ตอ้ งใหอ้ อกซเิ จนเสริม) หรือไมม่ อี าการปอดบวม 8. หลกั ฐานจากงานวิจัยยงั ไม่มขี อ้ สรปุ ที่ชัดเจนตรงกันวา่ anti-inflammatory agent อืน่ ๆ และ IL-6 receptor antagonist ช่วยลดอตั ราการ ตายของผปู้ ว่ ย 9. ให้ยาต้านแบคทเี รยี เม่อื มีข้อมลู ท่ีชว้ี า่ ผปู้ ว่ ยมกี ารตดิ เช้อื แบคทเี รียแทรกซอ้ นเทา่ นัน้ ไม่ตอ้ งใหต้ ง้ั แตแ่ รกรบั ผูป้ ว่ ยทุกราย 10. ในกรณีท่ีสงสยั ผปู้ ว่ ยอาจมปี อดบวมจากการตดิ เชอ้ื แบคทีเรียแทรกซอ้ น ควรตรวจเพาะเชือ้ จากเสมหะเพอื่ ช่วยในการเลอื กยาปฏิชีวนะทต่ี รงกับ เชื้อกอ่ โรคมากท่ีสดุ การตรวจเสมหะ อาจทําไดโ้ ดยทําใน biosafety cabinet หลกี เล่ยี งการทาํ ให้เกดิ droplets หรอื aerosol ขณะทําการตรวจ และเจ้าหนา้ ทีห่ อ้ งปฏบิ ตั ิการต้องสวม PPE แบบเต็มชดุ (full PPE ประกอบดว้ ย cover all, N95 respirator, face shield, gloves, shoe cover) ตามมาตรฐานการปฏบิ ัติงานทางห้องปฏบิ ัตกิ ารสําหรบั ผปู้ ่วย COVID-19 11. ยาทแี่ นะนําในแนวทางเวชปฏิบตั ิฯ นี้ กําหนดขนึ้ จากหลักฐานเทา่ ทม่ี วี า่ อาจจะมปี ระโยชน์ ซึ่งยังไมม่ งี านวิจยั แบบ randomized control trials มากเพยี งพอทจ่ี ะรบั รองยาชนดิ ใด ๆ ดังนัน้ แพทยค์ วรตดิ ตามผลการรักษาอยา่ งใกลช้ ดิ และพร้อมที่จะปรับเปล่ยี นการรักษา ขอ้ แนะนาํ การรกั ษา จะมีการปรบั เปลยี่ นไปตามขอ้ มลู ทมี่ เี พ่ิมข้ึนในระยะตอ่ ไป แนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวนิ จิ ฉยั ดแู ลรักษา และปอ้ งกนั การตดิ เชือ้ ในโรงพยาบาล กรณผี ้ปู ว่ ยตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) สาํ หรบั แพทยแ์ ละบคุ ลากรสาธารณสุข โดย คณะทาํ งานดา้ นการรักษาพยาบาลและการป้องกันการตดิ เชื้อในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับ คณาจารย์ผู้เชยี่ วชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ (คณะกรรมการกาํ กับดแู ลรกั ษาโควิด-19) ฉบับปรับปรงุ วนั ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564

ฉบบั ปรบั ปรงุ วนั ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564 สําหรบั แพทยแ์ ละบคุ ลากรสาธารณสขุ แนวทางเวชปฏบิ ัติ การวนิ ิจฉัย ดูแลรกั ษา และป้องกนั การติดเชอื้ ในโรงพยาบาล กรณโี รคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ตารางท่ี 1 ขนาดยารกั ษา COVID-19 ทีแ่ นะนําในผ้ใู หญแ่ ละเดก็ ยา/ขนาดยาในผใู้ หญ่ ขนาดยาในผปู้ ่วยเด็ก ข้อควรระวงั /ผลขา้ งเคียงทีพ่ บบ่อย Favipiravir (200 mg/tab) วนั ที่ 1: 60 mg/kg/day วันละ 2 ครัง้ - มโี อกาสเกดิ teratogenic effect ควรระวงั การใช้ใน วนั ตอ่ มา: 20 mg/kg/day วนั ละ 2 คร้ัง หญิงมีครรภ์หรือ ผู้ท่ีอาจตั้งครรภ์ และต้องใหค้ าํ แนะนํา วันท่ี 1: 1800 mg (9 เม็ด) วนั ละ 2 ครัง้ เพอ่ื ให้ผูป้ ่วยร่วมตดั สินใจ วนั ตอ่ มา: 800 mg (4 เม็ด) วันละ 2 ครั้ง ถา้ นํา้ หนกั ตัว >90 กิโลกรัม - อาจเพ่มิ ระดบั uric acid ระวงั การใช้ร่วมกับ วนั ที่ 1: 2,400 mg (12 เม็ด) วนั ละ 2 ครง้ั วนั ต่อมา: 1,000 mg (5 เม็ด) วันละ 2 ครั้ง pyrazinamide - ระวงั hypoglycemia หากใช้รว่ มกบั repaglinide หรอื pioglitazone - แบ่งหรอื บดเมด็ ยา และใหท้ าง NG tube ได้ - ผปู้ ่วยโรคไตเรื้อรงั ไมต่ อ้ งปรับขนาดยา - ควรปรับขนาดยาในผปู้ ว่ ยทม่ี ีการทํางานของตบั บกพร่องใน ระดับปานกลางถึงรุนแรง คอื วันที่ 1: 4 เม็ด วนั ละ 2 ครงั้ วันตอ่ มา: 2 เมด็ วนั ละ 2 คร้งั Lopinavir/ritonavir (LPV/r) อายุ 2 สปั ดาห์-1 ปี 300/75 mg/m2/dose - อาจทาํ ให้ทอ้ งเสยี คลนื่ ไส้อาเจยี น วันละ 2 คร้งั - ยาน้ําตอ้ งแชเ่ ย็น และควรกนิ พรอ้ มอาหารเพื่อช่วยการ (เม็ด 200/50 mg/tab, นํ้า 80/20 mg/mL) 2 เมด็ ทกุ 12 ชัว่ โมง อายุ 1-18 ปี 230/57.5 mg/m2/dose ดดู ซมึ ยาเม็ดกนิ ไมจ่ าํ เปน็ ตอ้ งกินพร้อมอาหาร วันละ 2 คร้ัง - อาจทําใหห้ ัวใจเต้นผิดจงั หวะแบบ QT prolongation ขนาดยาชนดิ เม็ดตามนํา้ หนกั ตัว - อาจทาํ ให้ตบั อกั เสบ หรือตบั ออ่ นอักเสบได้ (พบนอ้ ย) 15-25 กโิ ลกรัม 200/50 mg วันละ 2 คร้ัง 25-35 กโิ ลกรมั 300/75 mg วันละ 2 ครง้ั 35 กโิ ลกรมั ขน้ึ ไป 400/100 mg วนั ละ 2 ครง้ั Remdesivir วนั ที่ 1: 5 mg/kg IV วันละคร้งั - Constipation, hypokalemia, anemia, วนั ตอ่ มา : 2.5 mg/kg IV วันละครงั้ thrombocytopenia, increased total bilirubin, วนั ที่ 1: 200 mg IV elevated alanine transaminase and aspartate วนั ที่ 2-5: 100 mg IV วนั ละครง้ั transaminase, hyperglycemia (US-NIH แนะนําให้ 5 วันในกรณที อ่ี าการไม่รุนแรง มาก แต่ถา้ มอี าการรนุ แรงมากตอ้ งใช้ ECMO - ระวังการใช้ในผ้ปู ว่ ยทีม่ ีการทาํ งานของตับและไตบกพร่อง แนะนาํ ให้ 10 วัน) - ควรหยดยา นานกว่า 30 นาทแี ต่ไมเ่ กนิ 120 นาที เพ่ือปอ้ งกัน hypersensitivity reaction - ละลายผงยาดว้ ย sterile water for injection 20 mL, ผสมยาใน 0.9% NSS หลงั ละลายผงยา ยามอี ายไุ ด้ นาน 24 ชั่วโมง ท่ีอุณหภูมิ 20-25oC และ 48 ชวั่ โมง ท่ีอณุ หภูมิ 2-8oC Corticosteroid ให้ 7-10 วัน ใหป้ รกึ ษาแพทยผ์ ูเ้ ชยี่ วชาญ - ต้องระมัดระวังภาวะนํ้าตาลในเลอื ดสูง โดยเฉพาะใน ผปู้ ว่ ยเบาหวาน Dexamethasone 6 mg วนั ละครั้ง หรือ hydrocortisone 160 mg ตอ่ วนั หรอื prednisolone 40 mg ตอ่ วนั หรอื methylprednisolone 32 mg ตอ่ วนั เอกสารอา้ งองิ 1. COVID-19 Treatment Guidelines Panel. Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Treatment Guidelines. National Institutes of Health. Available at https://www.covid19treatmentguidelines.nih.gov/. Accessed 21 January 2021 2. Jin YH, Zhan QY, Peng ZY, et al. Chemoprophylaxis, diagnosis, treatments, and discharge management of COVID-19: An evidence-based clinical practice guideline (updated version). Mil Med Res 2020;7(1):41. 3. Bhimraj A, Morgan RL, Shumaker AH, et al. Infectious Diseases Society of America Guidelines on the Treatment and Management of Patients with COVID-19 https://www.idsociety.org/COVID19guidelines# Accessed 21 January 2021 4. Shrestha DB, Budhathoki P, Khadka S, et al. Favipiravir versus other antiviral or standard of care for COVID‐19 treatment: a rapid systematic review and meta-analysis. Virol J 2020;17:141. 5. Beigel JH, Tomashek KM, Dodd LE, et al. Remdesivir for the Treatment of Covid-19 - Final Report. N Engl J Med 2020;383:1813-26. 6. The RECOVERY Collaborative Group. Dexamethasone in Hospitalized Patients with Covid-19 - Preliminary Report. N Engl J Med 2020:NEJMoa2021436. แนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวนิ ิจฉยั ดแู ลรกั ษา และป้องกนั การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล กรณผี ปู้ ่วยตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) สาํ หรบั แพทยแ์ ละบุคลากรสาธารณสขุ โดย คณะทํางานดา้ นการรักษาพยาบาลและการปอ้ งกนั การตดิ เชือ้ ในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับ คณาจารยผ์ ู้เชีย่ วชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ (คณะกรรมการกาํ กับดแู ลรกั ษาโควดิ -19) ฉบบั ปรบั ปรุง วนั ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564

ฉบบั ปรบั ปรงุ วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564 สาํ หรบั แพทย์และบุคลากรสาธารณสขุ แนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวนิ ิจฉัย ดแู ลรกั ษา และป้องกนั การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) คาํ แนะนําในการส่งต่อผู้ป่วย COVID-19 o หากผูป้ ่วยมอี าการรนุ แรงเกนิ กว่าทีโ่ รงพยาบาลตน้ ทางจะดูแลได้ ควรสง่ ตอ่ โรงพยาบาลแม่ข่ายทศ่ี กั ยภาพสงู กว่า o โรงพยาบาลต้นทาง ควรประสานการส่งต่อผปู้ ว่ ยในระยะเริม่ แรก พจิ ารณาจาก o SpO2 ท่ี room air <96% o Rapid progressive pneumonia ใน 48 ช่วั โมง หลังรบั รักษา ตารางท่ี 2 ระดบั โรงพยาบาลในการรบั สง่ ต่อผู้ปว่ ย โรงพยาบาล ผู้ปว่ ย COVID-19 โรงพยาบาลทุกระดับ 1) Confirmed case ทไี่ มม่ อี าการ (asymptomatic) โรงพยาบาลระดับ 2) Confirmed case with mild symptoms และ ภาพถ่ายรงั สีปอดปกติ F1, M1, M2, S, A ท่ีไม่มีภาวะเสยี่ ง/โรครว่ มสาํ คัญ โรงพยาบาลระดับ 3) Confirmed case with mild symptoms และ ปอดอกั เสบเล็กนอ้ ย M1, S, A, A+ ท่มี ปี จั จัยเส่ยี ง/โรครว่ มสาํ คญั โรงพยาบาลระดับ 4) Confirmed case with pneumonia หรอื มี SpO2 ที่ room air M1, S, A, A+ น้อยกว่า 96 % การจําหน่ายผ้ปู ่วยออกจากโรงพยาบาล ผูป้ ่วยทไ่ี ด้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลตามกรณีตอ่ ไปน้ี เปน็ ผปู้ ่วยที่พ้นระยะแพร่เชอื้ แล้ว ไม่จาํ เปน็ ต้องแยกตวั หรือกกั ตัว แต่ให้คงการปฏิบัติตามหลักการป้องกนั การติดเช้อื ตามมาตรฐานวถิ ีใหม่ 1) ผตู้ ิดเชอ้ื COVID-19 ทไ่ี มม่ ีอาการ ให้พกั ในโรงพยาบาลหรอื สถานท่ที ่ีรฐั จัดให้เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วนั นับจากวันท่ี ตรวจพบเชื้อ 2) ผปู้ ่วยทอ่ี าการน้อย ให้พกั ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 14 วนั นับจากวันที่มอี าการ เมอื่ ครบ หากยังมีอาการให้อยู่ใน โรงพยาบาลตอ่ หรือในสถานท่ีท่ีรัฐจัดใหจ้ นไม่มอี าการแลว้ อย่างน้อย 24 ถงึ 48 ช่วั โมง 3) ผู้ป่วยทม่ี อี าการรุนแรง (Moderate to severe) และ/หรือมี immunocompromised host ให้รักษาตัวในโรงพยาบาล จนอาการดขี ึ้น และให้ออกจากโรงพยาบาลตามดุลยพินิจของแพทย์ 4) เกณฑ์การพิจารณาจาํ หน่ายผู้ป่วย a) ผปู้ ว่ ยท่ีมีอาการดขี น้ึ และภาพรังสปี อดไม่แยล่ ง b) อุณหภูมิไม่เกนิ 37.8°C ต่อเนื่อง 24 ถึง 48 ช่ัวโมง c) Respiratory rate ไมเ่ กนิ 20 คร้งั /นาที d) SpO2 at room air มากกวา่ 96% ขณะพัก 5) ไมจ่ าํ เปน็ ตอ้ งทํา swab ซํ้า ในผู้ปว่ ยทยี่ นื ยันแล้ววา่ มีการติดเช้ือ และไมต่ อ้ งทํา swab เมือ่ จะกลับบ้าน 6) หลังจากออกจากโรงพยาบาลแลว้ a) ผปู้ ่วยสามารถพักอย่บู ้านจนครบหรอื ไปทาํ งานได้ตามปกติ เนอื่ งจากพ้นระยะแพร่เช้ือแล้ว b) การกลบั ไปทาํ งาน ข้นึ อยู่กับสภาวะทางสขุ ภาพของผู้ปว่ ยเปน็ หลกั c) หากมอี าการป่วย ใหต้ รวจหาสาเหตุ และให้การรกั ษาตามความเหมาะสม หมายเหตุ ในกรณที ผ่ี ปู้ ่วยขอใบรบั รองแพทย์ ระบ…ุ .ผปู้ ่วยรายน้ี อาการดขี ึน้ และหายป่วยจาก COVID-19 โดยพจิ ารณาจาก อาการเปน็ หลกั แนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวนิ ิจฉยั ดแู ลรักษา และปอ้ งกันการติดเช้ือในโรงพยาบาล กรณผี ู้ป่วยตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) สาํ หรบั แพทยแ์ ละบคุ ลากรสาธารณสุข โดย คณะทาํ งานดา้ นการรักษาพยาบาลและการป้องกนั การติดเช้ือในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกบั คณาจารย์ผ้เู ช่ียวชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ (คณะกรรมการกํากบั ดแู ลรักษาโควดิ -19) ฉบับปรับปรงุ วนั ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564

ฉบบั ปรบั ปรงุ วนั ท่ี 17 เมษายน พ.ศ. 2564 สําหรับแพทยแ์ ละบุคลากรสาธารณสุข แนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวนิ จิ ฉยั ดแู ลรกั ษา และป้องกนั การติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) คาํ แนะนําการปฏบิ ัตติ วั สาํ หรบั ผ้ปู ่วย COVID-19 ผ้ปู ว่ ย COVID-19 สว่ นใหญ่มอี าการไมร่ นุ แรง อาจอยโู่ รงพยาบาลเพยี งระยะสน้ั ๆ แล้วไปพักฟน้ื ต่อท่ี สถานทรี่ ฐั จัดให้ ผูป้ ว่ ยท่มี อี าการเล็กนอ้ ยจะคอ่ ย ๆ ดขี นึ้ จนหายสนทิ แต่ในชว่ งปลายสปั ดาห์แรกผปู้ ว่ ยบางราย อาจมีอาการมากขน้ึ ได้ ผปู้ ว่ ยทมี่ ีอาการนอ้ ยหรอื อาการดขี ึ้นแลว้ อาจจะยังตรวจพบสารพนั ธุกรรมของเชอ้ื ไวรสั ท่ี เปน็ สาเหตขุ อง COVID-19 ในนา้ํ มกู และ/หรือน้าํ ลายของผ้ปู ว่ ยไดเ้ ปน็ เวลานาน อาจจะนานถึง 50 วนั แตม่ หี ลาย การศึกษาพบว่าไม่สามารถเพาะเชื้อได้จากสารคดั หลงั่ ในทางเดินหายใจของผ้ปู ว่ ยทีม่ อี าการมาแลว้ นานกว่า 8 วัน ทงั้ ที่ ยังตรวจพบสารพันธุกรรมของเชือ้ ด้วยวิธี RT-PCR สําหรบั ไวรสั โคโรนา 2019 มหี ลายสายพนั ธุ์ บางสายพันธุ์อาจจะอยู่ ไดน้ านขึ้น แตย่ งั ไมแ่ น่ชดั ว่านานขนึ้ กว่ี ัน สารพนั ธุกรรมทีต่ รวจพบหลังจากผู้ป่วยมอี าการมานานแลว้ อาจเปน็ เพียง ซากพนั ธุกรรมที่หลงเหลอื ท่รี า่ งกายยังกาํ จัดไมห่ มด นอกจากนกี้ ารตรวจพบสารพันธกุ รรมไดห้ รือไม่ได้ ยังอยทู่ ค่ี ณุ ภาพ ของตัวอยา่ งทเ่ี กบ็ ดว้ ย ดงั นนั้ ในแนวทางเวชปฏิบตั ฯิ COVID-19 นี้ จะระบวุ ่าไมต่ ้องทํา swab ก่อนอนุญาตให้ผ้ปู ่วยออกจาก สถานพยาบาล เพราะไมม่ ผี ลเปล่ยี นแปลงการรักษา และการพบเช้ือจากการตรวจด้วย RT-PCR มิได้หมายความว่า จะสามารถแพร่เชื้อต่อได้ ทั้งนีแ้ พทย์ผู้รกั ษาจะพิจารณาจากอาการเปน็ หลัก ตามเกณฑ์ขา้ งตน้ ซง่ึ จากขอ้ มูลปัจจุบนั เชื่อว่าไมเ่ สย่ี งต่อการแพรเ่ ช้ือ ผู้ปว่ ยท่ีพน้ ระยะการแพร่เชื้อแลว้ สามารถดาํ รงชวี ติ ไดต้ ามปกติ การปฏบิ ัตติ นในการ ป้องกนั การตดิ เชอื้ เหมือนประชาชนทั่วไป จนกวา่ จะควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในวงกวา้ งไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ คาํ แนะนําในการปฏบิ ตั ติ นเม่ือผ้ปู ว่ ยออกจากโรงพยาบาล หลงั แพทยจ์ าํ หน่ายให้กลบั ไปพักฟืน้ ทบ่ี า้ น 1. ไม่จาํ เป็นต้องกกั ตัวหรอื แยกตัวจากผู้อ่ืนเพราะหายจากโรคแล้ว (ซึง่ ตา่ งจากกรณีเป็นผสู้ มั ผสั ความเสี่ยงสูง หรือเพ่งิ จะไดร้ ับการวินจิ ฉัย บุคคลเหล่าน้ยี งั อยใู่ นระยะแพรเ่ ช้อื จงึ ต้องกกั ตวั หรอื แยกตัวจากผู้อ่ืน) 2. การดแู ลสขุ อนามัย ใหส้ วมหน้ากากอนามยั หรอื หนา้ กากผ้า เมอื่ ต้องอยรู่ ่วมกับผู้อื่น 3. ลา้ งมอื ดว้ ยสบูแ่ ละนาํ้ เปน็ ประจํา โดยเฉพาะหลังจากถา่ ยปัสสาวะหรอื อจุ จาระหรอื ถูมอื ด้วยเจลแอลกอฮอล์ 4. ไม่ใชอ้ ุปกรณ์รบั ประทานอาหารและแก้วนํ้ารว่ มกับผ้อู ื่น 5. ดม่ื นํา้ สะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารทส่ี ุก สะอาด และมีประโยชน์ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ 6. หากมอี าการปว่ ยเกิดข้ึนใหมห่ รอื อาการเดมิ มากขนึ้ เชน่ ไขส้ ูง ไอมาก เหน่ือย แนน่ หนา้ อก หอบ หายใจไม่ สะดวก เบ่อื อาหาร ใหต้ ิดตอ่ สถานพยาบาล หากตอ้ งเดินทางมาสถานพยาบาล แนะนาํ ใหส้ วมหน้ากาก ระหวา่ งเดนิ ทางตลอดเวลา หากมีขอ้ สงสยั ใด ๆ สอบถามไดท้ ีโ่ รงพยาบาลท่ีทา่ นไปรบั การรกั ษา หรือสายด่วนโทร. 1422 หรือ 1668 แนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวนิ จิ ฉยั ดแู ลรักษา และป้องกันการตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล กรณผี ู้ปว่ ยตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) สาํ หรับแพทยแ์ ละบุคลากรสาธารณสุข โดย คณะทํางานดา้ นการรกั ษาพยาบาลและการปอ้ งกันการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ รว่ มกบั คณาจารยผ์ ้เู ช่ียวชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ (คณะกรรมการกํากับดแู ลรกั ษาโควดิ -19) ฉบบั ปรบั ปรงุ วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook