Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1

บทที่ 1

Published by surachat.s, 2020-04-21 05:32:57

Description: บทที่ 1

Search

Read the Text Version

1 บทท่ี 1 ความหมายและความสาคญั ของสขุ ภาพ แนวคดิ สขุ ภาพ เปน็ เสมือนหน่ึงวถิ ีทาง หรอื หนทางซงึ่ จะนาไปสู่ความสุข และความสาเรจ็ ตา่ งๆ ประเทศที่มี พลเมอื งมสี ุขภาพดี มีสติปัญญา ตลอดจนมีคณุ ธรรม จริยธรรม ท่ีเอ้ืออานวยให้คนในสังคมสามารถในการ ประกอบอาชีพเพื่อเลยี้ งดูตนเองและครอบครัวได้ จึงจะเหน็ ไดว้ า่ ในการพฒั นาประเทศลาดบั แรกจะตอ้ งมกี าร พัฒนาคนหรือประชาชนในชาติซงึ่ ถือว่าเป็นทรพั ยากรมนุษยท์ ม่ี คี ณุ ค่าอยา่ งยง่ิ เพื่อให้เป็นไปตามแผนพัฒนา สขุ ภาพแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559) นอกจากน้ันยังขึน้ อยู่กบั ปัจจัยทีม่ ีอิทธิพลตอ่ สขุ ภาพทั้ง 3 องคป์ ระกอบ โดยจะมผี ลนาไปสภู่ าวะต่างๆ อาทิ ความยากจนขน้ แค้น ภาวะโดดเดี่ยว โรคอว้ น ความสา สอ่ นทางเพศ การเสพตดิ โรคท่มี นุษยท์ าเอง และมลพิษจากฝมี อื มนุษย์ จงึ จาเป็นที่จะต้องให้ความสนใจในการ ดูแลและการจดั การสุขภาพ เนือ้ หา 1. ความหมายและความสาคัญของสุขภาพ 1.1 ความหมายสขุ ภาพ (Health) 1.2 ความสาคัญของสขุ ภาพ 2. แนวคดิ ของการพัฒนาและสขุ ภาพกับการพฒั นาประเทศ 3. สถานการณ์ปญั หาสุขภาพและโรคภยั ไขเ้ จ็บ วตั ถุประสงค์ เม่อื จบการเรยี นการสอนชั่วโมงน้แี ลว้ นสิ ติ สามารถ 1. บอกความหมายและความสาคัญของสุขภาพ 2. มคี วามรู้และเข้าใจแนวคิดของการพฒั นาและสุขภาพกบั การพัฒนาประเทศ 3. ระบสุ ถานการณ์ปัญหาสขุ ภาพและโรคภยั ไขเ้ จ็บในประเทศไทยได้ กิจกรรมระหว่างเรียน ระยะเวลารวม 1 ชั่วโมง 35 นาที แบ่งเป็น 1. แนะนาผเู้ รียนและช้แี จงรายละเอียดหวั ข้อวิชา แผนจดั กิจกรรม และข้อตกลงรว่ มกัน 5 นาที 2. บรรยาย 70 นาที 3. กจิ กรรมการอภปิ รายประเดน็ 10 นาที 4. ซกั ถาม 10 นาที

2 ส่วนของเนอ้ื หา 1. ความหมายและความสาคญั ของสขุ ภาพ 1.1 ความหมายสุขภาพ (Health) สขุ ภาพ หมายถึง \"ภาวะท่ปี ราศจากโรคภัยไข้เจบ็ ” เช่น อาหารเพื่อสขุ ภาพ การสบู บุหรเ่ี ปน็ อันตรายต่อสขุ ภาพ\" (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ สถาน พ.ศ. 2542) สบื คน้ ออนไลน์ http://rirs3.royin.go.th/word1/word-1-a0.asp สขุ ภาพ หมายถงึ ภาวะแห่งความสมบรู ณข์ องร่างกาย จติ ใจ และการดารงชีวิตอยู่ในสงั คม ด้วยดี ไม่ใช่เพียงแตค่ วามปราศจากโรค หรอื ทุพพลภาพเท่าน้ัน (Health is defined as a state complete physical, mental and social well-being and merely the absence of disease infirmity : World Health Organization - WHO (องคก์ ารอนามัยโลก) , 2491) จากคาจากดั ความน้ี แสดงให้เหน็ ว่า ภาวะของความไม่มโี รคหรือไม่บกพร่องยังไม่ถือว่ามสี ุขภาพ แตส่ ุขภาพมีความหมาย เชิงบวกทีเ่ นน้ ความเปน็ อยู่ทส่ี มบรู ณท์ งั้ ทางร่างกาย จิตใจ และสังคม น่ันคือ ตอ้ งมี สขุ ภาพกาย สขุ ภาพจิต และสุขภาพทางสังคมครบทกุ ด้าน ก่อน พ.ศ. 2500 เราใช้คาว่าสขุ ภาพนอ้ ยมาก เพราะขณะนั้นเราใชค้ าว่า “อนามัย” เร่มิ ใช้ “สุขภาพ” แทน ในสมัยต่อมากเ็ นอื่ งจากคาวา่ อนามัย (อน+อามยั ) ซ่งึ ตามรูปศัพท์ หมายถงึ \"ความไมม่ ีโรค\" ซึ่งเมอื่ เปรยี บเทยี บแลว้ เห็นวา่ สขุ ภาพมคี วามหมายกว้างกว่าอนามัย เพราะสุขภาพเป็นความสขุ เป็น ความหมายเชงิ บวก ตรงข้ามกับอนามยั เปน็ ความทกุ ขซ์ ง่ึ มีความหมายเชงิ ลบ แนวคดิ เกย่ี วกับสขุ ภาพในอนาคตอาจจะปรบั เปล่ียนไปจากน้ไี ด้ จากในทป่ี ระชมุ สมัชชาองคก์ าร อนามัยโลก ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2541 ได้ตกลงเติมคาวา่ “Spiritual Well-being” เข้าไปใน คาจากัด ความของคาว่าสุขภาพ นยิ ามคาวา่ สุขภาพแบบไทย ควรเพ่ิม “Intellectual Well-being”(สขุ ภาวะดา้ นปญั ญาและการ รคู้ ิด) เขา้ ไปอีกดว้ ย โดยมแี นวความคดิ สุขภาพก็คือ สุขภาวะ หรอื Well-being ความสุข คอื ความเป็นอิสระ หรือการหลดุ พ้นจากความบบี คัน้ ดงั นน้ั สขุ ภาพ คือ สขุ ภาวะหรือความเป็นอิสระหลุดพ้นจากความบบี คัน้ ทาง กายทางจติ ทางสงั คม และทางปญั ญา พระราชบญั ญตั สิ ุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ใหค้ วามหมายของคาวา่ “สขุ ภาพ” หมายถงึ ภาวะ ของมนษุ ย์ทส่ี มบรู ณท์ ้งั ทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม เชื่อมโยงกนั เป็นองคร์ วมอย่างสมดุล ดังนนั้ สขุ ภาพ หมายถึง ภาวะของการดารงชวี ิตทีม่ ีความสมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจรวมท้ังการอยู่ รว่ มกันในสงั คมได้ด้วยดี อยู่บนพน้ื ฐานของคุณธรรม และการใชส้ ตปิ ญั ญา สุขภาพจงึ มีความหมายทเ่ี นน้ ความ เป็นอยู่ที่สมบรู ณ์ท้ังทางร่างกาย จติ ใจ และสังคม น่ันคือ ต้องมีสุขภาพกาย สขุ ภาพจิต และสุขภาพทางสังคม ครบทกุ ด้าน และในทปี่ ระชุมสมชั ชาองคก์ ารอนามยั โลก เมือ่ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2541 ได้ตกลงเตมิ คาวา่ “Spiritual Well-being” หรอื สขุ ภาวะทางจติ วิญญาณเขา้ ไป ในคาจากัดความของสขุ ภาพเพ่มิ เติม อาจ กลา่ วไดว้ า่ สขุ ภาพ หมายถึง ภาวะของการดารงชีวติ ทีม่ ีความสมบรู ณ์ท้ังร่างกาย จติ ใจ รวมทัง้ การอย่รู ่วมกนั ในสงั คมได้ดว้ ยดี อยบู่ นพนื้ ฐานของคุณธรรม และการใชส้ ติปญั ญา ปัจจุบนั คาว่า สุขภาพ มไิ ด้หมายความ

3 เฉพาะสขุ ภาพกายและสุขภาพจิตเท่านั้น แตย่ ังได้รวมถงึ สุขภาพสงั คม และสุขภาพจิตวิญญาณอกี ดว้ ย จงึ สามารถสรปุ ไดว้ า่ ในความหมายของ \"สุขภาพ\" ในปจั จบุ ัน มีองคป์ ระกอบ 4 สว่ น ดว้ ยกันคือ 1. สขุ ภาพกาย (Physical Health) หมายถงึ สภาพทดี่ ีของร่างกาย กลา่ วคือ อวัยวะต่างๆอยู่ในสภาพ ท่ีดี มคี วามแขง็ แรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภยั ไข้เจบ็ ร่างกายสามารถทางานไดต้ ามปกติ และมคี วามสัมพันธ์กับ ทกุ สว่ นเปน็ อยา่ งดี และก่อให้เกดิ ประสิทธิภาพทด่ี ใี นการทางาน 2. สุขภาพจติ (Mental Health) หมายถึง สภาพของจิตใจทีส่ ามารถควบคุมอารมณไ์ ด้ มีจิตใจเบกิ บานแจ่มใส มิใหเ้ กิดความคับข้องใจหรือขดั แย้งในจิตใจ สามารถปรับตัวเข้ากบั สงั คมและส่งิ แวดล้อมได้อยา่ งมี ความสุข สามารถควบคุมอารมณ์ไดเ้ หมาะสมกับสถานการณต์ ่าง ๆ ซงึ่ ผมู้ สี ุขภาพจิตดี ยอ่ มมผี ลมาจาก สขุ ภาพกายดดี ว้ ย ดงั ท่ี John Lock ไดก้ ลา่ วไวว้ ่า “A Sound mind is in a sound body” คอื “จิตใจที่ แจม่ ใส ย่อมอยู่ในร่างกายทีส่ มบรู ณ์” 3. สุขภาพสังคม (Social Health) หมายถึง บุคคลที่มีสภาวะทางกายและจติ ใจทส่ี ขุ สมบรู ณ์ มสี ภาพ ของความเปน็ อยหู่ รอื การดาเนินชวี ิตอยใู่ นสงั คมได้อย่างปกตสิ ขุ ไมท่ าใหผ้ ้อู ่นื หรือสงั คมเดอื ดร้อน สามารถ ปฏิสัมพันธ์และปรบั ตวั ให้อยใู่ นสังคมไดเ้ ป็นอย่างดแี ละมีความสุข 4. สขุ ภาพจิตวิญญาณ (Spiritual Health) หมายถึง สภาวะทดี่ ขี องปัญญาทม่ี ีความรู้ทัว่ ร้เู ท่าทัน และความเขา้ ใจอย่างแยกได้ในเหตผุ ลแหง่ ความดีความชว่ั ความมีประโยชน์และความมีโทษ ซึ่งนาไปสู่ความมี จติ อนั ดงี ามและเออื้ เฟื้อเผือ่ แผ่ ในองคป์ ระกอบสุขภาพทั้ง 4 ด้านน้ัน แตล่ ะด้านยังมี 4 มติ ิ ดงั นี้ 1. การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ เปน็ กลไกการสรา้ งความเข้มแข็งให้แกส่ ุขภาพกาย สุขภาพจิต สขุ ภาพสงั คม และสขุ ภาพจิตวญิ ญาณ 2. การป้องกันโรค ได้แก่ มาตรการลดความเสย่ี งในการเกิดโรค รวมทงั้ การสรา้ งภูมคิ ุ้มกัน เฉพาะโรค ด้วยวธิ ีการตา่ งๆ นานา เพอ่ื มใิ ห้เกิดโรคกาย โรคจติ โรคสังคม และโรคจิตวิญญาณ 3. การรกั ษาโรค เมื่อเกิดโรคขน้ึ แล้ว เราตอ้ งเร่งวินจิ ฉยั โรคว่าเป็นโรคอะไร แลว้ รีบใหก้ าร รกั ษาดว้ ยวิธที ่ีได้ผลดที ี่สุดและปลอดภยั ทส่ี ดุ เทา่ ทีม่ นุษย์จะรู้และสามารถให้การบริการรกั ษาได้ เพ่ือลดความ เสียหายแก่สขุ ภาพ หรือแมแ้ ต่เพ่ือป้องกันมใิ ห้เสยี ชีวติ 4. การฟนื้ ฟูสภาพ หลายโรคเมอื่ เปน็ แล้วก็อาจเกิดความเสียหายต่อการทางานของระบบ อวัยวะหรอื ทาให้พิการ จึงต้องเร่มิ มาตรการฟ้ืนฟใู ห้กลบั มามีสภาพใกล้เคยี งปกติทสี่ ดุ เท่าที่จะทาได้ ทงั้ (1) การส่งเสรมิ สุขภาพ และ (2) การปอ้ งกันโรคนี้ เราเรยี กรวมกันวา่ \"การสรา้ งสขุ ภาพ\" เป็นการทาก่อนเกิดโรค สว่ น (3) การรักษาโรค และ (4) การฟ้นื ฟสู ภาพน้ี เราเรียกรวมกันวา่ \"การซ่อม สุขภาพ\" เป็นการทาหลงั จากเกดิ โรคแล้ว และเป็นทเ่ี ชื่อกันว่า \"การสรา้ งสขุ ภาพ\" มีประสิทธิผลดีกว่า และเสยี ค่าใช้จา่ ยน้อยกวา่ \"การซ่อมสขุ ภาพ\" เนือ่ งจาก \"การสรา้ งสุขภาพ\" เปน็ สิง่ ทป่ี ระชาชนสามารถทาได้ด้วยตัวเอง สว่ น \"การซอ่ มสุขภาพ\" ต้องอาศัยหน่วยงานด้านการแพทย์เปน็ หลกั

4 แมว้ า่ สขุ ภาพโดยองคร์ วมแลว้ จะเป็นภาวะของมนุษยท์ ่เี ช่ือมโยงกนั ท้งั ทางกาย ทางจติ ทาง ปญั ญา และทางสงั คม แต่ในเรอื่ งของสถิตสิ าขาสุขภาพนน้ั มขี ้อจากัดในการศึกษาทาให้ในข้ันตน้ จะกลา่ วถงึ เฉพาะสุขภาพทางกาย และสุขภาพทางจิตเท่านน้ั 1.2 ความสาคญั ของสุขภาพ สขุ ภาพเป็นสิ่งสาคญั และจาเปน็ ยงิ่ ตอ่ ความเจรญิ งอกงามและพัฒนาการทุก ๆ ด้านในตัวบคุ คล สขุ ภาพเปน็ รากฐานทสี่ าคัญของชีวติ โดยเริ่มมาตงั้ แต่มีการปฏสิ นธิในครรภม์ ารดาวยั ทารก วัยผู้ใหญ่จนถึงวัย ชรา สมเดจ็ พระสัมมาสมั พุทธเจ้าไดต้ รัสไวเ้ ปน็ พระพุทธสภุ าษิตวา่ “อโรคยา ปรมาลาภา” ซงึ่ แปลว่า “ความ ไมม่ โี รคเปน็ ลาภอันประเสริฐ” พระพทุ ธภาษิตข้อนี้ แม้แต่ชาวอารยประเทศทางตะวนั ตกก็ยังยอมรบั นับถอื กนั และเหน็ พ้องต้องกันวา่ “สขุ ภาพคือพรอันประเสรฐิ สุด (Health is the greatest blessing of all)” นอกจากนี้ยงั มีสภุ าษิตของชาวอาหรบั โบราณกลา่ วไว้วา่ “คนทีม่ สี ุขภาพดคี ือคนที่มีความหวัง และคนท่ีมี ความหวังคอื คนทมี่ ีทุกส่งิ ทกุ อย่าง (He who has health has hope and he who has hope has everything)” ซึง่ นนั่ ก็หมายความวา่ สขุ ภาพจะเป็นเสมือนหนึง่ วถิ ที างหรือหนทางซึ่งจะนาบุคคลไปสู่ความสุข และความสาเร็จต่างๆ นานาได้ ชวี ิตเป็นสง่ิ มีคา่ ย่งิ กว่าทรัพยส์ ินใด ๆ ทกุ คนย่อมรักษาและหวงแหนชีวิตของตนเอง ปรารถนาให้ ตนเองมชี ีวิตท่ีอยู่เย็นเปน็ สขุ จึงจาเป็นตอ้ งรักษาสุขภาพอนามยั ให้แข็งแรงสมบูรณอ์ ยเู่ สมอ การมสี ุขภาพดี ปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บหรือการบาดเจบ็ จากอบุ ตั เิ หตุต่าง ๆ มีกล้ามเน้ือทท่ี างานได้ดี สามารถทางานได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ รา่ งกายสามารถปรับตัวเข้ากบั สิง่ แวดลอ้ มได้ดี ไม่มีความวติ กกังวล ไม่ถกู ความเครยี ดมา รบกวน สามารถดารงชวี ิตอยู่ในสังคมได้อย่างมคี วามสุข ยอ่ มเป็นส่ิงทป่ี รารถนาของมนุษย์ทกุ คน สขุ ภาพจงึ เปรียบเสมอื นวถิ ีแหง่ ชีวิต ทจ่ี ะนาไปสู่ความสุขและความสาเร็จต่างๆ ในชวี ิตได้ ประสิทธิภาพในการทางานของประชาชนในทกุ สาขาอาชีพจะต้องอาศยั สุขภาพทดี่ ี แขง็ แรง สมบูรณ์เปน็ ปัจจัยสาคญั การพฒั นาประเทศจะดีหรอื ไม่ขึน้ อย่กู บั สุขภาพท่ีดีของคนในชาตเิ ป็นสาคัญ ประเทศ ท่ปี ระชาชนมีสุขภาพดี มีสติปัญญา มคี ุณธรรมและจรยิ ธรรม มคี วามสามารถในการประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยง ตนเองและครอบครวั ได้ ไมเ่ บียดเบียนและทาร้ายซง่ึ กันและกนั ยอ่ มเกดิ ความสงบสุข และเม่ือบุคคลในชาติมี สขุ ภาพกายและจติ ดี มีมนั สมองทม่ี ีศักยภาพ ยอ่ มเปน็ ผู้ที่มคี วามสามารถเรียนรู้ และสร้างสรรคส์ ิ่งตา่ ง ๆ ได้ดี ซึง่ จะส่งผลตอ่ การพฒั นาท้ังด้านเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศโดยรวม กรอบความคดิ เรื่องสุขภาพในปัจจุบนั วางอยบู่ นฐานทวี่ า่ ดว้ ยเรื่อง สุขภาวะ (well-being) ทัง้ มิติ ทางกาย ทางใจ ทางสังคม และทางปญั ญา (จติ วญิ ญาณ) และทง้ั มติ ขิ องคน ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม ดังนั้นสุขภาพมีผลกระทบมาจากหลายปัจจัย จงึ ตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั องค์ความรู้ ท้ังเรื่องของการดาเนินงาน ทางสาธารณสุข การจดั บริการสาธารณสขุ และเรอ่ื งต่างๆ ที่ปรากฏในสงั คม เพราะสิ่งเหล่านีม้ ผี ลกระทบต่อ สขุ ภาพทงั้ ทางตรง และทางอ้อม ทงั้ ด้านบวก และด้านลบ องค์ความรเู้ พ่ือการพฒั นาสขุ ภาพและระบบสขุ ภาพ จึงไมใ่ ช่เรื่องของระบบการแพทยเ์ พียงอย่างเดยี ว แต่เปน็ เรื่องความร่วมมอื กันของสังคม ทจ่ี ะมาร่วมสร้าง ค่านยิ มท่ีถกู ต้องเกี่ยวกบั สุขภาพ สร้างสิ่งแวดลอ้ มที่ปลอดภยั และเออื้ ตอ่ การมสี ุขภาพดี รว่ มสร้างวัฒนธรรม ของการดาเนินชวี ติ ที่ไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผู้อ่นื และรว่ มกันสร้างสังคม ท่ีอยู่ร่วมกนั อย่างมสี นั ตสิ ุข

5 2. แนวคดิ ของการพฒั นาและสุขภาพกบั การพัฒนาประเทศ (จรี ะศักด์ิ เจรญิ พนั ธ์, 2554) “สขุ ภาพมีความสาคัญกับการพฒั นาประเทศอย่างไร” จากคาถามดังกลา่ วพบว่า ประเทศทีม่ ี พลเมืองมสี ขุ ภาพดี มสี ติปญั ญา ตลอดจนมีคุณธรรม จรยิ ธรรม ท่ีเออื้ อานวยให้คนในสังคมสามารถประกอบ อาชีพเพื่อเพ่ือเลยี้ งดตู นเองและครอบครัวได้ ตลอดจนสามารถสง่ เสรมิ สนบั สนุนให้บุคคลอนื่ ๆ ให้มีความ เจริญกา้ วหน้าได้ ไม่เกิดการทาร้ายเบียดเบียนซง่ึ กนั และกนั ชมุ ชนและสงั คมนนั้ จะเกดิ ความสขุ ได้ ซึ่งย่อมมี ผลตอบสนองให้แตล่ ะบุคคลในชมุ ชนนั้นมอี ิสรภาพสามารถดารงชวี ิตประจาวันได้อยา่ งราบรื่น สามารถทาให้ เกิดการพัฒนาประเทศได้ บุคคลท่มี ีสขุ ภาพกายและจิตดี มีสมองท่ีมีศกั ยภาพ ยอ่ มเป็นผู้ทม่ี คี วามสามารถใน การเรยี นรู้ จากประสบการณ์ชวี ิตและการศึกษาเลา่ เรยี นทาให้เกดิ การคิดอย่างมเี หตุผล ยอ่ มส่งผลให้เกิดการ คดิ อย่างสร้างสรรค์ เอื้ออานวยตอ่ การฝึกทกั ษะด้านตา่ งๆ ท้ังด้านสขุ ภาพและที่เปน็ ประโยชนใ์ นการดารงชีพ ในสงั คมให้มีการเจรญิ กา้ วหน้า เมื่อสงั คมมคี วามสงบสุข ประชาชนมีสขุ ภาพดี การพฒั นาประเทศในดา้ นตา่ งๆ ทาใหป้ ระเทศมีการพัฒนาและมคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื ง บุคคลทส่ี ุขภาพดี จะเปน็ ผู้ที่ไม่เจ็บป่วย สามารถทากจิ วตั ร ประจาวันของตนและครอบครวั ไดอ้ ยา่ งเป็นปกติ ประกอบอาชพี ไดเ้ ตม็ กาลงั ความสามารถ ร่างกายไมอ่ ยู่ใน สภาวะท่ีเส่ยี งต่อการเกิดโรคหรือเจบ็ ป่วยได้ง่าย ร่างกายที่ความตา้ นทานโรคสงู สามารถปรับตนเองทางด้าน ร่างกายและสภาวะดา้ นจิตใจใหเ้ ข้ากับสภาพแวดล้อมได้เปน็ อยา่ งดี มีการรจู้ กั ป้องกนั ตนเองไมใ่ หป้ ระสบ อุบัติเหตุและอบุ ตั ิภยั ต่างๆ ทั้งรูจ้ กั การสง่ เสรมิ สขุ ภาพให้กับตนเอง รวมถึงการดูแล สง่ เสริม บารงุ รกั ษา สุขภาพรา่ งกายใหม้ ีการกินดี อยู่ดี การมีทอี่ ยู่อาศยั ที่สะอาดมอี ากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีมลพษิ ตา่ งๆ ใน สงิ่ แวดล้อม รู้จักการรกั ษาอนามยั สว่ นบุคคล รกั ษาความสะอาดของรา่ งกาย การรบั ประทานอาหารทม่ี ี ประโยชน์จานวนเพยี งพอ มกี ารออกกาลงั กายตามความเหมาะสม จึงจะเหน็ ได้วา่ ในการพฒั นาประเทศลาดบั แรกจะต้องมีการพฒั นาคนหรือประชาชนในชาติซง่ึ ถอื ว่าเป็นทรพั ยากรมนุษย์ที่มคี ุณค่าอยา่ งย่ิง จุดเร่ิมต้นของ การพฒั นาจงึ มุ่งไปทช่ี ุมชนจะต้องสรา้ งให้เกดิ ศักยภาพเกดิ ชุมชนเข้มแขง็ ในการพฒั นาด้านความรู้ สขุ ภาพ และการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชน สขุ ภาพของคนในชมุ ชนยังเชือ่ มโยงกบั ระบบอ่ืนๆ ของประเทศ ดังน้ี ก. ระบบการศกึ ษา คนท่ีมีสขุ ภาพดี มคี วามสมบูรณ์ทัง้ ทางดา้ นรา่ งและจิตใจยอ่ มมีโอกาสได้รบั การศกึ ษาทดี่ ี มีการพัฒนาตนเอง จะทาให้รจู้ กั รักษาดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว ตลอดจนให้คาแนะนา แกค่ นอ่นื ๆ ในชมุ ชนท่ีอยใู่ กล้ชิด ทาใหม้ กี ารสรา้ งสุขนสิ ัยที่ดี ข. ผลผลติ ทางด้านการเกษตร การที่ประชาชนมีสุขภาพดี ไมม่ ีโรคภยั ไข้เจบ็ ทาให้การใช้แรงงานใน ภาคเกษตรกรรมดาเนนิ ไปได้อย่างเต็มท่ี และมีประสิทธิภาพ ทาให้ไดผ้ ลผลติ มาก ค. ระบบเศรษฐกิจ เมื่อประชาชนมสี ขุ ภาพดสี ามารถประกอบอาชีพได้อยา่ งเป็นปกติ มีรายไดส้ าหรบั ใชจ้ า่ ยในครอบครัว ครอบครัวไม่เปน็ ภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทาให้ครอบครัวมั่นคง ประเทศชาติ ไมต่ ้องเสยี ดลุ การค้ากับต่างประเทศ เพราะวา่ ไม่ต้องสง่ั ซื้อยาและเวชภัณฑเ์ พื่อใชใ้ นการรกั ษาพยาบาลกบั ประชาชน ถ้าตรงกนั ข้ามประชาชนมีสขุ ภาพไม่ดี ย่อมจะประสบปัญหาเก่ียวกับการหารายไดเ้ ล้ยี งครอบครัว ต้องเป็นภาระของครอบครัว ญาติพ่นี ้อง ประเทศชาตอตอ้ งสูญเสยี งบประมาณในการรักษาพยาบาล ทาใหเ้ กิด การเสยี ดลุ การค้า เพราะว่าว่าและเวชภณั ฑ์หลายชนดิ ประเทศไทยต้องนาเข้าจากต่างประเทศ

6 ง. ระบบบรกิ ารสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขไดว้ างแผนในการแก้ไขปัญหาดา้ นสขุ ภาพอนามยั มาโดยตลอด ตง้ั แต่แผนพฒั นาการสาธารณสุขฉบับท่ี 1–8 และแผนพฒั นาสุขภาพแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 10 ถึง ฉบบั ปจั จุบนั มีการขยายสถานบริการในทุกระดับ ปรับเปลย่ี นโครงสรา้ งของหนว่ ยงาน การเพิม่ อัตรากาลังเจ้าหน้าท่ี และดา้ นอ่ืนๆ อีกมากมาย และใช้งบประมาณในการดาเนินงานแตล่ ะปจี านวนมาก ถ้าหากการดาเนินงานที่ ผ่านมาบรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ ประชาชนมีการดูแลตนเองด้านสขุ ภาพท่ีดีจะทาให้มสี ขุ ภาพดแี ละเกดิ การ พ่ึงตนเองด้านสขุ ภาพ การจดั บริการดา้ นสาธารณสขุ อาจทบทวนภารกจิ การเปลี่ยนแปลงระบบบริการ รัฐอาจ เปลยี่ นแปลงเปน็ เพยี งผูใ้ ห้การสนับสนุน แนะนา การใชง้ บประมาณด้านสาธารณสขุ และสขุ ภาพจะลดลง ในการพฒั นาประเทศชาติตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาตฉิ บับปัจจุบนั ได้มี เปา้ หมายการพัฒนาวา่ สังคมมีความสขุ อยา่ งย่งั ยนื ภายใต้การพัฒนาอยา่ งสมดุลของทุนทางเศรษฐกิจ ทุนทาง สังคม และทุนทางทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม โดยเนน้ หลักทางสายกลาง ความสมดลุ และย่ังยนื ความพอประมาณอย่างมเี หตุผล การมภี ูมคิ ้มุ กันและรเู้ ทา่ ทนั โลก ตลอดจนการเสรมิ สร้างคณุ ภาพคน ปรชั ญานาทาง “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” ยดึ ทางสายกลาง มคี วามสมดุลพอดี รู้จักพอประมาณ การมีเหตุผล มีระบบภมู คิ ุ้มกัน รู้เท่าทนั โลกระบบสุขภาพพอเพียง มรี ากฐานทเี่ ข้มเข็งจากการมคี วามพอเพยี งทางสขุ ภาพในระดับครอบครัวและชมุ ชน มคี วามรอบคอบและรูจ้ ักประมาณอย่างมีเหตผุ ลในดา้ นการเงินการคลงั เพ่อื สุขภาพในทุกระดบั มีการใช้ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสมและใช้อย่างรู้เทา่ ทนั โดยเน้นภมู ิปญั ญาไทยและการพ่ึงตนเอง มีบูรณาการดา้ นการ สง่ เสริมสขุ ภาพ ปอ้ งกันโรค รักษาพยาบาล ฟ้ืนฟสู ภาพและคมุ้ ครองผู้บริโภค มีระบบภูมิค้มุ กนั ที่ให้ หลกั ประกนั และคุ้มครองสุขภาพ มีคุณธรรม จรยิ ธรรมซือ่ ตรง ไมโ่ ลภมาก และรูจ้ ักพอ เม่อื วิเคราะห์ สังเคราะหป์ ัญหาและแนวโนม้ ของระบบสุขภาพไทยที่สมั พนั ธ์กับการเปลีย่ นแปลง ของปัจจัยแวดล้อมที่เปน็ ทุนทางเศรษฐกจิ สงั คม และทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ท่ีสง่ ผลกระทบต่อ สุขภาพ ทง้ั ในบรบิ ทภายในประเทศและภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ที่เปลย่ี นแปลงไปอย่างรวดเรว็ และรอบดา้ น อาทิ กระแสโลกาภิวตั น์ ทนุ นิยมโลก การคา้ เสรี แบบแผนการดาเนินชีวติ และการบรโิ ภค โครงสร้างประชากร และการเคล่อื นย้าย เทคโนโลยขี ้อมลู ขา่ วสารการแพทยแ์ ละชีวภาพ ระบาดวทิ ยาใหม่ ความรุนแรง ภยั พิบตั ิ และโรคอบุ ัติการณ์ใหมๆ่ การเปลย่ี นแปลงดา้ นการเมืองและการบรหิ ารของภาครฐั และการเปล่ยี นแปลงดา้ น ธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ดังภาพประกอบ 1

7 กระแสโลกาภวิ ัฒน์ ทนุ นยิ มโลก การค้าเสรี แบบแผนการดาเนินชีวติ ทนุ ดา้ นต่างๆ โครงสรา้ งประชากร และการบริโภค ในสงั คมไทย และการเคลอ่ื นยา้ ย เทคโนโลยขี ้อมูลข่าวสาร สขุ ภาวะ ระบาดวทิ ยาใหมค่ วามรุนแรง การแพทยแ์ ละชีวภาพ ภยั พบิ ัติ และโรคอบุ ัตใิ หม่ การเปล่ียนแปลงดา้ นการเมือง การเปลย่ี นแปลงด้านธรรมชาติ การบรหิ ารของภาครัฐ และส่งิ แวดลอ้ ม ภาพประกอบ 1 สขุ ภาพกับการเปล่ยี นแปลงในสังคมไทย (ที่มา : สานักนโยบายและแผน สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ . 2550 : 7) ประเทศไทยจึงไดจ้ ัดทาแผนพัฒนาสขุ ภาพแหง่ ชาติขึ้น ในปัจจบุ นั เป็นแผนพัฒนาสุขภาพ แหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) การจัดทาแผนพฒั นาประเทศของไทยนบั ตั้งแต่แผนพัฒนาฯ ฉบบั ที่ 1 จนถึง ฉบบั ท่ี 10 มี พัฒนาการมาอย่างตอ่ เนื่องภายใตส้ ถานการณ์ เง่ือนไข และการเปลี่ยนแปลงในมิตติ ่าง ๆ ท้ังภายในและ ภายนอกประเทศ แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 (พ.ศ. 2540-2544) เปน็ จุดเปล่ียนสาคญั ของการวางแผนพฒั นา ประเทศท่ใี หค้ วามสาคัญกบั การมสี ่วนร่วมของทุกภาคสว่ นในสังคม และมุ่งให้ “คนเป็นศูนยก์ ลางการพัฒนา” พรอ้ มทง้ั ปรับเปลี่ยนวิธกี ารพัฒนาเปน็ บูรณาการแบบองค์รวมเพ่ือให้เกดิ การพฒั นาที่สมดลุ ต่อมาแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545-2549) ไดอ้ ญั เชญิ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญานาทางในการพัฒนา และบริหารประเทศ ควบคู่ไปกบั กระบวนทศั น์การพฒั นาแบบบูรณาการเป็นองคร์ วมทีม่ ี “คนเปน็ ศนู ย์กลาง การพัฒนา” ตอ่ เนื่องจากแผนพฒั นา ฯ ฉบับที่ 8 สาหรบั แผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2550-2554) ยงั คง น้อมนา “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” มาเป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ และใหค้ วามสาคัญกบั การพฒั นาท่ียดึ “คน เป็นศูนยก์ ลางการพฒั นา” ต่อเนอื่ งจากแผนพัฒนา ฯ ฉบับท่ี 8-9 และการพัฒนาที่สมดลุ ท้ังคน สังคม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดลอ้ มโดยมีการเตรยี ม “ระบบภมู ิคมุ้ กัน” ด้วยการเสริมสร้างความเขม้ แข็งของทุนท่ีมอี ยู่ ในประเทศและการบริหารจดั การความเสี่ยงให้พร้อมรบั ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงท้ังภายนอกและ ภายในประเทศเพ่ือมงุ่ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และความอยู่เย็นเป็นสุขของคนไทยทุกคนในระยะของแผนพฒั นา ฯ ฉบับที่ 10 สังคมไทยไดน้ ้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางทกุ ภาคสว่ น ส่งผลให้ประเทศไทยเข้มแขง็ มีภมู คิ มุ้ กันสงู ขนึ้ ในหลายด้านและสามารถปรับตัวรับกับภาวะวิกฤตเศรษฐกจิ โลก ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ

8 คณุ ภาพชีวติ ของคนไทยดีข้นึ มหี ลักประกนั ความม่ันคงทางเศรษฐกิจและสังคมทห่ี ลากหลาย และความยากจนลดลง แต่ต้องให้ความสาคญั ต่อเน่ืองกับการพฒั นาคุณภาพคนและสงั คม การสร้างความ ปลอดภัยในชีวติ และทรัพย์สนิ และความโปร่งใสในการบรหิ ารจัดการภาครัฐ รวมทั้งการสนับสนนุ ให้เกดิ การ แขง่ ขนั ท่เี ปน็ ธรรมและการกระจายผลประโยชนจ์ ากการพัฒนา เพือ่ ลดความเหลือ่ มลา้ ในสังคมไทย การพฒั นา ในระยะแผนพัฒนา ฯ ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559) ประเทศไทยจะต้องเผชญิ กบั กระแสการเปล่ียนแปลงที่ สาคัญท้ังภายนอกและภายในประเทศทป่ี รับเปล่ยี นเร็วและซับซอ้ นมากยิง่ ขึน้ เป็นทง้ั โอกาสและความเส่ียงต่อ การพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะข้อผกู พันทีจ่ ะเป็นประชาคมอาเซยี นในปี 2558 จึงจาเป็นตอ้ งนาภูมคิ ุ้มกันท่ีมีอยู่ พร้อมท้ังเร่งสรา้ งภมู ิคุ้มกนั ในประเทศให้เขม้ แข็งข้นึ มาใชใ้ นการเตรยี มความพร้อมให้แกค่ น สังคม และระบบ เศรษฐกิจของประเทศใหส้ ามารถปรบั ตัวรองรบั ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงได้อยา่ งเหมาะสม สามารถ พัฒนาประเทศให้กา้ วหน้าตอ่ ไปเพื่อประโยชนส์ ขุ ท่ยี ั่งยืนของสังคมไทยตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง แผนพฒั นาสขุ ภาพแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 11 มีสาระสาคญั สรปุ ได้ดังน้ี 1. หลักการ: มุ่งพฒั นาภายใต้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง สร้างเอกภาพและธรรมาภบิ าล ในการอภบิ าลระบบสขุ ภาพ ใหค้ วามสาคัญกับการสรา้ งกระบวนการการมีส่วนรว่ มของทุกภาคส่วนในสังคม มงุ่ เนน้ การสร้างหลักประกันและการจัดบริการที่ครอบคลุม เป็นธรรม เห็นคุณค่าของการสร้างความสมั พันธท์ ่ีดี ระหวา่ งผ้ใู ห้และผู้รับบริการ 2. วิสัยทศั น์: ประชาชนทกุ คนมสี ขุ ภาพดี ร่วมสรา้ งระบบสุขภาพพอเพียง เปน็ ธรรม นาสู่สังคมสขุ ภาวะ 3. พนั ธกจิ : พฒั นาระบบสุขภาพพอเพยี งโดยยดึ หลกั ธรรมาภิบาล สร้างภูมคิ มุ้ กันต่อภยั คุกคาม และสรา้ งเสริมการมสี ว่ นร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงการใช้ภมู ปิ ญั ญาไทย 4. เปา้ ประสงค:์ 1) ประชาชน ชมุ ชน ทอ้ งถิ่น และภาคีเครือขา่ ยมีศักยภาพ และสามารถสรา้ งเสริม สุขภาพ ปอ้ งกันโรค ลดการเจบ็ ป่วยจากโรคทีป่ อ้ งกนั ไดห้ รือโรคทีเ่ กิดจากพฤติกรรมสขุ ภาพ มีการใช้ภูมิ ปญั ญาไทยและมสี ่วนรว่ มจดั การปญั หาสุขภาพของตนเองและสังคมได้ 2) มีระบบเฝา้ ระวงั และเตือนภยั ทีไ่ วพอ ทนั การณ์ และสามารถจัดการปัญหาภยั คกุ คาม สุขภาพได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 3) มีระบบสุขภาพเชิงรกุ ทมี่ ีประสทิ ธิภาพ มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ ปอ้ งกัน ควบคมุ โรค และการค้มุ ครองผูบ้ ริโภคด้านสุขภาพ 4) มรี ะบบบริการที่มีคณุ ภาพมาตรฐาน สามารถตอบสนองต่อความต้องการตามปัญหา สขุ ภาพ และมีความสมั พนั ธ์ท่ีดรี ะหว่างผใู้ หแ้ ละผู้รบั บริการ 5) มีระบบบรหิ ารจัดการและการเงินการคลงั ด้านสขุ ภาพอย่างมีประสทิ ธภิ าพและเป็น เอกภาพ

9 5. ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาสขุ ภาพ กาหนดไว้ 5 ยทุ ธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตรท์ ่ี 1 : เสรมิ สร้างความเขม้ แขง็ ของภาคีสุขภาพในการสร้างสขุ ภาพ ตลอดจนการ พงึ่ พาตนเองดา้ นสขุ ภาพบนพ้ืนฐานภูมปิ ัญญาไทย: ให้ความสาคัญกับการสง่ เสริมบทบาทของประชาชน ชมุ ชน ท้องถน่ิ และภาคีเครือข่ายสุขภาพใหม้ ศี ักยภาพ มีความเข้มแข็ง ในการสง่ เสริมสขุ ภาพ ปอ้ งกนั โรค มีวัฒนธรรม การดูแลรกั ษาสุขภาพท่ีดีทั้ง ในระดับบคุ คล ครอบครวั และชว่ ยเหลือเกื้อกลู กนั ในสังคม มจี ิตสานกึ และรว่ ม สรา้ งส่งิ แวดล้อมที่ต่อสขุ ภาพ มีกระบวนการจดั การปัญหาสขุ ภาพชมุ ชน ทอ้ งถิน่ ของตนเอง โดยการมสี ว่ นร่วม ของทกุ ฝา่ ยทงั้ ภาครฐั ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาสังคม โดยใช้ข้อมูลท่ีครบถว้ น รอบด้าน การหา ทางออกรว่ มกนั อย่างสมานฉันท์ ตลอดจนการพฒั นาความร่วมมอื ระหว่างประเทศใหเ้ ข้มแข็งท้ังในระดับโลก ภูมิภาคและชายแดน พฒั นาศักยภาพวิถกี ารดแู ลสุขภาพจากภมู ปิ ัญญาไทยให้มคี วามปลอดภยั มคี ณุ ภาพและ เป็นทีjยอมรบั พัฒนาระบบการเรยี นรู้ และการจัดการความรดู้ ้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และ การแพทยท์ างเลือกให้มีมาตรฐาน ส่งเสริมการใชเ้ ทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมด้านการแพทยแ์ ผนไทยในการตรวจ และรกั ษาโรคให้มากข้นึ ตลอดจนสง่ เสริมการวจิ ยั และพฒั นาเพือ่ การพง่ึ พาตนเองด้านสุขภาพ ยทุ ธศาสตร์ที่ 2 : พฒั นาระบบเฝา้ ระวงั เตอื นภยั และการจดั การภัยพบิ ตั ิ อุบัตเิ หตแุ ละภยั สขุ ภาพ: ให้ความสาคญั กับการเตรียมพร้อมรับภัยพิบตั ิ เชน่ อทุ กภยั ดินโคลนถลม่ แผน่ ดินไหว สารพิษ สารเคมี การก่อการรา้ ย การจลาจล ฯลฯ การเกิดโรคระบาดต่างๆ ท้งั ที่อุบตั ิใหม่และอุบัติซา้ สารกอ่ อนั ตราย ในส่ิงแวดล้อม ในอาหาร ส่งิ แวดลอ้ มเป็นพิษ อุบตั เิ หตุ ตลอดจนภยั สขุ ภาพอื่นๆ พัฒนาระบบการเฝา้ ระวงั เตอื นภยั และการจัดการภัยพิบัติ ภัยสขุ ภาพ ตลอดจนการฟน้ื ฟูสภาพภายหลงั การเกิดภัยพิบัติ อุบัตเิ หตุและ ภยั สขุ ภาพ ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 : มุ่งเน้นการส่งเสริมสขุ ภาพ การป้องกัน ควบคุมโรค และคมุ้ ครองผบู้ ริโภค ดา้ น สุขภาพ เพ่ือใหค้ นไทยแขง็ แรงทง้ั ร่างกาย จติ ใจ สังคม และปญั ญา: ให้ความสาคัญกบั การพัฒนาระบบ สขุ ภาพเชงิ รุกโดยการสง่ เสรมิ สุขภาพ การป้องกนั และควบคมุ โรคและระบบการคุม้ ครองผูบ้ รโิ ภคที มปี ระสทิ ธิผล เพ่มิ สัดสว่ นการลงทุนในด้านการสง่ เสริมสุขภาพและป้องกนั โรคให้มากข้ึนสรา้ งจิตสานึกด้าน สุขภาพใหส้ ังคมมีการตื่นตัว ให้ความสาคญั ต่อสขุ ภาพ มีการสรา้ งนโยบายสาธารณะท่ีดีมีความปลอดภยั ดา้ น อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สขุ ภาพ โภชนาการการประกอบอาชีพ สร้างสง่ิ แวดลอ้ มทเี่ กอื้ กูลต่อสุขภาพ การพฒั นา ระบบการสง่ เสริมสุขภาพสาหรับประชาชนทกุ กลุ่มอายุ ส่งเสรมิ พฒั นาการเด็กไทย ท้ังรา่ งกาย จิตใจ และ สติปญั ญา พฒั นาระบบ การควบคุม ปอ้ งกันการใชส้ ารตั้งต้นในการผลติ ยาเสพตดิ และเฝ้าระวงั การแพร่ ระบาดของยาเสพติดชนิดใหม่ พฒั นาและสง่ เสริมการใชแ้ นวปฏิบตั ิดา้ นพฤติกรรมสขุ ภาพสาหรบั ประชาชน สรา้ งมาตรการทางสังคมในการควบคมุ พฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพท่ีสาคัญ ส่งเสรมิ การออกกาลังกายและการ มสี ขุ ภาพจติ ทีดี ยุทธศาสตรท์ ่ี 4 : เสริมสรา้ งระบบบริการสุขภาพให้มีมาตรฐานในทกุ ระดบั เพ่ือตอบสนองตอ่ ปัญหา สุขภาพในทุกกลมุ่ เปา้ หมาย และพฒั นาระบบสง่ ต่อที่ไรร้ อยต่อ: ใหค้ วามสาคญั กับการพัฒนาโครงสร้าง พ้ืนฐานและการให้บรกิ ารในทุกระดบั ให้ได้มาตรฐาน ประชาชนเข้าถงึ บรกิ ารได้อย่างมีคุณภาพ ทง้ั ภาวะ ปรกติและฉุกเฉิน มกี ารกระจายทรัพยากรสขุ ภาพท่ีเหมาะสม โดยมบี ุคลากรดา้ นการแพทย์และสาธารณสขุ ที

10 เพยี งพอในทุกระดบั มีการใช้เทคโนโลยที างการแพทย์อย่างเหมาะสม พัฒนาความเช่ยี วชาญด้านการแพทย์ เฉพาะทางใหค้ รอบคลุมพื้นที่ตามความจาเปน็ ประชาชนสามารถเข้าถงึ บริการไดส้ ะดวก มีคุณภาพ มาตรฐาน ท่ดี ีในทุกระดบั จดั บริการสขุ ภาพในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ไดแ้ ก่ เดก็ สตรี ผูส้ งู อายุ คนพิการ คนชายขอบ พัฒนาการเขา้ ถงึ บริการ ระบบบรกิ ารการแพทย์ฉกุ เฉนิ ให้ครอบคลุมมากขนึ้ พฒั นาระบบส่งตอ่ โดยประชาชน ไมถ่ ูกปฏิเสธการส่งตอ่ และได้รบั การดแู ลทดี่ ีระหวา่ งการส่งตอ่ ให้ความสาคญั กับความปลอดภยั ของผปู้ ่วยใน การรับบริการ ขยายขีดความสามารถในการบาบัดรกั ษา ยาเสพตดิ สรา้ งกลไกเพ่อื สรา้ งความสัมพนั ธ์ท่ดี ี และ การไกลเ่ กลย่ี ลดความขัดแย้งระหวา่ งผ้รู ับบริการและผ้ใู ห้บรกิ ารเมอื่ เกิดภาวะไม่พงึ ประสงค์ สนับสนนุ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจทถี่ ูกต้องตรงกนั ระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในเรื่องกระบวนการรกั ษาสิทธิ ประโยชนแ์ ละความคาดหวัง เพ่ือให้ผ้บู ริการสามารถปฏบิ ตั ิงานอย่างมีความสุขและผูร้ บั บริการมีความพึงพอใจ ยุทธศาสตรท์ ี่ 5 : สรา้ งกลไกกลางระดับชาตใิ นการดูแลระบบบรกิ ารสุขภาพ และพัฒนาระบบ บริหารจดั การทรัพยากรให้มีประสทิ ธภิ าพ: ใหค้ วามสาคัญกับการสรา้ งกลไกการบรหิ ารจัดการระบบสขุ ภาพให้ เกิดความเป็นเอกภาพ มธี รรมาภิบาล จัดตั้งกรรมการนโยบายระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service Delivery Board) เพ่ือวางระบบบรกิ ารของประเทศ สร้างความสมดุลระหว่างผ้ซู ื้อและผู้ให้ บริการ กาหนดทิศทางการเงินการคลังด้านสขุ ภาพของประเทศได้อย่างมีประสิทธภิ าพลดความเหลื่อมล้าของ 3 กองทุน (กองทุนสวสั ดิการข้าราชการ กองทนุ หลักประกันสขุ ภาพถ้วนหนา้ และกองทุนประกันสังคม) พัฒนาระบบการดแู ลสขุ ภาพแรงงานข้ามชาติ บรหิ ารจดั การทรัพยากรใหม้ ีการกระจายอยา่ งเหมาะสม เรง่ ผลติ และพัฒนากาลงั คนดา้ นสุขภาพใหม้ ปี รมิ าณเพียงพอและมีคุณภาพ มีการกระจายกาลังคนทเี่ หมาะสม เปน็ ธรรมและทว่ั ถงึ มีระบบขอ้ มลู สขุ ภาพ ท่ีแมน่ ยา ครบถ้วน ทนั เวลาสามารถใชป้ ระโยชน์ได้ สรา้ งระบบงาน ใหส้ ามารถสรา้ งกาลงั ใจและแรงจูงใจใหบ้ คุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ มคี วามสุขและเหน็ คณุ ค่าของ การทางาน ส่งเสรมิ ใหภ้ าคเอกชนเข้ามามีสว่ นรว่ มในการบรกิ ารด้านสขุ ภาพ (Public Private Partnership : PPP) สรา้ งกลไกการบูรณาการแผนงาน/โครงการ กิจกรรมและการใช้ทรัพยากรร่วมกนั ระหว่างหน่วยงานดา้ น การแพทย์และสาธารณสุขทงั้ ภาครฐั และเอกชน รวมถงึ องคก์ รต่างๆในระดับทอ้ งถิน่ สนับสนุนการวจิ ัยดา้ น การแพทย์ และสาธารณสุขทเี่ ปน็ ปญั หาที่สาคัญของประเทศ ตลอดจนการนาความรู้มาใชใ้ นการพฒั นางาน สรุปวา่ สุขภาพของคนในชาติเปน็ สิ่งจาเป็นทรี่ ัฐต้องมกี ารวางแผนและจัดการใหค้ นในชาติทกุ คนมีสภาวะสุขภาพที่สมบรู ณ์ทง้ั ทางด้านร่างกายและจิตใจ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การพฒั นาตนเอง ครอบครัว สงั คม และ ประเทศชาติใหเ้ จรญิ กา้ วหน้าสบื ไป ทาใหเ้ กิดทรัพยากรมนุษย์ทีม่ คี ุณค่าและสามารถไปพัฒนาประเทศสร้าง รายไดเ้ ขา้ ประเทศจานวนมหาศาล สง่ ผลใหป้ ระเทศชาติเกิดการพฒั นาในด้านต่างๆ ทกุ ๆ ด้าน ประชาชนมี สุขภาพดี และสุขภาพดถี ้วนหนา้ บรรลคุ ุณภาพชีวิตทดี่ ี สง่ ผลให้สังคมอย่เู ย็นเป็นสุขร่วมกนั ส่งผลให้ประชาชน ในชาติทกุ คน อย่ดู ี มีสุข และอย่ใู นสงั คมอยา่ งมคี ุณคา่ ประเทศชาติมปี ระชากรท่ีมีคุณภาพเป็นทรัพยากร มนษุ ยท์ ม่ี ีคณุ ค่าและประสิทธิภาพตอ่ ไป

11 3. สถานการณ์ปัญหาสุขภาพและโรคภยั ไขเ้ จ็บ การทบทวนสถานการณ์และแนวโน้มการพัฒนาสาขาสุขภาพได้ศกึ ษาจากรายงานแผนพัฒนา สขุ ภาพแหง่ ชาติในชว่ งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ.2555-2559) กระทรวง สาธารณสุข มีรายละเอียดดงั นี้ สถานะสุขภาพคนไทย 1) อายุคาดเฉลยี่ (Life Expectancy: LE) หมายถงึ การคาดประมาณอายุโดยเฉลีย่ ของ ประชากรท่ีคาดว่าจะมชี ีวิตอยู่ซ่งึ อายุคาดเฉลีย่ ของคนไทยมีแนวโน้มยืนยาวขน้ึ ผู้ชายจะมอี ายคุ าดเฉลี่ย 69.1 ปี ใน พ.ศ. 2553 เพ่มิ เป็น 71.1 ปี ใน พ.ศ. 2563 และผู้หญิงจะมีอายคุ าดเฉล่ีย 75.7 ปี เพิ่มเป็น 77 ปี ตามลาดับ (รายงานการฉายภาพประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2548–2568, สถาบันวิจัยประชากรและ สงั คม มหาวทิ ยาลยั มหิดล) สาหรบั อายคุ าดเฉลีย่ ของการมีสุขภาพดี (Health Adjusted Life Expectancy: HALE) ซงึ่ หมายถึง การคาดประมาณจานวนปโี ดยเฉลีย่ ของการมีชีวติ อยู่ของประชากร โดยปรับคา่ ร่วมกับ ระดบั สถานะสุขภาพในแตล่ ะช่วงชีวิตซึ่งมีการใหน้ า้ หนักตัง้ แต่ 0 ซ่งึ หมายถึง “การตาย” ไปจนถึง 1 ซ่งึ หมายถงึ “สุขภาพสมบรู ณ์ทสี่ ดุ ”จานวนปีเฉล่ยี ของการมีชีวิตอย่จู ะถกู ปรบั คา่ ให้ลดลง หากประชากรทุกคน ไมไ่ ด้มสี ุขภาพทส่ี มบรู ณ์ที่สุด ซึ่งผลการคาดประมาณจานวนปีโดยเฉลี่ยของการมีชวี ิตอยู่ของประชากร มี แนวโนม้ เพมิ่ ขึ้น พ.ศ. 2545 ผชู้ ายเท่ากบั 57.7 ปี เพ่ิมเปน็ 59 ปี ใน พ.ศ. 2552 และผหู้ ญงิ กับ 62.4 ปี เพิม่ เปน็ 68 ปี ตามลาดบั (คณะทางานการศึกษาภาระโลกและปัจจัยเสี่ยง พ.ศ. 2547) อยา่ งไรกต็ าม ระยะห่าง ระหวา่ งปที ีมสี ุขภาพดี กับอายคุ าดเฉลี่ยยังมากอยู่ แสดงว่าอายุยนื ยาวมีความเจ็บปว่ ย 2) การสูญเสยี ปีสุขภาวะ โดยความหมายของปสี ุขภาวะ คือ ปีที่มสี ุขภาพสมบูรณ์มชี ีวติ ตามปกติ ส่วนปสี ขุ ภาวะท่สี ญู เสยี ปรับดว้ ยความบกพร่องทางสุขภาพ หรือ Disability-adjust life years (DALYs) เป็นความสูญเสยี ที่เกดิ มาจากการตายก่อนวัยอันควรและความสูญเสยี จากการเจบ็ ป่วยหรือพิการ ซึ่ง ผู้ชายไทยสญู เสียปสี ุขภาวะสงู สดุ จากการตดิ สุรา อบุ ัติเหตจุ ราจร และโรคหลอดเลอื ดสมอง ซง่ึ มีการ เปล่ียนแปลงอนั ดบั แรกของการสญู เสียปีสขุ ภาวะจากการติดเชอ้ื เอช ไอ วี /เอดส์ ใน พ.ศ. 2547 เป็นการติด สรุ า ใน พ.ศ. 2552 สาหรบั ผหู้ ญิงไทยมกี ารสญู เสยี ปีสุขภาวะสูงสดุ จากโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะซึมเศรา้ ซง่ึ ต่างจาก พ.ศ. 2547 ท่ีมีการเปลย่ี นแปลงอนั ดบั ของการสูญเสียปสี ขุ ภาวะจากการตดิ เช้อื เอช ไอ วี /เอดส์ เปน็ ภาวะซึมเศร้า เป็นทน่ี ่าสังเกตว่า การตดิ เชอ้ื เอช ไอ ว/ี เอดส์ ทีเคยเป็นสาเหตหุ ลักของ การสูญเสียปีสุขภาวะกลับมีอันดับลดลงทง้ั ในผูช้ ายและผหู้ ญิง โดยพบว่าสาเหตุหลักของการสญู เสียปสี ขุ ภาวะ ทั้งในผูช้ ายและผหู้ ญงิ ไทย มาจากโรคไม่ติดต่อและโรคเร้ือรัง 3) สาเหตกุ ารตาย จากการคาดประมาณแนวโน้มการตายด้วยโรคต่างๆ ของประชากรไทย ใน พ.ศ. 2537–2552 โดยใช้สาเหตุการตายโดยตรงจากมรณบัตร พบวา่ ในอกี 10 ปีขา้ งหนา้ (พ.ศ. 2562) อบุ ตั เิ หตจุ ราจร มะเร็งตับ และหลอดเลือดสมอง เปน็ สาเหตกุ ารตายท่ีพบสูงสดุ ในผชู้ ายไทย ขณะทเี่ บาหวาน หลอดเลือดสมอง และมะเรง็ ตับ เปน็ สาเหตุการตายที่พบมากทสี่ ุดในผู้หญิงไทย จะเหน็ ไดว้ ่า โรคไม่ตดิ ต่อ โดยเฉพาะกลุม่ โรคหัวใจและหลอดเลอื ด มะเร็ง และเบาหวาน เปน็ ปัญหาสาคญั ท่ีทาให้คนไทยเสยี ชีวิตเพิ่ม ข้นึ ซ่ึงสอดคล้องกับสถานการณ์การเจ็บป่วยที่สาคัญของคนไทยที่พบว่าแนวโน้มการเจบ็ ป่วยดว้ ยโรคเรอื้ รังท่ี ปอ้ งกันได้ เพ่ิมขึ้นมาตลอดใน 2 ทศวรรษทผี่ ่านมา

12 4) อตั ราการฆา่ ตวั ตายมแี นวโนม้ ลดลง ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 จนถงึ พ.ศ. 2553 พบว่า อัตราการ ฆา่ ตวั ตายในประเทศไทย จาก พ.ศ. 2544 มีอตั ราการฆ่าตวั ตาย 7.68 ตอ่ ประชากรแสนคน ลดลงอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื งเป็นลาดบั จนถึง พ.ศ. 2553 มอี ตั ราการฆ่าตัวตาย 5.90 ตอ่ ประชากรแสนคน (โครงการช่วยเหลอื ผู้ที่ เส่ียงตอ่ การฆา่ ตวั ตาย SUICIDETHAI.COM) อยา่ งไรกต็ ามยงั พบวา่ การฆ่าตัวตายเป็นปัญหามากในบางพืน้ ท่ี เช่น ภาคเหนอื ตอนบน 5) โรคติดเช้อื อบุ ัตใิ หม่ หรือ โรคติดเชื้ออบุ ตั ซิ ้า (Emerging Infectious Diseases, EID) คอื โรคทเ่ี กิดจากสาเหตกุ ารติดเชอื้ โรคหรือโรคทีต่ ิดต่อกนั ได้ ท่ีมีการอุบตั เิ กิดเพิ่มมากข้นึ ในช่วงระยะเวลา 20 ปที ี่ผา่ นมา และมีการคาดการณว์ า่ จะเปน็ ภยั คกุ คามมากข้ึนแก่มนุษยชาติในอนาคตต่อไป โรคตดิ เชอ้ื อบุ ตั ิใหมม่ ีแนวโนม้ ทวคี วามรุนแรงมากขนึ้ และมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสุขภาพ ของประชาชนทัว่ โลกอย่างมหาศาล (ปัญหาครง้ั หลังสดุ คือ การระบาดของไข้หวัดใหญส่ ายพนั ธ์ุใหม่ H1N1 2009 ใน พ.ศ. 2552) ในสามทศวรรษที่ผา่ นมา โรคติดตอ่ อุบตั ใิ หม่ท่ีเกดิ ข้นึ ส่วนใหญร่ อ้ ยละ 75 เป็น โรคติดตอ่ จากสัตว์สคู่ น โดยเฉพาะอย่างย่งิ ทเี่ กย่ี วข้องกับสัตวป์ ่าไม่ว่าจะเป็นไข้หวดั นกท่ีมคี วามเก่ียวข้องกบั นก อพยพและนกป่าตามธรรมชาตแิ ละโรคซาร์สที่มาจากชะมด ปจั จบุ นั ทั่วโลกใหค้ วามสนใจเกย่ี วกบั ความสัมพนั ธ์ ส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ (Ecological Health) ซึง่ ประกอบด้วยความสัมพันธ์ระหวา่ งสุขภาพของระบบนิเวศ (Ecosystem Health) สขุ ภาพของมนุษย์ (Human Health) และสุขภาพของสตั ว์ (Animal Health) เป็น การจดั การเชิงบูรณาการเกีย่ วกบั ความสัมพนั ธข์ องการเกดิ โรคในคน การเกิดในสตั วแ์ ละการเปล่ยี นแปลง สภาพสงิ่ แวดล้อม ท่สี ามารถใชอ้ ธบิ ายการเพิ่มขึ้นของจานวนโรคอุบตั ใิ หม่ไดเ้ ป็นอยา่ งดี การจดั การกบั ปญั หา โรคตดิ เช้อื อุบตั ิใหม่จาเปน็ ต้องอาศยั ความรว่ มมือของทุกภาคส่วนท้งั ภายในและระหวา่ งประเทศอยา่ ง กวา้ งขวาง บนพ้นื ฐานของการจัดความรู้ และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทเิ ชน่ เทคโนโลยีในการตรวจ วินจิ ฉัยโรค วคั ซีนป้องกนั โรค ฯลฯ เพอ่ื รับมือกับความต้องการอย่างเรง่ ด่วน ขณะเดียวกนั ตอ้ งมีการพัฒนา ระบบเฝ้าระวงั ป้องกันและควบคุมโรค โดยเนน้ การมีสว่ นร่วมขององค์กรปกครองท้องถ่ิน และภาคประชา สังคมแทนทีจ่ ะดาเนนิ การโดยภาครฐั เปน็ หลักเหมอื นอดตี ทีผา่ นมา นอกจากนกี้ ารประชุมสมชั ชาสุขภาพ แหง่ ชาติ ครั้ง ที 2 เม่อื เดือนธันวาคม 2552 ยังมีมตเิ สนอให้คณะรัฐมนตรีแตง่ ต้งั คณะกรรมการโรคติดต่ออุบตั ิ ใหม่แหง่ ชาติขึ้นเพื่อจัดทาแผนยุทธศาสตร์เพ่ือการบริหารจัดการโรคตดิ ต่ออบุ ัติใหม่อย่างบรู ณาการให้แล้วเสร็จ ภายใน 1 ปี และจัดทาข้อเสนอการจัดต้ังกลไกระดบั ชาตเิ พื่อจัดการกบั ปัญหาดงั กล่าวดว้ ย 6) สถานการณ์ความรนุ แรงของโรคไมต่ ิดตอ่ เรื้อรัง จากวิถชี วี ิตทเี่ ปลี่ยนแปลงไป อันเป็นผลมา จากการเผชิญกบั กระแสโลกาภวิ ัฒน์ ระบบทุนนิยมที่ให้ความสาคญั กบั การพัฒนาทางด้านวัตถุ ความเสอ่ื มถอย และลม่ สลายของสถาบันครอบครัว สถาบันทางสังคม การดาเนนิ ธุรกจิ ทีขาดความรบั ผดิ ชอบเกิดค่านยิ ม วฒั นธรรม วถิ ีการดาเนนิ ชีวติ ทีไ่ ม่พอเพียงและขาดความสมดุล ขาดการใส่ใจดูแลควบคุมป้องกันปัจจัยเส่ยี งที่ สง่ ผลกระทบต่อสุขภาพ อยใู่ นสภาพแวดล้อมท่ีไม่ปลอดภัย มีภัยคุกคามสขุ ภาพ และไม่เออ้ื ต่อการสรา้ ง สุขภาพดี โดยเฉพาะอย่างยง่ิ พฤติกรรมเสีย่ งทสี่ าคญั จากการบรโิ ภคหวาน มัน เคม็ มาก บริโภคผกั และผลไม้ นอ้ ย สบู บหุ ร่ี ดื่มสุรา ขาดการออกกาลังกาย เกิดความเครียดและไมส่ ามารถจัดการกบั อารมณ์ได้เหมาะสม ทา ให้มีภาวะนา้ หนกั เกิน อ้วนลงพุง ความดนั โลหิตสูง ไขมนั คลอเรสเตอรอลในเลือดสงู นา้ ตาลในเลือดสูง และ

13 ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม ซึ่งเปน็ ปจั จัยเส่ียงหลักท่สี าคญั ของโรคไมต่ ิดต่อเรื้อรงั ทสี่ ามารถปอ้ งกันได้หรือโรควิถี ชวี ติ ที่ทวีความรนุ แรงแพร่ระบาดไปทว่ั โลก ซง่ึ ประเทศไทยก็กาลังเผชญิ กับปัญหาท่ีวกิ ฤตเช่นกนั จากข้อมูลเชงิ ประจกั ษ์พบคนไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไป พ.ศ. 2551–2552 มีความชุกภาวะน้าหนกั เกนิ และอว้ น (BMI ≥ 25 กก./ ตร.ม.) ร้อยละ 24.7 (17.6 ล้านคน) อว้ นลงพงุ (รอบเอว ≥ 90 ซม. ในชาย และ ≥ 80 ซม. ในหญงิ ) ร้อยละ 32.1 (16.2 ล้านคน) ความชุกของโรคเบาหวาน ร้อยละ 6.9 โรคความดนั โลหติ สงู 21.4 และภาวะไขมนั ใน เลอื ดสูง ร้อยละ 19.4 เกิดการเจบ็ ป่วยจากโรคมะเร็ง หัวใจ หลอดเลอื ดสมอง เบาหวาน ความดนั โลหติ สงู เขา้ รบั การรักษาเปน็ ผปู้ ่วยใน ในช่วง พ.ศ. 2548–2551 เพิม่ ขึ้น 1.2–1.6 เทา่ เป็น 505, 684, 845 และ 1,149 ต่อแสนประชากร ตามลาดบั หากไมส่ ามารถสกัดก้ันหรือหยุดยัง้ ปญั หาได้จะทาให้เกดิ การเจบ็ ปว่ ย มี ภาวะแทรกซ้อน พิการ และเสียชวี ติ ก่อนวัยอนั ควร สง่ ผลใหภ้ าระคา่ ใชจ้ ่ายทางดา้ นสขุ ภาพและการสูญเสยี ทางเศรษฐกิจตามมาอย่างมหาศาล จึงจาเป็นต้องรวมพลังของทงั้ สังคมในการปรบั เปลี่ยนวิถีชีวติ ท่ีพอเพียงจาก การบริโภคที่เหมาะสม การออกกาลงั กายทเ่ี พียงพอ และการจดั การอารมณ์ได้เหมาะสม ตามแนวปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งและสขุ ภาพพอเพยี งในการป้องกันแก้ไขปัญหาทางดา้ นสุขภาพและผลกระทบจากโรควิถี ชวี ติ และนาไปสกู่ ารสร้างสุขภาพดวี ิถีชีวติ ไทยได้อย่างจริงจงั และยัง่ ยนื 7) การเสยี ชวี ิตจากอบุ ตั ิเหตุ อบุ ตั เิ หตุจาการจราจรนาความสญู เสียของสงั คมไทยทั้งทาง เศรษฐกจิ ปลี ะ 106,994–115,932 ลา้ นบาท พิการสะสม 65,000 คน ในปี 2555-2557 มีจานวนผูเ้ สยี ชวี ติ จากอบุ ัติเหตุทางถนน จานวน 14,059, 14,789 และ 15,045 คน ตอ่ ปีตามลาดับ โดยมีอตั ราตายดว้ ยอุบัตเิ หตุ การจราจรทางบกอยู่ในระดับสงู เพมิ่ ขึ้น จาก 21.88 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2555 เพิ่มเปน็ 22.89 และ 23.16 ในปี พ.ศ. 2556-2557 ตอ่ ประชากรแสนคน รวมทงั้ ยงั มีผู้บาดเจบ็ ปีละ 9.5 แสน–1 ล้านคน สาเหตมุ า จากเมาแลว้ ขับเพมิ่ ขึน้ และผู้ขับขร่ี ถจักรยานยนตน์ ยิ มสวมหมวกนิรภยั ลดลงทาให้เกิดการบาดเจ็บจากอุบตั เิ หตุ รถจกั รยานยนต์ 2 แสนคนต่อปี และไดร้ บั อนั ตรายถึงชวี ิตเฉล่ยี วันละ 18 คน(http://www.thaincd.com) 8) ปัญหาโรคเอดส์ โรคเอดสเ์ ป็นปัญหาสาคญั ในระดบั โลก สถานการณโ์ รคเอดสล์ า่ สดุ ในปี 2557 ประเทศไทยมจี านวนผู้ตดิ เช้ือและผปู้ ว่ ยเอดสป์ ระมาณ 1.2 ลา้ น และคาดวา่ จะมีจานวนผ้ตู ดิ เชอื้ เพมิ่ ขึน้ เป็นประมาณ 1.3 ลา้ นคนในปี 2573 (Estimated number of adults living with HIV, new HIV infections and cumulative HIV cases in Thailand 1985-2030) โดยมีแนวโนม้ แพร่ระบาดเพิ่มข้นึ ใน กล่มุ ชายรักชาย (2012 AIDS Epidemic Model for HIV Projection and Estimation (AEM) โดย สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของเชือ้ เอชไอวี ปี 58 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบวา่ มีผู้ตดิ เชือ้ เอชไอวที ี่มยี ังชีวติ อยูจ่ านวน 60,109 คนผู้ติดเช้ือเอชไอวที ีเ่ สียชวี ติ ภายในปี 57 จานวน 3,341 คน ผูต้ ิดเชื้อเอชไอวที ่ีไดร้ ับยา ต้านไวรัสจานวน 24,871 คนและผู้ตดิ เชอื้ เอชไอวีรายใหม่จานวน 1,771คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลมุ่ ชายมี เพศสมั พนั ธ์กับชายร้อยละ 60 รองลงมากลุ่มภรรยาตดิ เช้อื จากสามีรอ้ ยละ15และกลุม่ ผใู้ ช้สารเสพตดิ ชนิดฉดี รอ้ ยละ 9ท้ังนผี้ ตู้ ดิ เชอ้ื เอชไอวีรายใหม่เป็นกลมุ่ เยาวชนอายุนอ้ ยกว่า25 ปีถึงร้อยละ 55 นอกจากปัญหาการ ควบคุมป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคแล้ว ยังมปี ญั หาการเข้าถงึ ยาต้านไวรสั ทม่ี ีราคาแพงทาใหต้ ้องเสยี คา่ ใชจ้ ่ายโดยเฉพาะยาต้านไวรัสขน้ั พนื้ ฐานและการรกั ษาโรคฉวยโอกาสต่างๆ ถงึ 85,000 บาท ตอ่ คนต่อปี หากเยาวชนติดเชื้อเอดส์ต้ังแต่อายุ 20 ปี รักษานานกวา่ 20 ปี ทาให้เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยราวคนละ 2 ล้านบาท และ

14 ในกรณีเช้อื ดอื้ ยาก็จะต้องจา่ ยเพิ่มเป็นถึง 4 ลา้ นบาทต่อคน นับไดว้ ่าเปน็ ปัญหาทรี่ นุ แรงและจะต้องไดร้ บั การ จดั การที่ดจี ากหนว่ ยงานภาครัฐ 9) ปัญหาสุขภาพจิต การเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็วของสังคมไทย ท่ที าให้การดาเนินชีวิตเป็นไป อยา่ งเร่งรบี ต้องแกง่ แย่งแข่งขนั รวมทง้ั โครงสร้างสงั คมทีม่ ีความเหลื่อมล้าสงู ทาให้ปัญหาความเครยี ดและการ เสอ่ื มเสยี ในด้านสุขภาพจติ โดยมีผตู้ ิดสรุ าและมีปริมาณการดมื่ สุราเพิม่ ขนึ้ อย่างตอ่ เนื่อง คนไทยกว่า 1.6 ล้าน คนปว่ ยดว้ ยโรคอารมณ์แปรปรวน และอีก 8.4 ล้านคนป่วยดว้ ยโรควติ กกงั วล ปญั หาสขุ ภาพจิตเก่ยี วข้องกบั ปัญหาสมั พนั ธใ์ นครอบครัว และ ปี พ.ศ. 2558 รมว.สาธารณสขุ (ศ.นพ.รชั ตะ รชั ตะนาวนิ ) ให้ขอ้ มลู ในรอบ 3 ปที ี่ผ่านมา คนไทยเจบ็ ปว่ ยทางจติ เพ่มิ ขน้ึ ตัวเลขการเข้ารกั ษาตวั ทางดา้ นจิตเวชเพ่ิมสูงถึง 1.5 ล้านคน ส่วน ใหญ่เป็นผ้ปู ่วยโรคจิต ยงั ไม่รวมบางส่วนทไ่ี มย่ อมไปรบั บรกิ ารการรักษา เพราะอายทตี่ ้องพบจิตแพทย์ และ กลัวว่าจะตอ้ งถูกตราหน้าวา่ เปน็ “คนบ้า” ปจั จัยหลักทท่ี าให้คนไทยมปี ญั หาด้านสุขภาพจติ มากที่สุด คือ การ ด่ืมสุรา ที่พบสูงถึง 9.3 ล้านคน หรอื ประมาณ 18% ของประชากรทั้งประเทศ รองลงมาคอื ภาวะตดิ บุหรี่ 14.9% หรือ 7.7 ลา้ นคน การใชส้ ารเสพตดิ 2.1 ล้านคน หรือ 4.1% ของประชากร ตามด้วยอาการในกลุ่มโรค วติ กกงั วลอกี ราว 1.6 ลา้ นคน หรอื ประมาณ 3.1% ของประชากรท้ังประเทศ (http://www.thairath.co.th/content/509151) สรปุ ว่า จากปัญหาสขุ ภาพและโรคภัยไขเ้ จ็บของคนไทย ได้เปลี่ยนแปลงไปจากโรคติดตอ่ ทเี่ ปน็ ปญั หาสุขภาพทีร่ นุ แรงในอดีต มาเป็นปัญหาโรคไม่ตดิ ต่อทาใหเ้ จ็บปว่ ยและเสียชีวติ ในอนั ดบั ตน้ ๆ นอกจากน้ี ยงั พบโรคอุบัติการณใ์ หม่ๆ อีกหลายโรค และโรคทเ่ี กดิ จากพฤติกรรมและแบบแผนการดาเนนิ ชีวติ จะเป็น สาเหตสุ าคัญของการเจ็บปว่ ย นอกจากน้ียังพบปัญหาด้านโรคทางเพสสัมพนั ธ์ ปัญหาขาดการออกกกาลงั กาย และปญั หาสุขภาพจติ ทมี่ ีแนวโนม้ สงู ข้ึน เอกสารอา้ งอิง จีระศกั ด์ิ เจริญพันธ์และคณะ. (2555). เอกสารประกอบการสอนวชิ า 0025 002 Health Care and Management. สานกั ศึกษาทว่ั ไป มหาวิทยาลยั มหาสารคาม คณะอนุกรรมการสถิตสิ าขาสุขภาพและคณะทางานสถิติสาขาสขุ ภาพ. (2557). แผนพฒั นาสถติ ิสาขาสขุ ภาพ ฉบับที่1พ.ศ. 2557-2558. สบื คน้ ออนไลน์ วนั ท่ี 11 กรกฎาคม 2558 http://osthailand.nic.go.th/files/social_sector/SDP_health291057-new6.pdf กระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสขุ พ.ศ.2557. กรงุ เทพฯ : สานักนโยบายและยุทธศาสตร สานกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ , 2557. ราชบณั ฑติ ยสถาน. พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ออนไลน์. สืบค้นออนไลน์ วันที่ 11 กรกฎาคม 2558: http://rirs3.royin.go.th/word1/word-1-a0.asp

15 แบบฝกึ หัด บทที่ 1 (กจิ กรรมท่ี 1) กลุ่มเรียนที่................................. รายวชิ า การดแู ลและการจัดการสขุ ภาพ รหัสวิชา 0025 002 ช่ือ-สกลุ ...........................................................................................รหสั นสิ ติ ......................................... 1. ให้นิสติ บอกความหมายและความสาคัญของสุขภาพพอสังเขป ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. ใหน้ ิสิตบอกแนวคิดของการพฒั นาและสุขภาพตามแผนพัฒนาสขุ ภาพแหง่ ชาติฉบับท่ี 11 พอเขา้ ใจ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ................................................. 3. ระบสุ ถานการณป์ ญั หาสุขภาพและโรคภยั ไข้เจ็บในประเทศไทย ไม่น้อยกวา่ 3 ปัญหาและเสนอแนะวธิ กี าร แก้ปัญหาดงั กลา่ ว พอเข้าใจ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook