Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติกรมการพัฒนาชุมชน

ประวัติกรมการพัฒนาชุมชน

Published by Anita R, 2019-07-09 00:35:27

Description: ประวัติกรมการพัฒนาชุมชน

Search

Read the Text Version

การดาเนนิ งาน ตามนโยบายสาคญั ของรัฐบาล ในระยะน้ี นโยบายรัฐบาลหลายเรื่องไดม้ อบให้กรมการพฒั นาชุมชนดาเนินการ ไดแ้ ก่ นโยบาย หน่ึงตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ (OTOP) นโยบายกองทุนหมู่บา้ น และชุมชนเมือง โครงการศูนยซ์ ่อมสร้าง เพ่ือชุมชน (Fixit Center) โครงการพฒั นาศกั ยภาพหมู่บา้ น และชุมชน (SML) กองทุนแม่ของแผ่นดิน กองทุนพฒั นาบทบาทสตรี โครงการประชาเสวนา เป็นตน้

รางวลั เกยี รตยิ ศ ในทศวรรษที่ ๕ กรมการพฒั นาชุมชนไดร้ ับรางวลั และการประกาศเกียรติคุณในทศวรรษที่ ๕ กรมการพฒั นาชุมชนไดร้ ับรางวลั และการประกาศเกียรติคุณจากสถาบนั ต่างๆ ดงั น้ี •รางวลั กิติคุณสมั พนั ธ์ “ สงั ขเ์ งิน” คร้ังท่ี ๑๙ ปี ๒๕๕๔ จากสมาคมนกั ประชาสมั พนั ธแ์ ห่งประเทศ ไทย •ประกาศเกียรติคุณ “ หน่วยงานบริหารงานบุคคลดีเด่น ประจาปี พุทธศกั ราช ๒๕๕๐” จากมลู นิธิ พนั เอกจินดา ณ สงขลา •ประกาศเกียรติคุณ “ การบริหารทรัพยากรบุคคล ประจาปี ๒๕๕๑ ประเภทชมเชย” จากสานกั งาน คณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน •ประกาศเกียรติคุณหน่วยงานท่ีมีความคิดสร้างสรรคก์ ารปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายใน จากรายการ กระจิบข่าวหารสอง (เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลงั งานแห่งชาติ) •รางวัล “ หน่วยงานราชการลดใช้น้ ามนั ดีเด่นประจาปี ๒๕๔๙” จากสานักงานนโยบาย และแผนพลงั งาน •ประกาศเกียรติคุณ “ หน่วยงานต้นแบบการปรับกระบวนทัศน์ วัฒนธรรมและค่านิยม” จากสถาบนั ส่งเสริมการบริหารกิจการบา้ นเมอื งท่ีดี ๒๕๕๐ สานกั งาน กพร. •หน่วยงานท่ีมีผลการปฏิบตั ิราชการตามคารับรอง อนั ดบั ๑-๕ ของประเทศมาตลอด นับต้งั แต่ มกี ารนาระบบคารับรองปฏบิ ตั ิราชการมาใชก้ บั หน่วยราชการ •หน่วยงานท่ีมคี ุณภาพการบริการดีเยยี่ ม ในปี ๒๕๕๑ ไดค้ ะแนนประเมนิ คุณภาพการบริหารภาครัฐ (PMQA) ๕ คะแนนเต็ม เพียงหน่วยงานเดียวของประเทศใ นปี ๒๕๕๔ ไดเ้ ป็นตน้ แบบของ PMQA และไดร้ ับรองคุณภาพการบริหารจดั การภาครัฐ ระดบั พ้ืนฐานประจาปี งบประมาณ พ. ศ. ๒๕๕๕ ๑ ใน ๓๖ หน่วยงาน •หน่วยงานที่เป็ นแบบอย่างความสาเร็จที่ดีด้านการพัฒนาระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน ปี ๒๕๕๔ และลงตีพิมพใ์ นหนังสือแบบอย่างปฏิบตั ิการบริหารคน HR Success Stories in Public Sector •หน่วยงานที่มีผลงานการดาเนินงานตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประเภทหน่วยงานภาครัฐ รางวลั ชมเชย ๒๕๕๓ จาก สานกั งาน กปร.

บทสังเคราะห์ภารกจิ ของ กรมการพฒั นาชุมชน จากวิวฒั นาการของกรมการพฒั นาชุมชน นับต้งั แต่ก่อต้งั กรมฯ จนถึงปัจจุบนั เม่ือนามา พิจารณา ร่วมกบั แนวความคิดของการบริหารองคก์ รราชการเห็นไดว้ า่ ภารกิจของกรมการพฒั นาชุมชนเป็นส่ิงท่ีเขา้ ใจ ยากตลอดเวลาที่ผ่านมากรมฯ มกั จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เสมอว่าทางานซ้าซ้อนกับหน่วยงานอ่ืน ไม่มีผลงานเป็ นรู ปธรรม ในขณะท่ีนักพฒั นาองค์กรพฒั นาเอกชนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่ากรมฯ ทางาน เนน้ ปริมาณ ไม่คานึงถึงคุณภาพ อย่างไรก็ตามสิ่งที่บงั เกิดผลเป็ นปรากฏการณ์ของการพฒั นาชุมชน ก็คือ ประชาชนมีความตระหนักในศกั ยภาพของตนเห็นคุณค่าของตนเองท่ีมีต่อการสร้างสรรค์ความเจริญ ของชุมชน และการแกป้ ัญหาของตนเอง ประชาชนบงั เกิดความเช่ือมน่ั ในตนเองกลา้ พูด กลา้ แสดงความ คิดเห็น ตื่นตัวต่อหน้าที่รับผิดชอบในการพฒั นาชุมชนของตน ประชาชนมีภาวะผูน้ าสูงข้ึน ประชาชน มกี ารรวมตวั เป็นกลมุ่ องคก์ รดาเนินการบริหารองคก์ รของตนเอง เพื่อประโยชน์ของมวลสมาชิก ประชาชน ร่วมมือร่วมใจกนั พฒั นาสิ่งสาธารณประโยชน์โดยไมห่ วงั รอความช่วยเหลือจากทางราชการประชาชนเห็น คุณค่าของภูมิรู้ท่ีมีอยู่ในทอ้ งถิ่นและนามาใช้ประโยชน์ในการแสวงหาทางเลือกของการพฒั นาชุมชน ประชาชนสามารถคิด และปรับปรุงประสิทธิภาพในการดาเนินกิจกรรมบริการชุมชนของตนซ่ึงท้งั หลาย ท้ังปวงกรมการพฒั นาชุมชนก็ไม่อาจบอกได้ว่าเป็ นผลมาจากการทางานของพัฒนากรและสังคม กไ็ มอ่ าจบอกไดเ้ ตม็ ปากว่าพฒั นากรไม่มีส่วนในการก่อใหเ้ กิดปรากฏการณ์ดงั กลา่ ว ดังคากล่าวของคุณบุญชนะ อตั ถากร ท่ีว่า “ จะมองงานพัฒนาชุมชนในแง่ใดแง่หน่ึงไม่ได้ จะตอ้ งมองดูหลายๆ แง่และตอ้ งใชค้ วามรู้วิชาหลายสาขาดว้ ยกนั จึงจะเขา้ ใจดีและจะตอ้ งใชค้ วามรู้หลายวิชา เขา้ จบั จึงจะสามารถดาเนินการไปไดด้ ้วยดีที่สุดท้งั ในทาง การเศรษฐกิจ การสังคม และการเมือง วิชาท่ี สาคญั ๆก็ไดแ้ ก่เศรษฐศาสตร์ การศึกษา การสาธารณสุข มานุษยวทิ ยา สังคมวิทยา รัฐศาสตร์ รัฐประศาสน ศาสตร์ และผทู้ ี่จะทางานตอ้ งรู้จกั ใชค้ วามรู้ เร่ืองมนุษยสัมพนั ธ์ จึงจะไดผ้ ล วิธีมองดูงานอย่างเดียวจาก หลายแง่เช่นน้ีภาษาองั กฤษเรียกวา่ Inter-disciplinary approach” บุญชนะ อตั ถากร ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๔ หากมิใช่เพราะคณะกรรมการพฒั นาตาบลและคณะกรรมการพฒั นา หมู่บา้ นเกิดการเรียนรู้ผา่ นประสบการณ์ตรงในกระบวนการศึกษาขอ้ มลู วางแผนดาเนินงาน บริหารงานและติดตาม

ประเมนิ ผลโครงการ / กิจกรรมพฒั นาชุมชนที่กรมการพฒั นาชุมชนใชเ้ ป็ นเครื่องมือ ก็ไมน่ ่าเช่ือว่า จะเกิดการเปล่ียนแปลงคณะกรรมการพัฒนาตาบลเป็ นสภาตาบล เป็ นองค์การบริ หารส่วนตาบล และเกิดเปล่ียนแปลงคณะกรรมการพฒั นาหมู่บ้านมาเป็ นคณะกรรมการหมู่บ้าน ความยากท่ีจะทาให้ การยอมรับว่าภารกิจของกรมการพฒั นาชุมชนมีความสาคญั ต่อสงั คม เน่ืองจากภารกิจดงั กล่าวแตกจาก แนวความคิดในการบริหารองคก์ รราชการโดยสิ้นเชิงเพราะงานราชการถูกกาหนดว่าเป็ นงานในบริการ ประชาชนดังน้ันลกั ษณะของงานตอ้ งชดั เจนว่าบริการอะไรที่หน่วยงานจะให้แก่ประชาชนแต่ภารกิจ ของกรมการพฒั นาชุมชน ไม่ใช่งานให้บริการประชาชนแต่เป็ นงานที่ใชก้ ลวิธีหลากหลายที่จะทาให้ คนในชุมชนร่วมกนั ริเริ่ม และจดั การใหบ้ ริการประชาชนโดยความเตม็ ใจ และพ่ึงพาบริการของรัฐนอ้ ยลง พ่ึงตนเองมากข้ึนซ่ึงการที่พฒั นากรจะทางานจนบงั เกิดผลในระดบั ท่ีกล่าวไดน้ ้ีตอ้ งอาศยั เวลาท่ีไม่สามารถ กาหนดใหช้ ดั เจนตายตวั ว่า ๓ เดือน ๑ ปี หรือเท่าไรแน่นอกจากน้ีผลท่ีเกิดข้ึนก็ไม่สามารถแยกแยะไดว้ ่า ส่วนใดเป็นผลงานของพฒั นากรเมือ่ เป็นเช่นน้ีการวดั ผลการปฏบิ ตั ิงานของระบบราชการตามที่ยดึ ถือปฏิบตั ิ เท่าท่ีผา่ นมาจึงไม่ไดว้ ดั ผลสมั ฤทธ์ิของงานพฒั นาชุมชนแต่เป็นการวดั ปริมาณการอดุ หนุนที่กรมการพฒั นา ชุมชนไดใ้ หก้ บั ชุมชนอยา่ งไรก็ตามกาลเวลาท่ีเปล่ียนแปลงไม่ไดท้ าให้กรมการพฒั นาชุมชนเปลี่ยนแปลง ภารกิจของตนแมแ้ ต่นอ้ ยจะเห็นไดว้ ่าหนา้ ท่ีท่ีได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลเมื่อ สถาปนากรมฯจนถึงภารกิจท่ีกรมฯ กาหนดตามยทุ ธศาสตร์ปี พ. ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ แตกต่างกนั ก็เฉพาะ ถอ้ ยคาภาษาท่ีใชเ้ ท่าน้ันแต่สาระยงั คงไม่เปล่ียนแปลงคือ “ การส่งเสริมการพฒั นาโดยประชาชน” หรือ “ การส่งเสริมการจดั การของชุมชน” ซ่ึงเป็ นการส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วม และเรียนรู้ท่ีจะพฒั นา ตนเองและชุมชนของตนแมว้ ่าเคร่ืองมือในการส่งเสริมจะเปลี่ยนแปลงไป เน่ืองจากมกี ารพฒั นาเครื่องมอื บริหารการพฒั นาของชาติข้ึนมาใชเ้ ป็ นระบบเดียวกนั แต่กระบวนการของการบริหารการพฒั นาก็ยงั คงใช้ การส่งเสริ มการมีส่วนร่ วมและส่งเสริ มกระบวนการเรี ยนรู้ตามหลักการเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง และแมว้ ่าเป้าหมายการพฒั นาประเทศจะมีจุดเนน้ แตกต่างไปตามสภาวการณ์ของสังคมเศรษฐกิจการเมอื ง การปกครองแต่เป้าหมายของการพฒั นาชุมชนไม่เคยเปล่ียนแปลงนั่นคือการมีทศั นคติที่จะพ่ึงตนเอง และความสามารถในการปกครองตนเองของชุมชนอย่างแท้จริ ง คุณบุญชนะ อัตถากร ที่ว่า “ จะมองงานพฒั นาชุมชนในแง่ใดแง่หน่ึงไม่ไดจ้ ะตอ้ งมองดูหลายๆแง่และตอ้ งใชค้ วามรู้วิชาหลายสาขา ดว้ ยกนั จึงจะเขา้ ใจดีและจะตอ้ งใชค้ วามรู้หลายวิชาเขา้ จบั จึงจะสามารถดาเนินการไปไดด้ ว้ ยดีที่สุดท้งั ใน ทางการเศรษฐกิจการสังคมและการเมืองวิชาท่ีสาคญั ๆก็ได้แก่เศรษฐศาสตร์การศึกษาการสาธารณสุข มนุษยวิทยา สังคมวิทยารัฐศาสตร์รัฐประศาสนศาสตร์และผูท้ ี่จะทางานต้องรู้จกั ใชค้ วามรู้เรื่องมนุษย สัมพนั ธ์จึงจะไดผ้ ลวิธีมองดูงานอย่างเดียวจากหลายแง่เช่นน้ีภาษาอังกฤษเรียกว่า Inter-disciplinary approach “ บุญชนะ อตั ถากร ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๔

หากมิใช่เพราะคณะกรรมการพฒั นาตาบลและคณะกรรมการพฒั นาหมู่บ้านเกิดการเรียนรู้ ผา่ นประสบการณ์ตรงในกระบวนการศกึ ษาขอ้ มูล วางแผน ดาเนินงาน บริหารงาน และติดตามประเมินผล โครงการ / กิจกรรมพฒั นาชุมชนท่ี กรมการพัฒนาชุมชนใช้เป็ นเคร่ืองมือ ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดการ เปล่ยี นแปลงคณะกรรมการพฒั นาตาบลเป็นสภาตาบล เป็นองคก์ ารบริหารส่วนตาบล และเกิดเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการพฒั นาหมู่บา้ นมาเป็นคณะกรรมการหมู่บา้ นความยากท่ีจะทาใหไ้ ดม้ ีการยอมรับวา่ ภารกิจของ กรมการพัฒนาชุมชนมีความสาคัญต่อสังคม เน่ืองจากภารกิจดังกล่าวแตกต่างจากแนวความคิด ในการบริหารองคก์ รราชการโดยส้ินเชิง เพราะงานราชการถกู กาหนดวา่ เป็นงานใหบ้ ริการประชาชน ดงั น้นั ลกั ษณะของงานตอ้ งชดั เจนว่าบริการอะไรท่ีหน่วยงานจะให้แก่ประชาชนแต่ภารกิจของกรมการพฒั นา ชุมชนไม่ใช่งานให้บริการประชาชนแต่เป็ นงานที่ใชก้ ลวิธีหลากหลายท่ีจะทาให้คนในชุมชนร่วมกนั ริเร่ิม และจดั การให้บริการประชาชนโดยความเต็มใจและพ่ึงพาบริการของรัฐนอ้ ยลงพ่ึงตนเองมากข้ึนซ่ึงการที่ พฒั นากรจะทางานจนบงั เกิดผลในระดบั ที่กลา่ วไดน้ ้ีตอ้ งอาศยั เวลาที่ไม่สามารถกาหนดใหช้ ดั เจนตายตวั ว่า ๓ เดือน ๑ ปี หรือเท่าไรแน่นอกจากน้ีผลท่ีเกิดข้ึนกไ็ มส่ ามารถแยกแยะไดว้ า่ ส่วนใดเป็นผลงานของพฒั นากร เม่ือเป็ นเช่นน้ีการวดั ผลการปฏิบตั ิงานของระบบราชการตามท่ียึดถือปฏิบตั ิเท่าที่ผ่านมาจึงไม่ไดว้ ดั ผล สัมฤทธ์ิของงานพฒั นาชุมชนแต่เป็ นการวดั ปริมาณการอุดหนุนท่ีกรมการพฒั นาชุมชนไดใ้ หก้ บั ชุมชน อยา่ งไรก็ตามกาลเวลาท่ีเปล่ียนแปลงไมไ่ ดท้ าใหก้ รมการพฒั นาชุมชนเปลยี่ นแปลงภารกิจของตนแมแ้ ต่นอ้ ย จะเห็นไดว้ า่ หนา้ ที่ที่ไดร้ ับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลเมือ่ สถาปนากรมฯจนถึงภารกิจที่ กรมฯกาหนดตามยทุ ธศาสตร์ปี พ. ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙แตกต่างกนั ก็เฉพาะถอ้ ยคาภาษาท่ีใชเ้ ท่าน้นั แต่สาระ ยงั คงไม่ เปลี่ยนแปลงคือ“ การส่งเสริมการพฒั นาโดยประชาชน” หรือ“ การส่งเสริมการจดั การของชุมชน” ซ่ึงเป็นการส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมและเรียนรู้ท่ีจะพฒั นาตนเองและชุมชนของตนแมว้ ่าเคร่ืองมือใน การส่งเสริมจะเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากมีการพฒั นาเคร่ืองมือบริหารการพฒั นาของชาติข้ึนมาใชเ้ ป็นระบบ เดียวกนั แต่กระบวนการของการบริหารการพฒั นาก็ยงั คงใช้การส่งเสริมการมีส่วนร่วมและส่งเสริ ม กระบวนการเรียนรู้ตามหลกั การเดิมไม่เคยเปล่ียนแปลงและแมว้ ่าเป้าหมายการพฒั นาประเทศจะมีจุดเนน้ แตกต่างไปตามสภาวการณ์ของสังคมเศรษฐกิจการเมืองการปกครองแต่เป้าหมายของการพฒั นาชุมชนไม่ เคยเปลี่ยนแปลงนน่ั คือการมีทศั นคติที่จะพ่งึ ตนเองและความสามารถในการปกครองตนเองของชุมชนอยา่ ง แทจ้ ริง อุดมการณ์ของอธิบดีกรมการพัฒนาชมุ ชน ตลอด ๕๐ ปีท่ีผ่านมากรมการพัฒนาชุมชนได้ปรับปรุงพฒั นาองค์การอย่าง เป็ นระบบโดยการปรับปรุ งกระบวนการทางานและภารกิจให้ สอดคล้ องกบั กระแสการพัฒนาและสภาพการณ์ของสังคมในแต่ละยุคสมัยตามความ เหมาะสมโดยผ้ ูท่ีมีคุณูปการต่อการวางรากฐานให้ กรมการพัฒนาชุมช น ที่ สาคัญคือ“ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน” ในการกาหนดทิศทางวางระบบงาน สร้างสรรค์งานพัฒนาชุมชนรวมทัง้ สร้างสรรค์อุดมการณ์ของนักพฒั นาโดย จาแนกการดาเนนิ งานได้เป็น ๕ ยคุ ดงั นี ้

สัญลกั ษณ์กรมการพฒั นาชุมชน กรมการพฒั นาชุมชนมกี ารปรับเปลย่ี นสัญลกั ษณ์ตามยุคสมยั ต้งั แต่ปี ๒๕๐๓ ปัจจบุ นั มสี ัญลกั ษณ์ ๕ แบบ ดงั นี้ สัญลกั ษณ์ แรก : ปี ทใี่ ช้ ๒๕๐๗ - ๒๕๑๔ องค์ประกอบและความหมาย เคร่ืองหมายน้ีแสดงว่าเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐบาลเพ่งมองไปท่ีเป้าหมายเดียวกนั คือปัญหาของชาวชนบท ซ่ึงจะตอ้ งร่วมมือกนั ช่วยประชาชนให้แกป้ ัญหาของตนเองอยา่ งพร้อมเพรียงกนั การพฒั นาชุมชนในชนบท จะตอ้ งพฒั นาในดา้ นต่างๆ ท้งั ๘ ดา้ น ดงั น้ี ๑) การปกครอง ๕) ส่งเสริมการศกึ ษา ๒) ส่งเสริมใหม้ สี หกรณ์ในหมู่บา้ น ๖)ส่งเสริมการอนามยั ๓) มกี ารทาอุตสาหกรรมในครัวเรือน ๗) ส่งเสริมงานโยธา ๔) ส่งเสริมงานการเกษตร ๘) ส่งเสริมวฒั นธรรม สัญลกั ษณ์ที่ ๒ : ปี ที่ใช้ ๒๕๑๘ - ๒๕๑๘ องค์ประกอบและความหมาย »กระท่อม หมายถึง ชนบท

»สีเหลืองของวงกลมภายใน หมายถึง ทอ้ งฟ้าสีทองผอ่ งอาไพตอนรุ่งอรุณในชนบท »สีเขียวใบไม้ (ใบขา้ ว) ของวงกลมภายนอก หมายถงึ ความอุดมสมบูรณ์ วงกลมภายใน หมายถึง พลงั ชุมชน วงกลมภายนอก เป็นจุดประสงคใ์ นการทางาน เป็นนามธรรมเรียกวา่ กาลงั ภายใน พฒั นาชุมชนเป็นรูปธรรมเรียกวา่ กาลงั ภายนอกประกอบดว้ ย ๑) การนาทศั นะของประชาชน ประกอบดว้ ย ๒) การแกไ้ ขศรัทธาประชาชน ๑) การแกไ้ ขส่ิงแวดลอ้ มใหด้ ีข้ึน ๓) การผนึกกาลงั รวมกลมุ่ ประชาชน ๒) การใหก้ ารศกึ ษาแก่ชุมชน ๔) การเสริมสร้างความสามารถใหก้ ล่มุ ๓) การส่งเสริมใหช้ ุมชนมีรายไดส้ ูงข้ึน ๔) การขจดั โรคภยั ไขเ้ จบ็ ส่งเสริมสุขภาพให้ แข็งแรง ๕) การส่งเสริมใหใ้ ชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ สัญลกั ษณ์ที่ ๓: ปี ท่ีใช้ ๒๕๑๘-ปัจจบุ นั องค์ประกอบและความหมาย วงกลมภายในเป็ นรูปโครงสร้างของบ้านชนบทมีตวั อกั ษรพช. อยู่ใตร้ ูปบา้ นมี ลายกนกแบบ เคร่ืองหมายยนั ต์ 5 และ ๔ บนหวั อกั ษรพ. และบนหวั ช. ขอบวงกลมลอ้ มรอบวงกลมภายในมี ๔ สี ๔ ช่วง หมายถงึ เp2 หลกั การทางาน ๔ ป. สีขาว หมายถงึ ประชาชนสีแดงหมายถึงประชาธิปไตย สีเทา หมายถึง ประสานงาน สีน้าเงิน หมายถึง ประหยดั สญั ลกั ษณ์น้ีไดถ้ ูกยกเลกิ ในปี ๒๕๕๐ และไดถ้ กู นากลบั มาใชใ้ หม่ในปี ๒๕๕๑ -๒๕๕๕

สัญลกั ษณ์ท่ี ๔: ปี ทีใ่ ช้ ๒๕๒๓ องค์ประกอบและความหมาย ประมาณพ. ศ. ๒๕๒๓ ไดม้ ีการนารูปราชสีหม์ ลี วดลายคลา้ ยดอกบวั ตูมลอ้ มรอบซ่ึงเป็นปูนป้ันประดบั หน้า จวั่ ศาลาวา่ การกระทรวงมหาดไทยในปัจจุบนั มาใชเ้ ป็นเครื่องหมายแสดงใหท้ ราบว่าเป็นหน่วยงานในสงั กดั กระทรวงมหาดไทยโดยในระยะแรกกองอาสาพฒั นาไดน้ ามาใชก้ บั ผเู้ ขา้ รับการอบรมอาสาพฒั นาเน่ืองจาก รูปราชสีห์หรือที่ชาว พช. นิยมเรียกกนั ว่า“ สิงห์หยดน้า” มรี ูปร่างสวยงามจึงเป็นที่นิยมใชก้ นั ในหมู่ชาว พช. ต่อมาเม่ือกรมฯเริ่มใหข้ า้ ราชการใส่ชุดทีมคือชุดสีเทาแกมเขียวไดม้ ีการใส่คาวา่ “ พฒั นาชุมชน” ใตร้ ูปสิงห์ และใชก้ นั เป็นท่ีแพร่หลาย สัญลกั ษณ์ท่ี ๕: ปี ทใี่ ช้ ๒๕๕๐ องค์ประกอบและความหมาย รูปโครงสร้างของบา้ นชนบทมีตวั อกั ษร พช. อยใู่ ตร้ ูปบา้ นมลี ายกนกแบบเคร่ืองหมายยนั ต์ ๖ และ ๙ บนหวั อกั ษร พ. และบนหวั ช. มเี ลขไทย ๒๕๕๐ แสดงถงึ ปี พ. ศ. ๒๕๐๕ ท่ีก่อต้งั กรมการพฒั นาชุมชนตวั อกั ษรสี เหลอื ง หมายถึง วนั จนั ทร์ คือ วนั เกิดกรมฯสญั ลกั ษณ์น้ีไดต้ ดั ขอบวงกลมภายนอกที่มี ๔ สี ( หลกั การทางาน ๔ ป.) ออกเพื่อความทนั สมยั สญั ลกั ษณ์ที่ใชใ้ นปี ๒๕๕๐ และไดถ้ กู ยกเลกิ ในปี ๒๕๕๑ โดยกลบั ไปใชส้ ญั ลกั ษณ์“ บา้ นชนบท” ที่มขี อบวงกลม ๔ สีหลกั การทางาน ๔ ป. จนถึงปัจจุบนั

เคร่ืองหมายกรมการพฒั นาชุมชนทใ่ี ช้ ( ๒๕๑๘-๒๕๕๕ ) สีขาว หมายถึง ประชาชน สีแดง หมายถงึ ประชาธิปไตย สีเทา หมายถงึ ประสานงาน สีน้าเงิน หมายถึง ประหยดั เครื่องหมายกรมการพฒั นาชุมชนทใี่ ช้ ( ปัจจุบนั ) วงกลมภายในเป็นรูปโครงสร้างของบา้ นชนบท มตี วั อกั ษร พช. อยใู่ ตร้ ูปบา้ น มีลายกนก แบบเคร่ืองหมาย ๖ และ ๙ บนตวั อกั ษร พ. และอกั ษร ช. ขอบวงกลมลอ้ มรอบวงกลมภายในมี 4 สี 4 ช่วง หมายถึงหลกั การทางาน 4 ป. สีขาว หมายถงึ ประชาชน สีแดง หมายถึง ประชาธิปไตย สีเทา หมายถึง ประสานงาน สีน้าเงิน หมายถึง ประหยดั เกยี รตภิ ูมกิ ารปฏิบตั งิ านตามปรัชญาหลกั การวธิ ีการและกระบวนการพฒั นาชุมชน

ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ดร. ยวุ ฒั น์ วุฒิเมธี การจดั ต้งั กรมการพฒั นาชุมชน ความคิดในการบริหารจดั การกิจกรรมของทางราชการเพ่ือขจดั ความเสื่อม สร้างสรรค์ ความเจริญ หรือบาบดั ทุกข์ บารุงสุขอยา่ งจริงจงั โดยการเนน้ ใหป้ ระชาชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการดาเนินงาน และมงุ่ ไป ที่ชุมชนชนบทน้นั กม็ มี ลู เหตุของแนวความคิดจากผลงานวิจยั เพื่อเขียนวทิ ยานิพนธข์ องท่านปกรณ์ องั ศุสิงห์ ( อดีตอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ) เรื่องการพฒั นาการทอ้ งถิ่นแห่งชาติและไดเ้ ริ่ม ดาเนินการโดยกรมประชาสงเคราะห์จดั ทาเป็ นโครงการพฒั นาทอ้ งถ่ินแห่งชาติ ประมาณปี พ. ศ. ๒๔๙๕ ขณะดาเนินอยู่น้นั UNESCO ไดเ้ สนอความคิดเห็นว่าหลกั การดาเนินการน้นั ควรมุ่งอยู่ที่การใหก้ ารเรียนรู้ แก่คนในหมบู่ า้ นเป็นพ้ืนฐานหลกั ในการพฒั นาทอ้ งถ่ิน และตอ้ งเป็ นกรอบการเรียนรู้ปัจจยั จาเป็ นของการ พฒั นาชีวติ ทุกดา้ น และ UNESCO พร้อมใหก้ ารสนบั สนุน จากกรอบความคิดน้ีรัฐบาลจึงเปล่ียนมาเป็ นโครงการมูลสารศึกษา โดยให้กองการศึกษา ผใู้ หญ่กรมสามญั ศึกษากระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบดาเนินการโดยกาหนดระยะเวลารับการสนบั สนุน จาก UNESCO ๑๐ ปี (พ. ศ. ๒๔๙๖ – ๒๕๐๕) หลกั การดาเนินการเบ้ืองต้นเร่ิ มด้วยการจัดต้งั ศูนย์การศึกษาผูใ้ หญ่ ท่ีจังหวดั อุบลราชธานี คือ ศนู ยก์ ารศกึ ษาผใู้ หญ่จงั หวดั อุบลราชธานี (ศอ.ศอ.) แลว้ เร่ิมจดั การศึกษาดว้ ยการคดั เลือกครูในโรงเรียน ระดบั ประถมศึกษาวุฒิประกาศนียบตั รการประถมศึกษา (ป. ป.) มาเขา้ รับการศึกษาเป็ นเวลา ๒ ปี ไดร้ ับวุฒิประกาศนียบตั รมธั ยมศกึ ษา (ป. ม.) แต่ผทู้ ี่จบจาก ศอ. ศอ. น้ีใชค้ ายอ่ วา่ ปม.ศ. ครูท่ีจบ ปม. ศ. ไดร้ ับการแต่งต้งั ใหป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีอยกู่ บั ประชาชนในหมูบ่ า้ น ใหค้ วามรู้แก่ประชาชน ในการปรับปรุงวิถกี ารดาเนินชีวิตดา้ นสุขอนามยั การเกษตร สงั คมสงเคราะห์การรวมกลุม่ คนและเคหะกิจ โดยมกี ารจดั ต้งั Village Cub ในระดบั ตาบลเป็นศูนยก์ ลางการพบปะกนั ของประชาชนและเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ พ. ศ. ๒๕๐๓ พ. ศ. ๒๕๐๓ กรมมหาดไทย กระทรวงมหาดไทยไดจ้ ดั ให้หน่วยปฏิบตั ิงานกรม คือ ฝ่ ายการพฒั นาทอ้ งถ่ิน แยกจากฝ่ ายการปกครอง และรัฐบาลไดใ้ หก้ รมมหาดไทยรับงานศึกษาผใู้ หญ่มา ดาเนินการท้งั หมด โดยวนั การโอนครู ปม.ศ มาสังกัดกรมมหาดไทยปฏิบตั ิงานดา้ นการพฒั นาท้องถิ่น โดยไดร้ ับความช่วยเหลือจาก UNESCO เช่นเดิม พ. ศ. ๒๕๐๔ กรมมหาดไทยเปิ ดรับนกั ศกึ ษาที่จบปริญญาตรีรุ่นแรกเขา้ มาในตาแหน่งปลดั พฒั นา (ไม่เรียกปลดั อาเภอ) จานวน ๒ รุ่น แลว้ ให้ปลดั พฒั นาไปเขา้ รับการอบรมอยู่กบั ศอ.ศอ เป็ นเวลา ๑ ปี ก่อนการบรรจุเป็นขา้ ราชการ โดยใหท้ าหนา้ ท่ีเช่นเดียวกบั ครู ปม.ศ. วนั ที่ ๑ ตุลาคม พ. ศ. ๒๕๐๕ ไดม้ ีพระราชกฤษฎีกายกฐานะฝ่ ายการพฒั นาทอ้ งถนิ่ ข้ึนเป็นกรมการ พฒั นาชุมชน และกรมมหาดไทยเป็ นกรมการปกครอง โดยใหก้ รมการพฒั นาชุมชนรับผิดชอบดาเนินงาน

ของโครงการพฒั นาชุมชนท้องถิ่นทุก ๆ ด้าน และเรียกตาแหน่งปลดั พฒั นาเป็ นพฒั นากร ปฏิบัติหน้าที่ ประจาตาบลเช่นเดียวกบั ครู ปม.ศ. จากวนั ก่อต้งั กรมการพฒั นาชุมชน ๑ ตุลาคม ๒๕๐๕ - ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ครบ ๕๐ ปี กรมการพฒั นาชุมชนบริบูรณ์แต่ปรัชญา การทางานพฒั นาชุมชนน้นั ครบถว้ นบริบูรณ์หรือไม่? ปรัชญาการพฒั นาชุมชน ปรัชญาการพฒั นาชุมชน ไม่ไดม้ ุ่งเน้นท่ีความเปล่ียนแปลงดา้ นรูปธรรม หรือวตั ถุแต่มุ่งเป้าหมาย สุดทา้ ยคือความรู้สึกนึกคิด จิตใจ ความรู้ ความเสียสละ ความร่วมมือ และความรับผดิ ชอบในการพฒั นา กิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชนของตนเอง โดยยดึ หลกั ความคิดริเริ่มโดยประชาชน และดาเนินการโดยประชาชน แต่เมื่อกิจกรรมใดที่เกินขีดความสามารถของประชาชนหรือปัจจยั สนับสนุนการดาเนินงาน ประชาชน ไม่สามารถจัดหาไดด้ ้วยชุมชนเอง เป็ นหน้าที่ของรัฐหรือองค์การภาคเอกชน ต้องให้ความช่วยเหลือ ส นั บ ส นุ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ข้ั น ต อ น ต า ม ป รั ช ญ า ก า ร พั ฒ น า ชุ ม ช น คื อ ร า ษ ฎ ร์ + รั ฐ หรือ + องคก์ ารภาคเอกชน = การพฒั นาชุมชน ผลสุดท้ายของปรัชญาการพัฒนาชุมชนคือประชาชนพ่ึงพาตนเองไดใ้ นการพฒั นากิจกรรม ดา้ นต่าง ๆ ในชุมชน โดยเกิดคุณลกั ษณะท่ีประชาชนศรัทธาตนเองเชื่อมนั่ ในตนเอง และรับผิดชอบตนเอง ไดใ้ นการพฒั นาชุมชนของตน หลกั การ วธิ กี าร กระบวนการการพฒั นาชุมชน หลกั การพฒั นาชุมชนไดจ้ ดั ข้นั ตอนของหลกั การ คือ เริ่มจากข้นั ตอนต่าง ๆ ดงั น้ี ๑. การให้ ความรู้แก่ประชาชน วิธีการ กระบวนการจัดการการเรี ยนรู้แก่ประชาชนน้ัน เร่ิมด้วยการหยิบยกปัญหาท่ีประชาชนต้องประสบอยู่อย่างจาเจในการดาเนินประจาวนั แลว้ จดั ต้งั กลุ่ม ประชาชนที่สนใจแต่ละปัญหา มาร่วมคิดพิจารณาปรากฎการณ์ และสถานการณ์ของแต่ละปัญหาน้นั ๆ กระบวนการดาเนินการเรียนรู้ ใชก้ ระบวนการ ร่วมคิดพิจารณาสาเหตุของปัญหาแนวทางแกไ้ ขปัญหา และวิธีดาเนินการในการแกไ้ ขสาเหตุของปัญหา และจากวิธีการแก้ไขสาเหตุของปัญหาแต่ละด้าน หรือรวม ๆ กนั ทุกดา้ นและกระบวนการสุดทา้ ย คือ การระดมความร่วมมอื จากประชาชนในการดาเนินงาน ตามโครงการหากในกระบวนดาเนินการมีอุปสรรคและตามแต่ละระยะเวลาที่เกิดปัญหา หลกั การ วิธีการ กระบวนการให้ความรู้แก่ประชาชนดงั กล่าวน้ี ผลก็ คือ ประชาชนรู้ปัญหาจริงวิเคราะห์สาเหตุ และวิธีการ ดาเนินการแกไ้ ขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ ทาให้ประชาชนมีความรู้จริงในหลกั การวิธีการกระบวนการ และ / หรือขบวนการดาเนินการพฒั นาชุมชน ๒. การจัดต้งั กล่มุ ประชาชนตามความสนใจ ในกิจกรรมการพฒั นาในชุมชน ที่เป็ นท้งั กิจกรรมท่ีมี ปัญหาตอ้ งแกไ้ ข กิจกรรมท่ีดีอยแู่ ลว้ ตอ้ งการทาใหด้ ียง่ิ ข้ึนหรือการเสริมสร้างกิจกรรมใหม่ๆเพื่อตอบสนอง ค ว า ม ต้อ ง ก า ร ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ที่ ต้อ ง ก า ร ใ ช้ปั จ จัย ฐ า น ร า ก ข อ ง ชุ ม ช น ก้า ว ต่ อ ไ ป ใ ห้ คุ ณ ภ า พ ชี วิ ต ทรัพยากรธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ ม และการอาชีพที่ดี แบบมนั่ คงเขม้ แข็งยง่ิ ข้ึน ๓. การพฒั นาผ้นู า คณะผ้นู า และสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ ของประชาชนการพฒั นาเนน้ ที่คุณลกั ษณะ ผนู้ า ภาวการณ์นา และคุณลกั ษณะผตู้ ามและภาวการณ์เป็ นผตู้ าม คือการเสริมสร้างคุณลกั ษณะผนู้ าที่เด่น

และผตู้ ามที่ดี จะทาใหเ้ กิดพลงั ของกลุ่มประชาชนในการดาเนินกิจกรรมการพฒั นาของกลุ่มและชุมชน โดยส่วนรวม ๔. การส่งเสริมกจิ กรรมการพฒั นาต่าง ๆ โดยใชพ้ ลงั กลุ่มของประชาชนเป็ นผปู้ ฏิบตั ิกิจกรรมดา้ น น้ัน ๆ โดยพฒั นาการหรือนักวิชาการของทางราชการ และภาคเอกชน ร่วมคิดร่วมทาร่วมรับผิดชอบ เป็นการเสริมความมนั่ ใจ และความกระตือรือร้นในการดาเนินกิจกรรม ๕. การสนับสนุนจากภาครัฐและหรือองค์การภาคเอกชน โดยปกติตามความเป็ นจริงเมื่อเริ่มการ ดาเนินกิจกรรม เพ่ือการพฒั นาด้านต่าง ๆ ในชุมชนน้ันในระยะเร่ิมแรกประชาชนจะขาดความมนั่ ใจ เพราะคนในชุมชนยงั ไมพ่ ฒั นาหรือกาลงั พฒั นา จะมีความไม่รู้ความยากจน และความเจ็บไข้ (โง่ จน เจ็บ) องคก์ ารภาครัฐ และเอกชนตอ้ งเตรียมพร้อมจะใหค้ วามช่วยเหลือ สนบั สนุนในสภาพขาดแคลนดงั กลา่ ว ใน ลกั ษณะ พร้อมเพรียง และทนั ท่วงทีในขณะที่ประชาชนเริ่มหรือดาเนินงาน ท้งั น้ี โดยยดึ หลกั ตอ้ งเขา้ ไป ใหค้ วามมน่ั ใจทางเทคนิควิชาการ วสั ดุอุปกรณ์และงบประมาณตามลาดบั ท้งั น้ีโดยกระตุน้ และแนะนา ให้ประชาชนใช้ปัจจัยการพฒั นาของประชาชนนเป็ นอันดับแรก จนกว่าจะพบว่าประชาชนหมดขีด ความสามารถท่ีจะทา จะจัดหา และจดั ทากิจกรรมไดแ้ ลว้ ภาครัฐหรือภาคเอกชนจึงเขา้ ช่วยเหลืออย่าง ทนั ท่วงทีและเพียงพอ จากหลักการ วิธีการ และกระบวนการพัฒนาชุมชนหลัก ๆ ๕ ประการน้ันในข้ันวิธีการ และกระบวนการ จะมีความย่งุ ยากละเอียดอ่อนและมกั จะเกิดความสบั สน สงสัยในวิธีการคณะบวนการ ต่าง ๆ ดงั น้ัน ผปู้ ฏิบตั ิงานการพฒั นาชุมชนจะตอ้ งมีความรู้ทางวิชาการหลายๆ ดา้ น คือ เป็ นผรู้ ู้รอบทาง วิชาการและมีความฉลาดท่ีจะแสวงหาความร่วมมือสนับสนุนการทางานจากผูร้ อบรู้ ไวค้ อยสนบั สนุน ประชาชนอยา่ งทนั ท่วงทีและเพียงพอ เพื่อการสร้างความศรัทธาต่อตัวเองของประชาชนในการพฒั นากิจกรรมในชุมชนดว้ ยตนเอง และเพือ่ เป็นหลกั ประกนั ความสาเร็จของปรัชญาการพฒั นาชุมชน คือ ประชาชนเช่ือมนั่ ในการพฒั นาชุมชน ไดด้ ว้ ยพลงั ของประชาชนน้นั เจา้ หนา้ ท่ีจากองคก์ ารภาครัฐและภาคเอกชนจะตอ้ งมีกระบวนการ และวิธีการ แนะนาติดตาม ตรวจสอบสภาพความพร้อมทุก ๆด้านในสภาพทางภูมิศาสตร์ของชุมชนความรู้ ความสามารถความชานาญของผูน้ าชุมชน และองค์กร(กลุ่ม) ต่าง ๆของประชาชนในชุมชน แลว้ นามา วิเคราะห์ ว่าสภาพใดของชุมชน และคนในชุมชนที่จะต้องหรือสมควรให้การสนับสนุนการดาเนิน การพฒั นาชุมชนอยา่ งไร ผมขอเสนอแนวทางการวิเคราะห์ สังเคราะห์สภาพความพร้อมของประชาชน และสภาพทาง ภูมิศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ ของชุมชนตามแนวคิดทางวิชาการ และประสบการณ์ท่ีเก่ียวกับการให้ความ ช่วยเหลือสนบั สนุนร่วมมือการทางานใหบ้ รรลุปรัชญาหลกั วิธีการ และกระบวนการพฒั นากรชุมชน คือ ๑. เมื่อวิเคราะห์ สงั เคราะห์ปัจจยั อนั สาคญั และจาเป็ นในการพฒั นากิจกรรมน้นั ๆ ในชุมชน ว่า ประชาชนและสภาพชุมชนไม่มีความสามารถจะพ่ึงพาตนเองได้ รัฐหรือภาคเอกชนจะตอ้ งเขา้ ช่วยเหลือ สนบั สนุนทนั ที คือ ตอ้ งการทาใหป้ ระชาชน (Work for the people)

๒. กิจกรรมใดหากประชาชนและสภาพทางภูมิศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ของชุมชนมีความพร้อมบาง ปัจจยั มากบา้ ง นอ้ ยบา้ งในการดาเนินกิจกรรมบางกจิ กรรม กเ็ ขา้ สนบั สนุนช่วยเหลอื ในส่วนท่ีมนี อ้ ยจากภาค ประชาชนและชุมชน คือ ทากบั ประชาชน (Work with the people) ๓. กิจกรรมใดหากประชาชนมีความพร้อมสามารถดาเนินการเองไดม้ ากในทุกๆ ดา้ นและสภานชุม ชนมีความพร้อมเหมาะสมสนบั สนุนก็ปล่อยใหป้ ระชาชนดาเนินกิจกรรมการพฒั นาดว้ ยพลงั ของประชาชน การให้การช่วยเหลือสนับสนุนก็มุ่งไปที่การใชว้ ิทยาการที่ทันสมยั เพ่ือการพฒั นาสิ่งใหม่ๆท่ีจะพฒั นา คุณภาพชีวติ และสภาพแวดลอ้ มของชุมชนใหด้ ีเด่นทนั สมยั ยิง่ ข้ึนเป็ นการดาเนินงานในลกั ษณะทาร่วมกบั ประชาชน (Work together with the people) หากปรัชญา หลกั การ วิธีการ และกระบวนการพฒั นาชุมชนไดด้ าเนินการต่อเนื่องจริงจงั ทุ่มเท มาตลอด ๕๐ ปี ผมเช่ืออยา่ งแน่วแน่ว่าประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในชนบท ( เพราะกรมการพฒั นาชุมชน เนน้ การทางานในชนบท ) มีความสามารถและความพร้อมอยา่ งยอดเยี่ยมที่จะพฒั นาตนเอง ครอบครัวของ ตนหมู่บา้ น ตาบล อาเภอจงั หวดั ประเทศไทย รวมท้งั การพฒั นา องค์กร องค์การของประชาชนของทาง ราชการ และสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริยไ์ ดอ้ ยา่ งดีเยย่ี มจนทาใหป้ ระเทศไทยเป็นสงั คมและประเทศ สันติสุขที่สุดในโลก สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ไดอ้ ย่างแน่นอนแต่ทาไมจึงไม่เป็ นเช่นท่ีกล่าวน้ัน ? จนถึงกบั จะตอ้ งมีการตรา พระราชบญั ญตั ิการปรองดองที่ถกเถยี งแตกแยกอยขู่ ณะน้ี เกยี รตภิ ูมกิ ารปฏิบัตงิ านพฒั นาชุมชน เกียรติภูมฐิ านรากของการพฒั นาชุมชน เป็นกระบวนการท่ีคิดก่อกาเนิดข้ึนโดยรัฐบาลของประเทศ องั กฤษและมีการนาเสนอต่อองค์การสหประชาชาติและองคก์ ารสหประชาชาติไดม้ ีมติใหป้ ระเทศต่าง ๆ ถือเป็ นแนวทางปฏิบัติในการพฒั นาประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ด้อยพฒั นา และกาลงั พฒั นาโดย ให้ยึดหลักการดาเนินงานโดยการสนับสนุนฉันทาคติ หรื อ ความคิดริ เร่ิ มพิจารณา และตกลงใจ ของประชาชนในการทากิจกรรมต่างๆในชุมชนซ่ึงเป็ นกรอบแนวคิดฐานรากของการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตย ใครเป็ นผูค้ วรได้รับเกียรติเป็ นผู้ทางานพัฒนาชุมชนผูท้ ่ีจะ สามารถทางานพัฒนาชุมชน ไดอ้ ย่างมีเกียรติภูมิ คือ ผทู้ ี่มีความรู้ความสามารถความชานาญในกิจกรรมการพฒั นาชุมชนนานาประการ คือ เป็นบุคคลเอนกประสงคท์ างานไดเ้ อนกประการเกียรติภูมขิ อ้ น้ีขา้ ราชการกรมการพฒั นาชุมชนไดร้ ับการ ขนานนามว่า“ ขา้ ราชการกลมุ่ พเิ ศษ” เป็นผเู้ สียสละความสุขและประโยชน์ส่วนตวั เพื่อส่วนรวมของชุมชน เป็นขา้ ราชการที่ตอ้ งไปพกั คา้ งทางานอยใู่ นหมู่บา้ น เรียนรู้ การพฒั นาชีวติ ของชาวบา้ นและแนะนาวชิ าการ ความรู้เทคนิคใหม่ๆในการประกอบอาชีพและการดารงชีวิตของชาวบา้ น จากคุณลกั ษณะและคนทางานพฒั นาชุมชน ๒ ลกั ษณะขา้ งตน้ พฒั นากรหรือนกั พฒั นาระดบั อ่ืน ๆ เมื่อจะทางานต้องเป็ นผูม้ ีคุณลกั ษณะ ๓ ภูมิ ในการทางานพัฒนาชุมชนภูมิรู้เกมิฐาน และภูมิธรรม คือ ตอ้ งการแสวงหาความรู้เป็นที่รักเคารพนบั ถือของประชาชนและดารงตนพร้อมกบั ทางานกบั ประชาชน

โดยสุจริตเรียบง่ายไม่ถือตวั ท้งั ๓ ภูมิน้ี คงตอ้ งพิจารณาทบทวนตรวจสอบว่า ๕๐ ปี กรมการพฒั นาชุมชน ขา้ ราชการผนู้ าชุมชนและประชาชนยงั คงยดึ มนั และเพิม่ พูนเกียรติภูมิกนั อยหู่ รือไม่ ? เกยี รตภิ ูมิ ผลงานพฒั นาชุมชน ต้ังแต่เร่ิมการทางานของข้าราชการกรมการพฒั นาชุมชนเกียรติภูมิผลงานเร่ิ มดว้ ยการแสดง ความเคารพ เชื่อถือศรัทธา ความรู้ ความสามารถ ของประชาชนเป็ นกลยุทธ์ในการเสริ มสร้าง และระดมความร่วมมือของประชาชนในลกั ษณะร่วมรับผิดชอบทุกประการ (Engagement) ของการทางาน กิจกรรมในชุมชนโดยเริ่มดว้ ยการใชว้ ิธีการให้การเรียนรู้การจัดต้งั กลุ่มหรือองค์กรผูน้ าของชาวบา้ น กลุ่มชาวบา้ นผมขอเสนอผลงานที่เป็นเกียรติภูมิของกรมการพฒั นาชุมชนและนกั พฒั นาชุมชน ดงั ต่อไปน้ี การพฒั นาองค์การภาคประชาชน ๑. การจัดต้ังคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน (กพม.) และคณะกรรมการพฒั นาตาบล (กพต.) โดยยึดโครงสร้างผูน้ าทางสังคม และผูน้ าทางการปกครองตามหลกั มานุษยวิทยา (ชาติพนั ธ์กลุ่มคน ตอ้ งมหี วั หนา้ และผนู้ ากิจกรรมต่างๆ ในกลุ่มคน) คือ กพม. ใหผ้ ใู้ หญ่บา้ นเป็นประธาน และชาวบา้ นคดั เลอื ก ผนู้ าชาวบา้ นเป็ นกรรมการ สาหรับ กพต. ให้กานันเป็ นประธานและชาวบา้ นแต่ละหมู่บ้านคดั เลือกผูน้ า หมู่บ้าน หมู่บ้านละ ๑ คน พร้อมผูใ้ หญ่บ้านเป็ นกพต. ท้ัง กพม. และกพต. น้ีสามารถเป็ นตัวแทน ของประชาชนไดใ้ นทุก ๆ ดา้ นของกิจกรรมการพฒั นาชุมชน และสามารถนาโครงการของทางราชการ ไปปฏิบตั ิร่วมกบั ประชาชนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี โดยมีพฒั นากรเป็ นผูค้ อยช้ีแนะและช่วยประสานงาน โดยทุก ๆ คนเสียสละประโยชน์ส่วนตนอย่างจริงจงั จริงใจจากจุดเริ่มของ กพม. และ กพต. ท่ีกรมการพฒั นาชุมชน สร้างข้ึนและทางานภาคประชาชนได้ดีในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ รัฐบาลคณะปฏิวัติภายใต้การนาของ จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ไดม้ ปี ระกาศคณะปฏวิ ตั ิท่ี ๓๒๖ / ๒๕๑๕ เปลยี่ นจาก กพต. เป็นคณะกรรมการสภา ตาบล (กสต.) เป็ นกลุ่มผนู้ าชาวบา้ นที่กฎหมายรองรับฐานะตาแหน่ง หนา้ ท่ีความรับผิดชอบ พร้อมกบั การ ให้อานาจ ในการร้องเรียนต่อรัฐบาลเกี่ยวกบั ความประพฤติชอบของขา้ ราชการทุกระดบั ทุกหน่วยงาน ราชการ กสต. น้ียงั คงสังกัดอยู่กับกรมการพฒั นาชุมชนพ. ศ. ๒๕๒๖ กรมการปกครองเห็นว่า กพม. ที่สังกดั อยู่กบั กรมการพฒั นาชุมชนกรมการปกครองไดเ้ สนอนโยบายของรัฐบาลเพื่อการพฒั นาจริยธรรม ของประชาชนในการพัฒนาชุมชนกรมการปกครองได้เสนอคณะรัฐมนตรี ขอเปลี่ยนชื่อ กพม. เป็ นคณะกรรมการหมู่บา้ น (กม.) ใหร้ ับผดิ ชอบท้งั หน้าท่ีการปกครองและพฒั นาหมู่บา้ นโดยใหไ้ ปสงั กดั อย่กู บั กรมการปกครองการสูญเสียกลุ่มกาลงั ผนู้ าระดบั หมู่บา้ นของกรมการพฒั นาชุมชนผมจึงนาแนวคิด ใหอ้ ธิบดีกรมการพฒั นาชุมชนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจดั ต้งั คณะกรรมการปฏิบตั ิการ พฒั นาชุมชน (คปต.) ในรูปของกลุ่มบุคคลชานาญการดา้ นต่าง ๆในการพฒั นาชุมชนโดยใหก้ านนั เป็ น ประธานกรรมการผใู้ หญ่บา้ นในตาบลคดั เลือกกนั เองเป็ นกรรมการ ๑ คน และขา้ ราชการท่ีปฏิบตั ิงานใน

ระดบั ตาบลเป็ นกรรมการ พฒั นากรเป็ นเลขานุการ งานของทุกหน่วยงานท่ีจะไปดาเนินการในตาบล ตอ้ ง ผา่ นความเห็นชอบของ คปต. คณะกรรมการคปต. ดงั กล่าวน้ีเป็นการใชก้ ระบวนการจดั การความรู้การพฒั นาหมู่บา้ นใหแ้ ก่ผนู้ า ชาวบา้ นต้งั แต่การคน้ หาปัญหาการวางโครงการการกาหนดหลกั วิธีการดาเนินงานตามโครงการ และการตรวจสอบความเหมาะสมทางวชิ าการ และความสุจริตในการดาเนินงานขา้ ราชการกรรมการพฒั นา ชุมชนถือเป็ นเกียรติภูมิกาหนดการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลปั จจุ บันน้ี ขณะเดียวกัน ไดม้ ีการสนับสนุนการจดั ต้งั กลุ่มชาวบา้ นในรูปคณะกรรมการ อาสาพฒั นาชุมชน กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี กลุ่มผูน้ าอาชีพต่าง ๆ เพ่ือสร้างความคิดและการทางานตามหลกั วิธีการประชาธิปไตย เป็ นตน้ กาหนด ขององคก์ รประชาธิปไตยระดบั ชาวบา้ น อย่างไรก็ตามมาถึงอายุ ๕๐ ปี กรมการพัฒนาชุ มชน กลุ่มผู้นาเหล่าน้ี กม. ยังอยู่ กรมการปกครอง คปต. ยงั อย่กู บั กรมการพฒั นาชุมชน กสต. ไปเป็ น อบต. สงั กดั กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนทอ้ งถนิ่ กลุ่มต่าง ๆ ของชาวบา้ นไปเป็นรูปของสภาองคก์ รประชาชนสงั กดั สถาบนั พฒั นาองคก์ รชุมชน (พอช.) สภาพฒั นาการเมือง สงั กดั สถาบนั พระปกเกลา้ แลว้ กรม ๓ กรมสงั กดั กระทรวงมหาดไทยสนบั สนุน การทางานของกลุ่มผนู้ าประชาชนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ มากนอ้ ยเพียงใด การดาเนินงานพฒั นาชุมชน ในตาบลยงั เหลือปรัชญา หลกั การ วิธีการกระบวนการพฒั นาชุมชนหรือไม่? ปัจจุบันน้ีองค์การหรือองคก์ ร ท่ีดาเนินการบริหารจดั การการพฒั นาในตาบล หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ สถาบนั พฒั นาองค์กรชุมชน สภาองค์การประชาชน สภาพฒั นาการเมือง องคก์ ารปกครอง ส่วนทอ้ งถ่ิน ไดแ้ ก่ องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เทศบาล และองคก์ ารบริหารส่วนตาบล องค์การองคก์ รเหล่าน้ีบริหาร จดั การดาเนินงานพฒั นาชุมชนน้ันปฏิบตั ิตามปรัชญาหลกั การวิธีการและกระบวนการพฒั นาชุมชนหรือ เปลา่ ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั ิ แลว้ เราจะพฒั นาจิตใจของประชาชน และจริยธรรม คุณธรรม วฒั นธรร มการพ่งึ พาพฒั นา ตนเองไดอ้ ยา่ งไร? แลว้ กรมการพฒั นาชุมชนจะตอ้ งคิดทาอะไรอยา่ งไรต่อไปเพอื่ รักษาอุดมการณ์การพฒั นา ชุมชนท่ีไดส้ ร้างข้ึนมาแต่กาลงั ถูกทาลาย? ๒. การจดั ต้งั กล่มุ ของประชาชน เพอ่ื การพฒั นาอาชีพ และกิจกรรมทางสงั คม ก. กลุ่มสตรีอาสาพัฒนาชุมชน จัดกระบวนการเรี ยนรู้และฝึ กทักษะการคิดการตัดสินใจ และส่งเสริมพฒั นาการอาชีพงานเคหกิจของครอบครัวและชุมชน งานสวสั ดิการพฒั นาครอบครัวความสงบ เรียบร้อยในชุมชน มอบหมายใหก้ ลุ่มสตรีมีหนา้ ท่ีพฒั นาสุขอนามยั ชุมชนสุขอนามยั ของประชาชนพฒั นา ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ ม ความสมานสามคั คีในครัวเรือนและชุมชนและความรับผดิ ชอบการบริหาร การปกครองของชุมชนโดยเสนอให้สิทธิเสรีภาพแก่สตรี ในการมีตาแหน่งเป็ นผูใ้ หญ่บ้านและกานัน เป็นคร้ังแรกในประเทศไทยสืบทอดมาจนทุกวนั น้ี งานของกลุ่มสตรีดีเด่น คืองานพฒั นาครอบครัวดา้ นสุขอนามยั การศึกษา และการพฒั นาอาชีพ อุตสาหกรรมในครัวเรื อน ผมได้ดูงานอุตสาหกรรมในครัวเรื อน หมู่บ้านโออิตะประเทศญ่ีป่ ุน แลว้ นามาส่งเสริมงานอุตสาหกรรมในครัวเรือน ดา้ นการยอ้ มสีทอผา้ พฒั นาการใชก้ ี่กระตุกจนสามารถให้

สตรีผลิตสินคา้ งานฝี มอื เชิงวฒั นธรรมผา้ แพรวา จากบา้ นคาม่วง อาเภอ กุฉินารายณ์จงั หวดั กาฬสินธุ์ ผา้ มดั หมีผา้ ไหมฝี มอื ดี จากจงั หวดั ร้อยเอด็ ผา้ ฝ้ายจงั หวดั ลาปาง จงั หวดั น่านการพฒั นาอาชีพเสริม การเล้ียงไหม ทอผา้ ไหมบ้านโพธ์ิ อาเภอกระสัง จังหวัดบุรี รัมย์ข้ึนมาจนได้รับรางวัลจากสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ กลุม่ สตรีทอผา้ ไหมแม่คาป่ ุน อาเภอวารินชาราบ จงั หวดั อบุ ลราชธานี กลมุ่ หตั ถกรรมจกั สานไมไ้ ผ่ บา้ นบางเจา้ ฉ่า จงั หวดั อ่างทองผลติ ภณั ฑจ์ กั สานหญา้ ลเิ ภา จงั หวดั นครศรีธรรมราช จนกล่าวไดว้ า่ งานพฒั นา อตุ สาหกรรม ในครอบครัวกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอตุ สาหกรรม และไดม้ กี ารจดั การประกวด ผลติ ภณั ฑด์ ีเด่นระดบั ชาติและจดั นิทรรศการ ห้ิวตะกร้านุ่งผา้ ไทย ในความรับผดิ ชอบของ คุณผสุ ดี วิทยาสารรณยทุ ธ ทุก ๆ ปี พร้อมเริ่มกิจกรรม กลมุ่ สตรี ส่งออก สินคา้ หตั ถกรรมไทย ไปต่างประเทศรายไดท้ ้งั หมด ไดแ้ ก่ ครอบครัวในชนบท และสร้างความสามารถ ทางธุรกิจของสตรีในชุมชน แต่ปัจจุบนั น้ีผนั แปรมาเป็ นผลิตภณั ฑ์ OTOP เรียกง่ายแต่ผิดไปจากความเป็ นจริงในการพฒั นา ครอบครัวชาวชนบทท่ีกรมการพฒั นาชุมชนวางไวแ้ ลว้ กรมการพฒั นาชุมชนเติบโตมา ๕๐ ปี จะดาเนินการ อยา่ งไรใหค้ รอบครัวสตรีในชุมชนชนบทเขม้ แข็งเชิงธุรกิจอุตสาหกรรมในครอบครัวอยา่ งแทจ้ ริง? ข. กลุ่มผู้นาอาชีพการเกษตร พฒั นาดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร ร่วมกบั กระทรวง เกษตรและสหกรณ์และภาคเอกชนคือบริษทั เจริญโภคภณั ฑ์ (CP) โครงการศนู ยพ์ ฒั นาอาชีพเขาหินซอ้ นผกั กางมงุ่ การใชย้ ทุ ธศาสตร์การจดั ต้งั ศูนยพ์ ฒั นาอาชีพใหช้ ่ือเฉพาะวา่ ศนู ยส์ ารภีเพราะดาเนินการคร้ังแรก เร่ิมท่ีบา้ นสารภี อาเภอโชคชยั จงั หวดั นครราชสีมา โดยความร่วมมือของบริษทั น้ามนั เชลล์ โดยพี่ ไสว นุชพงษ์ ศอ. ศอ. รุ่นพี่รับผดิ ชอบสาเร็จอยา่ งดีมกี ารขยายออกไปทว่ั ประเทศไทย ศนู ยส์ ารภี อาเภอสารภี จงั หวดั เชียงใหม่ ศูนยล์ ะงู จงั หวดั สตูล ศูนยห์ นองบวั จงั หวดั กาญจนบุรี ศนู ยส์ ุปะสิโง จงั หวดั ปัตตานี ศูนยช์ ่วยเหลือทางวิชาการพฒั นาชุมชนเขต ๙ จังหวดั ยะลา และศูนยโ์ ครงการ Rural Township จังหวดั สระบุรี ศูนยเ์ หล่าน้ีใชย้ ทุ ธวธิ ีการคดั เลือก ชายหญิง พ่อบ้านแม่บ้านเยาวชน ชายหญิง ที่สมคั รใจใฝ่ หา ความรู้ดา้ นพฒั นาการเกษตรเขา้ รับการฝึ กอบรมแบบ Learning By Doing เมื่อจบหลกั สูตรออกไปแลว้ จัด ต้ ัง ก ลุ่ ม อ า ชี พ ก ร ม ก า ร พัฒ น า ชุ ม ช น จัด ง บ ป ร ะ ม า ณ อุ ด ห นุ น อ า ชี พ ใ ห้ อ ย่ า ง เ พี ย ง พ อ ทัน ท่ ว ง ที และมีการคดั เลือกผนู้ าอาชีพกา้ วหน้าสิงห์ทองมหาดไทยแลว้ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ไปพฒั นาผนู้ าเกษตรกรระดบั ชาติ ปัจจุบันน้ีกลุ่มอาชีพศูนยส์ ารภีและผูน้ าอาชีพกา้ วหน้าสิงห์ทองหายไปไหน? ที่ดินศูนยส์ ารภี อบต. เอาไปต้งั อาคารสานกั งานอบต. และเทศบาลกวา้ งขวางใหญ่โตกว่าท่ีวา่ การอาเภอพร้อมกบั การสูญสิ้น ไปของศูนยพ์ ฒั นาตาบลศูนยก์ ารเรียนรู้ขอ้ มูลและข่าวสารการอาชีพชุมชนแต่กรมการพฒั นาชุมชนมาเนน้ ขอ้ มูลข่าวสารทาง Internet มชี าวบา้ นสกั ก่ีคนไดป้ ระโยชน์จาก ข่าวสารระบบน้ี?

ค. กลุ่มเยาวชน กลุ่มเยาวชนระดับหมู่บ้านศูนยเ์ ยาวชนระดบั ตาบลการพฒั นาอาชีพเยาวชน โครงการแลกเปลย่ี นเยาวชนนานาชาติ แคนาดา ใตห้ วนั ญี่ป่ ุน สวีเดน อิสราเอลโครงการเหล่าน้ีเที่ผมวางไว้ และดาเนินการอยา่ งไดผ้ ล ถึงขนาดองคก์ ารอาหารและการเกษตร(FAO) แต่งต้งั ใหผ้ มเป็นทรัพยากรบุคคล (Resource Person) ของ FAO และให้ไปช่วยเหลือพัฒนายุวเกษตรกรรุ่ นใหม่ (New Generation young Farmers) ที่ประเทศเกาหลี เกาหลดี าเนินการต่อเนื่องจนเยาวชนเป็นเกษตรกรทนั สมยั ขยายกิจกรรมมาผลิต อุตสาหกรรมการเกษตรรวมกลุ่มกับกลุ่มผูใ้ หญ่และภาคเอกชนผลิตอาหารเสริ มและเครื่ องสาอาง ขายไปทว่ั โลกแต่เยาวชนไทยไปอยู่เป็ นลูกจา้ งโรงงานศนู ยก์ ารคา้ และเยาวชนจดั โครงการพฒั นาเยาวชนน้ี ส่งผลให้ผมมีเกียรติภูมิระดบั นานาชาติด้วยการไดร้ ับแต่งต้ังเป็ นทูตสันติภานดา้ นศาสนาและเยาวชน ของสมั พนั ธ์ Ambassadorfor Peace universalPeace Federation, UN. ท่ีตอ้ งเดินทางไปประชุมในประเทศต่าง ๆทวั่ โลกจนถึงปัจจุบนั น้ีแต่งานดา้ นการพฒั นาเยาชนของไทยที่ผมไดท้ าให้กรมการพฒั นาชุมชน เพ่ือ สร้างยุทธศาสตร์และยุทธวิธีการพฒั นาจิตใจเยาวชนและคนในชาติรักสันติตามพระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชที่ขอให้คนไทยช่วยกนั สร้างให้ประเทศไทย เป็ นประเทศท่ีมีสันติสุขที่สุดในโลก (พระราชดารัสแด่ผูน้ าองค์กรชาวไทยเช้ือสายจีนและข้าราชการ ช้นั ผูใ้ หญ่ในโอกาสเฉลิมฉลองการครองราชย์ ๕๐ ปี ) กลบั หมดความเขม้ แข็งอย่างจริงจงั โครงการกีฬา เยาวชนชนบทที่มีถว้ ยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ๕ ถว้ ยก็เงียบหายไปดว้ ยจึงอยากต้งั คาถามวา่ เกิดอะไรข้ึนในการทางานการเตรียมความพร้อมเยาวชนใหเ้ ป็นผูใ้ หญ่ท่ีมีคุณภาพของประเทศไทย หรือเราจะปลอ่ ยใหป้ ระเทศไทยมสี ภาพ“ ผใู้ หญ่ไร้เดียงสา (Maturity Vs Incompetence)? ง. คณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็ก ปัญหาการพัฒนาเด็กเล็กในชุมชนเป็ นอีกกิจกรรมหน่ึง ท่ีกรมการพฒั นาชุมชนใหค้ วามสาคญั ต่อโครงการพฒั นาทรัพยากรมนุษยห์ น่วยงานราชการที่ดาเนินงาน ดา้ นน้ี คือ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข คือโครงการมารดาทารกสงเคราะห์ แต่จะดูแลเดก็ อายแุ รกเกิด ถึง ๓ ปี หากเป็ นครอบครัวชุมชนเมืองจะมีการต้งั โรงเรียนอนุบาลแต่กิจกรรมเหล่าน้ีจะไม่มีในชนบทและ เดก็ เมอ่ื อายถุ งึ ๗ ปี ก็จะเขา้ ระบบการศึกษาภาคบงั คบั ที่กรมสามญั ศกึ ษาตอ้ งรับผดิ ชอบ เม่ือเป็ นเช่นน้ีเด็กเล็กในชนบทอายุระหว่าง ๓-๖ ปี ก็ขาดโอกาสการพฒั นาเตรียมความพร้อม ในดา้ นร่างกายสมองจิตใจสงั คมอารมณ์และสภาพภาวะผนู้ า เพื่อความพร้อมในการเขา้ เรียนในโรงเรียน กรมการพฒั นาชุมชนจึงเริ่มโครงการจดั ต้ังศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็กข้ึนเป็ นแห่งแรกท่ีบา้ นสระสี่มุม อาเภอ กาแพงแสน จงั หวดั นครปฐมโดยมีหวั เรือใหญ่คือกลุ่มแกงเขียวหวาน กองปฏิบตั ิการ ป้าอุษณีย์พงษ์เหนือ และป้ามาฆะ ขิตะสงั ฆะ ดาเนินการแลว้ ขยายไปทว่ั ประเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเป็นอย่าง ยงิ่ และสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงสนพระทยั ทรงพระราชทานแนวคิดท่ีสาคญั ๆ เช่น ให้จัดกิจกรรมพืชผกั สวนครัวบริ เวณศูนย์เล้ียงไก่ไข่แล้วให้เด็กๆ ให้อาหารและเก็บไข่ไก่ เป็ นการสอนให้เด็กเห็นความสาคญั ของการพ่ึงพาคนกบั สัตวแ์ ละการปลูกดอกไมใ้ นบริเวณให้ท้งั เด็ก และพ่อแม่เห็นเป็ นตวั อย่างนาไปเป็ นแนวทางปลูกไมด้ อกบริเวณบา้ นและชุมชนดาเนินการจัดต้งั กองทุน พฒั นาเดก็ ในชนบทในพระราชูปถมั ภข์ องสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี

เดก็ ที่จะเขา้ มารับการพฒั นาที่ศูนยน์ ้ีแลว้ แต่ความสมคั รใจของพ่อแมโ่ ดยมีอายตุ ้งั แต่ ๓ ปี ถงึ ๖ ปี เดก็ ๆ เหลา่ น้ีจะไดร้ ับการพฒั นาดา้ นสุขอนามยั จิตใจ สงั คมอารมณ์และภาวะผนู้ าโดยมีผดู้ ูแลเดก็ (ผดด.) เป็นพี่ เล้ียงคอยฝึกหัดให้ วิธีการดาเนินงาน เริ่มดว้ ยการระดมความคิดของชาวบา้ นช่วยให้พ่อแม่มีเวลาทางานใน ไร่นาไดอ้ ย่างเต็มที่ลูกเล็ก ๆจะมี ผดด. เล้ียงดูแทนโดยไม่ตอ้ งหาบลูกจูงหลานไปปล่อยไวต้ ามทุ่งนาเม่ือ ชาวบา้ นมีความพอใจท่ีจะต้งั ศูนยก์ เ็ ร่ิมประชุมชาวบา้ นจดั ต้งั คณะกรรมการศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ คณะกรรมการ จะร่วมกันคิดถึงการจดั สร้างอาคารศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็กวสั ดุอุปกรณ์อะไรหาได้ ในหมู่บา้ นก็นามาใชพ้ ร้อมออกแรงก่อสร้างกรมการพฒั นาชุมชนสนบั สนุนงบประมาณการจดั ซ้ือเหลก็ เส้น ปูนซีเมนต์ กระเบ้ืองมุงหลงั คา และโต๊ะเกา้ อ้อี ปุ กรณ์การเรียนการสอน อาหารสาหรับเดก็ พอ่ แม่เตรียมมาจากบา้ นตามแต่จะหาไดก้ ล่มุ สตรีกลุ่มเยาวชนจะช่วยจดั หาอาหาร ผกั ผลไมท้ ี่ปลูกกนั ในหมบู่ า้ นและมาช่วยกนั ปรุงอาหารกลางวนั เสริมใหเ้ ดก็ ๆ สาหรับ ผดด. ก็ให้กรรมการร่วมกบั กานนั ผใู้ หญ่บา้ นพิจารณาลูกสาวชาวบา้ นที่ว่างงานอยมู่ าทา หน้าที่โดยได้รับความช่วยเหลือจากโรงเรี ยนการเรื อนสวนดุสิต (มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต) และโรงเรียนอนุบาลในจงั หวดั น้นั ๆ เป็นผฝู้ ึกอบรม ค่าตอบแทน ผดด. เร่ิมตน้ ประมาณเดือนละ ๓๕๐ บาท โดยเก็บจากผปู้ กครองของเด็กคนละ ๑ บาทต่อวนั ประมาณพ. ศ. ๒๕๑๖ ผมไดป้ ระสานขอความร่วมมอื จาก องคก์ าร FRO UNECEF ใหค้ วามสนบั สนุนงบประมาณเพอื่ จดั หาอาหารเสริมมาใหเ้ ด็กและมูลนิธิสงเคราะห์ เด็กยากจนกลุ่มชาวคริ สต์จากอเมริกา Cristian Children Fund. มาดาเนินการเพ่ือใช้เป็ นค่าอาหารเด็ก และค่าตอบแทนผดด. กองทุน CCF น้ีปี พ. ศ. ๒๕๑๔ ผมได้จัดต้ังเป็ นมูลนิธิ CCF ประเทศไทยใน พระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี อยู่ภายใต้การดาเนินการของกรม การพฒั นาชุมชนเพราะศูนยพ์ ฒั นาเด็กเปลี่ยนไปอยู่ในความรับผิดวามรับผิดชอบของกรมส่งเ สริมการ ปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ผมและคณะกต็ อ้ งดูแลดาเนินการเอง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็ นผลงานเกียรติภูมิของกรมการพัฒนาชุมชนและสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกมุ ารีทรงเห็นชอบใหจ้ ดั ต้งั ศูนยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ สิรินทร 4 อาเภอไมแ้ ก่นจงั หวดั ปั ตตานี ในวโรกาสเฉลิมพระชนพรรษา ๓ รอบพ. ศ. ๒๕๓๑ และสร้างอีกหลายศูนย์ ทุกๆ วนั เฉลิมพระชนมพรรษาศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็กก็เป็ นอีกงานหน่ึง ท่ีน่าติดตามว่าจะเป็ นความภาคภูมิใจ ในความรู้สึ กนึกคิดของชาวบ้านหรื อไม่ การต้ังโรงเรี ยนอนุ บาลระดับตาบลมีครู ปริ ญญาตรี เงินเดือน ๑๕, 000 บาทคุม้ กบั ประโยชน์ที่ประชาชนไดร้ ับหรือไม่? ปลอดภยั หรือไมท่ ี่เด็กเลก็ ๆตอ้ งเดินทาง และห่างไกลจากพอ่ แมแ่ ลว้ ท่ีสุดกป็ ิ ดลงเพราะเด็กมนี อ้ ยเฉกเช่นโรงเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปัจจุบนั น้ี? จ. สมาพนั ธ์องค์การพฒั นาชุมชนแห่งประเทศไทย จดั ต้งั ข้ึนจากการระดมความคิดของผนู้ าชุมชน ระดบั กลุ่มต่างๆ ดงั กล่าวมาขา้ งตน้ หลงั จากคณะกรรมการกลุ่มต่างๆ ยกฐานะกลุ่มจดทะเบียนเป็ นองคก์ าร นิติบุคคลไดแ้ ก่ ๑) มูลนิธิร่มเกลา้ เยาวชนในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร

๒) สมาคมสตรีพฒั นาชุมชนไทย ๓) สมาคมกลุ่มออมทรัพยเ์ พ่ือการผลติ ๔) สมาคมผนู้ าอาชีพกา้ วหนา้ สิงห์ทอง ๔ ภาค ๕) สมาคมผนู้ าอาสาพฒั นาชุมชน ๖. ศูนย์ประสานงานพัฒนาชุมชนรวม ๖ กลุ่มเป็ นองค์การนิติบุคคลภายใตค้ วามสนับสนุน ทางานตามหลกั ปรัชญาการพฒั นาชุมชน ที่พวกเราเช่ือว่าเป็ นการรวมผนู้ าชาวบา้ นท่ีมีจริยธรรมคุณธรรม และวัฒนธรรมการเสริ มสร้างประชาชนให้มุ่งการพ่ึงพาตนเองเป็ นหลักสาคัญการพัฒนาชุมชน และเป็ นการพฒั นาการเมืองตามระบบประชาธิปไตยหรือการเมืองภาคพลเมืองท่ีกรมการพฒั นาชุมชนได้ ดาเนินการพฒั นาจิตใจทุกคนมีจริยธรรมคุณธรรมและวฒั นธรรมวิถีประชาธิปไตย องค์การน้ีพวกเราชาว พช. เขา้ ใจและทางานร่วมกบั สมาคมต่าง ๆ และกบั สมาพนั ธ์น้ี อย่างไร เขม้ แขง็ จริงจงั จริงใจหรือไม่ ใหส้ มกบั การรับมอบหนา้ ที่การพฒั นาองคก์ รของประชาชน? การพฒั นาเศรษฐกจิ สังคม เม่ือเราพฒั นาจิตใจคุณภาพของประชาชนในรูปของประสิทธิภาพการองค์การภาคประชาชน แลว้ เราใชพ้ ลงั ของประชาชนในการพฒั นาชุมชนทุก ๆ ดา้ น เรียกว่าการพฒั นาการเมืองเศรษฐกิจสังคม ภายในชุมชนมีกิจกรรม ดงั น้ี ก. การพฒั นาอาชีพหรือการพฒั นาเศรษฐกิจในชนบทโดยการร่ วมมือกบั หลกั คือโดยการร่วมมือ กบั ๔ กระทรวง ๑) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒) กระทรวงศึกษาธิการ ๓) กระทรวงสาธารณสุข ๔) กระทรวงอตุ สาหกรรม ๕) กระทรวงมหาดไทย และ ๑ กระทรวงเสริม คือ กระทรวงพานิชยใ์ ห้เขา้ มาสนบั สนุนดา้ น การตลาด เกียรติภูมิของกรมการพัฒนาชุมชนในด้านน้ี คื อการเสนอให้คณะรั ฐมนตรี มีมติการดา เนิ น การพฒั นาชุมชน คือ ๑. ต้งั คณะกรรมการพฒั นาชุมชนบทแห่งชาติ / กชช ๒. ต้งั คณะกรรมการพฒั นาสตรีเดก็ เยาวชนแห่งชาติ ๓. จดั ต้งั กองทุนการพฒั นาชนบท

ท้งั ๓ กิจกรรมน้ีท่านดารงสุนทรสารทูตปลดั กระทรวงมหาดไทย และท่านโฆสิต ป้ันเปี่ ยมรัตน์ ผอู้ านวยการกองพฒั นาชนบท สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติสนบั สนุน การดาเนินงานของผมอยา่ งดีเยย่ี ม ภายใตอ้ งคาพยพ ๓ ประการน้ีเป็นฐานกาหนดนโยบาย หลกั วิธีการพฒั นา เศรษฐกิจในชนบท ผมก็ไดเ้ สนอหลกั การดาเนินงานต่อไปโดยมีเพื่อนร่วมงานจากทีมงานของท่านโฆษิต ป้ันเป่ี ยมรัตน์อยา่ งจริงจงั คือ ๑. การจดั ต้งั กลุ่มออมทรัพยเ์ พื่อการผลติ เป็นการรวมทุนของชาวบา้ นในระดบั หมู่บา้ นและตาบล ๒. การเสนอระบบการจดั เก็บขอ้ มูลระดบั หมู่บา้ นตาบลอาเภอและจงั หวดั (ขอ้ มูลกชช.๒ค) และ จัด เ ก็ บ ข้อ มู ล ร า ย ล ะ เ อี ย ด เ กี่ ย ว กับ ร ะ ดับ ค ว า ม ข า ด แ ค ล น ข อ ง พ้ื น ท่ี ใ น ห มู่ บ้า น แ ล ะ ค น ใ น ช น บ ท คือขอ้ มูลความจาเป็นพ้นื ฐาน ( จปฐ. ) ความคิดและวธิ ีการน้ีนามาจากดุษฎีนิพนธ์ ปริญญาเอกของผมเรื่อง The Group Informant Survey Technique For Program Plnning ส่งให้ผม เป็ นนักสถิติขององค์การ FAO และหัวหน้าคณะไปดูงานการจัดเก็บข้อมูลในระดับ Commune ของประเทศจีนแลว้ นามาเป็นฐานความคิดการจดั เกบ็ ขอ้ มลู กชช. ๒ค และจปฐ. ๓. กาหนดหลกั เกณฑก์ เู้ งินกองทุนการพฒั นาชนบทของ กม. คสต. และกลมุ่ อาชีพประชาชนในการ พฒั นาสาธารณะประโยชนข์ องชุมชนและเสริมเทคโนโลยกี ารอาชีพของชาวบา้ นครบท้งั ๓ ดา้ นน้ีปัจจุบนั น้ี กาลงั มีปัญหา คือ กลุ่มออมทรัพยเ์ พ่ือการผลิต พวกเราทากนั อย่างไร กองทุนพฒั นาชนบทหายไปไหน จะบูรณาการอยา่ งไรกบั กองทุนสารพดั ในชุมชนขณะน้ี กิจกรรมกลุ่มออมทรัพยเ์ พ่ือการผลิตสมยั ท่ีผมอยูก่ รมการพฒั นาชุมชนมีหลกั ใชก้ องทุนกระตุน้ หมู่บา้ นที่ยงั ไม่มีกลุ่มอาชีพต้งั กลุ่มอาชีพ หมู่บา้ นที่มีกลุ่มอาชีพอยู่แลว้ ใช้กองทุนสนับสนุนกิจกรรมกลุม่ อาชีพและจดั ระบบงบอุดหนุนการพฒั นาชุมชนแก่กลุ่มอาชีพเป็ นระบบกองทุนของกลุ่มท่ีผูไ้ ด้รับเงิน อุดหนุนแลว้ จะตอ้ งผอ่ นส่งคืนกลมุ่ อาชีพเพื่อให้สมาชิกคนอ่ืน ๆไดใ้ ชต้ ่อไป (ไมใ่ ช่ใหห้ มดไปตามระเบียบ ของเงินอุดหนุนจากรัฐบาล) ปัจจุบนั น้ีมีการจดั ต้ังสานกั งานพฒั นาทุนและองคก์ รการเงินชุมชน ผมก็ขอให้ใชฐ้ านความคิด กลมุ่ ออมทรัพยเ์ พ่ือการผลติ และสมาพนั ธอ์ งคก์ ารการพฒั นาชุมชนแห่งประเทศไทยเป็นหลกั หากกิจกรรม สถาบนั เงินทุนกา้ วเดิน กาลงั ชาวบา้ นก็หนั มาทากล่มุ ออมทรัพยฯ์ เป็นกองทุนของประชาชนหรือเราชาวพช. จะไปมงุ่ มน่ั อยกู่ บั กองทุนอื่น ๆที่ทางราชการผลกั ดนั กนั อยู่ ? ข. การพฒั นาสังคมโครงการพฒั นาสตรี เด็ก เยาวชนที่กรมการพฒั นาชุมชนดาเนินงานกา้ วหนา้ อยา่ งดียงิ่ จนมีการจดั ต้งั หน่วยงานระดบั กอง แต่ต่อมาไดโ้ อนไปเป็ นงานของกระทรวงพฒั นาสังคมและ ความมนั่ คงของมนุษย์คงตอ้ งคิดคน้ ว่ากรมการพฒั นาชุมชนจะร่วมกบั หน่วยงานต่างๆ ท้งั ภาครัฐและเอกชน และประชาชนดาเนินการกนั ไดอ้ ยา่ งไร คนในชาติไทยจึงจะมีศกั ด์ิศรีมจี ริยธรรม คุณธรรมวฒั นธรรม การ ดารงชีวิตที่มีพ่อแม่ของแผ่นดินเป็ นร่มโพธ์ิเย็นศิระเพราะพระบริบาลตลอดไปโดยเฉพาะงานสตรีและ เยาวชนคนเหลา่ น้ีคือฐานการพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงมนุษย์

ค. กิจกรรมที่พึง่ พาเบื้องต้นของประชาชน ผมทราบว่ารัฐบาลกาลงั คิดว่าจะมีหน่วยงานราชการ หน่วยไหนที่สามารถเป็ นหน่วยแกป้ ัญหาช้ีแนวทางที่ดีแก่ประชาชนท่ีประสบปัญหาการดารงชีวิตข้นั พ้ืนฐานไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริงผมก็อยากจะพูดว่าเม่ือรัฐบาลคิดต้งั กรมการพฒั นาชุมชนเมื่อพ. ศ. ๒๕๐๕ รัฐบาลก็มี เป้าหมายใหพ้ วกเราชาวพช. น่ีแหละคือผนู้ ่ึงบาเบ้ืองตน้ ของคนในชุมชนพร้อมกบั ประสานงานกบั โครงการ เพอ่ื นพ่ึง (ภา) ยามยากเราจึงควรทางานตามอุดมคติแทจ้ ริงของเราตามอุดมการณ์ ขจดั ความเส่ือมสร้างสรรค์ ความเจริญบารุงทุกข์ บารุงสุข ของกระทรวงมหาดไทยผมยงั มนั่ ใจว่าพวกเราทาไดแ้ น่ ๆเพราะองคก์ รเรา สร้างไวก้ ็ทาใหเ้ ป็นสร้างไวด้ ีกวา่ เก่านา เพลงมาร์ช พฒั นาชุมชนมาร้องใหด้ งั กระหึมไปท้งั ปวงเอาประชาชน เป็นฐานขา้ ราชการเป็นพลงั เสริมผมเชื่อวา่ ประเทศไทยตอ้ งเป็นประเทศที่ที่สุดในโลก สรุป ระยะเวลา ๕๐ ปี งานกรมการพฒั นาชุมชนยงั ประโยชน์การพฒั นาจิตใจ แลว้ ยงั ได้บญั ญตั ิศพั ท์ จิตสาธารณะ (Public minded) การบูรณาการหรื อการผสมผสานการบริ หารจัดการ ( Integrated Administration, Management) การบริ หารการพัฒนา (Development Administration) กลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตท่ีเป็นฐานความคิดของกองทุนชาวบา้ นท่ีผมไปให้แนวคิดนาประเทศเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ทาใหก้ ลมุ่ ออมทรัพยเ์ พื่อการผลิต (Gamine Bank) ของประเทศบงั คลาเทศของเขาไดร้ ับรางวลั Nobel Prize อยา่ งไรก็ตามผนู้ ายงั คิดถงึ ผมมีจดหมายมาขอบคุณที่จุดประกายความคิดใหเ้ ขา นี่แหละมนุษยน์ กั พฒั นา ปรัชญา หลกั การ วิธีการ กระบวนการ พัฒนาชุมชนท่ีใช้หลักให้ประชาชนเป็ นฐานการคิด การพิจารณา การตกลงใจ การร่ วมมือปฏิบัติ การเสียสละ และร่ วมรับผิดชอบของประชาชน และหน่วยงานของรัฐคอยใหก้ ารสนับสนุนตามกระบวนการทางานแบบ Work Together with The People, Work with The People, Work For The People ตามลาดับ จึงจะเป็ นกระบวนการพฒั นาท่ีทาใหป้ ระชาชน มนั่ คงมงั่ คง่ั ยงั่ ยนื สถาบนั ชาติศาสนาพระมหากษตั ริย์ สถติ สถาพรตลอดนิรันดรสาหรับสงั คมไทย การที่จะเป็นเช่นท่ีกล่าวได้ กระทรวงมหาดไทย ซ่ึงผมพดู ไวต้ ้งั แต่ปี ท่ีมีการปรับปรุงระบบราชการ พ . ศ . ๒ ๕๔๕ ว่ า ก ร ะ ท ร า ง ม หา ด ไ ท ย จ ะ ต้อง จัด ป ร ะ ชุ ม ร ะ หว่ า ง ก ร ม ก า ร พัฒ น า ชุ ม ช น กรมส่งเสริมการปกครองส่วนทอ้ งถ่ินและกรมการปกครองเพ่ือกาหนดระบบการบูรณาการบริหารจดั การ การพฒั นาชุมชนจดั ระบบความร่วมมือการพฒั นา และการบริการกิจการของรัฐใหก้ บั ประชาชน ใหม้ นั่ ใจ ไดว้ ่าประชาชนมนั่ ใจ มองเห็นอนาคตสดใส และเชื่อมน่ั ในพลงั ของประชาชนเพื่อพฒั นาประเทศชาติโดย การคอยสนับสนุนสิ่งที่เกินขีดความสามารถของประชาชนในเรื่องความชานาญทางวิชาการ / Scientific Knowledge And Technical Knowledge ในการดาเนินงาน พฒั นาชุมชนทุก ๆดา้ นอย่างเหมาะสมเพียงพอ และทนั ท่วงที จดั วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีจาเป็นแต่หาไมไ่ ดโ้ ดยประชาชน และงบประมาณตามจานวนท่ีเหมาะสมใน การดาเนิ นกิจกรรมการพัฒนาทุก ๆ ด้านของชุมชนและประเทศให้เกิดเป็ นเอกลักษณ์ งาน กระทรวงมหาดไทย

เรื่องน้ีกระทรวงมหาดไทยตอ้ งรีบทา หากยงั เทิดทูนพระบิดากระทรวงหมาดไทยสมเด็จพระยา ดารรงราชานุภาพ มิฉะน้ัน กระทรวงมหาดไทยจะหมดความหมายในคาขวญั บาบดั ทุกข์ บารุงสุข และ กรมการพฒั นาชุมชนกห็ มดความหมายใน คาขวญั “ ขจดั ความเสื่อมสรรคค์ วามเจริญ” เพราะขณะน้ีองคก์ ร การเมือง และองคก์ รประชาสังคมเขากาลงั เสนอโครงการ จงั หวดั จดั การตนเองมีจงั หวดั นาร่อง ๗ จงั หวดั หากโครงการน้ีนาปรัชญาการพฒั นาเชนโดยใชก้ รอบแนวคิดของประชาชนเป็นฐานการพฒั นา จะเป็นการ เสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรมมในธรรม และวฒั นธรรมประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นพระ ประมุข มีการบริหารองค์การองคก์ รตามหลกั วฒั นธรรมองค์กรและการใชผ้ ูช้ านาญการไดเ้ หมาะสมกับ กิจกรรมองคก์ ารหากเป็ นเช่นน้ีความสามคั คีจะมีอย่างเหนียวแน่นในองค์การไม่จาเป็ นตอ้ งมีกฎหมาย ปรองดองแห่งชาติและคาพดู โกหกสีขาวของหวั หนา้ ผบู้ ริหาร ผมขอเสนอเพ่ิมเติมว่า เพื่อให้เกิดระบบการบริหารการพฒั นาการปกครองเพ่ือความมน่ั คงของ ประเทศอยา่ งยง่ั ยนื กระทรวงมหาดไทยควรจะเป็นผเู้ สนอใหม้ กี ารประชุมระดบั ปลดั กระทรวงทุกกระทรวง เพื่อกาหนดนโยบายเชิงกลยทุ ธย์ ทุ ธ วิธีการบริหารการพฒั นาประเทศร่วมกนั ส่วนกิจกรรมที่ตอ้ งพิจารณาถงึ นโยบายหลกั วิธีการปฏิบตั ิกบั ประชาชนน้นั ควรประชุมระดมความคิด ๖ กระทรวงหลกั ดงั กลา่ วขา้ งตน้ แลว้ บูรณาการการปฏิบตั ิงานร่วมกนั โดยใชห้ ลกั การบริหารแบบ Area Planning approach และแนวพระราชดาริ สงั คมพอเพียงและเศรษฐกิจพอเพยี งค่อยๆพาชาวไทยกา้ วไปที่ละข้นั บนพ้ืนฐานความพร้อมของประชาชน และประเทศผสมผสานกนั โดยผบู้ ริหารของทางราชการและภาคเอกชนจะตอ้ งสร้างภาวะผนู้ าบารมีมองให้ ไกลทาใจใหก้ วา้ ง (Look Beyond yourself) ท้งั หมดที่กล่าวมาน้ี ผมในฐานะเป็นขา้ ราชการท่ีเติบโตมากบั กรมการพฒั นาชุมชนและใชม้ าตรฐาน ปรัชญาการพฒั นาชุมชนมาตลอดกา้ วหนา้ มีเกียรติภูมิของชีวิตเป็ นคนแรกของกรมการพฒั นาชุมชนก็ ปรารถนาใหก้ รมการพฒั นาชุมชนกา้ วต่อไปเป็นปี ท่ี ๕๑ ซ่ึงเป็นปี ท่ีมอี ธิบดีคนแรกของปี ท่ี ๕๑ คุณขวญั ชยั วงศน์ ิติกรแมจ้ ะเป็นสิงหแ์ ดงผมเป็นสิงห์ดาแต่เป็นศิษยร์ ักของผมและเรามน่ั ใจในสิงห์ทองมหาดไทยไดเ้ ป็น ผนู้ าเกียรติภูมิการปฏิบตั ิงานตามปรัชญาการพฒั นาชุมชนอยา่ งรุ่งโรจน์ต่อไป รายช่ือ อธบิ ดีกรมการพฒั นาชุมชน (พศ.๒๕๐๕-ปี ๒๕๖๒)

๑. นาย สาย หุตะเจริญ ๑ ตุลาคม ๒๕๐๕- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๑๒ ๒. นายประสงค์ อศิ รภกั ดี ๑ ตุลาคม ๒๕๑๒- ๓๐ กนั ยายน ๒๔๑๔ ๓. นาย พฒั น์ บุญยรัตน์พนั ธุ์ ๑ ตุลาคม ๒๕๑๔ – ๓๐ กนั ยายน ๒๕๑๘ ๔. นาย นิรุติ ไชยกลู ๑ ตุลาคม ๒๕๑๘- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๒๒ ๕. ร.ต.ท. ระดม มหาศรานนท์ ๑ตุลาคม๒๕๒๒- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๒๖ ๖. นาย สุวนยั ทองนพ ๑ ตุลาคม ๑๔๑๖- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๑ ๗. นาย ศกั ดา ออ้ พงษ์ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๒ ๘. ดร.ยวุ ฒั น์ วฒุ ิเมธี ๑ ตุลาคม ๒๕๓๒ – ๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๔ ๙. นาย สมิตร กิจจาหาญ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๔ – ๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๖ ๑๐. นาย อภยั จนั ทนจุลกะ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๖- ๓๐ กนั ยายน๒๕๓๙ ๑๑. นายสมศกั ด์ิ ศรีวรรธนะ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๙- ๓๑ พฤษภาคม๒๕๔๑ ๑๒. นายไพโรจน์ พรหมสน์ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๑- ๒๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๔๑ ๑๓. นายจเด็จ อนิ ทร์สว่าง ๑ มนี าคม๒๕๔๓- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๔๔ ๑๔. นายสุจริต ปัจฉิมนนั ท์ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๔ – ๓๐ กนั ยายน ๒๕๔๕ ๑๕. นายสุจริต นนั ทมนตรี ๑ ตุลาคม ๒๕๔๕- ๔ มิถนุ ายน ๒๕๔๖ ๑๖. นายชยั สิทธ์ิ โหตระกิตย์ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๖- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๔๘ ๑๗. ดร.นิรันดร์ จงวุฒิเวศน์ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๘- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๐ ๑๘. นาย ปรีชา บุตรศรี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๐ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๑ ๑๙. นายชุมพร พลรักษ์ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๑- ๑๕ มนี าคม ๒๕๕๒ ๒๐. นาย ไพรัตน์ สกลพนั ธุ์ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๒ ๒๑. นาย มงคล สุระสจั จะ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ ๒๒. นายวเิ ชียร ชวลติ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓ -๑๕ ธนั วาคม ๒๕๕๓ ๒๓. นายสุรชยั ขนั อาสา ๒๐ ธนั วาคม๒๕๕๓ - ๒๔ พฤจิกายน ๒๕๕๔ ๒๔. นายประภาส บุญยนิ ดี ๒๔ พฤจิกายน ๒๕๕๔- ๓๐ กนั ยายน-๒๕๕๕ ๒๕. นายขวญั ชยั วงศน์ ิติกร ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ - ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๘ ๒๖. นาย ไมตรี อนิ ทุสุต ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ - ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๒๗. นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ๒ ตุลาคม๒๕๕๘ - ๓๐กนั ยายน๒๕๕๙ ๒๘. นายนิสิต จนั ทร์สมวงศ์ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ – ปัจจุบนั อธิบดีกรมการพฒั นาชุมชน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook