Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิเคราะห์หลักสูตร

วิเคราะห์หลักสูตร

Published by ภรรณนรรณ, 2021-11-02 17:48:37

Description: วิเคราะห์หลักสูตร

Search

Read the Text Version

หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลกั สูตรที่สถานศึกษาได้พัฒนาขึ้นเพื่อพัฒนาผู้เรียน ในระดับประถมศึกษา โดยยึดองค์ประกอบหลักสำคัญ ๓ ส่วน คือ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สาระการเรียนรู้ท้องถิ่นและสาระสำคัญที่สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติม เป็นกรอบในการ จัดทำรายละเอียดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กำหนดเหมาะสมกับสภาพชุมชนและ ทอ้ งถิน่ และจดุ เน้นของสถานศึกษา โดยหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ทพี่ ฒั นาข้นึ มลี กั ษณะของหลักสตู ร ดังน้ี ๑. เป็นหลกั สูตรเฉพาะของสถานศึกษาโรงเรียนโรงเรียนบ้านท่าอาจ สำหรับจัดการศึกษาในหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน จัดระดับการศึกษาเปน็ ๑ ระดับ คือ ระดบั ประถมศกึ ษา ( ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑–๖) ๒. มีความเป็นเอกภาพ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลักสูตรของสถานศึกษา สำหรับให้ครูผู้สอนนำไปจัดการเรยี นรู้ได้อยา่ งหลากหลาย โดยกำหนดให้ ๒.๑ มีสาระการเรียนรู้ที่สถานศึกษาใช้เป็นหลักเพื่อสร้างพื้นฐานการคิด การเรียนรู้และการ แกป้ ัญหา ประกอบดว้ ย - กลมุ่ สาระภาษาไทย - กลุ่มสาระคณติ ศาสตร์ - กลุ่มสาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี - กลุ่มสาระสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๒.๒ มีสาระการเรียนรู้ที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ ศักยภาพการคิดและการทำงาน ประกอบดว้ ย - กลุ่มสาระสุขศกึ ษาและพลศึกษา - กลมุ่ สาระศลิ ปะ - กลุม่ สาระการงานอาชพี - กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ ๒.๓ มีสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม โดยจัดทำเป็นรายวิชาเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและ สอดคลอ้ งกบั โครงสร้างเวลาเรยี น สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ ความต้องการของผเู้ รยี น และบริบทของสถานศึกษา ๒.๔ มกี ิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น เพอื่ พัฒนาผเู้ รยี นทง้ั ดา้ นร่างกาย จิตใจ สตปิ ัญญา อารมณ์ และ สังคม เสรมิ สร้างการเรียนร้นู อกจากสาระการเรียนรู้ ๘ กลมุ่ และการพฒั นาตนตามศกั ยภาพ ๒.๕ มีการกำหนดมาตรฐานของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับต่าง ๆ เพื่อเป็น เป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา จัดทำรายละเอียดสาระการเรียนรู้และจัด กระบวนการเรียนร้ใู ห้สอดคลอ้ งกบั สภาพในชมุ ชน สงั คมและภมู ิปญั ญาท้องถิ่น

๓. มีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เป็นหลกั สตู รท่มี มี าตรฐานเปน็ ตัวกำหนดเก่ียวกบั คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน เพ่อื เปน็ แนวทางในการประกันคณุ ภาพการศึกษา โดยมีการกำหนดมาตรฐานไว้ดงั น้ี ๓.๑ มาตรฐานหลักสูตร เป็นมาตรฐานด้านผู้เรียนหรือผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา อัน เกิดจากการไดร้ บั การอบรมสัง่ สอนตามโครงสรา้ งของหลกั สตู รทง้ั หมดใช้เปน็ แนวทางในการตรวจสอบคุณภาพ โดยรวมของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรในทุกระดับและสถานศึกษาต้องใช้สำหรับการประเมินตนเองเพื่อ จัดทำรายงานประจำปีตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางในการกำหนด แนวปฏิบตั ิใน การสง่ เสริม กำกบั ติดตาม ดแู ลและปรับปรุงคณุ ภาพ เพือ่ ให้ได้ตามมาตรฐานทีก่ ำหนด ๓.๒ มีตัวชี้วัดชั้นปีเป็นเป้าหมายระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของ ผู้เรียนในแตล่ ะระดับชัน้ ซง่ึ สะทอ้ นถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรปู ธรรม นำไปใช้ ในการกำหนดเน้อื หา จดั ทำหน่วยการเรยี นรู้ จัดการเรียนการสอนและเป็นเกณฑส์ ำคญั สำหรับการวัดประเมินผล เพ่ือตรวจสอบคณุ ภาพผเู้ รยี น ตรวจสอบพฒั นาการผเู้ รยี น ความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ค่านิยมอันพึงประสงค์ เป็นหลักในการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์จากการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั ๓.๓ มีความเป็นสากล ความเป็นสากลของหลักสูตรสถานศึกษา คือ มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถในเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาอังกฤษ การจัดการสิ่งแวดล้อมภูมิปัญญาท้องถิ่น มี คุณลักษณะที่จำเป็นในการอยู่ในสังคม ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา การเสียสละ การเออื้ เฟอ้ื โดยอยู่บนพื้นฐานของความพอดรี ะหวา่ งการเป็นผ้นู ำและผตู้ าม การทำงานเปน็ ทีมและการทำงาน ตามลำพัง การแขง่ ขัน การร้จู ักพอและการรว่ มมอื กนั เพ่ือสังคม วิทยาการสมัยใหม่และภมู ิปญั ญาท้องถิ่น การ รบั วฒั นธรรมตา่ งประเทศและการอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทยการฝึกฝนทักษะเฉพาะทาง การบูรณาการในลักษณะ ที่เปน็ องค์รวม ๔. มีความยืดหยุ่น หลากหลาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านท่าอาจ เป็นหลักสูตรที่สถานศึกษา จัดทำรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นเอง โดยยึดโครงสร้างหลักที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นขอบข่ายในการจัดทำ จึงทำให้หลักสูตรของสถานศึกษามีความยืดหยุ่น หลากหลาย สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของท้องถิน่ โดยเฉพาะอย่างย่งิ มคี วามเหมาะสมกับตัวผู้เรยี น ๕. การวัดและประเมินผลเน้นหลักการพื้นฐาน ๒ ประการ คือการประเมินเพื่อพัฒนาผูเ้ รียนและเพอ่ื ตัดสินผลการเรียน โดยผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการ เรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรยี น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรยี นรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและ ระดบั ชาติ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เปน็ กระบวนการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นและใช้ผลการประเมินเป็น ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้าและความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน ข้อมูลทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อการส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกดิ การพัฒนาและเรียนรอู้ ยา่ งเตม็ ตามศักยภาพ

วิสัยทัศน์หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผูเ้ รียนทุกคนเป็นบุคคลแห่งการ เรยี นรู้สมู่ าตรฐานสากลและเป็นมนุษยท์ ่ีมคี วามสมดุลทงั้ รา่ งกาย ความรูค้ ู่คุณธรรม มคี วามเปน็ ผนู้ ำของสงั คมมี จิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลกโดยใช้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงยึดมั่นในการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐานสามารถใช้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีรวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาในการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมงุ่ เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญบนพ้ืนฐานความเชอ่ื ว่าทุกคนสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเองได้เต็มตามศกั ยภาพ หลักการ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มีหลักการท่สี ำคัญ ดงั น้ี ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็น เป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติและคุณธรรมบนพืน้ ฐานของความเป็นไทย ควบคกู่ บั ความเป็นสากล ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคและมี คุณภาพ ๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการของทอ้ งถิ่น ๔. เป็นหลักสตู รการศกึ ษาท่ีมโี ครงสรา้ งยดื หยุ่นทั้งดา้ นสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ ๕. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาท่ีเนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั ๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลุ่มเปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้และประสบการณ์ จุดมงุ่ หมาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มุ่งพัฒนาผู้เรยี นใหเ้ ปน็ คนดี มีปัญญา มีความสขุ มีศกั ยภาพในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเปน็ จดุ หมายเพ่ือใหเ้ กดิ กับผูเ้ รียน เมื่อจบ การศึกษาตามหลักสตู ร ดังน้ี ๑. มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนบั ถอื ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่อื สาร การคิด การแก้ปัญหา การใชเ้ ทคโนโลยแี ละมที ักษะชีวิต ๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ที่ดี มสี ุขนสิ ยั และรกั การออกกำลังกาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครอง ตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ

๕. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต สาธารณะทม่ี ุ่งทำประโยชน์และสรา้ งสิ่งท่ดี งี ามในสังคม อย่รู ว่ มกนั ในสังคมอย่างมีความสขุ เปา้ ประสงคห์ ลกั สตู ร ( Corporate objective ) ๑. เพื่อให้ผู้เรียนทุกคนได้รับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีการ พัฒนาเต็มตามศักยภาพ มีทักษะชีวิต มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี นำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต เป็นผู้นำที่ดีของสังคมและมีความสามารถใน การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้และการสื่อสารอย่างหลากหลาย ผู้เรียนมีศักยภาพเป็นพลโลก ( World Citizen ) ๒. เพื่อให้สถานศึกษามีระบบการบริหารและจัดการศึกษาด้วยระบบคุณภาพ ( Quality System Management) เพอื่ รองรับการกระจายอำนาจอย่างท่ัวถึง ๓. เพ่ือให้บคุ ลากรทุกคนมที ักษะวิชาชีพในการพัฒนาการเรียนการสอนและใชน้ วตั กรรมเทคโนโลยที ี่ ทันสมัยยกระดับการจัดการเรียนการสอนเทยี บเคยี งมาตรฐานสากล ( World Class standard ) ๔. เพื่อให้การใช้งบประมาณและทรัพยากรของทุกหน่วยงานเป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลสูงสดุ วิสัยทัศนโ์ รงเรียน โรงเรียนบ้านท่าอาจ ได้บริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานมุ่งพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความ เป็นมืออาชีพ ตลอดทั้งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกคนมีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นไปตามเป้าหมายของหลักสูตร ซึ่ง ชุมชนมีส่วนร่วมจัดการศึกษา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้และพัฒนาท้ัง ด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้เด็กทุกคนมีสุขภาพกายและจิตใจที่สมบูรณ์ ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการเรียน การสอน พนั ธกจิ ๑. จัดการศึกษาระดบั ปฐมวยั และระดับประถมศกึ ษา ๒. จัดกจิ กรรมการเรยี นรูท้ เ่ี น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั และพัฒนาแหลง่ เรยี นรใู้ นสถานศึกษา ๓. จดั ภมู ทิ ัศน์ในสถานศกึ ษา ให้มสี ภาพที่เออ้ื ต่อการเรียนรูน้ ่าดู นา่ อยแู่ ละนา่ เรยี น ๔. สง่ เสริมภูมิปัญญาท้องถิน่ และจัดกจิ กรรมการเรียนร้ตู ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๕. จดั กจิ กรรมท่สี ง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การพฒั นาคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียน ๖. จัดกจิ กรรมทส่ี ่งเสริมและปลกู จิตสำนกึ การอนุรักษ์ศลิ ปะ วฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณไี ทย และทอ้ งถน่ิ

เป้าประสงค์ ๑. นักเรยี นไดร้ บั บรกิ ารทางการศึกษาอย่างทัว่ ถงึ และมีคุณภาพตามเกณฑม์ าตรฐาน ๒. โรงเรียนมหี ลักสตู รสถานศึกษาทม่ี คี ุณภาพได้มาตรฐาน ๓. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการนำเทคโนโลยไี ปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวนั ๔. บคุ ลากรไดร้ บั การพัฒนาสมู่ าตรฐานวชิ าชีพ ๕. โรงเรียนมภี มู ทิ ศั นส์ วยงามและแหลง่ เรียนรตู้ ามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งอยา่ งหลากหลาย ๖. โรงเรยี นได้รับความร่วมมือจากชุมชนในการจดั การศึกษา วิสยั ทัศนก์ ลุม่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ กลุม่ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ มงุ่ พัฒนาใหผ้ เู้ รยี นเกิดความรู้ มีทกั ษะกระบวนการคดิ รเิ ร่มิ สรา้ งสรรคม์ ี จินตนาการ มีสมาธิ กลา้ แสดงออกอย่างอสิ ระ มีสุนทรยี ภาพ เหน็ คุณค่าซาบซง้ึ ในงานศิลปะ และรักษา รากฐานทางศลิ ปวฒั นธรรมของไทย หลักการกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ มีหลกั การท่ีสําคัญ ดงั น้ี ๑. พฒั นาความร้คู วามคดิ จินตนาการ ความสามารถของผ้เู รียนทางศลิ ปะ ตามศักยภาพของผูเ้ รยี น อัน เป็นพ้ืนฐานในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี ๒. จัดกิจกรรมกระบวนการเรยี นร้อู ย่างหลากหลายวธิ ีผเู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มในการจัดกระบวนการเรยี นรู้มี สนุ ทรียภาพ ชน่ื ชมความงาม และเห็นคุณค่าในงานศิลปะ ๓. ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนมคี วามเชอื่ มนั่ ในตนเองและพัฒนาผเู้ รยี นทัง้ ทางดา้ นร่างกาย จติ ใจ สตปิ ญั ญา อารมณ์ สงั คม ตลอดจนการนําไปสู่การหวงแหนภูมิปญั ญาท้องถน่ิ ซ่ึงเป็นรากฐานทางวฒั นธรรม ๔. จัดแผนการเรียนการสอนให้แก่ผเู้ รียน เพื่อใหผ้ ู้เรยี นไดม้ ีโอกาสเรียนรู้วชิ าศิลปะ ตามความถนดั และ ความสนใจ ๕. พฒั นาบุคลากรของกลุม่ สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ ใหม้ คี วามรแู้ ละทกั ษะ ตลอดจนนาํ ประสบการณ์มา ใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน โดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสําคัญ ๖. นิเทศและติดตามอยา่ งเปน็ ระบบ ในด้านการจัดการเรียนการสอนวชิ าศลิ ปะ ๗. จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน โดยการสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ซาบซึง้ ในงานศิลปะ และรัก ความเป็นไทย ๘. จัดแหล่งเรียนรู้ ใหม้ มี มุ หนงั สอื เอกสาร มมุ ศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง ป้ายนเิ ทศ มมุ สือ่ นวัตกรรม อปุ กรณ์ เกม และผลงานนกั เรียน ๙. จัดกจิ กรรมและเปิดโอกาสใหค้ รูและนักเรยี น นาํ เสนอผลงานตนเอง ในงานนิทรรศการทางวิชาการ ภายในโรงเรียน ๑๐.สนบั สนนุ สง่ เสริมใหค้ รผู ลิตสือ่ และนวัตกรรมประกอบการเรียนการสอนตามเนอื้ หาการเรียนรู้

๑๑.วัดผลและประเมินผลตามสภาพจรงิ ดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลายใหค้ รอบคลมุ ท้งั ทางดา้ นความรทู้ กั ษะ กระบวนการ สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รยี น และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ จุดมงุ่ หมายกล่มุ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ มุ่งพัฒนาให้ผเู้ รียนเกิดความรคู้ วามเขา้ ใจ มที ักษะวธิ ีการทางศลิ ปะ เกิด ความซาบซง้ึ ในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นแสดงออกอยา่ งอสิ ระในศิลปะแขนงต่างๆ ประกอบดว้ ย สาระสําคัญ คอื • ทัศนศลิ ป์ มีความรู้ความเขา้ ใจองค์ประกอบศิลป์ ทศั นธาตุ สร้างและนําเสนอผลงาน ทางทัศนศลิ ป์ จากจินตนาการ โดยสามารถใช้อปุ กรณท์ ีเ่ หมาะสม รวมทงั้ สามารถใชเ้ ทคนิค วิธกี าร ของศลิ ปนิ ในการสรา้ ง งานได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณค์ ุณคา่ งานทศั นศลิ ป์ เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ทัศนศิลป์ ประวัตศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ ค่างานศลิ ปะทเ่ี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ ภูมิปญั ญาไทยและสากล ช่นื ชม ประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาํ วัน • ดนตรี มีความรคู้ วามเข้าใจองคป์ ระกอบดนตรแี สดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะหว์ พิ ากษ์ วจิ ารณค์ ณุ ค่าดนตรี ถา่ ยทอดความรู้สึก ทางดนตรีอยา่ งอสิ ระ ชน่ื ชมและประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาํ วัน เข้าใจ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวัตศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คุณค่าดนตรี ท่เี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิ ปัญญาทอ้ งถน่ิ ภูมปิ ัญญาไทย และสากล รอ้ งเพลง และเล่นดนตรี ในรูปแบบต่างๆ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เสยี งดนตรี แสดงความรสู้ ึกท่ีมตี อ่ ดนตรใี นเชิงสนุ ทรยี ะ เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหว่างดนตรกี ับประเพณี วฒั นธรรม และเหตกุ ารณใ์ นประวัตศิ าสตร์ • นาฏศิลป์ มีความรคู้ วามเข้าใจองคป์ ระกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศลิ ป์ อย่างสรา้ งสรรค์ ใช้ ศัพท์เบื้องต้นทางนาฏศลิ ป์ วเิ คราะหว์ ิพากษ์ วจิ ารณ์คณุ ค่านาฏศลิ ป์ ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ความคิดอย่างอิสระ สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวในรปู แบบต่าง ๆ ประยุกตใ์ ชน้ าฏศลิ ป์ ในชวี ิตประจําวนั เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหว่าง นาฏศลิ ปก์ ับประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ ของนาฏศิลป์ท่ีเปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิ่น ภูมปิ ัญญาไทย และสากล สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น หลักสูตรโรงเรียนบ้านท่าอาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มงุ่ ใหผ้ ้เู รียนเกดิ สมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ ดังนี้ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึกและทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณอ์ นั จะเปน็ ประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสังคม การเลือกรบั หรือไม่รับข้อมลู ข่าวสารดว้ ยหลัก เหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อ ตนเองและสงั คม

๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนำไปสู่การสรา้ งองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพ่ือการตดั สินใจเกีย่ วกับตนเองและสังคมได้อยา่ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ ที่เผชิญไดอ้ ยา่ ง ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปญั หา มีการตดั สินใจท่ีมปี ระสิทธภิ าพโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ ต่อตนเอง สังคมและส่งิ แวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงานและการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึง ประสงคท์ สี่ ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ นื่ ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ มีทักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การ แก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสมและมคี ณุ ธรรม คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ หลกั สูตรโรงเรยี นบ้านทา่ อาจ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้ สามารถอยรู่ ่วมกับผู้อืน่ ในสังคมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ ในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก ดังน้ี 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ผูเ้ รยี นมีคุณลกั ษณะทแี่ สดงออกถงึ การเปน็ พลเมืองดีของชาติ ธำรงไว้ ซึ่งความเป็นชาติไทย ศรัทธา ยึดมั่นในศาสนาและเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนตามหลัก ศาสนาท่ีตนนบั ถือและแสดงความจงรกั ภกั ดีตอ่ สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ 2) ซ่ือสตั ย์สุจรติ ผเู้ รยี นมคี ุณลักษณะทีแ่ สดงออกถงึ การยึดมนั่ ในความถูกต้องประพฤติตรงตาม ความเปน็ จริงตอ่ ตนเองและผ้อู นื่ ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ประพฤติตรงตามความเป็นจริงท้งั ทางกาย วาจา ใจและ ยึดหลกั ความจรงิ ความถูกตอ้ งในการดำเนินชวี ิต มคี วามละอายและเกรงกลวั ต่อการกระทำผิด 3) มีวินัย ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์และระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั โรงเรยี นและสังคม ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคับของครอบครัว โรงเรยี นและสงั คมเป็นปกตวิ ิสยั ไมล่ ะเมิดสิทธิของผู้อนื่ 4) ใฝ่เรียนรู้ เรียนมีคุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหา ความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน มีความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอด้วยการ เลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด เผยแพร่ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้

5) อยู่อย่างพอเพียง ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่แสดงออกถึงการดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มี เหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีและปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ดำเนินชีวิต อยา่ งประมาณตน มเี หตผุ ล รอบคอบ ระมดั ระวัง อย่รู ว่ มกบั ผอู้ ่นื ดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ไม่เบียดเบยี นผู้อ่ืน เห็น คุณคา่ ของทรัพยากรตา่ ง ๆ มกี ารวางแผนปอ้ งกัน ความเสยี่ งและพร้อมรบั การเปลยี่ นแปลง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจและรับผิดชอบในการทำ หนา้ ทีก่ ารงานด้วยความเพยี รพยายาม อดทน เพ่ือใหง้ านสำเร็จตามเป้าหมายมคี วามตั้งใจปฏิบัติหน้าท่ีที่ได้รับ มอบหมายด้วยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ การปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงตาม เป้าหมายท่ีกำหนดดว้ ยความรบั ผดิ ชอบและมคี วามภาคภมู ิใจในผลงาน 7) รักความเปน็ ไทย ผเู้ รียนมคี ณุ ลักษณะทีแ่ สดงออกถงึ ความภาคภมู ใิ จ เหน็ คุณค่า ร่วมอนุรักษ์ สืบทอดภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่าง ถกู ตอ้ งและเหมาะสม มีความภาคภมู ิใจ เห็นคุณค่า ชน่ื ชม มสี ่วนรว่ มในการอนรุ ักษ์ สบื ทอดเผยแพร่ภูมิปัญญา ไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวฒั นธรรมไทย มคี วามกตญั ญกู ตเวที ใช้ภาษาไทยในการส่ือสารอย่าง ถูกต้องเหมาะสม 8) มีจติ สาธารณะ ผเู้ รยี นมคี ณุ ลักษณะท่ีแสดงออกถึงการมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมหรือสถานการณ์ ทกี่ ่อใหเ้ กิดประโยชนแ์ กผ่ ูอ้ ่นื ชุมชนและสงั คมดว้ ยความเต็มใจ กระตือรือร้น โดยไม่หวงั ผลตอบแทน มลี กั ษณะ เป็นผู้ให้ และช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความสุขส่วนตน เพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวม เข้าใจเห็นใจผู้ที่มีความ เดอื ดรอ้ น อาสาชว่ ยเหลอื สงั คม อนุรักษ์ส่งิ แวดลอ้ มด้วยแรงกาย สติปญั ญา ลงมือปฏบิ ัติเพ่ือแกป้ ญั หาหรือรว่ ม สรา้ งสรรคส์ ่ิงท่ีดีงามใหเ้ กดิ ในชมุ ชน โดยไมห่ วงั ส่งิ ตอบแทน กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ ทำไมตอ้ งเรียนศลิ ปะ กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ิลปะเปน็ กลมุ่ สาระทีช่ ว่ ยพฒั นาให้ผูเ้ รียนมคี วามคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มี จินตนาการทางศลิ ปะ ชืน่ ชมความงาม มีสนุ ทรียภาพ ความมีคุณคา่ ซ่ึงมีผลต่อคุณภาพชวี ิตมนุษย์ กจิ กรรม ทางศลิ ปะชว่ ยพัฒนาผู้เรยี นทง้ั ด้านร่างกาย จติ ใจ สตปิ ญั ญา อารมณ์ สงั คม ตลอดจนการนำไปสกู่ ารพฒั นา สงิ่ แวดลอ้ ม ส่งเสริมใหผ้ เู้ รยี นมีความเชอื่ มนั่ ในตนเอง อันเป็นพื้นฐานในการศกึ ษาตอ่ หรอื ประกอบอาชพี ได้ เรียนรอู้ ะไรในศิลปะ กล่มุ สาระการเรียนรูศ้ ิลปะมุง่ พัฒนาใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความรู้ความเขา้ ใจ มีทักษะวธิ กี ารทางศลิ ปะ เกิด ความซาบซ้ึงในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รยี นแสดงออกอย่างอสิ ระในศลิ ปะแขนงต่าง ๆ ประกอบดว้ ย สาระสำคัญ คือ • ทัศนศิลป์ มีความรู้ความเขา้ ใจองคป์ ระกอบศลิ ป์ ทศั นธาตุ สรา้ งและนำเสนอผลงาน ทางทศั นศลิ ป์ จากจินตนาการ โดยสามารถใชอ้ ุปกรณท์ เี่ หมาะสม รวมท้ังสามารถใชเ้ ทคนคิ วิธีการ ของศลิ ปนิ ในการสรา้ งงาน ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์คณุ คา่ งานทศั นศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์

ประวตั ศิ าสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานศลิ ปะทเี่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น ภมู ปิ ญั ญา ไทยและสากล ชื่นชม ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวัน • ดนตรี มีความรคู้ วามเข้าใจองคป์ ระกอบดนตรแี สดงออกทางดนตรอี ย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์คุณคา่ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวนั เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คุณค่าดนตรี ที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ภูมปิ ญั ญาไทย และสากล ร้องเพลง และเลน่ ดนตรี ในรูปแบบต่าง ๆ แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั เสยี งดนตรี แสดงความรสู้ กึ ท่ีมีต่อดนตรใี นเชิงสนุ ทรียะ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหว่างดนตรีกับประเพณี วฒั นธรรม และเหตุการณ์ในประวตั ิศาสตร์ • นาฏศลิ ป์ มคี วามรู้ความเขา้ ใจองคป์ ระกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ ใช้ศพั ทเ์ บอื้ งตน้ ทางนาฏศลิ ป์ วเิ คราะหว์ ิพากษ์ วิจารณค์ ุณคา่ นาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ความคิดอย่างอสิ ระ สรา้ งสรรคก์ ารเคลอื่ นไหวในรปู แบบตา่ ง ๆ ประยุกตใ์ ชน้ าฏศิลป์ ในชวี ิตประจำวนั เขา้ ใจความสมั พันธ์ ระหว่างนาฏศลิ ปก์ ับประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ ของนาฏศิลป์ที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญา ทอ้ งถิ่น ภูมปิ ญั ญาไทย และสากล สาระท่ี 1 ทศั นศิลป์ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สร้างสรรคง์ านทัศนศิลปต์ ามจนิ ตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ มาตรฐาน ศ 1.2 วิจารณค์ ณุ ค่างานทศั นศิลป์ ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ความคิดต่องานศิลปะอย่างอสิ ระ ช่นื ชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวัน เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างทศั นศลิ ป์ ประวตั ิศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ งาน ทศั นศลิ ปท์ เ่ี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ภมู ปิ ญั ญาไทย และสากล สาระท่ี 2 ดนตรี เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรีอยา่ งสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณค์ ุณคา่ มาตรฐาน ศ 2.1 ดนตรี ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ความคิดตอ่ ดนตรีอยา่ งอสิ ระ ชนื่ ชม และประยกุ ตใ์ ช้ ใน ชีวติ ประจำวัน มาตรฐาน ศ 2.2 เข้าใจความสมั พันธร์ ะหว่างดนตรี ประวตั ศิ าสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คณุ ค่าของ ดนตรที ี่ เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล

สาระท่ี 3 นาฏศิลป์ เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์วจิ ารณ์คณุ คา่ มาตรฐาน ศ 3.1 นาฏศลิ ป์ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคดิ อย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และประยกุ ต์ใช้ใน ชีวติ ประจำวัน มาตรฐาน ศ 3.2 เข้าใจความสมั พันธร์ ะหว่างนาฏศลิ ป์ ประวัติศาสตรแ์ ละวฒั นธรรม เหน็ คณุ คา่ ของนาฏศลิ ปท์ เี่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล คณุ ภาพผู้เรียนจบชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 • รู้และเข้าใจเกี่ยวกับรูปร่าง รูปทรง และจำแนกทัศนธาตุของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ มีทักษะพื้นฐานการใช้วัสดุอุปกรณ์ในการสรา้ งงานวาดภาพระบายสี โดยใชเ้ สน้ รูปร่าง รูปทรง สี และพื้นผิว ภาพปะติด และงานป้ัน งานโครงสรา้ งเคลื่อนไหวอย่างง่าย ๆ ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกจากเรื่องราว เหตุการณ์ ชีวิตจริง สร้างงานทัศนศิลป์ตามที่ตนชื่นชอบ สามารถแสดงเหตุผลและ วิธกี ารในการปรบั ปรงุ งานของตนเอง • รู้และเข้าใจความสำคัญของงานทัศนศิลป์ในชีวิตประจำวัน ที่มาของงานทัศนศิลป์ ในทอ้ งถน่ิ ตลอดจนการใช้วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการสร้างงานทัศนศลิ ปใ์ นทอ้ งถิ่น • รู้และเข้าใจแหล่งกำเนิดเสียง คุณสมบัติของเสียง บทบาทหน้าที่ ความหมาย ความสำคัญ ของบทเพลงใกล้ตัวที่ได้ยิน สามารถท่องบทกลอน ร้องเพลง เคาะจังหวะ เคลื่อนไหวร่างกาย ให้สอดคล้อง กบั บทเพลง อา่ น เขยี น และใชส้ ญั ลักษณ์แทนเสยี งและเคาะจงั หวะ แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั ดนตรี เสียงขับ ร้องของตนเอง มีส่วนรว่ มกบั กจิ กรรมดนตรีในชีวิตประจำวัน • รู้และเข้าใจเอกลักษณ์ของดนตรีในท้องถิ่น มีความชื่นชอบ เห็นความสำคัญ และประโยชนข์ องดนตรีต่อการดำเนินชีวิตของคนในทอ้ งถ่นิ • สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ สามารถแสดงท่าทางประกอบจังหวะเพลง ตามรูปแบบนาฏศิลป์ มมี ารยาทในการชมการแสดง รู้หนา้ ทีข่ องผแู้ สดงและผ้ชู ม รปู้ ระโยชน์ ของ การแสดงนาฏศลิ ปใ์ นชีวิตประจำวัน เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงท่ีเหมาะสมกับวัย • รู้และเข้าใจการละเล่นของเด็กไทยและนาฏศิลป์ท้องถิ่น ชื่นชอบและภาคภูมิใจ ในการละเล่นพ้ืนบ้าน สามารถเช่ือมโยงสงิ่ ที่พบเหน็ ในการละเลน่ พน้ื บ้านกับการดำรงชวี ิต ของคนไทย บอก ลักษณะเดน่ และเอกลักษณข์ องนาฏศิลป์ไทยตลอดจนความสำคัญของการแสดงนาฏศลิ ป์ไทยได้

จบช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 • รู้และเข้าใจการใช้ทัศนธาตุ รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว สี แสงเงา มีทักษะพื้นฐานในการใช้วัสดุ อุปกรณ์ ถา่ ยทอดความคดิ อารมณ์ ความรู้สกึ สามารถใช้หลักการจัดขนาด สัดส่วน ความสมดลุ นำ้ หนัก แสง เงา ตลอดจนการใช้สีคู่ตรงข้ามที่เหมาะสมในการสร้างงานทัศนศิลป์ 2 มิติ 3 มิติ เช่น งานสื่อผสม งานวาด ภาพระบายสี งานปั้น งานพิมพ์ภาพ รวมทั้งสามารถสร้างแผนภาพ แผนผัง และภาพประกอบเพื่อถ่ายทอด ความคิดจินตนาการเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ และสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง งานทัศนศิลป์ที่สร้างสรรค์ด้วยวัสดุอุปกรณ์และวิธีการที่แตกต่างกัน เข้าใจปัญหาในการจัดองค์ประกอบศิลป์ หลักการลดและเพิ่มในงานปั้น การสื่อความหมายในงานทัศนศิลป์ของตน รู้วิธีการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น ตลอดจน รแู้ ละเขา้ ใจคุณคา่ ของงานทัศนศิลปท์ ีม่ ผี ลต่อชวี ิตของคนในสังคม • รู้และเข้าใจบทบาทของงานทัศนศิลป์ที่สะทอ้ นชีวิตและสังคม อิทธิพลของความเชื่อ ความ ศรทั ธา ในศาสนา และวัฒนธรรมท่มี ผี ลตอ่ การสรา้ งงานทศั นศิลปใ์ นทอ้ งถ่ิน • รู้และเข้าใจเกี่ยวกับเสียงดนตรี เสียงร้อง เครื่องดนตรี และบทบาทหน้าที่ รู้ถึงการ เคลื่อนที่ขึ้น ลง ของทำนองเพลง องค์ประกอบของดนตรี ศัพท์สังคีตในบทเพลง ประโยค และอารมณ์ของ บทเพลงที่ฟัง ร้องและบรรเลงเครื่องดนตรี ด้นสดอย่างง่าย ใช้และเก็บรักษา เครื่องดนตรีอย่างถูกวิธี อ่าน เขียนโน้ตไทยและสากลในรูปแบบต่าง ๆ รู้ลักษณะของผู้ที่จะเล่นดนตรีได้ดี แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ องค์ประกอบดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึกของบทเพลงทีฟ่ ัง สามารถใชด้ นตรีประกอบกิจกรรมทางนาฏศิลปแ์ ละ การเล่าเรื่อง • รูแ้ ละเข้าใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งดนตรีกับวิถชี วี ติ ประเพณี วัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรม ต่าง ๆ เรื่องราวดนตรีในประวัติศาสตร์ อิทธิพลของวัฒนธรรมต่อดนตรี รู้คุณค่าดนตรีที่มาจากวัฒนธรรม ตา่ งกนั เห็นความสำคญั ในการอนุรกั ษ์ • รู้และเข้าใจองค์ประกอบนาฏศลิ ป์ สามารถแสดงภาษาทา่ นาฏยศพั ทพ์ น้ื ฐาน สร้างสรรคก์ าร เคลื่อนไหวและการแสดงนาฏศิลป์ และการละครง่าย ๆ ถ่ายทอดลีลาหรืออารมณ์ และสามารถออกแบบ เครอื่ งแตง่ กายหรืออปุ กรณ์ประกอบการแสดงงา่ ย ๆ เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งนาฏศลิ ป์และการละครกับสิ่ง ทีป่ ระสบในชวี ิตประจำวัน แสดงความคดิ เหน็ ในการชมการแสดง และบรรยายความรูส้ ึกของตนเองท่ีมีต่องาน นาฏศลิ ป์ • รู้และเข้าใจความสมั พนั ธ์และประโยชนข์ องนาฏศิลป์และการละคร สามารถเปรียบเทียบการ แสดงประเภทต่าง ๆ ของไทยในแต่ละท้องถิ่น และสิ่งที่การแสดงสะท้อนวฒั นธรรมประเพณี เห็นคุณค่าการ รักษาและสบื ทอดการแสดงนาฏศลิ ป์ไทย โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านทา่ อาจ

โครงสร้างเวลาเรยี น ระดบั ประถมศึกษา กล่มุ สาระการเรยี นรู้ / กจิ กรรม ป. ๑ เวลาเรียน ( ช่วั โมง / ปี ) ป. ๖ ระดับประถมศกึ ษา  กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๒๐๐ ๑๖๐ ภาษาไทย ๒๐๐ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๑๖๐ คณิตศาสตร์ ๘๐ ๘๐ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๘๐ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๔๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๔๐ ประวตั ศิ าสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ศลิ ปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ การงานอาชพี ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ภาษาต่างประเทศ ๘๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๔๐ รวมเวลาเรยี น ( พ้ืนฐาน ) ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐  รายวิชาเพิม่ เตมิ ๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๔๐ วิทยาการคำนวณ รวมเวลาเรยี น ( เพม่ิ เตมิ ) ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐  กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน ๓๐ ๓๐ กจิ กรรมแนะแนว ๑๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๑๐ กจิ กรรมนกั เรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ กจิ กรรมลูกเสือ / ยวุ กาชาด ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ กชจิ กุมรนรุมมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๔๑๐ ๑๔๐ ๑๔๐ ๔๑๐ รวมเวลาเรยี นกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรยี นท้งั หมด ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง / ปี จำนวนชั่วโมงที่จัดให้นักเรียนระดับประถมศึกษา ( ป.๑ - ป.๓ ) เรียนทั้งปี เท่ากับ ๑,๐๐๐ ชั่วโมง ระดับชั้นประถมศึกษา ( ป.๔ - ป.๖ ) เท่ากับ ๑,๐๐๐ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ / จุดเน้นการพัฒนาผู้เรียนท่ี ตอ้ งการเน้นเปน็ พเิ ศษ คอื กลมุ่ สาระการเรียนรูท้ ักษะภาษาไทย คณิตศาสตร์ เพือ่ พฒั นาการอ่านออก เขียนได้ ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ คดิ วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คดิ สร้างสรรคท์ ด่ี ี มปี ระโยชน์ มีความสนใจใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น โดยจัดการเรยี นการสอนและวัดผลประเมินผลเป็นรายปี โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษา ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔

รายวชิ ากิจกรรม/ เวลาเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ชวั่ โมง(ป)ี ชวั่ โมง(สับดาห)์ ภาษาไทย ๔ รหัสวิชา คณิตศาสตร์ ๔ ๘๔๐ ๒๑ ท ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔ ค ๑๔๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๔ ๑60 ๔ ว ๑๔๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ ๔ ส ๑๔๑๐๑ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๔ ๑60 ๔ ส ๑๔๑๐๒ ศลิ ปะ ๔ พ ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ๔ ๘๐ ๒ ศ ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๔ ง ๑๔๑๐๑ ๘0 ๒ อ ๑๔๑๐๑ รายวิชาเพมิ่ เตมิ รหสั วิชา วทิ ยาการคำนวน ๔ ๔๐ ๑ ว ๑๔๒๐๑ รหัสกิจกรรม กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๘0 ๒  กิจกรรมแนะแนว  กิจกรรมนักเรียน ๘0 ๒  ลกู เสือ/ยวุ กาชาด ๘๐ ๒  ชุมนุม  กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๘0 ๒ ๔๐ ๑ ๔๐ ๑ ๑๒๐ ๓ ๔๐ ๑ ๘๐ ๒ ๔๐ ๑ ๔๐ ๑ ๑๐ ผนวกในกจิ กรรม ลกู เสอื /ยวุ กาชาด รวมเวลาเรยี นทัง้ หมดตามโครงสรา้ งหลักสตู ร ๑,๐๐๐ ๒๕ คำอธบิ ายรายวชิ า ศ 14101 ศลิ ปะ ๔ กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะรายวชิ า รายวชิ าพืน้ ฐาน เวลา ๘๐ ชัว่ โมง ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ศึกษา เปรยี บเทียบ รูปลกั ษณะของรูปร่าง รูปทรงในธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม และงานทศั นศิลป์ อภปิ รายเก่ียวกบั อทิ ธิพลของสีวรรณะอนุ่ และสวี รรณะเยน็ ที่มตี อ่ อารมณข์ องมนุษย์ จำแนกทศั นธาตุของสิง่ ต่างๆ ในธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม และงานทศั นศลิ ป์ โดยเน้นเรอ่ื งเสน้ สี รปู รา่ ง รูปทรง พืน้ ผวิ และพื้นท่ี

วา่ ง มีทกั ษะพืน้ ฐานในการใชว้ สั ดุ อปุ กรณส์ ร้างสรรค์งานพมิ พภ์ าพและและมที กั ษะพนื้ ฐานในการใชว้ สั ดุ อุปกรณใ์ นการวาดภาพระบายสี ลักษณะภาพท่เี นน้ การจดั ระยะ ความลกึ น้ำหนกั และแสงเงาในภาพ วาดภาพระบายสโี ดยใชส้ วี รรณะอนุ่ และวรรณะเยน็ ถา่ ยทอดความรู้สกึ และจินตนาการ เปรยี บเทียบ ความคิด ความรสู้ กึ ผา่ นในงานทศั นศลิ ป์ของตนเองและผอู้ ่ืน เลอื กใช้วรรณะสเี พอ่ื ถ่ายทอดอารมณ์ความรสู้ ึก ในการสรา้ งงานทศั นศ์ ลิ ป์ ระบแุ ละอภปิ รายเกยี่ วกับงานทัศนศิลป์ในเหตกุ ารณแ์ ละงานเฉลิมฉลองของ วฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ บรรยายงานทศั นศลิ ป์ทม่ี าจากวฒั นธรรมต่างๆ ระบรุ ปู รา่ ง ลกั ษณะของเคร่อื งดนตรีทเี่ หน็ และได้ยนิ ในชวี ติ ประจำวนั บอกประโยคเพลงอยา่ งงา่ ย จำแนกประเภทของเครอ่ื งดนตรีท่ใี นเพลงท่ีฟัง ระบทุ ศิ ทางการเคลื่อนทีข่ ึ้น-ลงงา่ ยๆ ของทำนอง รปู แบบ จังหวะ และความเรว็ ของจงั หวะในเพลงทีฟ่ ัง การอ่าน เขยี นโน้ตไทยและสากล การรอ้ งเพลงโดยใช้ ชว่ งเสียงทเี่ หมาะสมกบั ตนเอง การใช้และเกบ็ เครอ่ื งดนตรีอย่างถกู ตอ้ งและปลอดภัย ระบวุ า่ ดนตรีสามารถใช้ ในการส่ือเรอื่ งราว บอกถงึ แหลง่ ทีม่ าและความสมั พันธ์ของวิถชี ีวติ ไทยที่สะทอ้ นในดนตรแี ละเพลงท้องถิ่น ระบุ ความสำคญั ในการอนรุ ักษ์ส่งเสริมวฒั นธรรมทางดนตรี ระบุทักษะพื้นฐานทางนาฏศลิ ปแ์ ละการใชส้ อื่ ความหมายและอารมณ์ ใชภ้ าษาท่าและนาฏศพั ทห์ รือ ศพั ท์ทางการละครง่ายๆในการถ่ายทอดเรื่องราว แสดงการเคลอ่ื นไหวในจงั หวะต่างๆในความคดิ ของตนเอง แสดงนาฏศิลปเ์ ปน็ คู่ เป็นหมู่คณะ และเล่าถงึ สง่ิ ท่ีชอบในการแสดงโดยเนน้ จุดสำคญั ของเรอื่ งและลักษณะเดน่ ของตวั ละคร อธิบายประวัติความเปน็ มาของนาฏศิลปห์ รอื ชดุ การแสดงอย่างงา่ ยๆ เปรยี บเทยี บการแสดงนาฏศิลป์ กบั การแสดงทม่ี าจากวัฒนธรรมอน่ื อธบิ ายความสำคญั ของการแสดงความเคารพในการเรยี นและการแสดง นาฏศลิ ป์ ระบเุ หตุผลทีค่ วรรกั ษาและสืบทอดการแสดงนาฏศิลป์ ตวั ชว้ี ัด ศ ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘, ป.๔/๙ ศ ๑.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ศ ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗ ศ ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ศ ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕

ศ ๓.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ รวม ๒๙ ตวั ชีว้ ดั การวัดและประเมินผลการเรยี นเรยี นรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน เพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบผลสำเร็จ นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผูเ้ รียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวดั และประเมินผลการ เรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับชาติ กา ร วัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ สารสนเทศที่แสดงพัฒนาการความก้าวหน้า ความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ต่อการสง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นเกดิ การพฒั นาและเรียนร้อู ยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพ การวดั และประเมินผลการเรียนรแู้ บ่งออกเปน็ ๔ ระดบั มีรายละเอียด ดังน้ี ๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน / ภาระงาน แฟ้มสะสม งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน ประเมินเพ่ือน ผปู้ กครองร่วมประเมนิ ในกรณีท่ไี ม่ผ่านตวั ช้วี ดั ให้มีการสอนซอ่ มเสรมิ การประเมินระดับช้ันเรียนเปน็ การตรวจสอบวา่ ผูเ้ รียนมพี ัฒนาการความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ อัน เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนา ปรบั ปรุงและสง่ เสรมิ ในด้านใด นอกจากน้ียังเป็นขอ้ มูลใหผ้ ู้สอนใชป้ รับปรงุ การเรยี นการสอนของตนด้วย ท้ังน้ี โดยสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชว้ี ดั ๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดำเนินการเพือ่ ตัดสนิ ผลการเรียน ของผู้เรียนเป็นรายปี / รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของสถานศึ กษาว่า ส่งผลต่อ การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของ ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการหรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ผปู้ กครองและชุมชน

๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ี การศึกษาตามมาตรฐานการเรยี นรู้ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน เพือ่ ใช้เป็นขอ้ มูลพน้ื ฐานในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมิน คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วย ความรว่ มมือกับหน่วยงานตน้ สังกัดในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากน้ียังได้จากการตรวจสอบทบทวนขอ้ มูล จากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา ๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาตอ้ งจดั ใหผ้ ู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากก าร ประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับ คณุ ภาพการจัดการศกึ ษา ตลอดจนเปน็ ขอ้ มลู สนบั สนุนการตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาทีจ่ ะต้องจดั ระบบดูแลชว่ ยเหลือ ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ี จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่ม ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล จากการประเมนิ จงึ เป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นไดท้ นั ท่วงที ปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี น ไดร้ ับการพฒั นาและประสบความสำเรจ็ ในการเรยี น สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล การเรียนของสถานศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งและเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏบิ ัติทีเ่ ปน็ ขอ้ กำหนดของหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้บุคลากรท่เี ก่ยี วขอ้ งทุกฝ่ายถือปฏิบตั ริ ว่ มกัน เกณฑ์การจบการศกึ ษา หลักสูตรโรงเรียนบ้านท่าอาจ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ( ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐ ) กำหนดเกณฑส์ ำหรบั การจบการศึกษา ดังนี้ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศกึ ษา ๑. ผ้เู รยี นเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน จำนวนไม่นอ้ ยกว่า ๘๔๐ ชวั่ โมง / ปี ตามโครงสรา้ งหลักสตู ร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 รายวชิ าเพม่ิ เตมิ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง/ปี และมี ผลการประเมนิ รายวชิ าพน้ื ฐานผ่านทกุ รายวชิ า ๒. ผเู้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน ระดับ “ผ่าน” ข้ึนไป

๓. ผเู้ รยี นมผี ลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ผา่ น” ขนึ้ ไป ๔. ผเู้ รยี นตอ้ งเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนและได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี น “ผา่ น” ทกุ กิจกรรม เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรียน ๑. การตัดสนิ การใหร้ ะดบั และการรายงานผลการเรยี น ๑.๑ การตัดสินผลการเรยี น ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนั้น ผู้สอนต้องคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนเป็นหลักและต้อง เก็บข้อมลู ของผู้เรยี นทุกด้านอย่างสมำ่ เสมอและต่อเนื่องในแตล่ ะภาคเรียน รวมท้งั สอนซอ่ มเสริมผู้เรียนให้พัฒนา จนเต็มตามศักยภาพ ระดบั ประถมศกึ ษา (๑) ผู้เรยี นต้องมเี วลาเรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมด (๒) ผ้เู รยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตวั ชี้วดั และผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด (๓) ผ้เู รยี นตอ้ งไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา (๔) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมินและมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในการอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยและสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า สามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ ให้อยูใ่ นดลุ พนิ ิจของสถานศกึ ษาท่จี ะผ่อนผนั ให้เลือ่ นชนั้ ได้ แตห่ ากผู้เรียน ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตงั้ คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็น สำคัญ ๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน ระดับประถมศกึ ษา ในการตัดสนิ เพอื่ ใหร้ ะดบั ผลการเรียนรายวชิ า สถานศึกษาสามารถให้ระดับ ผลการเรียนหรอื ระดับคุณภาพการปฏิบัติของผูเ้ รยี นเป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบรอ้ ยละและระบบ ทใี่ ชค้ ำสำคัญสะท้อนมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผลการ ประเมินเปน็ ดเี ยี่ยม ดแี ละผา่ น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผูเ้ รียน ตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากำหนดและให้ผลการเขา้ ร่วมกิจกรรมเป็นผ่านหรือไม่ ผ่าน

๑.๓ การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรียนเป็นการสอ่ื สารใหผ้ ปู้ กครองและผูเ้ รยี นทราบความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ หรอื อยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครัง้ การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่สะท้อน มาตรฐานการเรียนรกู้ ลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๒. เกณฑ์การจบการศึกษา เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา ๑. ผู้เรยี นเรียนรายวชิ าพื้นฐานจำนวน ๘๔๐ ชว่ั โมง รายวชิ าเพ่มิ เตมิ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง และมี ผลการประเมินรายวชิ าพนื้ ฐานผา่ นทกุ รายวชิ า ๒. ผู้เรียนตอ้ งมีผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน ระดับ “ผ่าน” ขึน้ ไป ๓. ผ้เู รยี นตอ้ งมีผลการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ข้นึ ไป ๔. ผู้เรยี นตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นและไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี น “ผ่าน” ทุกกจิ กรรม สำหรับการจบการศึกษาสำหรบั กลุม่ เปา้ หมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผ้มู ี ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้ คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการวัดและประเมินผลการเ รียนรู้ ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เอกสารหลักฐานการศึกษา เอกสารหลกั ฐานการศึกษาเปน็ เอกสารสำคญั ทบี่ นั ทกึ ผลการเรยี น ขอ้ มลู และสารสนเทศทีเ่ กย่ี วข้อง กับพัฒนาการของผเู้ รียนในดา้ นต่าง ๆ แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท ดงั นี้ ๑. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทก่ี ระทรวงศกึ ษาธิการกำหนด ๑.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรยี นและรับรองผลการเรยี นของผเู้ รียนตาม รายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ สถานศึกษาและผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารนี้ให้ ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ( ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ) หรือเมื่อลาออก จากสถานศึกษาในทุกกรณี ๑.๒ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัตกิ ารจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชือ่ และขอ้ มูล ของผูจ้ บการศึกษาระดับประถมศึกษา ( ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ ) ๒. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีส่ ถานศกึ ษากำหนด

เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง ผลการเรยี นและเอกสารอ่ืน ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้ การเทียบโอนผลการเรียน สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่าง ๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก แหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษา โดยครอบครวั การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรี ยนแรกหรือต้นภาคเรียนแรกท่ี สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งนี้ ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องใน สถานศกึ ษาท่ีรับเทียบโอนอย่างนอ้ ย ๑ ภาคเรียน โดยโรงเรียนบา้ นท่าอาจ พิจารณาดำเนนิ การ ดังนี้ ๑. พิจารณาจากหลกั ฐานการศึกษา ซึ่งจะให้ขอ้ มูลแสดงความร้คู วามสามารถของนกั เรยี นในดา้ น ต่าง ๆ ๒. พิจารณาจากความรู้ ประสบการณต์ รงจากการปฏบิ ัตจิ รงิ การทดสอบ การสมั ภาษณ์ ๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัตจิ รงิ ๔. ในกรณมี เี หตผุ ลจำเป็นระหวา่ งเรยี น นักเรียนสามารถแจ้งความจำนงขอไปศกึ ษาบางรายวิชาใน สถานศึกษา / สถานประกอบการอ่นื แลว้ นำมาเทยี บโอนได้ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ บริหารหลกั สูตรและวชิ าการของโรงเรียนบ้านท่าอาจ ๕. การเทยี บโอนผลการเรียนใหค้ ณะกรรมการการเทียบโอนโรงเรยี นบ้านทา่ อาจ เปน็ ผู้ดำเนนิ การ การบริหารจัดการหลกั สตู ร ๖. การเทยี บโอนให้ดำเนนิ การดังนี้ ๖.๑ กรณีผู้ขอเทียบโอนมีผลการเรียนมาจากหลักสูตรอื่น ให้นำรายวิชาหรือหน่วยกิตที่มี ตัวชี้วัดมาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง จุดประสงค์ เนื้อหาที่สอดคล้องกันไม่ น้อยกว่า รอ้ ยละ ๖๐ มาเทียบโอนผลการเรยี นและพจิ ารณาใหร้ ะดับผลการเรียนให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่รับ เทยี บโอน ๖.๒ กรณีการเทียบโอนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ให้พิจารณาจากเอกสารหลักฐาน โดยให้มีการประเมินด้วยเคร่ืองมือที่หลากหลายและให้ระดับผลให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่รับเทียบ โอน ๖.๓ กรณีการเทียบโอนที่นักเรียนเข้าโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ให้ดำเนินการตาม ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องหลักการและแนวปฏิบัติการเทียบชั้นการศึกษาสำหรับนักเรียนท่ี เข้ารว่ มโครงการแลกเปลี่ยน

ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตร นั้น หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มี บทบาทหนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบในการพัฒนา สนบั สนนุ ส่งเสรมิ การใช้และพฒั นาหลักสูตรให้เป็นไปอย่าง มีประสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ให้การดำเนนิ การจดั ทำหลกั สูตรสถานศึกษาและการจดั การเรยี นการสอนของสถานศึกษา มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ใน ระดบั ชาติ ระดบั ท้องถน่ิ ได้แก่ สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา หนว่ ยงานตน้ สังกดั อื่น ๆ เป็นหนว่ ยงานที่มีบทบาท ในการขับเคลื่อนคณุ ภาพการจดั การศึกษา เปน็ ตัวกลางที่จะเช่อื มโยงหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานที่ กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของ สถานศึกษา ส่งเสรมิ การใช้และพฒั นาหลกั สตู รในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสำเรจ็ โดยมภี ารกจิ สำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งท่ี เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น รวมทงั้ เพมิ่ พูนคุณภาพการใช้หลกั สูตรดว้ ยการวิจยั และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนบั สนุน ส่งเสริม ติดตาม ผล ประเมินผล วิเคราะห์และรายงานผลคณุ ภาพของผู้เรยี น สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบ การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพน้ื ฐานและรายละเอยี ดทเี่ ขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาหรือหน่วยงาน สังกัดอื่น ๆ ในระดบั ท้องถ่ินได้จัดทำ เพิ่มเติม รวมทั้งสถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญา ทอ้ งถ่นิ และความต้องการของผู้เรยี น โดยทกุ ภาคสว่ นเข้ามามสี ว่ นร่วมในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา

ตารางวิเคราะหหลักสตู ร ระดับช้นั ประถมศ สาระท่ี 1 ทศั นศิลป มาตรฐาน ตวั ช้วี ดั สาระสําคญั ความร มาตรฐาน ศ1.1 ศ 1.1 ป.4/1 เสน สี รูปราง รูปทรง สามารถอธบิ สรางสรรคงาน เปรียบเทียบ เปนสงิ่ สาํ คญั สําหรบั การสรางผล ลกั ษณะของ ทศั นศลิ ปตามจินตนาการแ รูปลกั ษณะ งานทัศนศลิ ปเราสามารถสังเกต รปู ทรงในธรร ละ ความคิดสรางสรรค ของรูปราง เสน สี รูปราง รูปทรง สง่ิ แวดลอมต วเิ คราะห วพิ ากษ รูปทรง ไดจากธรรมชาติและสง่ิ แวดลอม ทเี่ กีย่ วของใน วจิ ารณคุณคางาน ในธรรมชาติ สามารถสรางความแลกเปลย่ี น ทศั นศลิ ปได ทัศนศิลปถายทอดความ ส่ิงแวดลอม ใหมใหกบั งานทศั นศลิ ปไดดวย รสู กึ ความคิดตองานศิลปะ และงาน การใชพนื้ ทีว่ างและพน้ื ผวิ ทศั นศลิ ป์ อยางอสิ ระ ชื่นชม และประยกุ ตใชใน ชวี ติ ประจาํ วัน

ร กลมุ สาระการเรยี นรศู ลิ ปะ ศกึ ษาปที่ 4 รู (K) ทกั ษะกระบวนการ คุณลักษณะอัน สาระการเรียนรู (P) พึงประสงค แกนกลาง บาย (A) งรปู ราง รปู ราง รูปทรงใน รมชาติ 1.ความสามารถในการส่อื สารและ • วินัย ธรรมชาติ ตําแหนง ส่งิ แวดลอม นงาน สือ่ ความหมาย • ใฝเรยี นรู้ และงานทัศนศลิ ป 2.ความสามารถในการคิด • มงุ่ มัน่ ในการ 3.ความสามารถในการแกปญหา • ทํางาน 4.ความสามารถในการใชทักษะชีวิต 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

มาตรฐาน ตัวชวี้ ดั สาระสําคญั ความร มาตรฐาน ศ1.1 ศ 1.1 ป.4/2 สมี อี ิทธพิ ลตอมนษุ ย สามารถเปรยี สรางสรรคงาน อภปิ ราย สีถกู แบงเปนสีวรรณะอนุ และ ความแตกตา ทัศนศลิ ปตามจนิ ตนาการ เกย่ี วกบั วรรณะเย็นเราควรเลอื กใชสใี ห้ สี วรรณะอนุ และความคดิ สรางสรรค อทิ ธพิ ล สอดคลองกบั การถายทอดความรู วรรณะเย็น แ ของสวี รรณะ สกึ และจนิ ตนาการและควรหมนั่ วธิ ีการท่ตี างก วเิ คราะห วพิ ากษ อนุ และสี พฒั นาฝมือของตนเอง วจิ ารณคณุ คางาน ทัศนศิลปถายทอดความ วรรณะ ควบคูไปกบั การเรียนรจู ากบุคคล รสู กึ ความคดิ ตองานศลิ ปะ เยน็ ทมี่ ีตอ รอบตัว อารมณของ อยางอิสระ ชน่ื ชม มนษุ ย และประยกุ ตใชใน ชวี ิตประจาํ วัน

ทกั ษะกระบวนการ คณุ ลกั ษณะอนั สาระการเรยี นรู (P) แกนกลาง รู (K) พึงประสงค (A) อทิ ธิพลของสี วรรณะอนุ ยบเทยี บ 1.ความสามารถในการสอ่ื สารและ • วินัย และวรรณะเย็น างระหวาง ส่อื ความหมาย • ใฝเรยี นรู้ นและสี 2.ความสามารถในการคิด • มงุ่ ม่นั ในการ และ 3.ความสามารถในการแกปญหา ทาํ งาน กนั ได 4.ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระสาํ คญั ความร มาตรฐาน ศ1.1 ศ 1.1 เสน สี รูปราง รูปทรง สามารถวาดภ สรางสรรคงาน ป.4/3 เปนส่ิงสาํ คญั โดยใชเทคนิค ทศั นศิลปตามจินตนาการแ จาํ แนก สาํ หรบั การสรางผลงานทศั นศลิ ป เสน สี รูปรา ละ ความคิดสรางสรรค ทัศนธาตุ เราสามารถสงั เกตเสน สี รูปราง รูปทรง พื้นผ ของสง่ิ ตาง ๆ รปู ทรง ไดจากธรรมชาตแิ ละ พ้นื ที่วางได วเิ คราะห วพิ ากษ ในธรรมชาติ ส่ิงแวดลอม สามารถสราง วจิ ารณคณุ คางาน ทัศนศลิ ปถายทอดความ และสง่ิ แวด ความแลกเปลย่ี นใหมใหกบั งาน รูสกึ ความคดิ ตองานศิลปะ ลอมและ ทศั นศิลปไดดวยการใชพ้นื ทว่ี าง งานทศั นศลิ ป และพ้ืนผิว อยาง อสิ ระ ช่นื ชม โดยเนนเร่อื งเ และประยุกตใชใน สน สี รปู ราง ชวี ิตประจาํ วัน รูปทรง พนื้ ผวิ และพื้นทว่ี าง

รู (K) ทักษะกระบวนการ คณุ ลักษณะอัน สาระการเรียนรู (P) พึงประสงค แกนกลาง ดภาพ (A) คของ เสน สี รูปราง าง 1.ความสามารถในการส่อื สารและ • วินยั รูปทรง ผวิ และ พืน้ ผิว สือ่ ความหมาย • ใฝเรยี นรู้ และพน้ื ทว่ี าง ในธรรมชาติ 2.ความสามารถในการคิด • มงุ่ ม่นั ในการ สิ่งแวดลอมและงา น ทัศนศลิ ป 3.ความสามารถในการแกปญหา ทํางาน 4.ความสามารถในการใชทักษะชีวติ 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด สาระสาํ คญั ควา มาตรฐาน ศ1.1 ศ 1.1 ป.4/4 มี การพมิ พภาพเปนการสรางสรรค สามารถส สรางสรรคงาน ทักษะพื้นฐานใน ทศั นศลิ ปทีใ่ ชแมพมิ พ ผลงานพ ทศั นศลิ ปตามจนิ ตนาการและ การใชวสั ดุ โดยเนนก ความคิดสรางสรรค วเิ คราะห อปุ กรณ ถายทอด วิพากษ วจิ ารณคณุ คางาน สรางสรรคงาน ทัศนศลิ ป ถายทอดความรสู ึก พิมพภาพ ความคดิ ตองานศลิ ปะ อยาง อสิ ระ ช่นื ชมและประยุกต์ ใชในชีวติ ประจําวนั

ามรู (K) ทกั ษะกระบวนการ คณุ ลกั ษณะอัน (P) พงึ ประสงค สาระการเรยี นรู สรางสรรค 1.ความสามารถในการส่ือสารและ (A) แกนกลาง พมิ พภาพ ส่ือความหมาย • วินัย การใชวสั ดุ การ 2.ความสามารถในการคิด • ใฝเรียนรู้ อุปกรณ ดจินตนาการ 3.ความสามารถในการแกปญหา • มงุ่ มนั่ ในการ สรางงานพมิ พภาพ ทํางาน 4.ความสามารถในการใชทักษะชีวิต 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

มาตรฐาน ตัวชี้วดั สาระสาํ คญั ควา มาตรฐาน ศ1.1 ศ 1.1 ป.4/5 มี สมี ีอิทธพิ ลตอมนษุ ย สามารถส สรางสรรคงานทศั นศิลปตาม ทกั ษะพ้นื ฐานใน สถี ูกแบงเปนสีวรรณะอนุ และ ผลงานภ จินตนาการและความคดิ การใชวสั ดุ วรรณะเย็นเราควรเลอื กใชสีใหส อนุ และส อดคลองกับการถายทอดความรู โดยเนนก สรางสรรค วิเคราะห วิพากษ อปุ กรณ วิจารณคณุ คางาน ทัศนศลิ ป สรางสรรคงาน สึกและจินตนาการและควรหมัน่ ตาํ แหนง ถายทอดความรสู ึกความคิด วาดภาพระบาย พัฒนาฝมอื ของตนเองควบคไู ปกั องคประ บการเรยี นรจู ากบคุ คลรอบตัว ในภาพได ตองานศิลปะ อยางอสิ ระ สี เหมาะสม ช่ืนชม และประยกุ ตใชใน สวยงาม ชวี ติ ประจําวัน

ามรู (K) ทักษะกระบวนการ คุณลกั ษณะอนั (P) พงึ ประสงค สาระการเรยี นรู (A) แกนกลาง สรางสรรค 1.ความสามารถในการสือ่ สารและ • วนิ ยั การใชวสั ดุ • ใฝเรียนรู้ อุปกรณ ภาพสวี รรณะ สอื่ ความหมาย สวี รรณะเย็น 2.ความสามารถในการคดิ • มงุ่ มน่ั ในการ ในการวาดภาพ การจัดวาง 3.ความสามารถในการแกปญหา ทาํ งาน ระบายสี งทาง 4.ความสามารถในการใชทักษะชีวติ • จติ สาธารณะ ะกอบศิลป 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี • อยอู ยางพอ ดอยาง เพียง มและ

มาตรฐาน ตัวชวี้ ัด สาระสําคญั ควา มาตรฐาน ศ1.1 ศ1.1 ป.4/6 น้ำหนักแสงเงา การจดั ระยะ สามารถ สรางสรรคงานทัศนศิลปตาม บรรยายลกั ษณะ ความลึกในภาพเปนสิ่งสําคัญท่ี องคประ จินตนาการและความคดิ สราง ของภาพ โดย จะทาํ ใหภาพวาดดูมมี ติ แิ ละมี และสอ่ื ค สรรค วิเคราะห วิพากษ เนนเรื่องการจัด ความสมจริง ในงานท วจิ ารณคุณคางาน ทศั นศลิ ป ระยะ ใกล กลาง ของตนเ ถายทอดความรสู กึ ความคดิ ต ใกล ความลกึ วิธีการป องานศลิ ปะ อยาง อิสระ ต้ืน น้ําหนักและ ขนึ้ ได ช่นื ชม และประยุกตใชใน แสงเงาในภาพ ชวี ติ ประจาํ วนั

ามรู (K) ทกั ษะกระบวนการ คุณลักษณะอัน (P) พงึ ประสงค สาระการเรยี นรู (A) แกนกลาง ถจดั 1.ความสามารถในการส่อื สารและ • มีวินัย การจดั ระยะความ ลึกนํา้ หนกั และ ะกอบศิลป ส่ือความหมาย • ใฝเรยี นรู แสงเงา ความหมาย 2.ความสามารถในการคดิ • มงุ มัน่ ในการ ทํางาน ทัศนศิลป 3.ความสามารถในการแกปญหา เองและบอก 4.ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ ปรบั ปรุงใหดี 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั สาระสําคญั ควา มาตรฐาน ศ1.1 ศ 1.1 ป.4/8 สีมอี ทิ ธพิ ลตอมนุษย สามารถ สรางสรรคงาน เปรียบเทยี บ สีถกู แบงเปนสีวรรณะอนุ และว ความรสู ทัศนศิลปตามจนิ ตนาการและ ความคดิ รรณะเยน็ เราควรเลือกใชสีใหส ทอดผาน ความคดิ สรางสรรค วเิ คราะห ความรสู ึกที่ อดคลองกับการถายทอดความ ทศั นศิล รูสกึ และจนิ ตนาการและควรห ของตนเ วพิ ากษ วิจารณคุณคางาน ถายทอดผาน มั่นพัฒนาฝมอื ของตนเองควบ บคุ คลอื่น ทัศนศิลป ถายทอดความรสู ึก งานทศั นศิลป คูไปกบั การเรยี นรจู ากบุคคล ความคดิ ตองานศิลปะ อยาง ของตนเองและ รอบตัว อสิ ระ ชื่นชม บคุ คลอ่นื และประยุกตใชใน ชวี ติ ประจาํ วนั

ามรู (K) ทกั ษะกระบวนการ คุณลกั ษณะอนั (P) พงึ ประสงค สาระการเรียนรู ถบอก (A) แกนกลาง สกึ ที่ถาย นงาน 1.ความสามารถในการสอื่ สารและ • มีวนิ ัย ความเหมือนและ ลป ความแตกตางใน เองและ สอื่ ความหมาย • ใฝเรยี นรู นได งานทัศนศลิ ป 2.ความสามารถในการคิด • มงุ มนั่ ในการ ความคดิ ทํางาน ความรสู ึกทถี่ าย 3.ความสามารถในการแกปญหา ทอดในงานทัศน 4.ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ • ซอื่ สตั ย ศลิ ป 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

มาตรฐาน ตัวชี้วดั สาระสาํ คญั ควา มาตรฐาน ศ1.1 ศ 1.1 ป.4/9 สีมีอทิ ธิพลตอมนษุ ย สามารถ สรางสรรคงานทศั นศลิ ปตาม เลือกใชวรรณะสี จินตนาการและความคิด เพือ่ ถายทอด สถี ูกแบงเปนสี ความรสู สรางสรรค วเิ คราะห วพิ ากษ อารมณ วจิ ารณคณุ คางาน ทศั นศิลป ความรสู ึกในการ วรรณะอนุ และวรรณะเยน็ สรางงาน ถายทอดความรสู กึ ความคิดต สรางงาน องานศลิ ปะ อยางอสิ ระ ทัศนะศิลป เราควรเลอื กใชสใี หสอดคลอง ศิลปผาน ชื่นชม และประยกุ ตใชใน ชีวติ ประจาํ วัน กบั การถายทอดความรสู ึกและ วรรณะส จนิ ตนาการและควรหม่ัน พฒั นาฝมือของตนเอง ควบคูไปกบั การเรยี นรจู ากบคุ คล รอบตวั

ามรู (K) ทกั ษะกระบวนการ คุณลกั ษณะอัน (P) พึงประสงค สาระการเรยี นรู ถบอก (A) แกนกลาง สึกในการ นทัศนะ 1.ความสามารถในการสื่อสารและ • มีวินัย การเลอื กใช นผลงาน วรรณะสี สี สอื่ ความหมาย • ใฝเรยี นรู เพอื่ ถายทอด 2.ความสามารถในการคิด • มงุ มั่นในการ อารมณ • ทาํ งาน ความรสู กึ 3.ความสามารถในการแกปญหา 4.ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต จติ สาธารณะ 5ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด สาระสาํ คญั ควา มาตรฐาน ศ 1.2 เขาใจ ศ 2.1 ป.4/1 งานทศั นศิลปในทองถนิ่ เปน บอกลกั ความสัมพันธระหวาง ทศั นศลิ ป ประวัติศาสตร ระบแุ ละ งานที่มคี ุณคาสืบทอดกนั มาตั้ง แบบขอ และวฒั นธรรมเห็นคณุ คา งานทศั นศลิ ปที่เปน อภปิ ราย แตโบราณจนถึงปจจุบัน ทัศนศิล มรดกทางวัฒนธรรม เกีย่ วกบั งาน จนเชอื่ มโยงกับเหตุการณงาน ในแหลง ภูมปิ ญญาทองถ่นิ ทศั นศิลป ใน ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปญญาไทยและ สากล เหตการณและ นิทรรศก งานเฉลมิ ฉลอง ทองถน่ิ นน้ั ๆ ของวฒั นธรรม ในทองถ่นิ สรางเปนผลงานทม่ี ี เอกลกั ษณประจําทองถนิ่ ดัดแปลงสรางสรรคใหมีความ สวยงามมคี า ควรแกการอนรุ กั ษและรกั ษาใ หกับคู กบั ประเทศไทย

ามรู (K) ทักษะกระบวนการ คณุ ลักษณะอัน (P) พึงประสงค สาระการเรยี นรู (A) แกนกลาง กษณะรูป 1.ความสามารถในการสอื่ สารและ • มวี ินัย สามารถสำรวจ องงาน งานทัศนศลิ ปใน ลป ส่ือความหมาย • ใฝเรยี นรู งเรยี นรหู รอื ทองถ่ินและ การศลิ ปะ 2.ความสามารถในการคดิ • มงุ มน่ั ในการ บนั ทกึ ขอมูลของ ทาํ งาน ผลงานทศั นศลิ ป 3.ความสามารถในการแกปญหา 4.ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต • รกั ความเปน 5ความสามารถในการใชเทคโนโลยี ไทย • รกั ชาติ ศาสน กษตั ริย

มาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั สาระสาํ คญั ควา มาตรฐาน ศ 1.2 เขาใจ ศ 2.2 ป.4/2 งานทศั นศลิ ปในทองถนิ่ เปน สามารถ ความสมั พนั ธระหวาง บรรยายเกี่ยวกับ ทัศนศิลป ประวตั ศิ าสตร งานทีม่ คี ณุ คาสืบทอดกันมาตั้ง เกีย่ วกับ และวฒั นธรรมเหน็ คณุ คา งานทศั นศลิ ป งานทัศนศิลปท่เี ปน ทม่ี าจาก แตโบราณจนถงึ ปจจุบนั ทศั นศลิ ป มรดกทางวฒั นธรรม วัฒนธรรมตาง ๆ จนเชอื่ มโยงกบั เหตกุ ารณงาน วฒั นธรร ภมู ปิ ญญา ทองถ่นิ ปญญาใน ภูมปิ ญญาไทยและสากล ประเพณี วฒั นธรรม ทองถ่ินน้ัน ๆ สรางเปน ผลงานทม่ี เี อกลักษณประจาํ ทองถ่นิ ดัดแปลงสรางสรรคให มีความสวยงาม มคี า ควรแกการอนุรักษและรักษา ใหกบั คูกบั ประเทศไทย

ามรู (K) ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะอนั (P) พึงประสงค สาระการเรียนรู (A) แกนกลาง ถอภิปราย 1.ความสามารถในการสอื่ สารและ • มวี นิ ัย ศกึ ษาคนควา บงาน ความเปนมาและ ส่อื ความหมาย • ใฝเรียนรู ปทสี่ ะทอน ลกั ษณะผลงาน รมและภูมิ 2.ความสามารถในการคิด • มงุ มน่ั ในการ ทัศนศลิ ปใน นทองถิ่นได ทาํ งาน ทองถ่นิ ไดโดย 3.ความสามารถในการแกปญหา สามารถ 4.ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต • รกั ความเปน อภปิ รายได 5.ความสามารถในการใชเทคโนโลยี ไทย • รกั ชาติ ศาสน กษัตริย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook