~ 77 ~ องคประกอบความผดิ ตามมาตรา 94 วรรคสาม 1. เสพยาเสพติด หรือสนับสนุนใหผอู ืน่ เสพยาเสพตดิ 2. เลนการพนนั เปน การเลน อยา งสมาํ่ เสมอตอ เน่ืองจนตดิ เปนนิสัย 3. กระทาํ การลว งละเมิดทางเพศตอ ผูเรยี นหรอื นกั ศกึ ษา “การเสพยาเสพติด” หมายถึง เสพของมึนเมาซ่ึงตองหามตามกฎหมาย เชน เสพเฮโรอีนฝน กัญชา ยาบา เปนตน หรือสงเสริมสนับสนุน รวมถึงชักชวน จําหนายใหผูอื่นเสพดวยซง่ึ การกระทาํ ดงั กลา วเปน ความผิดในคดีอาญาดวย “เลนการพนัน” หมายถึง เลนการพนันเอาทรัพยสินกัน การพนันมีทั้งประเภทท่ีกฎหมายหามขาด และประเภทที่จะเลนไดตอเม่ือไดรับอนุญาตจากทางการ อยางไรก็ดี กรณีจะเปนความผิดตามวรรคสามตอเม่ือเปน การเลนเปนอาจณิ กลา วคอื เลนอยา งสมา่ํ เสมอจนเปน นสิ ยั เทานัน้ คําวา “ลวงละเมิดทางเพศ” 26 หมายถึง พฤติกรรมท่ีละเมิดสิทธิของผูอ่ืนในเรื่องเพศไมว าจะเปน คําพูด สายตา และการใชทาที รวมไปจนถึงการบงั คบั ใหม เี พศสัมพันธ หรือการขม ขนื อยางไรก็ดี การพิจารณาพฤติกรรมใด ๆ วาเปนการลวงละเมิดทางเพศหรือไม จะตองดูจากเจตนาของผูกระทําเปนสําคัญวามีความคิดเจตนาที่เปนอกุศลจิตทางเพศหรือไม เชนการโอบกอดนักเรียนดวยความเอ็นดูในเวลา สถานท่ี และโอกาสอันควร ยอมแตกตางกับการโอบกอดนักเรียนในที่ลับตาผูคนหรือในผับในบาร หรือรานอาหารที่จําหนายสุรา หรือในขณะดมื่ สุรา เหลา นต้ี อ งดเู จตนาของผูกระทําและพฤตกิ รรมแวดลอ มประกอบดว ย การลวงละเมิดทางเพศ เปนกรณีความผิดที่เปล่ียนแปลงไปจากเดิม โดยมุงหมายที่จะวางกรอบความประพฤติของผูมีวิชาชีพครูใหเหมาะสมกับการเปนวิชาชีพช้ันสูง ที่นอกจากจะมีหนาท่ีอบรมส่ังสอนศิษยใหเปนคนดีคนเกงแลว ยังจะตองเปนผูท่ีพรอมดวยคุณธรรมจรยิ ธรรม เปนแบบอยางทด่ี ีของศิษยและชุมชนตามความคาดหวงั ของสังคมดวย 26 สาํ นกั งานกจิ การสตรแี ละครอบครวั กระทรวงพฒั นาสงั คมและความมัน่ คงของมนษุ ย www.women family.go.th2women2/Gender New : 8 มีนาคม 2553.
~ 78 ~ ตวั อยา งพฤตกิ ารณความผิด - เลน การพนนั ในสถานศกึ ษา หรอื หนวยงานทีต่ นสังกัดอยู ((ไลออก) - เลนการพนันในเวลาปฏิบัติหนา ทีร่ าชการ (ไลอ อก) - เลนการพนนั กบั เพ่อื นรวมงานหรือผเู รยี นหรอื นักศึกษาในสถานศกึ ษาเดียวกัน (ไลออก) - เปนเจา มอื หรือรวมเปนผดู าํ เนินการจัดใหมกี ารเลน การพนนั (ไลออก) - การมีเพศสัมพันธ หรือการขอมีเพศสัมพันธ หรือการลวงละเมิดทางเพศถึงข้ันพยายามมีเพศสัมพันธก ับผูเรยี นหรือนักศกึ ษาท่อี ยูในสถานศกึ ษา (ไลอ อก) - การมีพฤติกรรมทางกายท่ีเปนการสัมผัสเนื้อตัว โดยสอใหเห็นถึงเจตนาหรือจุดมงุ หมายทจ่ี ะดาํ เนนิ ไปสูการมีเพศสัมพันธ (ปลดออก) - การมีพฤติกรรมทางกายอันหน่ึงอันใดหรือหลายพฤติกรรมประกอบกัน แมจะไมมีการสัมผัสเนื้อตัวแตมีหรือสอใหเห็นถึงเจตนาลวงเกินความเปนสวนตัว หรือความรูสึกสวนตัวในทางเพศ และมีผลทําใหผูถูกกระทําไดรับความอับอาย ความอึดอัด ความคับของใจ (เชน การมองในลักษณะถาํ้ มอง การมองดว ยเจตนาลวงเกินทางเพศ การใหดูส่ือลามกอนาจาร การสั่งใหนักเรียนแสดงทาทางทไ่ี มเ หมาะสมหรอื ใหแตงกายท่ไี มเหมาะสมในทางเพศ เปนตน : ปลดออก) ตัวอยางการกระทําที่ศาลวินิจฉัยวาเปน “ผูประพฤติชั่วอยางรายแรง” ตามมาตรา 94วรรคสองและวรรคสาม - ใชเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือนปลอมไปประกันตัวจําเลยในคดีอาญา จนถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานใชเอกสารปลอมและละเมิดอํานาจศาล (คําพิพากษาศาลปกครองกลางท่ี 1608/2547) - มียาเสพติดใหโทษประเภทที่ 1 (ยาบา) ไวในครอบครองเพ่ือจําหนาย (คําพิพากษาศาลปกครองกลางท่ี 1022/2548) - กระทําอนาจารเด็กนักเรียนหญิงซึ่งเปนศิษยของตน (คําพิพากษาศาลปกครองกลางที1่ 239/2546 และที่ 676/2547)
~ 79 ~ - ลอลวงนักเรียนหญิงซ่ึงเปนศิษยไปขมขืนกระทําชําเรา (คําพิพากษาศาลปกครองกลางท่ี 1006/2547 และที่ 787/2548) - มีความสัมพันธฉันชูสาวกับนักศึกษาหญิงซ่ึงเปนศิษยในขณะที่ตนเองมีภรรยาโดยชอบดว ยกฎหมายอยแู ลว (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.96/2547) - กระทําอนาจารและขมขืนกระทําชําเราขาราชการครูสตรีซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชา(คาํ พิพากษาศาลปกครองกลางท่ี 679/2548) มาตรา 95 ใหผูบังคับบัญชามีหนาท่ีเสริมสรางและพัฒนาใหผูอยูใตบังคับบัญชามีวินัยปองกันมิใหผูอยูใตบังคับบัญชากระทําผิดวินัย และดําเนินการทางวินัยแกผูอยูใตบังคับบัญชาซ่ึงมกี รณอี นั มมี ลู ท่ีควรกลาวหาวา กระทาํ ผิดวินัย การเสริมสรางและพัฒนาใหผูอยูใตบังคับบัญชามีวินัย ใหกระทําโดยการปฏิบัติตนเปนแบบอยางท่ีดี การฝกอบรม การสรางขวัญและกําลังใจ การจูงใจ หรือการอ่ืนใดในอันท่ีจะเสริมสรางและพัฒนาเจตคติ จิตสํานึก และพฤติกรรมของผูอยูใตบังคับบัญชาใหเปนไปในทางทมี่ ีวนิ ัย การปองกันมิใหผูอยูใตบังคับบัญชากระทําผิดวินัย ใหกระทําโดยการเอาใจใสสังเกตการณ และขจัดเหตุท่ีอาจกอ ใหเกิดการกระทําผิดวินัย ในเร่ืองอันอยูในวิสัยที่จะดําเนินการปองกนั ตามควรแกกรณีได เมอ่ื ปรากฏกรณมี มี ูลท่คี วรกลาวหาวา ขาราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาผูใดกระทําผิดวินยั โดยมพี ยานหลกั ฐานในเบ้ืองตนอยแู ลว ใหผ ูบ งั คับบัญชาดําเนนิ การทางวนิ ยั ทนั ที เมื่อมีการกลาวหาโดยปรากฏตัวผูกลาวหาหรือกรณีเปนที่สงสัยวา ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผใู ดกระทําผดิ วินยั โดยยังไมมพี ยานหลกั ฐาน ใหผบู งั คับบัญชารบี ดาํ เนนิ การสบื สวนหรือพิจารณาในเบื้องตนวากรณีมีมูลท่ีควรกลาวหาวาผูนั้นกระทําผิดวินัยหรือไม ถาเห็นวากรณีไมมีมลู ท่ีควรกลา วหาวา กระทําผิดวินัยจึงจะยุติเร่ืองได ถาเห็นวากรณีมีมูลท่ีควรกลาวหาวากระทําผิดวนิ ยั กใ็ หด าํ เนนิ การทางวนิ ยั ทันที
~ 80 ~ การดําเนินการทางวินัยแกผูอยูใตบังคับบัญชาซ่ึงมีกรณีอันมีมูลท่ีควรกลาวหาวากระทําผิดวินยั ใหด ําเนินการตามทบ่ี ญั ญตั ิไวในหมวด 7 ผูบังคับบัญชาผูใดละเลยไมปฏิบัติหนาที่ตามมาตราน้ีและตามหมวด 7 หรือมีพฤติกรรมปกปอง ชวยเหลือเพ่ือมิใหผูอยูใตบังคับบัญชาถูกลงโทษทางวินัย หรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวโดยไมส จุ ริต ใหถ ือวาผูนั้นกระทาํ ผิดวินัย มาตรานี้กาํ หนดหนา ทข่ี องผูบ งั คับบัญชา ดงั น้ี 1. เสรมิ สรา งและพัฒนาใหผ ูอ ยูใตบ งั คบั บัญชามวี ินัย 2. ปอ งกันมใิ หผ ูอ ยูใตบังคบั บัญชากระทําผิดวินัย 3. ดาํ เนินการทางวนิ ัยแกผ ูอ ยูใตบังคับบญั ชาทก่ี ระทําผิดวนิ ัย ทง้ั น้ี ถา ผบู ังคับบญั ชาผใู ดไมป ฏบิ ัตหิ นา ทดี่ งั กลาว หรือปฏิบัติโดยไมสุจริต ผูบังคับบัญชาผูน ัน้ จะมีความผิดทางวินัย วิธีเสริมสรางและพัฒนา ใหผูอยูใตบังคับบัญชามีวินัยน้ัน กฎหมายไดบัญญัติแนวทางดําเนินการไว ดงั น้ี 1) ผูบังคบั บญั ชาตอ งปฏบิ ตั ติ นเปนแบบอยา งทดี่ ีของผอู ยูใตบ งั คับบัญชาในการรกั ษาวนิ ัย 2) ฝกอบรมผอู ยใู ตบงั คบั บญั ชาใหม วี ินยั 3) สรา งขวญั และกาํ ลงั ใจใหผูอ ยูใตบังคบั บญั ชามีวินยั 4) จูงใจใหผอู ยใู ตบ ังคบั บญั ชามีวนิ ัย 5) ดําเนินการอยางอ่ืนใดที่จะเสริมสรางและพัฒนา ทัศนคติ จิตสํานึก และพฤติกรรมของผูอยใู ตบังคบั บัญชาใหเ ปน ไปในทางทีม่ ีวนิ ัย วิธีปองกันมิใหผูอยูใตบังคับบัญชากระทําผิดวินัยน้ัน กฎหมายไดบัญญัติแนวทางดําเนนิ การไว ดงั น้ี 1) เอาใจใสส ังเกตการณวาจะมเี หตอุ นั อาจกอใหเกดิ การกระทาํ ผดิ วินัยอยางใดขึ้นบางหรอื ไม
~ 81 ~ 2) ขจัดเหตทุ ่ีอาจกอใหเกดิ การกระทําผดิ วินัย วธิ ีดําเนนิ การทางวินยั กฎหมายไดบญั ญัติแนวทางปฏบิ ตั ิกอ นดาํ เนินการทางวินัยไว ดงั นี้ 1) ถามีมลู วา ผูอยใู ตบ งั คบั บญั ชาผูใดกระทาํ ผิดวินัย โดยมีพยานหลักฐานในเบื้องตนอยูแลวก็ใหด าํ เนินการทางวนิ ยั ทนั ที 2) ถา มีผูก ลา วหา (ตองปรากฏตัวผูกลาวหา ไมใชบัตรสนเทห) หรือผูบังคับบัญชาสงสัยวาผูอยูใตบังคับบัญชาผูใดกระทําผิดวินัย โดยยังไมมีพยานหลักฐาน ผูบังคับบัญชาตองรีบสืบสวนหรือพิจารณาวากรณีมีมูลท่ีควรกลาวหาหรือไม ถาไมมีมูลก็ยุติเร่ืองได ถามีมูลก็ใหดําเนินการทางวินยั ทันที สําหรับการดําเนินการมีขอพึงสังเกตวาผูบังคับบัญชาจะเก็บเรื่องท่ีมีผูกลาวหาผอู ยูใตบงั คับบัญชาของตนไวโดยไมด ําเนินการอยางใดหาไดไม จะตองรีบสืบสวนหรือพิจารณาวา กรณมี มี ลู ท่ีควรกลาวหาหรอื ไม ถา สืบสวนหรือพิจารณาแลวเห็นวากรณีไมมีมูลจึงจะยุติเร่ืองไดอยางไรก็ดีกรณีที่มีผูกลาวหาซึ่งผูบังคับบัญชาจะตองสืบสวนหรือพิจารณาดังกลาวน้ัน หมายถึงการกลา วหาโดยปรากฏตวั ผูกลา วหาเทา นั้น ถา เปน บัตรสนเทห ก ็ไมจาํ ตอ งดําเนินการดงั กลาว มีขอพึงสังเกตอีกประการหนึ่งวา เจตนารมณของกฎหมายไมตองการใหผูบังคับบัญชาดําเนนิ การทางวนิ ัยแกผ ูอยใู ตบงั คบั บญั ชาท้ังท่ยี ังไมแ นชัดวาเปนกรณีมีมูล จึงตองใหผูบังคับบัญชาสบื สวนหรือพจิ ารณาเสียกอนวากรณีมีมูลหรือไม เม่ือเห็นวากรณีมีมูล จึงจะดําเนินการทางวินัยได ทงั้ นี้ เพอ่ื ปองกันมใิ หข าราชการเสยี ชือ่ เสียงหรือเสยี สทิ ธิประโยชนไปโดยไมส มควร “กรณีมมี ูล” หมายความวา มีทีม่ าหรอื มีตน เหตุอันเปนท่ีมาของเร่อื งนนั้ ๆ องคประกอบความผิด ตามมาตรา 95 1. เปนผูบงั คับบัญชา 2. ไมดําเนินการทางวินัยทันทีเม่ือมีพยานหลักฐานเบ้ืองตนอันมีมูลวาผูอยูใตบังคับบัญชากระทําผดิ วินัย
~ 82 ~ 3. ปกปอ งชวยเหลือผูอยูใตบ งั คบั บญั ชา 4. ดําเนินการโดยไมสุจรติ ตวั อยา งพฤติการณความผดิ - เจตนาหรือละเลยไมนําพาริเริ่มดําเนินทางวินัยเมื่อมีการกลาวหาหรือรองเรียนวามีการกระทําผดิ วนิ ัย โดยมพี ยานหลกั ฐานในเบื้องตน แลว (ภาคทัณฑ) - กรณีท่ีเปนการกลาวหาโดยหนวยงานของรัฐ เชน สตง., ปปช. ซึ่งไดมีการตรวจสอบสืบสวน หรอื สอบสวนมากอ นแลว ผบู งั คับบัญชาไมไดดาํ เนนิ การทางวินยั ทนั ที (ภาคทัณฑ) - เมอ่ื มผี กู ลาวหาหรอื สงสัยวาผูใ ดกระทําผดิ วินยั แตย งั ไมม พี ยานหลกั ฐาน ผบู ังคบั บัญชาตองสืบสวนหรือพิจารณาในเบ้ืองตนวาเปนกรณีมีมูลท่ีควรกลาวหาวาผูน้ันกระทําผิดวินัยหรอื ไม (ภาคทัณฑ) - ไมส่งั ยตุ เิ ร่ืองเม่อื พบวาเปน กรณไี มม ีมลู (ภาคทัณฑ) - พบวาเปนกรณีมีมูล แตผูบังคับบัญชาไมดําเนินการตอไป (ตัดเงินเดือน 5% เปนเวลา1 เดือน) - กล่ันแกลงผูอยูใตบังคับบัญชาในการกลาวหาหรือดําเนินการทางวินัย (ตัดเงินเดือน5% เปนเวลา 1 เดอื น) มาตรา 96 ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผูใดฝาฝนขอหามหรือไมปฏิบัติตามขอปฏิบัติทางวินัยตามท่ีบัญญัติไวในหมวดน้ี ผูนั้นเปนผูกระทําผิดวินัยจักตองไดรับโทษทางวนิ ัย เวน แตมีเหตุอนั ควรงดโทษตามท่ีบัญญัติไวในหมวด 7 โทษทางวินยั มี 5 สถาน คือ (1) ภาคทัณฑ (2) ตัดเงนิ เดือน (3) ลดข้ันเงินเดอื น (4) ปลดออก
~ 83 ~ (5) ไลอ อก ผูใดถกู ลงโทษปลดออกใหผนู ั้นมีสทิ ธิไดรบั บําเหน็จบาํ นาญเสมอื นวาเปนผลู าออกจากราชการ มาตรานี้กําหนดโทษทางวินัยไว 5 สถานโทษ โทษภาคทัณฑ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือนเปนโทษวินัยไมรายแรง โทษปลดออก ไลออก เปนโทษวินัยอยางรายแรง และโทษปลดออกมสี ทิ ธิไดร ับบาํ เหนจ็ บาํ นาญ โทษ 5 สถานดังกลา วขางตน อาจแบง ออกเปน 3 ระดบั ดังน้ี 1. โทษสําหรับการกระทําผิดวินัยอยางรายแรง ไดแก ไลออก ปลดออก ซึ่งหากมีเหตุอันควรลดหยอนจะนํามาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได แตหามมิใหลดโทษต่ํากวาปลดออก(มาตรา 99) 2. โทษสําหรับความผิดวินัยที่ไมถึงขั้นรายแรง ไดแก ลดข้ันเงินเดือน หรือตัดเงินเดือนซ่ึงหากมีเหตุอันควรลดหยอนจะนํามาประกอบการพิจารณาลดโทษจากลดขั้นเงินเดือนเปนตดั เงนิ เดือน หรอื จากโทษตัดเงินเดอื นเปน ภาคทัณฑกไ็ ด 3. โทษสําหรับความผิดวินัยเพียงเล็กนอย ไดแก ภาคทัณฑ และหากเปนความผิดวินัยครั้งแรกจะงดโทษใหโดยวา กลาวตักเตือน หรอื ใหทําทณั ฑบนเปนหนงั สือไวก ็ได การลงโทษผูกระทําผิดวินัยในแตละระดับน้ัน ผูมีหนาที่พิจารณาเสนอความเห็นจะตองใชดุลพินิจในการพิจารณาหรือการสั่งลงโทษใหเหมาะสมกับความผิดตามท่ีกฎหมายกําหนดและนอกจากนี้จะตองนําหลักมโนธรรม หลักความเปนธรรม และนโยบายของทางราชการมาประกอบการพจิ ารณาดวย อนึ่ง โทษลดขั้นเงินเดือนอาจไมมีผลใชบังคับกับตําแหนงบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา 38 ค. (2) ซ่ึงนําระบบการเลื่อนเงินเดือนตามกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการพลเรือนมาใชบ ังคบั โดยอนุโลม และปจจบุ นั ไมมโี ทษใหออก การใหออกเพ่ือรับบําเหน็จบํานาญเหตุทดแทนไมใชการลงโทษ อยางไรก็ดี ถาผูถูกส่ังใหออกเห็นวาไมไดรับความเปนธรรม ก็มีสิทธิรองทุกขตอ ก.ค.ศ. ได
~ 84 ~ มาตรา 97 การลงโทษขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใหทําเปนคําส่ัง วิธีการออกคําสั่งเกี่ยวกับการลงโทษใหเปนไปตามระเบียบของ ก.ค.ศ. ผูส่ังลงโทษตองสั่งลงโทษใหเหมาะสมกับความผิด และมิใหเปนไปโดยพยาบาท โดยอคติ หรือโดยโทสะจริต หรือลงโทษผูที่ไมมีความผิด ในคําส่ังลงโทษใหแสดงวาผูถูกลงโทษกระทําผิดวินัยในกรณีใด ตามมาตราใดและมเี หตุผลอยางใดในการกาํ หนดสถานโทษเชน น้นั มาตราน้ีกําหนดวิธกี ารสงั่ ลงโทษโดยตอ งทําเปนหนงั สือและมรี ายละเอียดของคําส่งั ดังนี้ 1. ทาํ เปน คําสัง่ 2. วธิ กี ารออกคาํ สั่งเปนไปตามระเบยี บ ก.ค.ศ. 27 3. ตอ งสง่ั ลงโทษใหเหมาะสมกับความผดิ 4. ตอ งไมเปน การลงโทษโดยพยาบาท อคติ หรอื โดยโทสะจริต หรอื ลงโทษผทู ี่ไมมคี วามผดิ 5. คาํ สงั่ ลงโทษใหร ะบกุ รณกี ระทําผิดมาตราทีป่ รบั บทความผิด 6. เหตุผลในการกําหนดสถานโทษ 27 ระเบยี บ ก.ค.ศ.วา ดวยวธิ ีการออกคําส่งั เก่ียวกับการลงโทษทางวนิ ัยขาราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2548
Search