เ พ ศ ศึ ก ษ า ขั น พื น ฐ า น จดั ทาํ โดย นายกติ ตภิ ฏั บญุ วงศ์ เลขที7 นางสาววรรณิษา มูเกม็ เลขที27 นางสาวอภสิ รา จํารัสฉาย เลขที28 นางสาวพรเพ็ญ ดา้ มทอง เลขที33 นางสาวปณิตา หน่วยตุย้ เลขที44 ชันมธั ยมศึ กษาปที6/8 เสนอ คุณครูนางพัตราภรณ์ วงศ์ พรดั รายวิชาคอมพิวเตอรเ์ พือการสือสาร ภาคเรียนที1 ปการศึ กษา2563 โรงเรยี นหาดใหญ่วิทยาลัยสมบรู ณ์กุลกนั ยา
เพศศึ กษาขันพืนฐาน SEX EDUCATION
ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง เ พ ศ ศึ ก ษ า (Definition of sex education) พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถานไดใ้ ห้ความหมายของคําวา่ “เพศ” หมายถึง “รูปทแี สดงให้รูว้ า่ หญิงหรอื ชาย ซึงหากจะตคี วามกนั แตเ่ พียงวา่ “เพศ” คือ ลกั ษณะบอก ให้ใครๆ รูว้ า่ บคุ คลนันๆ เปนผหู้ ญิงหรอื ผชู้ าย” ในลกั ษณะของรูปธรรมเทา่ นัน ก็ เปนการยากทจี ะเข้าใจความหมายของความรูเ้ รอื งเพศไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ สําหรบั ความหมาย ของเพศในลกั ษณะนามธรรมนัน “เพศ” หมายถึง “ความรูส้ ึกและความตอ้ งการทางเพศ หรอื กามารมณ์” ในทรรศนะของคน ทวั ไป คําวา่ “เรอื งเพศ” หรอื ในภาษาองั กฤษเรยี ก วา่ ”เซ็กส์ (sex)” มคี วามหมายทกี าํ กวม ตคี วามไดห้ ลายความหมาย เช่น บางครงั คําวา่ เซ็กส์ (sex) หมายถึง ลกั ษณะทางกายภาพทบี อกวา่ เปนเพศชาย หรอื หญิง บาครงั หมาย ถึงแรงขับหรอื สัญชาตญาณตามธรรมชาตขิ องมนษุ ยท์ แี สดงออกเปนพฤตกิ รรม บางครงั หมายถึงพฤตกิ รรมทางเพศ หรอื การมเี พศสัมพันธ์ อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม จ า ก ห ลั ก ฐ า น ท า ง ภ า ษ า ใ น ว า ท ก ร ร ม ข อ ง สั ง ค ม ไ ท ย นั ก สั ง ค ม วิ ท ย า 2 ท่ า น คื อ เ น ริ ด า คุ ค แ ล ะ ป เ ต อ ร์ แ จ ก สั น ( N E R I D A M . C O O K A N P E T E R A . J A C K S O N , 1 9 9 9 ) อ ภิ ป ร า ย ไ ว้ ใ น ห นั ง สื อ “ G E N D E R S & S E X U A L I T I E S ิ I N M O D E R N T H A I L A N D ” ว่ า ใ น ว า ท ก ร ร ม ไ ท ย คํา ว่ า “ เ พ ศ ( P H E T ) ” คํา เ ดี ย ว มี ค ว า ม ห ม า ย ค ร อ บ ค ลุ ม ว า ท ก ร ร ม ใ น สั ง ค ม ต ะ วั น ต ก ป จ จุ บั น ดั ง นี 1 . ลั ก ษ ณ ะ ท า ง ชี ว เ พ ศ ( B I O L O G I C A L S E X ) ที บ อ ก ว่ า เ ป น เ พ ศ ช า ย ห รื อ ห ญิ ง เ ช่ น เ พ ศ ผู้ เ พ ศ เ มี ย 2 . ค ว า ม เ ป น เ พ ศ ( G E N D E R ) เ ช่ น เ พ ศ ช า ย เ พ ศ ห ญิ ง 3 . ภ า ว ะ ท า ง เ พ ศ ( S E X U A L I T Y ) เ ช่ น รั ก ร่ ว ม เ พ ศ ( ร่ ว ม สั ง ว า ส ) รั ก ส อ ง เ พ ศ แ ล ะ รั ก ต่ า ง เ พ ศ 4 . ก า ร ร่ ว ม เ พ ศ ( S E X U A L I N T E R C O U R S E ) เ ช่ น ร่ ว ม เ พ ศ เ พ ศ สั ม พั น ธ์ (COOK AND JACKSON, 1999)
ความรูเ้ รอื งเพศ (Sex information) ลกั ษณะของเนือหาเกยี วกบั เรอื งเพศ สามารถแบง่ เปนลกั ษณะใหญ่ ๆ 4 ดา้ น 1. ความรูด้ า้ นชีววทิ ยา (Biological aspect) เช่น กายวภิ าคและสรรี วทิ ยาของระบบ สืบพันธุข์ องมนษุ ยท์ งั ชายและหญิง ลกั ษณะทางพันธุกรรมและสพุ ันธุกรรม (Genetic and Eugenic) 2. ความรูด้ า้ นสขุ วทิ ยา (Hygienic aspect) เช่น เรอื งเกยี วกบั การปองกนั การเจบ็ ปวย และส่งเสรมิ สขุ ภาพทางเพศ สขุ วทิ ยาส่วนบคุ คลเกยี วกบั อวยั วะเพศ 3.ความรูด้ า้ นจติ วทิ ยา(Psychologicalaspect)เช่น เรอื งทเี กยี วกบั สภาวะจติ ใจและ อารมณ์ในเรอื งเพศ พัฒนาการดา้ นจติ ใจและอารมณ์ทางเพศในวยั ตา่ งๆ การปรบั ตวั เข้า กบั เพศเดยี วกนั และตา่ งเพศ ความรูส้ ึก ทศั นคตติ อ่ เรอื งเพศ และตอ่ เพศตรงข้าม เปนตน้ 4. ความรูด้ า้ นสังคมวทิ ยาและวฒั นธรรม (Sociological and cultural aspect) เช่น เรอื งเกยี วกบั พัฒนาการทางเพศในดา้ นสังคม เช่น ความสัมพันธก์ บั เพศเดยี วกนั และตา่ ง เพศเพศสัมพันธ์ ปจจยั ดา้ นสังคมและสิงแวดลอ้ ม การเกยี วพาราสี การเลอื กคู่ครองการ ใช้ชีวติ คู่ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี และวฒั นธรรมทางเพศตา่ ง ๆ
สถานการณ์ เกียวกับ พ ฤ ติ ก ร ร ม ท า ง เ พ ศ ข้ อมู ลเกี ยวกั บ พ ฤติกร ร ม ท า งเพศ ยั งเป น ข้ อมู ลที ค ลาด เคลือน อยู่มา ก เนื องจากพ ฤติก ร ร ม ท าง เพ ศถื อ เป นเรื องส่ วน ตัวและเป น ค วา มลับ ดังนั น ข้ อมู ล ที จะ กล่ าว ต่อไ ป นี จึ ง อา จมี ห ลายส่ วน ที ต้องพิ จ ารณ า อย่ า งละเ อียด ถี ถ้ วน อี ก ครั ง ในอเม ริ กามี บ างรายงาน แจ้ งว่ า 30 เปอร์ เซ็ นต์ข องเ พ ศ ชา ย และ 28 เปอร์ เซ็ นต์ข อ งเพ ศห ญิ ง มี เพศ สั ม พั นธ์ เพี ยงบา งโอก า ส ใ นร อบ 1 ป ใน ป ระเ ทศอั งก ฤษ พ บ ว่ าป ร ะ ช าช น ใช้ เว ลา 3.5 ป ในชี วิ ตสํา ห รับ ก า รกิน 2. 5 ป สําหรั บการพู ด โ ท ร ศั พ ท์ 2 สั ปด าห์ สําห รั บ กา รจุ ม พิ ต และมี เพ ศ สั มพั นธ์ 2 5 80 ครั ง กั บ คู่ ( โด ยเ ฉ ลี ย ) 5 ค น แม้ ว่ าอั ตราการมี เพ ศสั ม พั นธ์ จ ะล ด ลงเมื ออา ยุมา กขึ น แต่พบว่า ระยะเ ว ล า ความสั มพั นธ์ ห รื อ การ แ ต่งง าน กลั บมี ผ ลผ กผั น กั บ อั ต รากา รมีเ พ ศ สั มพั น ธ์ มากกว่ าอายุ นอกจากนี อั ต ร า กา รมี เพศ สั มพั น ธ์ ยั งแต กต่า งกั น ใ นแต่ละ วั ฒ น ธรรม เพ ศสั ม พั นธ์ ห ลั ง อา ยุ 40 ป จะลด ตาลงอย่ างมี นั ย สํา คั ญ ใ นบ า ง ประเท ศขอ งทวี ป เอเชี ยเมื อเที ย บกั บ ท วี ปยุโรป เช่ น ใน ปร ะเท ศ อิน เ ดียคู่ ส มร ส หลายๆ คู่ หยุดมี เพ ศสั ม พั น ธ์ ห ลั งอา ยุ 5 0 ป หรื อเมื อบุตรส าว แต่งงา น ห รือ เ มื อ มี ห ล าย ย า ยค น แ ร ก เ มื อเรื องเพ ศมี บ ท บ าท สําคั ญ แล ะมี ผ ลกระท บต่อ สั งค มห ลา ย ๆ ด้า น จึ งส มควรอย่ างยิ งที เร าจะ ต้อง ศึ กษ า เพื อ ให้ เข้ า ใจเรื องเพศ และพ ฤ ติก รร ม ทางเพ ศของมนุ ษ ย์ ใน สั งคม ตล อด จ นกา รทํา ค วาม เข้ าใจ ในวัฒ น ธ รรมท า ง เพ ศ ของก ลุ่มสั งคม ย่ อย แ ละเข้ าใจค วาม ขั ด แย้ งของวั ฒ นธร รมทา งเ พ ศ ที อ า จ ทาํ ใ ห้ เ กิ ดป ญ ห า ขึ น ใ น สั งค ม ไ ด้
รู ปแบบของเพศสั มพันธ ์ (Forms of sexual relation) 1. เพศสัมพันธแ์ บบรกั ตา่ งเพศ (Heterosexuality) เปนเพศสัมพันธร์ ะหวา่ งชายกบั หญงิ และถอื วา่ เปน พฤตกิ รรมทางเพศสัมพันธข์ องคนส่วนใหญ่ เนื องจากหน้ าที ของเพศสัมพันธใ์ นดา้ นการขยายเผา่ พันธุ์ ดงั นั นคนส่วนใหญ่ จงึ ยอมรบั และเขา้ ใจวา่ เพศสัมพันธแ์ บบชายกบั หญงิ เทา่ นั น ทเี ปนพฤตกิ รรมปกตสิ ังคมไทยในปจจบุ นั เปนสังคมระบบ สามเี ดยี วภรรยาเดยี ว (Monogamy) หมายถงึ การทชี ายหนึ ง หญงิ หนึ งอยรู่ ว่ มกนั ฉันสามภี รรยา แตค่ นบางกลมุ่ มรี ะบบ ครอบครวั แบบหลายสามหี ลายภรรยา ซงึ ในสังคมไทยส่วน ใหญเ่ ปนแบบสามเี ดยี วหลายภรรยา (Polygamy) 2. เพศสัมพันธแ์ บบรกั เพศเดยี วกนั (Homosexuality) เปนความสัมพันธท์ างเพศระหวา่ งชายกบั ชาย หรอื หญงิ กบั หญงิ อยา่ งใดอยา่ งหนึ ง เนื องจากสังคมไทย ถอื วา่ เพศสัมพันธร์ ะหวา่ งชายกบั หญงิ เปนเพศสัมพันธ์ ปกติ ดงั นั นพฤตกิ รรมรกั รว่ มเพศจงึ กลายเปนพฤตกิ รรม ทผี ดิ ปกติ เบยี งเบนไปจากบรรทดั ฐานของสังคม อยา่ งไร กต็ าม บางคนอาจจะมพี ฤตกิ รรมทางเพศแบบรกั ทงั สอง เพศ (Bisexuality) ซงึ มเี พศสัมพันธท์ งั กบั เพศตรงขา้ มและ กบั เพศเดยี วกนั
วฒั นธรรมทางเพศในสังคมไทย (SEXUAL CULTURE IN THAI SOCIETY) วัฒนธรรมความเชือเรืองเพศ เปนเครืองมือทีสําคั ญในการควบคุ ม ภาวะทางเพศของคนในสั งคม และเปนแนวทางในการแสดงออกของ พฤติกรรมทางเพศของปจเจกบุคคลทังเพศหญิง และเพศชายทีแตกต่างกัน เช่น ความเชือว่า ผู้ชายเปนมนุษย์เพศทีเหนื อกว่าผู้หญิง ผู้หญิงอ่อนแอกว่า ผู้ชาย และผู้หญิงเปนทรัพย์สมบัติของผู้ชาย ความเชือทีว่าความต้องการทาง เพศของผู้ชายเปนสิ งจําเปนทีจะต้องได้รับการตอบสนอง และหาทางปลด ปล่อย ในขณะทีเพศหญิงไม่จําเปนต้องทาํ เช่นผู้ชาย ความเชือทีว่า ผู้ชายชาตรี ต้องมีความสามารถในเรืองเพศ แต่ผู้หญิงทีดีไม่ควรแสดงออกเกียวกับเรือง เพศ เปนต้น ในปจจุบันแม้ว่าสภาพสั งคมจะเปลียนไป มีการผสมผสานวัฒนธรรม ทางเพศของไทยและต่างประเทศผ่านกระแสโลกาภิวัฒน์ แต่วัฒนธรรมไทย ดังเดิมหลายอย่าง ยังมีส่ วนกําหนดพฤติกรรมของคนในสั งคมอยู่มาก การ เปลียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ ทาํ ให้ มีผลกระทบต่อสั งคมเปนอย่างมาก การ อพยพแรงงานจากภาคเกษตรกรรมเข้ามาสู่ภาคอุ ตสาหกรรม หน่ ุมสาวต้อง พรากจากสั งคมเดิมเข้ามาอยู่ในสภาพใหม่ ไม่มีพ่ อแม่หรือญาติให้ การคุ้ มครอง หรือปรึกษาหารือ การพบปะของหน่ ุมสาวง่ายขึน ประกอบกับการยอมรับ วัฒนธรรมอืนทังวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ทาํ ให้ การแสดงออกทาง เพศของคนในสั งคมเปลียนไป
โรคติดต่อทางเพศสั มพันธ์ (Sexual tranmitted disease) โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ อาจเรยี กว่า \"กามโรค\" เกดิ ขนึ จากการ ติดตอ่ กนั ผา่ นทางเพศสัมพันธ์ ไม่วา่ จะเปนการรว่ มเพศทางชอ่ งคลอด ทางปาก หรอื ทวารหนั ก กบั ผทู้ กี ําลังมเี ชอื เปนโรคทสี ามารถเปนไดท้ กุ เพศ ทกุ วัย แตพ่ บมากในหมู่วยั รุน่ ปจจบุ นั นิ ยมมเี พศสัมพันธก์ อ่ นการ แต่งงาน โดยทขี าดความรูค้ วามเข้าใจเกียวกับการปองกันตัวเองสิงที อันตรายของโรคคือเมือเปนแล้วมกั จะไมเ่ กิดอาการบางคนจึงตดิ โรค โดยไมร่ ูต้ ัว และเปนปญหาในการจัดการทางระบบสาธารณสขุ และ สามารถติดตอ่ ไปยังทารกในครรภ์ได้ สาเหตุ อาการ เกดิ จากเชอื ไวรสั ,เชอื -ผชู้ าย ปสสาวะแสบขดั ขา แบคทเี รยี เชอื อืน ๆ เชน่ หนี บบวม หรอื เปนฝเจบ็ พยาธิ ซงึ เชอื บางชนิ ด ปวดอวยั วะเพศมผี นื ตมุ่ แผล บรเิ วณอวยั วะเพศมี สามารถรกั ษาให้ หายขาดได้ บางชนิ ดไม่มี หนองไหลออกมา -ผหู้ ญงิ จะรูส้ ึกเจบ็ เสียว ยารกั ษา และบางชนิ ด ทอ้ งน้ อยขาหนี บบวม หรอื ยังสามารถฝงตัวอยู่ และ เปนฝเจบ็ ปวดคันอวยั วะ เพศมผี นื ตมุ่ แผลบรเิ วณ กลับมาเปนซาไดอ้ ีก อวยั วะเพศมตี กขาวสี เหลอื งมกี ลนิ เหมน็
โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ (Sexual tranmitted disease) โรคเอดส์ (AIDS) กลมุ่ อาการภมู ิคุ้มกนั เสือมเกดิ จากการรบั เชอื HIV เขา้ ไปทาํ ลายเม็ดเลอื ดขาว ทําให้ ภูมิคุ้มกนั โรคลดน้ อยลงจงึ ทําให้เชอื โรค แทรกซอ้ นเขา้ สู่รา่ งกายไดง้ า่ ยขึน เชน่ มะเรง็ วัณโรค และสาเหตุการเสียชวี ติ ก็มักเกิดขึน จากโรคตดิ เชอื ฉวยโอกาสต่างๆ เหล่านี ทจี ะ ทําให้อาการรุนแรงและเสียชวี ิตอยา่ งรวดเรว็ เปน โรคทเี กดิ จากเชอื แบคทเี รยี ชอื หนองใน (Gonorrhoea) Neisseria gonorrhoeae ทาํ ให้เกดิ อาการ ระคายเคืองในทอ่ ปสสาวะ แสบขดั เวลาปสสาวะ และมหี นองไหลออกจากทอ่ ปสสาวะอาจจะ ทาํ ให้เกดิ การอกั เสบในชอ่ งทอ้ งหรอื เปนหมนั หากไมไ่ ดร้ บั การรกั ษา แผลรมิ ออ่ น เปนโรคทเี กดิ จากเชอื Haemophilus Ducreyi (Chancroid) ทาํ ให้เกดิ แผลทอี วยั วะเพศ บวมและเจบ็ บาง คนมตี อ่ มนาเหลอื งทขี าหนี บหรอื ทชี าวบา้ น เรยี กไขด่ นั บวม หากไมร่ กั ษาหนองจะแตกออก จากตอ่ มนาเหลอื ง มกั มหี ลายแผล ขอบแผลน่ มุ และไมเ่ รยี บ กน้ แผลสกปรกมหี นอง มเี ลอื ด ออกงา่ ย เวลาสัมผสั เจบ็ ปวดมากบางรายตอ่ ม นาเหลอื งทขี าหนี บจะบวมและเปนฝเมอื ฝแตก จะเปนแผล เปน โรคเกดิ จากตวั ไร Sarcoptes scabei หิด (Scabies) ลกั ษณะจะมตี มุ่ นาใสและตมุ่ หนองคันขนึ กระจายทงั 2 ขา้ งของรา่ งกาย มกั พบตามงา่ ม นิ วมอื ขอ้ ศอก รกั แร้ รอบหัวนม รอบสะดอื อวยั วะสืบพันธุ์ ขอ้ เทา้ หลงั เทา้ กน้ ผปู้ วยมกั มี อาการคันมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน สามารถตดิ ตอ่ ไดจ้ ากการสัมผสั ใกลช้ ดิ สัมผสั ทางเพศหรอื อยใู่ กลช้ ดิ กบั ผปู้ วย
วิธีปฏิบตั ติ วั ของผู้ทีเปน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 1. ตอ้ งรกั ษาอย่างรวดเรว็ เพือปองกนั การแพรเ่ ชอื โรค 2. แจง้ คู่นอนใหท้ ราบวา่ เปน โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ เพือจะ ไดป้ องกนั ไม่ใหเ้ ชอื แพรไ่ ปสู่คนอนื 3. รกั ษาอาการ และปฏิบัติตวั ตามคาํ แนะนําของแพทยอ์ ย่าง เครง่ ครดั 4. หลีกเลียงการมีเพศสัมพนั ธ์ หรอื การสาํ เร็จความใคร่ด้วยตวั เอง เพือปองกันไม่ให้อาการอกั เสบลกุ ลาม 5. งดดมื เครืองดืมแอลกอฮอล์ ของมึนเมาทกุ ชนิด 6. ไม่ควรซอื ยามารักษาเอง ควรปรึกษาแพทย์ เพือให้ไดร้ บั การ รกั ษาทีถูกตอ้ ง
การปองกันโรคติดตอ่ ทาง เพศสัมพันธ์ วธิ ีปองกนั โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ คอื 1. ใส่ถุงยางอนามยั หากจะมีเพศสมั พันธ์กบั คนทไี ม่แน่ใจว่ามีเชอื หรือ ไม่ 2. รกั ษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศอยา่ งสมาํ เสมอ 3. ไม่เปลียนคู่นอน ใหม้ ีสามี หรือภรรยาคนเดียว 4. ไมค่ วรมเี พศสัมพนั ธ์ตงั แตย่ ังอายุนอ้ ย เนืองจากมีสถติ ิว่า ผทู้ มี ี เพศสมั พนั ธต์ งั แตอ่ ายุยงั นอ้ ยจะมีโอกาสตดิ โรคติดต่อทางเพศ สัมพันธ์ สงู 5. ตรวจโรคเปนประจําทกุ ป เพือหาเชอื โรค แม้จะไมม่ อี าการใด ๆ โดยเฉพาะคทู่ กี าํ ลงั จะแตง่ งาน 6. เรยี นรู้ ศึกษาอาการของโรคติดต่อทางเพศสมั พันธ์ 7. ไม่ควรมีเพศสมั พนั ธข์ ณะมีประจาํ เดือน เพราะจะทาํ ใหเ้ กิด โรค ติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ ได้ง่าย 8. ไม่ควรมีเพศสมั พนั ธท์ างทวารหนกั หากจําเปนใหส้ วมถุงยาง อนามัย 9. ไมค่ วรสวนล้างชอ่ งคลอด เพราะจะทาํ ให้เกดิ การตดิ เชอื โรคตดิ ต่อ ทางเพศสัมพันธ์ ไดง้ า่ ย
MAN SEX WOMEN SEX เพศศึ กษา ขั น พื น ฐ า น
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: