ภาษาอังกฤษฟัง-พูด2

Unit 1 Pronunciation Pronunciation การออกเสียงคาศพั ทห์ รอื คาอา่ นในภาษาองั กฤษเป็นสิง่ สาคญั ท่ีสดุ ในการสอ่ื สารกบั บคุ คลอ่ืน ในท่นี ีจ้ ะกลา่ วถึงหลกั ท่วั ไปของการออกเสยี งเพ่ือเป็นความรูเ้ บอื้ งตน้ ใหก้ บั ผเู้ รยี นในการออกเสียงหรอื อา่ นคาศพั ทเ์ ท่านนั้ หลกั การออกเสียงเบือ้ งตน้ ไดแ้ ก่ การ เนน้ หนกั (Stress) หมายถึง การออกเสียงหนกั ในพยางคใ์ ดพยาคห์ นง่ึ ของคาอาจมี เพียงหน่ึงพยางคห์ รอื หลายพยางค์ หากเรยี นรูก้ ารออกเสียงเนน้ หนกั ในแตล่ ะคาได้ ถกู ตอ้ ง จะทาใหเ้ ราสามารถออกเสยี งเนน้ หนกั ในระดบั ประโยคไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 1.1 เสียงเน้นหนักในภาษาอังกฤษมี 4 ระดบั ไดแ้ ก่ 1. Primary Stress หมายถึง ระดบั เสียงเนน้ หนกั ท่ีสดุ บนพยางคใ์ ดพยางคห์ น่งึ ของคา เชน่ important, pencil 2. Secondary Stress จะเกิดในคาท่ีเป็นสว่ นขยาย (Modifier) เป็นระดบั เสียง เนน้ หนกั ท่ี 2 เชน่ a small boy, a tall man 3. Teritary Stress สว่ นใหญ่จะเกิดในคาประสม เป็นระดบั เสียงเนน้ หนกั ท่ี 3 เช่น classroom, swimming pool 4. Weak Stress ระดบั เสียงท่ไี มม่ กี ารเนน้ หนกั หมายถงึ ระดบั เสียงบนพยางค์ อ่ืน ๆ ท่ีไมไ่ ดร้ บั เสยี งเนน้ หนกั ท่ีสดุ ของคานนั้ (Primary Stress) เช่น beautiful 1.2 การออกเสยี งเน้นหนักในคา (word Stress) การออกเสยี งเนน้ หนกั ในคา คือ ลกั ษณะการออกเสยี งเนน้ หนกั ในพยางคใ์ ด พยางคห์ น่งึ ของคา เวลาออกเสียงจะมีเสียงดงั กวา่ พยางคอ์ ่ืนของคา พยางคท์ ่หี นกั

แน่นและมีเสียงดงั กวา่ พยางคอ์ ่ืนท่สี ดุ จะไดร้ บั Primary Stress ซง่ึ มีหลกั ในการออก เสยี งเนน้ หนกั ดงั นี้ 1.2.1 การออกเสยี งเน้นหนักในคาเดยี่ ว การออกเสียงเนน้ หนกั ในคาเด่ียวมีหลกั การสาคญั ดงั นี้ 1. คาท่ีมีพยางคเ์ ดยี วจะออกเสยี งเนน้ หนกั ท่ีพยางคน์ นั้ เชน่ book bird stick 2. คาท่ีมี 2 พยางค์ โดยท่วั ไปออกเสยี งหนกั ท่ีพยางคแ์ รก เชน่ mother dinner - คา 2 พยางคบ์ างคาออกเสียงเนน้ หนกั ท่ีพยางคห์ ลงั เช่น hotel police canal - คา 2 พยางคซ์ ง่ึ นาหนา้ ดว้ ย Prefix ใหอ้ อกเสยี งหนกั ท่ีพยางคห์ ลงั เชน่ prepare expense unwise 3. คาท่ีมี 3 พยางค์ โดยท่วั ไปออกเสยี งหนกั ท่ีพยางคแ์ รกเสมอ เช่น hospital elephant property - คา 3 พยางคซ์ ง่ึ พยางคแ์ รกเป็นคา Prefix ไมอ่ อกเสียงหนกั ออกเสียงหนกั ใน พยางคถ์ ดั ไป เช่น professor accomplish inhuman ยกเวน้ คา 3 พยางคบ์ าง คาออกเสียงหนกั ท่ีพยางคท์ ่ี 2 เช่น abandon committee already 4. คา 4 พยางค์ ออกเสียงหนกั ท่ีพยางคท์ ่ี 2 นบั จากขา้ งหนา้ เชน่ Psychology philosopher astronomer 5. คาตงั้ แต่ 4 พยางคข์ นึ้ ไปบางคาออกเสยี งหนกั ท่พี ยางคท์ ่ี 1 บางคาออกเสียงหนกั ท่พี ยางคท์ ่ี 1 บางคาออกเสยี งหนกั ท่ีพยางคท์ ่ี 2 และบางคาออกเสยี งหนกั ท่ี 3 หรอื ท่ี 4 ผเู้ รยี นตอ้ งสงั เกตและจดจา เช่น organization unquestinable 1.2.2 การออกเสยี งเน้นหนักในคาประสม (Compound Words) คาประสม หมายถึง คาท่ีรวมกนั ตงั้ แต่ 2 คาขนึ้ ไป แตท่ าหนา้ ท่ีเหมอื นเป็นคา ๆ เดียว คาประสมสามารถเขียนติดกนั เป็นคาเดียว เช่น highway และเขียนแยกกนั

เช่น movie star หรอื ใส่ Hyphen ระหวา่ งคา เชน่ air-conditioner ก็ได้ เสียง เนน้ หนกั ท่ีสดุ หรอื Primary Stress อยทู่ ่คี าแรกของคาประสม คาหลงั เป็นเสียงเนน้ ระดบั ท่ี 3 เรยี กวา่ Teritary Stress คาประสมจงึ ออกเสียงเนน้ หนกั แบบ Primary- Teritary ตวั อยา่ งคาประสม เชน่ football department store hairdresser sweet heart serviceman bank clerk post office bathroom 1.2.3 การออกเสยี งเน้นหนักในประโยค ในประโยคจะมีคาท่ีเป็นสว่ นขยาย (Modifier) คาสาคญั (Head) หรอื สว่ นท่ีทาให้ ประโยคสมบรู ณจ์ ะออกเสยี งเนน้ หนกั ท่ีสดุ ในสาคญั และคาอ่นื ๆ ท่ีสาคญั รองลงไป จะเป็น Secondary Stress เชน่ This is a red car. I am not going He doesn’t speak English. There are forty students. Vocabulary List Actor นกั แสดง Boil ตม้ Booking Boss การจอง Bought เจา้ นาย Cheese ซอื้ (กรยิ าช่อง 2 ของ buy) Cow Cry เนย แมว่ วั รอ้ งไห้

Declare แสดง Hard หนกั Hut กระทอ่ ม Kind ชนิด Leave ออกจาก Lift ยก ลฟิ ต์ Looking for การหา Oil นา้ มนั Ought to ควรจะ Pronunciation การออกเสียง Push ผลกั Put วาง ใส่ Repair ซอ่ ม Road ถนน Rose ดอกกหุ ลาบ Spoon ชอ้ น Stress เสียงเนน้ หนกั Wait for รอคอย Wet เปียก Unit 2 Travelling Talk about Travelling ในบทนีศ้ กึ ษาเก่ียวกบั การพดู คยุ เก่ียวกบั การเดนิ ทางซง่ึ มกั เก่ียวขอ้ งกบั เรอ่ื งตอ่ ไปนี้

2.1 การถามเวลา (Asking for time) เชน่ - What is the time? - Could you tell me the time, please? - What time is suitable for you? - What time will the train arrive? 2.2 การตอบคาถาม (Answering for time) 2.2.1 ถ้าเป็ นเวลาเตม็ ช่ัวโมงไม่มีเศษใหใ้ ช้ O’clock เชน่ - It’s six o’clock. - The train will arrive at nine o’clock. 2.2.2 ถา้ เวลานั้นไม่เตม็ ช่ัวโมง ตัง้ แตเ่ ลข 12 ถงึ เลข 6 ใช้ past ตัง้ แตเ่ ลข 6 ถงึ เลข 12 ใช้ to เช่น 9.10 = It’s ten past nine. 10.20 = It’s twenty past ten. 8.40 = It’s twenty minutes to nine. 10.50 = It’s ten minutes to eleven. - หรอื จะอา่ นแบบอเมรกิ นั เช่น 9.10 อ่าน nine ten, 10.20 อ่าน ten twenty ฯลฯ 2.3 การถามและตอบเกย่ี วกับ วัน เดอื น ปี เช่น - What day is today? It’s Monday. - What is the date today? It’s 12.

- When will you come back? On October 12th. - When did you go abroad? In 2005. 2.4 การถามเกยี่ วกับระยะเวลา ใช้ How long เช่น - How long will you spend time for your holidays? - How long does it take you to do your work each day? การตอบเก่ียวกบั ระยะเวลา - I will spend 3 days in Phuket. - It takes me 8 hours each day. 2.5 การพูดคุยเกยี่ วกับการเดนิ ทางในปัจจุบัน อดตี และแผนการเดนิ ทางใน อนาคต 2.5.1 การพดู คุยเกย่ี วกบั การเดนิ ทางในปัจจุบัน 1. รูปแบบประโยคบอกเลา่ Subject + Verb ช่อง 1 + Complement เช่น - The flight is late. - I go to Phuket this summer. - They travel to New Zealand. 2. รูปแบบประโยคปฏเิ สธ Subject + do/does not + Verb ชอ่ ง 1 + Complement? เช่น is/are not - The flight is not late.

- I do not go to Phuket this summer. - They don’t travel to New Zealand. 3. รูปแบบประโยคคาถามและคาตอบ Do/Does + Subject + Verb ช่อง 1 + Complement? เชน่ - Is the flight late? Yes, it is./No, it is not. - Do you go to Phuket? Yes, I do./No, I don’t. - Do they travel to New Zealand? Yes, they do./No, they don’t. 2.5.2 การพดู คุยเกย่ี วกบั การเดนิ ทางในอดตี 1. รูปแบบประโยคบอกเลา่ Subject + Verb ชอ่ ง 2 + Complement เช่น - The flight was late. - I went to Phuket last summer. - They travelled to New Zealand two weeks ago. 2. รูปแบบประโยคปฏิเสธ Subject + did not (didn’t) + Verb ช่อง 1 + Complement was/were not เช่น - The flight was not late. - I did not go to Phuket last summer.

- They did not travel to New Zealand two weeks ago. 3. รูปแบบถามตอบ มีโครงสรา้ งดงั นี้ Did + Subject + Verb ชอ่ ง 1 + Complement? Was/were + Subject + Complement? เชน่ - Was the flight late? Yes, it was./No, it was not - Did you go to Phuket last summer? Yes, I did./No, I didn’t - Did they travel to New Zealand two weeks ago? Yes, they did./No, they didn’t. คาเก่ียวกบั เวลาท่ใี ชบ้ ง่ บอกอดตี กาล เช่น yesterday, two days ago, last night/week/month/year เป็นตน้ 2.5.3 การพูดคุยเกย่ี วกับแผนการเดนิ ทางในอนาคต มรี ูปแบบดงั นี้ 1. รูปแบบประโยคบอกเลา่ มโี ครงสรา้ งคอื Subject + will + verb ช่อง 1 + Complement เช่น - The flight will be late. - I will go to Phuket next summer. - They will travel to New Zealand next two months. 2. รูปแบบประโยคปฏเิ สธโครงสรา้ งคือ Subject + will not (won’t) + verb ช่อง 1 + Complement เช่น

- The flight won’t be late tomorrow. - I will not go to Phuket next summer. - They will not travel to New Zealand next weeks. 3. รูปแบบประโยคคาถามโครงสรา้ งคอื Will + Subject + verb ชอ่ ง 1 + Complement? เช่น - Will the fight be late tomorrow? Yes, it will./No, it won’t. - Will you go to Phuket next summer? Yes, I will./No, I won’t. - Will they travel to New Zealand next week? Yes, they will./No, they won’t. คาเก่ียวกบั เวลาท่ใี ชบ้ ง่ บอกอนาคตกาล เช่น tomorrow. the day after tomorrow, next day/week/month/year เป็นตน้ Feeling Talks การถามความรูส้ กึ ก่อนและหลงั การเดนิ ทาง เชน่ How do you feel before the trip? How does he feel after his long flight? การตอบคาถาม เชน่ excited. They feel happy. I feel nervous.

He/She feels worry. sad . tired. Note : drive = go by car. Fly = go by plane. Take a taxi/train = go by taxi/train. Vocabulary List Agency ตวั แทน Airline สายการบนิ Airport สนามบนิ Backpacker ผใู้ สก่ ระเป๋ าสะพานหลงั Boarding pass ต๋วั เครอ่ื งบิน Book จอง Check in ลงทะเบยี น Delayed ลา่ ชา้ Explore สารวจ Flight เท่ียวบิน Information counter บรกิ ารสอบถาม

Immigration ดา่ นตรวจคนเขา้ เมอื ง Leave ออกจาก Lounge หอ้ งรบั รอง Paradise สวรรค์ ผโู้ ดยสาร Passenger Passport หนงั สอื เดินทาง Popular เป็นท่ีนยิ ม Round trip ไปกลบั Seat belt เข็มขดั นิรภยั Splash ฉีด พน่ Terminal สถานี Ticket ต๋วั Timetable ตารางเวลา Tourists นกั ทอ่ งเท่ียว Travel เดินทาง Trolley รถเข็น Unit 3 Thai Festivals

Preposition Preposition หมายถงึ คาท่ีวางไวห้ นา้ คานามเพ่ือแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง คานามนนั้ กบั คาอ่นื ๆ ท่ีอยใู่ นประโยคเดียวกนั สามารถจาแนก Preposition ไดด้ งั นี้ 1. Preposition of place (แสดงสถานท)่ี เชน่ - at ใชก้ บั จดุ หนง่ึ ๆ ของสถานท่ี เช่น at the door - in ใชบ้ อกว่าอยภู่ ายในส่ิงใด เช่น in the classroom หากใชก้ บั เมอื งหรอื ประเทศ เช่น in Bangkok, in Thailand - on ใชถ้ นน ซอบ สแ่ี ยก เช่น Suwinthawong Road - near ใกล้ เช่น People carry their Krathong nearby the river. 2. Preposition of time (แสดงเวลา) เช่น - in ใชก้ บั เดือน ฤดู และระยะเวลาท่ีมีความยาว เชน่ in September, In one year. - at ใชก้ บั เวลาเฉพาะจดุ ๆ หนง่ึ เชน่ at eight o’ clock, at noon. - on ใชก้ บั วนั เชน่ On Monday, on the tenth Friday. - for ใชก้ บั ชว่ งเวลา เชน่ We have worked for one week. - since ใชก้ บั จดุ เรม่ิ ตน้ ของเวลา เช่น I have started this work since 2011. - ago บอกเวลายอ้ นหลงั ใชก้ บั past simple เช่น Loy Kratong Festival started many years ago. Past Simple ใชก้ บั การกระทาซง่ึ เกิดขนึ้ และจบลงไปแลว้ ในอดตี มกั มคี าท่ี แสดงถงึ อดีตปรากฏอยดุ่ ว้ ย เช่น yesterday, in 2011, last year, ago ใช้ โครงสรา้ งประโยค ดงั นี้ Subject + Verb ช่อง 2 + Complement

- I splashed water on Songkran Day in Chiang Mai last year. - We made merit at Phutthamonthon (Buddhist Park) on Visakha Puja Day. Vocabulary List Attend เขา้ รว่ ม Belief ความเช่ือ Candlelit procession พิธีเวยี นเทียน Celebration การเฉลมิ ฉลอง Contest การแข่งขนั Contain บรรจุ Flag ธง Festival เทศกาล Fullmoon พระจนั ทรเ์ ตม็ ดวง Joss stick ธปู Meditation สมาธิ Merit making การทาบญุ Occasion โอกาส

Release ปลอ่ ย Respect เคารพ นบั ถือ Religious เก่ียวกบั ศาสนา Sermon การเทศนา Splash water Traditional สาดนา้ โบราณ ดงั้ เดิม เก่าแก่ Wish ปรารถนา Unit 4 Take Care of your Health Health Problems เวลาเรามีปัญหาเก่ียวกบั สขุ ภาพและอากาศเจ็บป่วย เราสามารถส่อื สารใหบ้ คุ คล อ่ืนทราบปัญหาหรอื อาการของเรา เราควรทราบคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาการตา่ ง ๆ เช่น Symptoms (อาการของโรคตา่ ง ๆ) มีดงั นี้ Motion sickness อาการเมารถเมาเรอื Hive ลมพิษ Cough ไอ Flu เป็นไข้ Shivery หนาวส่นั คดั จมกู Stuffed up เครยี ด Stress

Food poisoning อาหารเป็นพษิ Influenza ไขห้ วดั ใหญ่ Migraine ปวดหวั ขา้ งเดียว Diabetes โรคเบาหวาน Rash ผ่นื คนั Skin disease โรคผวิ หนงั Nauseous คลืน่ เหยี น Indigestion อาหารไมย่ อ่ ย เป็นหวดั Cold โรคทอ้ งรว่ ง Diarrhea วิงเวียนศีรษะ Dizzy อ่อนเพลีย Weak หดหใู่ จ Depressed โรคกระเพาะอาหาร Gastric Disorders เป็นลม Faint คนั Itch อาการแพ้ Allergy ความดนั โลหิตสงู High Blood Pressure โรคนอนไมห่ ลบั Insomnia 4.1 คาศัพทท์ เี่ กยี่ วข้องกับอาการเจบ็ ป่ วย ไดแ้ ก่ 1. ache แปลวา่ ปวด ใชก้ บั สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย เช่น stomachache ปวดทอ้ ง headache ปวดหวั

toothache ปวดฟัน backache ปวดหลงั earache ปวดหู 2. sore ใชเ้ ติมหนา้ และหลงั คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย เช่น sore throat เจ็บคอ footsore เจ็บเทา้ sore muscles ปวดกลา้ มเนือ้ 3. hurt ใชใ้ นประโยค เชน่ My right arm hurts. 4. pain แปลวา่ ความเจบ็ ปวด เชน่ I’ve got a pain in my hip. 4.2 การถามเกย่ี วกับปัญหาสุขภาพและอาการเจบ็ ป่ วย ใชส้ านวนดงั นี้ What’s the matter? Are you all right? What’s the problem? What happened? What’s wrong with you? Do you have an influenza? What are you symptom? Did you get hurt? How are you feeling now? How do you feel? 4.3 การตอบปัญหาเกยี่ วกับสุขภาพและอาการเจบ็ ป่ วยใหผ้ ู้อน่ื ทราบ ใชร้ ูปประโยคดงั นี้

I am/I feel/I have + symptom เชน่ - I am constipated. ฉนั ทอ้ งผกู - I am not feeling well. ฉนั รูส้ กึ ไมส่ บาย - I feel dizzy. ฉนั วงิ เวียนศรี ษะ - I feel breathless. ฉนั หายใจลาบาก - I have a cold. ฉนั เป็นหวดั - I have a cough. ฉนั ไอ Request for Something เม่อื เรามีปัญหาสขุ ภาพหรอื เจบ็ ป่วยและตอ้ งการใหบ้ คุ คลอ่ืนช่วยเหลอื ดแู ล เช่น หายาใหร้ บั ประทาน พาไปหาหมอ เปน้ ตน้ ใชส้ านวนดงั นี้ I have a headache. I need some aspirin. I have a cough. I need some cough drops. I have a fever. I need some hot water. I burnt my hands. I need to be hospitalized Giving an Advice การใหค้ าแนะนา แสดงถึงความหว่ งใยผอู้ ่ืนเม่อื เขามีปัญหาสขุ ภาพหรอื เจ็บป่วย ใชร้ ูปประโยคดงั นี้ Subject + should + verb to give advice I

You We should go home and take a rest. They He She เชน่ A : I have a toothache. B : You should go to see the dentist. Vocabulary List Cause สาเหตุ Dentist ทนั ตแพทย์ Diagnose วินจิ ฉยั Doctor แพทย์ Burst ระเบิด Fatigued เหน่ือยลา้ Illness การเจ็บป่วย Medicine ยา Patient คนไข้ Prescribe ส่งั ยา

Rest พกั ผอ่ น Symptom อาการ Take a break หยดุ Temperature อณุ หภมู ิ อ่อนแอ Weak Unit 5 Occupations Talk about Occupations 5.1 การพูดหรือบอกบุคคลอ่ืนถงึ อาชีพทเ่ี ราทา ใชร้ ูปประโยคดงั นี้ Subject + verb to be + occupation เชน่ work as I am a travel agent. He/She is a cashier. They/We are students. I work as a mechanic. He works as an electrician.

ใช้ a หรอื an หนา้ คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชีพ ถา้ คาขนึ้ ตน้ เป็นพยญั ชนะใช้ a เชน่ a policeman, a doctor, a fireman เป็นตน้ ถา้ คาขนึ้ ตน้ เปน้ สระ (a, e, i, o, u) ใช้ an เชน่ an electrician, an electronic, serviceman, an auto mechanic เปน้ ตน้ 5.2 การถามตอบเก่ียวกับอาชีพ ใช้ประโยคคาถามดงั นี้ 5.2.1 Verb to be + Subject + Occupation? เช่น - Is Charlie a pilot? Yes, he is./No, he isn’t. - Are they students? Yes, they are./No, they aren’t. 5.2.2 What + do/does + Subject + Verb1? เชน่ - What does he do? He’s a cook. - What do you do? I’m a teacher. - What do you do for a living? I work as a doctor. - What is your job? I’m a nurse. 5.3 การพูดเพอื่ บอกบุคคลอนื่ เกยี่ วกับอาชีพทเ่ี ราทาในอดตี ใช้ Past Simple ในการบอกเกยี่ วกับงานทที่ าในอดตี เช่น - What did he work two years ago? - He worked as a plumber. - What was your job two years ago? - I was a plumber.

5.4 การถามตอบวา่ ได้ทางานนั้นมาแล้วนานเทา่ ไหร่ ตงั้ แตเ่ มอ่ื ไหร่ และ ยงั คงทางานนั้นจนถงึ ปัจจบุ นั ใช้ Present Perfect มโี ครงสรา้ งดงั นี้ Subject + has/have + verb 3 + for + complement since How long have you worked as a teacher? - I have worked as a teacher for ten years. - I have worked as a teacher since 2002. How long have you been an auto mechanic? - I have been an auto mechanic for two years. - I have been an auto mechanic since 2008. - Vocabulary List Auto mechanic ชา่ งยนต์ Bus conductor กระเป๋ ารถเมล์ Carpenter ชา่ งไม้ Character คณุ ลกั ษณะ Chauffeur คนขบั รถ Chef พอ่ ครวั Cleaner maid แมบ่ า้ น Competition การแข่งขนั

Diagnose วนิ ิจฉยั Florist คนขายดอกไม้ ชา่ งเสรมิ สวย Hairdresser Model นางแบบ Patient คนไข้ เภสชั กร Pharmacist ช่างภาพ Photographer ชา่ งประปา พนกั งานตอ้ นรบั Plumber เลขานกุ าร Receptionist ทหาร Secretary อาการ Soldier Symptom Unit 6 Human Activities Present Continuous Tense การพดู ถึงกิจกกรมท่ีกาลงั กระทา จะใช้ Present Continuous ในการ บรรยาย ดงั นี้ 1. ประโยคบอกเลา่ (Affirmative Statement) Subject + Verb to be + Verb + ing + Complement

I am He is She is You are watching Tv. We are They are 2. ประโยคปฏิเสธ (Negative Statement) มีโครงสรา้ งประโยค คือ Subject + Verb to be + not + Verb + ing + Complement I am not He isn’t She isn’t cleaning the classroom. You aren’t cooking in the kitchen. We aren’t They aren’t 3. ประโยคคาถาม (Interrogative Statement) มโี ครงสรา้ งประโยค คอื Verb to be + Subject + Verb + ing + Complement Am I Is he Is she Are you washing the dog? Are we Are they Yes/No Questions

การตอบคาถามเก่ียวกบั การกระทากิจกรรมจะใช้ Yes/No Questions Yes/No Question Short Answers Am I Yes, I am./No, I’m not Is he/she Yes, he/she is./No, he/she isn’t. Are you/we/they Yes, you/we/they are./No, you/we/they aren’t. การถามบคุ คลวา่ กาลงั กระทากิจกรรมใด ใชค้ าถามท่ขี นึ้ ตน้ ดว้ ย What เชน่ am I doing? Is he saying? What she watching? you studying? are we cleaning? they playing? A : What are you doing? A : What are they playing? B : I’m opening the window. B : They are playing badminton. Making and Responding to the Suggestion Making and responding to the Suggestion มีหลกั การใชด้ งั นี้ Let’s + verb to make a suggestion และ Have to + verb when giving and excuse เช่น Chat : C’mon Benz. Let’s go to the concert.

Benz : Sorry, I have to help my mother to do housework. Chat : Too bad. Well…see you later. Benz : Yeah. See you later. Note : let’s = let us C’mon = come on Asking an Opinion การถามเก่ียวกบั ความคิดเหน็ มกั ใชป้ ระโยคดงั ตวั อยา่ ง 1. What do you think about + สิง่ ท่ีตอ้ งการถาม เช่น What do you think about the football match? What do you think about this talk show? 2. How is/How was + สงิ่ ท่ีตอ้ งการถาม เชน่ How is this talk show? How was the basketball game yesterday? 3. How do/did you find? + ส่ิงท่ตี อ้ งการถาม เช่น How do you find this TV program? How did you find that movie? Giving an Opinion การแสดงความคดิ เหน็ มกั ใชป้ ระโยคดงั ตวั อย่าง 1. I think + ส่ิงท่กี าลงั พดู ถงึ + is/was + adjective เชน่ - I think the football match is exciting.

- I think the talk show was excellent. 2. It is/was + adjective เช่น - This basketball game is boring. - The talk show was excellent. 3. I find/found + ส่งิ ท่กี าลงั พดู ถึง + adjective เชน่ - I find that this TV program is interesting. - I found that the movie was awesome. คาคณุ ศพั ท์ (Adjectives) ท่ีใชแ้ สดงความคิดเห็น ความคิดเหน็ เชิงบวก good ดี fantastic, great, wonderful, nice, awesome, excellent ดีมาก ดี เย่ียม beautiful สวยงาม interesting น่าสนใจ funny ตลก exciting ต่นื เตน้ ความคดิ เหน็ เชงิ ลบ bad เลว awful แยม่ าก terrible ไมด่ ี Horrible แยม่ าก boring นา่ เบ่ือ Vocabulary List Activity กิจกรรม Agree เหน็ ดว้ ย Believe เช่ือ Busy ไมว่ า่ ง

Come on มาน่ี Contrast ตรงขา้ ม Day off วนั หยดุ Free วา่ ง Girlfriend แฟน Jogging ว่ิงเหยาะ ๆ Listen ฟัง สวนสาธารณะ Park การอา่ น Reading การพกั ผ่อน Relaxing ตาราง Schedule เหมาะสม Suitable ไมพ่ อใจ Unsatisfy รถเข็น Trolley Unit 7 Social media Social Media

ปัจจบุ นั การติดตอ่ ส่ือสารของบคุ คลท่วั ไปดว้ ยความรวดเรว็ และมีชอ่ งทางท่ี หลากหลาย โดยเฉพาะการติดตอ่ ส่อื สารผา่ น Social Media ซง่ึ มีหลายชอ่ งทาง เช่น Facebook, Twitter, Instagram, Line เป็นตน้ หากทราบคาศพั ทท์ ่ใี ชใ้ นการ ติดตอ่ ส่อื สารผ่านช่องทางเหลา่ นี้ หรือทราบขนั้ ตอนการใชเ้ ป็นภาษาองั กฤษ จะทาให้ สามารถใชช้ อ่ งทางการติดตอ่ ส่อื สาร Social Media ไดส้ ะดวกและมีประสิทธิภาพ มากย่งิ ขนึ้ 7.1 คาศัพทท์ ใ่ี ช้ในการตดิ ตอ่ สอ่ื สารผ่าน Social Media เช่น chat การพดู คยุ กนั post แจง้ ประกาศ log in เขา้ สรู่ ะบบ find confirm คน้ หา message ยืนยนั Sticker ขอ้ ความ camera สติก๊ เกอร์ profile กลอ้ งถ่ายรูป user name ประวตั โิ ดยยอ่ channel ช่ือท่ใี ช้ free call ช่องทาง status โทรศพั ทฟ์ รี comment สถานะ edit แสดงความคิดเหน็ create แกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง สรา้ ง

add เพ่มิ share แบง่ ปัน password รหสั ผา่ น information ขอ้ มลู communication การติดตอ่ สอ่ื สาร setting การตงั้ คา่ close friend เพ่ือนสนทิ tool เคร่อื งมือ home หนา้ หลกั photo รูปภาพ 7.2 โครงสร้างประโยคบอกขั้นตอนการตดิ ต่อสอื่ สารผ่าน Social Media ในการติดตอ่ ส่อื สารผา่ น Social Media เช่น Facebook จะมีลกั ษณะเป็น ขอ้ ความสนั้ ๆ กระชบั บอกลาดบั ขนั้ ตอนการเขา้ ใชง้ าน มีโครงสรา้ งประโยคดงั นี้ 7.2.1 ใชโ้ ครงสร้างประโยค Imperative ประโยคบอกเลา่ Verb 1 + Object + Complement ประโยคปฏิเสธ Do not + Verb 1 + object + Complement เชน่ Register by following the Facebook instruction. Don’t log in without enter user name and password. 7.2.2 บอกวัตถุประสงคห์ รือจดุ มุ่งหมายของการปฏบิ ัติ ใชโ้ ครงสรา้ งดงั นี้ To + Verb 1 + Instruction

เชน่ To go to Facebook page, press the log in menu. To register Facebook member, follow its instruction. 7.2.3 บอกลาดับขัน้ ตอนการเข้าใช้งาน (Make the sequences of instructions) มักใช้ Ordinal number เช่น First, Second, Third, Fourth… หรอื then, next, after that, finally ไวห้ นา้ ขนั้ ตอนการใชง้ าน เช่น How to go to Facebook page First, press the Facebook icon. Then enter the user name, Next, enter the password, Finally, press the log in menu. 7.2.4 การถามตอบเกย่ี วกับวิธีการหรือขั้นตอนการเข้าใช้งาน ใชโ้ ครงสรา้ ง ดงั นี้ How + Verb to do + Subject + Verb 1 + Complement? เช่น How do I change the cover on my Facebook page? - Click at the cover for a while, then press the “Change Cover” icon. Next choose the new thing you want to change and press the confirm menu. How do you comment your friend’s post on Facebook? - Click at the comment box. Then type your comment in the blank. After that press the send menu. Vocabulary List

Add เพ่มิ Chat การพดู คยุ กนั Comment แสดงความคดิ เหน็ Communicate ตดิ ตอ่ ส่อื สาร Confirm convenient ยืนยนั Create สะดวก Edit สรา้ ง Event แกไ้ ข ทาใหถ้ กู ตอ้ ง Find เหตกุ ารณ์ Information คน้ หา Line ขอ้ มลู Log in ขอ้ ความ จดหมายสนั้ ๆ Message เขา้ สรู่ ะบบ Password ขอ้ ความ Post รหสั ผา่ น Profile แจง้ ประกาศ Reason ประวตั โิ ดยยอ่ เหตผุ ล

Setting การตงั้ คา่ Sticker สติก๊ เกอร์ Unit 8 Events in Life Events in Life เร่อื งราวเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ในชีวติ มกั จะเก่ียวขอ้ งกบั วนั เดือน ปีท่เี กิดเหตกุ ารณ์ นนั้ แตไ่ มเ่ จาะจง เช่น ปีท่แี ลว้ หลายเดอื นมาแลว้ สปั ดาหห์ นา้ เป็นตน้ หรอื ถา้ หาก เจาะจง เช่น วนั ท่ี 10 เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2550 เป็นตน้ ในบทนีจ้ ะกลา่ วถึงการอา่ นวนั เดือนปี ดงั นี้ 8.1 Days of the Week Sunday วนั อาทิตย์ Monday วนั จนั ทร์ Tuesday วนั องั คาร Wednesday วนั พธุ Thursday วนั พฤหสั บดี Friday วนั ศกุ ร์ Saturday วนั เสาร์ 8.2 Months of the Year January เดือนมกราคม

February เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ March เดอื นมนี าคม April เดอื นเมษายน May เดอื นพฤษภาคม June เดือนมถิ นุ ายน July เดอื นกรกฎาคม August เดอื นสงิ หาคม September เดือนกนั ยายน October เดอื นตลุ าคม November เดือนพฤศจิกายน December เดอื นธนั วาคม 8.3 การอ่านวัน เดอื น Date การอา่ นวนั ท่ี ใหอ้ ่านเป็นลาดบั แมจ้ ะเขียนเป็นตวั เลข ธรรมดา เชน่ วนั ท่ี 1 อ่าน The first วนั ท่ี 2 อา่ น The second วนั ท่ี 3 อ่าน The third วนั ท่ี 4 อา่ น The fourth วนั ท่ี 5 อ่าน The fifth

Month and Date เช่น June 10 อา่ น June, the tenth หรอื the tenth of Year June หรอื June tenth ใหอ้ ่านแยกเป็นคู่ เช่น 1865 อ่าน Eighteen, sixty-five Month/ Date /Year 1950 อ่าน nineteen fifty เช่น May 4, 1989 อา่ น May, the fourth, nineteen, eight-nine, eight-nine หรอื The fourth of May, nineteen eighty-nine หรอื May fourth, nineteen eighty-nine 8.4 Tense Tense ท่ใี ชใ้ นการบอกเลา่ เก่ียวกบั เหตกุ ารณณ์ ืตา่ ง ๆ ในชีวิต สว่ นใหญ่ใช้ Past Simple ซง่ึ กลา่ วถึงรายละเอียดของ Tense ไวใ้ นบทท่ี 2 และบทท่ี 4 แลว้ ตวั อยา่ งการใช้ Tense ในการบอกเลา่ เก่ียวกบั เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ในชีวิต เชน่ When were you born? I was born in June 1984. Were you on holiday? Yes, we were./No, we weren’t. Was he a tour guide? Yes, he was./ No, he wasn’t. Did you enjoy your holiday? Yes, I did./No, I didn’t. Vocabulary List Be born เกิด Celebrate ฉลอง Embrass กอด

Fall in love ตกหลมุ รกั ไดง้ านทา Get a job หยา่ รา้ ง แต่งงาน Get divorced ของขวญั Get married แฟน ไปโรงเรยี น Gift จบการศกึ ษา Girlfriend เติบโต มบี ตุ ร Go to school เชิญ ตกงาน Graduate ยา้ ยบา้ น งานเลีย้ ง Grow up ตาย สระวา่ ย Have children เกษียณ สอบ Invite Lose a job Move a house Party Pass away Pool Retire Take an exam Unit 9 Do you know ASEAN?

Question Words for ASEAN ในการศกึ ษาขอ้ มลู เรอ่ื งราวหรอื พดู คยุ เก่ียวกบั ASEAN ใชห้ ลกั ไวยากรณ์ Question Words ไดแ้ ก่ คาท่ีใชแ้ สดงคาถาม ซง่ึ ในการพดู คยุ ถามตอบเก่ียวกบั ASEAN มกั ใช้ Question Words ดงั ตอ่ ไปนี้ 9.1 What อะไร What ใชป้ ระกอบคานาม ทาหนา้ ท่ีเป็น Adjective เม่อื ใชต้ ามลาพงั จะทา หนา้ ท่ีเป็น Pronoun ใชถ้ ามเรอ่ื งท่วั ๆ ไปเก่ียวกบั ASEAN เช่น What does ASEAN stand for? - It stand for Association of Southeast Asian Nations. What is the capital city of Union of Myanmar? - It’s Nay Pyi Taw. 9.2 When เมื่อไหร่ When ใชถ้ ามถงึ เวลา ไมเ่ จาะจงเวลา แต่ผตู้ อบตอบแบบเจาะจงหรอื ไม่ เจาะจงก็ได้ เชน่ When did ASEAN start? - It started in July, 1961. When did you visit Singapore? - I visited there last year. 9.3 Where ทไ่ี หน

Where ทาหนา้ ท่ีเป็น Adverb ใชถ้ ามถึงสถานท่ี เช่น Where was ASEAN located? - It located in the Southeast Asia Region. Where is Hanoi city? - It’s in Vietnam. 9.4 Why ทาไม Why ใชเ้ ม่ือตอ้ งการทราบเหตผุ ล เชน่ Why was ASEAN formed in July, 1961? - It formed with a political reason for fighting against communism at the time. 9.5 Who ใคร Who ใชก้ บั คนและใชเ้ ป็นประธาน ทาหนา้ ท่ีเป็น Pronoun อย่างเดียว เชน่ Who is the Prime Minister of Thailand? - Miss Yingluck Shinawatra. 9.6 Which คนไหน ตวั ไหน อันไหน สิง่ ไหน Which ใชถ้ ามเพ่อื ใหเ้ ลอื กจากจานวนท่ีไดจ้ ากดั ไว้ ทาหนา้ ท่ีเป็นทงั้ Adjective และ Pronoun เช่น Which Country in ASEAN do you like the most? - I like Thailand.

Which one is not the objective of ASEAN? - Coperation in religious belief. 9.7 How many มากเทา่ ไหร่ How many มากเทา่ ไหร่ ใชถ้ ามจานวนของคานามท่ีนบั ไดเ้ ป็นพหพู จน์ เชน่ How many countries in ASEAN? - There are 10 countries. How many objectives of ASEAN? - There are 6 objectives. Vocabulary List Advantage ขอ้ ดี ประโยชน์ Anthem เพลง ASEAN Charter กฎบตั รอาเซียน Capital City เมอื งหลวง Competitive เก่ียวกบั การแขง่ ขนั Community ชมุ ชน Compliance การยอมทาตาม Country ประเทศ

Creative สรา้ งสรรค์ Curriculum หลกั สตู ร Emblem สญั ลกั ษณ์ Encourage สง่ เสรมิ สนบั สนนุ Enhance ปรบั ปรุง ทาใหด้ ีขนึ้ Establish สรา้ ง กอ่ ตงั้ Gain ไดร้ บั Government รฐั บาล Integration การรวมกลมุ่ Knowledge ความรู้ Locate ท่ตี งั้ Manner กิรยิ ามารยาท Member Objective สมาชิก Organization วตั ถปุ ระสงค์ Peace Population องคก์ ร Recognition สนั ตสิ ขุ Religious beliefs ประชากร Stability การยอมรบั ความเช่ือทางศาสนา ความม่นั คง