Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น

งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น

Published by panyaponphrandkaew2545, 2020-02-07 19:45:56

Description: งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น

Search

Read the Text Version

3. อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ท่ียดึ ตดิ อยกู่ บั ท่ีและท่ีตอ่ อยกู่ บั สายไฟฟ้าท่เี ดนิ อย่างถาวร สว่ นท่ีเป็น โลหะเปิดโลง่ ซง่ึ ปกตไิ มม่ ไี ฟฟา้ แตอ่ าจมีไฟร่วั ได้ ตอ้ งต่อลงดินถา้ อยใู่ นสภาพตามขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ ดงั นี้ 3.1 อยหู่ า่ งจากพืน้ หรอื โลหะท่ีตอ่ ลงดินไมเ่ กิน 8 ฟตุ ในแนวตงั้ หรอื 5 ฟตุ ในแนวนอน และบคุ คลอาจสมั ผสั ได้ (ถา้ มวี ธิ ีปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ บคุ คลสมั ผสั ไดก้ ็ไมต่ อ้ งตอ่ ลงดนิ ) 3.2 สมั ผสั ทางไฟฟา้ กบั โลหะอ่ืน ๆ และบคุ คลอาจสมั ผสั ได้ 3.3 อยใู่ นสภาพเปียกชืน้ และไมไ่ ดม้ กี ารแยกใหอ้ ยตู่ า่ งหาก 4. อปุ กรณไ์ ฟฟา้ สาหรบั ยดึ ติดอยกู่ บั ท่ีดงั ต่อไปนี้ ตอ้ งต่อสว่ นท่ีเป็นโลหะเปิดโลง่ และ ปกตไิ มม่ ีกระแสร่วั ลงดนิ 4.1 โครงของแผงสวิตช์ 4.2 โครงของมอเตอรช์ นิดยดึ ติดกบั ท่ี 4.3 กลอ่ งเครอ่ื งควบคมุ มอเตอร์ ถา้ เป็นสวิตซธ์ รรมดาและมฉี นวนรองท่ฝี าดา้ นในก็ไม่ ตอ้ งต่อลงดนิ 4.4 อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ของลฟิ ตแ์ ละปั้นจ่นั 4.5 ปา้ ยโฆษณา เคร่อื งฉายภาพยนต์ เคร่อื งสบู นา้ 5. อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ท่ีใชเ้ ตา้ เสียบ สว่ นท่ีเป็นโลหะเปิดโล่งของอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ตอ้ งตอ่ ลงดิน เม่อื มสี ภาพตามขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ ดงั นี้ 5.1 แรงดนั เทียบกบั ดินเกิน 150 โวลต์ ยกเวน้ มีการปอ้ งกนั อย่างอ่ืนหรอื มฉี นวนอย่าง ดี 5.2 อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ทงั้ ท่ีใชใ้ นท่ีอยอู่ าศยั และท่อี ่ืน ๆ เชน่

- ตเู้ ยน็ ตแู้ ชแ่ ขง็ เคร่อื งปรบั อากาศ - เครอ่ื งซกั ผา้ เครอ่ื งอบผา้ เครอ่ื งลา้ งจาน เคร่อื งสบู นา้ ทิง้ - เครอ่ื งประมวลผลขอ้ มลู เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ในตเู้ ลยี้ งปลา - เคร่อื งมอื ท่ีทางานดว้ ยมอเตอร์ เชน่ สวา่ นไฟฟา้ - เคร่อื งตดั หญา้ เคร่อื งขดั ถู - เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นสถานท่เี ปียกชืน้ เป็นพืน้ ดนิ หรอื เป็นโลหะ - โคมไฟฟ้าชนดิ หยบิ ยกได้ 3. การตอ่ สายดนิ ของเคร่ืองใช้ไฟฟ้า 1. การตอ่ ลงดินแบบนีจ้ ะเป็นการตอ่ ลงดินท่โี ครงของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ โดยตรงซง่ึ การตอ่ ลงดินวิธีนีโ้ ดยสว่ นใหญ่จะใชก้ บั อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ท่ีผผู้ ลิตไดต้ ดิ ตงั้ จดุ สาหรบั การ ตอ่ ลงดินไวใ้ หแ้ ลว้ เชน่ ตเู้ ย็น เตาไมโครเวฟ หรอื เคร่ืองซกั ผา้ 2. การตอ่ ลงดนิ ท่ีโครงอปุ กรณไ์ ฟฟา้ รว่ มกบั สายนิวทรลั การตอ่ ลงดินวิธีนี้ คลา้ ยกบั วธิ ีแรก เพียงแตก่ ารตอ่ วงจรของสายดินจะตอ่ รว่ มเขา้ กบั สายนิวทรลั หรอื สายกลางของระบบไฟหลกั ท่ีใชเ้ ป็นแหลง่ จา่ ยไฟใหก้ บั อปุ กรณไ์ ฟฟ้า เม่ือมกี ระแสไฟ ร่วั ท่ีอปุ กรณไ์ ฟฟ้ากจ็ ะไหลลงดนิ โดยผา่ นสายนิวทรลั

3. การต่อลงดินท่โี ครงอปุ กรณไ์ ฟฟา้ โดยผา่ นทอ่ โลหะและสายนวิ ทรลั การตอ่ ลง ดินวธิ ีนีจ้ ะคลา้ ยกบั วิธีท่สี อง เพียงแต่การตอ่ วงจรของสายดนิ จะตอ่ วงจรรว่ มกบั สาย นิวทรลั หรอื สายกลางโดยผา่ นทอ่ ดนิ สายท่ีเป็นโลหะ เม่ือมีกระแสไฟร่วั ท่ีอุปกรณ์ ไฟฟา้ นนั้ ก็จะทาใหก้ ระแสไฟท่รี ่วั ไหลลงดินโดยผา่ นทอ่ โลหะไปสสู่ ายนิวทรลั การตอ่ สายดนิ ใหไ้ ดค้ ุณภาพ การตอ่ สายตอ้ งตอ่ ใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม จงึ จะทาใหส้ ายดินมีประสิทธิภาพ ในการใชง้ านไดส้ งู สดุ มขี อ้ ควรคานงึ ในการตอ่ สายดินดงั นี้

1.) หา้ มตอ่ สายดนิ ผา่ นฟิวสห์ รอื อปุ กรณป์ อ้ งกนั แบบตดั วงจร อตั โนมตั ิ นอกจากการต่อผ่านตวั ตดั วงจรอตั โนมตั ิ ท่เี ม่ือตวั ตดั วงจรอตั โนมตั ิ ทางาน ตอ้ งตดั สายไฟฟา้ ทกุ เสน้ ของวงจรเช่ือมสายดินออกดว้ ย 2.) หา้ มตอ่ สายดนิ ผา่ นสวิตชต์ ดั ตอน ยกเวน้ ในกรณีท่ีตดิ ตงั้ ในท่ีมองเหน็ ไดช้ ดั เจน และทาเครอ่ื งหมายบอกไวอ้ ยา่ งชดั เจน 3.) หา้ มตอ่ สายดนิ ของเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ เขา้ กบั สายศนู ย์ (Neutral Wire) หาก ตอ่ ไวเ้ ม่ือสายศนู ยข์ าดจะทาใหต้ วั ถงั โลหะของเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ มศี กั ยไ์ ฟฟา้ เทา่ กบั แรงดนั ของสายไฟฟา้ เสน้ มีไฟ ผสู้ มั ผสั ถกู ตวั ถงั โลหะอาจไดร้ บั อนั ตรายจากไฟฟา้ ดดู ได้ 4.) จดุ ตอ่ สายดินทกุ ตาแหนง่ ตอ้ งตอ่ อยา่ งม่นั คงแขง็ แรง โดยใชอ้ ปุ กรณ์ และวธิ ีการต่อสายท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสม มคี วามตอ่ เน่ืองทางไฟฟ้าและตอ่ ถึงกนั อย่าง ถาวร 5.) ทางเดนิ ไฟฟา้ ลงดินตอ้ งสามารถทนกระแสลดั วงจรท่เี กิดขนึ้ ได้ และ ตอ้ งมคี วามตา้ นทานต่าพอท่จี ะทาใหอ้ ปุ กรณป์ อ้ งกนั ระบบไฟฟ้าทางาน 6.) สายดินของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ตอ้ งมีขนาดท่ีพอเหมาะไมเ่ ลก็ ไปกวา่ มาตรฐานท่กี าหนด 7.) หลกั ตอ่ สายดินตอ้ งฝึกลกึ ในดินไมน่ อ้ ยกว่า 2.40 เมตร ถา้ จาเป็นตอ้ งมีหลกั ต่อสายดนิ หลายหลกั แต่ละหลกั ตอ้ งห่างกนั ไมน่ อ้ ย กวา่ 1.80 เมตร และตอ่ รว่ มกนั

8.) จดุ ตอ่ สายดินกบั หลกั ตอ่ สายดนิ ตอ่ ไดก้ บั หลกั ตอ่ สายดนิ หลกั ใดหลกั หนง่ึ ตามความสะดวก แตต่ อ้ งอยภู่ ายในบรเิ วณท่ีจะต่อเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ และตอ้ งอยู่ ทางดา้ นกระแสเขา้ ของสวิตชต์ ดั ตอน หรอื อปุ กรณป์ อ้ งกนั กระแสเกิน 9.) สายดินท่ีจะตอ่ กบั หลกั ตอ่ สายดนิ ตอ้ งใสไ่ วใ้ นทอ่ หรอื มฉี นวน หมุ้ และตอ้ งเป็นเสน้ เดียวกนั โดยตลอด 10.) ไมค่ วรต่อโครงโลหะของเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ลงดินโดยตรง ถา้ ดาเนินการ ไปแลว้ ใหแ้ กไ้ ขโดยการตอ่ สายดินท่ีสวิตชป์ ระธานอยา่ งถกู ตอ้ ง และเดนิ สายดินจาก สวติ ชป์ ระธานมาตอ่ รวามกบั สายดนิ ท่ใี ชอ้ ยเู่ ดิม บทท่ี 9 ตัวต้านทาน วตั ถทุ กุ ชนิดบนโลกมีความตา้ นทานเป็นสว่ นประกอบรวมอยดู่ ว้ ยเสมอ ในขนาดคา่ ความตา้ นทานท่แี ตกต่างกนั บางชนิดมคี า่ ต่า บางชนิดมคี า่ สงู สามารถนาวตั ถุ เหลา่ นีน้ ามาผลติ เป็นตวั ตา้ นทานได้ เพ่ือทาใหเ้ กิดความสะดวกตอ่ การใชง้ าน หนา้ ท่ี ของตวั ตา้ นทานคือ จากดั การไหลของกระแส และกาหนดคา่ แรงดนั ตกครอ่ ม ชนิดของตวั ตา้ นทานแบง่ ออกไดต้ ามวสั ดทุ ่ใี ชผ้ ลติ คือ วสั ดปุ ระเภทโลหะทา มาจากโลหะผสมของนิกเกิล แคดเมยี ม ทองแดง แมงกานีส และโครเมียม เป็น ตน้ สว่ นวสั ดปุ ระเภทอโลหะ ทามาจากผงคารบ์ อนอดั หรอื ฟิลม์ คารบ์ อน และแบง่ ออกไดต้ ามรูปแบบท่ผี ลติ ไดม้ าแบบคงท่ี แบบแบง่ ค่า แบบเปล่ยี นคา่ แบบปรบั คา่ และแบบพเิ ศษ แตล่ ะแบบของตวั ตา้ นทานท่ผี ลิตขนึ้ มาสามารถใชว้ สั ดไุ ดท้ งั้ ประเภทโลหะและประเภทอโลหะ ในตวั ตา้ นทานแบบพเิ ศษ เป็นตวั ตา้ นทานท่ผี ลิตขนึ้ มาเฉพาะอยา่ ง คา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานแบบนีส้ ามารถเปลี่ยนแปลงคา่ ไดต้ ามการควบคมุ ของ

ขนาดพลงั งานท่ตี อ้ งการ เชน่ เทอรมีสเตอร์ เป็นตวั ตา้ นทานท่ีคา่ ความตา้ นทาน เปลี่ยนแปลงคา่ ไปไดต้ ามอณุ หภมู ทิ ่ีมาควบคมุ และแอลดีอาร์ (LDR) เป็นตวั ตา้ นท่ี มคี า่ ความตา้ นทานเปล่ยี นแปลงคา่ ไปไดต้ ามแสงท่ีมาควบคมุ การอา่ นคา่ ความตา้ นท่ีแสดงไวบ้ นตวั ตา้ นทนอา่ นไดห้ ลายแบบแลว้ แตแ่ บบท่ี บอกคา่ ไว้ เชน่ แบบแสดงคา่ ออกมาโดยตรง แบบนีจ้ ะพิมพค์ า่ ความตา้ นทานบอก ไวส้ ามารถอา่ นออกมาไดโ้ ดยตรง แบบแสดงคา่ เป็นรหสั แบบนีต้ อ้ งทาการแปลงรหสั ออกก่อนจงึ สามารถอ่านคา่ ความตา้ นทานออกมาได้ และแบบแสดงค่าเป็นแถบสี แบบนีต้ อ้ งแปลงแถบสใี หเ้ ป็นตวั เลขกอ่ น แปลงรหสั ตวั เลขเป็นคา่ ความตา้ นทาน จดั หน่วยใหถ้ กู ตอ้ งจงึ จะอ่านคา่ ความตา้ นทานออกมาได้ แถบสที ่ีบอกไวท้ งั้ แบบ 4 แถบสี และแบบ 5 แถบสี ตวั ตา้ นทานชนดิ ตา่ งๆ

ความต้านทานในวสั ดตุ า่ งๆ วสั ดตุ า่ งๆ ทกุ ชนิดท่มี ีบนโลกจะมีคา่ ความตา้ นทาน (Resistance) ประกอบรว่ มอยู่ ดว้ ยเสมอ ในความหมายของคาวา่ ความตา้ นทานก็คือแรงตา้ นทานจากวตั ถุ ตา่ งๆ ทาหนา้ ท่ีดา้ นการไหลของกระแสผา่ นตวั มนั ไปไดม้ ากหรอื นอ้ ย ความตา้ นทาน นีม้ ีผลตอ่ การทางานของอปุ กรณเ์ ครอ่ื งมือ เคร่อื งใฃ้ และระบบการทางานของวงจร ทางไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ชว่ ยใหร้ ะบบการทางานมีความถกู ตอ้ งสมบรู ณต์ าม ตอ้ งการ ในวตั ถตุ า่ งชนิดกนั คา่ ความตา้ นทานท่เี กดขนึ้ มีความแตกต่างกนั วตั ถบุ าง ชนิดมคี วามตา้ นทานต่ามกั ถกู เรยี กวา่ ตวั นา (Conductor) วตั ถบุ างชนิดมีความ ตา้ นทานสงู มกั ถกู เรยี กวา่ ฉนวน (Insulator) เม่ือนาวตั ถตุ า่ งชนิดกนั มาเปรยี บเทยี บ คา่ ความตา้ นทานกนั จะพบวา่ มีความแตกตา่ งกนั อย่างมาก ชนิดตัวต้านทานตามวัสดุทใี่ ช้ผลติ ตวั ตา้ นทานสามารถผลติ ขนึ้ มาไดจ้ ากวสั ดหุ ลายชนิด เม่อื แยกออกเป็น ประเภทวสั ดุ แยกออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื ประเภทโลหะ (Metallic Type) และ ประเภทอโลหะ (Non - Metallic Type) ทงั้ ประเภทโลหะและอโลหะยงั แบง่ ย่อยออก ไดเ้ ป็นลกั ษณะการผลิตและแบบหรอื รูปรา่ งผลิตขนึ้ มาใชง้ าน 1. วัสดุประเภทโลหะ โลหะท่ีนามาใชผ้ ลติ ตวั ตา้ นทานเป็นพวกโลหะผสมระหวา่ งนิกเกิล (Nickel) และแคตเมียม (Cadmium) สรา้ งขนึ้ มาในรูปเสน้ ลวด (Wire) และแถบลวด (Ribbon)

นาไปพนั บนแกนเซรามิก (Ceramic Core) ตอ่ ปลายลวดทงั้ สองเขา้ กบั ขาโลหะตวั ตา้ นทาน ลกั ษณะการผลิตตวั ตา้ นทาน ประเภทโลหะแบง่ ออกไดเ้ ป็นชนดิ ตวั ตา้ นทานขดลวดหรอื ตวั ตา้ นทานไวรว์ าวด์ (Wire - Wound Resistor) และชนิดตวั ตา้ นทานฟิลม์ โลหะ (Metal - Film Resistor) 1.) ตวั ต้านทานไวรว์ าวด์ ท่ใี ชท้ าตวั ความตา้ นทานนีส้ ว่ นมากจะใชเ้ สน้ ลวดเลก็ ๆ หรอื แถบลวด (Ribbon) พนั บนฉนวนท่ีเป็นแกนของตวั ความตา้ นทาน และท่ปี ลายทงั้ สองขา้ งของ ขดลวดจะตอ่ ขาออกมาใชง้ าน แลว้ เคลอื บดว้ ยฉนวนอีกทีหน่งึ อาจผลิตขนึ้ มาเป็น แทง่ ทรงกระบอกยาว หรอื เป็นทอ่ นกลม การตอ่ ขาออกมาใชง้ านมีทงั้ ชนิด 2 ขา และขา 3 ขา ลกั ษณะตวั ตา้ นทานไวรว์ าวดแ์ สดงดงั รูป

ตวั ตา้ นทานไวรว์ าวด์ คา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ ทานไวรว์ าวดน์ ี้ ขนึ้ อยกู่ บั ขนาดของเสน้ ลวดท่ีใชพ้ นั ถา้ ใชเ้ สน้ ลวดเสน้ ใหญ่ความตา้ นทานมีคา่ ต่า ถา้ ใชล้ วดเสน้ เล็กความตา้ นทานมีค่า สงู ขนึ้ และขนึ้ อยกู่ บั ความยาวของลวดทีพนั ถา้ ลวดมคี วามยาวนอ้ ยความตา้ นทานมี คา่ ต่า ถา้ ลวดมคี วามยาวมากขนึ้ ความตา้ นทานมคี า่ สงู ขนึ้ 2.) ตวั ต้านทานฟิ ลม์ โลหะ เป็นตวั ตา้ นทานประเภทโลหะอีกชนิดหน่งึ ท่ีนยิ มใชง้ านในปัจจบุ นั โครงสรา้ ง ของตวั ตา้ นทานชนดิ นีป้ ระกอบดว้ ยแกนทรงกระบอกเล็ก ๆ ทาจากเซรามิก เคลอื บ ผวิ เซรามกิ ดว้ ยโลหะบาง ๆ พวกนกิ เกิล หรอื โครเมียม (Chromium) โดยการเคลอื บใน สญุ ญากาศ การเคลือบบนแกนเซรามิกเป็นแบบพนั รอบแกนแบบตอ่ เน่ืองจากปลาย ดา้ นหนง่ึ ไปยงั ปลายอีกดา้ นหน่งึ และมีโลหะครอบปลายทงั้ สองตอ่ ออกมาเป็นขาตวั ตา้ นทาน ลกั ษณะตวั ตา้ นทานฟิลม์ โลหะ วัสดปุ ระเภทอโลหะ อโลหะท่ีนิยมผลิตตวั ตา้ นทานไดแ้ ก่ คารบ์ อน (Carbon) โดยถกู ทาเป็น ผง เม่อื ตอ้ งการผลิตตวั ตา้ นทานก็นาไปผสมรวมกบั วสั ดฉุ นวนกบั กาวอดั ใหแ้ น่น หรื อาจใชว้ สั ดพุ วก ซลิ ิคอน (Silicon) ผลติ ขนึ้ มาในรูปสารก่งึ ตวั นา (Semiconductor) ลกั ษณะการผลติ ตวั ตา้ นทานประเภทอโลหะแบง่ ออกได้ เป็นชนิดตวั ตา้ นทานคารบ์ อน (Carbon Resistor) ชนิดตวั ตา้ นทานฟิลม์ คารบ์ อน (Carbo - Film Resistor) และชนดิ ตวั ตา้ นทานวงจรรวม (intergrated - Circuit Resistor)

1.) ตัวต้านทานคารบ์ อน ตวั ตา้ นทานชนิดนีถ้ กู สรา้ งโดยการเคลือบ แผน่ ฟิลม์ คารบ์ อนท่ีมีคณุ สมบตั ขิ องคา่ ความตา้ นทานลงบนแกนเซรามคิ ซง่ึ ทาหนา้ ท่ี เป็นฉนวน หลงั จากนนั้ ใหท้ าการตดั แตง่ ฟิลม์ คารบ์ อนท่ีไดใ้ หเ้ ป็นรูปวงแหวนรอบแกน เซรามิค โดยถา้ มอี ตั ราสว่ นของเนือ้ คารบ์ อนมีปริมาณมากกวา่ ฉนวนจะทาใหค้ า่ ความตา้ นทานท่ไี ดม้ คี ่าต่า แตถ่ า้ ฉนวนมอี ตั ราสว่ นมากกว่าเนือ้ ของคารบ์ อน ความ ตา้ นทานท่ไี ดก้ ็จะมีคา่ สงู ตวั ตา้ นทานแบบฟิลม์ คารบ์ อนจะมีคา่ ความคลาดเคล่ือนต่า และสามารถทนต่อการเปลีย่ นแปลงของอณุ หภมู ิสงู ได้ โดยไมท่ าใหค้ า่ ความตา้ นทาน เปล่ียนแปลงไป นอกจากนนั้ สญั ญาณรบกวนท่ีเกิดจากการใชต้ วั ตา้ นทานชนดิ นีก้ ็มี คา่ นอ้ ยกวา่ เม่ือเปรยี บเทียบกบั ตวั ตา้ นทานชนิดคารบ์ อนผสม ตวั ตา้ นทานคารบ์ อน 2.) ตวั ต้านทานฟิ ลม์ คารบ์ อน เป็นตวั ตา้ นทานชนดิ คารบ์ อนอกี แบบหนง่ึ เป็นท่ี นิยมใชง้ านในปัจจบุ นั มากวา่ แบบคารบ์ อน การผลิตทาไดโ้ ดยนาผงคารบ์ อนผสมกบั กาวเคลอื บหมุ้ แกนเซรามกิ ทรงกระบอกขนาดเล็ก และมโี ลหะครอบปลายทงั้ สองของ คารบ์ อนตอ่ ออกมาเป็นขาตวั ตา้ นทาน เคลอื บผวิ นอกสดุ ดว้ ยพลาสติกอกี ชนั้ หน่งึ ลกั ษณะตวั ตา้ นทานฟิลม์ คารบ์ อน แสดงในรูป

ตวั ตา้ นทานแบบฟิลม์ คารบ์ อน 3.) ตวั ตา้ นทานวงจรรวม อาจเรยี กวา่ ตวั ตา้ นทานไอซี (IC Resistor) เป็นตวั ตา้ นทาน ท่ผี ลิตจกสารซิลคิ อนในรูปของสารกง่ึ ตวั นาสามารถสรา้ งตวั ตา้ นทานในขนาดเลก็ ๆ รวมไวด้ ว้ ยกนั ไดจ้ านวนมากตวั ในโครงสรา้ งเดียวหรอื ใน IC ตวั เดียวได้ ช่วยให้ สะดวกในการนาไปใชง้ านมากขนึ้ การตอ่ ขาของตวั ตา้ นทาน อาจตอ่ ขาแยก เฉพาะตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั กไ็ ด้ หรอื ต่อตวั ตา้ นทานเป็นวงจรไวภ้ ายในตวั IC และตอ่ ขาออกมาในตาแหนง่ ท่ีตอ้ งการได้ ลกั ษณะตวั ตา้ นทานวงจรรวม แสดงในรูป ตวั ตา้ นทานตามรูปแบบทผี่ ลิต ตวั ตา้ นทานถกู นาไปใชง้ านไดก้ วา้ งขวางและหลอกหลายลกั ษณะ ดงั นนั้ เพ่ือใหก้ ารใชง้ านมคี วามสะดวก และเลือกตวั ตา้ นไปใชง้ านในรูปแบบท่ี เหมาะสม บรษิ ัทผผู้ ลิตตวั ตา้ นทานจงึ ไดผ้ ลติ ตวั ตา้ นทานขนึ้ มาในหลาย รูปแบบ และหลายโครงสรา้ ง ชว่ ยอานวยความสะดวกในการใชง้ านมาก ขนึ้ สามารถเลอื กตวั ตา้ นทานมาใชง้ านไดเ้ หมะสมมากขนึ้ วสั ดทุ ่นี ามาใชใ้ นการ

ผลิตตวั ตา้ นทานตามรูปแบบท่ผี ลติ ใชท้ งั้ ประเภทโลหะและประเภทอโลหะ รูปแบบท่ี ผลติ ขนึ้ ใชง้ านแบง่ ออกไดด้ งั นี้ 1.) ตวั ตา้ นทานแบบคงท่ี (Fixed Resistor) 2.) ตวั ตา้ นทานแบบแบง่ คา่ (Tapped Resistor) 3.) ตวั ตา้ นทานแบบเปลี่ยนคา่ (Adjustable Resistor) 4.) ตวั ตา้ นทานแบบปรบั คา่ (Variable Resistor) 5.) ตวั ตา้ นทนแบบปรบั คา่ (Variable Resistor) 6.) ตวั ตา้ นทานแบบพิเศษ (Special Resistor) 1. ตัวตา้ นทานแบบคงท่ี ตวั ตา้ นทานแบบคา่ คงท่ี เป็นตวั ตา้ นทานท่ผี ลิตขนึ้ มามีคา่ ความตา้ นทาน คงท่ตี ายตวั เปลี่ยนแปลงคา่ ไมไ่ ด้ สามารถสรา้ งใหม้ ีคา่ ความตา้ นทานกวา้ ง มาก ตงั้ แตค่ ่าต่าเป็นเศษสว่ นของโอหม์ ไปจนถึงค่าสงู เป็นเมกะโอหม์ ขนึ้ ไป ผลติ มา ใชง้ านไดท้ งั้ ประเภทโลหะและประเภทอโลหะ โดยเรยี กตามวตั ถทุ ่นี ามาใช้ ผลิต เช่น ไวรว์ าวด์ ฟิลม์ โลหะ คารบ์ อน และฟิลม์ คารบ์ อน เป็นตน้ คา่ ทน กาลงั ไฟฟา้ มีตงั้ แต่ 1/16 วตั ต์ ถึงหลายรอ้ ยวตั ต์ รูปรา่ งและสญั ญาของตวั ตา้ นทาน แบบคงท่ี แสดงดงั รูป ตวั ตา้ นทานแบบคงท่ี 2 ตวั ตา้ นทานแบบแบง่ ค่า

ตวั ตา้ นทานแบบแบง่ คา่ เป็นตวั ตา้ นทานท่ีผลติ ขนึ้ มามีคา่ ความตา้ นทานท่ี ตายตวั เหมือนตวั ตา้ นทานแบบคงท่ี แต่ในตวั ตา้ นทานแบบแบง่ ค่านีม้ กี ารแบง่ ค่า ความตา้ นทานแยกออกมาเป็นชว่ ง ๆ จงึ มขี าตอ่ ออกใชง้ านมากกวา่ 2 ขา เช่น 3 ขา 4 ขา และ 5 ขา เป็นตน้ ความตา้ นทานท่ีตอ่ ออกมาเป็นขาแตล่ ะช่วงถกู ต่อเป็นน ลาดบั กนั ไป สามารถเลอื กคา่ ความตา้ นทานใชง้ านไดห้ ลายคา่ รูปรา่ งและ สญั ลกั ษณข์ องตวั ตา้ นทานแบบแบง่ คา่ แสดงดงั รูป ตวั ตา้ นทานแบบแบง่ ค่า สญั ลกั ษณ์ 3 ตัวต้านทานแบบเปลย่ี นค่า ตวั ตา้ นทานแบบเปลี่ยนคา่ เป็นตวั ตา้ นทานท่สี ามารถเปล่ียนคา่ ความ ตา้ นทานท่ตี อ้ งการใชง้ านได้ โดยมีขาท่สี ามของตวั ตา้ นทานสามารถเปลย่ี นตาแหนง่ สมั ผสั คา่ ความตา้ นทานใหมไ่ ด้ ตวั ตา้ นทานชนดิ นีม้ กั เป็นชนิดไวรว์ าวด์ โดยสว่ น หน่งึ บนตวั ตา้ นทานไมไ่ ดห้ มุ้ ฉนวนไว้ มองเหน็ เป็นเสน้ ลวดพนั รอบแกนเซรามกิ เป็น ทรงกระบอก ขาท่ีเปลี่ยนตาแหน่งไดเ้ ป็นปลอกโลหะสวมอยู่ มสี ว่ นหนง่ึ สมั ผสั กบั เสน้ ลวดบนตวั ตา้ นทาน สามารถปรบั เลื่อนไปมาไดต้ ามตอ้ งการ มีสกรูขนั ยดึ ปลอก โลหะใหส้ มั ผสั แน่นกบั เสน้ ลวดท่ีตวั ตา้ นทาน เพ่ือปอ้ งกนั การเลอื่ นเปลี่ยนตาแหนง่ รูปรา่ งและลกั ษณะของตวั ตา้ นทานแบบเปล่ยี นคา่ แสดงดงั รูป

ตวั ตา้ นทานแบบเปล่ยี นคา่ 4 ตัวตา้ นทานแบบปรับค่า ตวั ตา้ นทานแบบปรบั คา่ เป็นตวั ตา้ นทานท่ีสามารถปรบั คา่ ความตา้ นทานได้ ตลอดเวลาท่ีตอ้ งการ ตงั้ แตค่ วามตา้ นทานต่าสดุ ไปจนถงึ ค่าความตา้ นทานท่สี งู สดุ ของตวั มนั ไดอ้ ย่างต่อเน่ือง อาจมีโครงสรา้ งเป็นรูปโคง้ เกือบเป็นวงกลม (แบบหมนุ ปรบั คา่ ) หรอื อาจเป็นแทง่ ยาว (แบบเลอื่ นปรบั คา่ ) มขี าต่อออกมาใชง้ าน 3 ขา ท่ี ขากลางเป็นตวั ปรบั เลือ่ นคา่ ไปมาได้ รูปรา่ งและสญั ลกั ษณข์ องตวั ตา้ นทานแบบปรบั คา่ แสดงดงั รูป ตวั ตา้ นทานแบบปรบั ค่า 5 ตัวต้านทานแบบพเิ ศษ

ตวั ตา้ นทานแบบพเิ ศษเป็นตวั ตา้ นทานท่สี รา้ งขนึ้ มาใชง้ านเฉพาะหนา้ ท่ี มีช่ือ เรยี กท่ีแตกตา่ งกนั ไปตามคณุ สมบตั ิท่สี รา้ งขนึ้ มาใชง้ าน และตามคา่ พลงั งานท่ีใชใ้ น การควบคมุ การทางาน เชน่ เทอรม์ ีสเตอร์ (Thermistor) และแอลดีอาร์ (LDR ; :ight Dependent Resistor) เป็นตน้ 1.) เทอรม์ สี เตอร์ เป็นตวั ตา้ นทานท่ีคา่ ความตา้ นทานในตวั เองสามารถ เปลย่ี นแปลงคา่ ไดต้ ามคา่ อณุ หภมู ริ อบ ๆ ตวั ท่ีเปลีย่ นแปลงไป คา่ ความตา้ นทานท่ี เปลย่ี นแปลงอาจไมเ่ ป็นเชิงเสน้ (Non - Linear) และแตกตา่ งกนั ตามชนิดของวสั ดทุ ่ี นามาใชผ้ ลิต วสั ดทุ ่ใี ชผ้ ลติ เป็นพวกโลหะหรอื สนมิ โลหะ เชส นกิ เกิล ทองแดง พลาตนิ มั เหลก็ และแมงกานีส เป็นตน้ ขนึ้ อยกู่ บั ความเหมาะสมในการนาไปใชง้ าน รูปรา่ งและสญั ลกั ษณข์ องเทอรม์ ีสเตอร์ แสดงดงั รูป เทอรม์ สี เตอร์ 2.) แอลดอี าร์ (LDR) เป็นตวั ตา้ นทานท่ีคา่ ความตา้ นทานในตวั เองท่ีสามารถ เปลย่ี นแปลงคา่ ไดต้ ามแสงสวา่ งท่ีมาตกกระทบตวั มนั คือ เม่อื มีแสงสวา่ งมาตก กระทบนอ้ ย LDR จะมคี วามตา้ นทานสงู และเม่ือมแี สงสวา่ งมาตกกระทบมา LDR

จะมคี วามตา้ นทานต่า วสั ดทุ ่ใี ชผ้ ลิตตวั แคดเมยี ม ซลี ีไนด์ (CdSe ; Cadmium Selenide) เป็นตน้ รูปรา่ งและลกั ษณะของ LDR แสดงดงั รูป แอลดีอาร์ หน่วยความตา้ นทาน ความตา้ นทานมีหนว่ ยท่ีใชใ้ นการแสดงขนาดของคา่ ความตา้ นทานเป็นหนว่ ยโอหม์ (Ohm) ความหมายของความตา้ นทาน 1 โอหม์ คือ ความตา้ นทานท่ยี อมใหก้ ระแส ไหลผา่ นได้ 1 แอมแปร์ และมแี รงดนั ตกครอ่ มตวั ตา้ นทาน 1 โวลต์

ตวั ตา้ นทานมีขนาดคา่ ความตา้ นทานแตกตา่ งกนั มีคา่ ตงั้ แตค่ วามตา้ นทานท่ี ต่า ๆ ไปจนถึงค่าความตา้ นทานสงู ๆ ทาใหก้ ารใชห้ นว่ ย ทาใหก้ ารใชห้ น่วยบอกคา่ เพียงคา่ โอหม์ อยา่ งเดียวไมเ่ กิดความสะดวกในการใชง้ าน จงึ ไดเ้ พ่มิ หนว่ ยบอกคา่ ความตา้ นทานออกเป็นหนว่ ยมิลลโิ อหม์ (Milliohm) หน่วยกิโลโอหม์ (Kiloohm) และ หน่วยเมกโอหม์ (Megohm) หน่วยคา่ งๆเขียนความสมั พนั ธก์ นั ไดด้ งั นี้ การอ่านคา่ ความต้านทานแสดงเป็ นตวั อักษร ตวั ตา้ นทานท่ผี ลติ ขนึ้ มาใชง้ านแตล่ ะตวั ตอ้ งมีคา่ ความตา้ นทานกากบั ตดิ ไว้ เพ่ือใหแ้ สดงคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานตวั นนั้ ๆ การแสดงค่าวิธีหน่งึ คือ แสดงค่าความตา้ นทานไวเ้ ป็นตวั เลขและตวั อกั ษรรวมกนั แบง่ การแสดงคา่ ออก ไดเ้ ป็น 2 แบบคือ แบบแสดงค่าความตา้ นทานโดยตรง และแบบแสดงค่าความ ตา้ นทานเป็นรหสั ตวั เลขตวั อกั ษร 1. แบบแสดงคา่ ออกมาโดยตรง

ตวั ตา้ นทานท่แี สดงค่าออกมาโดยตรง จะพมิ พค์ า่ ความตา้ นทานลงบนตวั ตา้ นทานตามคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานนนั้ แสดงหนว่ ยไวเ้ ป็น ? , k? หรอื M? บางครงั้ มคี า่ การทนกาลงั ไฟฟา้ และคา่ เปอรเ์ ซน็ ตผ์ ิดพลาดกากบั ไวด้ ว้ ยก็ได้ ตวั ตา้ นทานบางแบบจะมีตวั อกั ษรกากบั ไวด้ ว้ ย เพ่ือแสดงคา่ เปอรเ์ ซ็นตผ์ ดิ พลาดแทน ตวั เลข ใชต้ วั อกั ษาภาษาองั กฤษมี 4 ตวั คอื J, K, L และ M มคี วามหมายดงั นี้ อกั ษร J เป็นคา่ ความผิดพลาด ±5% อกั ษร K เป็นคา่ ความผิดพลาด ± 10 % อกั ษร L เป็นคา่ ความผดิ พลาด ± 15 % อกั ษร M เป็นคา่ ความผิดพลาด ± 20 % 2. แบบแสดงค่าออกมาเป็ นรหัสตัวเลขตัวอกั ษร ตวั ตา้ นทานบางแบบถึงแมม้ ีตวั เลขและตวั อกั ษรกากบั ไวบ้ นตวั ตา้ นทานนนั้ ๆ ก็ไปสามารถอา่ นคา่ ออกมาไดโ้ ดยตรงเพราะตวั เลขและตวั อกั ษรท่ีแสดงไว้ แสดง ออกมาในรูปรหสั การอ่านคา่ มีวธิ ีการท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป รหสั คา่ ความตา้ นทานมกั เป็นตวั เลข 3 ตวั เขียนเรยี งกนั และอาจตามดว้ ยตวั อกั ษร 1 ตวั เพ่ือแสดงคา่ ความ ผดิ พลาดของความตา้ นทาน ตวั อกั ษรนอกจากมีตวั J , K, L, M ดงั ท่ีกลา่ ว มาแลว้ ยงั มเี พ่มิ ตวั อกั ษร B, C, D, F และ G มคี วามหมายดงั นี้ อกั ษร B เป็นคา่ ความผิดพลาด ±5% อกั ษร C เป็นคา่ ความผดิ พลาด ± 0.25 % อกั ษร D เป็นคา่ ความผดิ พลาด ± 0.5 % อกั ษร F เป็นคา่ ความผิดพลาด ±1% อกั ษร G เป็นคา่ ความผดิ พลาด ±2% การอา่ นคา่ ความต้านทานแสดงเป็ นแถบสี

อา่ นคา่ ความตา้ นทานจากรหสั สี การเลอื กใชต้ วั ตา้ นทานคา่ ตา่ ง ๆ นนั้ วิธีท่รี วดเรว็ และสะดวก คอื การอา่ นคา่ ความตา้ นทานท่ปี รากฏอยบู่ นตวั ตา้ นทานซง่ึ แสดงไว้ 2 แบบ ไดแ้ ก่ รหสั สี ซง่ึ มี ลกั ษณะเป็นแถบวงแหวนสตี า่ ง ๆ และแบบพิมพเ์ ป็นตวั เลขและตวั อกั ษร การแสดง คา่ ความตา้ นทานทงั้ สองแบบ ดงั รูป รหสั สี ตวั ตา้ นทานชนิดคาคงท่ีโดยปกตแิ ลว้ จะแบง่ เป็น แบบใชง้ านท่วั ไป และแบบความ เท่ียงตรงสงู ซง่ึ ตวั ตา้ นทานแบบท่ใี ชง้ านท่วั ไปจะมีคา่ ความคลาดเคล่อื น ฑ5 % หรอื มากกวา่ และแถบสีแสดงแทนคา่ ความตา้ นทานจานวน 4 แถบ สว่ นตวั คา่ ความ ตา้ นทานแบบเท่ียงตรงสงู จะมีคา่ ความคลาดเคล่ือน ฑ2 % หรอื นอ้ ยกวา่ โดยจะมี แถบสีแสดงคา่ ความตา้ นทานจานวน 5 แถบ สว่ นความแตกตา่ งของตวั ตา้ นทานทงั้ สองแบบนีแ้ สดงในรูป

แถบสี แถบสที 1ี่ แถบสีท2่ี แถบสีท3ี่ แถบสที 4ี่ แทนค่า แทนตวั เลขท่ี 1 แทนตวั เลขท่ี 2 แทนตัวคูณ คลาดเคลื่อน ดา 0 01 - นา้ ตาล 1 1 10 1% แดง 2 2 100 2% ส้ม 3 3 1000 3% เหลือง 4 4 10000 4% เขยี ว 5 5 100000 - นา้ เงนิ 6 6 1000000 - ม่วง

เทา 7 7 10000000 - 8-- ขาว 8 9-- ทอง 9 - 0.1 5% เงนิ - - 1.01 10% ไมม่ สี ี - - - 20% - วิธีการอ่านแถบสีของตวั ต้านทานแบบใช้งานท่วั ไป 1.แถบสีแรก ใชแ้ สดงตวั เลขหลกั แรก และจะไมเ่ ป็นสีดา 2. แถบสที ่ีสอง ใชแ้ สดงเป็นตวั เลขหลกั ท่ีสอง 3. แถบสที ่ีสาม เป็นตวั คณู สาหรบั ตวั เลข 2 หลกั แรก ซง่ึ จะมคี า่ 1/100 ถึง 10,000,000

4. แถบสีท่สี ่ี ใชแ้ สดงค่าความคลาดเคลื่อน ซง่ึ มคี า่ ตงั้ แต่ +-5 % ขนึ้ ไป วิธกี ารอา่ นแถบสขี องตวั ตา้ นทานแบบความเทย่ี งตรงสูง 1. แถบสแี รก เป็นตวั เลขหลกั แรกของตวั เลขจานวน 3 หลกั 2. แถบสที ่ีสอง เป็นตวั เลขหลกั ท่ีสอง 3. แถบสที ่สี าม เป็นตวั เลขหลกั ท่ีสาม 4. แถบสที ่สี ี่ เป็นตวั คณู สาหรบั ตวั เลข 3 หลกั แรก 5. แถบสีท่ีหา้ ใชแ้ สดงค่าความคลาดเคลอ่ื นซง่ึ จะมีคา่ +-2 % หรอื นอ้ ยกว่า ดว้ ยตน้ เหตทุ ่ตี วั ตา้ นทานแบบความเท่ียงตรงสงู ใหค้ า่ ความตา้ นทานท่ีมคี วาม ละเอียดมากกวา่ ดงั นนั้ จงึ ทาใหต้ วั ตา้ นทานมีราคาแพงกวา่ ตวั ตา้ นทานแบบใชง้ าน ท่วั ไป ตัวอย่าง ตวั ตา้ นทานขนาด 1/2W จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. ตวั ตา้ นทานนีเ้ ป็นแบบใชง้ านท่วั ไปหรอื แบบความเท่ียงตรงสงู 2. คา่ ความตา้ นทานท่อี ่านได้ มีคา่ เทา่ ใด 3. คา่ ความคลาดเคลอ่ื น มคี า่ เทา่ ใด

วิธที า 1. เป็นตวั ตา้ นทานแบบใชง้ านท่วั ไป เพราะมีจานวน 4 แถบ 2. เขียว นา้ เงิน นา้ ตาล = 56 x 10 = 560 โอหม์ 3. คา่ ความความคลาดเคลื่อนแสดงดว้ ยสที อง ซง่ึ มคี า่ เทา่ กบั +-5 % คา่ ความคลาดเคลอ่ื นท่เี ป็นไปได้ = +-5 % ของ 560 = 28 560 + 28 = 588 โอหม์ 560 - 28 = 532 โอหม์ ดงั นนั้ คา่ ความตา้ นทานจะอยรู่ ะหวา่ ง 532 โอหม์ ถึง 588 โอหม์ ตวั อยา่ ง จงบอกค่าความตา้ นทาน คา่ ความคลาดเคล่อื น และชนิดของตวั ตา้ นทาน ตัวอยา่ ง

ตวั ตา้ นทานขนาด 1/2W มีรหสั สี แดง ดา ดา ดา นา้ ตาล จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. ตวั ตา้ นทานนีเ้ ป็นแบบใชง้ านท่วั ไปหรอื แบบความเท่ียงตรงสงู 2. คา่ ความตา้ นทานท่อี า่ นได้ มคี า่ เทา่ ใด 3. คา่ ความคลาดเคล่ือน มคี า่ เทา่ ใด วธิ ที า 1. เป็นตวั ตา้ นทานแบบความเท่ียงตรงสงู เพราะมีจานวน 5แถบ 2. แดง ดา ดา ดา นา้ ตาล = 2 0 0 x 10 = 2000 โอหม์ 3. คา่ ความความคลาดเคล่อื นแสดงดว้ ยสนี าตาล ซง่ึ มีค่าเทา่ กบั +-1 % คา่ ความคลาดเคล่อื นท่ีเป็นไปได้ = +-1 % ของ 2000 = 20 2000 + 20 = 2020 โอหม์ 2000 - 20 = 1980โอหม์ ดงั นนั้ คา่ ความตา้ นทานจะอยรู่ ะหวา่ ง 1980 โอหม์ ถึง 5220 โอหม์ บทท่ี 10 ตวั เกบ็ ประจุ โครงสร้างตวั เก็บประจุ ตวั เก็บประจุ เป็นอปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนิกสท์ ่รี ูจ้ กั ท่วั ไปวา่ สามารถเก็บประจไุ ด้ บางทเี รยี กวา่ คาปาซิเตอร์ ใชส้ ญั ลกั ษณย์ อ่ วา่ C มหี นว่ ยเป็น ฟารดั (F) เป็นอปุ กรณ์ ทางไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกสท์ ่มี ีคณุ สมบตั ใิ นการทางาน เป็นตวั เก็บประจไุ ฟฟา้ และ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ไวใ้ นตวั ได้ โดยอาศยั คณุ สมบตั ขิ องประจไุ ฟฟ้าและศกั ยไ์ ฟฟา้ ท่ีวา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ตา่ งกนั และดดู กนั เม่ือนาแผน่ โลหะบาง 2 แผน่ มาวางใกลก้ นั พรอ้ มกบั จ่ายศกั ยไ์ ฟฟา้ ใหแ้ ผ่นโลหะทงั้ 2 ตา่ งศกั ยก์ นั จะเกิดเสน้ แรงไฟฟา้ จากศกั ยไ์ ฟฟา้ ทงั้

2 แผน่ โลหะดงึ ดดู กนั การดงึ ดดู ของศกั ยไ์ ฟฟ้าจากแผ่นโลหะทงั้ 2 แผ่นยงั คงมี ตอ่ เน่ือง ถึงแมง้ ดจ่ายศกั ยไ์ ฟฟา้ ใหแ้ ผน่ โลหะทงั้ 2 แผน่ แลว้ กต็ าม คณุ สมบตั ิ ดงั กลา่ วจงึ เรยี กแผน่ โลหะทงั้ 2 แผน่ ท่อี ยใู่ กลก้ นั นีว้ า่ ตวั เก็บประจุ ตวั เก็บประจปุ ระกอบดว้ ยแผน่ โลหะบาง 2 แผน่ ซง่ึ อาจเรยี กวา่ แผน่ ตวั นา (Conductive Plate) วางขนานชิดกนั มีฉนวนไฟฟ้าท่ีเรยี กวา่ ไดอิเลก็ ตรกิ (Dielectric) วางค่นั กลางแผน่ โลหะทงั้ 2 แผ่น ท่ีแผน่ โลหะทงั้ 2 มลี วดตวั นาตดิ ไว้ แผน่ ละเสน้ ใชเ้ ป็นขวั้ ตอ่ ใชง้ าน ลกั ษณะโครงสรา้ งและสญั ลกั ษณข์ องตวั เก็บประจุ แสดงดงั รูป โครงสรา้ งตวั เก็บประจุ การเก็บประจุ (Charge) ของตวั เก็บประจุ คอื การเก็บสะสมประจไุ ฟฟา้ และ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ไวใ้ นตวั เก็บประจุ โดยการจ่ายแรงดนั ผา่ นลวดตวั นาไปใหแ้ ผน่ โลหะทงั้ 2 แผน่ ทาใหเ้ กิดการประจขุ นึ้ การคายประจุ (Discharge) ของตวั เก็บประจคุ อื การท่ตี วั เก็บประจเุ รม่ิ ปลอ่ ย ใหม้ กี ารเคลอื่ นท่ีเขา้ หากนั ของประจะไฟฟา้ ตา่ งชนิดกนั สง่ ผลใหศ้ กั ยไ์ ฟฟา้ ในตวั เก็บ ประจลุ ดลงจนหมด เกิดการสมดลุ ของศกั ยไ์ ฟฟ้าในโลหะทงั้ 2 แผน่ ของตวั เก็บประจุ ความจุของตัวเก็บประจุ คา่ ความจุ (Capacitance) ของตวั เก็บประจุ คอื คา่ ความสามารถในการเก็บ สะสมประจไุ ฟฟา้ ในตวั เก็บประจไุ ดน้ อ้ ยหรอื มาก คา่ ความจนุ ีเ้ ปลยี่ นแปลงไดข้ นึ้ อยู่ กบั สว่ นประกอบสาคญั 3 สว่ นดงั นี้

1.) ระยะของแผ่นโลหะทงั้ สอง 2.) พืน้ ท่ผี วิ ของแผน่ โลหะทงั้ สอง 3.) ชนิดของวสั ดทุ ่ใี ชท้ าฉนวนค่นั กลางแผน่ โลหะ ระยะหา่ งของแผ่นโลหะทงั้ สอง ระยะห่างของแผน่ โลหะทงั้ สอง มีผลตอ่ ค่าความจขุ องตวั เก็บประจุ เพราะ ระยะหา่ งของแผน่ โลหะทงั้ สองมีผลตอ่ อานาจการดงึ ดดู ของประจไุ ฟฟ้าจะมา เกิด ความตา่ งศกั ยข์ องศกั ยข์ องศกั ยไ์ ฟฟ้ามากคือมคี วามจมุ าก และเม่ือวางแผน่ โลหะทงั้ สองห่างกนั อานาจการดงึ ดดู ของประจนุ อ้ ยลง เกิดความตา่ งศกั ยข์ องศกั ยไ์ ฟฟา้ นอ้ ยลง คอื มคี วามจนุ อ้ ย ในเม่ือขนาดพนื้ ท่ผี ิวของแผ่นโลหะในตวั เก็บประจุ 2 ตวั นี้ เทา่ กนั ซง่ึ กลา่ วโดยสรุปไดว้ า่ แผ่นโลหะทงั้ สองวางชิดกนั จะมีความจมุ าก และแผน่ โลหะทงั้ สองวางหา่ งกนั จะมีความจนุ อ้ ย แสดงไดด้ งั รูป ตาราง แสดงคา่ ความเป็นฉนวนของวสั ดตุ า่ งชนิดกนั ชนิดวสั ดุ คา่ คงท่ีไดอิเลก็ ตรกิ อากาศ 1 โพลโี พรไพลนี 2.2 - 2.3 2.4 - 3.2 เรซนิ 2.5 - 4 โพลีสไตรนี 2.9 - 4.8 ยางแข็ง 3 ไมลาร์ 3.4 - 4.3 ซลิ คิ อน กระดาษ 4

ไมกา้ 5.4 - 8.7 แกว้ โซดา - ไลน์ 7.2 แทนทาลมั ออกไซด์ 11 เซรามิก 80 - 1,200 ตัวเกบ็ ประจุแบบค่าคงท่ี ตวั เก็บประจแุ บบคา่ คงท่ี เป็นตวั เก็บประจทุ ่มี ีค่าความจคุ งท่ตี ายตวั ตวั เก็บ ประจแุ บบนีถ้ กู ผลิตขนึ้ มาใชง้ านหลายชนิด แตล่ ะชนิดท่ีผลิตใชง้ านจะใชว้ สั ดุท่ที า เป็นฉนวนแตกต่างกนั การเรยี กช่ือตวั เก็บประจเุ รยี กตามช่ือชนิดของวสั ดทุ ่ใี ชท้ าเป็น ฉนวน มดี งั นี้ 1.) ตวั เก็บประจชุ นิดไมกา้ (Mica Capacitor) 2.) ตวั เก็บประชนดิ กระดาษ (Paper Capacitor) 3.) ตวั เก็บประจชุ นิดเซรามกิ (Ceramic Capacitor) 4.) ตวั เก็บประจชุ นิดฟิลม์ พลาสติก (Plastic Film Capacitor) 5.) ตวั เก็บประจชุ นิดแทนทาลมั (Tantalum Capacitor) 6.) ตวั เก็บประจชุ นิดอเิ ลก็ โตรไลติก (Electrolytic Capacitor) 1. ตัวเกบ็ ประจุชนิดไมกา้ ตวั เก็บประจชุ นิดไมกา้ เป็นตวั เก็บประจทุ ่ใี ชแ้ ผน่ ไมกา้ เป็นฉนวนไดอิเล็กตรกิ สว่ นมากตวั เก็บประจชุ นิดนีจ้ ะถกู ทาเป็นรูปส่เี หลย่ี มเพราะแผน่ ไมกา้ จะมีคณุ สมบตั ิท่ี แขง็ กรอบ โครงสรา้ งของมนั จะประกอบดว้ ยแผน่ เพลตโลหะบาง ๆ อาจใชห้ ลายๆ

แผ่นวางสลบั ซอ้ นกนั แตจ่ ะตอ้ งค่นั ดว้ ยฉนวนไมกา้ ดงั แสดงในรูป ซง่ึ ตวั เก็บประจจุ ะ ถกู หมุ้ หอ่ ดว้ ยฉนวนจานวนเมกาไลท์ เพ่ือปอ้ งกนั การชารุดสกึ หรอ ตวั เก็บประจชุ นิดไมกา้ ตวั เก็บประจชุ นิดไมกา้ จะมีคา่ ความจอุ ยใู่ นพสิ ยั จาก 1.5 pF ถงึ 0.1 mF มีอตั ราทน แรงไฟไดส้ งู มากประมาณ 350 โวลต์ จนถงึ หลายพนั โวลต์ โดยบรษิ ัทผผู้ ลิตจะพิมพ์ บอกคา่ ความจอุ ตั ราทนแรงไฟและคา่ ความคลาดเคลื่อนไวบ้ นตวั ของมนั หรอื บางทกี ็ ใชส้ แี ตม้ บอกเป็นโคด้ ท่ตี วั เก็บประจนุ ี้ ซง่ึ จะไดก้ ลา่ วถงึ ตอ่ ไป สว่ นการใชง้ านของตวั เก็บประจชุ นิดไมกา้ นยิ มใชง้ านในวงจรความถ่ีวทิ ยุ (RF) และวงจรท่มี ีแรงดนั ไฟสงู มาก ๆ 2. ตวั เกบ็ ประจชุ นิดกระดาษ ตวั เก็บประจชุ นิดกระดาษจะมีคา่ ความจะไม่สงู มากนกั ซง่ึ จะเขียนบอกไวท้ ่ี ขา้ งๆ ตวั เก็บประจุ คืออยใู่ นพสิ ยั จาก 10 pF ถงึ 10mF อตั ราทนไฟสงู ประมาณ 150 โวลต์ จนถึงหลายพนั โวลต์ โดยมากนยิ มใชใ้ นวงจรจา่ ยกาลงั ไฟสงู ตวั เก็บประจชุ นิดกระดาษ 3. ตวั เกบ็ ประจชุ นิดเซรามิก

ตวั เก็บประจชุ นิดเซรามิค เป็นตวั เก็บประจทุ ่ใี ชไ้ ดอเิ ลก็ ตรกิ ท่ีทามาจากฉนวน จาพวกกระเบือ้ ง หรอื ท่ีเรยี กวา่ \"เซรามคิ \" ซง่ึ มีโครงสรา้ งของตวั เก็บประจุ ตวั เก็บประชดุ ชนิดเซรามิก ตวั เก็บประจชุ นิดเซรามิคจะมีรูปรา่ งแบบแผน่ กลม (Disc) และแบบรูปทรงกระบอก (Tubular) ซง่ึ จะมคี า่ ความจอุ ยใู่ นพิสยั จาก 1.5 pF ถึง 0.1 mF อตั ราทนแรงไฟ ประมาณ 500 โวลต์ 4. ตวั เกบ็ ประจุชนิดฟิ ลม์ พลาสตกิ ตวั เก็บประจชุ นิดเซรามิคจะมีรูปรา่ งแบบแผน่ กลม (Disc) และแบบรูป ทรงกระบอก (Tubular) ซง่ึ จะมีคา่ ความจอุ ยใู่ นพสิ ยั จาก 1.5 pF ถึง 0.1 mF อตั ราทน แรงไฟประมาณ 500 โวลต์ ตวั เก็บประจชุ นิดพลาสติก แตจ่ ะใชไ้ ดอเิ ลก็ ตรกิ ท่ีเป็นแผ่นฟิลม์ ท่ีทามาจาก โพลีเอสเตอร (Polyester) ไมลาร์ (Mylar) โพลีสไตรนี (Polystyrene) และอ่ืน ๆ โดย นามาค่นั ระหวา่ งแผ่นเพลตทงั้ สองแผน่ แลว้ มว้ นพบั ใหม้ ีลกั ษณะเป็นรูปทรงกระบอก ดงั จะแสดงในรูป

ตวั เก็บประจฟุ ิลม์ ชนดิ พลาสติก ตวั เก็บประจชุ นิดพลาสตกิ จะมีคา่ ความจอุ ยใู่ นพสิ ยั ตงั้ แต่ 2 mF ขนึ้ ไปและอตั ราทน กาลงั ไฟตงั้ แต่ 200 ถึง 600 โวลต์ 5. ตัวเกบ็ ประจุชนิดแทนทาลัม ตวั เก็บประจชุ นิดแทนทาลมั เป็นตวั เก็บประจทุ ่มี ีขนาดเลก็ แตม่ ีคา่ ความจุ สงู โครงสรา้ งของตวั เก็บประจชุ นิดแทนทาลมั ประกอบดว้ ยแผน่ โลหะบางของ แทนทาลมั เคลอื บแผน่ โลหะออกไซด์ (Tantalum Oxide) และเคลอื บดว้ ยสาร อเิ ล็กโตรไลตเ์ พ่ือค่นั กลางแผน่ โลหะแทนทาลมั อกี ชนั้ ขาลวดตวั นาถกู ตอ่ ออกมาจาก แผน่ โลหะแทนทาลมั ผวิ ดา้ นนอกสดุ ของตวั เก็บประจถุ กู เคลือบดว้ ยสารประเภท พลาสตกิ ขอ้ ดีของตวั เก็บประจชุ นิดแทนทาลมั คือ ทนทานตอ่ การใชง้ าน ทนตอ่ อณุ หภมู ิและความชืน้ ไมเ่ กิดกระแสร่วั ไหลขณะนาไปใชง้ าน แตม่ ีอตั ราทนแรงดนั ต่า 6. ตัวเกบ็ ประจุชนิดอเิ ล็กโตรไลตกิ ตวั เก็บประจชุ นิดอิเล็กโทรลติ ิก เป็นตวั เก็บประจทุ ่ใี ชน้ า้ ยาอิเลก็ โทรไลทเ์ ป็น แผน่ ขา้ งหนง่ึ แทนโลหะ และอีกแผน่ หนง่ึ เป็นแผน่ โลหะมีเย่ือบาง ๆ ท่ีเรยี กวา่ \"ฟิลม์ \" (Film) หมุ้ อยู่ เย่ือบาง ๆ นีค้ ือ ไดอเิ ลก็ ตรกิ หรอื แผ่นกนั้

ตวั เก็บประจชุ นิดอิเล็กโตรไลติก จะแสดงลกั ษณะรูปรา่ งของตวั เก็บประจชุ นิดอเิ ล็กโตรไลติก ซง่ึ สว่ นมากจะบรรจใุ น กระป๋ องอะลมู เิ นียมทรงกลมยาว และจะมขี วั้ บอกไวอ้ ย่างชดั เจน วา่ ขวั้ ใดเป็นขวั้ บวก และขวั้ ลบ สญั ลกั ษณข์ องตวั เก็บประจชุ นิดอเิ ล็กโตรไลตกิ การตอ่ ขวั้ ของตวั เก็บประจุ ชนิดอิเล็กโตรไลตกิ ในการใชง้ านเราจะตอ้ งมีความระมดั ระวงั ใหม้ ากท่ีสดุ ถา้ หากวา่ เราตอ่ ขวั้ ผิดจะมผี ลทาใหก้ ระแสไฟเขา้ ไปทาลายเย่ือท่ีเป็นไดอเิ ลก็ ตรกิ ชารุดเสียหาย ได้ ตวั เก็บประจชุ นิดอเิ ลก็ โตรไลตกิ จะสามารถทาใหม้ ีคา่ ความจไุ ดส้ งู นบั เป็นรอ้ ย ๆ ไม โครฟารดั โดยท่ีตวั เก็บประจจุ ะมขี นาดเลก็ คา่ ความจทุ ่ใี ชง้ านจะอยใู่ นพสิ ยั สองสาม ไมโครฟารดั จนถึงมากกวา่ 100 mF และอตั ราทนกาลงั ไฟตงั้ แต่ 5 โวลตจ์ นถึง 700 โวลต์ ซง่ึ นิยมนาไปใชใ้ นวงจร ดี.ซี. ตวั เก็บประจชุ นิดอิเลก็ โตรไลติกจะมขี อ้ เสียอนั เน่ืองมาจากคา่ สญู เสียจากสารไดอิเลก็ ตรกิ ท่ีมีคา่ มาก แตจ่ ะมตี วั เก็บประจอุ ีกชนิดหน่งึ ท่ีใชห้ ลกั การเดยี วกบั ตวั เก็บประจุ ชนิดอิเลก็ โทรลติ ิก คือตวั เก็บประจแุ บบแทนทาลมั (Tantalum Electrolytic Capacitor) ตัวเก็บประจแุ บบปรับคา่ ได้

เป็นตวั เก็บประจซุ ง่ึ การเกบ็ ประจจุ ะเปล่ยี นแปลงไปตามการเคล่อื นท่ีของแกน หมนุ ตวั เก็บประจชุ นิดนีป้ กตแิ ลว้ จะประกอบดว้ ยอปุ กรณภ์ ายใน 2 สว่ น ไดแ้ ก่ แผ่น เพลตท่ีเคลื่อนท่ไี ดแ้ ละแผน่ เพลตท่ีตดิ ตงั้ อย่กู บั ท่ีโดยแผน่ เพลตทงั้ สองจะเช่ือมตอ่ กนั ทางไฟฟ้ากบั วงจรภายนอก การแบง่ ประเภทของตวั เก็บประจชุ นิดปรบั คา่ ไดน้ ี้ จะแบง่ ตามไดอิเลก็ ตรกิ ท่ีใช้ โดยแบง่ ออกเป็น 4 ชนิด ไดแ้ ก่ อากาศ ไมกา้ เซรามิค และ พลาสตกิ ตวั เก็บประจแุ บบปรบั คา่ ได้ หน่วยความจแุ ละคา่ ทนแรงดนั ตวั เก็บประจมุ คี า่ ความจแุ ตกตา่ งกนั ไป ตงั้ แตค่ า่ ต่า ๆ ไปถงึ คา่ สงู ๆ หนว่ ย มาตรฐานของตวั เก็บประจแุ สดงค่าความจไุ วเ้ ป็นฟารดั (Farad ; F) ซง่ึ เป็นหนว่ ย ใหญ่เกินไป เพราะคา่ ความจทุ ่ใี ชง้ านมคี า่ ต่ากว่าคา่ มาตรฐาน จงึ ไดแ้ ตกหนว่ ย ออกมาเป็นหน่วยยอ่ ยลงมาเป็นไมโครฟารดั (Microfarad ; µF) นาโนฟารดั (Nano farad ; nF) และพิโคฟารดั (Picofarad ; pF) สามารถเขียนความสมั พนั ธข์ องหนว่ ย ตา่ ง ๆ ไดด้ งั นี้

การอา่ นคา่ ความจแุ สดงเป็ นตัวเลขอักษร ตวั เก็บประจทุ กุ ตวั ตอ้ งมีคา่ ความจุ คา่ ทนแรงดนั และคา่ ผดิ พลาดกากบั ไว้ ท่ตี วั เสมอ เพ่ือใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถเลือกใชค้ า่ ไดถ้ กู ตอ้ ง การแสดงคา่ วิธีหนง่ึ คือการแสดง คา่ ความจไุ วเ้ ป็นตวั เลขตวั อกั ษรรวมกนั แบง่ การแสดงคา่ ออกไดเ้ ป็น 2 แบบคือ แบบแสดงคา่ ความจอุ อกมาโดยตรง และแบบแสดงคา่ ความจอุ อกมาเป็นรหสั แบบแสดงคา่ ออกมาโดยตรง ตวั เก็บประจทุ ่แี สดงค่าออกมาโดยตรง มกั พิมพค์ า่ ความจทุ ่อี ่านไดโ้ ดยตรงไว้ บนตวั เก็บประจมุ ีคา่ ความจเุ ป็นพโิ คฟารดั (pF) และไมโครฟารดั (µF) ตวั เก็บประจุ บางตวั มีหน่วยบอกไว้ บางตวั บอกไวเ้ ฉพาตวั เลขคา่ ความจเุ ท่านนั้ ตวั เก็บประจตุ วั เล็กท่ีมีคา่ ความจตุ ่าไมน่ ยิ มบอกหนว่ ยไว้ การจะทราบวา่ มหี นว่ ยเป็น pF หรอื µF ใหส้ งั เกตจากตวั เลขท่ีเขียนไว้ ถา้ ตวั เลขท่ีเขียนไวม้ ีคา่ ตงั้ แต่ 1 ขนึ้ ไป เชน่ 1, 2.2, 5, 10, 12, 33, 47, 100 เป็นตน้ จะมหี น่วยเป็น pF และถา้ ตวั เลขนนั้ มคี า่ นอ้ ยกวา่ เลข 1 ลงมา เช่น 0.01ม 0.022, 0.068, 0.15, 0.33, 0.68 เป็นตน้ จะมหี น่วยเป็น µF

เปอรเ์ ซ็นตค์ า่ ผดิ พลาดนยิ มบอกไวใ้ น 2 แบบ คือ แบบหนง่ึ บอกค่าไวเ้ ป็น เปอรเ์ ซ็นตผ์ ิดพลาดโดยตรง เชน่ 1%, 2%, 10%, 20%, เป็นตน้ อีกแบบหน่งึ บอกคา่ ไวเ้ ป็นตวั อกั ษรภาษาองั กฤษ เช่น D, F, G, K, L, M เป็นตน้ ตวั อกั ษรท่ีกากบั ไวม้ ี คา่ เปอรเ์ ซน็ ตผ์ ลดิ พลาด แสดง ตาราง อกั ษรแสดงค่าเปอรเ์ ซน็ ตผ์ ิดพลาด ตวั อกั ษร คา่ ผิดพลาด D ± 0.5% F ± 1% G ± 2% H ± 3% J ± 5% K ± 10% L ± 15% M ± 20% แบบแสดงคา่ ออกมาเป็ นรหสั ตวั เลขตัวอักษร ตวั เก็บประจบุ างแบบถงึ แมม้ ีตวั เลขและตวั อกั ษรกากงั ไวบ้ นตวั เก็บประจตุ วั นนั้ ๆ กไ็ มส่ ามารถอ่านคา่ ออกมาโดยตรงได้ เพราะตวั เลขตวั อกั ษรท่ีแสดงไวอ้ ยใุ่ น รูปรหสั การอ่านคา่ มวี ธิ ีท่แี ตกต่างออกไป รหสั คา่ ความจมุ กั เป็นตวั เลข 3 ตวั เขียน เรยี งกนั และอาจตามดว้ ยตวั อกั ษร 1 ตวั เพ่อื แสดงคา่ ความผิดพลาดของความจุ ตวั เลขท่ีแสดงไวไ้ มเ่ ป็นทศนยิ ม ไมข่ นึ้ ตน้ ดว้ ยเลขศนู ย์ นยิ มใชแ้ สดงคา่ กบั ตวั เก็บ ประจตุ วั เลก็ คา่ ความจตุ ่า

การอา่ นคา่ ความจุ อ่านจากซา้ ยมือไปขวามือ ตวั เลข 2 ตวั แรกทาง ดา้ นซา้ ยอา่ นออกมาไดโ้ ดยตรงตวั เลขท่ี 3 เป็นตวั เลขแสดงจานวนเลขศนู ยท์ ่ีตอ้ ง เติมเขา้ ไป อ่านคา่ ออกมาเป็นหนว่ ย pF สว่ นตวั อกั ษรท่ีแสดงคา่ ความผิดพลาดนนั อ่านไดเ้ หมอื นกนั กบั ตารางดงั กลา่ ว บทที่ 11 ตัวเหน่ียวนาและหม้อแปลงไฟฟ้า ตวั เหน่ียวนาและสนามแม่เหลก็ ตวั เหน่ียวนาหรอื อนิ ดกั เตอร์ (Inductor) เป็นอปุ กรณพ์ ืน้ ฐานอีกตวั หน่งึ ท่ีถกู นามาใชง้ านในวงจรไฟฟา้ และวงจรอิเลก็ ทรอนกิ สอ์ ยา่ งแพรห่ ลาย บทบาทสาคญั ของตวั เหน่ียวนาคอื ทาใหเ้ กิดการพองตวั และการยบุ ตวั ของสนามแมเ่ หลก็ ขนึ้ มา เม่อื จา่ ยแรงดนั และกระแสใหส้ นามแมเ่ หลก็ ท่ีเกิดขนึ้ บนตวั เหน่ียวนานีม้ ปี ระโยชนต์ อ่ การนาไปใชง้ าน นาไปสรา้ งอปุ กรณไ์ ฟฟา้ และเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ได้ ตวั เหน่ียวนาเป็นเสน้ ลวดตวั นาจาพวกทองแดงขดลวดเป็นวงเรยี งกนั หลายๆ รอบ ลกั ษณะการพนั เสน้ ลวดตวั นาแตกตา่ งกนั ทาใหต้ วั เหน่ียวนาแตกตา่ งกนั เรยี กวา่ ขดลวดหรอื คอยล์ (Coil) การพนั จานวนรอบของตวั เหน่ียวนามผี ลตอ่ ความ เหน่ียวนา (Inductance) ในตวั เหน่ียวนานนั้ พนั จานวนรอบนอ้ ยความเหน่ียวนานอ้ ย พนั จานวนรอบมากความเหน่ียวนามาก จานวนรอบยงั มีผลตอ่ ปรมิ าณ สนามแมเ่ หลก็ ท่ีเกิดขนึ้ ดว้ ย จานวนรอบนอ้ ย สนามแมเ่ หลก็ เกิดนอ้ ย จานวนรอบ มาก สนามแมเ่ หลก็ เกิดมาก เม่อื นาเสน้ ลวดตวั นามาพนั เป็นขด จะสง่ ผลใหเ้ สน้ แรงแมเ่ หลก็ ท่ีเกิดขนึ้ รอบ เสน้ ลวดตวั นาเกิดการเสรมิ แรงกนั เกดเป็นสนามแมเ่ หลก็ ขนึ้ และสนามแมเ่ หลก็ ท่ี เกิดขนึ้ มีความเขม้ เพ่มิ มากขนึ้ ลกั ษณะการเกิดสนามแมเ่ หลก็ แสดงดงั รูป

ความเขม้ ของสนามแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ขนึ้ อยกู่ บั สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปนี้ 1.) จานวนรอบของการพนั เสน้ ลวดตวั นา พนั รอบนอ้ ยเกิดสนามแมเ่ หลก็ นอ้ ย พนั รอบมากเกิดสนามแมเ่ หลก็ มาก 2.) ปรมิ าณการไหลของประแสผา่ นเสน้ ลวดตวั นา กระแสไหลนอ้ ยสนามแมเ่ หลก็ เกด นอ้ ย กระแสไหลมากสนามแมเ่ หลก็ เกิดมาก 3.) ชนดิ ของวสั ดทุ ่ใี ชท้ าแกนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า แกนอากาศใหค้ วามเขม้ สนามแมเ่ หลก็ แกนท่ีทามาจากสารเฟอรโ์ รแมกเนตกิ ใหค้ วามเขม้ ของสนามแมเ่ หลก็ มาก 4.) ขนาดของแกนท่ีนามาใชง้ าน แกนขนาดเลก็ ใหส้ นามแมเ่ หลก็ ไดน้ อ้ ย แกนขนาด ใหญ่ใหส้ นามแมเ่ หลก็ ไดม้ าก ตัวเหนี่ยวนาชนิดขดเดยี ว ตวั เหน่ียวนาชนิดขดเดียว เป็นตวั เหน่ียวนาท่ีมีขดลวดพนั ไวข้ ดเดยี ว มกั เรยี วกวา่ โชค้ (Choke) หรอื คอยล์ โครงสรา้ งประกอบดว้ ยเสน้ ลวดทองแดงอาบนา้ ยา

ฉนวน พนั เป็นขดลวดอยบู่ นแกนหรอื ฐานรองตา่ ง ๆ การเรยี กช่ือตวั เหน่ียวนา ประเภทนีเ้ รยี กตามช่ือของแกนท่ีทาเป็นฐานขดลวด แบง่ ออกไดเ้ ป็น 1) ตวั เหน่ียวนาแกนอากาศ (Air Core Inductor) 2) ตวั เหน่ียวนาแกนผงเหลก็ อดั (Powdered - Iron Core Inductor) 3) ตวั เหน่ียวนาแกนเฟอรไ์ รด์ (Ferrite Core Inductor) 4) ตวั เหน่ียวนาแกนทอรอยด์ (Toroidal Core Inductor) 5) ตวั เหน่ียวนาแกนเหลก็ แผ่น (Laminated - Iron Core Inductor) 1. ตัวเหนี่ยวนาอากาศ ตวั เหน่ียวนาแกนอากาศ เป็นตวั เหน่ียวนาท่ีแกนหรอื ฐานรองทามาจากวสั ดทุ ่ี เป็นฉนวน เชน่ คารบ์ อน พลาสตกิ ไฟบอร์ และ PVC เป็นตน้ หรอื อาจพนั ลอย ๆ ไวโ้ ดยไมม่ อี ะไรรองรบั ตวั เหน่ียวนาประเภทนีน้ ยิ มนาไปใชง้ านกบั พวกความถ่ีสงู ๆ หรอื ความถ่ีวทิ ยุ (RF) จงึ มกั เรยี กตวั เหน่ียวนาประเภทนีว้ า่ RF โชค้ ตวั เหน่ียวนา แกนอากาศเป็นตวั เหน่ียวนาท่ีมีคา่ ความเหน่ียวนาต่า เพราะแกนไมส่ ามารถชว่ ย เสรมิ คา่ ความเหน่ียวนาได้ การจะทาใหค้ า่ ความเหน่ียวนาเพ่มิ ขนึ้ ตอ้ งใชจ้ านวนรอบ ในการพนั ขดลวดเพ่ิมขนึ้ ลกั ษณะตวั เหน่ียวนาแกนอากาศแสดงดงั รูป 2. ตวั เหน่ียวนาแกนผงเหล็ก

ตวั เหน่ียวนาแกนผงเหลก็ อดั เป็นตวั เหน่ียวนาท่ีแกนหรอื ฐานรองรบั เสน้ ลวด ทาดว้ ยผงเหลก็ ชนิดอดั แน่น โดยนาผงเหล็กผสมกบั กาวอดั แน่นเป็นแทง่ ชว่ ยลดการ สญู เสียสญั ญาณจากกระแสไหลวน (Eddy Current) ลงได้ สญั ญาณสง่ ผา่ นตวั เหน่ียวนาแกนผงเหลก็ อดั ไดส้ งู ขนึ้ เกิดการสญู เสยี สญั ญาณภายในตวั เหน่ียวนา ลดลง ใชง้ านไดด้ ใี นยา่ นความถ่ีสงู ๆ มคี วามเหน่ียวนาสงู แต่มขี นาดเลก็ 3. ตัวเหนี่ยวนาแกนเฟอรไ์ รต์ ตวั เหน่ียวนาแกนเฟอรไ์ รต์ เป็นตวั เหน่ียวนาท่แี กนหรอื ฐานรองรบั เสน้ ลวดทา ดว้ ยเฟอรไ์ รต์ สว่ นผสมของเฟอรไ์ รตม์ ีความแตกต่างกนั หลายอยา่ ง เชน่ แมกนีเซยี มกบั สงั กะสี แมกนีเซยี มกบั แมงกานีส แมกนีเซียมกบั ทองแดง นิกเกิลกบั สงั กะสี และแมงกานีสกบั สงั กะสี เป็นตน้ แตล่ ะชนิดของเฟอรไ์ รตใ์ หค้ วามเขม้ ของ คา่ ความเหน่ียสนแตกตา่ งกนั ขอ้ ดขี องตวั เหน่ียวนาแกนเฟอรไ์ รต์ คอื สามารถสรา้ ง ใหม้ รี ูปรา่ งลกั ษณะตา่ ง ๆ ได้ ใชง้ านไดด้ ที งั้ ความถ่ีต่า และความถ่ีสงู 4. ตวั เหน่ียวนาแกนทอรอยต์ ตวั เหน่ียวนาแกนทอรอยต์ เป็นตวั เหน่ียวนาท่แี กนหรอื ฐานรองรบั เสน้ ลวดทา ดว้ ยผลเหลก็ ชนิดอดั แนน่ หรอื ไฟอรไ์ รต์ โดยสรา้ งขนึ้ เป็นรูปวงแหวน ขดลวดถกู พนั รอบแกนทอรอยตโ์ ดยรอบ ขอ้ ดีของการใชก้ นทอรอยต์ คือ เสน้ แรงแมเ่ หล็กจะไม่ แพรก่ ระจายออกไปภายนอก และสนามแมเ่ หลก็ จากภายนอกก็ไมเ่ ขา้ มารบกวน สามารถทาใหต้ วั เหน่ียวนาแบบนีม้ คี วามเหน่ียวนาสงู ในขนาดท่ีสรา้ งไดเ้ ล็กลง นยิ ม นาไปใชง้ านวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกสค์ วามถ่ีสงู ท่ีตอ้ งการหาคา่ ความเหน่ียวนาสงู และมี สนามแมเ่ หลก็ รบกวนต่า 5. ตวั เหน่ียวนาแกนเหลก็

ตวั เหน่ียวนาแกนเหลก็ แผ่น เป็นตวั เหน่ียวนาท่แี กนหรอื ฐานรองรบั เสน้ ลวด ทาดว้ ยเหลก็ แผ่นบางวางซอ้ นกนั เหลก็ แผ่นบางแตล่ ะแผ่นเคลอื บฉนวนไว้ เพ่ือช่วย ลดการสญู เสียเน่ืองจากกระแสะไหลวนและช่วยทาใหค้ า่ ความเหน่ียวนาเพ่มิ ขนึ้ การ ใชง้ านนยิ มนาไปใชง้ านในยา่ นความถ่ีต่าในยา่ นความถ่ีเสยี ว (AF) มกั เรยี กวา่ AF โชค้ เชน่ ใชเ้ ป็นตวั กรองไฟ (Filter) แรงดนั ไฟสลบั เป็นแรงดนั ไฟตรง เป็นตน้ ตัวเหนี่ยวนาชนิดหลายขด ตวั เหน่ียวนาชนดิ หลายขด เป็นตวั เหน่ียวนาท่มี ีขดลวดพนั ไวบ้ นแกน มากกวา่ หนงึ่ ขด เชน่ 2 ขด, 3 ขด และ 4 ขด เป็นตน้ ขดลวดทงั้ หมดถกู แบง่ ออกเป็น 2 สว่ น คือ สว่ นทางเขา้ หรอื ขดอินพตุ (Input) มนั ถกู เรยี กวา่ ขดปฐมภมู ิ (Primary) ทาหนา้ ท่ีรบั แรงดนั ไฟสลบั ท่ีปอ้ นเขา้ มา ทาใหเ้ กิดสนามแมเ่ หลก็ พองตวั ออก เม่อื งดจา่ ยแรงดนั ไฟสลบั สนามแมเ่ หลก็ จะยบุ ตวั ลง เพ่ือจ่ายผ่าน สนามแมเ่ หลก็ ไปตวั ผา่ นขดลวดขดอ่ืน ๆ อีกสว่ นของขดลวดคือ สว่ นทางออกหรอื เอาตพ์ ตุ (Output) มกั ถกู เรยี กว่าขดทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary) ทาหนา้ ท่ีรบั การชกั นาของ สนามแมเ่ หลก็ ท่ีเกิดขนึ้ จากปฐมภมู ิ ในขณะท่ีสนามแมเ่ หลก็ ของขดลวดปฐมภมู ิพอง ตวั ออก เกิดสนามแมเ่ หลก็ ตดั ผา่ นขดลวดทตุ ยิ ภมู ิ ทาใหเ้ กิดแรงเคลอื่ นไฟฟ้า เหน่ียวนา (Induce Electro Motive Force) หรอื EMF ขนึ้ มา น่นั คอื ขดลวดทตุ ยิ ภมู ิ เกิดแรงดนั ขนึ้ มา คา่ แรงดนั ท่ีเกิดขนึ้ มาทางขดลวดทตุ ยิ ภมู ิ มคี า่ แรงดนั เกิดขนึ้ มากหรอื นอ้ ย ขนึ้ อยกู่ บั จานวนรอบของการพนั ขดลวด พนั ขดลวดรอบนอ้ ยแรงดนั เกิดนอ้ ย พนั ขดลวดรอบมากแรงดนั เกิดมาก นาหลกั การดงั กลา่ วนีไ้ ปใชใ้ นตวั แปลงแรงดนั ใหม้ าก ขนึ้ หรอื นอ้ ยลง เรยี กตวั เหน่ียวนาชนดิ เหน่ียวนาขดนีว้ า่ หมอแปลงไฟฟา้ หรอื ทรานส

ฟอรเ์ มอร์ (Transformer) การเรยี กช่ือหมอ้ แปลงไฟฟ้าจะเรยี กช่ือตามช่ือของแกนท่ี เป็นฐานรองขดลวด แบง่ ไดเ้ ป็น 1) หมอ้ แปลงไฟฟา้ แกนอากาศ (Air - Core Transformer) 2) หมอ้ แปลงไฟฟา้ แกนเฟอรไ์ รต์ (Ferrite - Core Transformer) 3) หมอ้ แปลงไฟฟา้ แกนเหลก็ (Iron - Core Transformer) 1. หม้อแปลงไฟฟ้าแกนอากาศ หมอ้ แปลงไฟฟา้ แกนอากาศ เป็นหมอ้ แปลงท่ขี ดลวดทกุ ขดพนั บนแกน หรอื ฐานรองทามาจากวสั ดทุ ่เี ป็นฉนวน เช่น พลาสติก ไฟเบอร์ และ PVC เป็นตน้ หรอื อาจพนั ลอย ๆ ไวโ้ ดยไมม่ ีอะไรรองรบั ตวั เหน่ียวนาประเภทนีน้ ิยมใชง้ านกบั ยา่ น ความถ่ีสงู เพราะมีคา่ ความเหน่ียวนาต่า 2. หม้อแปลงไฟฟ้าแกนเฟอรไ์ รต์ หมอ้ แปลงไฟฟา้ แกนเฟอรไ์ รต์ เป็นหมอ้ แปลงท่แี กนหรอื ฐานรองรบั เสน้ ลวด ทาดว้ ยเฟอรไ์ รตท์ ่มี สี ว่ นผสมแตกตา่ งกนั เช่น แมกนีเซียมกบั สงั กะสี แมกนีเซยี มกบั ทองแดง แมกนีเซียมกบั แมงกานีส และแมกนีเซยี มกบั สงั กะสี เป็นตน้ นิยมใชง้ าน ในยา่ นความถ่ีสงู เช่น ภาครบั วิทยุ (RF) ภาคกาหนดความถ่ีปานกลาง (IF) และภาค กาเนิดความถ่ี (osc.) เป็นตน้ 3. หม้อแปลงไฟฟ้าแกนเหลก็ หมอ้ แปลงไฟฟา้ แกนเหลก็ เป็นหมอ้ แปลงท่แี กนหรอื ฐานรองรบั เสน้ ลวดทา ดว้ ยแผน่ เหลก็ บางเคลือบฉนวนวางซอ้ นกนั มีผลใหเ้ กิดคา่ ความเหน่ียวนาท่ีมากขนึ้ และชว่ ยลดการสญู เสยี เน่ืองจากกระแสไหลวน การใชง้ านนยิ มนาไปใชก้ บั ยา่ น

ความถ่ีต่า ๆ พวกความถ่ีเสยี ง ทาหนา้ ท่ีเป็นตวั แปลงระดบั แรงดนั โดยทาใหแ้ รงดนั เพ่มิ ขนึ้ หรอื ลดลง ชนิดของหม้อแปลงไฟฟ้าแกนเหล็ก หมอ้ แปลงไฟฟ้าแกนเหลก็ เป็นหมอ้ แปลงท่ถี กู พฒั นานามาใชง้ านอย่าง แพรห่ ลายในหลายลกั ษณะของงาน มีช่ือเรยี กแตกตา่ งกนั ไปตามลกั ษณะการพนั ขดลวดในหมอ้ แปลงไฟฟา้ และตามลกั ษณะโครงสรา้ งของหมอ้ แปลงไฟฟา้ ท่ีสรา้ งขนึ้ แบง่ ชนิดต่าง ๆ ไดด้ งั นี้ 1) หมอ้ แปลงเพ่มิ แรงดนั (Step Up Transformer) 2) หมอ้ แปลงลดแรงดนั (Step Down Transformer) 3) หมอ้ แปลงเพ่มิ กาลงั (Power Transformer) 4) หมอ้ แปลงออโต (Auto Transformer) 5) หมอ้ แปลงทอรอยต์ (Toroidal Transformer) 1. หม้อแปลงเพม่ิ แรงดัน หมอ้ แปลงเพ่มิ แรงดนั เป็นหมอ้ แปลงไฟฟา้ ท่ีทาหนา้ ท่ีเพ่มิ แรงดนั ไฟสลบั ท่ี ดา้ นสง่ ออกเอาตพ์ ตุ หรอื ขดทตุ ิยภมู มิ ีคา่ แรงดนั มากกวา่ คา่ แรงดนั ท่ีปอ้ นเขา้ มา รูปแบบการพนั ขดลวดในหมอ้ แปลงไฟฟา้ ชนิดนี้ จานวนรอบของขดลวดทางขดปฐม ภมู ินอ้ ยกว่าจานวนรอบของขดลวดทางขดทตุ ิยภมู ิ 2. หม้อแปลงลดแรงดัน หมอ้ แปลงลดแรงดนั เป็นหมอ้ แปลงไฟฟา้ ท่ีทาหนาั ท่ลี ดแรงดนั ไฟสลบั ท่ี สง่ ออกทางขดลวดทตุ ิยภมู ิ มคี า่ แรงดนั นอ้ ยกวา่ คา่ แรงดนั ทป่ อ้ นเขา้ มา รูปแบบการ

พนั ขดลวดในหมอ้ แปลงไฟฟา้ ชนิดนี้ จานวนรอบของขดลวดทางขดปฐมภมู มิ ากกวา่ จานวนรอบของขดลวดทางขดทตุ ิภมู ิ 3. หม้อแปลงกาลัง หมอ้ แปลงกาลงั เป็นหมอ้ แปลงไฟฟา้ ท่ีมีลกั ษณะการพนั ขดลวดแบบหลาย ขดลวดรวมกนั อยใู่ นหมอ้ แปลงทางขดทตุ ภิ มู ิ มที งั้ ขดเพ่มิ แรงดนั และขดลดแรงดนั 4. หม้อแปลงออโต หมอ้ แปลงออโต เป็นหมอ้ แปลงไฟฟา้ ท่มี ีลกั ษณะการพนั ขดลวดทกุ ขดอยบู่ น แกนเดยี วกนั มีขดลวดพนั ออกมาใชง้ านเพียงขดเดยี ว แยกชดุ จา่ ยแรงดนั ออกมา ตามคา่ ท่ีตอ้ งการเป็นจดุ ๆ มีจดุ ตอ่ รว่ มจดุ เดียวกนั จดุ ใดเป็นจดุ จา่ ยแรงดนั เขา้ เรยี กวา่ ขดปฐมภมู ิ จดุ ใดเป็นจดุ จ่ายแรงดนั ออกเรยี กว่า ขดทตุ ภิ มู ิ 5. หม้อแปลงทอรอยต์ หมอ้ แปลงทอรอยต์ เป็นหมอ้ แปลงไฟฟา้ แกนเหลก็ แผ่นบางเคลอื บฉนวนวาง ซอ้ นกนั ในรูปวงแหวน การพนั ขดลวดสามารถพนั ใหเ้ ป็นหมอ้ แปลงไฟฟา้ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ได้ เช่น ชนิดลดแรงดนั ชนดิ เพ่มิ แรงดนั ชนิดกาลงั และชนิดออโต เป็นตน้ ขอ้ ดี ของหมอ้ แปลงแบบนี้ คือ มีขนาดเลก็ กะทดั รดั ท่ใี หค้ า่ ความเหน่ียวนาสงู มีการ สญู เสยี กาลงั ต่า นิยมใชง้ านอยา่ งแพรห่ ลาย หน่วยความเหนี่ยวนา คา่ ความเหน่ียวนา เป็นคา่ ท่ีแสดงถงึ คณุ สมบตั ขิ องตวั เหน่ียวนา ท่มี ผี ลต่อ กระแสและแรงดนั ท่เี กิดขนึ้ ในตวั เหน่ียวนา มคี วามสามารถในการทาใหเ้ กิด แรงเคล่อื นไฟฟา้ ชกั นาขนึ้ มามากนอ้ ยเพยี งไร คา่ ความเหน่ียวนามีหนว่ ยมาตรฐาน เป็นเฮนร่ี (Henry ; H) ความหมายของความเหน่ียวนา 1 เฮนร่ี คอื คา่ กระแสไหลเขา้

ไปในขดลวด 1 แอมแปร์ ไหลเปล่ยี นแปลงในเวลา 1 วนิ าที ทาใหเ้ กิด แรงเคล่ือนไฟฟา้ เหน่ียวนาดา้ นกลบั (Counter Electro Motive Force) 1 โวลต์ ตวั เหน่ียวนาท่ีผลติ ออกมาใชง้ านมีขนาดคา่ ความเหน่ียวนาแตกต่างกนั มีคา่ ตงั้ แตค่ า่ ความเหน่ียวนาต่า ๆ ไปจนถึงความเหน่ียวนาสงู ๆ ทาใหใ้ ชห้ นว่ ยบอกคา่ เพียงคา่ เฮนรอี ยา่ งเดยี ว ไมเ่ กิดความสะดวกในการใชง้ าน จงึ ไดเ้ พ่มิ หนว่ ยบอกคา่ ความเหน่ียวนาออกเป็นหน่วยยอ่ ยลง คอื มิลลเิ ฮนรี (Millihenry ; mH) และหน่วยไม โครเฮนรี (Microhenry ; µH) หนว่ ยต่าง ๆ เขียนความสมั พนั ธก์ นั ไดด้ งั นี้ บทท่ี 12 อุปกรณเ์ กย่ี วข้องในงานไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ หน้าทข่ี องอุปกรณไ์ ฟฟ้า เม่อื มองไปท่ีอปุ กรณไ์ ฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกสต์ า่ ง ๆ จะพบวา่ อปุ กรณเ์ หลา่ นี้ ประกอบขนึ้ มาจากอปุ กรณส์ ว่ นตา่ ง ๆ มากมายหลายชนิด การทางานและการใช้ งานของอปุ กรณส์ ว่ นประกอบแตล่ ะชนิดแตกตา่ งกนั ไป แตม่ บี ทบาทและหนา้ ท่ี

สาคญั เหมือนๆ กนั เพราะอปุ กรณส์ ว่ นประกอบแตล่ ะตวั แตล่ ะสว่ นตอ้ งทางาน ประสานกนั เพ่อื ใหอ้ ปุ กรณไ์ ฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกสท์ างานไดถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์ การ ทาใหเ้ กิดเชน่ นีไ้ ดอ้ ปุ กรณส์ ว่ นประกอบรว่ มแตล่ ะตวั ตอ้ งทางานถกู ตอ้ งดว้ ย หนา้ ท่ีสว่ นประกอบของอปุ กรณร์ ว่ มในวงจรมีหนา้ ท่ีท่แี ตกตา่ งกนั ไป บางสว่ นมหี นา้ ท่ีปอ้ งกนั การทางานผดิ ปกติของอปุ กรณไ์ ฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ บางสว่ นทาหนา้ ท่ีเป็นตวั ตดั ตอ่ การจา่ ยแรงดนั ใหอ้ ปุ กรณไ์ ฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ บางสว่ นทาหนา้ ท่ีเช่ือมตอ่ วงจรหรอื อปุ กรณต์ า่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั และบางสว่ นอาจทา หนา้ ท่ีเปลย่ี นรูปพลงั งานก่อนจา่ ยไปใหอ้ ปุ กรณไ์ ฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซง่ึ อปุ กรณ์ ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกสจ์ ะสามารถทางานได้ ตอ้ งถกู ประกอบขนึ้ มาจากอปุ กรณ์ ประกอบรว่ มในวงจรรวมกบั อปุ กรณส์ ารกึ่งตวั นา ตลอดจนการเช่ือต่อระบบท่ีถกู ตอ้ ง แน่นอน สงิ่ ทงั้ หมดนีน้ ามาประกอบรวมกนั จงึ จะไดอ้ ปุ กรณไ์ ฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกสท์ ่ี ทางานไดถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์ ซง่ึ ถา้ อปุ กรณส์ ว่ นประกอบทงั้ หมดมีสว่ นใดสว่ นหน่งึ ทางานผิดปกติ ยอ่ มสง่ ผลตอ่ การทางานของอปุ กรณไ์ ฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกสม์ ีความ ผดิ ปกตติ ามไปดว้ ย สวติ ช์ สวิตช์ (Switch) เป็นอปุ กรณไ์ ฟฟา้ อีกชนิดหน่งึ ถือวา่ เป็นอปุ กรณพ์ ืน้ ฐานท่ี พบการใชง้ านไดบ้ อ่ ย หนา้ ท่ีของสวติ ช์ คือ ใชต้ ดั ตอ่ วงจรไฟฟ้าเพ่ือใหม้ กี ารจ่าย แรงดนั เขา้ วงจร หรอื งดจ่ายแรงดนั เขา้ วงจร จะมีแรงดนั จา่ ยเขา้ วงจรเม่ือสวิตชต์ อ่ วงจร (Close Circuit) และไมม่ แี รงดนั จ่ายเขา้ วงจรเม่อื สวติ ชต์ ดั วงจร (Open Circuit) 1. สวติ ชแ์ บบเลื่อน

สวติ ชแ์ บบเลอ่ื น (Slide Switch) เป็นสวติ ชท์ ่ตี อ้ งเล่อื นกา้ นสวิตชไ์ ปมา กา้ น สวิตชย์ ่ืนยาวออกมาจากตวั สวิตชเ์ ล็กนอ้ ย การควบคมุ ตดั ตอ่ สวิตช์ ทาไดโ้ ดยผลกั เล่อื นสวติ ชข์ นึ้ บนหรอื ลงลา่ ง การเล่อื นสวิตชข์ นึ้ บนเป็นการตอ่ (ON) การเล่อื นสวิตช์ ลงลา่ งเป็นการตดั (OFF) 2. สวติ ชแ์ บบกด สวิตชแ์ บบกด (Push Button Switch) เป็นสวติ ชท์ ่เี วลาใชง้ านตอ้ งกดป่ มุ สวิตชล์ งไป การควบคมุ ตดั ตอ่ สวติ ช์ ตอ้ งกดป่มุ ท่อี ยสู่ ว่ นกลางสวิตช์ กดป่มุ สวิตช์ หนง่ึ ครงั้ สวิตชต์ อ่ (ON) และเม่ือกดป่มุ สวิตชอ์ ีกหนง่ึ ครงั้ สวิตชต์ ดั (OFF) การทางาน เป็นเชน่ นีต้ ลอดเวลา แตส่ วติ ชแ์ บบกดบางแบบอาจเป็นชนดิ กดติดปลอ่ ยดบั (Momentary) คือขณะกดป่มุ สวติ ชเ์ ป็นการตอ่ (ON) เม่ือปลอ่ ยมอื ออกจากป่มุ สวติ ช์ เป็นการตดั (OFF) ทนั ที 3. สวิตชแ์ บบกระดก สวิตชแ์ บบกระดก (Rocker Switch) เป็นสวติ ชท์ ่มี ปี ่มุ กระดกย่ืนออกมาจาก ตวั สวติ ชเ์ ล็กนอ้ ย การควบคมุ ตดั ต่อสวิตชเ์ ลก็ นอ้ ย การควบคมุ ตดั ต่อสวิตช์ ทาได้ โดยกดผลกั ขนึ้ บนหรอื ลา่ ง กดผลกั ดา้ นบนจะเป็นการตอ่ (ON) กดผลกั ดา้ นลา้ งจะ เป็นการตดั (OFF) 4. สวติ ชแ์ บบก้านยาว สวิตชแ์ บบกา้ นยาว (Toggle Switch) เป็นสวิตชท์ ่ีเวลาใชง้ านตอ้ งโยกกา้ น สวติ ชไ์ ปมาโดยมีกา้ นสวิตชโ์ ยกย่ืนยาวออกมาจากตวั สวิตช์ การควบคมุ ตดั ต่อ สวติ ช์ ทาไดโ้ ดยโยกกา้ นสวติ ชใ์ หข้ นึ้ บนหรอื ลงลา่ ง ในการโยกกา้ นสวิตชข์ นึ้ มกั จะ เป็นการตอ่ (ON) และโยกกา้ นสวติ ชล์ งมกั จะเป็นการตดั (OFF)

5. สวติ ชแ์ บบหมุน สวติ ชแ์ บบหมนุ (Rotary Switch) หรอื เรยี กวา่ สวติ ชแ์ บบเลอื กคา่ (Selector Switch) เป็นสวติ ชท์ ่ตี อ้ งหมนุ กา้ นสวติ ชไ์ ปโดยรอบเป็นวงกลม สามารถเลอื ก ตาแหนง่ การตดั ตอ่ ไดห้ ลายตาแหนง่ มหี นา้ สมั ผสั สวิตชใ์ หเ้ ลอื กตอ่ มากหลาย ตาแหนง่ เชน่ 2, 3, 4 หรอื 5 ตาแหนง่ เป็นตน้ 6. สวิตชแ์ บบไมโคร เป็นสวิตชแ์ บบไมโคร (Microswitch) คอื สวิตชแ์ บบกดชนดิ กดติดปลอ่ ยดบั น่นั เอง แตเ่ ป็นสวิตชท์ ่สี ามารถใชแ้ รงจานวนนอ้ ย ๆ กดป่มุ สวิตชใ์ ด กา้ นสวติ ชแ์ บบ ไมโครสสวติ ชม์ ีดว้ ยกนั หลายแบบ อาจเป็นป่มุ กดเฉยๆ หรอื อาจมีกา้ นแบบโยกไดม้ า กดป่มุ สวิตชอ์ ีกทีหนง่ึ การควบคมุ ตดั ตอ่ สวิตช์ ทาไดโ้ ดยกดป่มุ สวิตชห์ รอื กดกา้ นคนั โยกเป็นการตอ่ (ON) และเม่ือปลอ่ ยมอื ออกจากป่มุ หรอื กา้ นคนั โยกเป็นการตดั (OFF) 7. สวติ ชแ์ บบดพิ สวติ ชแ์ บบดิพ (DIP Switch) คาวา่ ดิพ (DIP) มาจากคาเตม็ วา่ ดอู ลั อนิ ไลน์ แพกเกจ (Dual Inline Package) เป็นสวติ ชข์ นาดเลก็ ใชง้ านรว่ มกบั วงจร อเิ ล็กทรอนิกสท์ ่ีสรา้ งขนึ้ ในรูปชพิ (Chip) ท่มี ีขนาดเลก็ ๆ หรอื ใชง้ านกบั ไอซี (IC = Integrated Circuit) ลกั ษณะสวิตชส์ ามารถตดั หรอื ตอ่ วงจรได้ การควบคมุ ตดั ตอ่ สวิตชแ์ บบดพิ จะตอ้ งใชป้ ลายมปากกาหรอื ปลายดินสอในการปรบั เลอ่ื นสวติ ช์ สวิตช์ แบบดิพมกั ถกู ตดิ ตงั้ บนแผน่ วงจรพมิ พ์ (Printed Circuit Board) ใชก้ บั กระแสไมเ่ กิน 30mA ท่แี รงดนั 30VDC รเี ลย์

รเี ลยเ์ ป็นสวติ ชแ์ มเ่ หลก็ ไฟฟา้ (Electromagnetic Switch) ซง่ึ ทาหนา้ ท่ีเช่ือมตอ่ หรอื เปิดวงจรการทางานจะดงึ หนา้ สมั ผสั เขา้ หาหรอื ใหห้ นีออกจากอกี ขา้ งหนง่ึ ดงั แสดงในรูปแสดงสญั ลกั ษณแ์ ละรูปลกั ษณะของรเี ลย์ โดยในรูป (ก) แสดงรเี ลยแ์ บบ ปกติเปิด (Normally Open Relay, NO) สว่ นรูป (ข) เป็นรเี ลยแ์ บบปกตปิ ิด (Normally Closed Relay, NC) สว่ นประกอบของรเี ลยป์ ระกอบดว้ ยชดุ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า (Magnetic) ท่ีตอ่ อยกู่ บั สายไฟ X และ Y ชดุ แขนเหลก็ เคลอ่ื นท่ีหรอื ท่ีรูจ้ กั วา่ อารม์ าเจอร์ (Armature) และชดุ หนา้ สมั ผสั (Contacts) สาหรบั การทางานนนั้ เม่ือมกี ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นจากสายไฟ

X และ Y จะทาใหเ้ กิดสนามแมเ่ หลก็ ขนึ้ ท่ชี ดุ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า หรอื กลา่ วอกี นยั หน่งึ วา่ ชดุ แมเ่ หล็กไฟฟ้าถกู กระตนุ้ ใหเ้ กิดพลงั งานสนามแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าขนึ้ ผลทาใหเ้ กิดแรง ดงึ อารม์ าเจอรเ์ ขา้ หาชดุ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า จากการทางานในลกั ษณะเช่นนี้ ทาใหม้ ผี ลตอ่ การทางานของรเี ลยท์ งั้ สองแบบ ดงั นี้ ๐ รเี ลยช์ นิดปกตเิ ปิด จะเป็นการดงึ หนา้ สมั ผสั เขา้ หาอีกขา้ งหนง่ึ ๐ รเี ลยช์ นิดปกติปิด จะเป็นการเปิดหนา้ สมั ผสั ใหห้ นีออกจากกนั ถา้ หยดุ การกระตนุ้ ชดุ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าโดยการตดั กระแสไฟฟา้ ไมใ่ หไ้ หลผา่ นขดลวด จะ ทาใหไ้ มม่ ีแรงดงึ ดดู ท่เี กิดจากสนามแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ สง่ ผลใหส้ ปรงิ ท่ีคอยรงั้ อารม์ าเจอร์ อยดู่ งึ อารม์ าเจอรก์ ลบั ในกรณีของรี เลยช์ นิดปกตเิ ปิดก็จะเป็นการเปิดหนา้ สมั ผสั ตดั การเช่ือมตอ่ กนั ระหวา่ งเสน้ ทาง A และ B สว่ นรเี ลยช์ นิดปกติปิดก็จะเป็นการดงึ หนา้ สมั ผสั ใหก้ ลบั มาชิดกนั เช่นเดมิ ซง่ึ จะเป็นการเช่ือมตอ่ เสน้ ทาง A และ B เขา้ ดว้ ยกนั น่นั เอง ขัว้ ต่อสายไฟ ขวั้ ต่อสายไฟ (Lug) เป็นขวั้ ตอ่ ปลายสายไฟเสน้ เลก็ ท่ีใชง้ านในดา้ นไฟฟ้าและ อิเลก็ ทรอนิกส์ เพ่ือตอ้ งการนาสายไฟเสน้ นนั้ ไปตอ่ กบั วงจรอ่นื ๆ หรอื ตอ่ เขา้ กบั ท่ีพกั สายตลอดจนสามารถตอ่ ไปใชง้ านในท่ีอ่ืน ๆ ได้ โดยใชว้ ิธีขนั สกรูยดึ แนน่ ทาให้ รอยต่อมีความม่นั คงแข็งแรง ขวั้ ตอ่ สายมี 2 แบบคือ ขวั้ ตอ่ แบบบดั กรี (Solder Lug) และขวั้ ตอ่ แบบบบี รดั (Terminal Lug) ลกั ษณะขวั้ ตอ่ สายทงั้ 2 แบบ ไมโครโฟน

ไมโครโฟนเป็นอปุ กรณท์ ่ีสรา้ งจากขดลวดเคล่ือนท่ี โดยการทางานจะอาศยั การเหน่ียวนาของแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ (Electromagnetic Induction) เพ่ือท่ีจะเปลย่ี นคลน่ื เสยี งไปเป็นคลนื่ สญั ญาณไฟฟา้ จากท่ีทราบวา่ เสยี งท่เี ราไดย้ นิ นนั้ เกิดจากการ เคลอ่ื นท่ขี องคลน่ื ความดนั ผา่ นอากาศ ซง่ึ การท่ีจะใหเ้ กิดคลื่นความดนั ในลกั ษณะ เชน่ นี้ สามารถทาไดโ้ ดยใชเ้ สน้ เชือกท่ีขงึ ใหต้ งึ ผิวเนือ้ เย่ือแผ่นบางๆ หรอื อาจเป็น กลอ่ งเสียงในลาคอของมนษุ ย์ และทาใหส้ ่ิงท่กี ลา่ วมาขา้ งตน้ นีเ้ กิดการส่นั ซง่ึ จะสง่ ผล ใหเ้ กิดการอดั หรอื ขยายของโมเลกลุ อากาศ ดงั แสดงในรูป เป็นตวั อย่างของการทาให้ เสน้ เชือกท่ีถกู ขงึ ใหต้ งึ เกิดการส่นั กลบั ไปกลบั มา ผลของการส่นั จะทาใหเ้ กิดยา่ น ความดนั อากาศสงู สดุ (ตาแหนง่ A) และต่าสดุ (ตาแหน่ง B) สาหรบั ความถ่ีของคล่ืนเสยี งท่ีเกิดจากการทาใหเ้ สน้ เชือกส่นั นนั้ จะหาไดจ้ าก จานวน รอบของการส่นั ไปกลบั จากตาแหนง่ สงู สดุ ไปยงั ตาแหน่งต่าสดุ ในเวลา 1 วนิ าที มี หนว่ ยเป็นเฮิรตซ์ (Hertz) หรอื รอบ/วนิ าที สว่ นแอมปลิจดู หรอื ความเขม้ ของคล่นื เสยี ง จะหาไดจ้ ากช่วงของการเคลือ่ นท่ีของ เสน้ เชือกไปทางซา้ ยหรอื ทางขวาโดยวดั จาก ตาแหน่งกึ่งกลาง (ตาแหน่ง B)

ไมโครโฟนชนิดขดลวดเคล่อื นท่ี (Moving Coil Microphone) ทาหนา้ ท่ีเปลยี่ นคล่นื เสียงไปเป็นคล่นื สญั ญาณไฟฟ้าโดยอาศยั คณุ สมบตั ิของการเหน่ียวนาทาง แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รูปลกั ษณะภายนอกและโครงสรา้ งภายในของไมโครโฟนชนิดขดลวด เคลือ่ นท่ี ดงั แสดงในรูป จากรูปจะเหน็ วา่ มีขดลวดพนั อยใู่ นช่องวา่ งระหวา่ ง ขวั้ แมเ่ หลก็ และมีไดอะแฟรมซง่ึ เป็นแผ่นวสั ดทุ ่มี คี วามบางและมคี วามยีดหยนุ่ สงู ยดึ ติดอยู่ โดยสว่ นของไดอะแฟรมนีจ้ ะถกู ปิดครอบตวั ฝาตะแกรงท่ีมีชอ่ งพรุนเพ่ือปอ้ งกนั ความเสียหายใด ๆ ท่ีจะเกิดกบั ไดอะแฟรม เม่ือคลน่ื เสียงท่ีไปกระทบกบั ผวิ ของไดอะแฟรม กจ็ ะทาใหไ้ ดอะแฟรมเกิดการส่นั กลบั ไปกลบั มา สง่ ผลใหข้ ดลวดท่ียึดตดิ อยกู่ บั ไดอะแฟรมเคล่อื นท่กี ลบั ไปกลบั มาดว้ ย ซง่ึ การเคล่ือนท่ขี องขดลวดตดั เสน้ แรงแม่เหลก็ ท่ีเกิดจากแมเ่ หลก็ ถาวรกลบั ไปกลบั มา นี้ จะทาใหเ้ กิดเป็นแรงดนั ไฟฟา้ กระแสสลบั ท่ีจะสามารถเหน่ียวนาผา่ นขดลวดนี้ ออกไป (ซง่ึ เรยี กกระบวนการนีว้ า่ การเหน่ียวนาแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า) ซ่ึงแรงดนั ไฟฟา้ ท่เี ป็น ไฟฟา้ กระแสสลบั นีจ้ ะมีรูปคลื่นสญั ญาณลกั ษณะเดียวกบั คลนื่ เสยี งท่เี ป็นตน้ กาเนิด ของสญั ญาณแรงดนั ไฟฟา้ นี้ ดงั แสดงในรูป (ค)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook