3. ภยั ธรรมชาติหรอื ฤดกู าลตา่ ง ๆ เม่อื เกิดภยั ธรรมชาิิ ตหิ รอื อณุ หภมู ิ เปล่ยี นแปลงอากาศสงิ่ มชี ีวติ บางชนดิ จะอพยพจะยา้ ยแหลง่ ท่ีอยู่ ทาใหม้ ีการ เปลีย่ นแปลงขนาดประชากร 4.เชือ้ โรค เม่อื เกิดโรคระบาดจะมผี ลตอ่ ขนาดของประชากร เชน่ เม่ือมี โรคไขห้ วดั นกระบาด ทาใหจ้ านวนประชากรไก่ลดลงอย่างรวดเรว็ นอกจากปัจจยั ดงั กลา่ วแลว้ นกั เรยี นพบปัจจยั ใดอีกบา้ งท่ีมีผลตอ่ การเปลี่ยนแปลง ขนาดของประชากรในระบบนิเวศท่ีนกั เรยี นอาศยั อยู่ 4. ระดบั ชีวภาค (biosphere) หมายถึงความสมั พนั ธข์ องส่ิงมีชีวิตทกุ ชนิดบนโลก เป็น ระบบนิเวศท่ีมขี นาดใหญ่มาก รูปแสดงระดบั ความสมั พนั ธข์ องส่งิ มชี ีวิต
รูปแสดงชีวภาคของสิง่ มีชีวติ การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ ในระบบนิเวศจะมีการถา่ ยทอดพลงั งานจากสิง่ มีชีวิตชนิดหน่งึ ไปยงั สิง่ มีชีวติ หน่งึ เรม่ิ ตน้ จากผผู้ ลติ ไดร้ บั จากแสงอาทิตย์ มีนา้ และแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ป็น วตั ถดุ บิ ซง่ึ จากกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง พลงั งานจากดวงอาทิตยเ์ ปล่ียนไปอยู่ ในรูปของสารอาหารและถ่ายทอดไปยงั ผบู้ รโิ ภคซง่ึ มี 2 ลกั ษณะดงั นี้ 1. โซอ่ าหาร (food chain) เป็นความสมั พนั ธช์ องสงิ่ มีชีวิตท่ีมกี ารกินเป็นทอดๆ ใน แนวเดียวกนั การเขียนโซอ่ าหารทาไดโ้ ดยเป็นลกู ศรระหวา่ งสิง่ มชี ีวติ โดยสง่ิ มชี ีวิตท่ี ถกู กินอยทู่ างซา้ ย สว่ นผบู้ รโิ ภคอยทู่ างขวา รูปแสดงความสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชีวิตในรูปขงิ โซอ่ าหาร
2. สายใยอาหาร (food web) เป็นความสมั พนั ธข์ องสิง่ มีชีวติ ท่ีมีการถา่ ยทอด พลงั งานท่ีซบั ซอ้ นมโี ซอ่ าหารท่ีมีความสมั พนั ธก์ นั หลายๆ โซอ่ าหารในระบบนิเวศ รูปแสดงความสมั พนั ธข์ องสิง่ มีชีวิตในรูปของสายใยอาหาร นกั เรยี นอาจสืบคน้ ขอ้ มลู หรอื สารวจการถา่ ยทอดพลงั งานของสงิ่ มีชีวติ ท่ี นกั เรยี นพบในระบบนิเวศท่ที ่นี กั เรยี นสนใจ แลว้ วาดรูปแสดงสายใยอาหารพรอ้ มทงั้ ระบายสีผผู้ ลิตและผบู้ รโิ ภคลาดบั ตา่ ง ๆ แลว้ นามาอภปิ รายกบั เพ่อื นๆ เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจ ย่งิ ขนึ้ จานวนสงิ่ มีชีวติ ท่ีกินกนั เป็นทอดๆ ในระบบนิเวศตงั้ แต่ผผู้ ลติ ไปจนถงึ ผบู้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 2 ผบู้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 2 มี จานวนมากกวา่ ผบู้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 3 จนกระท่งั ถึงผบู้ รโิ ภคลาดบั สดุ ทา้ ย ซง่ึ มีจานวนนอ้ ยท่ีสดุ สามารถเขียนพีระมดิ โซอ่ าหารของ สงิ่ มชี ีวิตได้ ดงั รูป
รูปแสดงพรี ะมดิ โซอ่ าหารของสง่ิ มีชีวติ การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนิเวศจากผผู้ ลิตไปยงั ผบู้ รโิ ภคลาดบั ตา่ ง ๆ จนถึงผสู้ ลายสารอินทรยี ์ พลงั งานจะลดลงไปในแตล่ ะลาดบั และเม่ือพจิ ารณาจานวน ผผู้ ลติ ไปยงั ผบู้ รโิ ภคลาดบั ตา่ ง ๆ จะมีจานวนลดลงตามลาดบั ซง่ึ คลา้ ยกบั การ เปล่ียนแปลงมวลสาร ซง่ึ ทงั้ การถา่ ยทอดพลงั งาน จานวนประชากร และมวลของ สิ่งมีชีวิตจะมีลกั ษณะเป็นรูปพรี ะมดิ ซง่ึ มี 3 แบบดงั นี้ 1.พีระมิด จานวนของสง่ิ มีชีวิต ( pyramid of numbers ) ผผู้ ลิตจะมจี านวนมากกวา่ ผบู้ รโิ ภคและผบู้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 1 จะมจี านวนมากกวา่ ผบู้ รโิ ภคลาดบั ท่ี 2 ผบู้ รโิ ภค สดุ ทา้ ยของโซอ่ าหารจะมีจานวนนอ้ ยท่ีสดุ
2.พีระมดิ มวลของสิ่งมีชีวติ ( pyramid of biomass ) สรา้ งขนึ้ จากการคาดคะเนมวล ของนา้ หนกั แหง้ ของส่ิงมีชีวติ ท่ีถ่ายทอดพลงั งานตามลาดบั โซอ่ าหารแทนการนบั จานวน เพราะจานวนของสิ่งมีชีวิตอาจคลาดเคลือ่ นได้ เน่ืองจากขนาดของสิง่ มีชีวิต ตา่ งกนั จงึ เสนอความสมั พนั ธใ์ นรูปของมวลซง่ึ มีความถกู ตอ้ งมากกวา่ พีระมดิ จานวน ของสิ่งมีชีวิต 3.พีระมิดปรมิ าณพลงั งาน ( pyramid of energy ) เป็นพีระมิดท่ีแสดงอตั ราการ ถ่ายทอดพลงั งานในรูปของสารอาหาร (คอื สว่ นท่ีกินได)้ ไปตามโซอ่ าหาร ซง่ึ มีความ ชดั เจนมากกวา่ พีระมดิ แบบอ่ืน และเป็นพีระมดิ ท่ีมีฐานกวา้ งเสมอ ดลุ ยภาพของระบบนิเวศ
ดลุ ยภาพของระบบนิเวศเป็นภาวะท่อี งคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศทงั้ ปัจจยั ทางการกายภาพและชีวภาพมสี ดั สว่ นในปรมิ าณท่ีเหมาะสม เช่น ระบบนเิ วศท่ี ประกอบดว้ ยสิ่งมชี ีวิตท่ีมีความสมั พนั ธก์ นั ในลกั ษณะสายใยอาหารท่ีมผี ผู้ ลิตและ ผบู้ รโิ ภคสดั สว่ นท่ีเหมาะสมจะเป็นระบบนิเวศท่ีมคี วามสมดลุ ซง่ึ แบง่ ออกเป็น 1. กลไกของการรกั ษาดลุ ยภาพในระบบนเิ วศ จะมกี ารรกั ษาสมดลุ 2 ลกั ษณะดงั นี้ 1.1 สมดลุ ของการหมนุ เวียนสารและการถ่ายทอดพลงั งานใหเ้ หมาะสม 1.2 สมดลุ ของประชากรในสงิ่ มีชีวิต เชน่ การควบคมุ การลา่ เหย่อื โดยจดั ให้ ปรมิ าณของผลู้ า่ และเหย่ืออยใู่ นสดั สว่ นท่ีเหมาะสมจะชว่ ยควบคมุ จานวนจานวน ประชากรในระบบนเิ วศใหเ้ กิดความสมดลุ รูปแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลู้ า่ เหย่อื จากกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจานวนประชากรผลู้ า่ และเหย่ือ พบวา่ ขณะท่ีผลู้ า่ มีจานวนมากขนึ้ จานวนเหย่ือจะลดลงทาใหผ้ ลู้ า่ ขาดอาหารจงึ ตายไป จานวนเหย่ือจงึ คอ่ ยๆ เพ่มิ ขนึ้ จนทาใหม้ ีอาหารสมบรู ณเ์ ม่ือผลู้ า่ มีอาหารมากขนึ้ ก็ ขยายพนั ธเ์ พ่ิมจานวนมากขนึ้ และลา่ เหย่อื ทาใหจ้ านวนเหย่ือลดลง มีการ เปลี่ยนแปลงจานวนประชากรสลบั กนั เช่นอยา่ งตอ่ เน่ืองในระบบนิเวศ
2. ปัจจยั ท่ีทาใหเ้ สียดลุ ยภาพในระบบนิเวศ ดลุ ยภาพในระบบนเิ วศอาจจะเสียไป เน่ืองจากปัจจยั ต่าง ๆดงั นี้ 2.1 ปัจจยั ท่ีเกิดจากธรรมชาติ เชน่ ไฟไหม้ นา้ ท่วม แผน่ ดนิ ไหว ภเู ขาไฟ ระเบิด ซง่ึ เกิดขนึ้ นอ้ ยมาก ๆ และนาน ๆ จงึ จะเกิดขนึ้ ครงั้ หนง่ึ 2.2 ปัจจยั ท่ีเกิดจากการกระทาของมนษุ ย์ เชน่ การตดั ไมท้ าลายป่า การใช้ พืน้ ท่ีในการพฒั นาอตุ สาหกรรม การกอ่ สรา้ งอาคารบา้ นเรอื น การกระทาของมนษุ ย์ ทาใหด้ ลุ ยภาพในระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเรว็ เน่ืองจากสาเหตตุ า่ ง ๆ ดงั นี้ - การเพ่มิ จานวนประชากรและการยา้ ยถ่ิน - ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี - ขาดความจระหนกั ในการรว่ มมือกนั รกั ษาสิ่งแวดลอ้ ม - ขาดความรูเ้ ก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ ระบบนเิ วศ และสิ่งแวดลอ้ ม บทท่ี 10 นาโนเทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology) หมายถึงวทิ ยาการในการประกอบและผลิตสิ่ง ตา่ ง ๆ ขนึ้ มาจากการจดั เรยี งอะตอม หรอื โมเลกลุ เขา้ ดว้ ยกนั ในระดบั นาโนเมตรหรอื ขนาด 1 ในพนั ลา้ นสว่ นของ 1 เมตร โดยเป็นการผสมผสานของวิทยาศาสตรห์ ลาย แขนง เชน่ ชีววิทยา ชีวเคมี วศิ วกรรมศาสตรส์ าขาหนุ่ ยนต์ และเคร่อื งจกั รกล ความเป็ นมา
คาวา่ “นาโน (Nano) ” มีรากศพั ทม์ าจากภาษากรกี วา่ “Nanos” แปลวา่ “แคระ” และมกั เรยี กกนั ในอีกช่ือหน่งึ วา่ “ตวั แคระ” ดงั นนั้ นาโน จงึ เป็นสิ่งของท่ีเลก็ มาก ตวั อยา่ ง เช่น สง่ิ ของท่ีมขี นาด 1 นาโนเมตร กห็ มายถงึ มีขนาด 1 ในพนั ลา้ นเมตร (อกั ษรย่อ น.ม. - nm) หรอื เท่ากบั 1/1,000,000,000 เมตร (หน่งึ ในพนั ลา้ นสว่ นของ เมตร) โดยปกตแิ ลว้ ใชเ้ ป็นคาอปุ สรรค (prefix) ซง่ึ มคี า่ เทา่ กบั หน่งึ ในพนั ลา้ นสว่ น เม่ือ นาคาวา่ “นาโน” ไปใชใ้ นหนว่ ยใดก็ตาม จะหมายถึงพนั ลา้ นสว่ นของหนว่ ยนนั้ เช่น 1 นาโนเมตรมขี นาดประมาณ 1 ใน 50,000 สว่ นของเสน้ ผมของคนเรา หรอื เสน้ ผมมี ขนาดประมาณ 50,000 นาโนเมตร หรอื นา้ 1 นาโนลิตร จะเทา่ กบั นา้ 1 แกว้ ท่ีไดจ้ าก การนานา้ 1 ลิตรมาตวงแบง่ ออกเป็นพนั ลา้ นแกว้ เลก็ ๆ หรอื ระยะเวลา 1 นาโนวนิ าที แปลวา่ เป็นชว่ งเวลาท่ีสนั้ มาก แคเ่ พียง 1 สว่ นในพนั ลา้ นวนิ าทีหรอื เซลลแ์ บคทีเรยี มี ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางไมก่ ่ีรอ้ ยนาโนเมตร หรอื ส่ิงเล็กจ๋ิวท่ีสดุ ท่มี นษุ ยส์ ามารถมองเหน็ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งมเี คร่อื งช่วยมีขนาด เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 10,000 นาโนเมตร
หรอื อะตอมของไฮโดรเจน 10 ตวั รวมกนั เทา่ กบั 1 นาโนเมตรมผี ใู้ หค้ วามหมายของ นาโนเทคโนโลยี ไวห้ ลากหลาย เช่น นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology) เป็นเทคโนโลยที ่ีเก่ียวกบั ส่ิงท่เี ล็กมาก สิง่ ของท่ีมี ขนาด 1 นาโนเมตร ก็หมายถึงมขี นาด 1 ในพนั ลา้ นเมตร โดยอาจเปรยี บเทียบได้ อย่างง่ายๆ วา่ ผชู้ ายท่สี งู 2 เมตรเทา่ กบั ผชู้ ายคนนีส้ งู ถึง 2 พนั ลา้ นนาโนเมตร สิ่งท่ี เล็กมาก เช่น ดเี อ็นเอ (DNA ตวั ยอ่ ของ Deoxy ribonucleic acid) ท่เี คยไดย้ ินกนั บอ่ ย ๆ นนั้ มีความกวา้ งของโมเลกลุ ประมาณ 2.5 นาโนเมตรนาโนเทคโนโลยี เป็นการ สรา้ งเทคโนโลยจี ากอะตอม และโมเลกลุ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ีไมม่ ีชีวิตขนาด 1 ในพนั ลา้ น สว่ น มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั มากท่สี ดุ โดยเฉพาะการช่วยใหป้ ระชาชน มสี ขุ ภาพดี และสามารถรกั ษาโรค ซง่ึ เร่อื งนี้ กาลงั เป็นท่ีแพรห่ ลายในวงการแพทยข์ อง ญ่ีป่นุ และอเมรกิ า เพราะสามารถสรา้ งเครอ่ื งมอื ขนาดจ๋ิวรกั ษาโรคในระดบั เซลล์ หรอื โมเลกลุ ในรา่ งกายได้ อยา่ งเชน่ โรคมะเรง็ นาโนเทคโนโลยี หมายถึง เทคโนโลยีท่เี ก่ียวขอ้ งกบั กระบวนการ สรา้ ง การสงั เคราะห์ วสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่อื งจกั รหรอื ผลติ ภณั ฑซ์ ง่ึ มีขนาดเลก็ มากในระดบั นาโนเมตร เทียบเทา่ กบั ระดบั อนภุ าคของโมเลกลุ หรอื อะตอม รวมถึงการออกแบบหรอื การใช้ เคร่อื งมอื สรา้ งวสั ดทุ ่อี ยใู่ นระดบั ท่ีเล็กมาก หรอื การเรยี งอะตอมและโมเลกลุ ใน ตาแหน่งท่ีตอ้ งการ ไดอ้ ยา่ งแมน่ ยา และถกู ตอ้ ง ทาใหโ้ ครงสรา้ งของวสั ดหุ รอื สสารมี คณุ สมบตั ิพิเศษ ไมว่ า่ ทางดา้ นฟิสกิ ส์ เคมี หรอื ชีวภาพ สง่ ใหม้ ผี ลประโยชนต์ อ่ ผใู้ ช้ สอยเดิมมนษุ ยส์ นใจสรา้ งสิ่งท่มี ีขนาดใหญ่ เช่น ปิรามดิ กาแพงเมืองจีน ปราสาทราช วงั ตา่ ง ๆ สว่ นสิ่งท่ีมีขนาดเลก็ ก็สนใจเช่นกนั เชน่ โทรทศั น์ วทิ ยุ โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ ตอ่ มาทงั้ โทรทศั น์ วทิ ยุ โทรศพั ท์ คอมพวิ เตอรม์ ขี นาดเล็กลงเรอ่ื ย ๆเพ่อื ความสะดวก ในการนาตดิ ตวั ไป กลายเป็นโทรศพั ทม์ ือถือ และคอมพวิ เตอรแ์ บบกระเป๋ าหิว้
(Notebook) เป็นตน้ ตวั อยา่ งท่ีชดั เจนอีกอยา่ งหน่งึ คอื การพฒั นาการเก็บขอ้ มลู ท่ี เปลย่ี นจากการใชแ้ ผ่นเก็บขอ้ มลู (floppy disk) ท่มี เี นือ้ ท่ีใหเ้ ก็บไฟลข์ นาดใหญ่มาก ไมไ่ ด้ จงึ จาเป็นตอ้ งใชห้ ลายๆแผ่นตอ่ กนั เพ่ือเก็บไฟลข์ นาดใหญ่มากเพยี งไฟลเ์ ดยี ว มาเป็นการใชแ้ ผน่ ซดี ี (compact disc; CD) เพียง 1 แผ่น ก็สามารถเก็บขอ้ มลู ได้ มากกวา่ หลายเท่าตวั ตวั อยา่ งเหลา่ นีน้ บั เป็นสง่ิ ท่ีแสดงถงึ ความเขา้ ใจของ นกั วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยีและวศิ วกรรมท่ีตระหนกั ในความสาคญั ของสง่ิ ท่ีมขี นาด เลก็ แตม่ ปี ระสิทธิภาพสงู จงึ ทาใหน้ กั วิจยั สนใจในการศกึ ษาเร่อื งของนาโนเทคโนโลยี กนั เร่อื ยมาจนถงึ ปัจจบุ นั และจะกา้ วหนา้ ตอ่ ในอนาคต นาโนเทคโนโลยี มจี ดุ เรม่ิ ตน้ โดย อลั เบริ ต์ ไอนส์ ไตน์ (Albert Einstein) เป็นผศู้ กึ ษา ขนาดและการเคล่อื นไหวของโมเลกลุ นา้ ตาล ซง่ึ ถือวา่ เป็นหลกั เกณฑท์ ่สี าคญั มาก ของการศกึ ษาอนภุ าคระดบั นาโนในเวลาตอ่ มา หลงั จากนนั้ ไดม้ กี ารศกึ ษาวิจยั นวตั กรรมทางดา้ นนาโนเทคโนโลยขี นึ้ มากมาย ศาสตราจารยร์ ชิ ารด์ ฟายนแ์ มน (Richard Feynman) (ค.ศ. 1918-1988) เป็นผใู้ ห้ ความคดิ วา่ วนั หน่งึ นกั วิทยาศาสตรจ์ ะสามารถจดั เรยี งอะตอมได้ จากการท่ีเขาได้ ปาฐกถาเร่อื ง There's plenty of room at the bottom เม่ือปี ค.ศ. 1959 วา่ \"สกั วนั หน่งึ เราจะสามารถประกอบสงิ่ ตา่ ง ๆ ผลติ ส่งิ ตา่ ง ๆ ขนึ้ มาจากการจดั เรยี งอะตอมได้ ดว้ ยความแม่นยา และเทา่ ท่ขี า้ พเจา้ รู้ ไมม่ ีกฎทางฟิสกิ สใ์ ด ๆ แมแ้ ต่หลกั แห่งความไม่ แน่นอน (Uncertainty Principle) ท่จี ะมาขดั ขวางความเป็นไปไดน้ ี\"้ ตอ่ มาเขาไดร้ บั รางวลั โนเบลสาขาฟิสกิ สเ์ ม่ือปี ค.ศ. 1965 จากทฤษฎีควอนตมั
ค.ศ. 1981 เกิรด์ บนิ น่งิ (Gred Binning) และ ไฮนร์ ชิ โรหเ์ ฮอร์ (Heinrich Rohrer) ประสบความสาเรจ็ ในการสรา้ งกลอ้ ง Scanning tunneling microscope ท่สี ามารถ มองเหน็ การจดั เรยี งตวั ของอะตอมของสสารตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างชดั เจน ค.ศ. 1986 หนงั สอื ช่ือ “จกั รกลแห่งการสรา้ งสรรค์ (Engines of Creation)” ซง่ึ มี เนือ้ หาทงั้ หมดเก่ียวกบั นาโนเทคโนโลยี ท่ีแต่งโดย อีรคิ เดรกเลอร์ (Eric Drexler) ได้ เรม่ิ วางจาหน่ายและไดร้ บั ความนยิ มเป็นอย่างมาก คาวา่ นาโนเทคโนโลยี จงึ ตดิ ตลาดแตน่ นั้ มา จนกระท่งั ปี ค.ศ. 2000 รฐั บาลสหรฐั ไดผ้ ลกั ดนั ใหเ้ กิดโครงการรเิ รม่ิ ทางเทคโนโลยี แห่งชาตขิ นึ้ มา ทาใหโ้ ลกเกิดกระแสต่นื ตวั เก่ียวกบั การพฒั นานาโนเทคโนโลยีขนึ้ อยา่ งมากสว่ นทางประเทศเอเชีย ประเทศญ่ีป่นุ ไดจ้ ดั ตงั้ ศนู ยว์ ิทยาศาสตรน์ าโนและ นาโนเทคโนโลยี ขนึ้ ในมหาวิทยาลยั โอซากา มีการวิจยั ดา้ นนาโนเทคโนโลยี และให้ ความสาคญั กบั นาโนเทคโนโลยมี าก ทงั้ การใหท้ นุ วิจยั และการศกึ ษา โดยการศกึ ษา ในระดบั ปรญิ ญาตรขี องมหาวิทยาลยั ไดม้ ีการจดั การเรยี นการสอนดา้ นนาโน
เทคโนโลยีนีข้ นึ้ และมกี ารเรยี นดา้ นสรา้ งสรรคอ์ ตุ สาหกรรมใหม่ ท่ีอยบู่ นพืน้ ฐานของ วิทยาศาสตรน์ าโน นอกจากนนั้ ในมหาวทิ ยาลยั โทโฮคกุ ็มีการเรยี นดา้ นวิศวกรรม การแพทยใ์ นอนาคต ท่อี ยบู่ นพนื้ ฐานของเทคโนโลยนี าโนชีวภาพอีกดว้ ย สาหรบั ประเทศไทย เรม่ิ ดาเนินการวจิ ยั ทางดา้ น Computational Nanoscience เป็น ครงั้ แรกโดยผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีรเกียรติ์ เกิดเจรญิ ท่ภี าควชิ าฟิสิกส์ คณะ วทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล เม่ือปี พ.ศ. 2538 ซง่ึ ขณะนนั้ คนสว่ นใหญ่ใน เมอื งไทยคิดวา่ \"นาโนเทคโนโลยี\" เป็นเร่อื งท่ีเป็นไปไมไ่ ดต้ อ่ มาไดม้ ีการตงั้ ศนู ยน์ าโน เทคโนโลยี มหาวิทยาลยั มหิดล และ ดร.ธีรเกียรติ์ เกิดเจรญิ ไดท้ าการวิจยั เก่ียวกบั นา โนเทคโนโลยเี รอ่ื ยมา มีงานวิจยั ทางนาโนเทคโนโลยีท่หี ลากหลายโดยมี ผชู้ ว่ ย ศาสตราจารย์ ดร.ธีรเกียรติ์ เกิดเจรญิ และทีมงานรวมทงั้ นกั ศกึ ษารว่ มทีมวจิ ยั มี หวั ขอ้ งานวิจยั ทางนาโนเทคโนโลยี ท่ีนา่ สนใจ เชน่ โพลิเมอรน์ าไฟฟา้ (Conductive Polymers) – เซ็นเซอรต์ รวจโรค ทอ่ นาโนคารบ์ อน (Carbon Nanotube) ระบบรบั รู้ กลน่ิ อปุ กรณเ์ ปลง่ แสงอินทรยี ์ เป็นตน้ ตอ่ มาปี พ.ศ.2544 สานกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจยั (สกว.) อนมุ ตั ิใหด้ าเนนิ การวจิ ยั ทางดา้ นอปุ กรณโ์ มเลกลุ นบั เป็น โครงการวจิ ยั ทางดา้ นนาโนศาสตร์ โครงการแรกของประเทศไทยท่ีไดร้ บั การสนบั สนุน จากหนว่ ยงานระดบั ชาติ ปี พ.ศ. 2546 คณะรฐั มนตรอี นมุ ตั ิการจดั ตงั้ ศนู ยน์ าโนเทคแหง่ ชาตแิ ละใหม้ กี ารจดั ทา Roadmap ดา้ นนาโนเทคโนโลยี โดยรวมหน่วยงานตา่ ง ๆ ทกุ กระทรวง มาบรู ณาการ สรา้ งความเขม้ แขง็ ใหอ้ ตุ สาหกรรมไทย โดยใชน้ าโนเทคโนโลยเี ขา้ มาชว่ ย ความเก่ียวขอ้ งระหวา่ งนาโนเทคโนโลยีกบั อตุ สาหกรรม
นาโนเทคโนโลยีเก่ียวขอ้ งกบั ทกุ อตุ สาหกรรม เช่น ในดา้ นการส่ือสาร โทรคมนาคม ไฟฟา้ อเี ลก็ ทรอนกิ ส์ ท่ีนกั วจิ ยั กาลงั ทมุ่ เทขะมกั เขมน้ ทาการคน้ ควา้ พฒั นาอปุ กรณ์ ขนาดเลก็ ประเภทนาโนอีเลก็ ทรอนกิ สห์ รอื นาโนอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ซง่ึ ก็เก่ียวขอ้ งโดยตรง กบั วสั ดจุ าพวกพลาสตกิ เซรามกิ ส์ วสั ดกุ ึ่งตวั นาและโลหะ ท่จี ะสง่ ผลอย่างใหญ่หลวง กบั พฒั นาการของโลกของเทคโนโลยีชนั้ สงู ใหไ้ ดเ้ ป็นแบบซเู ปอรจ์ ๋ิว แตแ่ จ๋ว ประเภท ซูเปอรค์ อมพิวเตอร์ ห่นุ ยนต์ พลงั งาน การผลิตยวดยาน จรวดและอาวธุ สงคราม ไป จนถงึ เรอ่ื งของการสารวจโลกและอวกาศ นอกจากนีย้ งั สนใจอตุ สาหกรรมยาและ ผลิตภณั ฑท์ างการแพทยท์ ่ไี ดจ้ ากนาโนเทคโนโลยี อตุ สาหกรรมส่ิงทอท่ตี อ้ งการผลิต เสอื้ ผา้ ท่ีมคี ณุ สมบตั ิพิเศษ อตุ สาหกรรมกระดาษ สแี ละเครอ่ื งสาอาง เป็นตน้ นาโน เทคโนโลยียงั ใชใ้ นอตุ สาหกรรมอ่ืน ๆ เชน่ เคร่อื งสาอาง หวั ไมก้ อลฟ์ หรอื แมแ้ ตช่ ดุ
ชนั้ ใน โดยใชอ้ นภุ าคนาโนเคลอื บท่เี สน้ ใยผา้ ช่วยใหส้ วมใสส่ บายขนึ้ เน่ืองจากตวั อนภุ าคจะชว่ ยดดู ความชืน้ อีกทงั้ ยงั มีวติ ามินอีชว่ ยบารุงผิวอีกดว้ ย จะเห็นไดว้ า่ นาโน เทคโนโลยีนนั้ อยรู่ อบ ๆ ตวั เรา และแนวโนม้ ในอนาคตอนั ใกลน้ ี้ จะมีการใชช้ ิพนาโน ในอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนิกสแ์ ละเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ นมากขนึ้ นาโนเทคโนโลยียงั มผี ลกระทบตอ่ การเปลี่ยนแปลงของอตุ สาหกรรมเป็นอย่างมากอีก ดว้ ย โดยเฉพาะอตุ สาหกรรมทางการแพทย์ ในอนาคตการผา่ ตดั แบบดงั้ เดมิ อาจ เปลยี่ นไปเป็นการผา่ ตดั ระดบั นาโน (nanosurgeons) โดยการควบคมุ หนุ่ ยนตน์ าโน (nanorobots) เขา้ ไปตรวจจบั และทาลายเซลมะเรง็ หรอื ไวรสั ท่ีตอ้ งการโดยไมเ่ ป็น อนั ตรายต่อเซลอ่ืน สาหรบั อตุ สาหกรรมอ่ืน ๆ เช่น อตุ สาหกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ผลิตภณั ฑจ์ ะมขี นาดเลก็ ลง สามารถบรรจขุ อ้ มลู ไดถ้ งึ ลา้ นลา้ นลา้ น ตวั อกั ษรในขนาดเทา่ กอ้ นนา้ ตาล นอกจากนีย้ งั มีนาโนเทคโนโลยที ่ใี ชใ้ นระดบั อตุ สาหกรรมเรยี บรอ้ ยแลว้ เชน่ ผลติ ภณั ฑเ์ คร่อื งสาอางแปง้ ท่ีมีอนภุ าคนาโน ทาใหแ้ ปง้ ไมส่ ะทอ้ นแสงชว่ ยใหใ้ บหนา้ ดู อ่อนเยาวข์ นึ้ ผลิตภณั ฑค์ รมี บารุงผิวอนภุ าคนาโนท่ีดดู ซมึ เขา้ สผู่ ิวหนงั ดีขนึ้ เป็นการ เพ่มิ ประสิทธิภาพของครมี และยงั มนี าโนเทคโนโลยที ่จี ะใชไ้ ดจ้ รงิ ในอีก 5-6 ปีขา้ งหนา้ อีก เชน่ ตวั เซนเซอรท์ าง การแพทย์ ชิน้ สว่ นตา่ ง ๆ ของหนุ่ ยนต์ เซนเซอรน์ าโนติดรถยนต์ อวยั วะเทยี ม กระดกู เทียมท่มี อี นภุ าคในระดบั นาโนสาหรบั ผพู้ กิ าร เป็นตน้ สาขายอ่ ยของนาโนเทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยเี ก่ียวขอ้ งกบั หลายสาขาวิชาดว้ ยกนั ดงั นี้
1.นาโนอีเลก็ ทรอนิกส์ (Nano Electronics) มีการวจิ ยั และพฒั นานาโนอีเลก็ ทรอนิกส์ ในหลายแง่มมุ ทงั้ จากกลมุ่ นกั วจิ ยั ในมหาวิทยาลยั จากหอ้ งปฏิบตั ิการของหน่วยงาน ในภาครฐั และในภาคเอกชน มีการคน้ ควา้ ตงั้ แต่ระดบั ของสมบตั โิ มเลกลุ เด่ยี ว การ ประกอบเป็นอปุ กรณอ์ ีเลกทรอนิกส์ การสรา้ งวงจรอยา่ งงา่ ยๆ ไปจนถึงการพฒั นา “นาโนคอมพิวเตอร”์ หรอื คอมพิวเตอรข์ นาดจ๋ิว และการทาคอมพวิ เตอรท์ ่เี รว็ ขนึ้ ลา้ น เท่า เป็นตน้ 2.นาโนเคมี (Nano Chemistry) กาเนิดขนึ้ ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1985 เม่ือศาสตราจารยร์ ิ ชารด์ สมอลลีย์ ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลยั ไรช์ รฐั เทคซสั ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ได้ คน้ พบฟลู เลอรล์ นี และพฒั นาไปเป็นทอ่ นาโน ตลอดจนเฟืองนาโน อนั เป็นตน้ กาเนิด ของเคร่อื งจกั รนาโนหรอื จลุ จกั รกลท่ีมีการศกึ ษากนั อยา่ งกวา้ งขวางอยใู่ นปัจจบุ นั ตวั อยา่ งผลงานจากนาโนเคมีอีกหนง่ึ ตวั อยา่ งคือ คอนกรตี ชนิดหนง่ึ ใชเ้ ทคโนโลยนี าโน คอื ใช้ Biochemical ทาปฏกิ ิรยิ ายอ่ ยสลายกบั มลภาวะท่ีเกิดจากรถยนต์ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ ในประเทศองั กฤษไดเ้ รม่ิ มีการใชเ้ ทคโนโลยนี ีใ้ นการสรา้ งถนน และอโุ มงคต์ า่ งๆ เพ่ือลดมลภาวะบนทอ้ งถนน และขณะเดยี วกนั เทคโนโลยนี าโน ทา ใหอ้ นภุ าคคอนกรตี มีขนาดเลก็ มาก ฝ่นุ และแบคทเี รยี ไมส่ ามารถฝังตวั ในเนือ้ คอนกรตี ได้ ทาใหอ้ าคารท่ีใชค้ อนกรตี ชนดิ นี้ ดใู หมเ่ สมอ และยงั คงไมส่ ะสมเชือ้ โรค
3.นาโนเทคโนโลยีชีวภาพ (Nano Biotechnology) เชน่ การสรา้ งอาหารท่ีไมม่ ีวนั หมด การรกั ษาโรคมะเรง็ โดยการด่มื เพียงนา้ ผลไมท้ ่มี ีหนุ่ ยนตจ์ ๋ิวแบบท่ีมองไมเ่ ห็น การใชห้ นุ่ ยนตน์ าโนในการปอ้ งกนั เชือ้ โรค ซอ่ มแซมผนงั เซลล์ รกั ษาอาการไขมนั อดุ ตนั ในเสน้ เลอื ด หรอื การสรา้ งหนุ่ ยนตน์ าโนท่ีสามารถเคลื่อนท่ใี นกระแสเลอื ดเพ่ือเขา้ ทาลายเชือ้ โรคหรอื เซลลม์ ะเรง็ ในรา่ งกายโดยไมต่ อ้ งมีการผา่ ตดั ท่ีเส่ยี งอนั ตราย สาหรบั ในเมอื งไทยเราจะเนน้ ทางดา้ นสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพอนามยั เป็นหลกั โดยนาสงิ่ ท่ี เรามีบนผนื แผน่ ดนิ ไทย ซง่ึ นบั เป็นมรดกอนั มคี า่ มาใชป้ ระโยชนใ์ หไ้ ดม้ ากท่สี ดุ เน่ืองจากเมืองไทยมีพืชพนั ธุธ์ ญั ญาหารท่ีอดุ มสมบรู ณ์ ประกอบกบั มนี กั วิทยาศาสตร์ ไทย ท่ีมคี วามสามารถในการเพาะเลีย้ งอาหารโปรตีนท่ีมีคณุ ค่าระดบั โมเลกลุ
4.วสั ดนุ าโน (Nano Material) เรยี กกนั วา่ “วสั ดสุ ดุ จ๋ิว” หรอื “วสั ดซุ ูเปอรจ์ ๋ิว” คอื เป็น วสั ดทุ ่มี ีโครงสรา้ งท่ีมีขนาดเลก็ กว่า 100 นาโนเมตร หรอื เป็นการรวมตวั กนั ของ อะตอมเป็นกลมุ่ กอ้ นท่ีมีขนาดเลก็ กว่า 100 นาโนเมตร และมขี นาดเลก็ กว่าขนาดของ อนภุ าคท่วั ๆไป 10,000 เทา่
5.นาโนวศิ วกรรม (Nano Engineering) เช่น การใชพ้ ลงั งานแสงอาทิตยอ์ ย่างเตม็ ท่ี การสรา้ งทอ่ นาโน (Nano Tube) แลว้ อาจจะดดั แปลงนามาใชเ้ ป็นเกียรแ์ ละแบรง่ิ สาหรบั สง่ กาลงั ในทางวศิ วกรรมเครอ่ื งกลระดบั โมเลกลุ นอกจากนีย้ งั มสี าขาวชิ าท่ีหลากหลาย เชน่ นาโนเซนเซอร์ (Nano Sensor) การแพทยน์ าโน (Nano Medicine) เชน่ การรกั ษาโรคมะเรง็ นาโนมอเตอร์ (Nano Motor) หรอื นาโนอปุ กรณ์ (Nano Device) นาโนยนต์ หรอื หนุ่ ยนตน์ าโน (Nano Robot) เกษตรกรรมยคุ นาโน (Nano Agriculture) อาหารยคุ นาโน (Nano Food) นา โนโซลารเ์ ซลล์ (Nano Solacell) และ โรงงานนาโน (Nano Factory) อนภุ าคนาโน (Nanoparticle) วสั ดผุ สมผสานนาโน (Nanocomposites) เสน้ ใยนาโน (Nanofibers) โครงสรา้ งนาโนของคารบ์ อน และ โพรงนาโน (Nanotubes and Nanopores) ฟลอมบางนาโน (Thin Fim Nanostructure) และ ลกู คดิ นาโน (Nanoabacus) เป็น ตน้ ตวั อยา่ งหนว่ ยงานในประเทศไทยท่ีทาการวจิ ยั ทางดา้ นนาโนเทคโนโลยี 1.ศนู ยน์ าโนเทคโนโลยี ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล ทาการวิจยั ในดา้ นของ ประดษิ ฐกรรมและวศิ วกรรมนาโนเทคโนโลยี เช่น มผี ลงานวจิ ยั ในการผลิตโพลเิ มอร์
เรอื งแสง โดยใชน้ าโนเทคโนโลยี ตงั้ เปา้ นาไปทดแทนอปุ กรณช์ ิน้ สว่ นอิเลก็ ทรอนกิ สใ์ น ไฟฟา้ ประหยดั พลงั งานมากกวา่ หลอดไฟแบบเดิม และไมเ่ กิดขยะอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพราะยอ่ ยสลายสสู่ ภาพแวดลอ้ มไดง้ ่าย ศนู ยน์ าโนเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั มหิดล ยงั รบั สมคั รนกั ศกึ ษาเขา้ เรยี นหลกั สตู ร Computational Science ระดบั ปรญิ ญาโท และ ปรญิ ญาเอก ผา่ นระบบทางไกล โดยลงทะเบยี นเรยี น เพ่ือรบั ปรญิ ญาของมหาวทิ ยาลยั วลยั ลกั ษณ์ จ. นครศรธี รรมราช แตท่ าวิจยั และเรยี นจรงิ ท่ี ศนู ยน์ าโนเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั มหิดล กรุงเทพฯ ปรญิ ญา:Master of Science (M.Sc.) and Doctor of Philosophy (Ph.D.) in Computational Scienceออกโดย มหาวทิ ยาลยั วลยั ลกั ษณ์ 2.คณะวศิ วกรรมศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ไดจ้ ดั ตงั้ หอ้ งปฏิบตั กิ ารวิจยั ส่ิงประดษิ ฐส์ ารก่ึงตวั นา (SDRL) และไดท้ าการศกึ ษาวิจยั พฒั นา และตรวจสอบสาร กึง่ ตวั นา 3.ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ไดจ้ ดั ตงั้ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวิจยั ฟิสิกสส์ ารกง่ึ ตวั นา และทาการศกึ ษาสารประกอบก่งึ ตวั นา ซง่ึ เป็น สารท่มี ีศกั ยภาพสงู ในการใชเ้ ป็นสารประกอบเพ่ือผลิตเซลลแ์ สงอาทติ ย์ 4.ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ทาการวิจยั ทางดา้ นสาร ก่งึ ตวั นาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั นาโนเทคโนโลยี 5.หอ้ งปฏิบตั ิการวจิ ยั ไขโครอิเล็กทรอนกิ ส์ สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจา้ คณุ ทหาร ลาดกระบงั การวจิ ยั ไดม้ งุ่ เนน้ ในการผลติ สิ่งประดษิ ฐ์โครงสรา้ งของ MOS และ ไดม้ ีการพฒั นาแผน่ ฟิ ลม์ ท่ีทาดว้ ยเพชร โดยใชว้ ิธี CVD
6.มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ มีการวจิ ยั โดยเนน้ ไปทางดา้ นการใชเ้ ทคนิค CVD มาผลิต ฟิลม์ ท่ีทาดว้ ยเพชร 7.ศนู ยป์ ฏิบตั ิการวิจยั เครอ่ื งกาเนิดแสงซนิ โครตรอนแหง่ ชาติ (ตงั้ อยใู่ นมหาวิทยาลยั เทคโนโลยี สรุ นารี โดยการกากบั ดแู ลของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดลอ้ ม) ทาการศกึ ษาความเป็นไปไดใ้ นการสรา้ งเคร่อื งกาเนิดแสงซินโครตอนขนึ้ ในประเทศไทย ผลสรุปพบวา่ ประเทศไทยมีศกั ยภาพเพียงพอในการดาเนนิ การสรา้ ง เครอ่ื งกาเนิดแสงซิโครตอน 8.สถาบนั วิจยั โลหะและวสั ดุ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั รว่ มกบั สานกั งานนวตั กรรม แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สนช.) และบรษิ ัท ยไู นเตด็ เทก็ ไทล์ มลิ ส์ จากดั ประสบความสาเรจ็ ในการผลิต “เสอื้ กีฬานาโนเทคโนโลยี” โดยพฒั นา เทคนิคจาก “อนภุ าคเงนิ ” แทรกลงใยผา้ ไดท้ กุ ชนิด ชว่ ยยบั ยงั้ แบคทีเรยี จากเหง่อื และ รอยดา พรอ้ มขจดั กลิ่นไมพ่ งึ ประสงคอ์ นั เกิดจากเชือ้ รา ซกั แลว้ 30 ครงั้ ผงเงนิ ยงั ไม่ จาง และทดสอบยงั ไมพ่ บอาการแพ้ พรอ้ มสง่ ตอ่ เทคโนโลยีใหภ้ าคอตุ สาหกรรม พฒั นาใชเ้ ชงิ พาณิชยต์ ามโครงการ “แปลงเทคโนโลยีเป็นทนุ ” ลา่ สดุ บรษิ ัท ยไู นเต็ด เทก็ ซไ์ ทล์ มิลล์ จากดั หน่งึ ในกลมุ่ บรษิ ัทผนู้ าอตุ สาหกรรมสิ่งทอ และบรษิ ัท อินโนเทค เท็กซไ์ ทล์ จากดั ไดจ้ ดั ทาเสือ้ ฉลองครองราชย์ ๖๐ ปี ของ สมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภายใตแ้ บรนด์ I-TEX ดว้ ยนวตั กรรม I-TEX (SILVER NANO เสอื้ ไรแ้ บคทีเรยี ) เน่ืองในวโรกาสฉลองสิรริ าชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั โดยเป็นการสรา้ งมลู คา่ เพ่มิ ใหก้ บั ผลิตภณั ฑส์ งิ่ ทอไทย และเป็น ทรพั ยส์ ินทางปัญญาท่ีคนไทยวจิ ยั คดิ คน้ ขนึ้ มา โดยไดม้ กี ารจดสิทธิบตั รถกู ตอ้ งเป็นท่ี เรยี บรอ้ ยแลว้ และเป็นผลงานการวจิ ยั ของสถาบนั วจิ ยั โลหะและวสั ดุ จฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลยั รว่ มกบั บรษิ ัท ยไู นเต็ด เทก็ ซไ์ ทล์ มลิ ล์ จากดั โดยการสนบั สนนุ จาก สานกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปกติแลว้ นวตั กรรมนาโนจะใชใ้ นวงการต่าง ๆ แตส่ าหรบั วงการอตุ สาหกรรมสงิ่ ทอ เรา ถือเป็นเจา้ แรกของโลกท่ีนานวตั กรรมซิลเวอรน์ าโนมาใช้ โดยผลวจิ ยั ของคนไทยจาก หอ้ งปฏบิ ตั ิการ โดยผลงานชิน้ นีไ้ ดร้ บั คดั เลือกใหเ้ ป็นสดุ ยอดนวตั กรรมแหง่ ชาตปิ ี 2548 เป็นรางวลั อนั ดบั 1 ดว้ ย ซง่ึ คณุ สมบตั ขิ องซิลเวอรน์ าโนจะไปยบั ยงั้ การ เจรญิ เตบิ โตของแบคทีเรยี ระงบั กลิน่ เหง่ือและไมเ่ กิดการระคายเคืองตอ่ ผวิ หนงั ซง่ึ เหมาะกบั ประเทศไทยเป็นอยา่ งมาก เพราะมอี ากาศรอ้ น นอกจากนี้ วิถีชีวติ ท่ีเรง่ รบี ของคนในปัจจบุ นั ท่ีไมไ่ ดซ้ กั ผา้ ในทนั ทหี รือทกุ วนั ทาใหผ้ า้ ท่ีถกู กองเก็บไวเ้ กิดการ สะสมเชือ้ โรค ซง่ึ คณุ สมบตั ิพเิ ศษของซิลเวอรน์ าโนจะชว่ ยลดแบคทีเรยี ท่ีเกิดขนึ้ ได้ โดยคาดวา่ ภายในระยะเวลาไมเ่ กิน 6 เดือน เสอื้ ซิลเวอรน์ าโน จะไดร้ บั ความนยิ ม จากผบู้ รโิ ภคอยา่ งสงู 9.ศนู ยน์ าโนเทคโนโลยแี ห่งชาติ (นาโนเทค) กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ได้ ทาการวจิ ยั เร่อื ง “การผลิตเสน้ ใยนาโนในโพลเิ มอร์ เพ่ือการพฒั นาระบบนาสง่ ยา ปฏชิ ีวนะ” โดยไดพ้ ฒั นาเสน้ ใยนาโนผสมยารกั ษาแผลผปู้ ่วยโรคเบาหวาน ซง่ึ เป็น ทางเลือกใหมใ่ นการนาสง่ ยาเพ่ือการรกั ษาโรค คาดวา่ ไมเ่ กิน 2 ปี จะแลว้ เสรจ็ นาโนเทคโนโลยกี บั การศึกษา ในการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั มธั ยมศกึ ษาของไทยพบวา่ มีเนือ้ หาเก่ียวกบั วชิ าวทิ ยาศาสตรท์ งั้ ฟิ สิกส์ เคมี ชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ และอเี ลก็ ทรอนิกสอ์ ยดู่ ว้ ย จงึ ควรจะนาตวั อยา่ งของนาโนเทคโนโลยีใหน้ กั เรยี นไดเ้ รยี นรูเ้ ป็นพืน้ ฐานดว้ ย สว่ นใน ระดบั มหาวิทยาลยั ก็มกี ารเรยี นการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตรท์ ่มี ีเนือ้ หาวชิ าเรอ่ื งนาโน เทคโนโลยอี ยแู่ ลว้ และยงั มกี ารศกึ ษาวจิ ยั เก่ียวกบั นาโนเทคโนโลยีในมหาวิทยาลยั
หลายแหง่ บางแห่งตงั้ เป็นศนู ยน์ าโนเทคโนโลยีขนึ้ โดยเฉพาะ คาดวา่ จะกา้ วหนา้ ย่งิ ขนึ้ ไป นาโนเทคโนโลยีเป็นเทคโนโลยีท่ีมีศกั ยภาพสงู ในการสรา้ งผลิตภณั ฑท์ าง อตุ สาหกรรมไดห้ ลากหลายชนิด ซง่ึ ไมส่ ามารถทาไดด้ ว้ ยเทคโนโลยใี นปัจจบุ นั เชน่ การทาคอมพวิ เตอรข์ นาดจ๋ิว และการทาคอมพิวเตอรท์ ่เี รว็ ขนึ้ ลา้ นเทา่ การสรา้ ง หนุ่ ยนตน์ าโนท่ีสามารถเคล่ือนท่ีในกระแสเลอื ดเพ่ือเขา้ ทาลายเชือ้ โรคหรอื เซลลม์ ะเรง็ ในรา่ งกายโดยไมต่ อ้ งมีการผา่ ตดั ท่เี ส่ยี งอนั ตราย หรอื การรกั ษาโรคมะเรง็ โดยการ ด่มื เพยี งนา้ ผลไมท้ ่มี หี นุ่ ยนตจ์ ๋ิวแบบท่ีมองไมเ่ หน็ สิ่งเหลา่ นีค้ งไมน่ านเกินรอแนน่ อน อยา่ งไรก็ตามถงึ แมน้ าโนเทคโนโลยมี คี วามสามารถในการสรา้ งสรรคส์ ิ่งท่เี ป็นไปไดใ้ น โลกจานวนมากมาย แตจ่ ะถกู จากดั ดว้ ยความสามารถในการคดิ และจินตนาการของ มนษุ ย์ ส่ิงท่ีเราตอ้ งพงึ ระลกึ ไวก้ ็คอื การใชน้ าโนเทคโนโลยีมีความเป็นไปไดท้ ่จี ะทาให้ เกิดการสรา้ งสรรคแ์ ละการเส่ยี งตอ่ อนั ตราย จงึ เป็นสิง่ ท่ีนกั วจิ ยั ควรจะพยายามลด การเส่ยี งอนั ตรายใหน้ อ้ ยท่ีสดุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122