หน่วยท่ี 1 พืน้ ฐานการสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย 1. พื้นฐานการสื่อสารข้อมูล เมื่อเครื่องคอมพวิ เตอร์ส่วนบคุ คลถกู นามาใชง้ านคร้ังแรกในระบบธุรกิจ ซอฟตแ์ วร์ต่าง ๆ ถกู ออกแบบมาสาํ หรับ ผใู้ ชง้ านคนเดียว (Single User) และมีโปรแกรมส่วนนอ้ ยท่ีใชใ้ นการเช่ือมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหลาย ๆ เครื่อง ประกอบกบั เทคโนโลยมี ีในขณะน้นั ไม่สนบั สนุนการเชื่อมต่อ เม่ือคอมพิวเตอร์มีการใชง้ านมากข้ึน และ นกั พฒั นาโปรแกรมไดพ้ ฒั นาซอฟตแ์ วร์ท่ีมีความซบั ซอ้ นมากข้ึนและรองรับการทางานแบบผใู้ ชห้ ลายคน จึงเป็น สาเหตุใหบ้ ริษทั ตา่ ง ๆ เห็นความสาํ คญั ในการเช่ือมต่อเคร่ืองคอมพวิ เตอร์หลายเครื่องเขา้ ดว้ ยกนั เป็นระบบ เครือข่าย การติดตอ่ สื่อสารขอ้ มลู หรือการรับส่งสารสนเทศระหวา่ งเครื่องคอมพิวเตอร์จึงกลายมาเป็นส่ิงท่ี อตุ สาหกรรมคอมพิวเตอร์ตอ้ งใหค้ วามสาํ คญั เทคโนโลยรี ะบบเครือข่ายจึงเป็ นเทคโนโลยที ่ีมีการเจริญเติบโตมาก ที่สุดในอุตสาหกรรมคอมพวิ เตอร์ จึงเกิดความตอ้ งการระบบเครือข่ายที่ใหญ่ข้ึน เร็วข้ึน มีความปลอดภยั มากข้ึน และมีประสิทธิภาพมากข้ึน ระบบเครือข่ายในปัจจุบนั มีความหลากหลาย เม่ือกล่าวถึงระบบเครือข่าย คนส่วนมากจะนึกถึงเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ หลายเคร่ืองที่ต้งั อยใู่ นที่เดียวกนั และมีการใชง้ านเอกสารและอุปกรณ์ร่วมกนั เช่น การใชเ้ คร่ืองพมิ พ(์ Printer) การ ใชเ้ ครื่องสแกนเนอร์ (Scanner) เป็นตน้ แตใ่ นความเป็นจริงแลว้ ระบบเครือขา่ ยหมายถึงเคร่ืองคอมพิวเตอร์และ อปุ กรณ์ท้งั หมดท่ีอยใู่ นแผนกที่อยภู่ ายในอาคารเดียวกนั หรือตา่ งอาคารกไ็ ด้ เนื่องจากการเช่ือมต่อระหวา่ ง เครือขา่ ยคือ การเช่ือมต่อระบบเครือขา่ ยต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั เป็นระบบเครือขา่ ยขนาดใหญข่ ้ึน ทาํ ใหผ้ ใู้ ชท้ ว่ั โลก สามารถใชส้ ารสนเทศร่วมกนั ได้ ตวั อยา่ งเช่น การดาํ เนินธุรกรรมกบั ธนาคารไมว่ า่ จะเป็นการฝากเงิน การถอนเงิน การตรวจสอบยอดบญั ชี สิ่งเหลา่ น้ีสามารถดาํ เนินการไดโ้ ดยไมจ่ าํ เป็นตอ้ งเดินทางไปยงั ธนาคาร แต่ สามารถ ดาํ เนินธุรกรรมดงั กลา่ วไดผ้ า่ นเคร่ืองบริการเงินด่วนหรือเคร่ืองเอทีเอม็ ซ่ึงเราอาจใชบ้ ริการอยภู่ ายในจงั หวดั หรือ ตา่ งจงั หวดั ที่ห่างไกลกนั ได้ เพราะเครื่องเอทีเอม็ เหล่าน้ีไดเ้ ชื่อมต่อกนั ออนไลนก์ นั ในลกั ษณะเครือข่ายทาํ ให้ สามารถส่ือสารและใชฐ้ านขอ้ มูลร่วมกนั ได้ ซ่ึงสารสนเทศท่ีใชง้ านร่วมกนั น้นั ไม่ใช่เพียงเอกสารตวั อกั ษรเท่าน้นั บางระบบเครือข่ายสามารถส่งผา่ นขอ้ มลู เป็นระบบเสียงออดิโอและวดิ ีโอ นอกจากน้ียงั สามารถประชุมดว้ ยวดี ี ทศั น์ได้ 1.1 การสื่อสารข้อมูลและการส่งสัญญาณข้อมูล การสื่อสาร หมายถึง กระบวนการถา่ ยทอดหรือแลกเปล่ียนสารระหวา่ งผสู้ ่งกบั ผรู้ ับโดยส่งผา่ น
ช่องทางนาํ สารหรือส่ือ เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจซ่ึงกนั และกนั เมื่อถึงยคุ การใชค้ อมพิวเตอร์เพอ่ื ช่วยการสื่อสาร จึง เพม่ิ คาํ วา่ ขอ้ มูลต่อทา้ ย ดงั น้นั การส่ือสารขอ้ มลู หมายถึง กระบวนการหรือวิธีถา่ ยทอดขอ้ มูลระหวา่ งผใู้ ชก้ บั คอมพิวเตอร์ซ่ึงมกั จะอยใู่ นที่ห่างไกลกนั และจาํ เป็ นตอ้ งอาศยั ระบบการสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication) เป็นสื่อกลางในการส่งขอ้ มูลการส่ือสารขอ้ มูลทางอิเลก็ ทรอนิกส์จะทาํ ไดก้ ต็ ่อเม่ือมี องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปน้ี 1.1.1 การส่งสัญญาณขอ้ มลู 1.1.2 องคป์ ระกอบของการส่ือสารขอ้ มูล 1.2 ชนิดของการสื่อสาร การส่ือสารขอ้ มูลระหวา่ งผรู้ ับกบั ผสู้ ่งสามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ประเภท 1.2.1 การสื่อสารขอ้ มลู ทิศทางเดียว (Simplex Transmission) 1.2.2 การสื่อสารขอ้ มลู สองทิศทางสลบั กนั (Half Duplex Transmission) 1.2.3 การสื่อสารขอ้ มลู สองทิศทางพร้อมกนั (Full Duplex Transmission) 1.3 การส่ือสารข้อมูลทางคอมพวิ เตอร์ การส่ือสารขอ้ มลู ทางคอมพวิ เตอร์ หมายถึง การโอนถา่ ย (Transmission) ขอ้ มลู หรือการ แลกเปล่ียนขอ้ มูลระหวา่ งผสู้ ่งตน้ ทางกบั ผรู้ ับปลายทาง ท้งั ขอ้ มูลประเภทขอ้ ความ รูปภาพ เสียง หรือขอ้ มูลส่ือผสม โดยผสู้ ่งตน้ ทางส่งขอ้ มูลผา่ นอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงมีหนา้ ท่ีแปลงขอ้ มูลเหล่าน้นั ใหอ้ ยใู่ นรูป สญั ญาณทางไฟฟ้า (Electronic data) จากน้นั ถึงส่งไปยงั อุปกรณ์หรือคอมพวิ เตอร์ปลายทาง ประเภทของสัญญาณ ขอ้ มูลที่ใชใ้ นการสื่อสารขอ้ มลู ทางคอมพวิ เตอร์ ตอ้ งเป็นขอ้ มลู ที่อยใู่ นรูปสัญญาณทางไฟฟ้า ซ่ึงสามารถ จาํ แนกสัญญาณได้ 2 ลกั ษณะ 1.3.1 สัญญาณแบบดิจิทลั (Digitals Signal)
1.3.2 สญั ญาณอนาลอ็ ก (Analog Signal) 1.4 สื่อกลางการส่ือสาร (Transmission Media) การส่งขอ้ มลู จากผสู้ ่งไปยงั ผรู้ ับใหค้ รบถว้ นและถกู ตอ้ งจาเป็นตอ้ งอาศยั ส่ือกลางในการเช่ือมตอ่ ซ่ึง ส่ือกลาง (Medium) ทาหนา้ ที่เป็นเส้นทางเดินของขอ้ มูล โดยคุณภาพของสัญญาณที่ถูกส่งออกไปจะเกิดการสูญเสีย ความเขม้ ของสัญญาณ ระหวา่ งเสน้ ทางการสื่อสารทาใหข้ อ้ มลู ฝ่ังรับเกิดขอ้ ผดิ พลาดและเป็นการลดทอน ประสิทธิภาพของการส่ือสารลง ซ่ึงส่ือท่ีใชใ้ นการส่งผา่ นขอ้ มูล (Transmission Medium) จะส่งผลต่อประสิทธิภาพ ในการส่งดว้ ยส่ือกลางในการส่งขอ้ มูล แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1.4.1 ส่ือกลางแบบมีสาย (Guide Media) เป็นสื่อซ่ึงอาศยั วสั ดุท่ีจบั ตอ้ งไดเ้ ป็นตวั ส่งผา่ นสญั ญาณ เช่น สายทองแดง สายคู่ตีเกลียว (Twisted Pair) 1.4.2 สายกลางแบบไร้สาย (Unguided Media) เป็นสื่อกลางประเภทที่ไม่ใชว้ สั ดุใด ๆ ในการนา สญั ญาณ ซ่ึงจะไมม่ ีการกาหนดเสน้ ทางใหส้ ญั ญาณเดินทาง เช่น คล่ืนไมโครเวฟ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า 2. ความหมายของระบบเครือข่าย (Network) ระบบเครือขา่ ย (Network) คือ กลุม่ ของเทคโนโลยี (ประกอบดว้ ยฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ตวั กลาง และอ่ืนๆ) ท่ี สามารถเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์เขา้ ดว้ ยกนั ทาใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์เหล่าน้นั สามารถติดตอ่ สื่อสารกนั และเปล่ียนสารสนเทศระหวา่ งกนั และใชแ้ หลง่ ขอ้ มลู ร่วมกนั แบบเรียลไทม์ (Real Time) ที่เรียกเครือข่ายวา่ กล่มุ
ของเทคโนโลยเี พราะระบบเครือข่ายทุกระบบตอ้ งประกอบดว้ ยฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ ตวั กลาง เช่น สายไฟ เพื่อ เชื่อมต่อคอมพวิ เตอร์เขา้ ดว้ ยกนั ระบบเครือข่ายอนุญาตใหผ้ ใู้ ชใ้ ชข้ อ้ มลู และโปรแกรมร่วมกนั ดงั น้นั ผใู้ ชแ้ ตล่ ะคน จึงไม่จาํ เป็นตอ้ งเก็บขอ้ มูลและโปรแกรมท่ีสามารถใชง้ านร่วมกนั ไดไ้ วใ้ นเคร่ืองตนเอง ประโยชน์ของการใช้ระบบเครือข่าย ระบบเครือขา่ ยมีประโยชนม์ าก แตป่ ระโยชน์ที่ไดโ้ ดยตรงท่ีเห็นไดช้ ดั คือ 1) การใชง้ านพร้อมกนั หมายถึง ระบบเครือขา่ ยจะอนุญาตใหผ้ ใู้ ชห้ ลาย ๆ คนใชโ้ ปรแกรมและขอ้ มูลต่าง ๆ ไดใ้ น เวลาเดียวกนั 2) การใชอ้ ปุ กรณ์รอบขา้ งร่วมกนั หมายถึง ระบบเครือขา่ ยจะอนุญาตใหผ้ ใู้ ชห้ ลาย ๆ คน ใชอ้ ปุ กรณ์ต่าง ๆ ใน เครือขา่ ยร่วมกนั ได้ เช่น เคร่ืองพิมพ์ เครื่องสแกนเนอร์ เป็นตน้ 3) การสื่อสารส่วนบุคคล หมายถึง ระบบเครือขา่ ยสามารถทาใหผ้ ใู้ ชต้ ิดตอ่ ส่ือสารกนั ไดง้ า่ ยข้ึน 4) การสาํ รองขอ้ มลู ที่ง่ายข้ึน หมายถึง ระบบเครือข่ายสามารถทาใหผ้ ใู้ ชแ้ ละผดู้ ูแลระบบสาํ รองขอ้ มูลท่ีสาํ คญั ได้ ง่าย ขอ้ มูลในระบบธุรกิจมีคา่ มาก ดงั น้นั พนกั งานตอ้ งทาํ การสาํ รองขอ้ มูลไว้ ทางหน่ึงท่ีแน่ใจวา่ ขอ้ มูลถูกสาํ รองไว้ กค็ ือเก็บขอ้ มลู ไวท้ ่ีหน่วยความจาสารองที่ผใู้ ชส้ ามารถติดตอ่ โดยผา่ นระบบเครือขา่ ยได้ ปกติแลว้ ผจู้ ดั การระบบ เครือข่ายจะทาํ หนา้ ที่ในการสารองขอ้ มูลผา่ นระบบเครือข่าย ดงั น้นั จึงตอ้ งใชซ้ อฟตแ์ วร์เฉพาะในการสาํ รองขอ้ มูล ท่ีอยใู่ นฮาร์ดดิสกข์ องพนกั งาน โดยไม่ตอ้ งไปทาํ งานกบั เคร่ืองแต่ละเคร่ืองท่ีตอ้ งการสาํ รองขอ้ มลู แตอ่ ยา่ งใด ดว้ ย วธิ ีน้ีจึงไมต่ อ้ งมีการสาํ เนาไฟลพ์ นกั งานมาไวท้ ี่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ก่อนทาํ การสาํ รองขอ้ มูล 3. องค์ประกอบของระบบเครือข่าย องคป์ ระกอบของเครือขา่ ย ในท่ีนี่ขอกลา่ วถึงส่วนประกอบพ้ืนฐานของเครือข่ายทอ้ งถิ่นเป็นสาํ คญั ซ่ึงเครือข่าย จาํ เป็นตอ้ งมีส่วนประกอบหลายส่วนดว้ ยกนั เพ่อื ทาใหค้ อมพิวเตอร์หรืออปุ กรณ์ตา่ ง ๆ บนเครือข่ายสามารถ ส่ือสาร เพ่อื แลกเปลี่ยนขอ้ มูลระหวา่ งกนั ไดโ้ ดยส่วนประกอบพ้นื ฐานของเครือข่ายทอ้ งถิ่น ประกอบดว้ ย 1. เครื่องศูนยบ์ ริการขอ้ มูล (Servers) 2. เคร่ืองลูกข่ายหรือสถานี (Clients) 3. การ์ดเครือขา่ ย (Network Interface Cards) 4. สายเคเบิลท่ีใชบ้ นเครือข่าย (Network Cables)
5. ฮบั และสวิตช์ (Hubs and Switches) 6. ระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ย (Network Operating System) 4. เทคโนโลยเี ครือข่าย (Network Technology) เทคโนโลยขี องการสร้างเครือข่ายที่ใชก้ นั อยหู่ ลกั ๆ จะมีอยปู่ ระมาณ 5 วธิ ี คือ 1. การใชเ้ ครือข่าย Ethernet แบบ Star (10BaseT) 2. การใชเ้ ครือข่าย Ethernet แบบ Bus (10Base2) 3. การใชส้ ายโทรศพั ทใ์ นบา้ น (Phone line Network) 4. การใชส้ ายไฟฟ้าในบา้ น (Power line Network) 5. การใชเ้ ทคโนโลยไี ร้สาย (Wireless) หน่วยท่ี 2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (Computer Network) เครือข่ายสามารถจาํ แนกออกไดห้ ลายประเภทแลว้ แต่เกณฑท์ ี่ใช้ คลา้ ยกบั การจาํ แนกประเภทของรถยนต์ ถา้ ใช้ ขนาดเป็นเกณฑ์ กจ็ ะแบ่งไดเ้ ป็นรถยนตข์ นาดเล็ก รถสิบลอ้ เป็นตน้ หรือถา้ เป็ นลกั ษณะการใชง้ านเป็นเกณฑก์ ็จะ แบ่งไดเ้ ป็นรถโดยสาร รถบรรทุกสินคา้ รถส่วนบคุ คล เป็นตน้ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ก็เช่นกนั สามารถจาํ แนกได้ หลายวธิ ี ข้ึนอยกู่ บั เกณฑท์ ี่ใช้ โดยทวั่ ไปการจาํ แนกประเภทของเครือขา่ ยมีอยู่ 3 วิธี คือ
• เครือขา่ ยทอ้ งถิ่น LAN (Local Area Network) • เครือขา่ ยระดบั เมือง MAN (Metropolitan Area Network) • เครือขา่ ยระดบั ประเทศ WAN (Wide Area Network) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบง่ ตามลกั ษณะการเช่ือมตอ่ ทางภมู ิศาสตร์ หรือระยะทางการเชื่อมต่อ สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ 1. เครือข่ายท้องถิ่น LAN (Local Area Network) คอื การจาํ แนกประเภทเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ตามขนาดทาง ภูมิศาสตร์ ใชเ้ รียกเครือข่ายขนาดเลก็ ท่ีมีพ้ืนที่จากดั เช่น ภายในสานกั งานหรือภายในองคก์ รท่ีมีหน่วยงานหลาย ๆ หน่วยงานอยใู่ นพ้นื ที่เดียวกนั ในการเชื่อมต่ออาจจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์เช่ือมตอ่ กนั เพียงแค่สองเคร่ือง ไปจนถึง เครือขา่ ยท่ีสลบั ซบั ซอ้ นมีคอมพวิ เตอร์เป็นพนั ๆ เคร่ืองเครือข่ายทอ้ งถ่ิน (Local Area Network) หรือท่ีบางคร้ังเรียก ส้ัน ๆ วา่ เครือข่ายแลน (LAN) ถือวา่ เป็นเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ ท่ีใชใ้ นการส่ือสาร ขอ้ มลู ความเร็วสูงซ่ึงมีความ ทนทานต่อการเกิดขอ้ ผดิ พลาดระหวา่ งการรับและการส่งขอ้ มลู เราสามารถนาเอาเทคโนโลยเี ครือขา่ ยทอ้ งถ่ินมาใช้ ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เช่น การแบง่ ปันการใชอ้ ปุ กรณ์และโปรแกรมสาํ เร็จรูปภายในสานกั งานการ แลกเปล่ียนไฟลข์ อ้ มูลระหวา่ งผใู้ ชใ้ นระบบเครือขา่ ยการส่ือสารโดยใชจ้ ดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ โปรแกรมสนทนา และโปรแกรมสาํ เร็จรูปต่าง ๆ 2. เครือข่ายระดับเมือง MAN (Metropolitan Area Network) หมายถึงการเช่ือมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ท่ีมีระยะ ทางการเช่ือมต่อไกลกวา่ ระบบเครือขา่ ยทอ้ งถ่ิน (LAN) แตร่ ะยะทางยงั คงใกลก้ วา่ ระบบWAN ไดแ้ ก่ เครือขา่ ย คอมพวิ เตอร์ท่ีเช่ือมต่อกนั ภายในเมืองเดียวกนั หรือจงั หวดั เดียวกนั ในเขตเดียวกนั เป็นตน้ 3. เครือข่ายระดับประเทศ WAN (Wide Area Network) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพวิ เตอร์ระยะไกล เช่น ระหวา่ งประเทศ การเช่ือมต่อเครือข่ายทวั่ โลก เนื่องจากเป็นการติดต่อส่ือสารระยะไกล อตั ราการรับ - ส่งขอ้ มูลจึง ต่าํ และมีโอกาสผดิ พลาดไดส้ ูง การสื่อสารระยะไกลจาเป็นตอ้ งมีอุปกรณ์แปลงสญั ญาณ คือ โมเดม็ ช่วยในการ ติดตอ่ สื่อสาร และสามารถนาเครือขา่ ยLAN มาเช่ือมต่อกนั เป็นเครือข่ายระยะไกลได้ ตวั อยา่ งของเครือขา่ ย ระยะไกล เช่น อินเทอร์เน็ตเครือขา่ ยระบบงานธนาคารทว่ั โลก เครือข่ายของสายการบิน เป็นตน้ สาหรับเครือข่าย ระดบั ประเทศน้ีสามารถรองรับความเร็วท่ีแตกต่างกนั ไดต้ ้งั แต่ 56 กิโลบิตตอ่ วนิ าที หรือนอ้ ยกวา่ จนสามารถขยาย ขีดสูงสุดดว้ ยความเร็วถึง 10 กิโลบิตตอ่ วินาที 4. ความสัมพนั ธ์ระหว่าง LAN และ WAN
LAN หรือ Local Area Network เป็นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ระยะใกล้ คือ ใชเ้ ชื่อมตอ่ กนั ในบริเวณท่ีไม่ห่างกนั มาก นกั โดยการเช่ือมตอ่ น้ีทาไดโ้ ดยสายสัญญาณพิเศษ ในสถานท่ีหน่ึง ๆ หรือองคก์ รหน่ึง ๆสามารถท่ีจะสร้างระบบ LAN หลายชุด ได้ หรือเชื่อมต่อ LANแตล่ ะชุดที่มีอยแู่ ลว้ เขา้ ดว้ ยกนั อีกทีกไ็ ดใ้ นกรณีที่มี ระบบเครือขา่ ย LAN ต้งั แต่ 2 ระบบข้ึนไป ที่อยไู่ กลกนั มาก จาตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์และบริการพิเศษเพอ่ื ช่วยในการ เชื่อมโยงกนั ซ่ึงเรียกวา่ เป็ นเครือข่ายระยะไกลหรือเครือขา่ ยแบบ Wide Area Network : WAN ในการเช่ือมต่อน้ี สามารถไดห้ ลายวธิ ี เช่น เชื่อมต่อผา่ นสายที่เช่ามาเป็นพิเศษ (Leased Line) จากองคก์ ารโทรศพั ท์ เชื่อมผา่ นระบบ ไมโครเวฟเชื่อมผา่ นเครือข่ายบริการ ISDN ของการส่ือสารฯ หรือแมแ้ ตผ่ า่ นดาวเทียม เป็นตน้ อุปกรณ์พิเศษท่ีช่วย เช่ือมต่อระบบ LAN เขา้ ดว้ ยกนั ใหก้ ลายเป็น WAN น้ีเรียกวา่ ประตเู ช่ือม หรือ Gateway ซ่ึงจะทาใหร้ ะบบเครือข่าย ขยายตวั ไดอ้ ยา่ งไมส่ ิ้นสุดจากเครื่องคอมพวิ เตอร์เคร่ืองเด่ียว ๆ หลายเครื่องถูกเชื่อมตอ่ กนั กลายเป็นเครือขา่ ย LAN เม่ือเครือขา่ ย LAN หลายๆ ระบบ ถกู เช่ือมตอ่ กนั ก็กลายเป็นเครือข่ายแบบ WAN โดย หลกั การแลว้ เครือข่าย WAN จะประกอบดว้ ยส่วนตา่ งๆ 4 ส่วน คือ • ส่วนแรก ไดแ้ ก่ อุปกรณ์ท่ีเชื่อมต่อ LAN เขา้ ดว้ ยกนั เช่น Bridge หรือ Router • ส่วนท่ีสอง ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์ช่วยในการต่อเขา้ สู่เครือข่าย WAN เป็นตวั Gatewayเช่น โมเดม็ ใน กรณีใชบ้ ริการผา่ นเครือข่ายโทรศพั ท์ หรือ Terminal Adapter • ส่วนท่ีสาม ไดแ้ ก่ ส่ือสญั ญาณหรือ Media เช่น สายโทรศพั ท์ คล่ืนวิทยุ ฯลฯ • ส่วนท่ีสี่ ไดแ้ ก่ ส่วนของการบริการ WAN คือ เครือขา่ ยของผใู้ หบ้ ริการในการเช่ือมตอ่ ระยะไกลๆ เช่น องคก์ ารโทรศพั ทห์ รือการส่ือสารจากน้นั เครือขา่ ย WAN จากที่หน่ึงก็สามารถเชื่อมเขา้ กบั WAN ในอีกท่ีหน่ึงหรืออีกประเทศหน่ึงได้ ทาใหร้ ะบบเครือข่ายเป็นไปในลกั ษณะ Internetworking ขยายครอบคลมุ กวา้ ง ข้ึนไปเร่ือย ๆ ซ่ึงเป็นหลกั การที่กลายมาเป็นระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตในท่ีสุดการเช่ือมโยงในลกั ษณะดงั กลา่ ว ระหวา่ งระบบท่ีแตกตา่ งกนั จาเป็นตอ้ งมีมาตรฐานในการติ ดตอ่ กนั หรือเรียกวา่ จาเป็นตอ้ งมีระเบียบวิธีในการ ส่ือสารกนั ซ่ึงเรียกวา่ โปรโตคอล(Protocol) มิฉะน้นั จะทาใหเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์ท่ีติดต่อ กนั จะไมส่ ามารถสื่อสาร กนั รู้เร่ือง สาหรับเครือข่ายอินเทอร์เนต็ มีการใชง้ านโปรโตคอลที่ชื่อวา่ TCP/IP หรือ Transmission Control
Protocol / Internet Protocol เป็นระเบียบวิธีการมาตรฐานในการติดตอ่ 5. ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN) Wireless LAN เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถเชื่อมต่อกบั ระบบเนต็ เวิร์คไดจ้ ากสถานท่ีต่างๆโดยไม่ จาํ เป็นตอ้ งใชส้ ายนาํ สัญญาณ ในปัจจุบนั เริ่มไดร้ ับความนิยมเพ่มิ ข้ึนอยา่ งรวดเร็วความหมายของ Wireless LAN Wireless LAN (WLAN) คือระบบ LAN ท่ีไม่ตอ้ งตอ่ สาย เทคโนโลยนี ้ีเกิดข้ึนมานานกวา่ สิบปี แต่เพง่ิ ไดร้ ับความ นิยมไมน่ าน ท้งั น้ีเน่ืองจากไดร้ ับผลประโยชน์จากราคาของอุปกรณ์ที่ลดลง รวมท้งั การพฒั นามาตรฐานของ Wireless LAN ระบบ Wireless LAN ใชค้ ล่ืนความถ่ีวทิ ยใุ นการรับ – ส่งขอ้ มูลแทนการใชส้ ายเคเบิลนาํ สัญญาณ โดยทวั่ ไปแลว้ มีรัศมีในการทางานกวา้ งประมาณ 500 ถึง 1,000 ฟตุ แต่สามารถเพิ่มรัศมีในการทาํ งานไดก้ วา้ งข้ึน โดยการเพ่มิ เติมอุปกรณ์พิเศษ เช่น เสาอากาศ การเพม่ิ กาลงั ส่ง หรืออุปกรณ์อ่ืน ๆ ได้ ระบบ WLAN น้นั จาเป็นตอ้ ง มี Access Point (AP) ท่ีตอ่ กบั ระบบ LAN ดว้ ยสายเคเบิล โดย AP จะทาหนา้ ท่ีเป็นตวั กลางในการเช่ือมต่ออุปกรณ์ Wireless ชนิดตา่ ง ๆ เขา้ กบั ระบบเน็ตเวิร์ค เทคโนโลยี Wireless สามารถแบง่ เป็นประเภทตา่ งๆ ไดด้ งั น้ี 1. PAN (Personal Area Network) – Bluetooth เป็นมาตรฐานการเช่ือมตอ่ ในประเภทน้ี โดย Bluetooth น้นั มีขอ้ จากดั คือมีแบนดว์ ดิ ทท์ ี่แคบและระยะทางใกล้ มกั จะใชเ้ ช่ือมตอ่ ระหวา่ งอปุ กรณ์กบั อปุ กรณ์ (Peer-to-Peer หรือ Device-to-Device) 2. LAN (Local Area Network) – มาตรฐาน 802.11 HiperLAN2 ความเร็ว 11 – 54 Mbps มี รัศมีกวา้ งกวา่ Bluetooth ใชส้ าหรับระบบเน็ตเวิร์ค (Enterprise Networks) 3. MAN (Metropolitan Area Network) – มาตรฐาน 802.11 MMDS, LMDS ความเร็ว 11 – 100+ Mbps แทนระบบ T1 รัศมีไกล 4. WAN (Wide Area Network) – มาตรฐาน GSM, GPRS, CDMA, 2.5-3G ความ เร็ว 10 – 384 Kbps รัศมีไกลมาก ใชใ้ นโทรศพั ทม์ ือถือและระบบเซลลูลา่ ร์ การนาํ Wireless LAN มาใช้ ในช่วงแรก Wireless LAN ไดร้ ับความนิยมใชใ้ นสถานศึกษา และในอาคารสานกั งานเป็นส่วน
ใหญ่ และต่อมาเนื่องจากความสะดวกและความไดเ้ ปรียบของ Wireless LAN จึงมีการนามาใชใ้ นสถานท่ีต่าง ๆ เป็นจานวนมาก เช่น ในบา้ นสาหรับการใชง้ านอินเทอร์เน็ตร่วมกนั หลาย ๆ คนพร้อมกนั ในรีส อร์ทอพาร์ทเมนท์ สถานีรถไฟ ร้านกาแฟ หา้ งสรรพสินคา้ หรือในสนามบิน โดยส่วนใหญแ่ ลว้ จะมีการใช้ Wireless LAN ในบริเวณที่ ยงั ไม่ไดว้ างระบบLAN เอาไว้ รูปแบบและการทางานของระบบเครือข่ายไร้สาย ระบบเครือขา่ ยไร้สาย เป็ นระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ขนาดเลก็ ท่ีประกอบไปดว้ ยอุปกรณ์ไมม่ ากนกั และมกั จากดั อยใู่ นอาคารหลงั เดียวหรืออาคารในละแวกเดียวกนั การใชง้ านท่ีน่าสนใจที่สุดของเครือข่ายไร้สายกค็ ือ ความสะดว กสบายที่ไมต่ อ้ งติดอยกู่ บั ท่ี ผใู้ ชส้ ามารถเคล่ือนที่ไปมาไดโ้ ดยท่ียงั ส่ือสารอยใู่ นระบบเครือขา่ ย รูปแบบการเช่ือมต่อของระบบเครือข่ายไร้สาย 1) Peer-to-peer (ad hoc mode) รูปแบบการเช่ือมต่อระบบแลนไร้สายแบบ Peer to Peer เป็นลกั ษณะการเช่ือมตอ่ แบบโครงขา่ ยโดยตรงระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จาํ นวน 2 เครื่องหรือมากกว่าน้นั เป็น การใชง้ านร่วมกนั ของ wireless adapter cards โดยไมไ่ ดม้ ีการเช่ือมตอ่ กบั เครือข่ายแบบใชส้ ายเลยโดยที่เคร่ือง คอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองจะมีความเทา่ เทียมกนั สามารถทางานของตนเองไดแ้ ละขอใชบ้ ริการเคร่ืองอ่ืนได้ เหมาะ สาหรับการนามาใชง้ านเพ่อื จุดประสงคใ์ นดา้ นความรวดเร็วหรือติดต้งั ไดโ้ ดยงา่ ยเม่ือไม่มีโครงสร้างพ้นื ฐ านท่ีจะ รองรับ ยกตวั อยา่ งเช่น ในศนู ยป์ ระชุม, หรือการประชุมที่จดั ข้ึนนอกสถานที่ 2) Client/server (Infrastructure mode) ระบบเครือขา่ ยไร้สายแบบ Client /server หรือInfrastructure Mode เป็นลกั ษณะการรับส่งขอ้ มลู โดย อาศยั Access Point (AP) หรือเรียกวา่ “Hot spot” ทหนา้ ท่ีเป็นสะพานเช่ือมตอ่ ระหวา่ งระ บบเครือข่ายแบบใชส้ ายกบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (client) โดยจะกระจายสญั ญาณคล่ืนวทิ ยเุ พอื่ รับ – ส่งขอ้ มูล เป็นรัศมีโดยรอบ เครื่องคอมพวิ เตอร์ท่ีอยใู่ นรัศมีของ AP จะกลายเป็นเครือข่ายกล่มุ เดียวกนั ทนั ที โดยเคร่ืองคอม พวิ เตอร์จะสามารถติดต่อกนั หรือติดต่อกบั Server เพ่ือแลกเปล่ียนและคน้ หาขอ้ มลู ได้ โดยตอ้ งติดตอ่ ผ่าน AP เท่าน้ั น ซ่ึง AP 1 จุด สามารถใหบ้ ริการเคร่ืองลูกขา่ ยไดถ้ ึง 15 - 50 อุปกรณ์ของเคร่ืองลกู ข่ายเหมาะสาหรับการ นาํ ไปขยายเครือขา่ ยหรือใชร้ ่วมกบั ระบบเครือขา่ ยแบบใชส้ ายเดิมในออฟฟิ ศ, หอ้ งสมดุ หรือในหอ้ ง ประชุม เพื่อเพม่ิ ประสิทธิภาพในการทาํ งานใหม้ ากข้ึน
3) Multiple access points and roaming โดยทวั่ ไปแลว้ การเชื่อมตอ่ สญั ญาณระหวา่ งเคร่ือง คอมพิวเตอร์ กบั Access Pointของเครือข่ายไร้สายจะอยใู่ นรัศมีประมาณ 500 ฟตุ ภายในอาคาร และ 1,000 ฟตุ ภายนอกอาคาร หากสถานท่ีท่ีติดต้งั มีขนาดกวา้ งมาก ๆ เช่น คลงั สินคา้ บริเวณภายในมหาวทิ ยาลยั สนามบิน จะตอ้ งมีการเพิม่ จุดการติดต้งั AP ใหม้ ากข้ึน เพ่ือใหก้ ารรับ - ส่งสัญญาณในบริเวณของเครือข่ายขนาดใหญ่เป็นไป อยา่ งครอบคลุมทวั่ ถึง หน่วยท่ี 3 มาตรฐานการเช่ือมต่อระบบเครือข่าย 1. แบบจําลอง OSI Model การเชื่อมต่อคอมพวิ เตอร์เป็นระบบเครือขา่ ยในยคุ แรกจะมีลกั ษณะเฉพาะตวั ตามบริษทั ผผู้ ลิตอุปกรณ์เครือข่ายน้นั ๆ ทาใหเ้ กิดปัญหาความเขา้ กนั ไดข้ องอุปกรณ์ที่ผลิตจากต่างบริษทั กนั ดงั น้นั หน่วยงานมาตรฐานสากล (International Standard Organization)หรือ ISO จึงไดก้ าหนดโครงสร้างมาตรฐานในการรับ - ส่งขอ้ มูลในเครือข่าย คอมพิวเตอร์ใหเ้ ป็นแบบเดียวกนั เพือ่ ใหใ้ ชง้ านร่วมกนั ได้ เรียกวา่ แบบจาํ ลอง OSI Model (Open System Interconnection Model) เพื่อใชเ้ ป็นแบบอา้ งอิงในการผลิต ทาํ ใหอ้ ุปกรณ์เครือข่ายตา่ งบริษทั กนั สามารถใชง้ าน ร่วมกนั ไดโ้ ดยไม่มีปัญหา แบบจาํ ลอง OSI Model จะแบง่ การเชื่อมตอ่ ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ออกเป็นช้นั ยอ่ ย ๆ จาํ นวน 7 ช้นั ลกั ษณะการเชื่อมตอ่ คือ แต่ละช้นั หรือแต่ละ เลเยอร์ (Layer) จะเสมือนเช่ือมต่อถึงกนั และกนั แต่ในส่วน
ของการเชื่อมตอ่ จริงทางกายภาพจะมีเพยี งช้นั ล่างสุดคือ Physical Layer เท่าน้นั ท่ีเช่ือมต่อถึงกนั ส่วนช้นั อื่น ๆ จะ ไมไ่ ดเ้ ช่ือมตอ่ ถึงกนั จริง เพียงแต่เสมือนวา่ เช่ือมต่อกนั โดยผา่ นกลไกในระบบเครือข่ายเทา่ น้นั 2. โปรโตคอลในการสื่อสารข้อมูล โปรโตคอล (Protocol) คือ ขอ้ ตกลงร่วมกนั ระหวา่ งผรู้ ับและผสู้ ่ง เพ่ือใหส้ ามารถสื่อสารกนั ไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจเหมือน การใชภ้ าษาในการส่ือสารเดียวกนั โปรโตคอลที่ใชใ้ นการสื่อสารขอ้ มลู มีอยหู่ ลายชนิด แต่ท่ีพบเห็นกนั ทวั่ ไปมี ดงั น้ี 2.1 โปรโตคอล IPX/SPX โปรโตคอล IPX/SPX เป็นโปรโตคอลท่ีพฒั นาข้ึนโดยบริษทั Novell และนาไปใชใ้ นเครือขา่ ยเน็ตแวร์ (Netware) ซ่ึงเป็นระบบปฏิบตั ิการณ์เครือข่ายท่ีนิยมใชก้ นั อยา่ งมากในสมยั ก่อน โปรโตคอล IPX/SPXประกอบดว้ ย 2 ส่วน หลกั คือ โปรโตคอล IPX (Internetwork Package Exchange) ซ่ึงเป็นโปรโตคอลในลกั ษณะไมร่ ับประกนั ในการส่ง (Connectionless Network Service) คือ รับขอ้ มูลเขา้ มาแลว้ ส่งไปยงั ปลายทางทนั ที และโปรโตคอล SPX (Sequenced Package Exchange) ซ่ึงเป็นโปรโตคอลที่มีการรับประกนั การส่งขอ้ มูลวา่ ขอ้ มูลจะถกู ส่งถึงผรู้ ับอยา่ ง แน่นอน ซ่ึงถา้ ผรู้ ับยงั ไม่ไดร้ ับขอ้ มูล หรือ ไดร้ ับขอ้ มลู ไม่ครบถว้ นกจ็ ะมีการส่งขอ้ มูลชา้ จนกวา่ ผรู้ ับจะไดร้ ับ (Connection-Oriented Network Service) ทาใหส้ ่งไดแ้ น่นอนกวา่ แตจ่ ะส่งไดช้ า้ กวา่ การส่งโดยใชโ้ ปรโตคอล IPX 2.2 โปรโตคอล NetBEUI โปรโตคอล NetBEUI (Net Bios Extended User Interface) เป็นโปรโตคอลที่พฒั นาโดยบริษทั ไมโครซอฟต์ ซ่ึง พฒั นามาจากโปรโตคอล NetBIOS (Network Basic Input Output System) ของบริษทั ไอบีเอม็ อีกต่อหน่ึง โปรโตคอล NetBEUI เป็นโปรโตคอล ขนาดเลก็ และใชว้ ธิ ีกาหนดการติดต่อในลกั ษณะของช่ือเครื่อง (Host) และชื่อเครือขา่ ย (Workgroup) ขอ้ ดีของโปรโตคอลชนิดน้ีคือมีความเร็วในการทางานสูงและใชง้ านไดง้ ่าย แต่ขอ้ จากดั คือใชไ้ ดเ้ ฉพาะเครือขา่ ยที่ใชร้ ะบบปฏิบตั ิการ Windows เท่าน้นั นอกจากน้ียงั ไม่มีความสามารถในการ คน้ หาเสน้ ทาง จึงใชเ้ ฉพาะเครือขา่ ยแบบ Peer to Peer 2.3 โปรโตคอล TCPIP โปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocal / Internet Protocal) เป็นโปรโตคอลท่ีนิยมใชง้ านแพร่หลาย มากที่สุดถกู ใชเ้ ป็นโปรโตคอลในการรับ – ส่งขอ้ มลู ในเครือข่าย Internet จุดเด่นคือ ความสามารถในการวิง่ หา
เส้นทางใหมใ่ นการส่งขอ้ มูลไปยงั ปลายทางไดอ้ ีกท้งั ยงั เป็นเทคโนโลยีเปิ ด (Open Source) จึงสามารถใชง้ านได้ โดยไม่ตอ้ ง เสียค่าลิขสิทธ์ิแต่อยา่ งใด 2.4 โปรโตคอล AppleTalk โปรโตคอล Apple Talk เป็นโปรโตคอลท่ีสร้างข้ึนโดย บริษทั Apple Computer เพ่ือใชใ้ นเครือขา่ ยของเคร่ือง คอมพิวเตอร์ Apple ที่ใชร้ ะบบปฏิบตั ิการ Mac OS ซ่ึงมีจุดเด่น คือ สามารถเช่ือมโยงเป็นเครือขา่ ยไดง้ า่ ยโดยไม่ ตอ้ งซ้ืออปุ กรณ์หรือซอฟตแ์ วร์เครือขา่ ยมา เพ่มิ เติม แตข่ อ้ จากดั คือใชใ้ นเครือข่ายท่ีใชเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์ Apple เท่าน้นั 3. โปรโตคอล TCP/IP โปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เป็นมาตรฐานท่ีเกิดข้ึน ก่อนการกาํ หนด มาตรฐาน OSI Model และมีการใชง้ านแพร่หลายบนเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต นอกจากน้ียงั ไม่ตอ้ งเสียคา่ ลิขสิทธ์ิใน การใช้ จึงทาํ ใหเ้ ป็นมาตรฐานถือวา่ มีการใชง้ านมากท่ีสุดในปัจจุบนั ช้นั Application ของ TCP/IP จะเสมือนรวมช้นั Application ช้นั Presentation และช้นั Session เขา้ เป็นช้นั เดียวกนั โดยมีหนา้ ท่ีเป็นส่วนในการติดต่อระหวา่ งผใู้ ชง้ านกบั ส่วนบริการต่าง ๆ เช่น การโอนยา้ ยไฟล์ (FTP), การรับส่ง จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (SMTP) หรือบริการในการควบคุมเครื่องระยะไกล (Telnet) ช้นั Transport ของ TCP/IP จะทาหนา้ ที่เช่นเดียวกบั Transport ของ OSI Model คือจดั เตรียมขอ้ มลู ในการรับ - ส่ง เพอ่ื ควบคุมการรับ – ส่งขอ้ มลู ใหม้ ีเสถียรภาพเชื่อถือได้ รวมท้งั การตดั แบ่งขอ้ มูลเป็นส่วนยอ่ ย ส่วนช้นั Internet จะทาหนา้ ที่เช่นเดียวกบั ช้นั Network ของ OSI Model ในการเลือกเส้นทางการส่งขอ้ มูลรวมท้งั สร้างสภาวะการเชื่อมตอ่ และสภาวะยกเลิกการเชื่อมต่อ ช้นั Host to Network จะทาหนา้ ที่แปลง IP Address เป็นหมายเลขประจาตวั ทางฮาร์ดแวร์ของอปุ กรณ์ เครือขา่ ยเพ่อื ใชใ้ นการรับ - ส่งขอ้ มูลในระดบั กายภาพ รวมท้งั การสร้างสัญญาณไฟฟ้าสาหรับการรับ - ส่งขอ้ มลู ตามมาตรฐานทางฮาร์ดแวร์ท่ีใช้ เช่น ระบบอีเทอร์เน็ตหรือโทเคน็ ริง ซ่ึงจะคลา้ ยกบั การรวม ช้นั Data Link และ ช้นั Physical ของ OSI Model เขา้ ดว้ ยกนั โปรโตคอล TCP/IP จะมีโปรโตคอลยอ่ ยในช้นั ตา่ ง ๆ ดงั น้ี ช้นั Application ประกอบดว้ ย • โปรโตคอล FTP (File Transfer Protocol) เป็นตวั ใหบ้ ริการถ่ายโอนไฟลผ์ า่ นระบบเครือข่าย
• โปรโตคอล Telnet ใหบ้ ริการการติดต่อคอมพวิ เตอร์ระยะไกลในระบบเครือข่าย • โปรโตคอล SMTP (Simple Mail Transfer Protocol) ใชบ้ ริการ E-mail • โปรโตคอล HTTP (Hyper Text Transfer Protocol) ใชบ้ ริการการแสดงเวบ็ • โปรโตคอล DNS (Domain Name System) ซ่ึงใชใ้ นการแปลงขอ้ มลู ชื่อเวบ็ เป็น IP Address • โปรโตคอล SNMP (Simple Network Management Protocol) ซ่ึงใชค้ วบคมุ ดูแลเครือข่าย • โปรโตคอล DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol) ซ่ึงใชแ้ จก IP Address ใหก้ บั เคร่ืองลกู ข่ายโดย อตั โนมตั ิ ช้นั Transport ประกอบดว้ ยโปรโตคอล ดงั น้ี • โป รโต คอล TCP (Transmission Control Protocol) เป็น โปรโตคอลที่ ทาํ งานในลกั ษณะConnection Oriented โดยจะแบ่งขอ้ มูลเป็นส่วนยอ่ ย ๆ เพ่อื ส่งออกไปยงั ปลายทาง แลว้ ประกอบเป็ นขอ้ มูลท่ี ถูกตอ้ งตามเดิม หากมีขอ้ มลู บางส่วนขาดหายไป จะมีการแจง้ กลบั เพือ่ ใหส้ ่งไปใหม่จึงเป็นการรับประกนั วา่ ปลายทางจะไดร้ ับขอ้ มลู ที่สมบรู ณ์ถกู ตอ้ งเสมอ • โปรโ ตคอล UDP (User Datagram Protocol) เป็นโปรโตคอลท่ีทาํ งานในลกั ษณะ Connectionless คือโปรโตคอล UDP จะส่งขอ้ มูลออกไปโดยไมม่ ีการตรวจสอบยอ้ นกลบั วา่ ปลายทางไดร้ ับขอ้ มูล ถูกตอ้ งครบถว้ นหรือไม่ ดงั น้นั ขอ้ มูลที่ส่งไปจึงมีความสมบูรณ์ถูกตอ้ งนอ้ ยกวา่ การส่งขอ้ มลู โดยใชโ้ ปรโตคอล TCP แต่จะส่งไดร้ วดเร็วกวา่ และใชแ้ บนดว์ ิดท์ (Bandwidth) ของช่องสัญญาณนอ้ ยกวา่ ช้นั Internet จะประกอบดว้ ย โปรโตคอล ดงั น้ี • โปรโตคอล IP (Internet Protocol) เป็นโปรโตคอลในการเลือกเส้นทาง และเป็นโปรโตคอล หลกั ในการส่งขอ้ มูลในเครือขา่ ย • โปรโตคอล ICMP (Internet Control Message Protocol) เป็นโปรโตคอลที่ใชแ้ จง้ เตือนเม่ือมี ปัญหาในการรับ - ส่งขอ้ มูล
• โปรโตคอล ARP (Address Resolution Protocol) เป็นโปรโตคอลท่ีใชใ้ นการแปลงหมายเลข IP เป็นหมายเลข MAC Address ซ่ึงเป็นหมายเลขประจาตวั ทางฮาร์ดแวร์ของอปุ กรณ์ในเครือข่าย หน่วยท่ี 4 รูปแบบการเช่ือมต่อเครือข่าย 1. ลกั ษณะการเชื่อมโยงเครือข่าย ลกั ษณะการเชื่อมโยงเครือขา่ ยในท่ีน้ีหมายถึง การสร้างเส้นทางหรือลิงค์ ( Link) เพ่อื เชื่อมโยงระหวา่ ง อปุ กรณ์ใหส้ ามารถสื่อสารกนั ได้ ซ่ึงมีอยู่ 2 ลกั ษณะดว้ ยกนั คือ 1.1 การเช่ือมโยงเครือข่ายแบบจดุ ต่อจุด (Point to Point) เป็นการเชื่อมตอ่ ระหวา่ งอุปกรณ์สองอุปกรณ์ที่ มีการเชื่อมโยงถึงกนั เท่าน้นั โดยช่องทางการส่ือสารจะถูกจบั จองสาหรับอุปกรณ์สองอปุ กรณ์เพ่ือใชส้ ื่อสารระหวา่ ง กนั อยา่ งไรกต็ ามหากโหมดคูใ่ ดที่ไมม่ ีสายส่งถึงกนั กส็ ามารถส่ือสารผา่ นโหมดที่อยตู่ ิดกนั เพือ่ ส่งทอดต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงโหมดปลายทางที่ตอ้ งการ เช่น จากรูป โหมด A ตอ้ งการสื่อสารกบั โหมดปลายทาง คือ โหมด D ซ่ึงมีลิงค์ ระหวา่ ง A กบั D ดงั น้นั โหมด A จึงตอ้ งพ่ึงพาลิงค์ C เพ่ือส่งทอดขอ้ มลู ไปยงั โหมด D เป็นตน้ รูปที่ 4.1 การเช่ือมโยงเครือขา่ ยแบบจุดต่อจุด ขอ้ ดี - สามารถใชค้ วามเร็วในการสื่อสารระหวา่ งกนั ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ ดงั น้นั จึงเหมาะสมกบั การส่งขอ้ มลู ได้ คราวละมาก ๆ แบบต่อเนื่องกนั ไป - เน่ืองจากมีการติดตอ่ สื่อสารกนั เพียงสองโหมดดงั น้นั จึงมีความปลอดภยั ในขอ้ มูล ขอ้ เสีย
- หากเครือขา่ ยมีจานวนโหมดมากข้ึน กจ็ ะตอ้ งใชส้ ายสื่อสารมากข้ึนตามลาดบั - ไม่เหมาะกบั เครือข่ายขนาดใหญ่ 1.2 การเชื่อมโยงเครือข่ายแบบหลายจุด (Multi Point) เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายท่ีใชเ้ สน้ ทางหรือลิงคเ์ พื่อการส่ือ สารร่วมกนั กล่าวคือ อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ สามารถส่ือสารระหวา่ งกนั ไดด้ ว้ ยการใชล้ ิงคห์ รือสายส่ือสารเพยี งเสน้ เดียว ดงั น้นั วิธีการเชื่อมโยงชนิดน้ีทาใหป้ ระหยดั สายส่งขอ้ มลู กวา่ แบบแรกมาก โดยระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ส่วนใหญ่ แลว้ จะใชว้ ธิ ีการเชื่อมโยงแบบหลายจุด รูปท่ี 4.2 การเชื่อมโยงเครือขา่ ยแบบหลายจุด ขอ้ ดี - ประหยดั สายส่งขอ้ มูล - การเพ่มิ เติมโหมดสามารถเพ่มิ ไดง้ ่ายดว้ ยการเช่ือมต่อเขา้ กบั สายส่งท่ีใชง้ านร่วมกนั ไดท้ นั ที ขอ้ เสีย - หากสายส่งขอ้ มลู ขาด จะส่งผลกระทบต่อระบบเครือข่าย - เนื่องจากใชส้ ายส่งขอ้ มูลร่วมกนั ดงั น้นั ตอ้ งมีกลไกเพือ่ ควบคุมการส่งขอ้ มูล - ไม่เหมาะกบั การส่งขอ้ มลู แบบต่อเนื่องที่มีขอ้ มลู คราวละมากๆ 2. รูปแบบการเช่ือมโยงเครือข่าย (Topologies) ลกั ษณะการเช่ือมต่อทางกายภาพระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ในระบบเครือขา่ ย ซ่ึงแบ่งออกตามหลกั วิชาการต้งั แตส่ มยั ก่อนน้นั แบง่ ไดเ้ ป็น 4 แบบ คือ
• โครงสร้างแบบบสั (Bus Topology) • โครงสร้างแบบสตาร์ (Star Topology) • โครงสร้างแบบวงแหวน (Ring Topology) • โครงสร้างแบบผสม (Hybrid Topology) 3. ลกั ษณะการให้บริการของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เราสามารถแบ่งลกั ษณะการใหบ้ ริการของเครือข่ายไดเ้ ป็น 2 แบบ คือ 1. แบบแมข่ า่ ย– ลูกขา่ ย (Client –Server) รูปที่ 4.8 แบบแม่ข่าย– ลูกขา่ ย (Client - Server) เครือข่ายประเภทน้ีจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์หลกั อยา่ งนอ้ ย 1 เครื่องทาหนา้ ท่ีเป็ นแมข่ ่าย(Server) ไวบ้ ริการ เครื่องคอมพวิ เตอร์อื่น ๆ ท่ีเป็นลูกขา่ ย (Client) ซ่ึงเขา้ มาขอใชบ้ ริการและทรัพยากรจากแมข่ า่ ย ขอ้ ดีของเครือข่ายประเภทน้ีคือ สามารถจดั เกบ็ ขอ้ มูลไวเ้ ป็นจุดเดียวและมีระบบความปลอดภยั สูง ท้งั ยงั สามารถขยายระบบไดใ้ นอนาคต แต่มีขอ้ จากดั คือ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีเป็นแม่ขา่ ยจะตอ้ งทางานหนกั จึงตอ้ งใช้ เครื่องที่มีสมรรถนะสูง และมีเสถียรภาพ เพ่อื รองรับการใชบ้ ริการจากลกู ขา่ ยไดอ้ ยา่ งเพียงพอ เพราะหากเครื่องแม่ ข่ายมีปัญหาระบบเครือขา่ ยท้งั ระบบจะใชง้ านไม่ได้ นอกจากน้ียงั ตอ้ งใชร้ ะบบปฏิบตั ิการซ่ึงเป็นระบบปฏิบตั ิการ บริหารเครือข่ายโดยเฉพาะ เช่น Windows NT Server, Windows 2000 Server หรือ Windows
2003 Sever มาติดต้งั ในเคร่ืองแมข่ า่ ยทาใหม้ ีคา่ ใชจ้ ่ายเพิม่ ข้ึน นอกจากน้ี ยงั ตอ้ งมีผทู้ ่ีมี ความสามารถในดา้ นการ ควบคุมเครือขา่ ย (Administrator) มาดูแลระบบเครือข่าย 2. แบบเท่าเทียม (Peer to Peer) รูปที่ 4.9 แบบเทา่ เทียม (Peer to Peer) เครือขา่ ยประเภทน้ีจะไม่มีเคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองใดเป็นเครื่องหลกั ในการใหบ้ ริการโดยเคร่ือง คอมพวิ เตอร์ทุกเครื่องในเครือขา่ ย จะเป็นท้งั ผใู้ หบ้ ริการและผใู้ ชบ้ ริการ ขอ้ ดีของเครือขา่ ยประเภทน้ีคือ ติดต้งั ง่ายไม่ตอ้ งมีผดู้ ูแลโดยเฉพาะ และไม่ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายในการจดั ซ้ือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง ๆ มาเป็นแมข่ ่าย นอกจากน้ียงั สามารถใชร้ ะบบปฏิบตั ิการแบบปกติที่ติดต้งั ภายในเครื่อง เช่น Windows 98, Windows ME หรือ Windows XP ซ่ึงรองรับการใชง้ านเครือขา่ ยในลกั ษณะน้ีได้ โดยไม่ตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่าย ในการจดั ซ้ือระบบปฏิบตั ิการเครือข่ายท่ีมีราคาแพง ทาใหล้ ดค่าใชจ้ ่ายของระบบไดม้ าก แต่มีขอ้ เสียคือ ขยายระบบไดจ้ ากดั โดยทวั่ ไปการเช่ือมเครือขา่ ยจะใชไ้ มเ่ กิน 10 เคร่ือง มิฉะน้นั จะมีปัญหาดา้ น ความเร็วในการทางาน นอกจากน้ียงั มีระบบความปลอดภยั ต่าํ กวา่ รวมท้งั ทรัพยากรของระบบจะอยกู่ ระจดั กระจาย ตามเครื่องตา่ งๆ ยากต่อการใชง้ านและควบคุมดูแล 4. ไอพแี อดเดรส (IP Address) และซับเน็ตมาสก์ (Subnet Mask) 4.1 หมายเลข IP Address
หมายเลขไอพี (IP Address) คือเลขที่ใชใ้ นการบอกที่อยเู่ ฉพาะของโหมดหรือโฮม รวมถึงคอมพวิ เตอร์และ อปุ กรณ์เครือขา่ ย เช่น เราเตอร์ (Router) ที่อยใู่ นระบบเครือขา่ ย หมายเลข IP Address จะเป็นท่ีอยู่ Network Layer หมายเลข IP Address ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องท่ีอยใู่ นเครือขา่ ยเดียวกนั จะตอ้ งไมช่ า้ กนั โปรโตคอล IP ท่ีใชง้ านอยใู่ นเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตจะเป็นเวอร์ชน่ั 4 หรือเรียกส้นั ๆ วา่ IP v4 ซ่ึงหมายเลข IP Address เวอร์ชนั่ 4 จะมีขนาด 32 บิต นิยมเขียนใหอ้ ยใู่ นรูปแบบ Dotted Decimal Notationโดยการจดั กลุ่ม เลขฐานสองเป็น 4 ชุด ๆ ละ 8 บิต แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่บอกหมายเลขเครือข่าย (Network ID) และส่วนท่ีจะเป็นเลขท่ีใช้ ในการบอกหมายเลขของเคร่ืองหรือหมายเลข ของโฮม (Host ID) ประเภทของหมายเลข IP Address • Class A: กาหนดใหบ้ ิตแรกเป็นเลข 0 ใช้ 8 บิตแรก บอกหมายเลขเครือข่าย (Network ID) และ 24 บิตที่เหลือใชบ้ อกหมายเลขโฮม (Host ID) • Class B: กาหนดใหส้ องบิตแรกเป็น 1 กบั 0 ใช้ 16 บิตแรก บอกหมายเลขเครือขา่ ย (Network ID) และอีก 16 บิตบอกหมายเลขโฮม (Host ID) • Class C: กาหนดใหบ้ ิตเร่ิมตน้ เป็น 110 ใช้ 24 บิตแรก บอกหมายเลขเครือข่าย (Network ID) และ 8 บิตที่เหลือใชบ้ อกหมายเลขโฮม (Host ID) • Class D: เป็นหมายเลข IP Address ที่ใชส้ าหรับมลั ติคาสต์ (Multicasting) • Class E: เป็นหมายเลขท่ีสงวนไวร้ องรับการใชง้ านในอนาคต 4.2 หมายเลข Subnet Mask หมายเลข Subnet Mask รูปแบบจะประกอบดว้ ยตวั เลข 4 ชุด เหมือนกบั หมายเลข IP Address ในการ กาหนดหมายเลข IP Address ใหก้ บั เครื่องคอมพวิ เตอร์หรือ อปุ กรณ์ระบบเครือข่าย เราจาเป็นตอ้ งกาหนด หมายเลข Subnet Mask ใหก้ บั อุปกรณ์ดว้ ยในการกาหนดหมายเลข Subnet Mask ควบคู่กบั หมายเลข IP Address จะตอ้ งใชห้ มายเลข Subnet Mask ท่ีเป็นค่ามาตรฐานของหมายเลข IP Address แต่ละคลาส
นอกจากน้นั เรายงั มีวิธีการแบ่ง Subnet ซ่ึงเป็นวิธีที่ช่วยใหก้ ารใชห้ มายเลข IP Address ไดอ้ ยา่ งคุม้ คา่ เช่นหมายเลข IP Address คลาส B จะมีโฮมไดห้ ลายหมื่นเครื่อง ซ่ึงเป็นเครือขา่ ยที่ใหญเ่ กินไปสาหรับองคก์ รทว่ั ไป การทา Subnet เป็นการแบ่งเครือข่ายขนาดใหญ่ออกเป็นเครือข่ายยอ่ ยโดยการแบ่งเลขไอพีส่วนท่ีเป็นหมายเลขของโฮม (Host ID) มาเป็นหมายเลขของเครือข่าย (Network ID) หมายเลข Subnet Mask นอกจากจะเป็นการแบ่งเครือข่าย ขนาดใหญอ่ อกเป็นเครือข่ายยอ่ ยแลว้ ยงั เป็นส่วนท่ีใชบ้ อกให้ Router หรือ Gateway รู้วา่ มีการแบ่ง Subnet และรู้ถึง จาํ นวน หน่วยท่ี 5 อุปกรณ์ในระบบเครือข่าย 1. อปุ กรณ์ในระบบเครือข่าย 1.1 โมเด็ม (Modem) โมเด็มเป็นฮาร์ดแวร์ท่ีทาหนา้ ที่แปลงสัญญาณอนาลอ็ กใหเ้ ป็นสญั ญาณดิจิตอลเม่ือขอ้ มูลถูก ส่งมายงั ผรู้ ับและแปลงสัญญาณดิจิตอลใหเ้ ป็นอนาลอ็ ก เม่ือตอ้ งการส่งขอ้ มูลไปบนช่องส่ือสารกระบวนการที่ โมเด็มแปลงสัญญาณดิจิตอลใหเ้ ป็นสัญญาณอนาลอ็ ก เรียกวา่ มอดูเลชนั ( Modulation) โมเด็มทาํ หนา้ ท่ีมอดิจิตอล (Modulator) กระบวนการท่ีโมเดม็ แปลงสญั ญาณอนาลอ็ ก ใหเ้ ป็นสัญญาณอนาลอ็ ก ใหเ้ ป็นสญั ญาณดิจิตอล เรียกวา่ ดีมอดูเลชน่ั (Demodulation) โมเดม็ หนา้ ท่ี ดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator) โมเด็มท่ีใชก้ นั อยา่ งแพร่หลาย ใน ปัจจุบนั มี 2 ประเภท โมเดม็ ในปัจจุบนั ทางานเป็นท้งั โมเดม็ และเคร่ืองโทรสาร เราเรียกวา่ Faxmodem 1.2 การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN เป็นอุปกรณ์ทาหนา้ ที่ส่ือสารระหวา่ งเครื่อง ตา่ งกนั ไดไ้ ม่จาเป็นตอ้ งเป็ นรุ่น หรือ ยหี่ อ้ เดียวกนั แตห่ ากซ้ือพร้อม ๆ กนั กแ็ นะน าใหซ้ ้ือรุ่นและยหี่ อ้ เดียวกนั จะ ดีกวา่ และควรเป็น การ์ดแบบ PCI เพราะสามารถส่งขอ้ มลู ไดเ้ ร็วกวา่ แบบ ISA และเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ มกั จะ ไมม่ ี Slot ISA ควรเป็นการ์ดที่มีความเร็วเป็น 100 Mbps ซ่ึงจะมีราคามากกวา่ การ์ดแบบ 10 Mbps ไมม่ ากนกั แต่ ส่งขอ้ มลู ไดเ้ ร็วกวา่ นอกจากน้ีคุณควรคานึงถึงข้วั ต่อ หรือ คอนเนก็ เตอร์ของการ์ดดว้ ยโดยทวั่ ไปคอนเน็กเตอร์ของ การ์ด LAN จะมีหลายแบบ เช่น BNC, RJ-45 เป็นตน้ ซ่ึงคอนเน็กเตอร์แตล่ ะแบบก็จะใชส้ ายท่ีแตกต่างกนั 1.3 เกตเวย์ (Gateway) เกตเวย์ เป็นอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์อีกอยา่ งหน่ึงที่ช่วยในการสื่อสารขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์หนา้ ที่หลกั คือช่วยใหเ้ ครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกวา่ ซ่ึงมีลกั ษณะไมเ่ หมือนกนั สามารถติดตอ่ สื่อสารกนั ไดเ้ หมือนเป็นเครือขา่ ยเดียวกนั
1.4 เราเตอร์ (Router) เราเตอร์เป็นอปุ กรณ์ในระบบเครือขา่ ยท่ีทาหนา้ ที่เป็นตวั เชื่อมโยงใหเ้ ครือข่าย ที่มีขนาดหรือมาตรฐานในการส่งขอ้ มูลต่างกนั สามารถติดตอ่ แลกเปล่ียนขอ้ มลู ระหวา่ งกนั ไดเ้ ร้าเตอร์จะทางานอยู่ ช้นั Network หนา้ ที่ของเร้าเตอร์ก็คือ ปรับโปรโตคอล (Protocol) (โปรโตคอลเป็นมาตรฐานในการส่ือสารขอ้ มูล บนเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์) ที่ตา่ งกนั ใหส้ ามารถ ส่ือสารกนั ได้ 1.5 บริดจ์ (Bridge) บริดจม์ ีลกั ษณะคลา้ ยเครื่องขยายสัญญาณ บริดจจ์ ะทางานอยใู่ นช้นั Data Link บริดจ์ ทางานคลา้ ยเคร่ืองตรวจตาํ แหน่งของขอ้ มลู โดยบริดจจ์ ะรับขอ้ มูลจากตน้ ทางและส่งใหก้ บั ปลายทาง โดยท่ีบริดจ์ จะไมม่ ีการแกไ้ ขหรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ แก่ขอ้ มลู บริดจท์ าใหก้ ารเชื่อมต่อระหวา่ งเครือขา่ ยมีประสิทธิภาพลดการ ชน กนั ของขอ้ มูลลง บริดจจ์ ึงเป็นสะพานสาหรับขอ้ มูลสองเครือข่าย 1.6 รีพตี เตอร์ (Repeater) รีพีตเตอร์ เป็นเครื่องทบทวนสัญญาณขอ้ มูลในการส่งสัญญาณขอ้ มูลในระยะ ทางไกล ๆ สาหรับสญั ญาณอนาลอ็ กจะตอ้ งมีการขยายสัญญาณขอ้ มลู ท่ีเริ่มเบาบางลงเนื่องจากระยะทาง และ สาหรับสัญญาณดิจิตอลก็จะตอ้ งมีการทบทวนสัญญาณเพือ่ ป้องกนั การขาดหายของสัญญาณเน่ืองจากการส่งระยะ ทางไกล ๆ เช่นกนั รีพีตเตอร์จะทางานอยใู่ นช้นั Physical 1.7 สายสัญญาณ เป็นสายสาหรับเช่ือมต่อเครื่องคอมพวิ เตอร์ต่าง ๆ ในระบบเขา้ ดว้ ยกนั หากเป็นระบบที่ มีจานวนเครื่องมากกวา่ 2 เครื่อง ก็จะตอ้ งต่อผา่ นฮบั อีกทีหน่ึง โดยสายสญั ญาณสาหรับเช่ือมต่อเคร่ืองในระบบ เครือขา่ ยจะมีอยู่ 2 ประเภท • สาย Coax มีลกั ษณะเป็นสายกลม คลา้ ยสายโทรทศั น์ ส่วนมากจะเป็นสีดาสายชนิดน้ีจะใชก้ บั การ์ด LAN ท่ีใชค้ อนเนก็ เตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณไดไ้ กลประมาณ 200 เมตร สายประเภทน้ีจะตอ้ งใชต้ วั T Connector สาหรับเช่ือมตอ่ สายสญั ญาณ กบั การ์ด LAN ตา่ ง ๆ ในระบบ และตอ้ งใชต้ วั Terminator ขนาด 50 โอห์ม สาหรับปิ ดหวั และทา้ ยของสาย • สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เป็นสายสาหรับการ์ด LAN ทใชค้ อนเน็กเตอร์แบบ RJ-45 สามารถ
ส่งสญั ญาณไดไ้ กลประมาณ 100 เมตร หากคุณใชส้ ายแบบน้ีจะตอ้ งเลือกประเภทของสายอีก โดยทว่ั ไปนิยมใชก้ นั 2 รุ่น คือ CAT 3 กบั CAT5 ซ่ึงแบบ CAT3 จะมีความเร็วในการส่งสญั ญาณ 10 Mbps และแบบ CAT 5 จะมี ความเร็วในการส่งขอ้ มูลที่ 100Mbps แนะนาวา่ ควรเลือกแบบ CAT 5 เพอ่ื การอพั เกรดในภายหลงั จะไดไ้ ม่ตอ้ ง เดินสายใหมใ่ นการใชง้ านสายน้ี สาย 1 เสน้ จะตอ้ งใชต้ วั RJ - 45 Connector จานวน 2 ตวั เพ่ือเป็นตวั เช่ือมตอ่ ระหวา่ งสายสญั ญาณจากการ์ด LAN ไปยงั ฮบั หรือเครื่องอื่น เช่นเดียวกบั สายโทรศพั ทใ์ นกรณีเป็นการเช่ือมตอ่ เครื่อง 2 เครื่อง สามารถใชต้ อ่ ผา่ นสายเพียงเส้นเดียวไดแ้ ต่ถา้ มากกวา่ 2 เครื่อง ก็จาเป็นตอ้ งต่อผา่ นฮบั 1.8 ฮับ (HUB) เป็นอปุ กรณ์ช่วยกระจายสัญญาณไปยงั เคร่ืองต่าง ๆ ที่อยใู่ นระบบ หากเป็น ระบบ เครือขา่ ยที่มี 2 เครื่องกไ็ ม่จาเป็นตอ้ งใชฮ้ บั สามารถใชส้ ายสัญญาณเชื่อมตอ่ ถึงกนั ไดโ้ ดยตรงแตห่ ากเป็ นระบบท่ีมี มากกวา่ 2 เคร่ืองจาเป็นตอ้ งมีฮบั เพือ่ ทาหนา้ ที่เป็นตวั กลาง ในการเลือกซ้ือฮบั ควรเลือกฮบั ท่ีมีความเร็วเท่ากบั ความเร็วของการ์ด เช่น การ์ดมีความเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลือกใชฮ้ บั ท่ีมีความเร็วเป็น 100 Mbps ดว้ ย ควรเป็น ฮบั ท่ีมีจานวนพอร์ตสาํ หรับต่อสาย ที่เพียงพอกบั เครื่องใชใ้ นระบบ หากจานวนพอร์ตตอ่ สายไม่เพยี งพอกส็ ามารถ ตอ่ พ่วงได้ แนะนาวา่ ควรเลือกซ้ือฮบั ท่ีสามารถตอ่ พ่วงได้ เพอ่ื รองรับการขยายตวั ในอนาคต 1.9 โมเด็ม (Modem: Modulator Demodulator) เป็นอปุ กรณ์สาหรับการแปลงสัญญาณดิจิตอล (Digital) จาก คอมพวิ เตอร์ดา้ นผสู้ ่งเพอ่ื ส่งไปตามสายสญั ญาณขอ้ มลู แบบอนาลอ็ ก (Analog) เม่ือถึงคอมพิวเตอร์ ดา้ นผรู้ ับโมเดม็ ก็จะทาหนา้ ท่ีแปลงสัญญาณอนาล็อกใหเ้ ป็นดิจิตอลนาเขา้ สู่เคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพ่อื ทาการ ประมวลผล โดยปกติจะใชโ้ มเด็มกบั ระบบเครือข่ายระยะไกล โดยการใชส้ ายโทรศพั ทเ์ ป็นส่ือกลาง เช่น เครือข่าย อินเทอร์เน็ต เป็นตน้ 2. ความปลอดภัยในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จะประกอบไปดว้ ยคอมพวิ เตอร์จานวนมากท่ีเขา้ มาร่วมแลกเปล่ียนขอ้ มูล กนั ซ่ึงในการแลกเปล่ียนขอ้ มลู ดงั กลา่ วจะมีท้งั ขอ้ มลู ท่ีดีและไมด่ ีดงั น้นั เราจึงจาเป็นอยา่ งยง่ิ ที่จะป้องกนั ขอ้ มลู และ บุคคลที่ไม่พึงประสงคล์ กุ ลา้ เขา้ มาทาลายขอ้ มลู ของเรา ขอ้ ควรระวงั ในระบบการรักษาความปลอดภยั ในระบบ
เครือขา่ ย มีอยดู่ ว้ ยท้งั สิ้น 4 ขอ้ คือ 1. บญั ชีสมาชิกและรหสั ผ่าน (Account & Password) บญั ชีสมาชิกและรหสั ผา่ นเป็นระบบการรักษาความปลอดภยั ข้นั พ้นื ฐานที่ควรจะมี ซ่ึงโดยปกติบญั ชีสมาชิกและ รหสั ผา่ นจะออกใหโ้ ดยผใู้ หบ้ ริการหรือผดู้ ูแลระบบคอมพิวเตอร์ และผใู้ ชจ้ ะเป็นผเู้ กบ็ รหสั น้ีไวใ้ ชง้ านขอ้ มูลน้นั ๆ 2. นักล้วงข้อมูลทางคอมพวิ เตอร์ (Hacker, Cracker) นกั ลว้ งขอ้ มลู ทางคอมพวิ เตอร์ คือ ผทู้ ี่มีความรู้ความชานาญในดา้ นคอมพวิ เตอร์เป็นอยา่ งดี จึงทาํ ใหส้ ามารถเขา้ ถึง ขอ้ มูลของผอู้ ่ืนไดโ้ ดยงา่ ย และอาจจะไมถ่ ูกจบั ไดเ้ ลย ซ่ึงเรียกนกั ลว้ งขอ้ มลู เหลา่ น้ีวา่ แฮก็ เกอร์ (Hacker) 3. ไวรัส (Virus) ไวรัสคอมพิวเตอร์คือสิ่งที่ไม่พงึ ประสงคแ์ ละเป็นอนั ตรายอยา่ งยง่ิ สาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุก เคร่ือง ไวรัสคอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนเช้ือโรคท่ีเขา้ มาทาร้ายและทาลายขอ้ มูลของเรา ไวรัสแตล่ ะชนิดมี ความสามารถในการทาลายขอ้ มลู ไมเ่ ทา่ กนั บางตวั สามารถตรวจจบั และแกไ้ ขได้ แตบ่ างตวั สามารถทาลายขอ้ มลู เครื่อง และยงั แพร่กระจายไปสู่เคร่ืองอื่น ๆไดอ้ ีกดว้ ย 4. กาํ แพงไฟ (Firewall) Firewall คือเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการตรวจสอบหรือปิ ดก้นั (Filter) การเชื่อมต่อของขอ้ มูลจากระหวา่ งภายนอกระบบ เครือข่ายกบั ภายในระบบเครือขา่ ย หลกั ท่ีสาํ คญั ที่มีการใชF้ irewall คือป้องกนั สิ่งที่อาจเป็นอนั ตรายจากภายนอก ระบบไมใ่ หส้ ามารถเขา้ มาในระบบไดห้ ลกั ปรัชญาในการออกแบบ Firewall มีอยู่ 2 วิธีคือ 1. ขอ้ มลู โปรแกรม หรือ ผใู้ ชท้ ี่ไมไ่ ดร้ ับการหา้ มไว้ (Forbidden) จะสามารถเขา้ มาในระบบผา่ น Firewall ได้ 2. ขอ้ มูลโปรแกรมหรือผใู้ ชท้ ี่ ไม่ไดร้ ับการอนุญาตไวก้ ่อนลว่ งหนา้ (Permitted) จะไม่สามารถเขา้ มาในระบบโดยผา่ น Firewall ได้ การใช้ Firewall ในการรักษาความปลอดภยั ของระบบน้นั ยงั เป็นการนาหลกั ทฤษฎีที่ใชใ้ นการรักษาความปลอดภยั ที่ เรียกวา่ Reference Monitor Concept มาใชร้ ่วมดว้ ยเพราะ Firewall มีคุณสมบตั ิดงั น้ี คือ เป็นระบบการรักษาความ ปลอดภยั ท่ีทางานอยตู่ ลอดเวลา (Always Invoked) เป็นระบบที่ไม่สามารถจะทาํ การดดั แปลงแกไ้ ขไดโ้ ดยง่ายจากผู้ ท่ีไมป่ ระสงคด์ ี (Tamper Proof) เป็น ระบบท่ีมีขนาดเลก็ และมีการทาํ งานท่ีไม่สลบั ซบั ซอ้ นมากซ่ึงทาใหง้ า่ ยต่อการ วิเคราะหแ์ ละตรวจสอบขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภยั ของระบบFirewall 3. แนวทางการออกแบบและตดิ ต้ังระบบเครือข่าย (Network Design)
3.1 การออกแบบระบบแลน (LAN) การท่ีจะนาํ ระบบเครือขา่ ยเขา้ มาใชใ้ นองคก์ ร ส่ิงที่ตอ้ งคาํ นึงถึงกค็ ือ Application และจาํ นวน Terminal ที่จะนาเขา้ มาตอ่ เช่ือม และขนาดของเครือข่ายกม็ ีต้งั แตข่ นาดเลก็ ท่ีอาจจะมี เครื่อง Terminal เพยี ง 4 - 5 เคร่ือง หรือขนาดใหญท่ ี่มีจานวน Terminal เป็นพนั ๆ เคร่ืองในหวั ขอ้ น้ีจะ ยกตวั อยา่ งการออกแบบและติดต้งั ระบบ LAN เพ่อื เป็นแนวทางในการนาํ ไปใชง้ าน รูปที่ 5.14 แสดงการเชื่อมต่อเครือขา่ ย ภายใน (LAN) ขนาดเลก็ รูปท่ี 5.15 แสดงการเช่ือมตอ่ สาย UTP เขา้ กบั HUB 3.2 รูปแบบการเช่ือมต่อ ในกรณีท่ีมี Office มีบริเวณท่ีต้งั ห่างกนั มาก มากกวา่ 100 เมตร การใชส้ าย UTPสาํ หรับเป็น Backbone น้นั จะไมส่ ามารถทาํ ไดเ้ นื่องจากสัญญาณจะถูกลงทอนลงไปมากการแกไ้ ขขอ้ จากดั น้ีเราจะเลือกใชส้ าย Fiber
Optics ทาํ เป็น Backbone แทน ซ่ึงมีต้งั แต่ ความเร็ว 10 Mbps, 100 Mbps และ 1000 Mbps หรือ 1 Gb นน่ั เอง Connector มีท้งั แบบ SC, ST และ MT-RJ หน่วยที่ 6 การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบเวริ ์กกรุ๊ปด้วย Windows XP 1. ข้นั ตอนการต่อสายแลนชนดิ RJ45 ในเบ้ืองตน้ ของการเช่ือมโยงเครือข่ายแบบเวิร์กกรุ๊ปจาเป็นตอ้ งมีสายแลนซ่ึงสามารถหาซ้ือสาํ เร็จรูปไดต้ าม หา้ งร้านไอทีทว่ั ไป โดยจะตอ้ งคดั เลือกสายใหถ้ ูกตอ้ งวา่ จะใชส้ ายแบบตอ่ ตรง (Straight Through) หรือใช้ สายแบบไขว้ (Crossover) ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ความตอ้ งการ แต่กรณีตอ้ งการเชื่อมโยงคอมพวิ เตอร์เพยี ง 2 เครื่อง หาก ใชส้ ายแบบไขว้ ก็ไม่จาเป็นตอ้ งใชอ้ ปุ กรณ์ฮบั หรือสวิตช์ วธิ ีการเขา้ หวั ท้งั 2 แบบ • การเขา้ แบบธรรมดา เป็ นการเช่ือมตอ่ แบบต่าง ๆ ของอุปกรณ์ เช่น การใชส้ ายตอ่ กนั ระหวา่ ง คอมพวิ เตอร์กบั Switch หรือ HUB • การเขา้ แบบไขว้ หรือ Cross เป็นการเขา้ สายแบบ เชื่อมตอ่ ระหวา่ งอุปกรณ์ชนิดเดียวกนั เช่น HUB to HUB, Switch To Switch หรือ คอมพวิ เตอร์กบั คอมพิวเตอร์เราสามารถท่ีจะใชร้ ะหวา่ งคอมพวิ เตอร์กบั Notebook 2. ข้นั ตอนการติดต้งั เครือข่ายแบบเวริ ์กกรุ๊ปด้วย Windows XP เพอ่ื ใหก้ ารติดต้งั เครือข่ายเวิร์กกรุ๊ปตามตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ีเกิดผลสัมฤทธ์ิตามตอ้ งการดงั น้นั จึงขอให้ ดาํ เนินการตามขอ้ กาํ หนดเบ้ืองตน้ ท่ีกาํ หนดข้ึนดงั รายละเอียดต่อไปน้ี 1. เตรียมเคร่ืองคอมพวิ เตอร์เครื่องท่ี 1 (Computer# 1) 2. เตรียมเคร่ืองคอมพวิ เตอร์เคร่ืองท่ี 2 (Computer# 2) 3. เปลี่ยนมุมมองของเมนูเป็นชนิด Classic Start Menu 4. เปล่ียนมุมมองของ Control Panel เป็น Classic View
3. การกาํ หนดไอพแี อดเดรส (IP Address) การกาํ หนดไอพแี อดเดรสใหก้ บั คอมพิวเตอร์มี 2 วิธี ไดแ้ ก่ (1) การกาหนดแบบ Dynamic เป็นวธิ ีการขอรับไอพีแอดเดรสจากคอมพิวเตอร์ที่ทาหนา้ ที่ แจกจ่ายไอพแี อดเดรสหรือ DHCH Server ซ่ึงหลงั จากเปิ ดคอมพิวเตอร์แลว้ Windows XP จะตรวจสอบวา่ ถูก กาํ หนดไอพีแอดเดรสหรือยงั ถา้ มีแลว้ จะใชไ้ อพแี อดเดรสท่ีถูกกาหนดน้นั แต่ถา้ ไมม่ ีกจ็ ะติดตอ่ ไปยงั DHCP Server เพื่อขอรับไอพแี อดเดรสและคา่ อ่ืนๆ แตถ่ า้ ติดตอ่ ไปยงั DHCP Server ไม่ได Windows XP กจ็ ะสุ่มไอพี แอดเดรสข้ึนมาเอง วิธีน้ีเรียกวา่ Automatic Private IP Addressing ซ่ึงใชไ้ อพแี อดเดรสระหวา่ งหมายเลข 169.254.0.1 ถึง169.254.255.254 ส่วนซบั เน็ตมาสก์ คือ 255.255.255.0.0 (2) การกาํ หนดแบบ Static เป็นวธิ ีการกาํ หนดไอพีแอดเดรสแบบคงท่ีตามความตอ้ งการของผใู้ ชซ้ ่ึงจะตอ้ ง กาํ หนดใหถ้ ูกตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ระบบเครือขา่ ย ถา้ กาหนดผิดกจ็ ะเขา้ สู่ระบบเครือขา่ ยหรือผใู้ ชข้ อ้ มลู ในเครือขา่ ย ไม่ได้ การกาํ หนดไอพแี อดเดรสดว้ ยตนเองหรือแบบคงท่ีจะเหมาะกบั เครือข่ายขนาดกลางและขนาดเลก็ 1. การกาํ หนดหมายเลขไอพีแอดเดรสใหก้ บั คอมพวิ เตอร์เครื่องแรกใหน้ าสายแลนแบบไขวท้ ่ีสร้างข้ึนมา เสียบเขา้ กบั ซ็อกเกต็ แลนท้งั สองเคร่ือง หรือ กรณีมีอุปกรณ์ฮบั ก็ใหด้ าเนินการเสียบเขา้ กบั ฮบั ไดเ้ ลย แตก่ รณี จะตอ้ งเป็นสายแลนแบบต่อตรงที่ไมใ่ ช่แบบไขวใ้ หส้ งั เกตท่ีทาสกบ์ าร์ท่ีแสดงถึงคอมพวิ เตอร์ที่ยงั ไม่ไดเ้ ช่ือมตอ่ สาย โดยหลงั จากท่ีต่อสายแลนเขา้ กบั คอมพวิ เตอร์แลว้ ไอคอนน้ีก็จะเป็น ซ่ึงหมายความวา่ ยงั ไมส่ ามารถ เชื่อมต่อได้ ท้งั น้ีเนื่องจากยงั ไมไ่ ดม้ ีการกาํ หนดคา่ นนั่ เอง 4. การทดสอบการเช่ือมต่อ การทดสอบการติดตอ่ เครื่องปลายทางดว้ ยคาํ ส่งั Ping
หลงั จากที่ไดต้ ิดต้งั ชุดหมายเลขไอพแี อดเดรสใหก้ บั เครื่องคอมพิวเตอร์ท้งั สองเป็นท่ีเรียบร้อยแลว้ ข้นั ตอนต่อไปใหท้ ดสอบการติดต่อเคร่ืองปลายทางโดยทดสอบดว้ ยการใหเ้ ครื่องแรกติดตอ่ กบั เครื่องที่ 2 และ เครื่องท่ี 2 ติดต่อกบั เคร่ืองแรกดว้ ยคาํ สง่ั Ping 5. การกาํ หนดเวิร์กกรุ๊ป เม่ือการติดต้งั โปรโตคอล TCP/IP เป็นท่ีเรียบร้อยแลว้ โดยผา่ นการทดสอบดว้ ยคาสง่ั ping เพ่อื ทดสอบ การติดตอ่ กบั เครื่องปลายทางแลว้ มีการตอบรับกลบั มา ต่อไปน้ีกจ็ ะเป็นข้นั ตอนการกาหนดเวิร์กกรุ๊ปใหก้ บั เครือขา่ ย โดยมีข้นั ตอนดงั น้ี 1. ไปที่คอมพิวเตอร์เคร่ืองแรกตรงเดสกท์ อ็ ป ใหค้ ลิกขวาท่ีไอคอน My Computer แลว้ เลือกรายการ Properties จะเกิด ไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ System Properties ข้ึนมา 2. ที่ Computer description: ใหก้ รอกรายละเอียดของคอมพวิ เตอร์เคร่ืองแรกวา่ Host Computer ลงไป 3. จากน้นั คลิกป่ มุ Change… 4. ตรง Computer name: ใหก้ รอกคาวา่ Computer1 ลงไป 5. ที่ Workgroup: ใหก้ าหนดชื่อวา่ STAFF จากน้นั คลิกป่ ุม OK 6. จะเกิด ไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ ช่ือ Computer Name Change โดยมีขอ้ ความระบไุ วว้ า่ ยนิ ดีตอ้ นรับสู่เวิร์ก กรุ๊ป STAFF แลว้ ใหค้ ลิกที่ป่ ุม OK 7. จะมีขอ้ ความแสดงวา่ ตอ้ งบูต๊ เคร่ืองใหมจ่ ึงส่งผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงในคร้ังน้ีใหค้ ลิกป่ ุม OK 8. จากน้นั จะกลบั มายงั ไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ System Properties อีกคร้ัง ใหค้ ลิกท่ีป่ ุม OK 9. คลิกป่ ุม Yes เพ่ือทาการบูต๊ เคร่ืองใหม่ หน่วยท่ี 7 การแชร์ไฟล์และเคร่ืองพมิ พ์บนเครือข่าย 1. การแชร์ไฟล์ การแชร์ทรัพยากรในเครือข่ายคอมพิวเตอร์หมายถึงการใชท้ รัพยากรร่วมกนั ไมว่ า่ จะเป็นดา้ น Hardware
ซ่ึงกค็ ือ เคร่ืองพิมพ์ ดา้ น Software ก็คือ โปรแกรมต่าง ๆท่ีอยใู่ นระบบเครือข่ายและขอ้ มูลขา่ วสารจาเป็นตอ้ งใช้ ปกติแลว้ การแชร์ไฟลบ์ นเวริ ์กกรุ๊ปใน Windows XP จะมีอยู่ 2 ประเภทดว้ ยกนั คือ • แชร์ไฟลแ์ บบ Simple File Sharing หรือการแชร์ไฟลอ์ ยา่ งงา่ ยแบบ Simple File Sharing เป็นวธิ ีการเปิ ดแชร์ไฟลห์ รือโฟลเดอร์แบบงา่ ย เปิ ดแชร์ใหก้ บั ผใู้ ชท้ ุก ๆ คนในระบบแลน ไมร่ ะบเุ จาะจงวา่ ตอ้ ง เป็นใคร ท่ีสาํ คญั ไมต่ อ้ งมีรหสั ผา่ นในการเขา้ มาใชง้ าน คลา้ ย ๆ กบั การเปิ ดแชร์ในวนิ โดวส์ 95/98/Me ซ่ึงการเปิ ด แชร์ไฟลแ์ บบ Simple น้ี มีเฉพาะใน Windows XP Home Edition เท่าน้นั • แชร์ไฟลแ์ บบ Classic File Sharing หรือการแชร์ไฟลเ์ ฉพาะผทู้ ่ีไดร้ ับอนุญาตแบบ Classic File Sharing เป็นการเปิ ดแชร์ไฟลท์ ่ีตอ้ งมีชื่อผใู้ ชก้ บั รหัสผา่ น คือ จะตอ้ งกาหนดไปเลยวา่ จะใหใ้ ครเขา้ มาใชไ้ ฟลห์ รือ โฟลเดอร์ไดบ้ า้ ง และผนู้ ้นั จะตอ้ งมีชื่อผใู้ ช้ (User Name) และรหสั ผา่ น (Password) หากไมม่ ชี ่ือผใู้ ชก้ บั รหสั ผา่ น หรือระบรุ หสั ผา่ นผิดแลว้ กจ็ ะเขา้ มาใชไ้ ฟลท์ ่ีไดเ้ ปิ ดแชร์ไวไ้ มไ่ ด้ 1. ข้นั ตอนและวิธีการแชร์ขอ้ มลู การแชร์ขอ้ มลู ไปใหผ้ ใู้ ชค้ นอื่นในระบบใชง้ าน สามารถทาํ ไดด้ งั น้ี 1. คลิกเมาส์ขวาที่ไอคอน My Computer แลว้ คลิกคาสง่ั Explorer เพือ่ เรียกโปรแกรม Explorer ข้ึนมา 2. จากน้นั ใหเ้ ปิ ดไปยงั ไดร์ฟหรือโฟลเดอร์ท่ีตอ้ งการแชร์ 3. คลิกเมาส์ขวาที่ไดร์ฟหรือโฟลเดอร์ที่ตอ้ งการแชร์ แลว้ คลิกคาํ สงั่ Sharing.... 4. จะมีหนา้ ต่าง Properties ของโฟลเดอร์ท่ีกาหนดปรากฏข้ึนมาใหค้ ลิกท่ีออปชน่ั Shared As
5. กาํ หนดชื่อของขอ้ มูลท่ีตอ้ งการแชร์ในช่อง Share Name 6. ท่ีช่อง Comment เป็นช่องสาหรับกรอกคาอธิบายเกี่ยวกบั ขอ้ มูลที่แชร์ จะใส่ หรือ ไมใ่ ส่กไ็ ด้ 7. ในส่วนของ Access Type ใหเ้ ลือกรูปแบบการเขา้ ถึงขอ้ มูลที่แชร์โดยจะมีใหเ้ ลือก 3 รูปแบบ 8. เมื่อกาํ หนดเสร็จแลว้ ใหค้ ลิกป่ ุม OK 9. หากมีการกาํ หนดรหสั ผา่ นเอาไวใ้ นส่วนของ Password จะมีหนา้ ตา่ ง Password Confirmation ปรากฏข้ึนมา เพ่อื ใหใ้ ส่รหสั ผา่ นท่ีกาหนดอีกคร้ัง เม่ือใส่รหสั ผา่ นเสร็จแลว้ ใหค้ ลิกป่ ุม OK ขอ้ มูลท่ี เลือกก็จะถกู แชร์ใหผ้ ใู้ ชค้ นอื่นสามารถเขา้ มาใชง้ านได้ 2. การแชร์ Printer ในระบบเครือข่าย LAN การแชร์ Printer ในระบบเครือขา่ ย LAN ช่วยใหท้ า่ นสามารถใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ไดท้ ุกเคร่ืองที่ ติดต้งั อยใู่ นระบบเครือขา่ ย LAN เดียวกนั แตอ่ าจมีปัญหาในการแชร์ Printerกนั ระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ ระบบปฏิบตั ิการ Windows XP กบั Windows 98 หรือ ME เพราะท้งั 2 ระบบใช้ Driver Printer กนั คนละตวั 3. กาํ หนดใหเ้ คร่ืองของเราแชร์ขอ้ มลู และเครื่อง Printer ใหผ้ อู้ ื่นใช้ 1. Double Click เลือก Network ใน Control Panel 2. Double Click เลือก Network ใน Control Panel 3. Double Click เลือก Network ใน Control Panel 4. Click Mouse ป่ ุม OK 5. ที่หนา้ ตา่ ง Network ให้ Click Mouse ที่ป่ ุม OK และ Click Mouse ป่ ุม Yes เพ่ือ Restart 4. การแชร์ขอ้ มูลผา่ น Drive หรือ Hard disk 1. คลิกขวาท่ี My Computer เลือก Explore 2. เลือก Drive C: โดยคลิกขวา 3. เม่ือคลิกขวาจะไดด้ งั รูป หลงั จากน้นั เลือก Sharing
4. เมื่อเลือก Sharing จะไดด้ งั รูป หลงั จากน้นั เลือก สถานะ Not Shared หรือ Shared As ซ่ึงถา้ เลือก Shared As จะมี Option ให้ 3 แบบ 4.1 Read Only คือ อา่ นไดอ้ ยา่ งเดียว 4.2 Full คือ ท้งั อา่ นท้งั เขียนได้ 4.3 Depends on Password คือการกาหนดสิทธ์ิเขา้ ไปใชง้ านโดยผา่ นรหสั 5. เมื่อแชร์เสร็จ Drive C: จะมีรูปมือข้ึน 2. การสร้างชื่อผ้ใู ช้งานและรหัสผ่าน 1. การสร้างรายช่ือกลุ่มผใู้ ช้ การกาํ หนดรายช่ือกล่มุ ผใู้ ชจ้ ะช่วยใหก้ ารกาหนดสิทธ์ิตา่ ง ๆ ใหก้ บั ผใู้ ชส้ ามารถ ทาํ ไดส้ ะดวกข้ึนโดย สามารถกาํ หนดสิทธ์ิผา่ นทางกลุม่ โดยไม่ตอ้ งไปกาหนดใหก้ บั ผใู้ ช้ ทีละคน วธิ ีการสร้างรายชื่อกลมุ่ จะมีข้นั ตอน ดงั น้ี 1. คลิกป่ มุ Start > Programs > Administrative Tools > Active Directory Users and Computers 2. คลิกเมาส์ขวาท่ีออปเจ็กต์ OU ท่ีตอ้ งการสร้างรายช่ือกลุม่ ไวแ้ ลว้ คลิกคาสั่ง New > Group 3. จะมีหนา้ ตา่ ง New Object - Group ปรากฏข้ึนมา ใหก้ รอกชื่อกลมุ่ ในช่อง Group name: และ Group name (pre- Windows 2000) 4. เลือกขอบเขตของกลุม่ ในส่วนของ Group scope โดยะจะมีตวั เลือกใหเ้ ลือก 3 ตวั เลือก คือ - Domain Local เป็นกล่มุ ท่ีสามารถใชง้ านไดเ้ ฉพาะในโดเมนท่ีสร้างกลมุ่ น้ีข้ึนเท่าน้นั โดเมนอ่ืน ๆ จะมองไมเ่ ห็นกลุม่ ประเภทน้ี - Global เป็นกลุ่มที่สามารถใชง้ านไดใ้ นทุก ๆ โดเมนในทรีหรือฟอเรสตเ์ ดียวกนั - Universal เป็นกลุ่มที่สามารถใชง้ านไดใ้ นทุก ๆ โดเมนในทรีหรือฟอเรสตเ์ ดียวกนั แตข่ อบเขต ประเภทน้ีจะใชง้ านใน Mixed Mode ไมไ่ ด้
5. เลือกประเภทของกล่มุ ในส่วนของ Group Type โดยจะมีตวั เลือกใหเ้ ลือก 2 ตวั เลือก คือ - Security เป็นการสร้างกลุ่มสาหรับกาหนดสิทธ์ิตา่ ง ๆ ใหก้ บั ผใู้ ชอ้ ยใู่ นกล่มุ - Distribution เป็นการสร้างกลุม่ สาหรับอานวยความสะดวกในการส่ง E – Mail ไปถึงผใู้ ชท้ กุ คนที่อยใู่ นกล่มุ 6. คลิกป่ ุม OK ก็จะไดร้ ายชื่อกลุ่มใหมใ่ นฐานขอ้ มูล Active Directory ของเครื่อง 7. หลงั จากที่สร้างกล่มุ ของผใู้ ชข้ ้ึนมาแลว้ จะมีวธิ ีการเพม่ิ ผใู้ ชเ้ ขา้ เป็นสมาชิกของกลุ่ม โดยใหค้ ลิกเมาส์ขวา ท่ีชื่อกล่มุ ผใู้ ชท้ ี่ตอ้ งการเพ่ิมสมาชิก แลว้ เลือกคาส่งั Properties 8. จะมีหนา้ ตา่ ง Properties ของกลมุ่ ท่ีเลือกปรากฏข้ึนมา ใหค้ ลิกที่แทป็ Member 9. คลิกป่ ุม Add... 10. จะมีหนา้ ตา่ ง Select Users, Contacts, or Computers ปรากฏข้ึนมา ใหเ้ ลือกโดเมนที่เกบ็ รายชื่อ ของผใู้ ชท้ ี่ตอ้ งการเพิ่มในช่อง Look in : 11. ใหเ้ ลือกรายชื่อของผใู้ ชท้ ่ีตอ้ งการเพิ่มเขา้ มาเป็นสมาชิกของกลมุ่ แลว้ คลิกป่ มุ Add ใหท้ าเช่นน้ีจนกวา่ จะเพิ่มผใู้ ชม้ าจนครบ 12. เมื่อครบแลว้ ใหค้ ลิกป่ ุม OK เพอ่ื ส้ินสุดข้นั ตอนการสร้างกลมุ่ ของผใู้ ช้ 2. การสร้างรายชื่อผใู้ ช้ ผใู้ ชท้ ุกคนในระบบจะตอ้ งมี Account หรือช่ือผใู้ ชข้ องตนเอง เพือ่ ใชใ้ นการ Logon เขา้ สู่ระบบ ในการสร้าง User Account ปกติจะสร้างไวใ้ นส่วนของออปเจ็กต์ OU เพื่อความสะดวกในการจดั การ 3. การสร้าง Organization Unit (OU) Organization Unit (OU) เป็นออปเจก็ ตพ์ เิ ศษท่ีสามารถบรรจุออปเจ็กตอ์ ่ืนๆ ไวภ้ ายในได้ เช่น ชื่อผใู้ ช,้ ชื่อคอมพิวเตอร์, ชื่อกลุม่ เป็นตน้ ซ่ึงการเก็บออปเจก็ ตเ์ หลา่ น้นั ไวใ้ น OU ช่วยใหส้ ามารถจดั การออปเจ็กต์ เหล่าน้นั ไดง้ ่ายข้ึน
4. การกาํ หนดสิทธ์ิของผใู้ ชใ้ นระบบ ผทู้ ่ีมีอานาจในการกาหนดสิทธ์ิของผใู้ ชก้ ็คือผบู้ ริหารระบบ โดยที่ผบู้ ริหารระบบจะสามารถกาํ หนด สิทธ์ิของใครกไ็ ดใ้ นโดเมนที่ตนรับผิดชอบอยู่ 3. การคน้ หาคอมพวิ เตอร์ในเวิร์กกรุ๊ป การใชง้ านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ใหค้ ุม้ คา่ ส่ิงหน่ึงคือการไดเ้ ขา้ ไปใชบ้ ริการขอ้ มลู หรือสิ่งที่ไดเ้ ปิ ด บริการไวใ้ นคอมพวิ เตอร์เครื่องตา่ ง ๆ ที่อยใู่ นระบบ เช่น เขา้ ไปในไฟลห์ รือส่งั งานพิมพผ์ า่ นระบบเครือข่าย การคน้ หาคอมพวิ เตอร์ใน Network โดย Windows 2000/XP 1. คลิกป่ มุ Start → Connect To → Show all connections หรือดบั เบิลคลิกที่My Network Places ท่ีเดสกท์ อ็ ป แลว้ คลิกท่ี View workgroup computers จะพบกบั ไอคอนรูปเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เครื่องอ่ืน ๆ ในระบบเครือข่าย ดบั เบิลคลิกที่ไอคอนรูปคอมพวิ เตอร์เคร่ืองที่เปิ ดแชร์ กจ็ ะพบกบั ไฟลท์ ี่อยภู่ ายใน โฟลเดอร์น้นั เราสามารถเขา้ ไปใชง้ านไดท้ นั ทีเช่น กอ๊ บป้ี ไดเ้ ลย ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั คอมพวิ เตอร์เครื่องน้นั ไดเ้ ปิ ดบริการ ไว้ รูปแบบใดบา้ ง เช่นเปิ ดแชร์แบบอ่านไดอ้ ยา่ งเดียว เราก็ไม่สามารถเขา้ ไปลบไฟลใ์ นเคร่ืองน้นั ได้ และถา้ คอมพิวเตอร์ เคร่ืองน้นั ใหร้ ะบุรหสั ผา่ นก่อน เราก็ตอ้ งใส่รหสั ผา่ นลงไปดว้ ย 2. เขา้ ไปในคอมพวิ เตอร์เครื่องที่ตอ้ งการไดโ้ ดยเรียกเมนู RUN ข้ึนมา พิมพว์ า่ \\\\two (เคร่ืองหมาย \\\\ ตามดว้ ยชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีตอ้ งการ) คลิกป่ ุม OK จะไปท่ี คอมพวิ เตอร์เครื่องน้นั ไดเ้ ปิ ดแชร์ไว้ 3. อีกวธิ ีคือคลิกขวาที่ My Network Places เลือก Search for computers แลว้ พมิ พช์ ื่อเคร่ือง ลงในช่อง Computer name: คลิกป่ มุ Search เพื่อคน้ หาคอมพิวเตอร์ท่ี ระบุ เมื่อพบแลว้ กจ็ ะแสดงไอคอน คอมพวิ เตอร์เคร่ืองน้นั ใหเ้ ห็น ซ่ึงสามารถดบั เบิลคลิกเขา้ ไปดูไดเ้ ช่นกนั 4. การแมปไดรฟ์ (Map Drive)
เราสามารถจาํ ลองโฟลเดอร์ของคอมพิวเตอร์เคร่ืองอ่ืนในระบบเครือข่ายใหม้ าเป็นไดรฟ์ หน่ึงบนเคร่ืองของเราได้ เวลาเรียกใชก้ ็แค่เปิ ด My Computer ข้ึนมาแลว้ ก็เขา้ ไปในไดรฟ์ จาํ ลองน้นั ไดเ้ ลยเราเรียกวธิ ีการน้ีวา่ การแมปไดรฟ์ คลิกขวาท่ีโฟลเดอร์ท่ีเคร่ืองน้นั ๆ ไดเ้ ปิ ดแชร์ไว้ เลือกเมนู Map Network Drive…จากน้นั เลือกช่ือไดรฟ์ ที่ตอ้ งการ ที่จะใหม้ าแสดงใน My Computer ของเรา ถา้ จะใหแ้ มปไดรฟ์ น้ีทุกคร้ังที่เปิ ดเครื่องใหค้ ลิกเคร่ืองหมายถกู ที่ Reconnect at logon คลิกป่ ุม Finish จากน้นั ลองเปิ ดดูใน My Computer จะพบกบั ไดรฟ์ Z: ท่ีเราไดท้ าํ การ แมปไว้ ซ่ึงมีรูปทอ่ ติดอยดู่ ว้ ยดบั เบิลคลิกเขา้ ไปใชง้ านไดท้ นั ที ส่วนการยกเลิกไดรฟ์ ที่แมปน้ี ก็เพียงแต่คลิกขวา ไดรฟ์ ท่ี แมปแลว้ เลือกเมนู Disconnect ไอคอนไดรฟ์ ที่แมปไวน้ ้ีจะหายไป วิธีการน้ีทาคลา้ ย ๆ กนั ใน Windows ทุก เวอร์ชนั่ 5. แชร์ไฟล์และเครื่องพมิ พ์ระหว่าง Windows 7 และ Windows XP หากมีเครือขา่ ยในบา้ นและมีการใช้ Windows 7 และมี XP ในเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆอาจตอ้ งการใชไ้ ฟล์ ร่วมกนั ใชโ้ ฟลเดอร์ร่วมกนั ระหวา่ งสอง Windows กบั ลกั ษณะ Home Group ใหม่ เป็นกระบวนการท่ีง่าย แต่ ลกั ษณะ Home Group กนั ไมไ่ ดก้ บั Vista หรือ สาหรับในท่ีน้ีจะใช้ Windows 7 x 64 RC1 และ XP Professional SP3 เชื่อมตอ่ ผา่ นเร้าเตอร์ Linksys พ้นื ฐานบา้ น แบบไร้สาย ก่อนอ่ืนตอ้ งต้งั คา่ IP address และ Subnet mark ดงั น้ี Windows 7: IP address: 192.168.100.1 Windows XP: IP address: 192.168.100.2 Subnet mark 255.255.255.0 ท้งั สอง Windows หน่วยท่ี 8 การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาของระบบเครือข่าย 1. การตรวจสอบอปุ กรณ์ฮาร์ดแวร์ ปัญหาท่ีเกิดข้ึนสาหรับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ถูกติดต้งั ไมด่ ีพอจะทาใหไ้ มส่ ามารถเชื่อมตอ่ เขา้ กบั เครือข่ายได้ โดยเบ้ืองตน้ ในท่ีน้ีจะดาเนินการตรวจสอบอุปกรณ์การ์ดเครือขา่ ยและอปุ กรณ์อยา่ งฮบั และสายแลน เป็นตน้ การตรวจสอบการ์ดเครือข่าย
1. ท่ีเดสกท์ อป ใหค้ ลิกขวาท่ีไอคอน My Computer แลว้ เลือกรายการ Properties 2. คลิกท่ีแทบ็ Hardware 3. คลิกท่ีป่ ุม Device Manager 4. ใหต้ รวจสอบดูอุปกรณ์เครือขา่ ยตรง Network Adapter หากพบสัญลกั ษณ์เป็นเคร่ืองหมายตกใจ นน่ั หมายความ วา่ พบปัญหาเบ้ืองตน้ ที่การ์ดเครือขา่ ยแลว้ ซ่ึงอาจเกิดจากการไม่ไดต้ ิดต้งั ไดร์ฟเวอร์ของการ์ดเครือข่ายบนเคร่ืองน้นั ๆ 5. ทาํ การคลิกขวาที่ชื่อการ์ดเครือข่ายน้นั แลว้ เลือกรายการ Properties 6. คลิกที่แทบ็ Driver 7. คลิกป่ ุม Update Driver
8. กาํ หนดใหเ้ ครื่องคน้ หาแบบอตั โนมตั ิ ดว้ ยการเลือกรายการ Install the software automatically และคลิกป่ ุม Next 9. เม่ืออพั เดตเรียบร้อยแลว้ ใหค้ ลิก Finish 10. จากน้นั ใหค้ ลิก Close ตรวจสอบสายแลน ใหด้ าเนินการตรวจสอบสายแลนวา่ ไดเ้ สียบเขา้ ไปในเครื่องเรียบร้อยแลว้ หรือยงั รวมถึงสายแลนที่ ใชเ้ ชื่อมตอ่ จะตอ้ งอยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ าน และหากเชื่อมตอ่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เพียงสองเครื่องสายแลนจะตอ้ ง เป็นชนิดสายไขวโ้ ดยตรวจสอบปลก๊ั สายแลนวา่ เสียบเขา้ ในเคร่ืองแลว้ หรือยงั ตรวจสอบอปุ กรณ์ฮับหรือสวติ ช์ ในกรณีที่เครือขา่ ยใชฮ้ บั หรือสวิตชใ์ หด้ าเนินการตรวจสอบวา่ อปุ กรณ์ฮบั หรือสวติ ชเ์ สียบปลกั๊ ไฟ หรือยงั รวมถึงปลกั๊ สายแลนวา่ เช่ือมตอ่ ลงในแต่ละพอร์ตแน่นหรือไม่
2. การทดสอบการติดต่อกบั คอมพวิ เตอร์ปลายทาง ในกรณีเกิดปัญหาที่เคร่ืองบนเครือข่ายไม่สามารถติดต่อกบั เครื่องปลายทางไดใ้ หด้ าเนินการตรวจสอบตามข้นั ตอน ดงั น้ี 1. เขา้ ไปท่ี Network Connections หากเป็นไปดงั รูป ยงั ไมไ่ ดเ้ สียบสายแลนใหด้ าเนินการเสียบสายแลน เพื่อเช่ือมต่อแตล่ ะเครื่องใหเ้ รียบร้อย 2. หากไอคอนมีสญั ลกั ษณ์เป็นเครื่องหมายตกใจ แปลวา่ เชื่อมตอ่ ไมไ่ ด้ จะตอ้ งทาการต้งั ค่าใหม่ 3. ใหค้ ลิกขวาแลว้ เลือกรายการ Properties 4. ตรวจสอบการคลิกเครื่องหมายถกู โดยใหค้ ลิกตามรูป จากน้นั คลิกรายการ Internet Protocol แลว้ คลิก OK 5. กรอกชุดหมายเลขไอพีลงไป ซ้ึงตอ้ งกาหนดตวั เลขใหต้ รงกล่มุ กนั เช่น 192.168.1 สวนตวั สุดทา้ ยคือหมายเลข ประจาเครื่อง ซ่ึงจะตอ้ งมีคา่ แตกต่างกนั โดยในท่ีน้ีกาหนดเป็น หมายเลข 5 และซบั เนต็ คือ 255.255.255.0
เหมือนกนั ทุกเครื่อง แลว้ กดป่ ุม OK 6. คลิกเครื่องหมายถูกตรงเซ็กบอ็ กซ์ Show icon in notification area when connected แลว้ ตามดว้ ยคลิกป่ มุ Close 7. เครื่องไดเ้ ชื่อมโยงเขา้ เครือข่ายแลว้ 8. ไอคอนไดเ้ ปลี่ยนเป็นดงั รูป ซ่ึงหมายความวา่ เช่ือมโยงเครือขา่ ยแลว้ 9. ไปท่ีทาสกบ์ าร์ ดบั เบิลคลิก ดูตรงขอ้ ความท่ีลูกศรช้ีจะเห็นวา่ ไดเ้ ชื่อมตอ่ จริงท่ีความเร็ว 100 Mbps 10. คลิกท่ีแทบ็ Support แลว้ ดูที่ลูกศรช้ีก็จะพบหมายเลขไอพีแอดเดรสของเครื่อง 11. จากน้นั ใหท้ ดลองใชค้ าสั่ง Ping เพื่อทดสอบการเช่ือมต่อกบั เคร่ืองอื่น ๆ บนเครือข่ายหากเชื่อมตอ่ กบั คอมพิวเตอร์ปลายทางได้ ก็จะมีการตอบรับกลบั มาดงั รูป 12. หากมีการตอบรับกลบั มาเป็น Time Out หมายความวา่ เชื่อมต่อกบั คอมพิวเตอร์ปลายทางไมไ่ ด้ ใหก้ ลบั ไป ตรวจสอบตามข้นั ตอนท่ี 1 ใหมอ่ ีกคร้ัง 3. การตรวจสอบการติดต้งั ค่าในเวริ ์กกรุ๊ป กรณีเครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือขา่ ยไมส่ ามารถเขา้ ไปเป็นสมาชิกในเวริ ์กกรุ๊ปไดใ้ หด้ าเนินการตรวจสอบ ตามข้นั ตอนต่อไปน้ี 1. ข้นั ตอนแรก ใหต้ รวจสอบไฟร์วอลลก์ ่อน ดว้ ยการไปท่ี Control Panel แลว้ ดบั เบิลคลิกที่ไอคอน Windows Firewall หากไดต้ ิดต้งั คา่ ดงั กล่าวแลว้ สามารถขา้ มไปข้นั ตอนที่ 5 ไดเ้ ลย 2. จะแสดงไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ Windows Firewall ดงั รูป
3. คลิกที่แทบ็ Exceptions 4. คลิกที่เครื่องหมายถูกที่ File and Printer Sharing แลว้ ตามดว้ ยคลิกป่ ุม OK 5. เขา้ ไปที่ My Network Places แลว้ คลิกที่รายการ View workgroup computers หากพบวา่ เครื่องเราอยโู่ ดด ๆ ไมพ่ บเคร่ืองอ่ืน ๆ เลย ในขณะท่ีเคร่ืองอื่นพบสมาชิกในเครือขา่ ยใหส้ ันนิษฐานเบ้ืองตน้ วา่ กรอกช่ือเวิร์กกรุ๊ปไม่ ตรงกนั 6. แกไ้ ขใหมด่ ว้ ยการคลิกขวาที่ไอคอน My Computer แลว้ เลือกรายการ Properties 7. คลิกที่แทบ็ Computer Name 8. คลิกป่ มุ Change… 9. กรอกชื่อเวริ ์กกรุ๊ปใหถ้ ูกตอ้ ง 10. แสดงขอ้ ความเขา้ สู่เวริ ์กกรุ๊ป Workgroup 11. แลว้ บูตเคร่ืองใหม่ 12. เขา้ ไปที่ My Network Places แลว้ คลิก ที่ View workgroup computers ก็จะพบเครื่องอื่นๆ ที่เชื่อมต่อเขา้ กบั เครือข่ายบนเวิร์กกรุ๊ป workgroup ปัญหาของระบบเครือขา่ ยสามารถเกิดจากหลายสาเหตดุ ว้ ยกนั ซ่ึงอาจ
จาํ เป็นตอ้ งใชเ้ วลาในการตรวจสอบหาขอ้ บกพร่อง ดงั น้นั ควรตรวจสอบทีละข้นั ทีละจุด เพ่ือหาตน้ เหตุของปัญหา ท่ีทาํ ใหไ้ มส่ ามารถเชื่อมต่อเครือขา่ ยไดน้ ้นั เกิดจากสาเหตใุ ด การตรวจสอบหาขอ้ บกพร่องบนเครือข่าย สามารถตรวจสอบไดจ้ าก 1. ตรวจสอบอปุ กรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น - ตรวจสอบการ์ดเครือข่าย - ตรวจสอบสายแลน - ตรวจสอบอุปกรณ์ฮบั หรือสวิตช์ 2. ตรวจสอบการทดสอบการติดต่อกบั คอมพวิ เตอร์ปลายทาง 3. ตรวจสอบการติดต้งั คา่ ในเวริ ์กกรุ๊ป หน่วยท่ี 9 ระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ 1. เครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ 1. ความหมายของอนิ เทอร์เนต็ ความหมาย อินเทอร์เน็ตคือระบบเครือข่ายของขอ้ มูลและคอมพวิ เตอร์สาธารณะขนาดใหญท่ ่ีเกิด จากระบบเครือข่ายขนาดเลก็ ๆ หลาย ๆ เครือขา่ ยที่อาศยั มาตรฐานการ เช่ือมต่อแบบเดียวกนั ต่อเชื่อมเขา้ หากนั เพ่ือใหบ้ ริการขอ้ มูลแก่ผใู้ ชบ้ ริการ โดยไมม่ ีใครเป็น เจา้ ของหรือผดู้ ูแลอินเทอร์เนต็ แต่เพยี งผเู้ ดียว 2. ประวตั ิความเป็ นมาของระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ จุดกาเนิดเร่ิมแรกของอินเทอร์เนต็ น้นั เกิดข้ึนจากวตั ถุประสงคท์ างการทหารและความมน่ั คงของประเทศ สหรัฐอเมริกา เพ่อื ใหส้ ามารถเช่ือมตอ่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เขา้ หากนั แมจ้ ะมีระบบที่แตกต่างกนั และสามารถ แลกเปล่ียนขอ้ มูลกนั ได้ แมว้ า่ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเคร่ืองหน่ึงในระบบที่ต่ออยจู่ ะไม่สามารถทาํ งานได้ และ การพฒั นาการของระบบกม็ ีมาอยา่ งตอ่ เนื่อง ดงั น้ี • พ .ศ . 2512 หน่วยงาน ARPA (Advance Research Project Agency) ซ่ึงเป็น ผทู้ ่ีดาํ เนินการวิจยั ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ของสหรัฐ ไดริเริ่มโครงการท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คอมพิวเตอร์ มีช่ือโครงการวา่ ARPAnet ผทู้ ่ีทา
โครงการน้ีก็คือผเู้ ช่ียวชาญท่ีอยใู่ นมหาวิทยาลยั ท่ีร่วม โครงการ ในระยะแรกใชส้ ายโทรศพั ทใ์ นการต่อเช่ือมผา่ น โปรโตคอล (Protocol) NCP (Network Control Protocol) และจากดั จานวนเคร่ืองที่สามารถตอ่ เขา้ ในระบบดว้ ย • พ.ศ. 2514 มีการสร้างโปรแกรมรับส่ง E-Mail เพอื่ ส่ือสารกนั ระหวา่ งระบบเครือขา่ ยตา่ งๆ • พ.ศ. 2516 ARPAnet ไดเ้ ชื่อมต่อไปยงั ประเทศองั กฤษและนอร์เวย์ • พ.ศ. 2525 ARPAnet เปล่ียนจาก NCP มาเป็น TCP/IP (Transmission Control Protocol/ Internet Protocol) • พ.ศ. 2527 มีการเร่ิมใชร้ ะบบ DNS (Domain Name Server) • พ.ศ. 2529 ก่อต้งั NSFNET (National Science Foundation Network) มีความเร็ว 56 Kbps. เพ่ือ เช่ือมตอ่ เคร่ือง Supercomputer จากสถาบนั ตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั และไดช้ ่ือวา่ เป็น Backbone ที่สาํ คญั ของระบบ อินเทอร์เน็ต • พ.ศ. 2530 หน่วยงาน Merit Network ไดเ้ ขา้ มาเป็นผดู้ ูแล NSFNET • พ.ศ. 2532 NSFNET เพม่ิ ความเร็วเครือข่ายเป็น 1.544 Mbps จานวนเครื่องที่เชื่อมต่อเขา้ สู่อินเทอร์เน็ต กเ็ พม่ิ ข้ึนเป็น 100,000 เครื่อง • พ.ศ. 2533 ARPAnet หยดุ ดาเนินการ • พ.ศ. 2534 มีการก่อต้งั NERN (National Research and Education Network) จานวนเคร่ืองท่ีต่อเช่ือมเขา้ สู่ อินเทอร์เน็ตมีจานวนเพ่มิ ข้ึนอยา่ งรวดเร็วจาก 376,000 เครื่องใน เดือนมกราคม เป็น 617,000 เครื่องในเดือน ตุลาคม • พ.ศ. 2535 มีการเร่ิมใช้ www ที่ CERN (the European Laboratory for Particle Physics) NSFNET เพม่ิ ความเร็วเป็น 44.736 Mbps จานวนเคร่ืองที่ต่อ เช่ือมเขา้ สู่อินเทอร์เน็ต เพ่ิมข้ึนถึง 1,000,000 เครื่อง • พ.ศ. 2536 NSF ก่อต้งั InterNIC เพื่อเป็น ผดู้ าเนินการเร่ืองการแจกจ่ายชื่อโดเมนบริษทั และผสู้ นใจต่างๆ เร่ิมเชื่อมต่อตวั เองเขา้ สู่ระบบอินเทอร์เน็ต
• พ .ศ . 2537 NCSC (National Center for Computing at University of Illinois)สร้างโ ป ร แ ก ร ม Mosaic เป็น โปรแกรม Web Browser เริ่มมีการทาการคา้ ขายผา่ นอินเทอร์เน็ตและมีโปรแกรมท่ีช่วยสาหรับคน้ หาขอ้ มูลเกิดข้ึน • พ.ศ. 2538 ยกเลิกโครงการ NSFNET และเปล่ียนไปลงทนุ กบั โครงการ VBNS (Very-High-Speed Backbone Network Service) เพ่ือเป็น backbone ใหแ้ ก่อินเทอร์เน็ตในอนาคต 3. พื้นฐานการทางานของระบบอนิ เทอร์เน็ต ระบบอินเทอร์เน็ตในปัจจุบนั น้นั อาศยั โปรโตคอล TCP/IP เป็นหลกั ส่ิงสาํ คญั ที่ควรทราบเกี่ยวกบั โปรโตคอล TCP/IP ก็คือ การตอ่ เช่ือมเครื่องคอมพวิ เตอร์หรืออุปกรณ์ใดเขา้ สู่ระบบเครือข่ายที่เป็น TCP/IP น้นั ทกุ เคร่ือง จะตอ้ งมีหมายเลขกากบั เสมอ เพื่อระบแุ หล่งท่ีมาของขอ้ มูล หมายเลขที่กากบั น้ีมีช่ือวา่ หมายเลย IP หมายเลขน้ีจะ เป็นเลขฐาน 2 ขนาด 32 บิต สามารถเขียนไดเ้ ป็นเลขฐาน 2 จาํ นวน 4 ชุดแยกจากกนั โดยใชจ้ ุดคนั่ เลข แตล่ ะชุด สามารถเปล่ียนไดต้ ้งั แต่ 0-255 เช่น 192.150.249.11, 64.4.43.7 เป็นตน้ 4. อนิ เทอร์เน็ตในประเทศไทย ประเทศไทยไดเ้ ร่ิมติดต่อกบั อินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2530 ในลกั ษณะการใชบ้ ริการจดหมายเลก็ ทรอนิกส์ แบบแลกเปลี่ยนถุงเมลเ์ ป็ นคร้ังแรก โดยเร่ิมท่ีมหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (Prince of Songkhla University) และสถาบนั เทคโนโลยแี ห่งเอเชียหรือสถาบนั เอไอที (AIT) ภายใตโ้ ครงการความร่วมมือ
ระหวา่ งประเทศไทยและออสเตรเลีย (โครงการ IDP) ซ่ึงเป็นการติดต่อเช่ือมโยงโดยสายโทรศพั ท์ จนกระทงั่ ปี พ.ศ.2531มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ ไดย้ นื่ ขอที่อยอู่ ินเทอร์เนต็ ในประเทศไทยโดยไดร้ ับท่ี อยอู่ ินเทอร์เน็ต Sritrang.psu.th ซ่ึงนบั เป็นที่อยอู่ ินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2534 บริษทั DEC (Thailand) จากดั ไดข้ อที่อยอู่ ินเทอร์เน็ตเพื่อใชป้ ระโยชนภ์ ายในของบริษทั โดยไดร้ ับที่อยอู่ ินเทอร์เนต็ เป็น dect.co.th โดยท่ี คา “th” เป็น ส่วนท่ี เรียกวา่ โดเมน (Domain) ซ่ึงเป็นส่วนท่ี แสดงโซน ของเครือข่าย อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยยอ่ มาจากคาํ วา่ Thailand 2. โดเมนเนม (Domain Name) ระบบน้ีสร้างข้ึนมาเพอื่ นาชื่อที่สามารถจดจาไดง้ า่ ยกวา่ ตวั เลข IP มาใชใ้ นการขอใชบ้ ริการจากเครื่องต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นบริการแบบ World Wide Web คลา้ ยกบั การท่ีทางราชการกาหนดใหป้ ระชาชนจะตอ้ งทาบตั ร ประชาชน ในบตั รก็จะมีตวั เลขประจาตวั ท่ียาวมากไม่ค่อยมีใครจดจานกั แต่มีชื่อและนามสกุลท่ีจาไดง้ ่ายกวา่ เมื่อใช้ เรียก ตวั อยา่ งเช่นนายสมชาย ใจดี มีหมายเลขประจาตวั ผถู้ ือบตั รเป็น 3 1101 02545 06 4 ถา้ หากเรียกหมายเลขตาม บตั รยอ่ มเกิดความสบั สนไดแ้ น่นอนเพราะจานวนหลกั มีมากแตถ่ า้ เรียกช่ือ และนามสกลุ ยอ่ มสามารถเขา้ ใจไดง้ า่ ย กวา่ แน่นอน ถา้ เป็น Website จะแทนดว้ ย www.hotmail.com แทนดว้ ย 64.4.54.7 www.eau.ac.th แทนดว้ ย 203.155.193.251 3. บริการต่าง ๆ ในอนิ เทอร์เน็ต บริการที่มีในอินเทอรเนต็ น้นั มีอยหู่ ลากหลาย มกั จะเก่ียวกบั การส่ือสาร, การใหบ้ ริการขอ้ มลู เป็นหลกั รูปแบบการติดต่อกบั ผใู้ ชเ้ ทา่ น้นั ที่มีการปรับเปล่ียนจากท่ีมีแต่ตวั อกั ษร กบั หนา้ จอสีดา (Terminal) กม็ ีการพฒั นา รูปแบบใหม้ ีความน่าสนใจและใชง้ านไดง้ า่ ยเพิ่มข้นึ รูปแบบการใหบ้ ริการที่จะกลา่ วถึงเป็นอนั ดบั แรก เป็นบริการ ที่ไดร้ ับความนิยมอยา่ งรวดเร็ว และสามารถใชง้ านไดง้ ่าย บริการน้ีมีช่ือวา่ www (World Wide Web) 1. บริการ E-mail (Electronic Mail) เป็นบริการรับ-ส่ง จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ภายในระบบอินเทอร์เน็ต การใชง้ านผใู้ ชบ้ ริการจะตอ้ งสมคั รเป็นสมาชิก ผใู้ หบ้ ริการอินเทอร์เนต็ หรือผใู้ หบ้ ริการอีเมลก์ ่อนจึงจะสามารถใชไ้ ด้ ถา้ สมคั รกบั ใครก็จะไดท้ ี่อยขู่ องอีเมลไ์ ปอยทู่ ่ี โดเมนเนมของผใู้ หบ้ ริการ เช่น ผใู้ ชบ้ ริการช่ือ “xxx” ใชบ้ ริการอินเทอร์เนต็ ของบริษทั “aaa” ท่ีมีชื่อโดเมนเนมเป็น
“aaa.com” ถา้ หากบริษทั aaa มีการใหบ้ ริการอีเมลผ์ ใู้ ชบ้ ริการก็จะไดใ้ ชบ้ ริการอีเมลข์ องบริษทั aaa ซ่ึงอาจจะเป็น ช่ือ “[email protected]” ถา้ หากชื่อ xxx น้นั ไมช่ า้ กบั ใคร เป็นตน้ รูปแบบของท่ีอยอู่ ีเมล(์ E-Mail Address) จะมีรูปแบบ ท่ีสามารถจาไดง้ า่ ย ๆ ดงั น้ี ชื่อผใู้ ช้ @ ช่ือโดเมน หรือ ช่ือผใู้ ช้ @ ชื่อเครื่อง.ชื่อโดเมนการใชบ้ ริการจากผใู้ หบ้ ริการ เหลา่ น้ีจะตอ้ งใชโ้ ปรแกรมเพอ่ื ตรวจสอบจดหมายท่ีเขา้ มาและอีเมลน์ ้ีจะถกู ยกเลิกเม่ือเลิกใชบ้ ริการอินเทอร์เน็ต จากบริษทั น้นั ดว้ ย แตถ่ า้ หากใชบ้ ริการจากผใู้ หบ้ ริการ E-Mail ฟรีทว่ั ๆ ไป เช่น www.hotmail.com,www.mail.yahoo.com, www.mail.com, www.chaiyo.com, www.thaimail.com, www.thailand.com เป็นตน้ จะสามารถเลือกช่ือผใู้ ชท้ ี่ตอ้ งการไดเ้ อง และ ไมม่ ีวนั หมดอายุ เม่ือเลิกใชบ้ ริการ อินเทอร์เน็ตดว้ ยการทาํ งานของระบบ E-Mail น้นั ถา้ นาํ มาเปรียบเทียบกบั ระบบการรับส่งจดหมายในปัจจุบนั จะ พบวา่ มีความคลา้ ยคลึงกนั มาก แต่จะมีขอ้ ดีกวา่ คือสามารถรับ - ส่งไดต้ ลอดเวลา,มีความรวดเร็ว, ส่งไดถ้ กู ตอ้ ง แน่นอนถา้ ไม่ใส่ท่ีอยผู่ ิด คาํ ศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั บริการ E-Mail • Reply เป็นการตอบจดหมาย • Forward เป็นการส่งจดหมายท่ีไดร้ ับตอ่ ไปยงั บุคคลอื่น • Attachment เป็นการแนบไฟลเ์ พือ่ ส่งไปพร้อมกบั E-Mail • Inbox เป็นที่เกบ็ จดหมายท่ีเขา้ มา ท้งั ท่ีอา่ นแลว้ และยงั ไม่ไดอ้ า่ น • Trash เป็นถงั ขยะเก็บจดหมายท่ีไมต่ อ้ งการ • Compose เป็นการสร้างจดหมายใหมเ่ พอื่ เขียน • Spam mail เป็นจดหมายที่สร้างความราคาญ มกั จะเป็นโฆษณา • Junk mail เหมือนกบั spam • Cc ยอ่ มาจาก carbon copy เป็นลกั ษณะการส่งจดหมาย “สาํ เนาเรียน” • Bcc ยอ่ มาจาก background carbon copy เป็นการส่งจดหมายแบบสาเนาเรียนแต่ช่ือจะไม่ ปรากฏใหเ้ ห็นในจดหมาย • To เป็นช่ือ e-mail ที่ตอ้ งการส่งไปหา
• Subject เป็นหวั เร่ืองของจดหมาย 2. บริการ FTP File Transfer Protocol (FTP) คือ บริการโอนยา้ ยไฟลร์ ะหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่ตอ่ อยใู่ นระบบ เครือขา่ ย การทางานจะตอ้ งอาศยั เครื่อง Server หรือเครื่องผใู้ หบ้ ริการและเครื่อง Client หรือเคร่ืองลูกข่ายที่ขอใช้ บริการส่งหรือรับไฟล์ การใช้ FTP สามารถทาไดใ้ นหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เป็ นการแชร์ไฟลใ์ หเ้ พือ่ น, ทาเป็นอลั บ้มั ภาพส่วนตวั , ดาวน์โหลดโปรแกรม, ทา Website, หรือจะส่งรูปภาพเขา้ ประกวดตามเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ ก็ได้ สามารถ เรียกใชง้ าน FTP ไดผ้ า่ นทางโปรแกรมหลาย ๆ โปรแกรมดงั น้ี WS-FTP, Cute FTP, FTP ฯลฯ 3. บริการ IRC คือบริการพูดคุยภายในหอ้ งสนทนาท้งั แบบกลุม่ และแบบตวั ต่อตวั โดยใชก้ ารพมิ พโ์ ตต้ อบกนั IRC เป็ นคายอ่ ของ Internet Relay Chat ภายในจะมีกล่มุ สนทนาเรื่องต่าง ๆ มากมายท้งั มีประโยชน์และไม่ มีประโยชน์ โปรแกรมที่ใชเ้ รียกเขา้ สู่การ Chatที่ไดร้ ับความนิยมก็มีหลายโปรแกรมดว้ ยกนั ท้งั Pirch, MS-chat ฯลฯ แตล่ ะ โปรแกรมกจ็ ะมีคุณสมบตั ิและฟังกช์ นั การทางานท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป 4. บริการ www (World Wide Web) เป็นบริการที่ไดร้ ับความนิยมอยา่ งรวดเร็ว เน่ืองจากติดต่อผใู้ ชด้ ว้ ย Hypertextซ่ึงเป็นเอกสารที่สามารถ นาํ เสนอ ตวั อกั ษร, รูปภาพ, วิดีโอ, เสียง ฯลฯ และสามารถเช่ือมโยงเอกสารหลาย ๆ เอกสารเขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ย Hyperlink การใหบ้ ริการจะใหบ้ ริการผา่ นโปรแกรมท่ีเรียกวา่ Web Browser ในระบบปฏิบตั ิการส่วนใหญจ่ ะให้ โปรแกรม Web Browser มาดว้ ยเช่น ระบบ Windows จะใหโ้ ปรแกรม Internet Explorer (IE) มาดว้ ยแต่ก็มี โปรแกรมอ่ืนๆที่สามารถใชแ้ ทนโปรแกรม IE ได้ เช่น โปรแกรม Netscape, Opera ฯลฯ การเรียกใช้ โปรแกรม IE สามารถทาไดโ้ ดยเรียกใชท้ ่ี icon เม่ือเรียกข้ึนมาจะมีหนา้ ตา่ ง ดงั ภาพ 5. การเรียกใช้บริการอ่ืนๆ ผ่าน www โดยปกติการให้บริการแบบ www น้นั จะเนน้ ใหบ้ ริการขอ้ มลู เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารกนั โดยใชเ้ อกสาร
Hypertext หรือ ท่ี เรี ย กวา่ HTML (Hypertext Markup Language) แต่ดว้ ยความเจริญกา้ วหน้ าทางดา้ น คอมพวิ เตอร์และเทคนิคของนกั คอมพิวเตอร์จึงไดป้ ระยกุ ตก์ ารใหบ้ ริการตา่ ง ๆ จากขา้ งตน้ ใหม้ าอยภู่ ายใตบ้ ริการ www อีกทีโดยไมต่ อ้ งใชโ้ ปรแกรมอ่ืนใดอีก เพ่ือใหผ้ ใู้ ชง้ านรู้สึกสะดวกและคุน้ เคยเช่น บริการ E-Mail ท่ี hotmail.com หรือ thaimail.com, บริการ IRC ท่ี website pantip.com หรือ hunsa.com 6. บริการทางด้านสารสนเทศอ่ืนๆ การจะคน้ หาส่ิงที่เป็นความรู้ภายในเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ อนั กวา้ งใหญ่น้นั มีวิธีที่จะคน้ พบไดด้ ว้ ยเคร่ืองมือ และบริการที่เตรียมไว้ นอกจากขา้ งตน้ แลว้ ยงั มีอีก 2 บริการที่ค่อนขา้ งจะช่วยเหลือมากก็คือ Web Board และ Search Engine ท่ีมีรูปแบบบริการท่ีใหบ้ ริการผา่ น www เช่นกนั โดยบริการน้ีจะมีอยทู่ ว่ั ๆ ไปตาม Website ที่ ใหบ้ ริการขอ้ มูลเก่ียวกบั เรื่องท่ีตอ้ งการคน้ หา 7. บริการ Web Board ก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะเกิดข้ึนและมีการพฒั นา Web Board ข้ึนมาน้นั จะมีรูปแบบบริการที่เรียกวา่ Bulletin Board ใหบ้ ริการโดย BBS (Bulletin Board System) ที่ใหบ้ ริการแลกเปลี่ยนข่าวสารตา่ งๆ ภายในกลมุ่ การใหบ้ ริการจะอาศยั เครื่องคอมพิวเตอร์กบั โมเด็มและโทรศพั ท์ ถา้ หากติดต่อเขา้ ไปที่ BBS ใดก็จะเหมือนกบั ตอ่ เขา้ ไปที่ Website แห่งหน่ึงทีเดียวแต่มีขอ้ เสียคือ มกั จะจากดั เวลาการใชง้ าน เนื่องจากจะตอ้ งใชส้ ายโทรศพั ทเ์ ส้น เดียวกนั น้นั ให้บริการแก่สมาชิกรายอื่น ๆ ดว้ ยทาใหต้ อ้ งแบง่ เวลาการใชง้ านกนั ระหวา่ งสมาชิกดว้ ยกนั หลงั จากท่ีมี Internet ระบบ BBS น้นั ก็เร่ิมท่ีจะลดบทบาทลงเน่ืองจากรูปแบบการใหบ้ ริการผา่ นอินเทอร์เน็ตน้นั สาม ารถทาได้ สะดวกกวา่ และไมม่ ีการจากดั เวลา โดยรูปแบบจะไมใ่ ช่บริการแบบ Bulletin Board แลว้ แตจ่ ะเปล่ียนเป็นการ ใหบ้ ริการข่าวสารแบบ USENET ท่ีมีบริการข่าวภายในเรียกวา่ NEWSGROUP หวั ขอ้ ข่าวท่ีมกั จะมีการพูดคุยและ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกนั น้นั มีท้งั เร่ืองเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ เก่ียวกบั ศิลปวฒั นธรรม , เก่ียวกบั สังคมเศรษฐกิจ การเมือง ฯลฯ บริการ USENET เคยไดร้ ับความนิยมมากเนื่องจากจะมีขา่ วตา่ ง ๆ และความคิดเห็นท่ีน่าสนใจ มากมายใหเ้ ลือกหาอ่านกนั แมก้ ารใหบ้ ริการจะเป็ นเพียงตวั อกั ษรเพียงอยา่ งเดียวเท่าน้นั แต่หลงั จากน้นั ไมน่ าน
ระบบกระดานข่าวที่มีรูปภาพและการใชง้ านที่สะดวกกวา่ ที่เรียกวา่ Web board ก็เขา้ มาแทนที่ แต่เน้ือหาและ หวั ขอ้ ท่ีมีการสนทนาแลกเปล่ียนกนั ภายใน Web board มกั จะเป็นหวั ขอ้ เก่ียวกบั คอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญถ่ า้ หาก ตอ้ งการอา่ นเกี่ยวกบั เน้ือหาอ่ืน ๆ มกั จะตอ้ งหาจาก Website ที่นาเสนอเน้ือหาเรื่องราวเฉพาะเรื่อง 8. บริการ Search Engine และการค้นหาสารสนเทศในอนิ เทอร์เนต็ เนื่องดว้ ยระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต็ มีความกวา้ งใหญม่ าก สามารถที่จะเขา้ ถึงและเรียกใชท้ รัพยากรต่าง ๆ ไดจ้ ากทวั่ ทกุ แห่งที่มีเครือขา่ ยไปถึง ถา้ จะนามาเปรียบเทียบกบั ระบบกระจายเสียงของวิทยุ หรือโทรทศั น์ก็จะ เปรียบเสมือนสถานีวทิ ยหุ รือโทรทศั นท์ ่ีมีจานวนช่องไมจ่ ากดั เหตนุ ้ีเองทาใหป้ ริมาณสารสนเทศท่ีมีอยภู่ ายใน อินเทอร์เน็ตมีมากมาย และเหตุจากความมากมายและความมีอิสรเสรีในการนาเสนอขา่ วสารทาใหใ้ ครก็ตาม สามารถจะนาเสนอขอ้ มูลหรือสารสนเทศใด ๆ ในอินเทอร์เน็ตไดอ้ ยา่ งไม่ยากเยน็ นกั จนทาใหภ้ ายในอินเทอร์เนต็ น้นั ไมส่ ามารถจาํ แนกประเภทของขอ้ มลู ข่าวสารหรือสารสนเทศใด ๆไดอ้ ยกู่ ระจดั กระจายทวั่ ๆ ไปโดยไร้ ระยะทางขวางก้นั เปรียบไดก้ บั สังคมมนุษยป์ ัจจุบนั ที่ตา่ งคนตา่ งนาเสนอขา่ วสารต่าง ๆ ออกมาไม่มีการจดั ระเบียบ แตใ่ นโลกแห่งความจริงน้นั ปริมาณขอ้ มลู หรือสารสนเทศน้นั จะถูกจากดั โดยระยะทางเป็นสาคญั แตใ่ นโลกความ จริงน้นั ถา้ หากมองไปท่ีหน่วยงานที่แคบลง เช่น มหาวทิ ยาลยั , หน่วยงานราชการ, โรงพยาบาล,โรงเรียน จะพบวา่ แตล่ ะหน่วยงานน้นั ไดม้ ีระเบียบควบคุมการนาเสนอข่าวสารอยทู่ าใหส้ ามารถจากดั ปริมาณขอ้ มลู ได้ ในโลกของ อินเทอร์เน็ตก็เช่นกนั ถา้ เขา้ ไปตามหน่วยงานที่เป็นทางการ เช่น มหาวทิ ยาลยั , โรงพยาบาล, หน่วยงานของรัฐบาล กจ็ ะทาใหไ้ ดข้ อ้ มูลและสารสนเทศที่ คอ่ นขา้ งจะมีรูปแบบ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดง้ า่ ยกวา่ แต่การจะเขา้ ถึง ขอ้ มูลเหล่าน้ีกย็ งั ถูกจาํ กดั เน่ืองจากความไม่รู้จกั URL (Uniform Resource Locator) ตวั อยา่ งง่าย ๆ ถา้ ให้ นกั ท่องเที่ยวชาวตา่ งชาติท่ีเพง่ิ มาเมืองไทยเป็นคร้ังแรกเดินทางไปยงั วดั พระแกว้ โดยเป็นผบู้ อกทางแทก็ ซ่ีที่ไม่รู้ ทางเช่น กนั จะมีทางไปถึงจุดหมายไดอ้ ยา่ งไร ? ในอินเทอร์เน็ตน้นั การเดินทางไปยงั จุดมุ่งหมายและคน้ หาส่ิงที่ ตอ้ งการจะมีเครื่องมือและวธิ ีช่วยเหลือหลาย ๆวธิ ีดว้ ยกนั ดงั น้ี (ก่อนจะถึงส่วนถดั ไปผเู้ รียนควรจะเขา้ ใจ ความหมายของคาตอ่ ไปน้ีก่อน : Web Browser, Domain name, URL, Homepage, Website, www, Hypertext) จาก เน้ือหาขา้ งตน้ ก่อน 9. บริการห้องสนทนา (Chat Room) เป็นบริการบนอินเทอร์เน็ตที่เปิ ดเป็นหอ้ งสนทนา ซ่ึงเป็นการเปิ ดหวั ขอ้ การสนทนาเฉพาะเร่ืองใดเรื่องหน่ึง
เพ่ือใหผ้ เู้ ขา้ ไปใชบ้ ริการสามารถแสดงความคิดเห็นหรือคุยโตต้ อบกบั ผใู้ ชบ้ ริการรายอ่ืนที่เขา้ ไปในเวลาเดียวกนั ทกุ คนท่ีเขา้ ไปใชบ้ ริการห้องสนทนาจะสามารถเห็นและอา่ นขอ้ ความท่ีโตต้ อบกนั ได้ โดยผเู้ ขา้ ไปสนทนาส่วนมาก จะไมร่ ู้จกั กนั จะไม่มีการใชช้ ่ือจริง บริการน้ีมีท้งั คุณและโทษ บางคร้ังเป็นอนั ตรายต่อสงั คมไดด้ ว้ ย 10. บริการโทรศัพท์บนอนิ เทอร์เน็ต (Interphone) เป็นบริการพดู คุยในลกั ษณะเลียนแบบหรือแทนการใชโ้ ทรศพั ท์ ซ่ึงเอ้ือใหผ้ ูใ้ ชผ้ หู้ น่ึงสามารถโตต้ อบกบั ผใู้ ช้ อีกคนหน่ึงไดท้ นั ที ซ่ึงอุปกรณ์ที่ใชส้ าหรับการบริการน้ี อยา่ งนอ้ ยจะตอ้ งมีไมโครโฟน ซ่ึงจะมีการใหบ้ ริการ 2 แบบ คือ 1. PC to PC เป็นการพดู คุยกนั ระหวา่ งผใู้ ชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์บนอินเทอร์เน็ตท้งั ผใู้ ชต้ น้ ทางและปลายทาง โดย ผใู้ ชส้ องคนจะพูดคุยหรือโทรศพั ทถ์ ึงกนั ไดต้ อ้ งเชื่อมตอ่ อยกู่ บั อินเทอร์เน็ตในเวลาเดียวกนั ดงั น้นั อาจ จาํ เป็นตอ้ งติดต่อนดั แนะดว้ ยวิธีอื่นก่อน เช่นใชอ้ ีเมลน์ ดั เวลาเช่ือมตอ่ เพอ่ื จะไดพ้ ูดคุยกนั และหากผใู้ ชม้ ีกลอ้ ง (Web Camera : Web Cam) ติดอยกู่ บั เครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะทาใหค้ ูส่ นทนาสามารถมองเห็นภาพของผใู้ ชท้ ี่มี กลอ้ งได้ 2. PC to Phone เป็น บริการบนอินเทอร์เนต็ ท่ีมีผใู้ หบ้ ริการติดตอ่ ส่ือสารระหวา่ ง ผใู้ ชเ้ ครื่อง คอมพิวเตอร์บนระบบอินเทอร์เนต็ กบั ผใู้ ชโ้ ทรศพั ทใ์ หส้ ามารถพดู คุยกนั ไดใ้ นลกั ษณะเดียวกบั การใชโ้ ทรศพั ท์ 4. ศัพท์ทค่ี วรรู้ในการใช้อินเทอร์เนต็ 1. เว็บเพจ (Web page) เอกสารที่เปิ ดดูใน WWW มีชื่อเรียกส้นั ๆ วา่ “เวบ็ เพจ” ซ่ึงส่วนใหญ่จะถกู สร้างข้ึนจาภาษาคอมพวิ เตอร์ท่ี เรียกวา่ HTML จะกาหนดรูปแบบและหนา้ ตาของเวบ็ เพจท่ีปรากฏบนหนา้ จอ และส่วนที่เชื่อมตอ่ กบั เวบ็ เพจอื่น 2. ลงิ ค์ (Link) ในแต่ละหนา้ ใน WWW มีการเชื่อมตอ่ ถึงกนั ทาใหส้ ามารถเรียกดูเวบ็ เพจอื่น ๆ ไดโ้ ดยในแต่ละเวบ็ เพจจะมี จุดเชื่อมโยงที่เรียกวา่ Link ที่ Click เมาสไ์ ด้ เพื่อกระโดดไปดูขอ้ มลู ในส่วนอื่นของเวบ็ เพจ Link อาจจะอยใู่ นรูป ของขอ้ ความ รูปภาพ หรือป่ ุมเมื่อเล่ือนสัญลกั ษณ์ตวั ช้ีเมาส์ไปเหนือ Link ก็จะเปลี่ยนเป็นสญั ลกั ษณ์รูปมือช้ี
3. เวบ็ บราวเซอร์ (Web Browser) เวบ็ บราวเซอร์ คือ โปรแกรมท่ีเป็นประตเู ขา้ สู่โลก WWW ซ่ึงมีบราวเซอร์หลายคา่ ยที่เราสามารถใชเ้ ปิ ดดู เวบ็ เพจได้ เช่น Internet Explorer และ Netscape Communicator เป็นตน้ 4. เว็บไซต์ (Web Site) เวบ็ ไซต์ คือ คอมพวิ เตอร์ท่ีทาหนา้ ท่ีเก็บเวบ็ เพจ เม่ือใดที่เราตอ้ งการเปิ ดดูเวบ็ เพจ เราตอ้ งใชบ้ ราวเซอร์ดึง ขอ้ มลู โดยบราวเซอร์จะทาการติดตอ่ กบั เวบ็ ไซตน์ ้นั เพื่อใหม้ ีการโอนยา้ ยขอ้ มูลมาแสดงที่เคร่ืองของเรา 5. โฮมเพจ (Home Page) ในแต่ละเวบ็ ไซตจ์ ะประกอบไปดว้ ยเวบ็ เพจจานวนหลายหนา้ โดยจะมีการกาหนดเวบ็ เพจหนา้ หน่ึงใหเ้ ป็น หนา้ แรก เวบ็ เพจหนา้ น้ีมีชื่อเรียกวา่ “โฮมเพจ” ซ่ึงทาหนา้ ท่ีเหมือนกบั เป็นปกหนงั สือ กล่าวคือ โฮมเพจเป็นทางเขา้ ของเวบ็ เพจท้งั หมดในเวบ็ ไซตน์ ้นั โดยโฮมเพจจะสรุปเน้ือหาและเป็นเหมือนสารบญั ของเวบ็ เพจท้งั หมดใน เวบ็ ไซตน์ ้นั เม่ือเปิ ดดูโฮมเพจจะพบกบั คาแนะนาการใชง้ านและสรุปส่ิงท่ีน่าสนใจในเวบ็ ไซตไ์ ปจนถึงหวั ขอ้ ที่ เช่ือมต่อไปยงั เวบ็ เพจอื่น 6. URL เวบ็ ไซตแ์ ต่ละแห่งในอินเทอร์เนต็ จะมีตาํ แหน่งเจาะจงท่ีเราจะตอ้ งระบจุ ึงจะเปิ ดดูขอ้ มูลได้ เราเรียกตาํ แหน่งน้ี วา่ URL (Uniform Resource Locator) ของเวบ็ ไซต์ เช่น ถา้ เราตอ้ งการเปิ ดดูขอ้ มลู เก่ียวกบั มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร เราตอ้ งทราบ URL ของเวบ็ ไซตซ์ ่ึงกค็ ือ www.snru.ac.th 5. อนิ ทราเนต็ (Intranet) อินเตอร์เนต็ ถูกนามาใชแ้ ละเป็นที่นิยมกนั อยา่ งแพร่หลายในองคก์ รต่าง ๆ เพราะความสะดวก รวดเร็ว ใช้ งานงา่ ย จนกระทง่ั ไดม้ ีการนาเอาเทคโนโลยอี ินเทอร์เนต็ มาประยกุ ตใ์ ชส้ ร้างเป็นระบบเครือข่ายส่วนตวั ภายใน องคก์ รดว้ ยการเชื่อมโยงหน่วยงานตา่ ง ๆภายในองคก์ รใหส้ ามารถติดตอ่ ส่ือสารกนั ดว้ ยความรวดเร็ว ทนั เหตกุ ารณ์ และประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย เช่น การส่งอีเมล์ การจดั ตารางนดั หมายภายในองคก์ ร การประชุมและการระดมความ คิดเห็นภายในองคก์ ร การดึงขอ้ มูลจากฐานขอ้ มลู และเอกสารขององคก์ ร และอ่ืน ๆ อีกมากมาย
อินทราเน็ตใชเ้ ทคโนโลยแี ละบริการตา่ ง ๆ ของอินเทอร์เน็ตระหวา่ งหน่วยงานต่าง ๆท่ีอยภู่ ายในองคก์ ร เทา่ น้นั เช่น TCP/IP, World Wide Web, อีเมล์ เป็นตน้ อินทราเน็ตจะถูกแยกออกจากอินเทอร์เน็ตดว้ ย Firewall ซ่ึงเป็นเทคโนโลยฮี าร์ดแวร์และซอฟตแ์ วร์ผสมผสานกนั ใชส้ าหรับป้องกนั ไม่ใหผ้ ทู้ ี่ไมไ่ ดร้ ับอนุญาตใชง้ าน อินทราเน็ตขององคก์ รผา่ นเขา้ สู่อินทราเน็ตได้ โดยผไู้ ม่ไดร้ ับอนุญาตจะถือเป็นผบู้ กุ รุกถูกกนั ออกไปโดย Firewall สาํ หรับพนกั งานที่ทางานในองคก์ รสามารถเขา้ มาใชง้ านและใชบ้ ริการตา่ ง ๆ ของอินทราเน็ตได้ 6. เอก็ ซ์ทราเน็ต (Extranet) องคก์ รท่ีตอ้ งการใหบ้ ริการแก่ลูกคา้ หรือใหผ้ ถู้ ือหุน้ องคก์ รซ่ึงเป็นบุคคลภายนอกองคก์ รที่ถกู จากดั ไม่ให้ ขา้ สู่อินทราเน็ตขององคก์ รไดน้ ้นั องคก์ รตอ้ งขยายอินทราเน็ตออกไปโดยองคก์ รเช่ือมต่ออินทราเนต็ กบั อินเทอร์เน็ต ภายนอกแลว้ อนุญาตใหผ้ ใู้ ชท้ ี่อยภู่ ายนอกเช่ือมต่อกบั อินทราเน็ตบางส่วนขององคก์ รผา่ นทาง อินเทอร์เน็ต เช่น องคก์ รเชื่อมตอ่ อินเทอร์เนต็ เขา้ กบั ระบบบริการแจง้ ราคาและคุณสมบตั ิสินคา้ ขององคก์ รที่ เป็น ระบบอินทราเน็ต ถา้ ลูกคา้ ที่ไดร้ ับอนุญาตตอ้ งการทราบราคาสินคา้ ก็สามารถเปิ ดใชบ้ ริการองคก์ รผา่ นทาง อินเทอร์เน็ตของเขาได้ ขอ้ มูลจากการใชบ้ ริการจากอินเทอร์เนต็ จะถูกส่งเขา้ สู่อินทราเนต็ ขององคก์ รโดยผา่ น Firewall ซ่ึงจะตรวจสอบการอนุญาตเขา้ ใชด้ ว้ ยเทคโนโลยีการเขา้ รหสั เพือ่ ทาใหก้ ารผา่ นเขา้ - ออก Firewall ระหวา่ งอินเทอร์เน็ตกบั อินทราเนต็ มีความปลอดภยั เอก็ ซ์ทราเนต็ มีประโยชนต์ อ่ องคก์ รท่ีทาใหล้ ูกคา้ หรือหุน้ ส่วน สามารถขอใชข้ อ้ มูลท่ีองคก์ รอนุญาตใหใ้ ชไ้ ด้ เช่น ราคา การขนส่ง และการแลกเปลี่ยนขอ้ มูล หรือใชส้ าํ หรับการ ฝึ กอบรม
รูปที่ 9.4 ลกั ษณะการเชื่อมตอ่ ของเอก็ ซ์ทราเนต็
Search
Read the Text Version
- 1 - 49
Pages: