ความหมายและหลกั การของคุณธรรม ศีลธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณ และธรรมาภิบาล ปฐมเหตแุ ห่งการนาเสนอบทความนมี้ าจากนโยบายของ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ (นายสมชาย วงศส์ วสั ด์ิ ) ที่ กาหนดใหส้ านกั งาน ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ จดั ใหม้ กี ารจดั ระบบจงู ใจ ใหค้ นทาดี ไดด้ ี มีรางวลั ตอบ แทน เป็นการพจิ ารณาใหค้ วามดคี วามชอบของขา้ ราชการ ประจาปี ท่ีทางานด้าน ส่งเสรมิ คณุ ธรรมศีลธรรมของสถานศึกษา จงึ ตอ้ งมีขอ้ ตกลงเบอื้ งตน้ วา่ งานคณุ ธรรม ศีลธรรมคืออะไร และจะเก่ยี วขอ้ งกบั บคุ ลากร 3 ฝ่าย ไดแ้ ก่ กลมุ่ ผบู้ ริหารโครงการ กลมุ่ จดั การเรยี นการสอน และกล่มุ จดั กจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร นอกจากนี้ คาวา่ คณุ ธรรม ศลี ธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณ ธรร มาภิบาล และสมรรถนะ มกั มผี นู้ าไปใชใ้ นความหมายทแ่ี ตกต่าง สบั สน และไมต่ รง กบั ความหมายทีแ่ ทจ้ ริง ดงั นนั้ การทาความเขา้ ใจตงั้ แต่ รากศพั ท์ ความหมายและ ประโยชนใ์ นการนาไปใช้ จะช่วยใหท้ กุ ฝ่ายทางานรว่ มกนั ไดด้ ี เป้าหมายปลายทาง คณุ ธรรม (Moral) ศลี ธรรม (Moral) จรยิ ธรรม (Ethics)และ จรรยาบรรณ (Code of Conduct) มเี ปา้ หมายใชเ้ พอื่ การควบคมุ ตนเอง และสง่ ผลต่อ พฤติกรรมของบคุ คลนน้ั สว่ นธรร มาภิบาล (Good Governance) และ ขดี สมรรถนะ (Competency) ใชเ้ พ่อื เป็นกลไก ควบคมุ โครงสรา้ ง ระบบ และกระบวนการสง่ ผลต่อการปฏิบตั ิงานของหนว่ ยงานหรือ องคก์ ร
คณุ ธรรม (Moral / Virtue) “คณุ ธรรม” คอื คณุ + ธรรมะ คุณงามความดีทเ่ี ป็นธรรมชาติ ก่อใหเ้ กิด ประโยชนต์ อ่ ตนเองและ สงั คม ซ่งึ รวมสรุปวา่ คอื สภาพคณุ งาม ความดี คณุ ธรรม (Virtue) แนวความคิดทด่ี ีเป็นตวั บงั คบั ใหป้ ระพฤตดิ ี 1. สภาพคณุ งามความดที างความประพฤติและจติ ใจ 2. คณุ ธรรม คือจรยิ ธรรมทแ่ี ยกเป็นรายละเอียดแต่ละประเภท หากประพฤติปฏบิ ตั ิ อย่างสมา่ เสมอ ก็จะเป็นสภาพคณุ งามความดที างความประพฤตแิ ละจิตใจของผนู้ นั้ จรยิ ธรรม (Ethics) “จรยิ ธรรม” = จรยิ + ธรรมะ คอื ความประพฤติที่เป็นธรรมชาติ เกิดจากคณุ ธรรมใน ตวั เอง ก่อใหเ้ กดิ ความ สงบเรยี บรอ้ ยในสงั คม รวมสรุปว่าคอื ขอ้ ควรประพฤติ ปฏิบตั ิ จริยธรรม(Ethics) ความเป็นผมู้ จี ติ ใจสะอาด บริสทุ ธิ์ เสยี สละหรือประพฤติดี งาม 1. ประมวล กฎหมาย ทก่ี ล่มุ ชนหรอื สงั คมหน่ึงๆ ยอมรบั เป็นแนวควบคมุ ความ ประพฤติ เพ่อื แยกแยะใหเ้ ห็นว่าอะไรควรหรอื ไปกนั ไดก้ บั การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ อง กลมุ่ 2. ปรชั ญาสาขาหนง่ึ วา่ ดว้ ย ความประพฤติ และการครองชวี ติ วา่ อะไรดี อะไรช่วั อะไรถกู อะไรผดิ หรอื อะไรควร อะไรไมค่ วร
3. กฎเกณฑค์ วามประพฤตขิ องมนษุ ยซ์ ึ่งเกดิ ขึน้ จากธรรมชาติของมนษุ ยเ์ อง ไดแ้ ก่ ความเป็นผมู้ ีปัญญา และเหตผุ ลหรือปรชี าญาณทาใหม้ นษุ ยม์ ีมโนธรรมและ รูจ้ กั ไตรต่ รองแยกแยะความดี - ความช่วั , ถกู - ผดิ , ควร - ไมค่ วร เป็นการควบคมุ ตวั เอง และเป็นการควบคมุ กนั เองในกลมุ่ หรอื เป็นศลี ธรรมเฉพาะกลมุ่ ศีลธรรม (Moral) 1. ความประพฤติท่ดี ที ีช่ อบ หรอื ธรรมในระดบั ศลี หรอื กรอบปฎิบตั ทิ ่ีดี เก่ยี วกบั ความรูส้ กึ รบั ผดิ ชอบ บริสทุ ธิ์ เก่ยี วกบั จิตใจ 2. หลกั ความประพฤติทด่ี ีสาหรบั บคุ คลพงึ ปฏบิ ตั ิ “ธรรมาภบิ าล” (Good Governance) ธรรมาภิบาล คอื ธรรมะ + อภบิ าล หมายถงึ ปกครองดว้ ยคณุ ความดี ซ่ือตรง ตอ่ กนั ม่นั คงในสญั ญาที่มตี ่อกนั สญั ญา (กฎ กติกา มารยาท) ที่ รว่ มกนั ทา เป็นธรรม โปรง่ ใส รบั ผดิ ชอบในส่งิ ทีท่ า 1. การจดั การปกครอง การบรหิ ารปกครอง การบริหารกจิ การบา้ นเมือง การ ควบคมุ ดแู ลกจิ การ การกากบั ดแู ลท่ดี ี อนั เป็นเร่อื งท่เี ก่ียวขอ้ งกบั กระบวนการ (Process) และระบบ (System) ซง่ึ องคก์ ารหรือสงั คมไดม้ กี าร ปฏิบตั ิหรอื ดาเนนิ การ (Operate) 2. ธรรมาภบิ าล มกั ครอบคลมุ ประเดน็ ดงั นี้ - การมีสว่ นรว่ มของประชาชน(Participation) - นติ ธิ รรม (Rule of law)
- ความโปรง่ ใส (Transparency) - การตอบสนอง (Responsiveness) - การแสวงหาฉันทามติ (Consensus oriented) - ความถกู ตอ้ ง ความเสมอภาค ยตุ ธิ รรม เท่ียงธรรม (Equity) - ประสิทธิผลและประสิทธิภาพ (Effectiveness & Efficiency) - ภาระรบั ผิดชอบ (Accountability ทศพิธราชธรรม (Virtues of the King) จริยวตั ร 10 ประการท่ีพระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงประพฤติเป็นหลกั ธรรมประจา พระองค์ หรอื เป็นคณุ ธรรมประจาตนของผปู้ กครองบา้ นเมอื ง ใหม้ คี วามเป็นไปโดย ธรรมและยงั ประโยชนส์ ขุ ใหเ้ กดิ แก่ประชาชน ทศพิธราชธรรมทงั้ 10 ขอ้ มีดงั นี้ - ทาน คือ การให้ การเสยี สละ การใหน้ า้ ใจ - ศีล คือ ความประพฤติที่ดงี าม ทงั้ กาย วาจา ใจ ใหป้ ราศจากโทษ - บรจิ าค คอื การเสียสละความสขุ สว่ นตน เพือ่ ความสขุ ส่วนรวม - ความซื่อตรง คอื ความซ่อื ตรงในฐานะทเี่ ป็นผปู้ กครอง ดารงอย่ใู นสตั ย์ สจุ รติ - ความออ่ นโยน คอื การมอี ธั ยาศยั อ่อนโยน เคารพในเหตผุ ลท่ีควร มี สมั มาคารวะตอ่ ผอู้ าวโุ ส
- ความเพียร คือ ความอตุ สาหะในการปฏบิ ตั งิ าน โดยปราศจากความ เกียจครา้ น - ความไม่โกรธ คือ ไมม่ งุ่ รา้ ยผูอ้ ืน่ แมจ้ ะลงโทษผทู้ าผดิ ก็ทาตามเหตผุ ล - ความไม่เบียดเบยี น คอื การไม่กอ่ ทกุ ขห์ รอื เบียดเบียนผอู้ ่ืน - ความอดทน คือ การรกั ษาอาการ กาย วาจา ใจใหเ้ รยี บรอ้ ย การอดทน ต่อสิ่งทงั้ ปวง - ความยตุ ิธรรม คือ ความหนกั แนน่ ถอื ความถกู ตอ้ ง เท่ยี งธรรมเป็นหลกั จรรยาบรรณ (Codes of Conduct) (Professional Ethics) จรรยาบรรณ หมายถึง ประมวลกฎเกณฑค์ วามประพฤตหิ รือประมวลมารยาทของ ผปู้ ระกอบอาชีพนนั้ ๆตอ้ งเป็นเอกลกั ษณท์ างวิชาชีพ ใชค้ วามรู้ มอี งคก์ รหรือสมาคม ควบคมุ 1. ประมวลความประพฤตทิ ่ีผปู้ ระกอบอาชพี การงานแต่ละอยา่ งกาหนดขนึ้ เพือ่ รกั ษาและส่งเสรมิ เกยี รตคิ ณุ ชอื่ เสียงและฐานะของสมาชิก อาจเขยี นเป็นลายลกั ษณ์ อกั ษรหรือไม่กไ็ ด้ 2. หลกั ความประพฤติที่เป็นเคร่ืองยดึ เหน่ียวจติ ใจใหม้ ีคณุ ธรรมและจริยธรรมของ บคุ คลในแตล่ ะกล่มุ วิชาชพี จรรยาบรรณวิชาชีพ (Code of Ethics ) n จรรยาบรรณเกิดขนึ้ เพอื่ *ม่งุ ใหค้ นในวิชาชีพมปี ระสิทธิภาพ* ใหเ้ ป็นคนดใี นการ บรกิ ารวชิ าชพี *ใหค้ นในวิชาชีพมีเกยี รติศกั ดศ์ิ รีทมี่ กี ฎเกณฑม์ าตรฐานจรรยาบรรณ
n จรรยาบรรณ มีความสาคญั และจาเป็นต่อทกุ อาชพี ทกุ สถาบนั และหนว่ ยงาน เพราะเป็นท่ยี ึดเหนยี่ วควบคมุ การประพฤติ ปฏิบตั ิดว้ ยความดีงาม จรรยาบรรณวชิ าชพี ครู(Code of Ethics of Teaching Profession) ความหมาย จรรยาบรรณวชิ าชีพครู คอื กฎแห่งความประพฤติสาหรบั สมาชกิ วชิ าชพี ครู ซึง่ องคก์ รวชิ าชีพครูเป็นผกู้ าหนด และสมาชกิ ในวิชาชพี ทกุ คนตอ้ งถอื ปฏิบตั โิ ดย เครง่ ครดั หากมีการละเมิดจะมกี ารลงโทษ n ความสาคญั จรรยาบรรณวิชาชพี ครูจรรยาบรรณวิชาชีพครู มคี วามสาคญั ต่อ วชิ าชพี ครูเชน่ เดียวกบั ทีจ่ รรยาบรรณวชิ าชีพ มีความสาคญั ต่อวชิ าชพี อื่น ๆ ซง่ึ สรุปได้ ๓ ประการ คือ n ๑. ปกป้องการปฏิบตั งิ านของสมาชิกในวชิ าชีพ n ๒. รกั ษามาตรฐานวชิ าชีพ n ๓. พฒั นาวิชาชีพ แบบแผนพฤตกิ รรมตามจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 n ครูตอ้ งรกั และเมตตาศษิ ย์ โดยใหค้ วามเอาใจใสช่ ว่ ยเหลอื ส่งเสริมใหก้ าลงั ใจใน การศกึ ษาเล่าเรยี นแกศ่ ษิ ยโ์ ดยเสมอหนา้ n ครูตอ้ งอบรม ส่งั สอน ฝึกฝน สรา้ งเสริมความรู้ ทกั ษะและนิสยั ท่ถี กู ตอ้ งดงี าม ใหแ้ กศ่ ิษย์ อย่างเต็มความสามารถดว้ ยความบรสิ ทุ ธิ์ใจ n ครูตอ้ งประพฤติ ปฏบิ ตั ิตนเป็นแบบอยา่ งทด่ี ีแก่ศิษยท์ งั้ ทางกาย วาจา และจิตใจ n ครูตอ้ งไมก่ ระทาตนเป็นปฏปิ ักษ์ตอ่ ความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสงั คมของศิษย์
n ครูตอ้ งไมแ่ สวงหาประโยชนอ์ นั เป็นอามิสสินจา้ งจากศษิ ยใ์ นการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ตามปกติ และไม่ใชศ้ ิษยก์ ระทาการใดๆ อนั เป็นการหาประโยชนใ์ หแ้ กต่ นโดยมิชอบ n ครูยอ่ มพฒั นาตนเองทงั้ ในดา้ นวชิ าชพี ดา้ นบคุ ลกิ ภาพและวสิ ยั ทศั น์ ใหท้ นั ตอ่ การพฒั นาทางวชิ าการ เศรษฐกจิ สงั คมและการเมืองอยเู่ สมอ n ครูย่อมรกั และศรทั ธาในวิชาชพี ครู และเป็นสมาชกิ ท่ีดขี ององคก์ รวิชาชีพครู n ครูพึงชว่ ยเหลอื เกือ้ กลู ครูและชมุ ชนในทางสรา้ งสรรค์ n ครูพึงประพฤติ ปฏิบตั ิตน เป็นผนู้ าในการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาภมู ิปัญญาและ วฒั นธรรมไทย จรรยาบรรณนักเรยี นนักศกึ ษา 10ประการ *พงึ หาโอกาสเรยี นรู้ ใหเ้ ขา้ ใจใชเ้ หตผุ ลโดยเรว็ ทีส่ ดุ ตามระดบั วยั *พงึ รบั ทกุ อยา่ งดว้ ยเหตผุ ล พึงรบั พจิ ารณาความคดิ อย่างมีเหตผุ ลถึงแมจ้ ะยงั ไมเ่ ห็น ดว้ ย เคารพความคดิ ผอู้ ืน่ โดยยึดถือการประนปี ระนอม และหาทางสายกลาง * การเรยี นไมใ่ ช่เป็นการกอบโกย เอาเปรยี บผอู้ ืน่ * ใหถ้ ือวา่ สงั คมโรงเรียน/สถาบนั การศึกษาเป็นสว่ นหน่งึ ของชีวติ จริง *สรา้ งสงั คมในโรงเรยี น/สถาบนั การศกึ ษา ในอดุ มการณป์ รบั ปรุงใหท้ นั สมยั ทนั เหตกุ ารณเ์ สมอ *สจุ ริตในการทาการบา้ นและในการสอบ *ถอื ว่าเกียรตอิ ยู่เหนอื ผลประโยชนใ์ ดๆ * ฝึกนา้ ใจนกั กีฬาในการแข่งขนั ทกุ ประเภท
*ใหเ้ กยี รตคิ อาจารย์รูและเพอื่ นเสมอ * ถือว่าสทิ ธิจะตอ้ งแลกเปลย่ี นกบั หนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบเสมอ ขีดสมรรถนะ (Competency) ขดี สมรรถนะ คือ ความรูแ้ ละทกั ษะทจี่ าเป็นขนั้ พนื้ ฐานของการปฎบิ ตั ิงานหน่งึ ๆ ขดี สมรรถนะ ทม่ี คี วามจาเป็นต่อการบริหารราชการแผน่ ดนิ ไดแ้ ก่ n เขา้ ใจบริบทการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดลอ้ ม n คิด/วิเคราะหเ์ ชิงยทุ ธศาสตร์ สามารถกาหนดยทุ ธศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม (วาง แผนผงั เชงิ ยทุ ธศาสตรแ์ ละมีเป้าหมายการทางานท่ีชดั เจน/วดั ผลงานได)้ n สามารถขบั เคลื่อนยทุ ธศาสตรส์ ่กู ารปฏบิ ตั อิ ยา่ งบรรลผุ ล และบริหารการ เปลย่ี นแปลงได้ n ป้องกนั /ควบคมุ ความเส่ยี ง n มีการควบคมุ คณุ ภาพมาตรฐานการทางาน n มีจริยธรรมและความซื่อสตั ย์ สมรรถนะงานสายงานวชิ าชพี ครูของไทย n มาตรฐานวชิ าชพี ครูตามพ.ร.บ.สภาครู พ.ศ.2547 มี 3ดา้ น n 1. มาตรฐานความรูแ้ ละประสบการณว์ ชิ าชีพ n 2. มาตรฐานการปฏบิ ตั งิ าน n 3. มาตรฐานการปฏิบตั ิตน กิจกรรมส่งเสริมประชาธปิ ไตย
การปกครองแบบประชาธิปไตย สรา้ งเมอื่ 21-05-2007 โดย HoChiMinh1984 ระบอบประชาธปิ ไตย ( Democracy ) หมายถึง ระบบการปกครองท่ี ประชาชนเป็นใหญ่ ดงั นน้ั การปกครองทเี่ ป็นประชาธิปไตยก็คือ รูปการปกครองท่ี ยดึ ถืออานาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยนนั้ จาเป็นตอ้ งมีรฐั ธรรมนญู เพราะรฐั ธรรมนญู เป็นกฎหมายหลกั หรือเป็นกตกิ าท่ีกาหนดแนวทางสาหรบั การทรี่ ฐั จะใชอ้ านาจ ปกครองประชาชน และมหี ลกั การจดั ระเบียบการปกครองแตร่ ฐั ธรรมนญู ก็ไม่ใช่ เคร่อื งหมายแสดงความเป็นประชาธิปไตย เพราะประเทศที่ปกครองดว้ ยระบอบเสดจ็ การก็มีรฐั ธรรมนญู เชน่ เดยี วกนั การที่จะพจิ ารณาว่าประเทศใดเป็นประชาธิปไตย หรือไม่ จงึ ตอ้ งดวู ่ารฐั ธรรมนญู ของประเทศนน้ั ใหป้ ระชาชนเป็นเจา้ ของอานาจ อธิปไตยหรอื ไม่ ลกั ษณะสาคญั ของการปกครองแบบประชาธิปไตยสามารถพิจารณาไดจ้ าก รฐั บาล การเลอื กตงั้ และการปกครองโดยเสียงขา้ งมาก รฐั บาลในระบอบประชาธิปไตย
ลกั ษณะของรฐั บาลทเี่ ป็นประชาธิปไตย คือ “ รฐั บาลของประชาชน โดย ประชาชน และเพอื่ ประชาชน ” ซง่ึ เป็นวาทะของอบั ราฮมั ลินคอลน์ ( Abraham Lincoln) อดีตประธานาธิบดีของสหรฐั ฯ การท่ีรฐั บาลใดจะไดร้ บั การยอมรบั ว่าเป็นประชาธิปไตยจะตอ้ งมลี กั ษณะครบ ทงั้ 3 ประการ คือ - รฐั บาลของประชาชน หมายถงึ รฐั บาลจะตอ้ งมาจากการเลือกตงั้ ของ ประชาชน และประชาชนสามารถเปลยี่ นแปลงผปู้ กครองไดด้ ว้ ยการไปลงคะแนน เสยี งเลือกตงั้ น่นั คือ ประชาชนอยใู่ นฐานะเป็นเจา้ ของรฐั บาลซ่ึงบง่ ชถี้ ึงมติ ิของการ ปกครองในดา้ นความเป็นเจา้ ของอานาจอธิปไตย - รฐั บาลโดยประชาชน หมายถึง ประชาชนหรอื พลเมืองทกุ คนมีสทิ ธิท่จี ะเป็น ผปู้ กครองได้ ถา้ หากไดร้ บั เสียงสนบั สนนุ จากประชาชนสว่ นใหญ่ของประเทศ - รฐั บาลเพ่อื ประชาชน หมายถึง รฐั บาลจะตอ้ งมีจดุ ประสงคเ์ พอ่ื ความผาสกุ ของประชาชน และจะตอ้ งมกี ารกาหนดวาระในการดารงตาแหน่ง เชน่ ทกุ 4 ปี ฯลฯ เพอื่ จะไดเ้ ป็นหลกั ประกนั วา่ ผปู้ กครองจะตอ้ งปกครองเพื่อประชาชน หากผนั แปรจาก จดุ หมายนี้ ประชาชนจะไดม้ โี อกาสเปลย่ี นผปู้ กครองผา่ นทางการเลือกตงั้ การเลอื กต้ัง ประเทศประชาธิปไตยจาเป็นตอ้ งมีการเลอื กตงั้ เพ่ือเปิดโอกาสใหบ้ ุคคล สามารถเสนอตวั เขา้ รบั ใชส้ ว่ นรวมโดยการสมคั รรบั เลือกตงั้ และเปิดโอกาสให้ พลเมืองใชส้ ทิ ธิในการที่จะเลือกบคุ คลทตี่ นตอ้ งการใหเ้ ป็นผปู้ กครอง หรอื เป็นผใู้ ช้ สิทธิเป็นปากเสยี งแทนตนในสภา
ในระบอบประชาธิปไตยนน้ั การมสี ทิ ธิเลือกตงั้ เพยี งอยา่ งเดยี วยงั ไม่เป็นการ เพียงพอ ตอ้ งมหี ลกั ประกนั ในการใชส้ ิทธิในการใชส้ ิทธินนั้ ดว้ ยว่า สามารถใชไ้ ดอ้ ย่าง เสรีเต็มท่ีและมีโอกาสเลอื กสรรตวั บคุ คลทตี่ อ้ งการจริง ๆ คอื ตอ้ งมกี ารลงคะแนนแบบ ลบั ( Secret Ballot) การปกครองโดยเสียงขา้ งมาก การปกครองโดยเสียงขา้ งมาก หมายถึง บคุ คลที่ประกอบกนั ขนึ้ เป็นรฐั บาล นนั้ ถา้ หากไม่ไดร้ บั เลือกตงั้ จากราษฎรโดยตรงแลว้ กต็ อ้ งเป็นคณะบคุ คลทไ่ี ดร้ บั การ ยอมรบั จากเสยี งขา้ งมากของผแู้ ทนที่ไดร้ บั การเลือกตงั้ เขา้ มา โดยการออกฎหมาย การวินิจฉยั ปัญหา หรือการตดั สนิ ใจในนโยบายตา่ ง ๆ ตอ้ งเป็นไปตามความเห็นขอบ ของเสียงขา้ งมากของผแู้ ทนในสภา ในระบอบประชาธิปไตยมไิ ดห้ มายความเพียงการยึดหลกั เสยี งขา้ งมากเท่านน้ั แต่จะตอ้ งมีหลกั ประกนั สาหรบั เสยี งขา้ งนอ้ ยดว้ ย น่นั คอื สทิ ธิขนั้ พนื้ ฐานของเสียงขา้ ง นอ้ ยจะตอ้ งไดร้ บั การเคารพ เป็นเสยี งขา้ งมากจะละเมิดหรือกา้ วกา่ ยสทิ ธิของเสยี ง ขา้ งนอ้ ยจึงถือเป็นการใช้ “ กฎหมู่ ” • นอกจากนีค้ วามเหน็ หรือทศั นะของเสยี งขา้ งนอ้ ยจะตอ้ งไดร้ บั การรบั ฟัง เพราะใน ระบอบประชาธิปไตยนนั้ ตอ้ งเปิดโอกาสใหท้ กุ ฝ่ายหรอื ผทู้ มี่ คี วามคดิ เห็นแตกตา่ งได้ เผยแพรท่ ศั นะหรอื แนวความคิดของเขา • ทศั นะหรือความคิดเหน็ ทีป่ ราชยั ต่อเสียงขา้ งมากหรือตกเป็นเสยี งขา้ งนอ้ ยนนั้ ไม่ได้ หมายความวา่ จะตอ้ งสญู หาไปโดยสนิ้ เชิง แต่อาจจะกลบั มาเป็นทศั นะที่ไดร้ บั การ ยอมรบั หรอื เป็นเสยี งขา้ งมากในโอกาสตอ่ ไปได้ วิถชี วี ิตประชาธปิ ไตย
ลกั ษณะสาคญั ของวิถชี ีวติ แบบประชาธิปไตย อาจจาแนกไดด้ งั นี้ 1. เคารพเหตผุ ลมากกวา่ บคุ คล โดยไม่ศรทั ธาบคุ คลใดถงึ ชนั้ ปชุ นยี บคุ คล (แต่ ก็ตอ้ งกตญั ญตู อ่ ญาติผใู้ หญ่และผมู้ พี ระคณุ ) จะตอ้ งไมเ่ ครง่ ครดั เรือ่ งระบบอาวโุ ส (แตก่ ต็ อ้ งใหค้ วามเคารพผอู้ าวโุ ส) ประชาธิปไตยจะดาเนนิ ไปไดด้ ว้ ยดกี ต็ อ่ เม่อื มีการ รบั ฟังความคดิ เห็นของทกุ ฝ่าย เพื่อคน้ หาเหตผุ ลและความถกู ตอ้ งทแี่ ทจ้ รงิ เพราะ เหตผุ ลเท่านนั้ ท่ีจะจรรโลงใหป้ ระชาธิปไตยดาเนนิ ไปได้ และประชาธิปไตยเชือ่ ว่า มนษุ ยเ์ ป็นสตั วท์ ่ีมเี หตผุ ล 2. รูจ้ กั การประนีประนอม คือ ยอมรบั การแกไ้ ขปัญหาความขดั แยง้ ดว้ ยสนั ติ วธิ ี ไม่นยิ มความรุนแรง ตอ้ งรูจ้ กั ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ไม่ยึดม่นั หรือดึงดนั แต่ ความคิดเหน็ ของตนเองโดยไม่ยอมผ่อนปรนแกไ้ ข และตอ้ งยอมเปลีย่ นแปลงแกไ้ ข ความคิดเห็นของตนเองเม่ือผอู้ ่ืนมคี วามคดิ เหน็ ท่ีดีกว่า ปรชั ญาประชาธิปไตย โดย พนื้ ฐานไม่ปรารถนาใหม้ ีการใชก้ าลงั และการลม้ ลา้ งดว้ ยวิธีการรุนแรง เพราะถา้ มีการ ใชก้ าลงั และความรุนแรงแลว้ กแ็ สดงใหเ้ ห็นวา่ มนษุ ยไ์ ม่มหี รือไมใ่ ชเ้ หตผุ ล ซ่งึ กข็ ดั กบั หลกั ความเช่ือขนั้ มลู ฐานของประชาธิปไตยท่ีถอว่ามนษุ ยม์ เี หตผุ ล 3. มีระเบียบวินยั คือ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายของบา้ นเมอื งอย่างสม่าเสมอ และชว่ ยทาใหก้ ฎหมายของบา้ นเมืองมีความศกั ดสิ์ ทิ ธิ์โดยไมย่ อมใหผ้ ใุ้ ดมาละเมิด ตามอาเภอใจ แต่ถา้ มคี วามรูส้ กึ ว่ากฎหมายทใี่ ชอ้ ยไู่ มเ่ ป็นธรรม ก็ตอ้ งหาทางเรียกรอ้ ง ใหม้ กี ารแกไ้ ขกฎหมายนนั้ มใิ ช่ฝ่ายฝืนหรือไมย่ อมรบั การใชเ้ สรภี าพเกนิ ขอบเขตจน ละเมดิ หรอื กา้ วกา่ ยในสทิ ธิเสรภี าพของผอู้ น่ื ย่อมทาใหเ้ กิดความไม่สงบขนึ้ ในสงั คม เพราะสงั คมทไี่ มม่ กี ารจากดั ในเรอื่ งสิทธิเสรภี าพเลยนนั้ หาใชส่ งั คมประชาธิปไตยไม่ แต่เป็นสงั คมอนาธิปไตยท่ีเปรยี บเสมือนไม่มีรฐั บาล ไมม่ กี ฎหมาย ไรร้ ะเบยี บวินัยทาง สงั คมโดยสนิ้ เชงิ
4. มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ ส่วนรวม ซ่ึงเกดิ ขนึ้ จากความรูส้ กึ ของคนในสงั คมว่า ตนเป็นเจา้ ของประเทศ และประเทศเป็นของคนทกุ คน โดยสานกึ วา่ การทตี่ นไดร้ บั การศึกษา สามารถทามาหาเลยี้ งชีพและดารงชีวิตอยไู่ ดก้ เ็ พราะสงั คมอนั เป็นส่วนรวม ของทกุ คน ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งมีหนา้ ทท่ี าประโยชนใ์ หเ้ ป็นการตอบแทน นอกจากนีล้ กั ษณะ วถิ ชี ีวติ ประชาธิปไตยยงั มอี ีกหลายประเดน็ เชน่ ตอ้ งเป็นคนหนกั แน่นไม่หเู บา, ตอ้ งไม่ เชื่ออะไรง่าย ๆ , มีทศั นะทดี่ ีต่อคนอนื่ , ยอมรบั ความคิดเห็นของผอู้ นื่ , เคารพใน ศกั ดิศ์ รีความเป็นมนษุ ย,์ มนี า้ ใจเป็นนกั กฬี าคอื รูแ้ พร้ ูช้ นะ เป็นตน้ ยาเสพติด ความหมายของยาเสพติด ยาเสพติดใหโ้ ทษ หรอื สิง่ เสพตดิ หมายถึง ยาหรือสารเคมี หรอื วตั ถชุ นิดใดๆ เมื่อเสพเขา้ ส่รู า่ งกายแลว้ ไมว่ ่าจะโดยรบั ประทาน ดม สบู ฉีด หรือ วธิ ีใดกต้ าม ทาใหเ้ กดิ ผลต่อรา่ งกายและจติ ใจ ดงั นี้ 1. ตอ้ งการยาเสพติดตลอดเวลา แสดงออกทางรา่ งกายและจิตใจ 2. ตอ้ งเพิ่มขนาดของยาเสพตดิ มากขนึ้ 3. มีอาการหยากหรือหวิ ยาเมอ่ื ขาดยา (บางท่านจะมีอาการถอนยาเมอ่ื ขาดยา) 4. สขุ ภาพท่วั ไปทรุดโทรม ถา้ พบเห็นบคุ คลที่มีพฤติกรรม 4 ประการ ใหพ้ ึงสงั เกตว่าอาจจะเป็นคนท่ีใชย้ าเสติด ประเภทของยาเสพติด ปัจจบุ นั ส่งิ เสพตดิ หรือยาเสพติดใหโ้ ทษมหี ลายประเภท อาจจาแนกไดห้ ลายเกณฑ์ นอกจากแบ่งตามแหลง่ ที่มาแลว้ ยงั แบ่งตามการออกฤทธิ์และแบ่งตามกากฎหมาย ดงั นี้ ก.จาแนกตามสิ่งเสพติดท่มี า 1. ประเภททไ่ี ดจ้ ากธรรมชาติ เชน่ ฝิ่น มอรฟ์ ีน กระท่อม กญั ชา
2. ประเภททไ่ี ดจ้ ากการสงั เคราะห์ เชน่ เฮโรอนี ยานอนหลบั ยามา้ แอมเฟตามีน สาร ระเหย ข.จาแนกส่งิ เสพตดิ ตามกฎหมาย 1. ประเภทถกู กฎหมาย เช่น ยาแกไ้ อนา้ ดา บหุ ร่ี เหลา้ กาแฟ ฯลฯ 2. ประเภทผดิ กฎหมาย เชน่ มอรฟ์ ีน ฝิ่น เฮโรอีน กญั ชา กระท่อม แอมเฟตามนี ฯลฯ ค.การจาแนกสงิ่ เสพตดิ ตามการออกฤทธิต์ ่อระบบประสาทสว่ นกลาง 1.ประเภทกดประสาท เช่น ฝ่ิน มอรฟ์ ีน เฮโรอนี ยากลอ่ มประสาท ยาระงบั ประทสาท ยานอนหลบั สารระเหย เครื่องดม่ื มนึ เมา เช่นเหลา้ เบยี ร์ ฯ 2. ประเภทกระตนุ้ ประสาท เช่น แอมเฟตามีน ยามา้ ใบกระท่อม บหุ ร่ี กาแฟ โคคาอีน 3. ประเภทหลอนประสาท เชน่ แอล เอส ดี,เอส ที พี,นา้ มนั ระเหย 4. ประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน อาจกด กระตนุ้ หรือหลอนประสาทผสมรวมกนั ไดแ้ ก่ กญั ชา สาเหตทุ ่ีทาให้เกิดยาเสพตดิ 1. ติดเพราะฤทธิข์ องยา เมอ่ื รา่ งกายมนษุ ยไ์ ดร้ บั ยาเสพติดเขา้ ไปฤทธิข์ องยาเสพตดิ จะทาใหร้ ะบบตา่ งๆของรา่ งกายเปลย่ี นแปลงไป ซึ่งถา้ การใชย้ าไมบ่ ่อยหรือนานครง้ั ไมค่ ่ยมผี ลต่อรา่ งกาย แตถ่ า้ ใชต้ ิดต่อเพยี งช่วั ระยะเวลาหน่งึ จะทาใหม้ ีผลตอ่ รา่ งกาย และจติ ใจ มลี กั ษณะ 4 ประการ คอื 1.1 มคี วามตอ้ งการอย่างแรงกลา้ ทจ่ี ะเสพยาหรอื สารนนั้ อีกตอ่ ไปเร่ือๆ 1.2 มีความโนม้ เอียงท่ีจะเพ่ิมปรมิ าณของยาเสพตดิ ขนึ้ ทดุ ขณะ 1.3 ถา้ ถึงเวลาที่เกิดความตอ้ งการแลว้ ไม่ไดเ้ สพ จะเกดิ อาการอยากยา หรืออาการ ขาดยา เช่น หาว อาจียน นา้ ตานา้ มกู ไหล ทรุ นทรุ าย คลมุ้ คลง้ั โมโห ขาสติ 1.4 ยาทเ่ี สพนน้ั จะไปทาลายสขุ ภาพของผเู้ สพทงั้ รา่ งกาย ทาใหซ้ บู ผอม มโี รคแทรก ซอ้ น และทางจติ ใจ เกดิ อาการทางประสาท จติ ใจไมป่ กติ
2. ติดยาเสพตดิ เพราะสง่ิ แวดลอ้ ม 2.1 สภาพแวดลอ้ มภายนอกของบา้ นทอ่ี ย่อู าศยั เตม้ ไปดว้ ยแหล่งคา้ ยาเสพตดิ เช่น ใกลบ้ รเวณศนู ยก์ ารคา้ หนา้ โรงหนงั ซึง่ เป็นการซอื้ ยาเสพติดทกุ รูปแบบ 2.2 ส่งิ แวดลอ้ มภายในบา้ นขาดความอบอนุ่ รวมไปถงึ ปัญหาชีวิตคนในครอบครวั และฐานะทางเศรษฐกจิ สง่ิ แวดลอ้ มจะทาใหเ้ ดก้ หนั ไปพง่ึ ยาเสพตดิ การขาดความ เอาใจใสด่ แู ลจากพอ่ แม่ และขาดการยอมรบั จากครอบครวั เด็กจะหนั ไปคบเพอ่ื นรอ่ มกล่มุ เพื่อตอ้ งการความอบอ่นุ สภาพของกล่มุ เพอ่ื น สภาพของเพ่ือนบา้ นใกลเ้ คียง 2.3 สง่ิ แวดลอ้ มทางโรงเรยี น เด็กมีปัญหาทางการเรยี น เนือ่ งจากเรยี นไม่ทนั เพ่ือน เบ่ือครู เบือ่ โรงเรยี น ทาใหห้ นโี รงเรยี นไปอย่ใู นสิง่ แวดลอ้ มทีต่ นพอใจ เป็นเหตใุ หต้ ก เป็นเหยอ่ื ของการตดิ ยาเซบติด 3. ติดเพราะความผิดปกติทางรา่ งกายและจติ ใจ ในสงั คมทว่ี นุ่ วายสบั สน เปลี่ยนแปลงรวดเรว้ ดงั เช่นปัจจบุ นั ทาใหจ้ ติ ใจผดิ ปกติงา่ ย หากเป็นบคุ คลทม่ี บี คุ ลิกภาพออ่ นแอในทกุ ดา้ น ทงั้ อารมณแ์ ละสติปัญญา รวมทงั้ รา่ งกายไมส่ มบรู ณแ์ ขง็ แรงก็จะหาส่งิ ยึดเหนีย่ ว จะตกเปน้ ทาสยาเสพตดิ ไดง้ า่ ย ผทู้ ่ีมี อารมณว์ วู่ ามไม่ค่อยยงั้ คดิ จะหนั เขา้ หายาเสพตดิ เพื่อระงบั อารมณว์ ่วู ามของตน เนือ่ งจากยาเสพตดิ มคี ณุ สมบตั ใิ นการกดประสาทและกระตนุ้ ประสาท ผมู้ จี ติ ใจม่นั คง ขาดความม่นั ใจ มแี นวโนม้ ในการใชย้ าเพือ่ บรรเทาความวติ กกงั วลของตนใหห้ มดไป และมีโอกาสตดิ ยาไดง้ ่ายกวา่ ผอู้ ืน่ วิธีสงั เกตผู้ติดยาหรอื สารเสพติด 1. การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกาย สขุ ภาพทรุดโทรม ผอมซดี ทางานหนกั ไมไ่ หว รมิ ฝีปากเขียวคลา้ และแหง้ รา่ งกายสกปรกมีกลิ่นเหม็น ชอบใส่เสอื้ แขนยาว กางเกงขา ยาว ใสแ่ วน่ ดาเพอ่ื ปกปิด 2. การเปลีย่ นแปลงทางจติ ใจ อารมณห์ งดุ งิดง่าย พดู จารา้ วขาดความรบั ผดิ ชอบต่อ
หนา้ ที่ ม่วั สมุ กบั คนทม่ี ีพฤติกรรมเก่ยี วกบั ยาเสพติด สบุ บหุ รจี่ ดั มอี ปุ กรณเ์ ก่ียวกบั ยา เสพติด หนา้ ตาซึมเศรา้ ขาดความเชอ่ื ม่นั จติ ใจออ่ นแอ ใชเ้ งินเปลือง สง่ิ ของภายใน บา้ นสญู หายบ่อย 3. แสดงอาการอยากยาเสพตดิ ตวั ส่นั กระตกุ ชกั จาม นา้ หมกู ไหล ทอ้ งเดนิ ถา่ ย อจุ จาระเป็นเลือดทเี่ รียกวา่ \"ลงแดง\" มไี ขป้ วดเมอื่ ยตามรา่ งกายอยา่ งรนแรงนอนไม่ หลบั ทรุ นทรุ าย 4. อาสยั เทคนคิ ทางการแพทย์ โดยการเก็บปัสสาวะบคุ คลทสี่ งสยั วา่ จะตดิ ยาเสพตดิ ส่งตรวจ ใชย้ าบางชนดิ ทส่ี ามารถลา้ งฤทธิ์ของยาเสพติด
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: