Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Jeeraporn Baukum2

Jeeraporn Baukum2

Published by Jeerapornmiew, 2019-01-25 10:44:48

Description: Jeeraporn Baukum2

Search

Read the Text Version

สังเคราะห์การใช้ Social Media ในการเรียนการสอน จัดทำโดย…. นำงสำวจีรำพร บัวขำ รหสั นิสติ 61170491

Social Media คำว่ำ “Social” หมำยถึง สังคม ซ่งึ ในทน่ี ีจ้ ะหมำยถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนำดใหม่มำกในปจั จบุ นั คำวำ่ “Media” หมำยถงึ สื่อ ซ่ึงก็คอื เน้อื หำ เรื่องรำว บทควำม วีดีโอ เพลง รูปภำพ เปน็ ต้น ดังน้ันคำว่ำ Social Media จึงหมำยถงึ สื่อสังคมออนไลน์ที่มีกำรตอบสนองทำงสังคมไดห้ ลำยทิศทำง โดยผ่ำนเครือข่ำยอนิ เตอร์เนต็ พดู งำ่ ยๆ ก็คอื เว็บไซตท์ บี่ คุ คล บนโลกน้สี ำมำรถมีปฏิสมั พันธ์โต้ตอบกนั ได้น่ันเอง พ้นื ฐำนกำรเกิด Social Media ก็มำจำกควำมต้องกำรของมนุษย์หรือคนเรำที่ต้องกำรตดิ ต่อส่ือสำรหรอื มีปฏิสมั พันธ์กัน จำกเดิมเรำมีเว็บในยุค 1.0 ซ่ึงก็คือเวบ็ ทแ่ี สดงเนอ้ื หำอยำ่ งเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สำมำรถติดตอ่ หรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนำเข้ำสู่ยุค 2.0 ก็มีกำรพัฒนำ เว็บไซต์ที่เรียกว่ำ web application ซ่ึงก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่ำงๆ ท่ีมีกำรโต้ตอบกับผู้ใช้งำนมำกข้ึน ผู้ใช้งำนแต่ละคนสำมำรถโต้ตอบกันได้ผ่ำนหน้ำ เว็บ เพ่ือใหเ้ ข้ำใจง่ำยข้ึน ให้นึกถึง ส่ือตำ่ งๆ ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งคนท่ีอยู่ในสังคมออนไลน์ (สงั คมของผู้ใช้งำนอนิ เทอร์เน็ต) ซ่ึงส่ือเหล่ำแต่ละคนสำมำรถเข้ำไปดูได้ เข้ำ ไปสร้ำงได้ และสำมำรถแลกเปล่ียนสื่อกันได้ เป็นสื่อของสังคมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกัน ตัวอย่ำงเช่น สังคมออนไลน์ของผู้ใช้งำน Facebook สมำชิกแต่ละคนจะ สำมำรถ นำเอำสื่อต่ำงๆ เช่น เรื่องรำวของตังเองหรือเรื่องรำวต่ำงๆ ภำพ วีดิโอ เผยแพร่ไปยังสมำชิกทุกคนในเครือข่ำยได้ ขณะท่ีสมำชิก คนอ่ืนก็สำมำรถ เสนอสื่อของ ตนเองขนึ้ มำแลกเปลี่ยนได้ ดงั นัน้ สือ่ ตำ่ งๆ ทนี่ ำมำแลกเปลี่ยนกับสมำชกิ ในสงั คมออนไลน์นนั้ จะเรียนว่ำ Social Media

ลกั ษณะของ Social Media  เปน็ สือ่ ทีแ่ พร่กระจายดว้ ยปฏิสัมพนั ธเ์ ชิงสงั คม ตรงน้ีไม่ต่ำงจำกคนเรำสมัยก่อนครับ ท่ีเกิดเร่ืองรำวท่ีน่ำสนใจอะไรขึ้นมำ ก็พำกันมำนั่งพูดคุยกันจนเกิดสภำพ Talk of the town แต่เม่ือมำอยู่ใน โลกออนไลน์ กำรแพร่กระจำยของสอ่ื กท็ ำได้ง่ำยขนึ้ โดยเกดิ จำกกำรแบง่ ปันเน้ือหำ (Content Sharing) จำกใครกไ็ ด้ อยำ่ งกรณขี องปำ้ Susan Boyle ที่ดงั กันขำ้ มโลกเพียง ไม่ก่ีสัปดำห์จำกกำรลงคลิปท่ีประกวดร้องเพลงในรำยกำร Britain’s Got Talent ผ่ำนทำง Youtube เป็นต้น ท้ังน้ี Social media อำจจะอยู่ในรูปของ เนื้อหำ รูปภำพ เสียงหรือวิดีโอ  เป็นส่ือท่ีเปลี่ยนแปลงสื่อเดิมที่แพร่กระจายข่าวสารแบบทางเดียว (one-to-many) และเป็นแบบการสนทนาที่สามารถมีผู้เข้าร่วมได้ หลายๆคน (many-to-many) เม่ือมีสภำพของกำรเป็นส่ือสังคม สิ่งสำคัญก็คือกำรสนทนำพำทีท่เี กิดขึน้ อำจจะเปน็ กำรร่วมกลุ่มคุยในเร่อื งท่ีสนใจรว่ มกัน หรือกำรวิพำกษ์วิจำรณ์ สินค้ำหรือบริกำรต่ำงๆ โดยที่ไม่มีใครเข้ำมำควบคุมเน้ือหำของกำรสนทนำ แม้กระท่ังตัวผู้ผลิตเนื้อหำน่ันเอง เพรำะผู้ท่ีได้รับสำรมีสิทธิที่จะเข้ำร่วมในรูปแบบของกำร เพ่มิ เติมควำมคดิ เห็น หรอื แม้กระทงั่ เขำ้ ไปแกไ้ ขเนอื้ หำนั้นได้ดว้ ยตวั เอง

ลักษณะของ Social Media  เป็นสื่อทเ่ี ปลย่ี นผู้คนจากผ้บู รโิ ภคเนอ้ื หาเปน็ ผผู้ ลิตเนื้อหา จำกคนตวั เล็กๆในสังคมทแ่ี ต่เดิมไม่มปี ำกมเี สียงอะไรมำกนัก เพรำะเป็นเพียงคนรับสื่อ ขณะท่สี ่ือจำพวก โทรทศั น์ วทิ ยุ หรอื หนงั สอื พิมพ์จะเป็น ผ้ทู รงอิทธิพลอย่ำงมำก สำมำรถช้ีชะตำใครต่อใครหรือสินค้ำหรือบริกำรใดโดยท่ีเรำแทบจะไม่มีทำงอุทธรณ์ แต่เมื่อเป็น Social Media ท่ีแทบจะไม่มีต้นทุน ทำให้ใครๆก็ สำมำรถผลิตเนื้อหำและกระจำยไปยังผู้รับสำรได้อย่ำงเสรี หำกใครผลิตเนอ้ื หำที่โดยใจคนหมู่มำก ก็จะเป็นผู้ทรงอิทธิพลไป ยิ่งหำกเป็นใน ทำงกำรตลำด ก็สำมำรถโน้มนำ ผตู้ ดิ ตำมในกำรตัดสนิ ใจซ้ือสินค้ำหรอื บรกิ ำรได้โดยงำ่ ย ถ้ำอธิบำยควำมหมำยเพียงแคน่ ี้ หลำยท่ำนอำจจะนึกภำพ Social Media ไม่ออก ถ้ำจะใหเ้ ข้ำใจงำ่ ยๆก็คงจะต้องเปิดเวบ็ ไซต์ตำ่ งๆ ทเ่ี ผยแพรก่ ัน อยู่บนอินเทอร์เน็ต ขึ้นมำสักเว็บไซต์หน่ึง จะเห็นว่ำ บนหน้ำเว็บไซต์นั้น เรำจะพบตัวหนังสือ ภำพ หรืออื่นๆ เรำจะเรียกส่ิงท่ีนำเสน อผ่ำนหน้ำเว็บไซต์ดังกล่ำวว่ำ สื่อ (media) แตเ่ นื่องจำกสื่อดงั กล่ำวที่เผยแพร่ผำ่ นอนิ เทอร์เนต็ เหล่ำน้ัน เรำจึงเรียกวำ่ สื่อออนไลน์ (หมำยถงึ ส่ือท่ีส่งมำตำมสำย (line) ถึงแม้ปัจจุบัน จะเผยแพรแ่ บบไรส้ ำย เรำก็ยังเรียกวำ่ ออนไลน์ ก่อนหนำ้ นน้ั กำรเปดิ ดสู อื่ แตล่ ะเว็บไซตน์ น้ั ตำ่ งคนก็ตำ่ งเปิดเข้ำไปดสู ือ่ ออนไลน์ในเวบ็ ไซต์เหลำ่ นั้น ต่อมำจงึ มผี คู้ ิดว่ำ ทำอยำ่ งไร จะทำให้ผทู้ ่ีเข้ำ มำในเวบ็ ไซตน์ ั้นๆ แทนทจี่ ะมำอ่ำน มำดูสอ่ื เพียงอย่ำงเดยี ว ทำอยำ่ งไรให้สำมำรถมำสรำ้ งส่อื เชน่ พิมพข์ ้อควำม หรอื ใส่ภำพ เสยี ง วดี ิโอ ในเว็บไซต์นั้นไดด้ ้วย ซ่ึงเวบ็ ไซต์ที่ พัฒนำในระยะต่อมำจะเป็นเว็บไซต์ที่ผู้คนท่ัวๆไป สำมำรถเข้ำไปเพิ่มเติมเนื้อหำ หรือเพิ่มเติมส่ือได้ตำมท่ีตนเองต้องกำร ซ่ึงมีผลทำใ ห้เว็บไซต์เหล่ำน้ัน เป็นเว็บไซต์ที่ ผู้ใช้งำนมสี ่วนรว่ มในกำรสร้ำงสอ่ื แทนท่ีจะเป็นเว็บไซต์ส่วนตวั ของคนใดคนหน่ึง ก็กลำยเป็นเว็บไซต์ของกลุ่มคนกลุ่มหน่ึงข้ึนมำ ทำให้เกิดเปน็ ชุมชน หรือสังคมยอ่ ยๆของผู้ ทใ่ี ชเ้ วบ็ ไซต์นัน้ ข้ึนมำ โดยเนื้อหำหรือส่อื ทน่ี ำเสนอผ่ำนเวบ็ ไซตน์ น้ั กเ็ ปน็ สอ่ื ท่ีคนในสังคมนัน้ ๆช่วยกันสรำ้ งขนึ้ มำ

แตก่ ำรพัฒนำยังไมห่ ยดุ ยั้ง เพรำะมีกำรคิดกันตอ่ ไปอีกว่ำทำอยำ่ งไรท่ีจะให้คนในชุมชนหรือสังคมของคนใชเ้ ว็บไซต์น้ันๆ นอกจำกจะสำมำรถเพ่ิมสอื่ ของตนเอง แล้ว ยังสำมำรถท่ีจะสื่อสำร ติดต่อ โต้ตอบกันได้ด้วย ซ่ึงปัจจุบัน มีเว็บไซต์จำนวนมำกที่สำมำรถพัฒนำจนกระทั่งสร้ำงเป็นชมุ ชนขนำดให ญ่ที่มีสมำชิกจำนวนมำกนับเป็น ล้ำนคน สำมำรถตดิ ต่อสื่อสำร ส่งเร่อื งรำวตำ่ งๆถึงกันไดอ้ ย่ำงกว้ำงขวำง ทำให้เร่ืองรำวที่ส่งถึงกนั น้ัน เป็นเรอื่ งรำวของคนในสังคมออนไลน์นนั้ กลำยเป็นสอื่ หรอื media ท่ี สรำ้ งโดยคนทอ่ ยใู่ นสงั คมที่เป็นสมำชิกของเว็บไซต์นัน้ ๆ ทีม่ ำ: http://www.doctorpisek.com/pisek/?p=694 ประเภทของ Social Media 1. Blog ซ่งึ เป็นกำรลดรูปจำกคำว่ำ Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดกำรเน้ือหำ (Content Management System: CMS) รูปแบบหน่ึง ซึ่งทำให้ผู้ใช้สำมำรถเขียน บทควำมเรียกว่ำ Post และทำกำรเผยแพร่ได้โดยง่ำย ไม่ยุ่งยำกในกำรท่ีจะต้องมำน่ังเรียนรู้ถึงภำษำ HTML หรือโปรแกรมทำ web site ท้ังน้ีกำรเรียงของเน้ือหำจะเรียง จำกเนื้อหำที่มำใหม่สุดก่อน จำกน้ันก็ลดหลั่นลงไปตำมลำดับของเวลำ (Chronological Order) กำรเกิดของ Blog เปิดโอกำสให้ใครๆท่ีมีควำมสำมำรถในด้ำนต่ำงๆ สำมำรถเผยแพร่ควำมรู้ดังกล่ำวด้วยกำรเขียนได้อย่ำงเสรี ไม่มขี ีดจำกัดเรื่องเทคนิคอย่ำงในอดีตอีกตอ่ ไป ทำให้เกิด Blog ขึ้นมำจำนวนมำกมำย และเพิ่มเนื้อหำให้กับโลก ออนไลนไ์ ด้เปน็ จำนวนมหำศำลอย่ำงทไ่ี มเ่ คยมมี ำก่อน นอกจำกน้ีเครื่องมือทส่ี ำคัญทท่ี ำใหเ้ กดิ ลักษณะของ Social คอื กำรเปิดให้เพือ่ นๆเข้ำมำแสดงควำมเหน็ ได้น่นั เอง

2. Twitter และ Microblog อนื่ ๆ เป็นรูปแบบหน่ึงของ Blog ที่จำกัดขนำดของกำร Post แต่ละคร้ังไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องกำรให้ผู้ใช้เขียน เร่ืองรำวว่ำคุณกำลังทำอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจกำรต่ำงๆกลับนำ Twitter ไปใช้ในทำงธุรกิจ ไม่ว่ำจะเป็นกำรสร้ำงกำรบอกต่อ เพิ่มยอดขำย สร้ำง Brand หรอื เป็นเคร่ืองมือสำหรบั กำรบรหิ ำรควำมสัมพันธล์ ูกค้ำ (CRM) ท้ังน้ีเรำยังสำมำรถใช้เป็นเคร่อื งมือในกำรประชำสมั พันธ์บทควำมใหม่ๆบน Blog ของเรำได้ ด้วย Twitter นนั้ เป็นนยิ มข้ึนมำกอย่ำงรวดเรว็ จนทำใหเ้ ว็บไซต์ประเภท Social Network ต่ำงๆ เพมิ่ Feature ทีใ่ หผ้ ู้ใชส้ ำมำรถบอกไดว้ ่ำตอนน้ีกำลังทำอะไรกนั อยู่ นน้ั ก็ คือกำรนำ Microblog เขำ้ ไปเปน็ ส่วนหน่งึ ด้วยนัน้ เอง 3. Social Networking จำกชอ่ื กส็ ำมำรถแปลควำมหมำยได้วำ่ เป็นเครือข่ำยท่ีเช่ือมโยงเรำกบั เพ่ือนๆจนกลำยเป็นสงั คม ท้ังน้ีผู้ใช้จะเร่ิมต้นสร้ำงตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซ่ึงประกกอบดว้ ยข้อมลู สว่ นตวั (Info) รปู (Photo) กำรจดบนั ทกึ (Note) หรือกำรใสว่ ดิ โี อ (Video) และอนื่ ๆ นอกจำกน้ี Social Networking ยงั มีเครอ่ื งมอื สำคญั ในกำรสรำ้ งจำนวนเพื่อนให้มำกข้ึน คอื ในส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงกำรสร้ำงเพอ่ื นจำกเพ่ือนของเพ่อื นอกี ดว้ ย 4. Media Sharing เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกำสให้เรำสำมำรถ upload รูปหรือวิดีโอเพ่ือแบ่งปันให้กับครอบครัว เพ่ือนๆ หรือแม้กระทั่งเพ่ือเผยแพร่ต่อสำธำรณชน นักกำร ตลำด ณ ปัจจุบันไม่จำเป็นจะต้องทุ่มทุนในกำรสร้ำงหนังโฆษณำที่มีต้นทุนสูง เรำอำจจะใช้กล้องดิจิตอลรำคำถูกๆ ถ่ำยทอดควำมคิดเป็นรูปแ บบวิดีโอ จำกนั้นนำข้ึนไปสู่ เว็บไซต์ Media Sharing อย่ำง Youtube หำกควำมคิดของเรำเป็นที่ช่ืนชอบ ก็ทำให้เกิดกำรบอกต่ออย่ำงแพร่หลำย หรือกรณีหำกกิจกำรคุณขำยสินค้ำท่ีเน้นดีไซน์ที่ สวยงำม ก็อำจจะถ่ำยรูปแล้วนำข้ึนไปสู่เว็บไซต์อย่ำง Flickr เพื่อให้ลูกค้ำได้ชม หรืออำจจะใช้เป็นเครื่องมือในกำรนำชมโรงงำน หรือบรรยำกำศในกำรทำงำนของกิจกำร เปน็ ต้น หรืออย่ำงกรณีของ Multiply ทคี่ นไทยนยิ มนำรูปภำพที่ตนเองถำ่ ยมำแสดงฝีมือ เหมอื นเป็นแกลลอรสี ว่ นตวั ทำให้ผวู้ ำ่ จำ้ งไดเ้ ห็นฝมี ือก่อนที่จะทำกำรจ้ำง

5. Social News and Bookmarking เป็นเวบ็ ไซต์ท่เี ชื่อมโยงไปยังบทควำมหรอื เนอ้ื หำใดในอนิ เทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เปน็ ผสู้ ่งและเปิดโอกำสให้คะแนนและทำกำรโหวตได้ เป็นเสมือนมหำชนชว่ ย กล่ันกรองว่ำบทควำมหรือเนื้อหำใดนั้นเป็นที่น่ำสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking นั้น เป็นกำรที่เปิดโอกำสให้คุณสำมำรถทำกำร Bookmark เนื้อหำหรือ เว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ขนึ้ อยู่กับคอมพิวเตอร์เคร่ืองใดเครือ่ งหน่งึ แตส่ ำมำรถทำผ่ำนออนไลน์ และเนื้อหำในสว่ นท่ีเรำทำ Bookmark ไวน้ ้ี สำมำรถที่จะแบง่ ปันใหค้ นอ่นื ๆ ได้ด้วย นกั กำรตลำดจะใชเ้ ปน็ เครือ่ งมือในกำรบอกต่อและสร้ำงจำนวนคนเข้ำมำยังทีเ่ ว็บไซตห์ รือ Campaign กำรตลำดทต่ี ้องกำร 6. Online Forums ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่ำแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถำนที่ท่ีให้ผู้คนเข้ำมำพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขำสนใจ ซึ่งอำจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง กำรเมือง กีฬำ สุขภำพ หนังสือ กำรลงทุน และอื่นๆอีกมำกมำย ได้ทำกำรแลกเปล่ียนควำมคิดเห็น แสดงข้อมูลข่ำวสำร ตลอดจนถึงกำรแนะนำสินค้ำหรือบริกำรต่ำงๆ นักกำรตลำดควนสนใจเน้ือหำทพี่ ูดคยุ ใน Forums เหล่ำน้ี เพรำะบำงครั้งอำจจะเป็นคำวจิ ำรณ์เก่ียวกบั ตัวสินค้ำและบริกำรของเรำ ซึ่งเรำเองสำมำรถเข้ำไปทำควำมเข้ำใจ แก้ไขปัญหำ ตลอดจนถึงใช้สร้ำงควำมสัมพันธ์ท่ีดีกับลูกค้ำ เว็บไซต์ประเภท Forums อำจจะเป็นเว็บไซต์ท่ีเปิดให้แลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นกันโดยเฉพำะ หรืออำจจะเป็น ส่วนหนงึ่ ในเวบ็ ไซต์เนือ้ หำตำ่ งๆ ท่มี ำ: http://www.doctorpisek.com/pisek/?p=718

การประยกุ ต์ใช้โซเชียลมีเดียในการจัดการเรยี นการสอน ปัจจุบันกระทรวงศึกษำธกิ ำร มอบหมำยให้ สำนกั เทคโนโลยเี พ่ือกำรเรียนกำรสอน ดำเนินกำรจดั อบรมเพื่อกระต้นุ ให้ครูไทย พฒั นำศกั ยภำพ และส่งเสริมกำร ใช้ Social Media ในกำรจดั กำรเรยี นรู้ โดยเลง็ เหน็ ควำมสำคัญในกำรสง่ เสริม และผลักดันใหค้ รสู ำมำรถนำเอำเครอื่ งมือออนไลน์ที่มีอยู่บนระบบเครือข่ำยอนิ เตอรเ์ นต็ มำใช้ ในกำรเรียนรู้ ให้เกิดเปน็ เครือขำ่ ย และเกิดควำมร่วมมือกนั ระหวำ่ งครูกับครู นักเรียนกบั ครู และนักเรยี นกับนักเรยี นดว้ ยกนั โดยไม่มีข้อจำกัดเรอ่ื งเวลำ และสถำนที่ กอ่ ให้เกดิ กำรเรียนรู้แบบไมม่ ีทีส่ น้ิ สดุ (สำนกั เทคโนโลยีเพื่อกำรเรยี นกำรสอน, 2552) นบั เปน็ ยคุ เวบ็ 2.0 ที่นักกำรเปลีย่ นแปลงของโลกในปัจจุบัน และอนำคตอย่ำง หลีกเล่ยี งมิได้ (Jeff Dunn, 2011) โดยเครอื่ งมือท่ีทำงสำนักเทคโนโลยเี พ่อื กำรเรียนกำรสอน แนะนำใหค้ รูนำไปปรับใช้ ไดแ้ ก่ (กำรนำSocial Media มำใช้ในกำรจดั กำรเรียนรู้, 2556) 1) Facebook คือ เว็บไซตส์ ำหรบั ใหค้ รู และนักเรยี นสำมำรถสอื่ สำร และแลกเปลย่ี นควำมคิดเห็นซง่ึ กนั และกนั ได้ โดยกำรตัง้ กล่มุ รำยวชิ ำ เพอื่ กำรสื่อสำรแลกเปลี่ยน ขอ้ มลู ระหวำ่ งครูกับนักเรียน และนักเรียนกับนักเรยี น 2) Wordpress คอื เว็บไซต์สำเร็จรปู หรือบล็อก ท่นี ักเรยี น และครูสำมำรถสรำ้ งบลอ็ กสว่ นตัว หรือในแตล่ ะรำยวชิ ำ สำหรับเผยแพรบ่ ทเรยี นในแต่ละรำยวิชำ หรือสร้ำง ปฏสิ ัมพันธ์กบั นกั เรียนได้ 3) YouTube คือ เว็บไซต์ท่ีใช้ในกำรแบง่ ปนั ไฟลว์ ดิ โี อ ครุสำมำรถอัพโหลด และเผยแพรว่ ดิ โี อกำรสอนผำ่ นเวบ็ ไซต์นีไ้ ด้ ใชว้ ิดีโอทม่ี ีอย่บู นเวบ็ ไซต์เป็นสื่อในกำรเรยี นกำร สอน และนักเรียนสำมำรถเผยแพรผ่ ลงำนของตนเองใหเ้ พื่อน ๆ และครูไดแ้ สดงควำมคิดเหน็ 4) Twitter คอื เว็บไซ๖ที่ใช้ในกำรสือ่ สำรขอ้ ควำมสั้น ๆ โตต้ อบกนั อย่ำงรวดเร็ว 5) Slideshare คือเวบ็ ไซตท์ ใ่ี ช้ในกำรแบ่งปันเอกสำรต่ำงๆ เคร่อื งมอื อนไลนท์ ี่มีอยู่อยำ่ งหลำกหลำยบนอนิ เตอร์เน็ตน้ัน มปี ระสิทธภิ ำพสำหรับกำรใชง้ ำนที่แตกต่ำงกัน โดยนับวนั จะพฒั นำ และเปล่ยี นแปลงไปอย่ำงรวดเรว็ โดยที่ผู้สอนสำมำรถดึงเครื่องมือเหลำ่ น้ไี ปประยุกต์ใชใ้ นกระบวนกำรเรียนกำรสอนอย่ำงเป็นรูปธรรม และอย่ำงยัง่ ยืน กำรที่ผ้สู อนมีควำมเข้ำใจในเทคนิค ของเคร่ืองมือ ผนวกกบั กลยทุ ธ์กำรสอน และสรำ้ งใหเ้ กิดเป็นรปู แบบที่น่ำสนใจสำหรบั นกั เรียนน้ัน นบั เปน็ ส่ิงที่ทำ้ ทำยอยำ่ งย่ิงสำหรับผสู้ อน (สำนกั เทคโนโลยีเพอ่ื กำรเรยี นกำรสอน , 2554)

คุณประโยชน์ของการใช้ส่ือโซเชยี ลมีเดยี ในการศกึ ษา สื่อสงั คม หรือสือ่ โซเชียลมีเดีย เป็นสือ่ ใหม่ท่ีกำลังมีบทบำท และมีอิทธพิ ลคอ่ นขำ้ งสงู ในสงั คมปจั จบุ นั ซง่ึ ในส่วนของวงกำรศึกษำ และกำรจดั กำรเรยี นรู้ ได้มีกำร นำเอำส่ือเหลำ่ น้ีมำใช้กนั อย่ำงแพร่หลำย ทัง้ นีเ้ นื่องจำกสงั คมจะกอ่ ให้เกดิ คุณประโยชน์หลำยประกำร ดังทมี่ ผี กู้ ลำ่ วไว้อย่ำงน่ำสนใจ เช่น กลุ่ม The Social Media Advisory Group แหง่ Victoria University ประเทศออสเตรเลีย กล่ำวถงึ ประโยชนข์ องโซเชียลมเี ดียต่อกำรเรียนรู้ ไว้ว่ำ 1). เปน็ กำรสรำ้ งศกั ยภำพของกำรสอื่ สำร/สอ่ื ควำมหมำย สนองต่อควำมต้องกำรของกำรส่อื ควำมหมำยในกำรเรียนกำรสอนของผเู้ รยี น และทำใหผ้ เู้ รยี นไดร้ ถู้ ึงรูปแบบ และ ระดบั ในกำรสร้ำงกระบวนกำรมสี ว่ นร่วมทำงกำรเรียนรู้ รวมถึงกำรเขำ้ ถึงแหลง่ กำรเรยี นรู้ได้อย่ำงมีคุณภำพ โดยใช้กระบวนกำรส่ือสำรจำกสือ่ โซเชียลมีเดียเปน็ ตวั เชอื่ มโยง ประสบกำรณ์ดังกล่ำว 2). เปน็ ส่อื ทีเ่ หมำะสมตอ่ กำรใช้ ส่อื ประเภทน้ีเปน็ สื่อที่ปรับใช้ใหเ้ หมำะสมตำมสภำพแวดล้อม ดังน้ัน ประสทิ ธิภำพ และควำมสำเร็จจงึ ขึ้นอยู่กบั ปัจจัยที่หลำกหลำย ท้งั ดำ้ น สถำนะทำงสงั คม และทัศนคติ กำรยอมรบั ดังน้นั จงึ เป็นสอ่ื ท่ีมีควำมเหมำะสมต่อกำรเสริมสรำ้ งโอกำส และควำมรับผิดชอบของผใู้ ชใ้ นสภำพแวดล้อมที่แตกต่ำงกัน 3). เป็นส่อื ทใี่ ช้สำหรบั กำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเสริมประสบกำรณ์ระหวำ่ งกลุ่มด้วยกนั ซง่ึ สือ่ โซเชียบมเี ดียจะก่อให้เกดิ คุณประโยชนส์ ำคัญทผี่ เู้ รียนสำมำรถเลือก หรอื สรำ้ งชอ่ งทำงกำรเรียนร้จู ำกสื่อสงั คมดังกล่ำวท่ีกระทำได้ในหลำกหลำยกิจกรรมในกำรส่ือสำร 4). เปน็ สอื่ ช่วยเสรมิ สร้ำงทักษะควำมรไู้ ด้อย่ำงมีวิจำรณญำณ ส่ือจะเปิดโอกำสให้ผู้เรยี นสำมำรถสร้ำงทักษะองค์ควำมรทู้ ี่มปี ระสิทธิภำพ โดยเฉพำะอย่ำงย่งิ กำรเสริมสร้ำง ทกั ษะกำรคิด วเิ ครำะห์ และทักษะในกำรใชส้ อื่ ประเภทดิจิตอลได้อยำ่ งมีประสทิ ธิผล

บทสรปุ โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในกำรเป็นเครื่องมือท่ีครู และนักเรียนสำมำรถนำมำช่วยในกำรเรียนกำร สอน ไม่ว่ำจะเป็นกำรจัดกำรเอกสำร กำรให้งำน กำรนำเสนองำน กำรอภิปรำยแสดงควำมคิดเห็น ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้ เสริมสร้ำงควำมรู้ และพัฒนำทักษะที่จำเป็นในศตวรรษท่ี 21 ของนักเรียนได้เป็นอย่ำงดี แต่อย่ำงไรก็ตำม กำรนำโซเชียล มีเดียมำใช้ในกำรเรียนกำรสอน ผู้สอนควรคำนึงถึงผลกระทบทำงด้ำนลบท่ีจะตำมมำด้วย ควรปฏิบัติให้เป็นแบบอย่ำงท่ีดี ชี้แนะกำรใช้งำนที่ถูกต้อง สร้ำงควำมรู้เท่ำทันสื่อ เพื่อเป็นแนวทำงหน่ึงในกำรสร้ำงภูมิคุ้มกันให้กับผู้บริโภคสื่อ โดยเฉพำะ เด็กและเยำวชน ในกำรเปิดรับเนอื้ หำผ่ำนส่ือในเชงิ วิเครำะห์วิพำกษ์ และประเมนิ สื่อ กำรสร้ำงควำมรู้เท่ำทันส่ือน้ี โดยส่วน ใหญ่แล้วจะเกิดจำกกำรเรียนรู้ของเด็ก ผ่ำนกำรเรียนรู้จำกประสบกำรณ์ตรงน่ันเอง ทั้งหมดนี้เพ่ือให้นักเรียนสำมำรถนำ โซเชยี ลมีเดยี มำช่วยพฒั นำควำมรู้ และพัฒนำทักษะอยำ่ งถูกวธิ ี ส่งผลให้เกดิ กำรเรยี นรตู้ ลอดชีวติ อย่ำงมปี ระสิทธภิ ำพ

ตารางสงั เคราะหก์ ารใช้ Social Media ในการเรยี นการสอน ท่ี ปี ช่อื งานวิจัย/บทความ ผวู้ จิ ยั /ผู้เรียน เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ รูปแบบการเรยี นการ Facebook สอน 1 2557 กำรใช้โซเชียลมเี ดียกบั กำรจัดกำรเรยี นกำรสอน: วรรณชร ไชยเดช Weblog 2 2560 เฟสบุ๊กกับกำรสร้ำงแรงจูงใจในกำร เรียนรู้ของนกั ศึกษำ กอ้ งกำญจน์ วชริ พนัง (www.Edmodo.com) กำรศึกษำด้วยตวั เอง กำรพัฒนำบทเรียนผ่ำนสื่อสังคมออนไลน์ ตำมทฤษฎี กำรสรำ้ งองค์ นำยวภิ ำส วิกรมสกลุ วงศ์ (Self-Study Method) ควำมรู้ด้วยตนเอง โดยกำรสร้ำงสรรคช์ ้ินงำน วชิ ำคอมพวิ เตอร์เพ่ือ Weblogs กำรเรียนร้แู บบร่วมมือ กำรศกึ ษำและฝึกอบรม สำหรับนักศกึ ษำระดบั ปริญญำตรี Weblogs (Collaborative 3 2557 กำรพัฒนำรูปแบบกำรจดั กำรเรยี นรู้ผำ่ นห้องเรียนเสมอื นจริง โดยใช้ ณรงคศ์ ักดิ์ พรมวงั Learning) 4 2560 ส่อื สงั คมออนไลน์ตำมแนวทฤษฎีอภิปญั ญำและทฤษฎีสรรค์นิยม ดร.ประยูร บญุ ใช้ Facebook 5 2561 ดร.ภมู ิพงศ์ จอมหงษ์พพิ ฒั น รปู แบบกำรจัดกำร สำหรับนกั เรียนระดบั มัธยมศึกษำตอนตน้ เอกนฤน บำงทำ่ ไม เรียนรผู้ ่ำนห้องเรยี น กำรพฒั นำรปู แบบกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอนบนเครือขำยสังคม อำฟีฟี ลำเตะ๊ เสมือนจริง ออนไลน์ เพื่อส่งเสรมิ กำรใชอ้ ินเทอร์เน็ตเชงิ สร้ำงสรรค์ รปู แบบกจิ กรรมกำร สำหรบั ผู้เรยี นในระดบั อุดมศึกษำ เรียนกำรสอนบน เครอื ข่ำยสังคมออนไลน์ กำรใชเ้ ฟซบุ๊กเพอื่ กำรเรียนกำรสอน: กำรสงั เครำะห์งำนวิจยั ใน กำรเรยี นรเู้ ชงิ รุก บริบทสังคมไทย (Active Learning)

ตารางสงั เคราะห์การใช้ Social Media ในการเรยี นการสอน ที่ ปี ชื่องานวิจัย/บทความ ผูว้ จิ ัย/ผ้เู รียน เครือ่ งมอื ที่ใช้ รูปแบบการเรยี นการ Facebook สอน 6 2556 กำรใชเ้ ฟซบุ๊กเป็นชอ่ งทำงกำรสื่อสำรกำรเรยี นกำรสอน แอนณำ อ่มิ จำลอง ทำงดำ้ นนิเทศศำสตร์ ผ้ชู ่วยศำสตรำจำรย์ กำรศกึ ษำด้วยตัวเอง (Self-Study Method) ดร. วิไลวรรณ 7 2558 กำรจดั กำรเรียนกำรสอนโดยใช้ Google classroom จงวิไลเกษม Google classroom กำรเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ เพอื่ พัฒนำทักษะกำรท ำงำนรว่ มกันของนักศึกษำ หลักสูตรชีววิทยำและ (Collaborative วทิ ยำศำสตรท์ ่วั ไปคณะครุ Learning) 8 2560 กำรพัฒนำกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรูแ้ บบห้องเรยี นกลบั ดำ้ น ศำสตร์ Google Classroom แบบห้องเรียนกลับด้ำน (Flipped classroom) ดว้ ยกำรบูรณำกำรกำรเรยี นกำรสอนรำยวิชำ มหำวิทยำลยั รำชภฏั วไลย (Flipped classroom) เทคโนโลยมี ัลตมิ ีเดยี ผ่ำน Google Classroom อลงกรณ์ ในพระบรม รำชปู ถมั ภ์ จงั หวดั ปทมุ ธำน กรวรรณ สืบสม นพรัตน์ หมพี ลัด

ตารางสงั เคราะหก์ ารใช้ Social Media ในการเรยี นการสอน ที่ ปี ชอ่ื งานวจิ ัย/บทความ ผู้วจิ ัย/ผูเ้ รียน เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ รปู แบบการเรยี นการ สอน 9 2560 วจิ ัยในชั้นเรยี น เรื่อง กำรแก้ปญั หำกำรสง่ งำนในรำยวิชำคอมพวิ เตอร์ ปยิ มำส แก้วอนิ ตำ Google classroom และสำรสนเทศเพื่องำนอำชพี โดยใชว้ ิธีกำรสง่ งำนผ่ำนระบบ Google classroom กำรศกึ ษำดว้ ยตวั เอง ห้องเรยี นออนไลน์ (Google Classroom) ของนักเรยี นระดับ วทิ ยำ ป่ินกนั ทำ (Self-Study Method) สมชำย มำต๊ะ ประกำศนียบตั รวชิ ำชพี ชัน้ ปที ่ี 1 สำขำวชิ ำเทคโนโลยีสำรสนเทศ พำนประพันธ์ กำวชิ ยั กำรศึกษำด้วยตัวเอง 10 2559 กำรพัฒนำกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนออนไลนผ์ ่ำนบรกิ ำร (Self-Study Method) Google Apps: Google Classroom

ตารางการใช้ Social Media ในการเรียนการสอน งานวัยท่ี ลักษณะการเรยี นการสอน Social Media 1 Facebook Google Classroom Weblog 2 3 กำรศึกษำด้วยตัวเอง (Self-Study Method)   4  5 กำรเรยี นรแู้ บบร่วมมือ (Collaborative Learning)  6 7 รูปแบบกำรจดั กำรเรยี นรูผ้ ่ำนหอ้ งเรยี นเสมือนจรงิ 8 9 รูปแบบกจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอนบนเครอื ข่ำยสังคมออนไลน์ 10 กำรเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning)  กำรศกึ ษำดว้ ยตวั เอง (Self-Study Method)  กำรศกึ ษำด้วยตัวเอง (Self-Study Method)  แบบหอ้ งเรียนกลับดำ้ น (Flipped classroom)  กำรศกึ ษำด้วยตัวเอง (Self-Study Method)  กำรศึกษำดว้ ยตวั เอง (Self-Study Method) 

ตารางสรปุ การใช้ Social Media ในการเรยี นการสอน Social Media รายการ Facebook Google Classroom Weblog 3 รวม 3 4 30 ร้อยละ 30 40 สรุป จำกกำรศึกษำบทควำมวิชำกำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวกับกำรนำ Social Media มำใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนจำนวน 10 เร่ือง พบว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนท่ีนำ Social Media มำใช้ในรูปแบบ Google Classroom มีจำนวน 4 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะกำร เรียนกำรสอนแบบศึกษำด้วยตัวเอง (Self-Study Method) 3 ลักษณะ และแบบห้องเรียนกลับด้ำน (Flipped classroom) 1 ลักษณะ มีกำรใช้ Facebook จำนวน 3 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะกำรเรียนกำรสอนแบบศึกษำดว้ ยตัวเอง (Self-Study Method) 2 ลักษณะ และ กำรเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 1 ลักษณะ มีกำรใช้ Weblog จำนวน 3 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะกำรเรียนกำรสอนแบบกำรเรียนรู้ แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) รูปแบบกำรจัดกำรเรียนรู้ผ่ำนห้องเรียนเสมือนจริง และรูปแบบกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนบน เครือขำ่ ยสงั คมออนไลน์ตำมลำดับ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook