หนวยที่ 3 พลังงานสน้ิ เปลอื ง
เร่อื งที่เราจะเรยี นในหนว ยนี้ 3.1ความหมายของพลังงานส้นิ เปลอื ง 3.2 ปโ ตรเลยี ม 3.3 กา ซธรรมชาติ 3.4 ถานหินและหินนํา้ มนั 3.5 พลังงานนิวเคลยี ร
3.1ความหมายของพลงั งานสนิ้ เปลือง • พลังงานทไ่ี ดจ ากทรพั ยากรธรรมชาติทใี่ ชแ ลวหมดไป หรือไม อาจเกิดทดแทนไดในเวลาอันสั้น การใชพ ลังงานจาก ทรัพยากรธรรมชาตเิ หลา น้ตี องใชอ ยา งประหยดั ใหเ กดิ ประโยชนค ุมคา ที่สุด ใหหมดไปอยางชา ท่สี ุดและในขณะที่ใช กค็ วรหาพลังงานทดแทนไปดว ย เชน ถา นหิน นา้ํ มันดบิ กา ซ ธรรมชาติ นวิ เคลยี ร เปนตน
ตัวอยางพลังงานสิ้นเปลือง • ถา นหิน
- กา ซธรรมชาติ
3.2 ปโตรเลยี ม • หรือนา้ํ มนั ดบิ คือสารประกอบไฮโดรคารบ อน ซ่ึงประกอบดวย ธาตุไฮโดรเจน (H) และธาตุคารบอน (C) เกิดข้นึ เองตาม ธรรมชาติใตพ้ืนผวิ โลก มกั พบอยชู ้นั หนิ ตะกอน มสี ภาพเปน ทงั้ ของแข็ง ของเหลว และกา ซ มคี ุณสมบัติในการไวไฟ เหมาะแกก ารทาํ เชื้อเพลงิ ปโตรเลยี มประกอบดวยน้าํ มันดิบ และกา ซธรรมชาติ ถา ผานการกลัน่ จะไดผ ลติ ภัณฑช นิดตางๆ มากมาย เชน กา ซหุงตม นา้ํ มนั เบนซิน น้ํามนั กา ด น้าํ มันดเี ซล ยางมะตอย
3.2.1 การกําเนิดปโตรเลยี ม • เกดิ จากการทับถมและแปรสภาพของซากสิ่งมีชวี ิตท้งั พชื และสตั ว ยคุ กอนประวตั ิศาสตรใ นชน้ั หนิ ใตผ ิวโลก
ตัวอยางซากฟอสซลิ สัตวและพืช ใตทอง ทะเลดกึ ดาํ บรรพ ยคุ เพ อรเมียน( อายุ 240-280 ลานป ) ใน ประเทศไทย ท่ีบริเวณ หมู 12 บา นยางจา ตาํ บลภูนา้ํ หยด อําเภอวเิ ชยี รบรุ ี จังหวัดเพชรบรู ณ ซึง่ เปน เทือกเขาเน้อื ทปี่ ระมาณ 200 ไร โดยบรเิ วณดังกลาว นา จะเคยเปน ทอ งทะเลดึกดาํ บรรพ มีซากฟอสซลิ สตั ว และพืช ใตท อ งทะเลนานาชนิด ซง่ึ สามารถมองเห็นดวยตาเปลา สนั นษิ ฐานวา เกดิ ในยุคเพอรเ มยี น เกิดจากการสะสมของหนิ ปนู ใตทะเล
3.2.2 คุณสมบัติของปโ ตรเลียม • ปโ ตรเลียมประกอบดวย 2) กา ซ ธรรมชาติ 1) น้าํ มันดิบ กา ซธรรมชาตแิ หง มีลกั ษณะสีดาํ หรอื เชน มีเทน () สนี ้าํ ตาล กลนิ่ อเี ทน() คลายนา้ํ มนั กาซธรรมชาติ เช้ือเพลิงสําเร็จรูป เหลว มลี ักษณะคลาย นาํ้ มันเบนซนิ
3.2.3 แหลงกกั เกบ็ ปโตรเลยี ม • ปโ ตรเลยี มสะสมอยูท ่ีชนั้ หนิ ท่ีเรยี กวา หินอุมปโ ตรเลียม ปโตรเลียมทอี่ ยใู นหนิ น้ี ถา ไมม ีส่ิงกดี ขวาง ปโตรเลียมก็จะซึม เลด็ ลอดเขา สพู น้ื ผวิ และระเหยไปในทีส่ ุด ดังน้นั การเกดิ ปโตเลี ยมในธรรมชาติ จะมีหินปดกนั้ ปโ ตรเลียม มากั้นปโ ตรเลยี มไว ซ่งึ เกิดเปน แหลง กกั เก็บปโ ตรเลยี มขนึ้ น่นั เอง
3.2.4 การสํารวจปโตรเลยี ม • การสาํ รวจ คนหา และพัฒนาแหลงปโ ตรเลียมมีขั้นตอนท่ี ซับซอ น ตองอาศัยเงนิ ทุนมากและเทคโนโลยีข้ันสงู รวมท้ังมคี วามเสี่ยงสงู กลาวคือ ถึงแมจ ะมีการศกึ ษาทางธรณวี ิทยาถงึ แหลง ทอ่ี าจจะมปี โตรเลยี มสะสมอยูอยางละเอยี ดแลว ก็ตาม ก็ ยงั ไมส ามารถทราบแนช ัดวาบริเวณนจ้ี ะมปี โ ตรเลยี มสะสมอยู หรอื ไม จนกวาจะไดม กี ารขดุ เจาะสาํ รวจใหแ นน อน บางครัง้ ลงทุนมากแตอาจจะไมพ บแหลง ปโตรเลียมเลยก็ได
3.2.5 ข้นั ตอนการสาํ รวจหาและ พฒั นาแหลง ปโตรเลยี ม 1) สาํ รวจทางธรณีวิทยา 2) สํารวจทางธรณฟี ส ิกส 3) เจาะสาํ รวจ
การวางแทน ขดุ เจาะน้าํ มันในทะเล
3.2.6 การพฒั นาแหลงกกั เกบ็ และ แหลงผลิตปโ ตรเลยี ม • เม่ือพบแหลง กกั เกบ็ ปโตรเลียมแลว ตอ งทําการ ทดสอบการผลติ เพ่อื ศกึ ษาสภาพการผลติ คํานวณ หาปรมิ าณสํารอง และปรมิ าณทจ่ี ะผลติ แตละวนั รวม ทัง้ นําปโ ตรเลยี มท่คี นพบมาตรวจสอบคุณภาพ
3.2.7 ระบบการขนสง ปโ ตรเลียม • ระบบการขนสง ปโ ตรเลยี มถือวา เปนข้นั ตอนหนึง่ ที่ สําคัญ ต้งั แตขนสง ปโตรเลียมจากแหลงผลติ เพื่อนาํ นา้ํ มันดบิ และกาซธรรมชาตไิ ปยงั โรงกลน่ั น้าํ มันและ โรงแยกกา ซธรรมชาติ เพ่อื เขาสูก ระบวนการผลิตให ไดผลติ ภณั ฑส าํ เร็จรปู ทั้งนต้ี อ งเนนความปลอดภยั เปนสาํ คญั เพราะคุณสมบัติปโ ตรเลยี มบางชนิดไวไฟ ซึง่ ระบบการขน1ส) กง าสรขานมสาง ปรโ ถตรแเลบียมง ทอางอทกอ เปน 4 ประเภท ไดแก 2) การขนสงปโ ตรเลยี มทางเรอื บรรทกุ 3) การขนสง ปโตรเลยี มทางรถไฟ 4) การขนสง ปโตรเลยี มโดยรถบรรทุก
3.2.8 การกลน่ั นาํ้ มนั ปโตรเลียม • เปน การแยกน้าํ มันดิบออกเปน สวนตางๆ ทีม่ จี ดุ เดือด ใกลเ คยี งกนั
3.2.9 ผลิตภัณฑเช้ือเพลิงทไี่ ดจาก การกลน่ั นํ้ามัน 1) สวนที่เบา 2) สวนท่หี นัก 3) สวนท่ีหนัก ทสี่ ุดในรปู ขึน้ ท่สี ดุ ของกาซ นํา้ มันเบนซนิ น้ํามนั เตา มเี ทน อเี ทน น้าํ มนั กาด โพรเพน บิว น้าํ มันดเี ซล เทน
3.3 กา ซธรรมชาติ • เปน แหลง พลังานเชื้อเพลงิ เชน เดยี วกับปโ ตรเลยี ม เกดิ จากซากพืชและซากสัตวท ีท่ ับถมกนั มาเปน เวลา นานนบั ลานป หรอื อาจจะอยูคกู ับนํ้ามนั ปโตรเลียม แหลง ท่ีพบเดยี วกนั กาซธรรมชาติจะเปน กาซผสมซ่งึ ประกอบดว ยธาตุ 2 กลมุ ไดแก 1) กลมุ ทีไ่ มใชส ารประกอบ ไฮโดรคารบอน • กา ซไนโตรเจน ไอน้าํ 2) กลุมที่มสี ารประกอบไฮโดรคารบ อน เปนองคประกอบ • สารกลุมนจ้ี ะใหพ ลังงานที่เรานํามาใชกนั
3.4 ถานหนิ และหนิ นํา้ มัน •ถานหนิ และหนิ นํ้ามนั •ถานหนิ •เปนเช้อื เพลงิ ธรรมชาติฟอสซลิ ชนดิ หนึ่งทพี่ บในช้นั หิน •เชอื่ กันวาเกิดจากซากของตน สนและไมอนื่ ๆทบั ถมกันอยูภายใตผิวโลก •หินน้ํามนั •เปนสารเชอื้ เพลิงชนิดหนง่ึ เกิดจากการสะสมของซากพชื และซากสัตวในบรเิ วณท่ี เหมาะสมนับลานป •มลี กั ษณะเชน เดียวกบั หนิ ดนิ ดาน มนี ํา้ มันชมุ ในเนือ้ หนิ
3.5 พลงั งานนิวเคลียร • ปจ จุบันพลังงานนวิ เคลียรถ อื วาเปน พลังงานส้นิ เปลอื งทไ่ี มไ ด เกดิ จากฟอสซลิ แตเปนการสน้ิ เปลอื งพลังงานนอ ยแตไ ด พลังงานสงู ซงึ่ มนษุ ยไ ดพยายามนําพลังงานนิวเคลยี รมาใช ทดแทนพลงั งานอนื่ ซ่ึงดไู ดจ าก พลังงานจากดวงอาทติ ย ถึง แมว า จะอยหู า งจากโลกถึง 150 ลา นกิโลเมตร แตพลังงานทีไ่ ด เปน พลังงานความรอนทแ่ี ผม ายังพน้ื โลก ซึง่ เกดิ จากการ เปลย่ี นแปลงภายในอะตอมของธาตุไฮโดรเจนบนดวงอาทติ ย เรียกพลงั งานลกั ษณะน้ีวา พลังงานนิวเคลยี ร น่ันเอง
โครงสรางนอกชายฝง ท่ใี หญท ี่สุด 5 แหง (แทนขุดเจาะและแพลตฟอรมการผลติ ) ใน โลก
แทนขดุ เจาะน้าํ มนั ดบิ ในประเทศ ไทย
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: