Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

11

Published by ratsawiwan.5555, 2018-02-08 07:35:40

Description: 11

Search

Read the Text Version

ราคา 69 บาท

คานาหนังสือออนไลนเ์ รือ่ ง แหล่งอารยธรรมโบราณในภูมิภาคเอเชยี เป็นสว่ นหนึง่ ของวิชาประวัติศาสตร์ หนงั สือออนไลน์เล่มน้มี เี นอื้ มาสาระความรเู้ กย่ี วกับอารยธรรม จดั ทาข้นึ เพื่อใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อการศกึ ษาของผู้ทต่ี อ้ งการศกึ ษาเกีย่ วกบั อารยธรรมจนี ซงึ่ มเี น้อื หาและรายละเอยี ดท่ีทาให้ทุกคนทศี่ กึ ษาไดข้ อ้ มูลความรู้ ความเข้าใจทีเ่ ปน็ประโยชนม์ ากย่ิงขึ้น คณะผู้จัดทาหวังว่าหนงั สือออนไลนเ์ รื่องแหล่งอารยธรรมโบราณในภูมิภาคเอเชีย จะเปน็ ประโยชน์ต่อผทู้ ี่ศึกษาเรือ่ งอารยธรรมหากผิดพลาดประการใด ขออภยั ไว้ ณ ที่น้ี

สารบญั1. อารยธรรมของชาวสุเมเรีย 22. อารยธรรมของชาวอมอโรต์ 33. อารยธรรมของชาวแอสซีเรีย 44. อารยธรรมของชาวคาลเดียน 55. อารยธรรมของชาวเปอร์เซีย 66. อารยธรรมของชาวฮิบรู 77. อารยธรรมลุ่มแม่น้าสินธุ 88. 8. อารยธรรมจีน 15

ภมู ิภาคเอเชียดินแดนทม่ี ีอารยธรรมทเ่ี ก่าแก่แหง่ หน่ึงของโลกมีแหลง่ อารยธรรมทีส่ าคญัไดแ้ ก่อารยธรรมลุ่มแมน่ า้ ไทยกรสี -ยูเฟรตีสในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ อารยธรรมลุม่ น้าฮวงโหในประเทศจีนและอารยธรรมลมุ่ แม่น้าสนิ ธุในประเทศอนิ เดีย ซึ่งอารยธรรมในแต่ละแหง่ เหล่านม้ี วี วิ ฒั นาการมาต้งั แต่สมัยยุคหนิ ลักษณะสาคัญของอารยธรรมในทวีปเอเชยี มีลักษณะทส่ี าคัญ ดังน้ีอารยธรรมลุ่มน้าไทกรสี -ยูเฟรตีส หรืออรายธรรมเมโสโปเตเมยี ตั้งอยู่ในบริเวณของท่ีราบลุม่ ไทกรสี และแม่นา้ ยเู ฟรตีสท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต้หรือในประเทศอิรกั ป๎จจุบนั ได้มีชนเผา่ ต่างๆ ผลดั เปลย่ี นกันเขา้ มาสร้างความเจรญิ ทางอารยธรรมใหก้ ับดินแดนนม้ี าตัง้ แต่ครง้ั โบราณโดยอารยธรรมของชนเผ่าท่ไี ดส้ รา้ งความเจรญิ ร่งุ เรืองให้กบั เมโสโปเตเมียท่ีสาคัญไดแ้ ก่ ชาวสุเมเรียน ชาวอมอไรต์ ชาวแอสซเี รยีชาวคาลเดยี น ชาวเปอร์เซีย และชาวอิบรู เป็นต้น1.

1. อารยธรรมของชาวสุเมเรีย ชาวสเุ มเรยี นเปน็ ชนเผา่ แรกทเ่ี ข้ามาตง้ั ถนิ่ ฐานในเมโสโปเตเมยี เมอ่ื ประมาณ4,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีพฒั นาการทางการเมอื งเริม่ จากหมู่บา้ นก่อนจะขยายตัวเปน็ ชุมชน วดั มพี ระเป็นผปู้ กครอง ศูนย์กลางการปกครองอย่ทู ีว่ ัด ต่อมาเม่อืชมุ ชนขยายตวั เป็นชุมชนใหญ่เกิดองค์การเมอื งแบนครรฐั แต่ละนครรฐั เป็นอสิ ระไมข่ ึน้แก่กัน มีกษตั ริย์เป็นผ้นู า ชาวสุเมเรยี นนับถอื เทพเจา้ หลายองคแ์ ต่ละนครรฐั จะมีเทพเจา้ประจานครรฐั ชาวสุเมเรียนได้มกี ารประดษิ ฐ์ตวั อักษรล่มิ หรอื คูนิฟอรม์ ขึ้นเพอ่ื ใชใ้ นการติดต่อสอ่ื สารกันโดยไดบ้ ันทกึ ลงในแผน่ ดนิ เหนียว วรรณกรรมของชาวสเุ มเรยี น คือ มหากาพยก์ ิลลาเมช กล่าวถึงการผจญภยั ของบรรพบุรุษพวกสเุ มเรยี น และมหากาพย์เอนลิลพรรณนาถงึ การสรา้ งโลกและน้าท่วมโลก นอกจากจากนั้นชาวสเุ มเรยี นยงั รู้จัดการสรา้ งระบบชลประทานอย่างงา่ ย เชน่ การสร้างอา่ งเก็บน้าเพอื่ ใชใ้ นการเกษตรกรรมเป็นต้น รจ็ กัการคดิ เลขด้วยการบวก ลบ คูณ หาร การจัดทาปฏทิ นิ แบบจันทรคตทิ ่มี ีความสัมพันธก์ ับการเคลอื่ นทข่ี องดวงจนั ทร์ การรู้จกั นับวันและเวลาโดยกาหนดให้60นาทเี ป็น ชั่วโมงและ24ชวั่ โมงเปน็ 1วนั 2

2. อารยธรรมของชาวอมอโรต์ ชาวอมอไรต์เปน็ ชนเผา่ ที่ไดเ้ ข้ามาสร้างความเจริญร่งุ เรืองในดนิ แดนเมโสโปเตเมยี ต่อจากชนเผา่ สุเมเรยี น และขยายอาณาจกั รออกไปอย่างกวา้ งขวาง สถาปนาจักรวรรดบิ าบิโลเนยี ขนึ้ ประมาณ2,000 ปกี ่อนครสิ ต์ศักราช มีนครบาบิโลน เป็นศูนยก์ ลางการปกครอง กษัตรยิ ์ท่สี าคัญคือ พระเจา้ ฮัมมูราบี ผลงานสาคัญของพระองค์ คือ ประมวลกฎหมายฮัมมรู าบี ถอื เป็นประมวลกฎหมายฉบับแรกของโลกมบี ทลงโทษเป็นแบบสนองตอบ หรือ “ตาตอ่ ตา ฟ๎นตอฟ๎น” มกี ารแบ่งชนชน้ั ในสังคมเป็นชนช้ันสงูชนชั้นกลางและชนชั้นตา่3.

3. อารยธรรมของชาวแอสซีเรีย ชาวแอสซีเรยี ไดส้ ถาปนาจัรวรรณดิเเอสซีเรยี ขน้ึ เมอ่ืประมาณ1,100 ปกี อ่ นคริสต์ศกั ราช มศี ูนยก์ ลางการปกครองอยู่ทีเ่ มืองนิเนอเวห์ ชาวแอสซีเรียมคี วามสามารถในการรบ สามารถขยายอาณาเขตไปได้อยา่ งกว้างขวาง และมีกองทพั ทแี่ ข็งแกร่ง มีระเบยี บวนิ ยั ความเจรญิ ของชาวแอสซเี รยี ไดแ้ ก่ การปน้๎ ทั้งแบบนูนและลอยตวั มักแสดงให้เห็นถงึ สดั ส่วนของรา่ งกายท่เี ปน็ จริง การแกะสลกั ภาพนนู ตา่ทีแ่ สดงการเคลื่อนไหวเหมือนธรรมชาตเิ ป็นต้น 4.

4. อารยธรรมของชาวคาลเดียน พวกแคลเดยี นสถาปนาจักรวรรดิคาลเดียนหรือบาบิโล เนยี ใหม่ โดยมีกรงุ บาบิโลเนยี เป็นศูนย์กลางการปกครอง เมอ่ื ประมาณ612ปกี ่อน คริสตศ์ กั ราชมอี ารยธรรมทส่ี าคญั คอื การสร้างสวนลอยแห่งบาบโิ ลนทเ่ี ป็นสิ่งมหัศจรรย์ ส่งิ หนึง่ ของโลกนอกจากนั้นชนเผ่าคาลเดียนยงั เปน็ ผูท้ ี่มีความร้ทู างด้านดาราศาสตรแ์ ละv โหราศาสตร์เป็นอยา่ งดี 5.

5. อารยธรรมของชาวเปอรเ์ ซยี พวกเปอร์เซยี เป็นชนเผา่ หนึ่งท่ีได้สรา้ งความเจริญรุง่ เรอื งให้กับดนิ แดนเมโสโปเตเมีย เปน็ บรรพบุรษุ ของชาวอิหรา่ น ป๎จจบุ ันได้มีการสถาปนาอาณาจักรเปอรเ์ ซยี มาตง้ั แต่ประมาณ600ปีกอ่ นครสิ ต์ศักราชทีความเจริญรงุ่ เรอื งสู.สดุ ในสมยั ของพระเจา้ ดารดิ ุส ความเจริญของชนเผา่ เปอรเ์ ซยี ท่ีสาคัญ ได้แก่ การรจู้ กั การสรา้ งถนนเชอื่ มระหว่างเมืองหลวงกับดนิ แดนต่างๆ ในอาณาจกั รมีความยาวถงึ 2,500 กิโลเมตรเพือ่ ควบคุมมณฆลต่างๆ ภายในจกั รวรรดิและเพ่ือความสะดวกในการติดต่อค้าขายนอกนากนั้นชาวเปอร์เซียยังร้จู ักการประดษิ ฐ์ตัวอักษรใชเ้ พ่อื การติดต่อสื่อสารกนั นบั ถือศาสนาโซโร- แอสเตอร์ซง่ึ นบั ถือไฟเป็นต้น 6.

6. อารยธรรมของชาวฮบิ รู ชาวฮิบรูหรอื ยิวเป็นชนเผ่าทีไ่ ด้มาสรา้ งความเจริญรงุ่ เรอื งในดินแดนเมโสโปเตเมียอีกเผ่าหน่ึงเป็นเผา่ เรร่ ่อนเผ่าหน่ึงในดินแดนเอเชยี ตะวันตกเฉียงใต้พระเจ้าเดวดิ จงึ สถาปนาอาณาจักรฮิบรขู ้นึ ซ่งึ มคี วามเจริญระหว่าง มศี ูนยก์ ลางการปกครองท่ีกรงุ เยรซู าเล็ม และมคี วามเจรญิ สูงสดุ ในสมัยกษัตรยิ โ์ ซโลมอน ซึ่งมคี วามเจริญระหว่าง973-933 ปีก่อนครสิ ตศ์ ักราชความเจริญรุง่ เรืองของชนเผา่ ฮบิ รไู ดแ้ ก่ความเจริญทางด้านศาสนา โดยศาสนายดู ายของชาวฮปิ รูไดก้ ลายมาเป็นศาสนาคริสตท์ ่ีมผี นู้ ับถอื มากทส่ี ดุ ในโลกป๎จจุบนั7.

7. อารยธรรมลมุ่ แม่นา้ สินธุ เปน็ อารยธรรมทเ่ี กา่ แก่แห่งหนงึ่ ของโลกมคี วามเจรญิ อยู่ระหวา่ ง4,000-2,500 ปกี ่อนคริสตศ์ ักราชมีการคน้ พบซากเมืองโบราณในทีร่ าบลุ่มแม่น้าสนิ ธคุ ือเมืองฮารัปปา และเมืองโมเฮนโจดาโร โยสิง่ ทีไ่ ด้คน้ พบทสี่ าคัญได้เกซ่ ากเมืองทีม่ ีการวางผงั เมืองเป็นอย่างดี ตดั ถนนอยา่ งเป็นระเบียบมีท่อระบายนา้ และบ่อน้าสาธารณะอาคารบ้านเรอื นของราษฎรมีการสรา้ งระเบยี บ เคร่ืองมือทาดว้ ยกระดูกสัตว์ อารยธรรมในดินแดนเอเชียใตท้ ส่ี ร้างสรรค์โดยชนเผ่าอารยันสามารถแบ่งออกเปน็ ยุคต่างๆไดด้ ังนี้ อtd 8.

ยุคพระเวท (ประมาณ2,000-1,000 ปกี ่อนครสิ ตศ์ ักราช) คอื ช่วงแรกที่ชาวอารยันเริม่ เขา้ มาในอินเดยี กลา่ วถงึ ความเปน็ มาและวถิ ีชีวิตของชาวอารยันว่า สังคมมีการแยกระหว่าง พวกอารยัน และพวกดราวิเดยี น มกี ารรวบรวมคัมภรี ฤ์ คเวทซงึ่ เป็นบทสวดอ้อนวอนเทพ เจา้ ของชนเผา่ อารยยนั และมีการให้กาเนดิ ศาสนาพราหมณ์ xxeeeeeeefffrr9.vjjn

ยคุ มหากาพย์ (ประมาณ1,000-500 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) คือชว่ งที่ชาวอารยันได้ขยายอานาจของตนไปยงั แคว้นต่างๆ มีการก่อตั้งเมอื งต่างๆ ท้ังขนาดใหญ่และขนาดเล็ก มีลักษณะคลา้ ยนครรัฐ เป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กนั แตล่ ะเมืองมีกษตั รยิ ์ปกครอง มีการนาระบบวรรณะมาใช้เพ่อืแบง่ แยกชาวอารยันและพวกดราวิเดยี น โดยแบ่งเป็น 4 วรรณะ คอื พราหมณ์หรอื นักบวชกษัตรยิ ห์ รอื พวกนักรบ แพทย์หรอื พอ่ ค้า ชาวนาเจ้าของท่ีดิน และศูทร หรือพวกทาส จณั ฑาลคือ ผทู้ ีท่ าผิดกฎเกณฑข์ องระบบวรรณะ มีการประดิษฐ์ภาษาสนั สกฤตและเกิดวรรณคดขี น้ึหลายเรือ่ ง เช่น มหากาพย์มหาภารตะและมหากาพย์รามายณะ เป็นตน้เช่ือในเรื่องตรมี ูรติ คือ การมีพระเจ้าสูงสดุ 3 พระองค์ไดแ้ ก่ พระพรหม(ผสู้ รา้ ง) พระวิษณุ(ผูร้ กั ษา) และพระศิวะ(ผทู้ าลาย) เกิดคัมภีร์ของพราหมณอ์ ีก 3 เล่มคือเรียกวา่ ไตรเวทประกอบดว้ ยคมั ภีร์ สามเวทยชุรเวทหรอื อาถรรพเวท 10.

ยุคฮินดเู กา๋ (ประมาณ550-320 ปกี ่อนคริสตศ์ ักราช)เป็นยุคที่มีความเชอ่ื ในเรื่องท่ี พระมหากษตั ริยเ์ ป็นสมมติเทพมีการกาเนิดพระพทุ ธศาสนาและมีการกาเนิดศาสนาเชน11

สมยั พระพุทธศาสนา (ประมาณ320-100 ปกี อ่ นคริสต์ศักราช)เป็นช่วงเวลาทพี่ ระพุทธศาสนามีความเจริญรงุ่ เรอื งมากทสี่ ดุ ในสมัยจักรวรรดิเมาริยะทกี่ ่อต้งั โดยพระเจ้าจนั ทรคุปต์และสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสนบั สนุนพระพุทธศาสนาโดยทรงส่งสมณทตู ออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนตา่ งๆ เป็นช่วงเวลาท่ีพระพทุ ธศาสนาให้มคี วามเจริญรงุ่ เรืองมากทส่ี ดุ ในสมัยของราชวงศ์พระเจา้ กนิษกะทรงทานุบารงุ พระพทุ ธศาสนาใหม้ คี วามเจริญรุง่ เรืองต่อมาเป็นยุคทมี่ ีการเผยแผ่คาสอนไปยังเอเชยี ตะวนั ออก ได้แก่ จีน ญ่ีปุน 12

(ประมาณ ค.ศ.320-550) สมัยจักรวรรดิคปุ ตะเปน็ ชว่ งเวลาท่อี ินเดยี มีการฟน้ื ฟูศาสนา พราหมณข์ น้ึ มาใหมเ่ ป็นยคุ ทองของอินเดียทม่ี ีความเจริญสูงสดุ ทัง้ ทางด่านการปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม การปกครองอาณาจักรมีความเป็นหน่งึ เดยี วกนั ท้งั จกั รวรรดิ ศาสนาพราหมณ์ ไดร้ ับการปรบปรุงฟื้นฟูคาสอนและศาสนาพทุ ธยังมคี วามเจริญร่งุ เรืองอยู่ด้านวรรณคดวี ่าเปน็ ยุคทองของวรรณคดสี นั สกฤต เทพนยิ าย นทิ าน สภุ าษติ13

สมัยราชวงศโ์ มกุล (ค.ศ.1526-1858) เป็นยุคสมัยทอ่ี นิ เดียตกอย่ภู ายใตก้ ารปกครองของชาวมุสลิมมคี วามเจรญิ รงุ่ เรืองสงู สุดในสมยั พระเจา้ อกั บาร์มหาราช เปน็ ยคุ สดุ ท้ายทีจ่ ะตกเปน็อาณานิคมของประเทศอังกฤษมีความเจริญทส่ี าคัญได้แก่งานทาง สถาปต๎ ยกรรม เป็นศิลปะผสมฮนิ ดูและมองโลกท่มี ชี ื่อเสยี งคอื ทัชมากาลอนิ เดียภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ ในยคุ ของการล่าอาณานคิ มอินเดียได้ตกเป็น เมอื งขึน้ ของอังกฤษมาเป็นเวลานานไดน้ าวิทยาการของชาติตะวนั ตกเขา้ มาเผยแพ10ร่ใน อินเดีย การผ่อนคลายกฎระเบยี บทางสงั คมและมกี ารยกเลิกประเพณที ไี่ ม่ได้รับการยอมรับเช่นการใช้มนษุ ยบ์ ชู ายญั เปน็ ต้น สภาพสงั คม ระบบวรรณะทเ่ี คยเข้มงวดในสงั คมอินเดียได้ ผอ่ นคลายลง มีการเลียนแบบวัฒนธรรมตะวนั ตกทัง้ การแตง่ กาย การศึกษา ภาษาอังกฤษ กลายเป็นภาษาราชการใชใ้ นอินเดยี องั กฤษไดป้ ระกาศให้อิสรภาพแกอ่ ินเดีย หลัง สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ในปี ค.ศ. 1948 14

8. อารยธรรมจีน อารยธรรมจีนเรมิ่ ปรากฏในบริเวณลุ่มแมน่ า้ เหลือง (แม่นา้ ฮวงโห) ประมาณ2000 ปกี ่อนคริสต์ศักราช ไดพ้ ฒั นาระดบั ความเจริญจากชุมชนยุคหินใหมไ่ ปสู่ความเปน็ปึกแผ่นของรัฐเล็กๆ กอ่ นจะรวมตัวกันในทางการเมืองเป็นอาณาจักรและเปน็ จกั รวรรดิในท่ีสดุอารยธรรมจีนในสมยั ก่อนประวัตศิ าสตร์ เป็นดินแดนทมี่ นุษย์เข้ามาอาศัยตงั้ แตส่ มัยดึกดาบรรพ์ประมาณ ค.ศ. 1972 คือ โครงกระดูกมนุษย์ป๎กกง่ิ (Peking Man) ซง่ึ มีอยปู่ ระมาณ400000 ส่วนอารยธรรมในยคุ หินใหม่ของจีน ได้ปรากฏจากการขุดพบโบราณคดี 2 แหง่15

1. วฒั นธรรมหวางเซา (Yang-shao) เป็นอารยธรรมแหง่ แรกของจนี ตงั้ อยู่ในเขตท่ีราบลุ่ม แมน่ า้ หวงโห จนถงึ แมน่ า้ แยงซีเกียง มีการขดุ พบซากโบราณวรรณคดเี คร่อื งป๎้นดนิ เผาท่ีมสี ี แดง ประดบั ประดาลวดลายเปฯ็ เส้นตรง ร้จู ักการทาเคร่ืองมือเคร่อื งใชจ้ ากทองแดง 2. วัฒนธรรมลงุ ซาน (Lung-shan) พบในที่มณฑลชานตงุ ทางตะวนั ออกเฉียงเหนือของv จนี มีการขุดพบเครือ่ งป้๎นดินเผาชนดิ สามขาสดี าขดั มัน เปน็ เงา อารยธรรมจนี ในสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ เป็นยุคสมัยท่ีมนษุ ย์มคี วามสามารถในการ ประดิษฐต์ ัวอักษร เพอื่ ใช้ในการตดิ ต่อซอ่ื สารกนั โดยเร่มิ จากราชวงศช์ างเป็นตน้ มา ราชวงศ์ชาง(ประมาณ 1766- 1122 ก่อนคริสต์ศักราช)เปน็ ราชวงศแ์ รกที่ปกครองจีนมีความ เจรญิ รุ่งเรืองที่สาคัญ ไดแ้ ก่การปกครอง เปน็ แบบนครรัฐ กษตั รยิ ผ์ ้นู าการปกครองทหารและ เศรษฐกจิ มีอานาจเหนอื การปกครองแคว้นต่างๆ มีการประดิษฐป์ ฏทิ ินในระบบจันทรคติมี การประดษิ ฐต์ วั อักษร การร้จู ักการใชส้ ารดิ มาประดษิ ฐเ์ ป็นเครื่องมอื เครือ่ งใช้ เปน็ ต้น 16

ราชวงศ์โจว( ประมาณ 1122-249กอ่ นคริสต์ศักราช)ยุคสมมั ยราชวงศ์โจวแบง่ เปน็ 2ชว่ งคือ โจวตะวนั ตก (ประมาณ 770-256ก่อนครสิ ต์ศักราช) มศี ูนยก์ ลางการปกครองอยทู่ ี่เมอื งล่อหยางมีความเจรญิ ทสี่ าคัญ ไดแ้ ก่ แนวคิดท่ียกยอ่ งจักรพรรดิใหเ้ ป็ฯโอรสแหง่ สวรรค์ มกี ารนาระบบศักดินามาใชใ้ นสังคมจียครั้งแรกและเปน็ ยุคทถ่ี อื กาเนิดลักธขิ งจื๊อ ผใู้ ห้กาเนิด คือ ขงจ๊อื ซง่ึสอนในเรอื่ งคุณธรรมและจริยธรรม เน้นการปฏิบัติตนให้ถูกต้องกบั ฐานะในสงั คมบคุ คลมีหนา้ ท่ีต้องปฏิบัตติ ามหน้าทต่ี นอยใู่ ห้ดที ี่สุดตามหน้าที่ของตน คอื ผู้ปกครองทาหนา้ ที่ผูป้ กครอง ประชาชนทาหน้าทีข่ องประชาชน เป็นตน้ พธิ กี รรมและการบชู า เป็นการแสดงอออกที่ดีของมนษุ ย์ คอื ความกตัญํูรูคุณ และความเกรงกลวั ต่ออานาจของชาติ การทาพธิ ีนามาซ่งึ ความเป็นอนั หนึง่ อันเดียวกันและลักธเิ ตา๋ ผู้กอ่ ตั้งลักธิเตา๋ คอื เล่าจื้อมีคาสอนใหร้ ู้จกั รกัความสงบสันโดษดาเนินชวี ิตสอดคลอ้ งกยั ธรรมชาติ ราชวงศ์ฉิน (221-206ก่อนครสิ ต์ศกั ราช ) การปกครองยกเลกิ การปกครองระบบศักดินานาการปกครองแบบรวมอานาจเข้าสศู่ ูนยก์ ลางมีเมืองเซียนหยางเปน็ เมืองมคี วามเจรญิ รุ่งเรือง ที่สาคญั ได้แก่ การผลิตเงินตราแบบเดียวกัน เครอื่ งชั่งตวงวัดมาตรฐานเดียวกัน ระเบยี บการเก็บภาษที ี่ดนิ ใหเ้ ปฯ็ ระบบเดยี วกัน มกี ารสารวจสามะโนประชากรครง้ั แรกเพ่อื ทราบจานวนไพล่พลที่แทจ้ รงิ สร้างพระราชวังอันใหญโ่ ตมโหฬาร รปู ปน๎้ ทหารและมา้ ทาดว้ ยดินเผามลี กั ษณะเหมอื นสิง่ มีชวี ติ และการสร้างกาแพงเมอื งจีนเพอ่ื ปูองกนั การรกุ รานชาวชนเผ่าเรร่ อ่ นทางเหนอื เปน็ ต้น17

ราชวงศ์ฮน่ั (202 กอ่ นคริสตศ์ ักราช-ค.ศ.220) เจริญรุง่ เรืองสงู สดุ ในสมัยพระเจ้าหวู่ต้ี (141-87ปกี อ่ นครสิ ตศ์ ักราช) พระองค์ทรงขยายดนิ แดนจีนออกไปกวา้ งขวาง มีการสอบคัดเลอื กบคุ คลเปน็ ข้าราชการอาศัยความรคู้ วามสามารถเปน็ หลัก เป็นยคุ ทองการค้าของจีนมีการค้ากับตา่ งประเทศโดยใชเ้ ส้นทางสายไหมและเป็นยคุ ทีพ่ ระพุทธศาสนาเจริญร่งุ เรอื งในแผ่นดินเดียวราชวงศถ์ งั (ค.ศ.618-907) เป็นยคุ ทองขอจีนท่ีมีความเจริญรุ่งเรอื งในทุกๆด้านทงั้ ในด้านเศรษฐกจิ ท้งั ในดา้ นเศรษฐกจิ ทางการค้า การเจริญรงุ่ เรืองของพระพุทธศาสนามรการสง่ เสริมทางด้านการศึกษามีการสอบจอหงวน เปน็ ยุคทองทางด้านวรรณกรรม มีความมน่ั คงในด้านการปกครองราชวงศซ์ อ้ ง (ค.ศ.960-1279) มีความเจริญกา้ วหนา้ ในการเดินเรือสาเภาคา้ ขายทางทะเลและงานศลิ ปกรรมแขนงต่างๆ มีความก้าวหน้าในวิทยาการใหม่ๆ หลายอย่างกอ่ นชาติตะวนั ตกเชน่ การใชล้ ูกคดิ การใชเ้ ขม็ ทิศในการเดินเรือ การประดิษฐแ์ ท่นพิมพ์หนังสอื มีการประดษิ ฐ์ดินปนื การผลติ ถว้ ยกระเบอ้ื งทม่ี วี ามงดงาม 18

ราชวงศ์หมิงหรอื เหม็ง (ค.ศ.1368-1644) เปน็ สมยั ทจี่ ีนรุ่งเรอื งดา้ นการค้าและมกี ารฟ้ืนฟูศลิ ปวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์ถังขน้ึ มาใหม่อกี ครัง้ มคี วามเจรญิ รงุ่ เรืองทางด้านการค้ากบัต่างประเทศ ความเจรญิ ทางดา้ นการคา้ กับตา่ งประเทศ ความเจรญิ ทางดา้ นวรรณกรรมท่นี ยิ มเขียนนวนยิ ายที่ใชภ้ าษาพดู มากกว่ากรเขียน เปน็ ต้นราชวงศ์เช็งหรือชิง (ค.ศ.1644-1912)เป็นชนเผา่ แมนจูที่เข้ามาปกครองจนี และเป็นราชวงศ์สดุ ทา้ ยของจีน กอ่ นท่ีจะถูก ดร.ซนุ ยตั เซน ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐในปคี .ศ.1911 เปน็ ยคุ สมยั ทจ่ี ีนมคี วามเสื่อมถอยในทุกด้าน19

ตามพจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑิตยสถานประจาปี พ.ศ. 2542 ได้ใหค้ วามหมายของ อารยธรรม ไว้วา่ความสงบสุขของสังคมทีต่ ั้งอยูบ่ นรากฐานแห่งศีลธรรม และกฎหมาย; ความเจริญเนอื่ งด้วยองค์การของสังคม เช่น การเมืองกฎหมาย เศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรม, ความเจริญดว้ ยขนบธรรมเนยี มอันดี.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook